นายกฯตอบตรงไปตรงมา ยืนยันไม่เคยหนีภาษี ย้ำทรัพย์สินของตนเองและครอบครัวถูกตรวจสอบเข้มข้นทั้งจาก คตส. และอีกไม่รู้อีกกี่หน่วยงาน ตั้งแต่สมัยหลังปฏิวัติ 19 ก.ย. 49 และพร้อมให้ตรวจสอบอย่างเต็มที่
วันนี้ (24 มีนาคม 2568) เวลา 15.30 น. ณ ห้องประชุมสภาผู้แทนราษฎร ชั้น 2 อาคารรัฐสภา ถนนสามเสน เขตดุสิต กรุงเทพมหานคร นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีเข้าร่วมการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ชุดที่ 26 ปีที่ 2 ครั้งที่ 26 (สมัยสามัญประจำปีครั้งที่สอง) เป็นพิเศษ กรณีฝ่ายค้านยื่นญัตติขอเปิดอภิปรายทั่วไปเพื่อลงมติไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีเป็นรายบุคคล ตามมาตรา 151 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2560
นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ ที่ปรึกษาของนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า วันนี้นายกรัฐมนตรีชี้แจงได้ทุกประเด็นที่มีการอภิปรายกล่าวหา โดยเฉพาะเรื่องที่กล่าวหาว่าเลี่ยงภาษีนั้น นายกฯยืนยันว่าทั้งการปฏิบัติและเจตนาที่ดำเนินการ ได้ดำเนินการทุกอย่างอย่างตรงไปตรงมา ถูกต้องตามกระบวนการตามข้อกฎหมาย และการที่จะกล่าวอ้างว่านายกรัฐมนตรีหนีภาษี เป็นการอภิปรายที่เป็นเท็จหรือไม่ ซึ่งนายกรัฐมนตรียืนยันในที่ประชุมสภาฯ ได้เสียภาษีให้รัฐอย่างแน่นอน
ส่วนเรื่องบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินนั้น นายกรัฐมนตรี ได้กล่าวว่า ขอให้เข้าใจตรงกันว่า การแสดงบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินต่อ คณะกรรมการป้องกัน และปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ ( ป.ป.ช.) นับตั้งแต่วันที่ดำรงตำแหน่ง ได้มีการยื่นต่อ ป.ป.ช. ครบถ้วนตามขั้นตอนทุกอย่าง ซึ่งขณะนี้ ได้มีการยื่นคำร้องเรื่องของการตรวจสอบความถูกต้อง และเรื่องทุกอย่างอยู่ในกระบวนการของ ป.ป.ช. ซึ่งตรวจสอบตามขั้นตอน ซึ่งยินดีและเต็มใจที่จะแสดงข้อมูลหลักฐานทุกอย่างที่ ป.ป.ช. ขอมา พร้อมให้ความร่วมมือทุกประการจนกว่าจะได้ข้อสรุป
นายจิรายุ กล่าวต่อไป ว่า นายกรัฐมนตรี ชี้แจงในเรื่องของธุรกรรมก่อนการดำรงตำแหน่งนั้น ขอย้ำว่าทรัพย์สินหรือกิจการของครอบครัว และทรัพย์สินหนี้สินของตนเองและครอบครัว มีการตรวจสอบอย่างเข้มข้น มาตั้งแต่การปฏิวัติรัฐประหาร 19 กันยายน 2549 โดย คตส. และคณะอื่นๆ หลายคณะทุกบัญชีทุกธุรกรรมได้อยู่ในสายตาหลังการปฏิวัติ ซึ่งเป็นที่เปิดเผยโปร่งใสมานานแล้ว พร้อมยืนยันว่าจากการตรวจสอบทรัพย์สินทุกอย่างทำถูกต้องตามกฎหมาย
?เรื่องของหุ้น เกิดขึ้นตั้งแต่ปี 2559 ก่อนเข้าสู่การเมืองเกือบ 10 ปี ซึ่งครอบครัว มีความตั้งใจที่จะปรับโครงสร้างของการถือหุ้นบริษัท โดยการซื้อขายผ่านตั๋วสัญญาใช้เงิน หรือที่เรียกกันว่า PN หรือ Promissory Note เป็นหนังสือที่ให้คำมั่นสัญญาว่าจะใช้เงินจำนวนหนึ่งให้กับบุคคลหนึ่งบุคคลใด ตามระยะเวลาที่กำหนดไว้ หนังสือดังกล่าวได้มีการติดอากรแสตมป์ตามกฎหมายเรียบร้อย ซึ่งการซื้อขายแบบนี้ บางรายการไม่มีการเสียภาษี เนื่องจากยังไม่มีการชำระ ทำให้ไม่ทราบจำนวนและไม่สามารถเสียภาษีได้ การซื้อขายแบบนี้จึงเป็นภาระหนี้สินระหว่างผู้ซื้อและผู้ขายที่เป็นครอบครัว แต่ก็มีความชัดเจนอยู่แล้ว ไม่ได้มีพฤติกรรมอำพรางใด ๆ เพราะว่า ถ้ามีการซื้อขายก็จะมีการแสดงยอดอย่างชัดเจนอยู่ในบัญชี ทั้งนี้ ได้มีการยื่นต่อ ป.ป.ช. ให้ตรวจสอบเป็นที่เรียบร้อยแล้ว? นายกรัฐมนตรี ระบุ
นายกรัฐมนตรี ชี้แจงในที่ประชุมสภา ต่อไปว่า วิธีการของ (P/N) หรือการปรับโครงสร้างต่าง ๆ ไม่ใช่เรื่องใหม่ เป็นเรื่องที่ทำกันมาอย่างแพร่หลายเป็นปรกติ ส่วนที่อ้างว่าเรื่องนี้จะกลายเป็นแหล่งทุจริต ข้าราชการผู้ใหญ่จะออกตั๋วสัญญาใช้เงิน ขบวนการค้ายาเสพติดจะออกตั๋วให้กัน ตนเองมองว่าเป็นเรื่องจินตนาการมากไป การออกตั๋วสัญญาใช้เงินทำกับธุรกรรมที่ถูกกฎหมาย เปิดเผย ผู้ซื้อและผู้ขายรับภาระระหว่างกัน ไม่มีการกระทำนอกกฎหมายใด ๆ เพราะการทำธุรกรรมใด ๆ ที่เลือกใช้ตั๋วสัญญาใช้เงิน เป็นการทำอย่างเปิดเผย ส่วนการเลือกวิธีการออกตั๋วสัญญาใช้เงินแทนการรับให้เป็นการดำเนินการทางธุรกรรมอย่างเปิดเผย ซึ่งผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องล้วนบรรลุนิติภาวะแล้ว และการปรับโครงสร้างหุ้นจำเป็นต้องใช้การซื้อขาย
นายกรัฐมนตรี กล่าวเพิ่มว่า ณ เวลานั้น ตนเองไม่มีความพร้อมชำระค่าหุ้นด้วยเงินสด จึงทำตั๋วสัญญาใช้หนี้แทน ซึ่งได้แสดงไว้ในบัญชีทรัพย์สินต่อ ป.ป.ช.แล้ว และได้พูดคุยในครอบครัวว่ามีแผนที่จะชำระอย่างไร โดยรอบแรกจะเกิดขึ้นภายในปีหน้า ซึ่งได้ตกลงกันเรียบร้อยแล้ว และไม่ได้มีปัญหาอะไร
?เป็นที่แน่นอนว่า เมื่อมีการซื้อขายเกิดขึ้นทุกสิ่งทุกอย่างก็จะปรากฏหลักฐานในบัญชีทรัพย์สิน ซึ่งแน่นอนว่า ป.ป.ช. สามารถตรวจสอบได้อย่างโปร่งใส อย่างไรก็ตามพอมีการซื้อขายต้องมีการจ่ายภาษี ไม่สามารถหลบเลี่ยงการจ่ายภาษีได้อยู่แล้ว? นายกรัฐมนตรีชี้แจงต่อที่ประชุมสภาฯ
ที่มา: http://www.thaigov.go.th