นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ได้ชี้แจงถึงกรณีที่รัฐบาลได้มีการประชุมคณะรัฐมนตรี (นัดพิเศษ) เมื่อวันที่ 4 กันยายน ณ กองบัญชาการกองทัพไทย
วันนี้ เวลา 11.00 น. ณ ห้องแถลงข่าว กรมประชาสัมพันธ์ นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ได้ชี้แจงถึงกรณีที่รัฐบาลได้มีการประชุมคณะรัฐมนตรี (นัดพิเศษ) เมื่อวันที่ 4 กันยายน 2551 ณ กองบัญชาการกองทัพไทย สรุปสาระสำคัญ ดังนี้
คณะรัฐมนตรีเห็นชอบประกาศคำสั่ง 2 ฉบับ ได้แก่ ประกาศเรื่องการจัดตั้งหน่วยงานพิเศษเพื่อปฏิบัติการตามพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2548 ซึ่งมีผู้บัญชาการทหารบก (พลเอก อนุพงษ์ เผ่าจินดา) เป็นผู้อำนวยการและประกาศอำนาจหน้าที่ของรัฐมนตรีตามกฎหมายเป็นอำนาจหน้าที่ของนายกรัฐมนตรี ซึ่งเป็นการดำเนินการตามกลไกกฎหมายว่าด้วยการบังคับใช้พระราชกำหนดการบริหารราชการฉุกเฉินฯ ที่ต้องออกประกาศคำสั่งตามความในมาตรา 7 โดยระบุว่า ต้องมีการตั้งหน่วยงานพิเศษเพื่อปฏิบัติการตามพระราชกำหนดดังกล่าว และในขณะเดียวกันต้องมีการกำหนดหน้าที่ของรัฐมนตรีตามกฎหมาย ซึ่งต้องผ่านความเห็นชอบของคณะรัฐมนตรี
ทั้งนี้ ประกาศอำนาจหน้าที่รัฐมนตรีตามกฎหมายฯ ส่งผลให้กฎหมาย 20 ฉบับที่เกี่ยวข้องอยู่ในอำนาจของนายกรัฐมนตรี ซึ่งในวรรคสุดท้ายของประกาศดังกล่าวระบุว่า ให้ผู้บัญชาการทหารบก รองผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร ซึ่งเป็นหัวหน้ารับผิดชอบในการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินเป็นผู้ใช้อำนาจตามประกาศนี้แทนนายกรัฐมนตรี
พร้อมกันนี้ คณะรัฐมนตรีเห็นชอบในหลักการและเห็นชอบร่วมกันว่า จะเป็นหนทางหนึ่งในการแก้ไขสถานการณ์ในขณะนี้ กล่าวคือเป็นช่องทางหนึ่งตามกฎหมายในการคลี่คลายสถานการณ์ปัจจุบัน เพื่อซักถามความคิดเห็นของประชาชนทั้งประเทศโดยให้พี่น้องประชาชนเป็นผู้พิจารณาและตัดสินใจ แต่อย่างไรก็ตามต้องผ่านกระบวนการพิจารณาของวุฒิสภาก่อนซึ่งรัฐบาลไม่มีนโยบายเร่งรัดการดำเนินการดังกล่าวแต่อย่างใด และยังไม่มีการหารือในประเด็นคำถามที่จะใช้ในการทำประชามติ ซึ่งหลังจากกฎหมายประชามติผ่านการพิจารณาของวุฒิสภาและมีผลบังคับใช้แล้ว ถึงจะมีการหารือเรื่องดังกล่าวต่อไป
--กลุ่มยุทธศาสตร์และแผนการประชาสัมพันธ์ สำนักโฆษก--
วันนี้ เวลา 11.00 น. ณ ห้องแถลงข่าว กรมประชาสัมพันธ์ นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ได้ชี้แจงถึงกรณีที่รัฐบาลได้มีการประชุมคณะรัฐมนตรี (นัดพิเศษ) เมื่อวันที่ 4 กันยายน 2551 ณ กองบัญชาการกองทัพไทย สรุปสาระสำคัญ ดังนี้
คณะรัฐมนตรีเห็นชอบประกาศคำสั่ง 2 ฉบับ ได้แก่ ประกาศเรื่องการจัดตั้งหน่วยงานพิเศษเพื่อปฏิบัติการตามพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2548 ซึ่งมีผู้บัญชาการทหารบก (พลเอก อนุพงษ์ เผ่าจินดา) เป็นผู้อำนวยการและประกาศอำนาจหน้าที่ของรัฐมนตรีตามกฎหมายเป็นอำนาจหน้าที่ของนายกรัฐมนตรี ซึ่งเป็นการดำเนินการตามกลไกกฎหมายว่าด้วยการบังคับใช้พระราชกำหนดการบริหารราชการฉุกเฉินฯ ที่ต้องออกประกาศคำสั่งตามความในมาตรา 7 โดยระบุว่า ต้องมีการตั้งหน่วยงานพิเศษเพื่อปฏิบัติการตามพระราชกำหนดดังกล่าว และในขณะเดียวกันต้องมีการกำหนดหน้าที่ของรัฐมนตรีตามกฎหมาย ซึ่งต้องผ่านความเห็นชอบของคณะรัฐมนตรี
ทั้งนี้ ประกาศอำนาจหน้าที่รัฐมนตรีตามกฎหมายฯ ส่งผลให้กฎหมาย 20 ฉบับที่เกี่ยวข้องอยู่ในอำนาจของนายกรัฐมนตรี ซึ่งในวรรคสุดท้ายของประกาศดังกล่าวระบุว่า ให้ผู้บัญชาการทหารบก รองผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร ซึ่งเป็นหัวหน้ารับผิดชอบในการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินเป็นผู้ใช้อำนาจตามประกาศนี้แทนนายกรัฐมนตรี
พร้อมกันนี้ คณะรัฐมนตรีเห็นชอบในหลักการและเห็นชอบร่วมกันว่า จะเป็นหนทางหนึ่งในการแก้ไขสถานการณ์ในขณะนี้ กล่าวคือเป็นช่องทางหนึ่งตามกฎหมายในการคลี่คลายสถานการณ์ปัจจุบัน เพื่อซักถามความคิดเห็นของประชาชนทั้งประเทศโดยให้พี่น้องประชาชนเป็นผู้พิจารณาและตัดสินใจ แต่อย่างไรก็ตามต้องผ่านกระบวนการพิจารณาของวุฒิสภาก่อนซึ่งรัฐบาลไม่มีนโยบายเร่งรัดการดำเนินการดังกล่าวแต่อย่างใด และยังไม่มีการหารือในประเด็นคำถามที่จะใช้ในการทำประชามติ ซึ่งหลังจากกฎหมายประชามติผ่านการพิจารณาของวุฒิสภาและมีผลบังคับใช้แล้ว ถึงจะมีการหารือเรื่องดังกล่าวต่อไป
--กลุ่มยุทธศาสตร์และแผนการประชาสัมพันธ์ สำนักโฆษก--