ผลักดันความร่วมมือในสาขาใหม่ที่มีศักยภาพร่วมกัน อาหาร พลังงาน เศรษฐกิจสีเขียว และการเชื่อมโยงด้านดิจิทัล
วันนี้ (พฤหัสบดีที่ 28 พฤศจิกายน 2567) เวลา 10.30 น. ณ บริเวณสนามหญ้าหน้าตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ให้การต้อนรับนายลอเรนซ์ หว่อง (H.E. Mr. Lawrence Wong) นายกรัฐมนตรีสาธารณรัฐสิงคโปร์ ในโอกาสการเยือนประเทศไทยอย่างเป็นทางการในฐานะแขกของรัฐบาล (Official Visit)
โดยนายกรัฐมนตรีไทยและสิงคโปร์ได้ร่วมตรวจแถวกองทหารเกียรติยศ ณ บริเวณสนามหญ้าหน้าตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล จากนั้น นายกรัฐมนตรีเชิญนายกรัฐมนตรีสิงคโปร์ไปยังห้องสีม่วง เพื่อแนะนำคณะรัฐมนตรี แล้วจึงเชิญนายกรัฐมนตรีสิงคโปร์ไปยังห้องสีงาช้างด้านนอก เพื่อลงนามในสมุดเยี่ยมและชมของที่ระลึกที่ทั้งสองฝ่ายมอบให้แก่กัน จากนั้นเวลา 10.45 น. ทั้งสองฝ่ายร่วมหารือเต็มคณะ ณ ห้องสีงาช้างด้านใน โดยภายหลังเสร็จสิ้นการหารือ นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยสาระสำคัญ ดังนี้
นายกรัฐมนตรีกล่าวต้อนรับนายกรัฐมนตรีสิงคโปร์และคณะในโอกาสการเยือนไทยอย่างเป็นทางการ ซึ่งถือเป็นการเยือนระดับผู้นำอย่างเป็นทางการครั้งแรกนับตั้งแต่นายกรัฐมนตรีเข้ารับตำแหน่ง และถือเป็นจุดเริ่มต้นของการเฉลิมฉลองโอกาสครบรอบ 60 ปี การสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างกันในปี 2568 โดยสิงคโปร์เป็นมิตรประเทศและหุ้นส่วนที่ดีของไทยมาอย่างยาวนาน มีความร่วมมือระหว่างกันที่แข็งแกร่ง โดยนายกรัฐมนตรีได้พบหารือกับนายกรัฐมนตรีสิงคโปร์มาแล้วในหลายโอกาส ได้แก่ ในช่วงการประชุมสุดยอดอาเซียน ครั้งที่ 44 และ 45 ณ สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว และการหารืออย่างไม่เป็นทางการในช่วงการประชุมผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปค ณ สาธารณรัฐเปรู และในครั้งนี้เป็นโอกาสให้พูดคุยเพิ่มพูนความร่วมมือระหว่างกันในเชิงลึกมากขึ้น
นายกรัฐมนตรีสิงคโปร์ขอบคุณนายกรัฐมนตรีที่ให้การต้อนรับอย่างอบอุ่น ยินดีที่ได้พบหารือร่วมกันอีกครั้ง และยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้เป็นแขกคนแรกของนายกรัฐมนตรี โดยการต้อนรับในวันนี้สมบูรณ์แบบมาก พร้อมชื่นชมความสัมพันธ์ระหว่างไทยกับสิงคโปร์ที่มีความใกล้ชิดมาอย่างยาวนาน โดยทั้งสองฝ่ายมีการแลกเปลี่ยนการเยือนในระดับสูงอย่างต่อเนื่อง และมีความสัมพันธ์ในระดับประชาชนที่ใกล้ชิด รวมถึงมีความร่วมมือระหว่างกันที่แข็งแกร่ง ทั้งในด้านความมั่นคง การเชื่อมโยงเศรษฐกิจ การค้าและการลงทุน ซึ่งการหารือในวันนี้จะเป็นโอกาสในการเพิ่มพูนความร่วมมือระหว่างกันมากขึ้น โดยเฉพาะความร่วมมือในสาขาใหม่ ได้แก่ อาหาร พลังงาน เศรษฐกิจสีเขียว และการเชื่อมโยงด้านดิจิทัล เพื่อเดินหน้าความสัมพันธ์ระหว่างกันในโอกาสครบรอบ 60 ปี การสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตไทย-สิงคโปร์
1) การส่งเสริมการมีส่วนร่วมในระดับสูงที่ใกล้ชิดยิ่งขึ้น รวมถึงการแลกเปลี่ยนการเยือนในระดับสูง โดยเฉพาะในปี 2568 เพื่อเป็นการเฉลิมฉลองโอกาสครบรอบ 60 ปี การสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตไทย-สิงคโปร์ โดยนายกรัฐมนตรียินดีเยือนสิงคโปร์อย่างเป็นทางการ ในปี 2568 พร้อมส่งความปรารถนาดีถึงประธานาธิบดีสิงคโปร์ หวังเป็นอย่างยิ่งว่าจะได้ให้การต้อนรับในโอกาสการเยือนไทยอย่างเป็นทางการเช่นกัน ด้านนายกรัฐมนตรีสิงคโปร์พร้อมให้การต้อนรับนายกรัฐมนตรีเยือนสิงคโปร์อย่างเป็นทางการ ซึ่งจะเป็นโอกาสให้ทั้งสองฝ่ายได้ติดตามความคืบหน้าของความร่วมมือที่ได้หารือร่วมกันในวันนี้
2) ความร่วมมือด้านความมั่นคงและเศรษฐกิจที่ใกล้ชิดยิ่งขึ้น และความสัมพันธ์ในระดับประชาชน
- ด้านความมั่นคง ทั้งสองฝ่ายยินดีที่ไทยและสิงคโปร์มีความร่วมมือในการฝึกอบรมและการฝึกซ้อมร่วมทางทหารระหว่างกันอย่างต่อเนื่อง และเห็นพ้องเพิ่มพูนความร่วมมือด้านอุตสาหกรรมป้องกันประเทศ ซึ่งรวมถึงการแลกเปลี่ยนความรู้เกี่ยวกับเทคโนโลยีที่ทันสมัย ตลอดจนขยายความร่วมมือด้านความมั่นคงระหว่างกันให้ครอบคลุมด้านความมั่นคงทางไซเบอร์ และการป้องกันการหลอกลวงทางออนไลน์
- ด้านเศรษฐกิจ นายกรัฐมนตรีสิงคโปร์กล่าวว่า ความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจระหว่างไทยกับสิงคโปร์เข้มแข็งมาก โดยเฉพาะการค้าและการลงทุน ซึ่งสิงคโปร์มีการลงทุนในไทยเป็นจำนวนมาก และภาคเอกชนสิงคโปร์เชื่อมั่นในศักยภาพทางเศรษฐกิจของไทย นอกจากนี้ ทั้งสองฝ่ายพร้อมเพิ่มพูนความร่วมมือด้านเศรษฐกิจสีเขียว โดยเฉพาะเทคโนโลยีสีเขียว เช่น เทคโนโลยีการดักจับ การใช้ประโยชน์ และการกักเก็บคาร์บอน (Carbon Capture, Utilization and Storage (CCUS)) ยานยนต์ไฟฟ้า และเชื้อเพลิงไฮโดรเจน ตลอดจนความร่วมมือด้านการซื้อขายคาร์บอนเครดิต
ในด้านเศรษฐกิจดิจิทัล ทั้งสองฝ่ายพร้อมร่วมผลักดันการจัดทำบันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือด้านเศรษฐกิจดิจิทัลระหว่างไทยและสิงคโปร์ฉบับใหม่ ซึ่งจะสนับสนุนความร่วมมือด้านความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ การกำกับดูแลปัญญาประดิษฐ์ การหลอกลวงทางออนไลน์ และด้านอื่น ๆ ที่มีผลประโยชน์ร่วมกัน รวมถึงความตกลงเศรษฐกิจดิจิทัลอาเซียน ซึ่งไทยในฐานะประธานคณะกรรมการเจรจากรอบความตกลงฯ ตั้งเป้าหมายให้การเจรจาสามารถสรุปผลได้ภายในปี 2568 ด้านนายกรัฐมนตรีสิงคโปร์พร้อมให้การสนับสนุนไทยอย่างเต็มที่ พร้อมกล่าวถึงความร่วมมือในการเชื่อมโยง Digital Payment ระหว่าง PayNow ของสิงคโปร์ กับพร้อมเพย์ (PromptPay) ของไทย ซึ่งถือเป็นนวัตกรรมการโอนเงินระหว่างประเทศแบบทันทีคู่แรกของโลก (The world's first real-time payment linkage) และพร้อมเพิ่มพูนความร่วมมือระหว่างกันมากขึ้น
- ด้านความมั่นคงทางอาหาร เป็นประเด็นที่สิงคโปร์ให้ความสำคัญเป็นอย่างยิ่ง และต้องการมีความร่วมมือกับไทยมากขึ้น โดยนายกรัฐมนตรีกล่าวว่า ไทยยินดีสนับสนุนความมั่นคงทางอาหารของสิงคโปร์ โดยเฉพาะการเพิ่มการส่งออกข้าวคุณภาพ (premium rice) และไข่ออร์แกนิกไปยังสิงคโปร์ พร้อมยืนยันว่า ไทยมีเทคโนโลยีที่ทันสมัยและมีกำลังการผลิตที่เพียงพอ รวมถึงสินค้าของไทยมีการควบคุมคุณภาพเป็นอย่างดี
- ด้านความมั่นคงทางพลังงาน ทั้งสองฝ่ายได้หารือความร่วมมือด้านการเชื่อมโยงด้านพลังงานและการซื้อขายพลังงานพหุภาคีในอาเซียน โดยนายกรัฐมนตรีสิงคโปร์ต้องการผลักดันการจัดทำความตกลงการซื้อขายไฟฟ้าพหุภาคีข้ามพรมแดน (Lao PDR-Thailand-Malaysia-Singapore Power Integration Project: LTMS:PIP) ซึ่งจะสนับสนุนการเชื่อมโยงด้านพลังงานในภูมิภาคอาเซียน
- ด้านการศึกษาและการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ ไทยต้องการเพิ่มความร่วมมือกับสิงคโปร์ในการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์และแรงงานสำหรับอนาคต ผ่านการศึกษา การวิจัย และการฝึกอาชีพ เพื่อยกระดับและสร้างทักษะใหม่ (upskilling ? reskilling) ให้แก่แรงงาน พร้อมยินดีต่อความร่วมมือระหว่างกันภายใต้บันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือทางการศึกษา ซึ่งลงนามร่วมกันในวันนี้ โดยบันทึกความเข้าใจดังกล่าวถือเป็นผลลัพธ์ที่สำคัญประการหนึ่งของโครงการความร่วมมือระหว่างหน่วยราชการไทย-สิงคโปร์ (Civil Service Exchange Programme: CSEP) ครั้งที่ 14 ซึ่งไทยเป็นเจ้าภาพเมื่อเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา
- ด้านการท่องเที่ยว ทั้งสองฝ่ายยินดีที่ไทยและสิงคโปร์มีการแลกเปลี่ยนด้านการท่องเที่ยวระหว่างกันเป็นจำนวนมาก และพร้อมเพิ่มพูนความร่วมมือด้านการท่องเที่ยวเรือสำราญ ตลอดจนผลักดันให้ไทยและสิงคโปร์เป็นจุดหมายปลายทางด้านการท่องเที่ยวที่น่าดึงดูดของภูมิภาค นอกจากนี้ ทั้งสองฝ่ายพร้อมร่วมกันส่งเสริมการแลกเปลี่ยนทางวัฒนธรรมระหว่างกัน เช่น ภาพยนตร์ไทย เพลง T-Pop และมวยไทย ซึ่งเป็น Soft Power ของไทยที่กำลังได้รับความนิยมในสิงคโปร์ในขณะนี้ ซึ่งนายกรัฐมนตรีพร้อมผลักดันการใช้ Soft Power เพื่อดึงดูดการท่องเที่ยวและเพิ่มพูนความสัมพันธ์ในระดับประชาชนระหว่างกันให้ใกล้ชิดยิ่งขึ้น
3) การประสานงานเชิงกลยุทธ์ที่ใกล้ชิดยิ่งขึ้นในประเด็นระดับภูมิภาค ไทยและสิงคโปร์พร้อมส่งเสริมความร่วมมือระหว่างกันเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน ห่วงโซ่คุณค่า และการเชื่อมโยงโลจิสติกส์ในอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขง ตลอดจนส่งเสริมการบูรณาการทางเศรษฐกิจภายในอาเซียนมากขึ้น รวมถึงการสร้างความเชื่อมโยงด้านโลจิสติกส์ นอกจากนี้ ทั้งสองฝ่ายต่างต้องการให้เกิดสันติภาพและเสถียรภาพในเมียนมา ซึ่งจะเป็นผลประโยชน์ร่วมกันของภูมิภาค โดยนายกรัฐมนตรีหวังว่าการหารืออย่างไม่เป็นทางการระหว่างประเทศสมาชิกอาเซียนที่กรุงเทพฯ ในเดือนหน้านี้ จะเป็นโอกาสในการหารือเกี่ยวกับแนวทางปฏิบัติสำหรับอาเซียนด้วย
โอกาสนี้ นายกรัฐมนตรีและนายกรัฐมนตรีสิงคโปร์ได้เยี่ยมชมการจัดแสดงผลิตภัณฑ์หัตถกรรมและหัตถศิลป์ของไทย ณ บริเวณโถงกลาง ตึกสันติไมตรี หลังจากนั้น เวลา 12.00 น. นายกรัฐมนตรีเป็นเจ้าภาพงานเลี้ยงอาหารกลางวันเพื่อเป็นเกียรติแก่นายกรัฐมนตรีสาธารณรัฐสิงคโปร์และคณะ ณ ตึกสันติไมตรี (หลังนอก) ทำเนียบรัฐบาล
ที่มา: http://www.thaigov.go.th