ปัญหาหมอกควันภาคเหนือต้องดีขึ้นกว่าเดิม นายกฯ ลงขันนอต เพิ่มแนวทางการป้องกันและแก้ไขปัญหาไฟป่า และ PM 2.5 สั่งบูรณาการทุกหน่วยงาน ต้องแก้ไขปัญหาทั้งภายในและ นอกประเทศ
วันนี้ (29 พฤศจิกายน 2567) เวลา 13.45 น. ณ ห้องประชุมสโมสรยอดทัพ กองพลทหารราบที่ 7 ตำบลดอนแก้ว อำเภอแม่ริม จังหวัดเชียงใหม่ นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี มอบนโยบายเรื่อง แนวทางการป้องกันและแก้ไขปัญหาไฟป่า หมอกควันและฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM2.5 ในพื้นที่ภาคเหนือ โดยมีนายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม นายสรวงศ์ เทียนทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา นางมนพร เจริญศรี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม หัวหน้าส่วนราชการ และผู้บริหารระดับสูงเข้าร่วมประชุม
นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี รายงานว่า นายกรัฐมนตรีกล่าวมอบนโยบายตอนหนึ่งว่า ปัญหาฝุ่นควันนับว่าเป็นปัญหาที่สร้างความเสียหายอย่างหนัก การแก้ไขปัญหาต้องอาศัยความร่วมมือจากทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน และภาคประชาชน วันนี้ได้เห็นนวัตกรรมที่สามารถเปลี่ยนซังข้าวโพดให้กลายเป็นพลังงานหรือแปรรูปเป็นสิ่งอื่นเพื่อใช้ประโยชน์ได้อีกมากมาย รวมทั้งการประสานกับประเทศต่าง ๆ เกี่ยวกับการดักฝุ่นควัน เนื่องจากประเทศอื่น ๆ ก็พบเจอปัญหาเช่นเดียวกัน ในเรื่องงบประมาณ จะกลับไปดูในรายละเอียดและเร่งรัดให้งบประมาณออกได้ทันการเพื่อเป็นประโยชน์ต่อประชาชน เพราะสุขภาพเป็นสิ่งพื้นฐานของชีวิต รัฐบาลต้องดูแลเรื่องนี้เป็นอย่างดี
นายกรัฐมนตรี ได้สั่งการการแก้ไขปัญหาฝุ่นควันที่เกิดจากปัจจัยภายในประเทศ ให้กระทรวงมหาดไทย ใช้กลไกการทำงานของจังหวัดบูรณาการร่วมกับส่วนราชการ และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ร่วมกันออกแบบการทำงาน โดยไม่ยึดติดขอบเขตอำนาจหน้าที่ของแต่ละหน่วยงาน และขอให้นำชุมชนเข้ามามีส่วนร่วม เพื่อแก้ไขปัญหาฝุ่นควันได้อย่างครอบคลุมและครบถ้วนทุกมิติ สำหรับการแก้ไขปัญหาการเผาในพื้นที่เกษตร ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์พิจารณาแนวทางการแก้ไขปัญหาดังกล่าว และขอให้กรมวิชาการเกษตร ให้ความรู้แก่เกษตรกรเกี่ยวกับทางเลือกอื่นของการเก็บเกี่ยวโดยไม่เผา พิจารณาการทำเกษตรแบบยั่งยืนในอนาคต อาทิ ข้าว ข้าวโพด หรือพืชอื่น ต้องเริ่มควบคู่กันไป ตั้งแต่การกำหนดพื้นที่ การทำเกษตรปลอดการเผา สร้างระบบการตรวจสอบเพื่อให้มั่นใจ รวมถึงการปลูกข้าวแบบ low carbon เพื่อมุ่งไปสู่สังคมอย่างยั่งยืน (sustainability) พร้อมให้กรมอุทยานฯ และกรมป่าไม้ ดูแลรับผิดชอบในส่วนของการเผาไหม้ในพื้นที่อุทยาน ตลอดจนเฝ้าระวังไม่ให้มีการเผาป่า ถางป่า เพื่อนำพื้นที่ป่าไปใช้ในการทำเกษตรอย่างผิดกฎหมาย
นายกรัฐมนตรี สั่งการเพิ่มเติมในส่วนปัจจัยภายนอกประเทศว่า ประเทศไทยเจอกับหมอกควันที่ข้ามแดน จากประเทศเพื่อนบ้าน ให้กระทรวงการต่างประเทศ รับหน้าที่เป็นผู้เจรจากับประเทศเพื่อนบ้านและการเร่งรัดในมาตรการ Clear sky strategy และให้กระทรวงพาณิชย์ และกระทรวงการคลัง เร่งจัดทำมาตรการในการควบคุมการรับซื้อ และนำเข้าข้าวโพดจากต่างประเทศที่มีการเผาไร่ข้าวโพด รวมถึงให้กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมพัฒนาระบบตรวจจับฝุ่นควัน และระบบแจ้งเตือนประชาชน เพื่อให้ประชาชนได้เตรียมการป้องกันตัวอย่างทันท่วงที รวมถึงให้กระทรวงสาธารณสุขให้ความสำคัญกับสุขภาพของประชาชนและนักท่องเที่ยวในพื้นที่เสี่ยงด้วย
?รัฐบาลให้ความสำคัญกับปัญหาฝุ่นควัน PM2.5 หากจังหวัดเชียงใหม่หรือเชียงรายต้องการอุปกรณ์เพิ่มเติม ขอให้ทำการประสานเข้ามา รัฐบาลพร้อมที่จะสนับสนุนอย่างเต็มที่เพื่อลดปัญหาฝุ่นควันให้ลดลง? นายกรัฐมนตรี ย้ำ
ต่อจากนั้น นายกรัฐมนตรีได้ตรวจเยี่ยมกำลังพลร่วม ภาคราชการ ท้องถิ่น และประชาชน ความพร้อมของยุทโธปกรณ์และเครื่องมือ เพื่อป้องกันและควบคุมไฟป่า โดยได้กล่าวขอบคุณเจ้าหน้าที่และประชาชนทุกคนที่เสียสละปกป้องพื้นที่ป่าไม้ พร้อมกับกำชับให้ทุกคนคำนึงถึงความปลอดภัยเป็นหลัก ปฏิบัติงานด้วยความระมัดระวัง เพราะชีวิตของทุกคนเป็นสิ่งสำคัญ ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรีชื่นชมและให้กำลังใจ ให้ทุกคนภูมิใจที่ได้ช่วยเหลือประชาชน ซึ่งหลังจากนี้ หวังให้ทุกหน่วยงานร่วมปฏิบัติงานแบบบูรณาการร่วมกันเพื่อทำให้ปัญหาฝุ่นควันลดลงต่อไป
ในโอกาสนี้ นายกรัฐมนตรีและคณะเดินเยี่ยมชมนิทรรศการการใช้เทคโนโลยีเพื่อการจัดการไฟป่า หมอกควัน และฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM2.5 อาทิ การติดตามสถานการณ์ไฟป่า หมอกควัน และฝุ่นละออง PM2.5 การบริหารจัดการ เฝ้าระวัง ควบคุม และดับไฟป่า ในพื้นที่ป่าอนุรักษ์ ป่าสงวนแห่งชาติ และป่าประเภทอื่น ๆ การบริหารจัดการ เฝ้าระวัง เตือนภัย และการบริหารจัดการสถานการณ์ความรุนแรงในภาวะวิกฤตจากหมอกควันและฝุ่นละออง PM2.5 เป็นต้น จากนั้น นายกรัฐมนตรีรับฟังรายงานสถานการณ์และความพร้อมการป้องกันและแก้ไขปัญหาไฟป่า หมอกควัน และฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM2.5 ประจำปี 2568 จากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อาทิ กรมควบคุมมลพิษ กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงอุตสาหกรรม กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เป็นต้น
ที่มา: http://www.thaigov.go.th