?ภูมิธรรม? บินตรวจสถานการณ์น้ำ บึงบอระเพ็ด น.น่าน น.เจ้าพระยา และเขื่อนเจ้าพระยา จ.ชัยนาท มั่นใจไม่เกิดน้ำท่วมเช่นปี 54 หลายเขื่อนยังสามารถรองรับน้ำเพิ่มเติม
วันนี้ (31 สิงหาคม 2567) เวลา 16.00 น. ณ สำนักงานชลประทานที่ 12 ตำบลสรรพยา อำเภอสรรพยา จังหวัดชัยนาท นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี ปฏิบัติหน้าที่แทนนายกรัฐมนตรี ตรวจติดตามสถานการณ์น้ำ โดยได้ขึ้นเฮลิคอปเตอร์ตรวจสถานการณ์น้ำบริเวณบึงบอระเพ็ด จังหวัดนครสวรรค์ แม่น้ำน่าน แม่น้ำเจ้าพระยา และเขื่อนเจ้าพระยา จังหวัดชัยนาท
ภายหลังการตรวจสถานการณ์น้ำ รองนายกรัฐมนตรีให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนถึงวัตถุประสงค์การเดินทางลงพื้นที่ในวันนี้ว่า รองนายกรัฐมนตรีหลายท่านได้มีการลงพื้นที่และมีการจัดระบบก่อนหน้านี้แล้ว หลังจากเหตุการณ์อุทกภัยที่ จ.สุโขทัย ตนได้ไปมา 2 ครั้ง ซึ่งพบว่า น้ำท่วมมีลักษณะเป็นน้ำหลาก ไหลลงมาแล้วกระจายตัว สร้างความเสียหายแก่ประชาชนในภาคเหนือ จึงสั่งการให้ทุกฝ่ายเร่งระบายน้ำลงสู่แม่น้ำโขง ซึ่งจุดที่พบปัญหา คือ น้ำที่ไหลมาจากแม่น้ำยม เพราะไม่มีเขื่อนกักกันน้ำ หรือพร่องน้ำได้ สุโขทัยเป็นพื้นที่ลุ่มต่ำอยู่แล้ว จึงรองรับน้ำทั้งหมด ตนได้ประชุมหารือที่ศาลากลางจังหวัดสุโขทัย ย้ำถึงการแก้ไขป้องกัน โดยสั่งการ สทนช. ให้ทลายสิ่งที่กีดขวางทางเดินน้ำออกให้การระบายน้ำไหลได้สะดวก อาทิ รื้อถอนรางรถไฟเดิมที่เป็นจุดขวางน้ำ เพื่อให้น้ำที่ท่วมขังมีทางระบายได้รวดเร็วนอกจากนื้ ยังได้มอบถุงยังชีพให้ประชาชนในพื้นที่ประสบอุทกภัย เบื้องต้นได้สั่งการไปยังผู้ว่าราชการจังหวัด และกระทรวงพาณิชย์ดูแลการเยียวยาสิ่งของ ขอให้จังหวัดใช้นักศึกษาอาชีวะ เทคนิค เข้ามาช่วยกันแก้ไขปัญหาสิ่งของ/สถานที่ที่เสียหาย พังทลาย โดยจังหวัดต้องทำหน้าที่บูรณาการทุกฝ่ายจะเข้ามาร่วมแก้ไขปัญหา เป็นโมเดลที่ได้ใช้เยียวยาปัญหาน้ำใน 4 จังหวัดภาคเหนือที่เกิดอุทกภัย
รองนายกรัฐมนตรี ได้ชี้แจงเกี่ยวกับกรณีมีกระแสข่าวลือว่า มั่นใจจะไม่เกิดเหตุการณ์น้ำท่วมเหมือนปี 2554 เนื่องจากมีระบบกระจายน้ำที่กรมชลประทานและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ช่วยกัน ทำให้น้ำที่จะมาถึงเขื่อนเจ้าพระยา ถูกกระจายไปส่วนต่าง ๆ สิ่งที่กังวลใจอย่างเดียวคือ จะเกิดพายุอีกหรือไม่ เนื่องจากเราอยู่ในสภาพภูมิอากาศที่เปลี่ยนแปลง จากการตรวจสอบข้อมูลเชิงวิชาการจากกรมอุตุนิยมวิทยา ที่มีความแม่นยำ คาดว่า สามารถรองรับน้ำได้ จากปริมาณน้ำในเขื่อนแต่ละแห่งมีน้ำอยู่ 1 /4 หรือ 1/2 ของเขื่อน ขอประชาชนอย่าวิตกกังวลและให้เชื่อมั่นหน่วยงานราชการที่พร้อมจะร่วมมือกันแก้ไขปัญหาให้กับประชาชน
ที่มา: http://www.thaigov.go.th