นายกฯ ลงพื้นที่ติดตามโครงการก่อสร้างทางแยกต่างระดับ วงแหวน 3 เชียงใหม่ พร้อมขยาย 6 เลนมุ่งแก้ไขปัญหาการจราจร แออัดในเมือง มั่นใจโครงการนี้เสร็จจราจรในเมืองชั้นในลดการแออัดได้แน่
(วันนี้ 29 พฤศจิกายน 2567) เวลา 16.00 น. ณ โครงการก่อสร้างทางแยกต่างระดับ ทล.121 ตัด ทล.1317 อำเภอสันกำแพง จังหวัดเชียงใหม่ นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีลงพื้นที่ตรวจติดตามโครงการด้านโครงสร้างพื้นฐานเพื่อฟื้นฟูพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบ จากอุทกภัยและโครงการสำคัญที่กระทรวงคมนาคมได้รับการจัดสรรงบประมาณประจำปี พ.ศ. 2568 โดยมีนายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม นางมนพร เจริญศรี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม นายไพฑูรย์ พงษ์ชวลิต รองอธิบดี ฝ่ายดำเนินการ กรมทางหลวง และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เข้าร่วม โดยมีประชาชนชาวสันกำแพงให้การต้อนรับ พร้อมนำ poster soft power ?อำนาจแห่งความสร้างสรรค์เพื่อสร้างเศรษฐกิจไทย? ให้นายกฯ เซ็นต์ชื่อเป็นที่ระลึก จากนั้น นายกรัฐมนตรีรับฟังบรรยายสรุปสถานการณ์การดำเนินโครงการ โดยนายกฯ กล่าวว่า ได้ติดตามสถานการณ์อุทกภัยที่ผ่านมาอย่างใกล้ชิดด้วยความห่วงใย โดยมอบหมายให้ส่วนราชการในพื้นที่ลงพื้นที่ช่วยเหลือพี่น้องประชาชน
ทั้งนี้ ต้องขอชื่นชม เมื่อเกิดวิกฤตก็ต้องเร่งดำเนินการช่วยเหลือ ซึ่งหากโครงการก่อสร้างดังกล่าวเสร็จแล้วจะทำให้พี่น้องประชาชนเดินทางได้อย่างสะดวกสบายมากขึ้น โอกาสนี้ ยังได้พบปะ พูดคุย และถ่ายภาพร่วมกับพี่น้องชาวอำเภอสันกำแพง ที่มารอให้การต้อนรับ ท่ามกลางบรรยากาศเป็นไปด้วยความอบอุ่น สำหรับโครงการก่อสร้างทางแยกต่างระดับ ทล.121 ตัด ทล.1317 อำเภอสันกำแพง จังหวัดเชียงใหม่เป็นโครงการที่ได้เริ่มดำเนินการมาตั้งแต่ปีงบ 2566 ภายใต้วงเงิน 1,425 ล้านบาท รัฐบาลของนายเศรษฐา ทวีสิน อดีตนายกรัฐมนตรี ซึ่งรัฐบาลปัจจุบันได้สานต่อโครงการให้เป็นถนน 6 เลนพร้อมสะพานหรืออุโมงค์ข้ามแยก เพื่อแก้ไขปัญหาการจราจรติดขัดจากสภาพการจราจรที่หนาแน่นในทุกๆ วัน ซึ่งปัจจุบันได้ดำเนินการก่อสร้างไปแล้ว 36.71% โดยคาดว่าจะก่อสร้างแล้วเสร็จและพร้อมเปิดให้บริการเต็มรูปแบบในปี 2570 ซึ่งจะช่วยให้ประชาชนสามารถเดินทางสัญจรไป-มาได้สะดวก รวดเร็ว และมีความปลอดภัยมากยิ่งขึ้น ลดปัญหาการจราจรติดขัด ช่วยส่งเสริมการเดินทาง การท่องเที่ยวการขนส่งและระบบโครงข่ายทางหลวง นอกจากนี้ยังสามารถช่วยลดอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นบริเวณทางแยกดังกล่าวได้อีกด้วย
ที่มา: http://www.thaigov.go.th