แท็ก
สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย
นายสมัคร สุนทรเวช
นายเตช บุนนาค
กระทรวงกลาโหม
นายกรัฐมนตรี
ชุมนุม
นายกรัฐมนตรีชี้แจงสถานการณ์บ้านเมือง และเหตุผลที่นายเตช บุนนาค ขอลาออกจากตำแหน่งรมว.กต. ผ่านสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย แนะประชาชนที่ไปร่วมชุมนุมฉุกคิดจุดหมายปลายทางคืออะไร
วันนี้ (4 ก.ย.) เวลา 07.35 น. นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวกับประชาชนผ่านทางสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย ว่า สวัสดีครับพี่น้องประชาชนที่เคารพรักทั้งหลาย รายการวันนี้ความจริงไม่ใช่รายการพิเศษอะไรเลยเชียวนะครับ เริ่มต้นผมตั้งใจจะมาสนทนา เพราะจะให้เจ้าหน้าที่สถานีมาคุยกับผม ก็คิดกันเมื่อเย็นวานนี้เองล่ะครับ สาเหตุที่คิดเมื่อเย็นวาน เขาบอกว่า เวลาที่คุยทำไมไม่มาใช่เวลา 07.30 น. เขาถ่ายทอดทั่วประเทศ ในกรุงเทพฯ ไม่ฟังไม่เป็นไร แต่ต่างจังหวัดฟัง ผมก็บอกว่าผมก็อยากจะพูดกับพี่น้องประชาชนทั้งประเทศพร้อม ๆ กัน ก็อยากจะมาคุย จะคุยเรื่องต่าง ๆ เรื่องความเป็นมาเป็นไปน่ะครับ แต่ปรากฏว่ากลายเป็นข่าวเอิกเกริก คือข่าวนี้ผมต้องการจะทำเป็นธรรมดา ๆ กลายเป็นผิดธรรมดาครับ เนื่องจากเมื่อวานนี้เกิดมีท่านรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศยื่นใบลาขอลาออก มีข่าวองคมนตรีไปเฝ้าฯ มีข่าวว่านายสมัครไปเฝ้าฯ กลับมาทำข่าว มันมากมายก่ายกอง ผมเลยต้องเปลี่ยนจากที่เจ้าหน้าที่จะมานั่งคุย ผมก็จะขอพี่น้องประชาชนทั้งประเทศผ่านทางรายการนี้
เมื่อคืนดูโทรทัศน์คุณหมอเลี๊ยบ (นายสุรพงษ์ สืบวงศ์ลี รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง) ไปออกรายการ "ตาสว่าง" ช่อง 9 คุยกันใหญ่ 3-4 คน ฟังความดูแล้วทำไมถึงเป็นอย่างนี้ มีคนมานั่งอธิบายเอาแต่ได้ข้างเดียวอะไรต่าง ๆ และจะให้รัฐบาลมายอมทำอะไรต่าง ๆ ผมเลยบอกเช้านี้มาขอคุยล่ะครับ ไม่ได้มีอะไรอื่นเป็นพิเศษหรอกครับ เพราะสถานการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างธรรมดา ๆ แท้ ๆ คือว่ามีคนยังไม่เลิกรา เมื่อ 3 เดือนที่แล้วก็บอกว่า ทีแรกก็เอาเรื่องแก้รัฐธรรมนูญ แก้รัฐธรรมนูญไม่ยอมให้แก้ ตกไป เขาถอนชื่อไป ไปเอาเรื่องหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ จะเอาเรื่องให้ได้ ผมก็ดำเนินการให้ตำรวจจัดการ พอสุดนั่นเอามาไล่รัฐบาล ไล่รัฐบาลยังไม่ทันจะดี มาเล่นเรื่องเขาพระวิหาร ก็เปลี่ยนแปลงมาเรื่อยล่ะครับ เปลี่ยนแปลงจนกระทั่งล่าสุดเป็นทำนองว่าผมไปยุ่งเรื่องจะสร้างรัฐสภาใหม่ เรื่องตลอดมาล่ะครับ เราก็ไม่อยากอ้างมาตรา 63 มาตรา 63 ขวางไปขวางมา คนทั้งบ้านทั้งเมืองก็เห็น ผมก็บอกว่าเขาต้องการให้ Spark ไปแตะต้องอะไรเข้าให้มันเกิดเรื่อง ต้องการให้ทหารออกมายึดอำนาจอีก ก็นั่งอดทนมาจนกระทั่ง 90 วัน ไป ๆ มา ๆ เขาบอกว่าจะถึงวันเป่านกหวีดยาว วันที่ 26 สิงหาคม ก็ดำเนินการ เราก็ไม่คิดอะไรอื่นครับ ทุกอย่างก็ตั้งใจเอาไว้แล้วว่า ไม่ต้องการให้เกิดการปะทะ หรือเกิดอะไรที่จะไปอ้างอิงได้ไม่ให้มีเหตุ ก็ทนได้ แม้กระทั่งเขาเที่ยวไล่โน่นไล่นี่ เข้าไปสถานีวิทยุ NBT ก็เป็นเหยื่อ โอ๊ย เป็นข่าว ว่าเป็นเรื่องเมคอัพ เป็นเรื่องอะไรต่ออะไรทำกันอีก ต้องไปเรียกร้องเอาคนที่ตำรวจจับตัวไป ๆ เรียกร้อง ถึงจะมารู้ว่าอะไรเป็นอะไรกัน และก็ไปยึดกระทรวงการคลัง กระทรวงโน้นกระทรวงนี้ สุดท้ายก็บุกเข้าไปในทำเนียบ และไปยึดทำเนียบ และก็ประกาศชัยชนะ ผมก็ต้องร้องถามว่า แล้วมันอะไรกันอย่างนั้น มันแปลว่าอะไร มีระบบกฎหมายอะไรรองรับอย่างไร
ที่ผมต้องการมาพูดกับพี่น้องประชาชนทั้งประเทศวันนี้คือว่า คณะผู้คนที่มา เขาไม่เกลียดชังใคร ไม่ชอบใครอะไรต่าง ๆ และก็อ้างสถาบันพระมหากษัตริย์ หัวหน้าก็บอกจงรักภักดีเทิดทูนเหลือเกิน พูดจาคำก็เทิดทูน สองคำก็เทิดทูน ใส่เสื้อสีเหลืองอะไรต่าง ๆ เหมือนกับสถาบันกำลังถูกทำลาย แล้วไปอ้างคนอื่น ซัดคนอื่น ต่อมา ๆ เอาผมเข้าด้วย มันไหมเหรอครับอย่างนี้ ผมก็พยายามนั่งดูว่ามันอะไรกันนักหนา ประกาศเลยเทิดทูนสถาบันพระมหากษัตริย์ ปาว ๆ ๆ ๆ และคนอื่นเขาล่ะครับ แล้วคนอื่นที่เขาเทิดทูนสถาบันพระมหากษัตริย์ เขาอยู่ในหัวใจน่ะครับ ผู้คนทั้งบ้านทั้งเมือง แล้วทหารที่เขาถวายสัตย์ปฏิญาณ แล้วทำไง ตกลงเขาไม่ได้...พูดใช่ไหม เขาไม่ได้มาทำอะไรพรรค์อย่างนี้ คนทั้งบ้านทั้งเมืองทั้งหลายทั้งปวงที่ไม่ได้เอ่ยเอื้อนนี่ แปลว่าเขาไม่จงรักภักดีเหรอครับ ความจงรักภักดีมันเกิดจากหัวใจของคนนะครับ อยู่ที่ปากจะแสดง ก็แสดงไป แต่ความจงรักภักดีอยู่ในใจคนทั้งหมดทั้งบ้านทั้งเมือง เอาเรื่องนี้มาตั้งประเด็นนี้ เสร็จแล้วมากล่าวหา รัฐบาลทุจริตฉ้อราษฎร์บังหลวง รัฐบาลโน่นนี่ไม่มีความสามารถ ว่าไปกล่าวไป เราก็นั่ง เอ๊ะ แล้วคน 5-6 คนนี่เป็นใคร มาทำอะไร ถูกต้องเขาเคยทำให้เกิดปฏิวัติมาหนหนึ่งแล้วครับ และก็กล้ำกลืนฝืนทดมาถึงวันที่ 23 ธันวาคมมาได้ ประชาธิปไตยกลับมาเลือกตั้ง
ผมก็บังเอิญมาทำเป็นหัวหน้าพรรคนี้เข้าอะไรต่าง ๆ ผมทำงานมา 7 เดือน และก็ไม่ได้ทำแต่ในประเทศเฉย ๆ ระหว่างประเทศก็ทำเพราะต้องไปตระเวนเยี่ยมเยียน ได้พบปะ ทูตขรตรีเศียรเจรจาความ เขาก็ยินดีว่าบ้านเมืองนี้กลับมาเป็นประชาธิปไตยอีก และต่อมาก็เกิดมีคนมาต้องการจะล้มล้างประชาธิปไตย แล้วในสภาล้มกันไหม สภาก็ไม่ล้ม เพราะสภามี 164 ล้มไม่ได้ แต่มีคนข้างนอก ตั้งคณะตั้งขบวนการสุดท้ายยึดทำเนียบ แล้วไปแตะต้องไปทำอะไรได้ไหม เขาอยากให้เราแตะต้อง เขาอยากให้เราแตะต้อง เขาอยากให้เราฟาดฟัน คืออยากจะให้นองเลือดล่ะครับ ทั้งที่ไม่มีเลือดจะนอง ก็พยายามจับต้องทุกวิถีทาง ผมก็พยายามทำให้นุ่มนวล พอนุ่มนวลเสร็จเรียบร้อย ต้องใช้แง่กฎหมาย มายื่นไปเรื่องนี้ ศาลก็ออกหมายมาให้ 1-2-3-4-5-6-7-8-9 คน ยื่นศาลแพ่งไป ศาลแพ่งก็กรุณาออกมาให้ ก็ดำเนินการ ไปขอบังคับคดีนะครับ เอาล่ะ ๆ ถ้าศาลบอกว่าตรงนั้น ๆ คุณอยู่ตรงนั้นไม่ได้ ภาษาฝรั่งเขาเรียกว่าไปเคลียร์พื้นที่อะไรต่าง ๆ ไปถึงก็เกิดปะทะกันเข้า มีเหตุหัวร้างข้างแตกกัน ก็ปะทะกันเพราะข้างหนึ่งไม่ยอม อีกข้างหนึ่งจะเข้าไปเอาพื้นที่ สุดท้ายก็กลายเป็นเหยื่ออีกแล้ว ตำรวจบาดเจ็บไป 27 คน คนโน้นก็บาดเจ็บ คนนี้ก็บาดเจ็บ คือกลายเป็นเรื่องยุ่งยาก
เอาเหตุอีกแล้วบอกว่ารัฐบาลใช้ความรุนแรง รัฐบาลไม่ได้สั่งสักคำ รัฐบาลเป็นคนสั่งถอยด้วยซ้ำไป เขาบอกจะเข้าไป บอกเอาล่ะ ไม่ไหวแล้ว ถ้าอย่างนี้เดี๋ยวเกิดเรื่อง ผมก็สั่งถอยออกมาว่าตรงนั้นเอาล่ะ จะทำยังไงก็ทำ... แต่เหตุที่ปะทะกันตรงนั้นเป็นเหยื่อเป็นเชื้อ ใหญ่โตมโหฬาร ที่น่าประหลาดคือว่าบรรดาผู้คนทั้งหลาย ต้องพูดว่าเขาปลุกระดมชักชวนกันไว้ ไปกันใหญ่เลยครับ ออกข่าวอะไรต่าง ๆ ที่ผมเสียใจจนต้องอยากมาขอพูดกับพี่น้องประชาชนทั้งประเทศวันนี้เพราะอะไร เพราะท่านที่เข้ามาสั่งสม มาสนับสนุน อ้างเหตุตรงนี้ล่ะครับ เสร็จแล้วก็มีเหตุ และก็มีเหตุซ้อนเหตุขึ้นมาอีก มีเหตุก็หมายความว่าคนทนไม่ได้ไปตั้งป้อมอยู่สนามหลวง อ้าวเคลื่อนไหว ตรงนั้นหาไม้รั้ง ตรงนี้มาก็มาเอา ตีกัน เขามีโทรทัศน์ถ่ายไว้ทางด้านหลังพวกนี้ก็มี
ผมก็บอกเรื่องนี้ต้องสอบสวนครับ คนใส่หมวกเตรียมการไว้เสร็จเลย ตีกันอะไรต่าง ๆ คนไม่ได้ตื่นมาดูมาเห็นหรือไม่ได้ตามข่าว ก็ออกข่าวกลายเป็นทำนองว่า เอาอีกแล้วครับ รัฐบาลวางแผน รัฐบาลจุดชนวน ในที่สุดต้องขอร้องทหารออกมาช่วย ทหารออกมาอาวุธไม่มี มาช่วยแทรก ทหารออกมา ก็ยุติได้ จับแยกวงกันได้ ก็ต้องทำอย่างนั้น แต่มานั่งประชุม ผมก็ไปประชุมกัน ผมไม่ได้คิดอะไรเองหรอกครับ นั่งประชุมปรึกษาหารือ ผู้คน ๆ ที่เขาเกี่ยวข้อง คนนี้มาคนนี้มา ฝ่ายทหารมา ฝ่ายตำรวจมา นั่งดูกันทั้งหมดเรียบร้อย บอกอย่างนี้ต้องดับชนวนกันไว้ ก็ขอประกาศภาวะฉุกเฉิน มีตั้งหลายข้อ เอาสัก 5 ข้อ พอสมควรอยู่ได้ และต้องยืนยันว่าประกาศแล้ว ชีวิตการทำงานต้องอยู่ได้ ท่องเที่ยวไม่กระทบ คือพยายามป้องกันทุกอย่าง ขออย่างเดียวเพียงแต่ว่าตำรวจ ทหาร จะมีปฏิบัติการได้ ผู้คนทั้งบ้านทั้งเมืองก็คิดกันว่า ประกาศเอาแล้ว มันเป็นสูตร ประกาศปั๊บ 1-2-3ต้องล้อมต้องจับต้องกุมอะไรต่าง ๆ เรารู้แล้ว เรามีบทเรียนมาแล้ว ผมนี่ล่ะครับ ที่ผมบอกว่าเราต้องนุ่มนวล แล้วต้องไม่กระทบกระทั่ง โอ๊ย คนเดือดร้อนต่อไปเป็นยังไง เป็นคณะทหาร ต้องขอลำดับความเดือดร้อนให้ฟังก่อนนะ รัฐบาลนี้เดือดร้อนก่อน เพราะว่าเอาไม่อยู่ คณะนี้ยึดทำเนียบ รัฐบาลเอาไม่อยู่ ถัดไปผมก็ใช้ขอศาล ศาลท่านก็มีหมายมา จะจับ ออกหมายจับกุม ออกหมายอะไรต่าง ๆ เขาก็ไม่สนใจศาลเลยครับ ศาลโดนเข้าไปด้วย บอกศาลเอาไม่อยู่ ชวนกันเข้าไปในสภา พูดในสภา ในสภาเขาก็แนะนำผม คนหนึ่งบอกให้ลาออก คนหนึ่งบอกให้ยุบสภา ผมก็บอกว่าผมก็เป็นเสียงของผม ผมเสียงข้างมาก ผมก็พูดตามเสียงข้างมากว่า ผมออกไปไม่ได้หรอกครับ เพราะระบอบประชาธิปไตย บ้านเมืองของเราไม่มีเหตุผลที่ใครกลุ่มใดกลุ่มหนึ่งจะมาร่วมชี้หน้าให้ออก ผมก็บอกสภาว่าไม่ต้องเสียเวลาตัดสินใจ ผมบอกเลยว่าผมจะต้องอยู่เพื่อรักษาระบอบประชาธิปไตย อ้าวทำไม สภาเอาไม่อยู่อีกแล้ว ไป ๆ มา ๆ ไป ๆ มาก็เกิดเหตุ เหตุหนึ่งไปอ้างอิง ไปปลุกระดมให้ใครต่อใครเข้ามากัน พอเหตุสอง ไม่มีความชอบธรรมที่จะประกาศภาวะฉุกเฉิน คนที่โดนอันที่สี่ใคร ทหารครับ เพราะผมแต่งตั้งให้ท่านผู้บัญชาการทหารบกท่านเป็นคนดูแล ท่านก็จัดการตั้งคณะกรรมการ ผู้คนต้องฟาดต้องฟัน ต้องเสร็จภายใน 1-2 วัน นับชั่วโมงนับเวลากัน
ปรากฏท่านผู้บัญชาการทหารบก ท่านก็ไปอธิบายความ ท่านบอกท่านต้องทำอย่างนี้ ๆ ท่านก็พูดกันตรงไปตรงมา อย่างนี้ไม่ได้ คือท่านต้องรักษาตรงนี้ไว้ และต้องย้อนให้ไปดูสิสภาจะลองแก้กันอีกทีไหม เพราะมันนอกเหนือกว่า สำนวนท่าน บอกมีกำแพงไม่มีประตู ตรงอื่นมีประตู ผมก็ต้องรับฟังนะครับ ไม่ใช่ผมไม่ได้พูดกันนะครับ ผมพูดจากับท่าน แถลงเสร็จท่านก็คุยกับผม เมื่อวานท่านก็คุยกับผมว่าอะไรคืบหน้าอย่างไร แล้วเห็นไหมครับ รัฐบาลก็โดนว่าเอาไม่อยู่ ศาลก็โดนว่าคำสั่งศาลไม่มีความหมาย เสร็จแล้วไป ๆ มา ๆ สภาก็ตกลงกันไม่ได้ เพราะสภาต้องนับคะแนน นับเสียงนับความเห็น พอมาถึงทหารเขาก็คิดว่าสูตร 1-2-3 บทความหนังสือพิมพ์เมื่อวาน มติชน เขาเขียนดีเลยครับ เขาเขียนให้ดูเป็นตัวอย่างเลย หนึ่งเป็นอย่างนั้น สองเป็นอย่างนั้น สามเป็นอย่างนั้น คือถ้าทำตามสูตร พังทุกราย เราไม่ต้องพังนี่ครับ เราก็ไม่ไปตามสูตร
เพราะฉะนั้น ทางฝ่ายทหารบอกจะขอทำนุ่มนวล ผมบอกผมเอาด้วย ผมก็นุ่มนวลด้วย ผมก็บอกว่าชีวิตยังดำเนินการเป็นปกติ และทุกอย่างก็เป็นไปตามปกติ แต่ว่าเรามีประกาศฉบับนี้เพื่อจะได้ดำเนินการทำโน่นทำนี่ ทำอะไรได้ตามสมควรก็แก้ไข ที่ผมมานั่งขอสถานีเขาสนทนาวันนี้ เจตนาอย่างเดียวครับอยากจะบอกพี่น้องประชาชนว่า แล้วท่านคิดอย่างไรครับ บรรดาท่านทั้งหลายที่เข้ามากันใหญ่ ทำโน่นทำนี่ ความจริงที่เข้ามาก็เป็นจำนวนหนึ่ง ไม่เป็นปัญหา ถ้าท่านเชื่อก็ไม่เป็นปัญหา แต่ว่าบรรดาอื่น ๆ ที่ผมพูดถึงผู้สื่อข่าวบอกอย่าพูด อย่าไปแตะต้องสื่อ แตะต้องสื่อไม่ได้ แล้วผมก็ว่าสื่อประโคมข่าวกันนี่ มีอัยการคนหนึ่งที่จังหวัดสุราษฎร์ธานี ประกาศบอกอารยะขัดขืนไม่ทำหน้าที่ให้รัฐบาล 1 คน แล้วถามอัยการมีกี่พันคนครับที่เขาทำงานให้รัฐบาลอยู่ ทำงานให้บ้านเมืองอยู่ และจะมาตัดน้ำ ตัดไฟ ออกข่าวกันเอิกเกริก รายการทุกรายการเลยครับ อย่าไปพูดถึงเขาเลย ไม่พูดถึงเขาได้อย่างไรครับ ถามนำถามโน่นถามนี่เมื่อไรจะตัด นั่งดูเวลากัน มันกลายเป็นตื่นเต้นไปหมด เสร็จแล้วจริงๆ เป็นอย่างไร จริงๆ เจ้าหน้าที่ที่เขามั่นคง เขาเห็นว่าไม่มีเหตุผล เขาออกมาแถลง ไม่ เป็นไปไม่ได้ ไฟฟ้าฝ่ายผลิตบอกตั้งแต่ตั้งมาไม่เคยมีใครทำอย่างนี้ได้ ทุกคนบอกว่าอย่างไร สหภาพก็มี มีคนสหภาพมาเป็นสมาชิกมาเล่นด้วย มาออกข่าว สื่อประโคมข่าวกัน คนตื่นเต้นทั้งบ้านทั้งเมือง ถามว่านายกรัฐมนตรีตื่นเต้นไปด้วยได้ไหมครับ ไม่ได้ล่ะครับ
ผมมาวันนี้อยากจะขอบคุณท่านทั้งหลายที่รับผิดชอบในแต่ละส่วนต่าง ๆ ไปรษณีย์เขาบอก เขาไม่ ไฟฟ้า ประปา ทุกคนยืนยันบอกเป็นไปไม่ได้ ทำไม่ได้ แต่ข่าวออกไปแล้วครับ ถล่มกันแล้ว ล่อกันมากมายก่ายกอง มันสงครามข่าวนะครับ ข่าวที่ประโคม ผู้คนขนหัวลุกกันทุกวันนี้ ผมจะบอกให้ฟังนะครับว่าสถานะการบ้านเมืองเวลานี้ ผู้คนซึ่งไม่ได้มีสถานะอะไรรองรับได้เลย เข้าไปยึดทำเนียบและประกาศชัยชนะ ที่น่าเสียใจจนอยากร้องไห้ คือบรรดาคนที่มีการศึกษาทั้งหลายทั้งปวง เมื่อคืนนี้ก็รายหนึ่งออกรายการตาสว่าง ฟังพูดแล้วบอกไม่ได้หรอก คนเขาจะต้องแสดง เขาไม่พอใจ เขาต้องแสดงได้ ต้องยึด ผมก็อยากไปนั่งแทนนายแพทย์สุรพงษ์ เมื่อคืนนี้ พูดเอาแต่ได้ข้างเดียว ตะแบงไปอย่างนั้นเอง แล้วผู้คนที่นั่งอยู่ด้วย ก็ปล่อยให้พูดตะแบงไปอย่างนั้น ต้องใช้คำนี้เลยเชียวครับ เขาบอกไม่ได้หรอก จะต้องยึดต้องนั่น เขายืนยันว่าที่ปลุกระดมนี่ถูกต้อง มันจะถูกต้องได้อย่างไรครับ บ้านเมืองจะอยู่ได้อย่างไร ถ้าไม่มีกฎกติกาอย่างนี้ รัฐธรรมนูญว่าฉบับไม่ดี ก็ยังใช้ไม่ดีอยู่นี่ แล้วทำไมครับ ใครแตะต้องไม่ได้ แก้ไม่ได้ แล้วทำไมไม่รักษารัฐธรรมนูญครับ เรามีกฎหมายสูงสุด มีกฎหมายรองรับ บ้านเมืองของเราเป็นบ้านเมืองเจริญก้าวหน้านะครับ อยู่ใน 10 ประเทศอาเซียน แต่ก่อนก็อยู่แถวครับ ระยะหลังนี้ก็ตกต่ำลงมา เดี๋ยวนี้นายกฯ ประเทศไทยเป็นประธานอาเซียน ผมก็ต้องแสดงให้เขาเห็นว่าอะไรเป็นอย่างไร
ผมทำงานอยู่มา 7 เดือน ก็ยืนยันแน่นอนผมไม่ได้ทำอะไรผิดหรอกครับ จะมาอ้างอะไรยังไงก็ต้องอ้างเป็นตัวบทกฎหมาย บ้านเมืองที่ไม่มีกฎหมาย อยู่ด้วยกันไม่ได้หรอกครับ มันเป็นบ้านป่าเมืองเถื่อน ที่มาพูดวันนี้ก็อยากจะบอกว่า ท่านทั้งหลายที่คิดเหมือนกับว่ารถไฟขบวนใหญ่อยู่ที่ทำเนียบ ถ้าไม่มาร่วมไม่มาตกลง มันจะตกขบวนรถไฟ แล้วนักศึกษาธรรมศาสตร์มีเท่าไร หนุ่มๆ สาวๆ ไม่กี่คนที่มา ก็สนุกกันใหญ่มาขึ้นเวที ได้พูดทางเวที แล้วบรรดาหนูเหล่านั้นเขาคิดรึเปล่าว่า จุดหมายปลายทางอยู่ตรงไหน บรรดาท่านทั้งหลายที่แห่ห้อมล้อมเข้ามา เอาล่ะครับ เขาออกโทรทัศน์ เขาจะชักนำกันมา ล่อกันเป็นปีครึ่งปี ย่อมจะต้องคล้อยตามกัน แต่ข้อเท็จจริงเป็นอย่างไรครับ เรียกร้องให้นายกฯ ลาออก 1 ใน 5 เขาออกมา ไม่ได้ไม่ฟังไม่เจรจา ออกก็ไม่มีความหมายอะไรยุบสภาเลือกตั้งใหม่ นายกฯลาออกหรือยุบสภาก็ได้ พวกนี้กลับมาอีก ก็ต้องออกมาต่อต้านกันอีก แล้วบ้านเมืองเราเป็นอย่างไรครับ
ทั้งหมดที่พูดมาให้ฟัง ผมจะบอกให้ฟังนะ ทางสถานีเขาบอกว่าถ้าประเด็นไม่จบ ต่อเวลาได้ ผมบอกไม่เป็นไร เดี๋ยวเคารพธงชาติ ถ้าไม่จบ แต่จะต้องบอกเสียตรงนี้ เขามีการถ่ายทอดเสียงผมเลยนะครับ เมื่อเช้าฟังดูทางทำเนียบ ผมจะเล่าให้ฟังก่อนนะ วันก่อนผมไปเข้าเฝ้าฯพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวก็คิดกันเอง บอกว่าผมจะลาออก ไปตั้งป้อมรอ แล้วมาบอกว่าผมนัด แล้วผมหนี ผมไม่เคยนัด แล้วทำไมผมจะต้องหนี วันนี้ก็ออกข่าวกันมาอีก ตรงนี้ผมต้องบอกเสียก่อน พูดกันตั้งแต่เช้าเลยออกข่าว เขารู้จากไหน เขารู้จากสถานีโทรทัศน์ทั้งหลาย เขาถ่ายทอดเลย ความประสงค์ ความต้องการ ของคณะที่นั่น เขาบอกเลยว่านายสมัครจะออกสถานีวันนี้ ที่มานี่จะมาประกาศลาออก คิดกันไปอย่างนั้นเองล่ะครับ ผมจะไปลาออกได้ยังไงครับ ผมไม่ได้อยู่ตัวคนเดียว เวลานี้ผมไม่ต้องการอะไรทั้งนั้น แต่บ้านเมืองต้องการกฎกติกา เวลานี้ไม่ใช่แต่คนไทย คนทั้งโลกเขาเฝ้าดูนะครับ เมื่อวานนี้คุยกับ BBC อเมริกา มาขอสัมภาษณ์ พูด 10 นาที ไป ๆ มา ๆ เขาให้ครึ่งชั่วโมง อธิบายความพูดจากันชัดเจน ทั้งโลกเขาเฝ้ารอดูเราอยู่ ผมไปงานสถานทูต สถานทูตเล็กสถานทูตใหญ่ ไปหมดเวลานี้ ไปเพื่อให้รู้ว่านายกรัฐมนตรีไม่ต้องไปหมกมุ่นอยู่ที่ไหน มานั่งคุยยืนคุย ทูตขรตรีเศียรเขายืนยันนะครับ ว่าไม่ได้หรอก ประเทศไทยมาถึงป่านนี้เขารับไม่ได้ ปฏิวัติอีกเขาก็รับไม่ได้ และเขาก็ยืนยันว่าปฏิวัติโดยประชาชน ก็ไม่ได้ ไม่มีเหตุผล ที่เขาทำกันเนี่ย เขาเรียกว่าปฏิวัติโดยประชาชน
ท่านพี่น้องประชาชนทั้งประเทศ ท่านลองตรองดูสิครับว่าคนพวกนี้ตกลง ถ้าสมมติผมลาออก ผมทนไม่ได้แล้ว แล้วตกลงประเทศชาติจะเป็นอย่างไรครับเขาประกาศเลยว่าจะใช้ความคิดใหม่ของเขา จะใช้ระบบ 30 : 70 แล้วมาเริ่มต้นตรงไหน ไปเชื่อไปฟังอะไรเหมือนกับลัทธิประหลาด ใครไม่ไปต้องตาย ที่ว่าฟ้าเปิดแล้ว ถ้าไม่ฆ่าตัวตายภายใน 5 นาที ฆ่ากันไป 300 คน ฟ้าจะปิด ที่เมืองวาโก้ ที่เท็กซัสก็แบบเดียวกันนี่ละครับ นี่จะมาเกิดในประเทศไทย ทุกคนต้องวิ่งเข้ามาหา แล้วจุดจบของประเทศไทยจะเป็นยังไงครับ กฎเกณฑ์กติกา คนทั้งโลกเขาเฝ้าดูเขาจะว่ายังไง มันเป็นอะไรครับ ประเทศไทยเป็นอะไรยังไง
คนพวกหนึ่งขึ้นมา ไม่ชอบคนนี้ ไม่ชอบรัฐบาลโน้น มาหาโยงใย มาชี้หน้าต้องออก ต้องไป ต้องออก ไม่มีเหตุผลไม่ฟังไม่เจรจา แล้วบ้านเมืองนี้มันอยู่ได้เหรอครับ มันอยู่ได้เหรอครับถ้าเป็นอย่างนี้ แล้วท่านพี่น้องทั้งหลายก็เป็นคนไทยทั้งหมด ที่แล้วมามันมีอะไรเสียหายครับ บ้านเมืองมันเป็นอย่างไรกัน เขามีปฏิวัติเขายึดอำนาจ เราก็อดทนกันมาปีครึ่งปีค่อน เสร็จแล้วก็มีกติกาออกมา แล้วเราก็เลือกตั้งก็ได้พรรคการเมืองเสียงข้างมากเป็นรัฐบาล เสียงข้างน้อยเป็นฝ่ายค้าน เดี๋ยวเขาก็ประชุมงบประมาณ บ้านเมืองมันไม่ได้มีอะไรผิดขั้นผิดตอน มันมีแต่คนที่เขาไม่พอใจ เขาอยากอีก เขาเห็นว่าอดีตนายกฯ กลับเข้ามาเร็วเกินไป จะมีความสุขอะไร เขาก็ออกมาคอยจ้อง พอถึงจังหวะปั๊บบอกว่าแก้รัฐธรรมนูญ เขาโดดเข้าขวางทันที เมื่อ 3 เดือนที่แล้ว 25 พฤษภาคม แล้วก็แสดงอะไรต่างๆ ก็ต้องการให้รัฐบาลปราบปราม ทำให้เกิดนั่นทหารจะได้ออกมาอีก ผมก็ไม่ปราบผมก็ไม่ปรามยอมขมขื่น ผู้คนในบ้านเมือง เอาเถอะครับเขาอยากจะมันเกิด ผมจะไม่ให้มันเกิดเหตุ กลั้นใจมา 3 เดือน 90 91 92 เขาก็บอกเอาล่ะครับเขาต้องเป่านกหวีดยาวแล้ว เขาจะมีเดือดร้อนยังไง ปัจจัยอุดหนุนหมดไม่ทราบได้ เขาก็ต้องเอา เสร็จแล้วไปๆ มาๆ ก็เกินเหตุ ผมอยู่ข้างนอกผมก็ทำงานได้ ผมก็บริหารได้ เพียงแต่ว่ามันขลุกขลักมันอะไรต่างๆ อายไหมครับ อายครับอายไปทั่วโลก แต่ว่าคนทั้งประเทศล่ะครับ คน 60 กว่าล้านคน เอาเถอะครับไม่ต้องไปนับ 63 ล้านหรอก คน 60 กว่าล้านคนเขามีชีวิตตามปกติ คนกรุงเทพฯ ในทะเบียน 6 ล้าน นอกทะเบียนอีก 4 ล้าน ไปดูสิครับนอกเหนือจากทำเนียบรัฐบาล เขาเดินกัน เขาเดินทางเขาทำอะไรต่ออะไรต่างๆ
เขาบอกจะขอเทียบเวลา ผมต้องขอเวลา ต้องต่อเวลาหน่อย คงไม่ใช้เวลานานหรอกครับ แหม เขาสารคดีดักหน้าผมก็เลยมานั่งรอหน่อย เทียบเวลาเท่าไหร่ 07.58 น. เขาให้ผมเตรียมตัวเขาจะเทียบเวลา คุณจะเปิดเพลงชาติคุณก็ให้สัญญาณมือผมแล้วกันผมจะคอยดูตรงนั้น
คือจะบอกให้ฟังว่า คุยเรื่องนี้ยาวคุยสลับเรื่องเคารพธงชาติหน่อย เคารพธงชาติผมมาวันก่อนมาสถานี วันอาทิตย์ มาคุยอะไรต่ออะไร โอ๊ยถ่ายผมลงจากรถ ถ่ายรูปธงชาติกำลังจะขึ้น หันมาถ่ายผมครับ นี่คุณหันไปเคารพธงชาติ ฟังเหมือนกับพูดภาษาไทยไม่รู้เรื่อง ต้องเข้าไปใกล้ๆ นี่คุณหันไปเคารพธงชาติ ถ่ายผมทำไม ธงชาติกำลังจะขึ้น อย่างนี้ครับ ดูคนเราสิครับ ข้างล่างเวลานี้ข้างใต้สถานี คนมากมายก่ายกอง นักข่าวมาเป็น แหม มันมากซะจนกระทั่งไม่รู้มาทำไม มาคอยจะทำข่าว นายสมัครจะมาประกาศลาออก ผมจะประกาศให้ฟังซะตรงนี้ก่อนจะเคารพธงชาติ ผมไม่ลาออกหรอกครับ ผมต้องอยู่รักษาประชาธิปไตยของบ้านเมืองนี้ ผู้คนทั้งโลกเขาเฝ้าดูอยู่ ผมมาพูดกับพี่น้องประชาชนคนไทยทั้งประเทศว่า ท่านทั้งหลายต้องคิดนะครับ ใครก็ตามแต่ที่จะแห่เข้าไป มันลัทธิอะไรกันครับนี่ ลัทธิไม่พอใจแล้วเข้ายึดทำเนียบชี้หน้าต้องออก ต้องออกอย่างเดียว ไหวไหมครับ ไม่ไหวหรอกครับ เอาละครับต้องเคารพธงชาติแล้ว ผมจะอยู่ต่อหลังธงชาติ เดี๋ยวคุยต่อครับ
คือจะบอกให้ฟังว่า คุยเรื่องนี้ยาวคุยสลับเรื่องเคารพธงชาติหน่อย เคารพธงชาติผมมาวันก่อนมาสถานี วันอาทิตย์ มาคุยอะไรต่ออะไร โอ๊ยถ่ายผมลงจากรถ ถ่ายรูปธงชาติกำลังจะขึ้น หันมาถ่ายผมครับ นี่คุณหันไปเคารพธงชาติ ฟังเหมือนกับพูดภาษาไทยไม่รู้เรื่อง ต้องเข้าไปใกล้ๆ นี่คุณหันไปเคารพธงชาติ ถ่ายผมทำไม ธงชาติกำลังจะขึ้น อย่างนี้ครับ ดูคนเราสิครับ ข้างล่างเวลานี้ข้างใต้สถานี คนมากมายก่ายกอง นักข่าวมาเป็น แหม มันมากซะจนกระทั่งไม่รู้มาทำไม มาคอยจะทำข่าว นายสมัครจะมาประกาศลาออก ผมจะประกาศให้ฟังซะตรงนี้ก่อนจะเคารพธงชาติ ผมไม่ลาออกหรอกครับ ผมต้องอยู่รักษาประชาธิปไตยของบ้านเมืองนี้ ผู้คนทั้งโลกเขาเฝ้าดูอยู่ ผมมาพูดกับพี่น้องประชาชนคนไทยทั้งประเทศว่า ท่านทั้งหลายต้องคิดนะครับ ใครก็ตามแต่ที่จะแห่เข้าไป มันลัทธิอะไรกันครับนี่ ลัทธิไม่พอใจแล้วเข้ายึดทำเนียบชี้หน้าต้องออก ต้องออกอย่างเดียว ไหวไหมครับ ไม่ไหวหรอกครับ เอาละครับต้องเคารพธงชาติแล้ว ผมจะอยู่ต่อหลังธงชาติ เดี๋ยวคุยต่อครับ
ท่านผู้ชมครับ ผมเพิ่งได้รู้ตอนนี้นะว่าเพลงชาติของเราเนี่ยใช้เวลา 40 วินาที พอดีเป๊ะเลย เพราะว่าเขามีตัวเลขดิจิตอลให้ผมดู ที่ผมอึกอักๆ ตอนก่อนตอนแรกน่ะ เขามีจอ แล้วก็บอกขณะนี้เหลือเวลา 2 นาที คนพิมพ์กว่าจะพิมพ์เสร็จ ไอ้ตัวนี้ก็เดินไป ผมเพิ่งมาเห็น เขามีตัวเลขดิจิตอลให้ดู เลยเมื่อกี้ได้ดูเลยครับ เพลงชาติของเรานะครับ ถ้าใครจะจำไว้นะ 40 วินาทีพอดีเป๊ะเลยครับ เอาล่ะ ผมจะว่าต่อให้จบนะครับ ก็คือว่า เมื่อผมพูดจาอธิบายความให้ฟังแล้ว ผมก็บอกว่าผมจำเป็นจะต้องรักษาสถานการณ์ของบ้านเมืองไว้ เพราะเราไม่ใช่บ้านป่าเมืองเถื่อน บ้านเมืองเรามีประวัติศาสตร์ มีความเป็นมา มีชื่อเสียง มีสถาบันพระมหากษัตริย์อยู่ตกติดจนถึงปัจจุบัน ทบทวนให้ฟังก็ได้ครับ สมัยสุโขทัย เรา 200 ปี 9 รัชกาล สมัยอยุธยา 417 ปี 33 รัชกาล สมัยธนบุรี 15 ปี 1 รัชกาล แล้วจนถึงรัชกาลปัจจุบัน ณ ขณะนี้ เราก็ 226 ปี ก็เดินหน้าจนถึงป่านนี้ครับ ดูประวัติศาสตร์ ดูอะไรต่ออะไร ดูวงการทูตนี่ แหม เขาเฝ้าดู เขานับถือเรานะครับประเทศเราเนี่ยนะ แล้วก็เวลาที่เราเกิดไปยึดอำนาจกัน เขาก็ไม่พอใจ เขาก็หันหลังหันข้างกันไป พอเขาหันหน้ากลับมา ผมก็บังเอิญได้มาเป็นตรงนี้พอดี 7 เดือนเนี่ย ได้สัมผัส ได้พบ ได้พูด เขายืนยันเลยเชียวครับ เขายืนยันเลยว่า สิ่งที่ผมทำเนี่ยเขายินดีที่ยังมีคนคิดถึงการรักษาระบอบประชาธิปไตยของเรา ที่มีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข
เรื่องอย่างนี้เนี่ยนะครับ มันไม่ได้มีอะไรกันเสียหายเลย แต่มันเกิดมีความไม่พอใจ ความเกลียดชัง แล้วก็ก่อกันมา แล้วก็ดำเนินมา ถ้าท่านพี่น้องประชาชนทั้งประเทศ ท่านย้อนไปดูเมื่อ 3 เดือนที่แล้วสิครับ ปฏิวัติน่ะ คนที่ทำให้เกิดปฏิวัติแล้วเขาก็หายไป แล้วเขาก็คอยจ้องนั่งดู การปรากฏตัวของนายกฯ กลับมาใหม่ กลับมาเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ ก็เอาล่ะ เขาก็ มีนาฯ เมษาฯ พอพฤษภาฯ ถึงจังหวะก็เอาแล้วครับ เขาคอยจะหาเหตุ พอบอกแก้รัฐธรรมนูญ เขาประกาศเลย ลงไป เขาต่อต้านการแก้รัฐธรรมนูญ
ถัดไปก็เอามาเลย จัดการเรื่องหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ เสร็จเรียบร้อยบอก ไล่รัฐบาล เสร็จแล้วมาเขาพระวิหาร เสร็จแล้วทำอะไรต่ออะไรกันมากมายก่ายกอง ข้อหาที่กล่าวหาว่ารัฐบาลชุดนี้ทำให้ประเทศไทยเสียดินแดน แล้วอย่างนี้คนเชื่อไหม คนเชื่อกันนะครับ ไปฟังเขาบอกเสียดินแดน มันเสียเรื่องนี้ไปแล้วเมื่อ 2505 ไม่ต้องฟื้นฝอยหาตะเข็บ แต่อภิปรายไม่ไว้วางใจก็หยิบเอาเรื่องนี้เข้ามาฟาดฟันกัน กว่าจะประคับประคอง กว่าจะเอาย้อนกลับมาได้ เขาได้ตัวพระวิหารไป ตกลงเขาก็เอาตัวพระวิหารไปขึ้นทะเบียน มันก็เท่านั้นเอง มันก็หยุดยุติกันลงเท่านั้นเอง
เขาจะขอขึ้นบนพื้นที่ด้วย เราบอกไม่ได้ ไม่ได้ทั้งนั้นเลย เขาบอกเขาจะขึ้นเฉพาะวิหาร ขึ้นเฉพาะวิหารก็ไปตกลงบันทึกว่าขึ้นเฉพาะวิหาร มันเสียหายอะไรล่ะครับ ทำซะจนให้คนทั้งบ้านทั้งเมืองเข้าใจผิด คนเกิดไม่ทัน คนโตไม่ทัน บอกเนี่ยไอ้รัฐบาลชุดนี้ทำให้ประเทศไทยเสียดินแดน จะไปหากิน ไปคบค้า โอ๊ย ผมฟังกลางคืน ผมเปิดฟังครับ คลื่นวิทยุ 108 FM. น่ะ พูดกันทั้งหมด ฟังหมดล่ะครับ เขาบันทึกไว้หมด ก็ต้องฟ้องร้องกันวันข้างหน้า กล่าวหากันอย่างโน้นอย่างนี้ ชื่อผมน่ะ ไอ้หยาบคายต่างๆ น่ะสุดที่จะพูด แต่นี่มันประหลาดตรงที่ว่าคน 5-6 คนพวกนี้ ตัวหลักๆ มี 5 ที่ปรึกษาอีก 1 แล้วก็ลูกน้อง มันทำกันเป็นปี เขาเรียกว่า Reality Show นั่นล่ะครับ ออก ASTV น่ะ
มีคนฟัง คนติดตาม คนเกลียดชัง ชิงชัง คือทำให้เกลียดได้ละกันครับ คือทำให้เกลียดรัฐบาลก่อน ยึดไปน่ะ คราวนี้ทำให้เกลียดรัฐบาลนี้ ผมขอยืนยันว่าไม่ได้หรอกครับ คุณทำให้คนมาเกลียดแล้วชี้หน้าว่านายสมัคร ไม่จงรักภักดี ไม่ได้เลยเชียวครับ เพราะว่าผมเกิดมา ผมโตมา คนบ้านเมืองนี้เขารู้ว่าผมเป็นยังไง แน่นอนครับ ผมไม่ได้ตั้งใจมาเป็นหัวหน้ารัฐบาล แต่ผมเป็นหัวหน้าพรรค พรรคเกิดชนะเลือกตั้ง ผมก็ต้องมาทำหน้าที่ เวลานี้ผมก็บอกเป็นคนต้นทุน ถูกต้อง ผมไม่มีผลประโยชน์อะไรผูกพันกับบ้านเมืองนี้เลย ที่จะต้องรักษา จะต้องป้องกัน จะต้องอะไร ผมไมได้ลงทุนอะไรเลยสักบาทเดียว แต่ผมใช้ความสามารถของผม ผมเห็นว่าบ้านเมืองจะต้องมีระบบ เมื่อเขาเปิดให้เลือกตั้ง ก็มีเลือกตั้ง แล้วก็มาถูกต้องหมด แต่คนไม่พอใจ เป็นทำนองว่าไอ้พรรคการเมืองที่ผมบริหารอยู่เวลานี้ จะเป็นพื้นฐานให้คนจะเข้ามาล้มล้างสถาบันพระมหากษัตริย์อีก มันได้ยังไงครับ คิดเอาเอง พูดเอาเอง บังเอิญถ้าคนอื่นเป็นหัวหน้าป่านนี้ก็โดนบรรลัยแล้ว แต่บังเอิญเป็นผมครับ มันขบไม่ลง มันฟัดไม่ได้ พูดกันอะไรต่างๆ พอเสร็จเรียบร้อยก็ทำข่าวกันเอง ข่าวนี่ล่ะครับที่นั่น ยกย่อง ข่าวตีกันนั่นกัน เป็นเรื่องใหญ่ อ้างอิงให้ผู้คนมาต่าง ๆ
เสร็จแล้วท่านสังเกตไหมล่ะครับว่าเหตุการณ์เป็นอย่างไร ปิดสนามบิน ผมพูดในสภาวันนั้นก็เจียดไปหน่อย บอกโอ๊ยปิดทางใต้ทั้งนั้น แต่แล้วปิดหมดเลยครับ ปิดหมด ไปๆ มาๆ ผมต้องขอบคุณท่านอดีตหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ท่านส่งคนไปเจรจา ท่านบอกไม่ได้ ทำอย่างนี้บ้านเมืองเสียหาย อย่างนั้นคนก็ขอบพระคุณเลย แต่ท่านสังเกตไหมมันไม่มีในภาคอื่นเลยครับ ภาคอื่นสนามบินใหญ่ๆ ผู้คนมากมาย ไม่มีเลยครับ มีอยู่ทางนั้นล่ะ ผมก็ไม่อยากจะให้เรื่องภาคนิยม รักชอบอะไร ไม่ว่าอะไรหรอกครับ แต่ทว่า คิดถึงบ้านเมืองไหมครับ ทุบหม้อข้าวตัวเองไหมครับ คนที่อยากจะร้องไห้ คนทำธุรกิจโรงแรมภาคใต้เนี่ยนะครับ ภาคอื่นโดนหมดทั้งประเทศ คนทำกิจการท่องเที่ยวเป็นยังไงครับ มันไปหมดทั้งบ้านทั้งเมือง แล้วอยู่ดีๆ มันเกิดอย่างนี้ได้อย่างไรกัน เอามาต่อรอง ต้องไป รัฐบาลมันเลว รัฐบาลทราม รัฐบาลขายชาติ รัฐบาลอะไรต่างๆ ก็ปลุกระดมกันไป แล้วคนก็ไปเชื่อ เสร็จแล้วเป็นไง แล้วปลุกระดมกันเรื่องตัดน้ำตัดไฟ ก็บรรดาสถานีทั้งหลาย นั่งคุยกันคู่ๆ 2 คน 3 คน 5 คนน่ะ ก็ถามข่าวปลุกเหมือนกับ ก็เป็นปากเป็นเสียงเป็นลำโพงให้เขานั่นไป แล้วผู้คนก็ตื่นเต้นทั้งบ้านทั้งเมือง
นั่นล่ะคือเป็นเหตุว่าทำไมผมต้องมาขอออกวิทยุวันนี้ ต้องมาขอออกวิทยุวันนี้ครับ บ่ายๆ ก็จะไปหาที่พูดอีก ผมต้องพูดให้คนทั้งประเทศเข้าใจว่า ท่านต้องย้อนมาดู ท่านต้องฉุกคิด ขอยืมใช้คำพระพยอมหน่อย ต้องฉุกคิดครับว่านี่มันอะไรกัน ถ้าไปตามนั้นจริงๆ เอาล่ะชัยชนะแล้ว ทำเนียบฯ ยึดได้ นายสมัครไปแล้ว นายสมัครลาออกไปแล้ว แล้วบ้านเมืองเป็นยังไงต่อไปครับ วิธีการเป็นไงครับ เขาประกาศเลยครับว่าเขาจะเอาไอ้ความคิดการเมืองใหม่ของเขามาใช้ แล้วถามนักวิชาการทั้งประเทศว่าท่านรับได้ไหมครับไอ้การเมืองใหม่เนี่ย มีประชาธิปไตยอยู่ดีๆ ดำเนินการอะไรมาต่างๆ เสร็จแล้วบอกว่าไม่ได้หรอก ไอ้คนเลือกตั้งมามันแย่ มันซื้อเสียงกันเข้ามา เพราะงั้นจะเลือกตั้งแค่ 30 แต่งตั้ง 70 แล้วคุณไม่คิดกันเลยเหรอครับเนี่ย บรรดาอาจารย์รัฐสภาทั้งหลายทั้งปวง ใครจะเซ็นชื่อ จะขับไล่ผมอะไรต่างๆ
โอ๊ย เมื่อคืนนี้ ผู้สนทนาเมื่อคืนบอก ไม่ดู อ้างคนโน้นอ้างคนนี้ขับไล่ เอ๊ะ แล้วทำไมไม่ลองคิดล่ะครับคนที่ไปเซ็นชื่อ ที่ไปอ้าง ที่ขับไล่ ย้อนถามว่าท่านพวกนั้นคิดอะไรครับ คิดอะไรกับบ้านเมืองนี้ครับ ไม่มีหลัก ไม่มีเกณฑ์ ไม่มีอะไรเลย แล้วก็ไปประกาศสนับสนุน แล้วมันยังไง จุดหมายปลายทางอยู่ตรงไหนครับ จุดหมายปลายทางของบ้านเมืองจะจบลงตรงไหน ถ้าคณะที่ไปยึดทำเนียบเขาประกาศลงไป ตกลงคนไหนเป็นนายกฯ ครับ คนไหนเป็นรองนายกฯ แล้วคนไหนเป็นรัฐมนตรีมหาดไทย แล้วคนไหนจะไปคุมทหาร สั่งทหาร แล้วยังไงครับ มันมายังไง มันมีกฎเกณฑ์ยังไงครับ ว่า 5 คน บวก 1 ที่จะนั่นเข้ามาเนี่ย
เอาล่ะ ถ้าท่านไปเชื่อฟัง เอาล่ะเขาทำถูกต้อง แล้วถ้าผมเลวจริงผมมานั่งสู้อย่างนี้อยู่ได้เหรอครับ แล้วบ้านเมืองเรากว่าจะมาถึงวันนี้ เรียกว่าเขาหันหลังเขาหันข้างให้ กว่าจะกอบกู้มา 7 เดือน กำลังจะเข้าปกติ มันผิดปกติ 3 เดือนที่แล้วก็ผิดปกติ คาราคาซังอยู่นั่น ทางโน้นย้ายมาตรงนี้ ย้ายมาล้อมทำเนียบฯ ย้ายกันไปๆ มาๆ ก็มายึดอยู่สะพานมัฆวานฯ แล้วมันได้ยังไงมั้ยครับ รัฐบาลน่ะเสียหน้าครับ เพราะรัฐบาลไปแตะไม่ได้ เขาอยากให้แตะ เขาอยากให้ฟัด เขาอยากให้ฟาดให้ฟัน เพราะฉะนั้นไอ้ปะทะกันวันนั้นน่ะ วันที่ 29 พูดกันไม่รู้จักจบ นั่นล่ะเป็นข้อคำขู่เลย พวกที่ยึดสนามบินบอก ไม่ได้เลย ถ้าเอารุนแรงอีก นี่จะเปิดให้ว่าไง ถ้าเผื่อมีรุนแรงอีก เอาอีก
แล้วตกลงยังไงกันครับ ตกลงบ้านเมืองของเราจะเป็นยังไงครับ จะเอา วันนั้นเขาพูดกัน ท่านผู้บัญชาการทหารบก บอกจะจับหนู ฆ่าหนูตัวเดียวรื้อทั้งบ้านเลย นั่นเป็นการเปรียบเทียบที่ท่านเห็นชัดนะครับ แล้วไอ้หนูตัวเดียวน่ะมันไปทำอะไรให้ มันเป็นยังไง หนูมันเป็นยังไง เชื้อโรคเหรอครับ สกปรกเหรอครับ ติดโรคกันทั้งบ้านเพราะไอ้หนูตัวเดียวนี่แหละ ไม่ได้มีอะไรยังไงเลย ผมก็ทำหน้าที่ของผม ใครต่อใครก็ทำหน้าที่ ก็ต้องดูทางฝ่ายทหารสิครับ ทำไมจนป่านนี้ละครับ เพราะเขาเข้าใจว่าอะไรเป็นอะไร ต่างๆ เพราะบ้านเมืองมันไปยังงั้นไม่ได้อีกแล้ว แต่ก็พยายามทำ คิดกันอย่างเดียวจะให้เกิดอย่างงี้ และเข้าใจผิดหมด
เอาละ ทีนี้ผมจะไม่ใช้เวลามากนัก ผมจะเล่าเรื่องคุณเตช บุนนาค ให้ฟัง ผมไปเฝ้าฯ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ผมกราบบังคมทูลขอ และผมก็พูดกับคุณเตช ๆ ก็รับปาก คุณเตชก็มาและเป็นไปอย่างนั้นทั้งหมดเลย และคุณเตชก็มาช่วยงานเขาพระวิหาร เพราะได้มืออาชีพ ทุกคนก็ชื่นชมยินดี แต่ปรากฏว่ายังไงครับ ไม่มีเหตุอะไรอย่างไรเลย การประชุมการนัดหมายยังมี การเตรียมการมีหมด แต่ว่าคุณเตชเขียนจดหมายมาบอกว่า ท่านถูกบีบบังคับจากมากมายหลายฝ่าย ถูกบีบบังคับท่านไม่เท่าไร มาเจอภรรยาท่านด้วย ภรรยาท่านใช้คำว่า Collapse แปลว่าทนไม่ได้อะไรอย่างนี้ เพราะสามีมาอยู่กับรัฐบาล ซึ่งคนเขาดูหมิ่นเหยียดหยามกันทั้งบ้านทั้งเมือง ข้อความในจดหมายผมไม่เอามาอ่านหรอกครับ ผมก็เห็นใจท่าน เพราะท่านก็เป็นข้าราชการมาตลอดชีวิตท่าน ท่านเป็นปลัดกระทรวง ท่านก็รู้จักคุ้นเคยกับผมดี คุณพ่อคุณแม่ท่านผมก็คุ้นเคย คุณพ่อท่านเป็นกรมวังเก่า ก็คุ้นเคยคุณพ่อคุณแม่ท่านก็คุ้นเคยกับคุณเตช ได้เคยพบรู้จัก ผมถึงไปออกปากเชิญ แล้วรู้ว่าท่านมีความสามารถ ท่านก็ใช้ความสามารถ แต่สังคมทำอะไรครับ สังคมไหนผมไม่ทราบได้ จะวงการคุณหญิงคุณนายใครที่ไหนอย่างไร ใครจะไปบีบบังคับคุณเตช ท่านไม่ได้มีความรู้สึกเป็นนักการเมือง ท่านมาช่วยงานก็ขอบพระคุณครับ ไม่มีปัญหาอะไรอื่นเลย พาดหัวตัวเท่าหม้อแกง ตัวใหญ่อีก 3 เท่า ผมก็ต้องไปหาคนมาแทนคุณเตช ไม่มีอะไรอื่นเลยครับ เพราะท่านถูกบีบคั้น แล้วรัฐมนตรีคนอื่นไปบีบได้ไหมครับ ไปคั้นน่ะครับ นายกรัฐมนตรีน่ะถูกเหยียบหัวเหยียบหางก็ยังอยู่ครับ แล้วผมเป็นอะไร ผมเป็นนักการเมือง แล้วผมรู้ว่าอะไรเป็นอะไร และผมถึงได้บอกไงครับว่าความกลัวทำให้เสื่อม ผมไม่กลัวล่ะครับ ผมมีหน้าที่ต้องดูแลบ้านเมืองนี้ ผมต้องรักษาบ้านเมืองนี้
เพราะฉะนั้น ใครที่จะคิดคาดการณ์ว่าสมัครออกแล้วจะทำอย่างไร ต่อไปจะเป็นอย่างไร เขาบอกเสร็จเลยครับว่าสมัครออกไปแล้วต้องใช้การเมืองใหม่ ท่านทั้งหลายนักวิชาการทั้งหลาย ครูบาอาจารย์ทั้งหลายที่ท่านตัดสินใจ ต้องออกไปเชียร์ ต้องสนับสนุนและเหยียบย่ำรัฐบาล ท่านลองคิดสิครับจะรับการเมืองใหม่ จะทำอย่างไรครับ จะทำก็ต้องไปแก้รัฐธรรมนูญ แน่นอนต้องแก้รัฐธรรมนูญ แล้วคนพวกนั้นจะมาแก้รัฐธรรมนูญได้ไหมครับ มีสถานะมีอะไรอย่างไรไหมครับ คนแก้รัฐธรรมนูญอยู่ในสภาครับ 480 บวกอีก 150 นั่นล่ะครับ คนแก้รัฐธรรมนูญ และไปสั่งเขาได้ไหมครับ หรือว่าสั่งบางพรรคการเมืองได้ และอย่างไรครับ สั่งพรรคการเมืองบางพรรคได้ แต่ว่าสั่ง 233 ไม่ได้นะครับ สั่งพรรคร่วมรัฐบาลคงยังไม่ได้อีก วุฒิสมาชิกเลือกตั้งมา แต่งตั้งมา แต่งตั้งมา 74 จะนับไปหมดก็ตามใจ แต่เลือกตั้งเขาก็เป็นคนธรรมดา ๆ เข้ามา ไม่ได้หรอกครับ ยังไงก็เป็นไปไม่ได้ จะยังไงก็พรรคการเมือง คราวที่แล้วหัวหน้าพรรคออกไป ว่าจะนั่น เขาก็อยู่ต่อครับ
เมื่อวานเอาอีกทดลองอีก เขาก็ยังอยู่ต่ออีกครับ เพราะเขารู้ว่าต้องมีหน้าที่ช่วยกันรักษาบ้านเมือง คุณเตชท่านทนไม่ได้ ผมก็ขอบพระคุณคุณเตชตรงนี้ที่ได้มาช่วยงาน ก็ลุล่วงไปได้เยอะครับ ไม่มีอะไรเลย ครับ ท่านบอกท่านทนไม่ได้ คือบีบคั้นมารอบด้าน ใครล่ะครับ ใครที่ไปบีบคั้นคุณเตชก็ลองคิดดูแล้วกันครับ ท่านเป็นข้าราชการประจำ ท่านไม่ได้มาทนทานกับผม เพราะฉะนั้น ท่านบอกถอน ก็ไม่เป็นปัญหาครับ ก็ขอบพระคุณ ประกาศขอบพระคุณตรงนี้เลยครับ จะส่งดอกไม้ไปเยี่ยมภรรยาท่าน ถ้านักการเมืองเป็นอย่างไรหมด นักการเมืองก็ต้องมาแบบนักการเมือง ผมไม่ได้โทษอะไรท่านเลยครับ แล้วไม่มีการกระทบกระทั่ง ไม่มีอะไรเลยครับ จะใช้ภาษาฝรั่งสักคำให้น่าหมั่นไส้ เขาต้องบอกว่ามี Conflict of Interest ผลประโยชน์ขัดแย้งกัน ไม่มีหรอกครับ ท่านก็บอกไมตรีของเรายังมีเหมือนเดิม ก็ขอกราบขอบพระคุณครับ
จะบอกให้ฟังนะเมื่อคืนก็เป็นข่าวเอิกเกริก ไปเฝ้าฯ พลเอก เปรม ติณสูลานนท์ นายสมัครไปเฝ้าฯ ทำข่าวกันเอิกเกริก ผมเห็นหนังสือพิมพ์พาดหัวเมื่อเช้า ผมก็นอนอยู่บ้านผม ผมนอนดูโทรทัศน์อยู่ พลเอกเปรมฯ ท่านเป็นองคมนตรีท่านก็ไปเฝ้าฯ ผมเป็นนายกฯ ผมก็ไปเฝ้าฯ จะให้ผมเล่าว่าผมเฝ้าฯ ว่าอย่างไร ผมพูดกับ BBC ผมบอก You ไม่รู้เหรอ ธรรมเนียม You นายกรัฐมนตรีไปเฝ้าฯ Queen และก็รายงาน แล้วเขาเอามาแถลงว่าอะไร ไม่ เขาต้องมีระบบระเบียบ ไม่ล่ะครับ ผมเฝ้าฯตั้ง 10 หนแล้ว ผมไม่เคยเล่าสักที วันก่อนเขารู้ว่าผมเฝ้าฯ เพราะผมต้องลาคนที่สนามกีฬาไป เพราะต้องไปขึ้นเครื่องบิน ไม่อย่างนั้นไปไม่ทัน ท่านพระราชทานเวลามาห้าโมงเย็น ไม่มีปัญหาอื่น เฝ้าฯ แล้วผมจะมาแถลงได้อย่างไร ไม่ใช่เหตุผล องคมนตรีมาท่านก็ต้องไม่แถลง ไม่มีเหตุผล ทุกอย่างเป็นปกติ
ผมยืนยันกับพี่น้องประชาชนทั้งประเทศว่า บ้านเมืองเวลานี้ยังเป็นปกติดีอยู่ครับ นอกเหนือจากรอบทำเนียบรัฐบาล เข้าไปข้างในมีปัญหา แต่ข้างนอกยังขับรถได้ คนกรุงเทพฯ ใช้ชีวิตธรรมดา ผมยังบอกว่าโรงเรียนน่ะปิดกันหมด กลัวกันจริง ไม่มีปัญหาหรอกครับ วันนี้เขาก็เปิดกันหมดแล้ว รอบปิดเห็นด้วย โรงเรียนวัดเบญจมบพิตร โรงเรียนวัดโสมมนัส โรงเรียนวัดมกุฎกษัตริยาราม ให้ 1-2-3-4 ตรงนั้น โรงเรียนพาณิชยการพระนคร มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคล ปิดก็เห็นด้วย แต่ที่อื่นต้องเป็นปกติครับ ไม่มีใครล่ะครับ ไม่มีใครจะออกมายึดอำนาจบ้านเมืองนี้ เขาบอกเขาสันติ อาวุธไม่มี แต่มีปืนนิดหน่อย ไม่เป็นไร มีไม้นิดหน่อยฟาดกันตาย ไม่เป็นไรครับ กรรมการจะสอบสวน ตำรวจ ทหาร เขาตกลงกันแล้ว ว่านุ่มนวลที่สุด มือเปล่า ๆ ยังจะมีโล่มีอะไรเท่านั้นเอง เห็นกันอยู่อย่างนี้ล่ะครับ 2 อันที่จะต้องเล่าให้ฟังกรณีที่ปะทะกันนั้น เพราะตำรวจจะเข้าไปเคลียร์พื้นที่เขาไม่ยอม ก็ปะทะกัน 27 คน ตำรวจบาดเจ็บ ทางโน้นก็ 30 กว่าคน ก็จบกันไปได้ไม่มี อ้าวตีกันน่ะตาย พอมีคนตายเรื่องใหญ่ เพราะอยากเอาอย่างนี้กันอยู่แล้วครับ แก๊สน้ำตาปัง ๆ กันเข้ามา กำลังสอบว่าใครเป็นคนยิง เข้าในสภาล่อกันเป็นทำนองเหมือนกับว่าสถานีวิทยุโทรทัศน์ NBT จะต้องถูกตัดงบประมาณ 20 เปอร์เซ็นต์ เพราะเหตุว่าคนรายงานข่าวบอกว่าทุกช่องเขาบอกว่าแก๊สน้ำตา ทางนี้รายงานข่าวว่าสงสัยจะเป็นอะไร จะเป็นระเบิดควันอะไรยังไงหรือเปล่า รายงานไม่ตรง จะถูกตัดงบประมาณ 20 เปอร์เซ็นต์ เมื่อคืนฟังโทรทัศน์
ผมขอย้ำสุดท้ายว่าสถานการณ์บ้านเมืองผิดปกติเพราะเราประกาศภาวะฉุกเฉิน ทหารนั้นฟาดฟันไม่ได้ ฟาดฟันเกิดเรื่อง ทหารไม่ปฏิวัติ ไม่ยึดอำนาจ และจะทำอย่างนุ่มนวลด้วย และผู้คนพวกนั้นต้องออกครับ ในเวลาไหนเวลาหนึ่งเขาจะต้องจัดการออก และเขาจะต้องออกไป เข้าไม่ได้ออกไม่ได้ และเขาต้องออกไปหมด ผู้คนทั้งหลายทั้งปวงเอายิ่งนุ่มนวลกว่านั้นอีกทั้ง 9 คน ก็ไปสิครับไปศาลและไปขอประกันตัวซะ ให้จบเรื่องไป และไปสู้คดีความกัน ทุกอย่างมันต้องจบในลักษณะนี้ครับ จบอย่างอื่นไม่ได้เลยครับ ไม่มีอะไรอื่นล่ะครับ และที่จะขู่จะเข็ญ จะอะไรต่าง ๆ ไม่ล่ะครับ บัดนี้ทุกอย่างก็คลาย ผมกราบขอบพระคุณทุกสถาบันที่เขาช่วยกันทั้งเรื่องน้ำ เรื่องไฟ เรื่องอะไรต่าง ๆ ผมมาพูดวันนี้เพื่อให้ได้คิด ให้ฉุกคิดว่าจุดหมายปลายทางสำหรับพวกที่ปลุกระดมนั้น ไม่มีครับ ทั้งหมดทั้งปวงและในสภาของผมด้วย เขาจะเปิดกันใหม่ เขาคุยกันได้ไม่มีปัญหา แต่ถ้าจะจบจะสิ้นต่าง ๆ ผมประกาศให้ฟังนะว่า ผมไม่ลาออกครับ แล้วผมก็ยังไม่ยุบสภา ผมจะอยู่ดูหน้าที่เพื่อรักษาระบอบประชาธิปไตยของบ้านเมืองนี้ เอาเถอะครับจะเป็นอย่างไรก็แล้วแต่ คนที่จะทำดีจะรักษาระบอบประชาธิปไตย จะป้องกันสถาบันพระเจ้าอยู่หัว จะดูแลเรื่องใครจะมาลบหลู่ดูหมิ่น ผมจะต้องเป็นคนป้องกัน ถ้าผมมีหน้าที่จะทำอย่างนี้ แล้วดูสิว่าใครจะมาทำอย่างไร แล้วดูสิว่า พี่น้องประชาชนทั้งประเทศท่านพอจะฉุกคิดได้ไหม ว่าที่ไปยุ่งกับเขาจะได้อะไรขึ้นมา ผลจบจะเป็นอย่างไร เขาจะตอบแทนบุญคุณท่านอย่างไร
บรรดาสหภาพทั้งหลายทั้งปวงที่จะทำอะไรต่าง ๆ เขาต้องจดชื่อท่านไว้ ที่ท่านเคลื่อนไหวทั้งหลายทั้งปวง มีตัวบทกฎหมายอยู่ มีคนเขาจะคอยป้องกัน และสุดท้ายก็จะไม่มีเหตุอย่างนั้น ชีวิตยังเป็นไปตามปกติ ผิดปกติคือได้ประกาศภาวะฉุกเฉิน และถ้าเสร็จอะไรแล้วก็จะจัดการยุติโดยเร็ว เพราะไม่ควรจะคาราคาซังไว้ แต่ว่าผมให้โอกาส ผู้บัญชาการทหารบก (พลเอก อนุพงษ์ เผ่าจินดา) สนทนาธรรมกัน พูดจากัน เวลานี้มอบกรรมการดูแล กรรมการเขาจะค่อยดูแล แต่สำคัญคือคน 60 กว่าล้านนี่น่ะครับ ท่านโปรดมองดูที่ทำเนียบรัฐบาล มีคน 5 คน บวก 1 ที่เขายึดทำเนียบอยู่ ไม่มีถาม ไม่มีเหตุผล ไม่มีอะไรทั้งนั้น ถ้าผมเป็นคนเลว เป็นคนสกปรก ผมอยู่ไม่ได้ป่านนี้หรอกครับ ผมต้องแน่ใจว่าผมไม่สกปรก และผมต้องแน่ใจว่า ถ้าผมไปศาลผมต้องมือสะอาด และต้องแน่ใจว่าผมคุมบังเหียนเรือลำนี้อยู่ ผมต้องรักษา ผมไม่โดดน้ำหนีหรอกครับ คนทั้งเรือนั้นผมรับผิดชอบ แต่ท่านทั้งหลายต้องกรุณา ต้องช่วยผมด้วย ต้องช่วยฉุกคิดหน่อยว่าเราไปร่วมกับเขาทำไม แล้วได้อะไรอย่างไร ท่านจะนั่งฟังวิทยุปลุกระดม โทรทัศน์ปลุกระดม ต่อไปก็ต้องมีวิจารณญาณ
ทำไมคนที่เขาฟังแล้วเขาไม่เชื่อ ลองคุยกับเขาดูว่าทำไมเขาไม่เชื่อ ทำไมเขาไม่ฟัง ทำไมคนทั่วไปในบ้านเมือง ยังมีชีวิตอยู่ได้ตามปกติ แต่ข่าวคราวที่น่าตื่นเต้นนั้นมาจากฝ่ายไหนอย่างไร ผมไม่กล้าแตะต้องล่ะครับ ไม่กล้าพูดว่าทั้งหลายทั้งปวง รายการเช้า รายการบ่ายอะไร รายการเย็น ได้ช่วยกันต่อการปลุกระดมให้มันน่ากลัวขึ้น ผมเสียงเดียวไม่เป็นปัญหาหรอกครับ แต่ต่อไปจะหามาอีกหลายเสียง จะหาคนที่คิดอย่างเดียวกันนี่มาพูดจาให้ฉุกคิด วันนี้ภาษาไทยวันละคำนะครับสำหรับพี่น้องประชาชนชาวไทย ขอให้ท่านฉุกคิดว่าที่ไปยุ่งกับเขา ไปร่วมกับเขา แล้วจุดหมายปลายทางคืออะไร สำหรับตัวท่านเองคืออะไร สำหรับประเทศชาติ จะจบอย่างไร ถ้าท่านไปร่วมมือกับเขา และผมแน่ใจว่าถ้าหากผมยังทำหน้าที่ถือหางเสือบ้านเมืองนี้อยู่ เรื่องนี้ต้องจบได้ครับ ชาวโลกเขาเฝ้าดูเราอยู่ ขอลาก่อนนะครับ วันนี้เป็นเรื่องกรณีพิเศษ ขอแสดงความผิดหวังต่อท่านทั้งหลายที่เตรียมการนะครับว่ามาประกาศลาออก มาโน่นมานี่ ไม่ล่ะครับ สวัสดีครับท่านพี่น้องทั้งประเทศครับ
--กลุ่มยุทธศาสตร์และแผนการประชาสัมพันธ์ สำนักโฆษก--
วันนี้ (4 ก.ย.) เวลา 07.35 น. นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวกับประชาชนผ่านทางสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย ว่า สวัสดีครับพี่น้องประชาชนที่เคารพรักทั้งหลาย รายการวันนี้ความจริงไม่ใช่รายการพิเศษอะไรเลยเชียวนะครับ เริ่มต้นผมตั้งใจจะมาสนทนา เพราะจะให้เจ้าหน้าที่สถานีมาคุยกับผม ก็คิดกันเมื่อเย็นวานนี้เองล่ะครับ สาเหตุที่คิดเมื่อเย็นวาน เขาบอกว่า เวลาที่คุยทำไมไม่มาใช่เวลา 07.30 น. เขาถ่ายทอดทั่วประเทศ ในกรุงเทพฯ ไม่ฟังไม่เป็นไร แต่ต่างจังหวัดฟัง ผมก็บอกว่าผมก็อยากจะพูดกับพี่น้องประชาชนทั้งประเทศพร้อม ๆ กัน ก็อยากจะมาคุย จะคุยเรื่องต่าง ๆ เรื่องความเป็นมาเป็นไปน่ะครับ แต่ปรากฏว่ากลายเป็นข่าวเอิกเกริก คือข่าวนี้ผมต้องการจะทำเป็นธรรมดา ๆ กลายเป็นผิดธรรมดาครับ เนื่องจากเมื่อวานนี้เกิดมีท่านรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศยื่นใบลาขอลาออก มีข่าวองคมนตรีไปเฝ้าฯ มีข่าวว่านายสมัครไปเฝ้าฯ กลับมาทำข่าว มันมากมายก่ายกอง ผมเลยต้องเปลี่ยนจากที่เจ้าหน้าที่จะมานั่งคุย ผมก็จะขอพี่น้องประชาชนทั้งประเทศผ่านทางรายการนี้
เมื่อคืนดูโทรทัศน์คุณหมอเลี๊ยบ (นายสุรพงษ์ สืบวงศ์ลี รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง) ไปออกรายการ "ตาสว่าง" ช่อง 9 คุยกันใหญ่ 3-4 คน ฟังความดูแล้วทำไมถึงเป็นอย่างนี้ มีคนมานั่งอธิบายเอาแต่ได้ข้างเดียวอะไรต่าง ๆ และจะให้รัฐบาลมายอมทำอะไรต่าง ๆ ผมเลยบอกเช้านี้มาขอคุยล่ะครับ ไม่ได้มีอะไรอื่นเป็นพิเศษหรอกครับ เพราะสถานการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างธรรมดา ๆ แท้ ๆ คือว่ามีคนยังไม่เลิกรา เมื่อ 3 เดือนที่แล้วก็บอกว่า ทีแรกก็เอาเรื่องแก้รัฐธรรมนูญ แก้รัฐธรรมนูญไม่ยอมให้แก้ ตกไป เขาถอนชื่อไป ไปเอาเรื่องหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ จะเอาเรื่องให้ได้ ผมก็ดำเนินการให้ตำรวจจัดการ พอสุดนั่นเอามาไล่รัฐบาล ไล่รัฐบาลยังไม่ทันจะดี มาเล่นเรื่องเขาพระวิหาร ก็เปลี่ยนแปลงมาเรื่อยล่ะครับ เปลี่ยนแปลงจนกระทั่งล่าสุดเป็นทำนองว่าผมไปยุ่งเรื่องจะสร้างรัฐสภาใหม่ เรื่องตลอดมาล่ะครับ เราก็ไม่อยากอ้างมาตรา 63 มาตรา 63 ขวางไปขวางมา คนทั้งบ้านทั้งเมืองก็เห็น ผมก็บอกว่าเขาต้องการให้ Spark ไปแตะต้องอะไรเข้าให้มันเกิดเรื่อง ต้องการให้ทหารออกมายึดอำนาจอีก ก็นั่งอดทนมาจนกระทั่ง 90 วัน ไป ๆ มา ๆ เขาบอกว่าจะถึงวันเป่านกหวีดยาว วันที่ 26 สิงหาคม ก็ดำเนินการ เราก็ไม่คิดอะไรอื่นครับ ทุกอย่างก็ตั้งใจเอาไว้แล้วว่า ไม่ต้องการให้เกิดการปะทะ หรือเกิดอะไรที่จะไปอ้างอิงได้ไม่ให้มีเหตุ ก็ทนได้ แม้กระทั่งเขาเที่ยวไล่โน่นไล่นี่ เข้าไปสถานีวิทยุ NBT ก็เป็นเหยื่อ โอ๊ย เป็นข่าว ว่าเป็นเรื่องเมคอัพ เป็นเรื่องอะไรต่ออะไรทำกันอีก ต้องไปเรียกร้องเอาคนที่ตำรวจจับตัวไป ๆ เรียกร้อง ถึงจะมารู้ว่าอะไรเป็นอะไรกัน และก็ไปยึดกระทรวงการคลัง กระทรวงโน้นกระทรวงนี้ สุดท้ายก็บุกเข้าไปในทำเนียบ และไปยึดทำเนียบ และก็ประกาศชัยชนะ ผมก็ต้องร้องถามว่า แล้วมันอะไรกันอย่างนั้น มันแปลว่าอะไร มีระบบกฎหมายอะไรรองรับอย่างไร
ที่ผมต้องการมาพูดกับพี่น้องประชาชนทั้งประเทศวันนี้คือว่า คณะผู้คนที่มา เขาไม่เกลียดชังใคร ไม่ชอบใครอะไรต่าง ๆ และก็อ้างสถาบันพระมหากษัตริย์ หัวหน้าก็บอกจงรักภักดีเทิดทูนเหลือเกิน พูดจาคำก็เทิดทูน สองคำก็เทิดทูน ใส่เสื้อสีเหลืองอะไรต่าง ๆ เหมือนกับสถาบันกำลังถูกทำลาย แล้วไปอ้างคนอื่น ซัดคนอื่น ต่อมา ๆ เอาผมเข้าด้วย มันไหมเหรอครับอย่างนี้ ผมก็พยายามนั่งดูว่ามันอะไรกันนักหนา ประกาศเลยเทิดทูนสถาบันพระมหากษัตริย์ ปาว ๆ ๆ ๆ และคนอื่นเขาล่ะครับ แล้วคนอื่นที่เขาเทิดทูนสถาบันพระมหากษัตริย์ เขาอยู่ในหัวใจน่ะครับ ผู้คนทั้งบ้านทั้งเมือง แล้วทหารที่เขาถวายสัตย์ปฏิญาณ แล้วทำไง ตกลงเขาไม่ได้...พูดใช่ไหม เขาไม่ได้มาทำอะไรพรรค์อย่างนี้ คนทั้งบ้านทั้งเมืองทั้งหลายทั้งปวงที่ไม่ได้เอ่ยเอื้อนนี่ แปลว่าเขาไม่จงรักภักดีเหรอครับ ความจงรักภักดีมันเกิดจากหัวใจของคนนะครับ อยู่ที่ปากจะแสดง ก็แสดงไป แต่ความจงรักภักดีอยู่ในใจคนทั้งหมดทั้งบ้านทั้งเมือง เอาเรื่องนี้มาตั้งประเด็นนี้ เสร็จแล้วมากล่าวหา รัฐบาลทุจริตฉ้อราษฎร์บังหลวง รัฐบาลโน่นนี่ไม่มีความสามารถ ว่าไปกล่าวไป เราก็นั่ง เอ๊ะ แล้วคน 5-6 คนนี่เป็นใคร มาทำอะไร ถูกต้องเขาเคยทำให้เกิดปฏิวัติมาหนหนึ่งแล้วครับ และก็กล้ำกลืนฝืนทดมาถึงวันที่ 23 ธันวาคมมาได้ ประชาธิปไตยกลับมาเลือกตั้ง
ผมก็บังเอิญมาทำเป็นหัวหน้าพรรคนี้เข้าอะไรต่าง ๆ ผมทำงานมา 7 เดือน และก็ไม่ได้ทำแต่ในประเทศเฉย ๆ ระหว่างประเทศก็ทำเพราะต้องไปตระเวนเยี่ยมเยียน ได้พบปะ ทูตขรตรีเศียรเจรจาความ เขาก็ยินดีว่าบ้านเมืองนี้กลับมาเป็นประชาธิปไตยอีก และต่อมาก็เกิดมีคนมาต้องการจะล้มล้างประชาธิปไตย แล้วในสภาล้มกันไหม สภาก็ไม่ล้ม เพราะสภามี 164 ล้มไม่ได้ แต่มีคนข้างนอก ตั้งคณะตั้งขบวนการสุดท้ายยึดทำเนียบ แล้วไปแตะต้องไปทำอะไรได้ไหม เขาอยากให้เราแตะต้อง เขาอยากให้เราแตะต้อง เขาอยากให้เราฟาดฟัน คืออยากจะให้นองเลือดล่ะครับ ทั้งที่ไม่มีเลือดจะนอง ก็พยายามจับต้องทุกวิถีทาง ผมก็พยายามทำให้นุ่มนวล พอนุ่มนวลเสร็จเรียบร้อย ต้องใช้แง่กฎหมาย มายื่นไปเรื่องนี้ ศาลก็ออกหมายมาให้ 1-2-3-4-5-6-7-8-9 คน ยื่นศาลแพ่งไป ศาลแพ่งก็กรุณาออกมาให้ ก็ดำเนินการ ไปขอบังคับคดีนะครับ เอาล่ะ ๆ ถ้าศาลบอกว่าตรงนั้น ๆ คุณอยู่ตรงนั้นไม่ได้ ภาษาฝรั่งเขาเรียกว่าไปเคลียร์พื้นที่อะไรต่าง ๆ ไปถึงก็เกิดปะทะกันเข้า มีเหตุหัวร้างข้างแตกกัน ก็ปะทะกันเพราะข้างหนึ่งไม่ยอม อีกข้างหนึ่งจะเข้าไปเอาพื้นที่ สุดท้ายก็กลายเป็นเหยื่ออีกแล้ว ตำรวจบาดเจ็บไป 27 คน คนโน้นก็บาดเจ็บ คนนี้ก็บาดเจ็บ คือกลายเป็นเรื่องยุ่งยาก
เอาเหตุอีกแล้วบอกว่ารัฐบาลใช้ความรุนแรง รัฐบาลไม่ได้สั่งสักคำ รัฐบาลเป็นคนสั่งถอยด้วยซ้ำไป เขาบอกจะเข้าไป บอกเอาล่ะ ไม่ไหวแล้ว ถ้าอย่างนี้เดี๋ยวเกิดเรื่อง ผมก็สั่งถอยออกมาว่าตรงนั้นเอาล่ะ จะทำยังไงก็ทำ... แต่เหตุที่ปะทะกันตรงนั้นเป็นเหยื่อเป็นเชื้อ ใหญ่โตมโหฬาร ที่น่าประหลาดคือว่าบรรดาผู้คนทั้งหลาย ต้องพูดว่าเขาปลุกระดมชักชวนกันไว้ ไปกันใหญ่เลยครับ ออกข่าวอะไรต่าง ๆ ที่ผมเสียใจจนต้องอยากมาขอพูดกับพี่น้องประชาชนทั้งประเทศวันนี้เพราะอะไร เพราะท่านที่เข้ามาสั่งสม มาสนับสนุน อ้างเหตุตรงนี้ล่ะครับ เสร็จแล้วก็มีเหตุ และก็มีเหตุซ้อนเหตุขึ้นมาอีก มีเหตุก็หมายความว่าคนทนไม่ได้ไปตั้งป้อมอยู่สนามหลวง อ้าวเคลื่อนไหว ตรงนั้นหาไม้รั้ง ตรงนี้มาก็มาเอา ตีกัน เขามีโทรทัศน์ถ่ายไว้ทางด้านหลังพวกนี้ก็มี
ผมก็บอกเรื่องนี้ต้องสอบสวนครับ คนใส่หมวกเตรียมการไว้เสร็จเลย ตีกันอะไรต่าง ๆ คนไม่ได้ตื่นมาดูมาเห็นหรือไม่ได้ตามข่าว ก็ออกข่าวกลายเป็นทำนองว่า เอาอีกแล้วครับ รัฐบาลวางแผน รัฐบาลจุดชนวน ในที่สุดต้องขอร้องทหารออกมาช่วย ทหารออกมาอาวุธไม่มี มาช่วยแทรก ทหารออกมา ก็ยุติได้ จับแยกวงกันได้ ก็ต้องทำอย่างนั้น แต่มานั่งประชุม ผมก็ไปประชุมกัน ผมไม่ได้คิดอะไรเองหรอกครับ นั่งประชุมปรึกษาหารือ ผู้คน ๆ ที่เขาเกี่ยวข้อง คนนี้มาคนนี้มา ฝ่ายทหารมา ฝ่ายตำรวจมา นั่งดูกันทั้งหมดเรียบร้อย บอกอย่างนี้ต้องดับชนวนกันไว้ ก็ขอประกาศภาวะฉุกเฉิน มีตั้งหลายข้อ เอาสัก 5 ข้อ พอสมควรอยู่ได้ และต้องยืนยันว่าประกาศแล้ว ชีวิตการทำงานต้องอยู่ได้ ท่องเที่ยวไม่กระทบ คือพยายามป้องกันทุกอย่าง ขออย่างเดียวเพียงแต่ว่าตำรวจ ทหาร จะมีปฏิบัติการได้ ผู้คนทั้งบ้านทั้งเมืองก็คิดกันว่า ประกาศเอาแล้ว มันเป็นสูตร ประกาศปั๊บ 1-2-3ต้องล้อมต้องจับต้องกุมอะไรต่าง ๆ เรารู้แล้ว เรามีบทเรียนมาแล้ว ผมนี่ล่ะครับ ที่ผมบอกว่าเราต้องนุ่มนวล แล้วต้องไม่กระทบกระทั่ง โอ๊ย คนเดือดร้อนต่อไปเป็นยังไง เป็นคณะทหาร ต้องขอลำดับความเดือดร้อนให้ฟังก่อนนะ รัฐบาลนี้เดือดร้อนก่อน เพราะว่าเอาไม่อยู่ คณะนี้ยึดทำเนียบ รัฐบาลเอาไม่อยู่ ถัดไปผมก็ใช้ขอศาล ศาลท่านก็มีหมายมา จะจับ ออกหมายจับกุม ออกหมายอะไรต่าง ๆ เขาก็ไม่สนใจศาลเลยครับ ศาลโดนเข้าไปด้วย บอกศาลเอาไม่อยู่ ชวนกันเข้าไปในสภา พูดในสภา ในสภาเขาก็แนะนำผม คนหนึ่งบอกให้ลาออก คนหนึ่งบอกให้ยุบสภา ผมก็บอกว่าผมก็เป็นเสียงของผม ผมเสียงข้างมาก ผมก็พูดตามเสียงข้างมากว่า ผมออกไปไม่ได้หรอกครับ เพราะระบอบประชาธิปไตย บ้านเมืองของเราไม่มีเหตุผลที่ใครกลุ่มใดกลุ่มหนึ่งจะมาร่วมชี้หน้าให้ออก ผมก็บอกสภาว่าไม่ต้องเสียเวลาตัดสินใจ ผมบอกเลยว่าผมจะต้องอยู่เพื่อรักษาระบอบประชาธิปไตย อ้าวทำไม สภาเอาไม่อยู่อีกแล้ว ไป ๆ มา ๆ ไป ๆ มาก็เกิดเหตุ เหตุหนึ่งไปอ้างอิง ไปปลุกระดมให้ใครต่อใครเข้ามากัน พอเหตุสอง ไม่มีความชอบธรรมที่จะประกาศภาวะฉุกเฉิน คนที่โดนอันที่สี่ใคร ทหารครับ เพราะผมแต่งตั้งให้ท่านผู้บัญชาการทหารบกท่านเป็นคนดูแล ท่านก็จัดการตั้งคณะกรรมการ ผู้คนต้องฟาดต้องฟัน ต้องเสร็จภายใน 1-2 วัน นับชั่วโมงนับเวลากัน
ปรากฏท่านผู้บัญชาการทหารบก ท่านก็ไปอธิบายความ ท่านบอกท่านต้องทำอย่างนี้ ๆ ท่านก็พูดกันตรงไปตรงมา อย่างนี้ไม่ได้ คือท่านต้องรักษาตรงนี้ไว้ และต้องย้อนให้ไปดูสิสภาจะลองแก้กันอีกทีไหม เพราะมันนอกเหนือกว่า สำนวนท่าน บอกมีกำแพงไม่มีประตู ตรงอื่นมีประตู ผมก็ต้องรับฟังนะครับ ไม่ใช่ผมไม่ได้พูดกันนะครับ ผมพูดจากับท่าน แถลงเสร็จท่านก็คุยกับผม เมื่อวานท่านก็คุยกับผมว่าอะไรคืบหน้าอย่างไร แล้วเห็นไหมครับ รัฐบาลก็โดนว่าเอาไม่อยู่ ศาลก็โดนว่าคำสั่งศาลไม่มีความหมาย เสร็จแล้วไป ๆ มา ๆ สภาก็ตกลงกันไม่ได้ เพราะสภาต้องนับคะแนน นับเสียงนับความเห็น พอมาถึงทหารเขาก็คิดว่าสูตร 1-2-3 บทความหนังสือพิมพ์เมื่อวาน มติชน เขาเขียนดีเลยครับ เขาเขียนให้ดูเป็นตัวอย่างเลย หนึ่งเป็นอย่างนั้น สองเป็นอย่างนั้น สามเป็นอย่างนั้น คือถ้าทำตามสูตร พังทุกราย เราไม่ต้องพังนี่ครับ เราก็ไม่ไปตามสูตร
เพราะฉะนั้น ทางฝ่ายทหารบอกจะขอทำนุ่มนวล ผมบอกผมเอาด้วย ผมก็นุ่มนวลด้วย ผมก็บอกว่าชีวิตยังดำเนินการเป็นปกติ และทุกอย่างก็เป็นไปตามปกติ แต่ว่าเรามีประกาศฉบับนี้เพื่อจะได้ดำเนินการทำโน่นทำนี่ ทำอะไรได้ตามสมควรก็แก้ไข ที่ผมมานั่งขอสถานีเขาสนทนาวันนี้ เจตนาอย่างเดียวครับอยากจะบอกพี่น้องประชาชนว่า แล้วท่านคิดอย่างไรครับ บรรดาท่านทั้งหลายที่เข้ามากันใหญ่ ทำโน่นทำนี่ ความจริงที่เข้ามาก็เป็นจำนวนหนึ่ง ไม่เป็นปัญหา ถ้าท่านเชื่อก็ไม่เป็นปัญหา แต่ว่าบรรดาอื่น ๆ ที่ผมพูดถึงผู้สื่อข่าวบอกอย่าพูด อย่าไปแตะต้องสื่อ แตะต้องสื่อไม่ได้ แล้วผมก็ว่าสื่อประโคมข่าวกันนี่ มีอัยการคนหนึ่งที่จังหวัดสุราษฎร์ธานี ประกาศบอกอารยะขัดขืนไม่ทำหน้าที่ให้รัฐบาล 1 คน แล้วถามอัยการมีกี่พันคนครับที่เขาทำงานให้รัฐบาลอยู่ ทำงานให้บ้านเมืองอยู่ และจะมาตัดน้ำ ตัดไฟ ออกข่าวกันเอิกเกริก รายการทุกรายการเลยครับ อย่าไปพูดถึงเขาเลย ไม่พูดถึงเขาได้อย่างไรครับ ถามนำถามโน่นถามนี่เมื่อไรจะตัด นั่งดูเวลากัน มันกลายเป็นตื่นเต้นไปหมด เสร็จแล้วจริงๆ เป็นอย่างไร จริงๆ เจ้าหน้าที่ที่เขามั่นคง เขาเห็นว่าไม่มีเหตุผล เขาออกมาแถลง ไม่ เป็นไปไม่ได้ ไฟฟ้าฝ่ายผลิตบอกตั้งแต่ตั้งมาไม่เคยมีใครทำอย่างนี้ได้ ทุกคนบอกว่าอย่างไร สหภาพก็มี มีคนสหภาพมาเป็นสมาชิกมาเล่นด้วย มาออกข่าว สื่อประโคมข่าวกัน คนตื่นเต้นทั้งบ้านทั้งเมือง ถามว่านายกรัฐมนตรีตื่นเต้นไปด้วยได้ไหมครับ ไม่ได้ล่ะครับ
ผมมาวันนี้อยากจะขอบคุณท่านทั้งหลายที่รับผิดชอบในแต่ละส่วนต่าง ๆ ไปรษณีย์เขาบอก เขาไม่ ไฟฟ้า ประปา ทุกคนยืนยันบอกเป็นไปไม่ได้ ทำไม่ได้ แต่ข่าวออกไปแล้วครับ ถล่มกันแล้ว ล่อกันมากมายก่ายกอง มันสงครามข่าวนะครับ ข่าวที่ประโคม ผู้คนขนหัวลุกกันทุกวันนี้ ผมจะบอกให้ฟังนะครับว่าสถานะการบ้านเมืองเวลานี้ ผู้คนซึ่งไม่ได้มีสถานะอะไรรองรับได้เลย เข้าไปยึดทำเนียบและประกาศชัยชนะ ที่น่าเสียใจจนอยากร้องไห้ คือบรรดาคนที่มีการศึกษาทั้งหลายทั้งปวง เมื่อคืนนี้ก็รายหนึ่งออกรายการตาสว่าง ฟังพูดแล้วบอกไม่ได้หรอก คนเขาจะต้องแสดง เขาไม่พอใจ เขาต้องแสดงได้ ต้องยึด ผมก็อยากไปนั่งแทนนายแพทย์สุรพงษ์ เมื่อคืนนี้ พูดเอาแต่ได้ข้างเดียว ตะแบงไปอย่างนั้นเอง แล้วผู้คนที่นั่งอยู่ด้วย ก็ปล่อยให้พูดตะแบงไปอย่างนั้น ต้องใช้คำนี้เลยเชียวครับ เขาบอกไม่ได้หรอก จะต้องยึดต้องนั่น เขายืนยันว่าที่ปลุกระดมนี่ถูกต้อง มันจะถูกต้องได้อย่างไรครับ บ้านเมืองจะอยู่ได้อย่างไร ถ้าไม่มีกฎกติกาอย่างนี้ รัฐธรรมนูญว่าฉบับไม่ดี ก็ยังใช้ไม่ดีอยู่นี่ แล้วทำไมครับ ใครแตะต้องไม่ได้ แก้ไม่ได้ แล้วทำไมไม่รักษารัฐธรรมนูญครับ เรามีกฎหมายสูงสุด มีกฎหมายรองรับ บ้านเมืองของเราเป็นบ้านเมืองเจริญก้าวหน้านะครับ อยู่ใน 10 ประเทศอาเซียน แต่ก่อนก็อยู่แถวครับ ระยะหลังนี้ก็ตกต่ำลงมา เดี๋ยวนี้นายกฯ ประเทศไทยเป็นประธานอาเซียน ผมก็ต้องแสดงให้เขาเห็นว่าอะไรเป็นอย่างไร
ผมทำงานอยู่มา 7 เดือน ก็ยืนยันแน่นอนผมไม่ได้ทำอะไรผิดหรอกครับ จะมาอ้างอะไรยังไงก็ต้องอ้างเป็นตัวบทกฎหมาย บ้านเมืองที่ไม่มีกฎหมาย อยู่ด้วยกันไม่ได้หรอกครับ มันเป็นบ้านป่าเมืองเถื่อน ที่มาพูดวันนี้ก็อยากจะบอกว่า ท่านทั้งหลายที่คิดเหมือนกับว่ารถไฟขบวนใหญ่อยู่ที่ทำเนียบ ถ้าไม่มาร่วมไม่มาตกลง มันจะตกขบวนรถไฟ แล้วนักศึกษาธรรมศาสตร์มีเท่าไร หนุ่มๆ สาวๆ ไม่กี่คนที่มา ก็สนุกกันใหญ่มาขึ้นเวที ได้พูดทางเวที แล้วบรรดาหนูเหล่านั้นเขาคิดรึเปล่าว่า จุดหมายปลายทางอยู่ตรงไหน บรรดาท่านทั้งหลายที่แห่ห้อมล้อมเข้ามา เอาล่ะครับ เขาออกโทรทัศน์ เขาจะชักนำกันมา ล่อกันเป็นปีครึ่งปี ย่อมจะต้องคล้อยตามกัน แต่ข้อเท็จจริงเป็นอย่างไรครับ เรียกร้องให้นายกฯ ลาออก 1 ใน 5 เขาออกมา ไม่ได้ไม่ฟังไม่เจรจา ออกก็ไม่มีความหมายอะไรยุบสภาเลือกตั้งใหม่ นายกฯลาออกหรือยุบสภาก็ได้ พวกนี้กลับมาอีก ก็ต้องออกมาต่อต้านกันอีก แล้วบ้านเมืองเราเป็นอย่างไรครับ
ทั้งหมดที่พูดมาให้ฟัง ผมจะบอกให้ฟังนะ ทางสถานีเขาบอกว่าถ้าประเด็นไม่จบ ต่อเวลาได้ ผมบอกไม่เป็นไร เดี๋ยวเคารพธงชาติ ถ้าไม่จบ แต่จะต้องบอกเสียตรงนี้ เขามีการถ่ายทอดเสียงผมเลยนะครับ เมื่อเช้าฟังดูทางทำเนียบ ผมจะเล่าให้ฟังก่อนนะ วันก่อนผมไปเข้าเฝ้าฯพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวก็คิดกันเอง บอกว่าผมจะลาออก ไปตั้งป้อมรอ แล้วมาบอกว่าผมนัด แล้วผมหนี ผมไม่เคยนัด แล้วทำไมผมจะต้องหนี วันนี้ก็ออกข่าวกันมาอีก ตรงนี้ผมต้องบอกเสียก่อน พูดกันตั้งแต่เช้าเลยออกข่าว เขารู้จากไหน เขารู้จากสถานีโทรทัศน์ทั้งหลาย เขาถ่ายทอดเลย ความประสงค์ ความต้องการ ของคณะที่นั่น เขาบอกเลยว่านายสมัครจะออกสถานีวันนี้ ที่มานี่จะมาประกาศลาออก คิดกันไปอย่างนั้นเองล่ะครับ ผมจะไปลาออกได้ยังไงครับ ผมไม่ได้อยู่ตัวคนเดียว เวลานี้ผมไม่ต้องการอะไรทั้งนั้น แต่บ้านเมืองต้องการกฎกติกา เวลานี้ไม่ใช่แต่คนไทย คนทั้งโลกเขาเฝ้าดูนะครับ เมื่อวานนี้คุยกับ BBC อเมริกา มาขอสัมภาษณ์ พูด 10 นาที ไป ๆ มา ๆ เขาให้ครึ่งชั่วโมง อธิบายความพูดจากันชัดเจน ทั้งโลกเขาเฝ้ารอดูเราอยู่ ผมไปงานสถานทูต สถานทูตเล็กสถานทูตใหญ่ ไปหมดเวลานี้ ไปเพื่อให้รู้ว่านายกรัฐมนตรีไม่ต้องไปหมกมุ่นอยู่ที่ไหน มานั่งคุยยืนคุย ทูตขรตรีเศียรเขายืนยันนะครับ ว่าไม่ได้หรอก ประเทศไทยมาถึงป่านนี้เขารับไม่ได้ ปฏิวัติอีกเขาก็รับไม่ได้ และเขาก็ยืนยันว่าปฏิวัติโดยประชาชน ก็ไม่ได้ ไม่มีเหตุผล ที่เขาทำกันเนี่ย เขาเรียกว่าปฏิวัติโดยประชาชน
ท่านพี่น้องประชาชนทั้งประเทศ ท่านลองตรองดูสิครับว่าคนพวกนี้ตกลง ถ้าสมมติผมลาออก ผมทนไม่ได้แล้ว แล้วตกลงประเทศชาติจะเป็นอย่างไรครับเขาประกาศเลยว่าจะใช้ความคิดใหม่ของเขา จะใช้ระบบ 30 : 70 แล้วมาเริ่มต้นตรงไหน ไปเชื่อไปฟังอะไรเหมือนกับลัทธิประหลาด ใครไม่ไปต้องตาย ที่ว่าฟ้าเปิดแล้ว ถ้าไม่ฆ่าตัวตายภายใน 5 นาที ฆ่ากันไป 300 คน ฟ้าจะปิด ที่เมืองวาโก้ ที่เท็กซัสก็แบบเดียวกันนี่ละครับ นี่จะมาเกิดในประเทศไทย ทุกคนต้องวิ่งเข้ามาหา แล้วจุดจบของประเทศไทยจะเป็นยังไงครับ กฎเกณฑ์กติกา คนทั้งโลกเขาเฝ้าดูเขาจะว่ายังไง มันเป็นอะไรครับ ประเทศไทยเป็นอะไรยังไง
คนพวกหนึ่งขึ้นมา ไม่ชอบคนนี้ ไม่ชอบรัฐบาลโน้น มาหาโยงใย มาชี้หน้าต้องออก ต้องไป ต้องออก ไม่มีเหตุผลไม่ฟังไม่เจรจา แล้วบ้านเมืองนี้มันอยู่ได้เหรอครับ มันอยู่ได้เหรอครับถ้าเป็นอย่างนี้ แล้วท่านพี่น้องทั้งหลายก็เป็นคนไทยทั้งหมด ที่แล้วมามันมีอะไรเสียหายครับ บ้านเมืองมันเป็นอย่างไรกัน เขามีปฏิวัติเขายึดอำนาจ เราก็อดทนกันมาปีครึ่งปีค่อน เสร็จแล้วก็มีกติกาออกมา แล้วเราก็เลือกตั้งก็ได้พรรคการเมืองเสียงข้างมากเป็นรัฐบาล เสียงข้างน้อยเป็นฝ่ายค้าน เดี๋ยวเขาก็ประชุมงบประมาณ บ้านเมืองมันไม่ได้มีอะไรผิดขั้นผิดตอน มันมีแต่คนที่เขาไม่พอใจ เขาอยากอีก เขาเห็นว่าอดีตนายกฯ กลับเข้ามาเร็วเกินไป จะมีความสุขอะไร เขาก็ออกมาคอยจ้อง พอถึงจังหวะปั๊บบอกว่าแก้รัฐธรรมนูญ เขาโดดเข้าขวางทันที เมื่อ 3 เดือนที่แล้ว 25 พฤษภาคม แล้วก็แสดงอะไรต่างๆ ก็ต้องการให้รัฐบาลปราบปราม ทำให้เกิดนั่นทหารจะได้ออกมาอีก ผมก็ไม่ปราบผมก็ไม่ปรามยอมขมขื่น ผู้คนในบ้านเมือง เอาเถอะครับเขาอยากจะมันเกิด ผมจะไม่ให้มันเกิดเหตุ กลั้นใจมา 3 เดือน 90 91 92 เขาก็บอกเอาล่ะครับเขาต้องเป่านกหวีดยาวแล้ว เขาจะมีเดือดร้อนยังไง ปัจจัยอุดหนุนหมดไม่ทราบได้ เขาก็ต้องเอา เสร็จแล้วไปๆ มาๆ ก็เกินเหตุ ผมอยู่ข้างนอกผมก็ทำงานได้ ผมก็บริหารได้ เพียงแต่ว่ามันขลุกขลักมันอะไรต่างๆ อายไหมครับ อายครับอายไปทั่วโลก แต่ว่าคนทั้งประเทศล่ะครับ คน 60 กว่าล้านคน เอาเถอะครับไม่ต้องไปนับ 63 ล้านหรอก คน 60 กว่าล้านคนเขามีชีวิตตามปกติ คนกรุงเทพฯ ในทะเบียน 6 ล้าน นอกทะเบียนอีก 4 ล้าน ไปดูสิครับนอกเหนือจากทำเนียบรัฐบาล เขาเดินกัน เขาเดินทางเขาทำอะไรต่ออะไรต่างๆ
เขาบอกจะขอเทียบเวลา ผมต้องขอเวลา ต้องต่อเวลาหน่อย คงไม่ใช้เวลานานหรอกครับ แหม เขาสารคดีดักหน้าผมก็เลยมานั่งรอหน่อย เทียบเวลาเท่าไหร่ 07.58 น. เขาให้ผมเตรียมตัวเขาจะเทียบเวลา คุณจะเปิดเพลงชาติคุณก็ให้สัญญาณมือผมแล้วกันผมจะคอยดูตรงนั้น
คือจะบอกให้ฟังว่า คุยเรื่องนี้ยาวคุยสลับเรื่องเคารพธงชาติหน่อย เคารพธงชาติผมมาวันก่อนมาสถานี วันอาทิตย์ มาคุยอะไรต่ออะไร โอ๊ยถ่ายผมลงจากรถ ถ่ายรูปธงชาติกำลังจะขึ้น หันมาถ่ายผมครับ นี่คุณหันไปเคารพธงชาติ ฟังเหมือนกับพูดภาษาไทยไม่รู้เรื่อง ต้องเข้าไปใกล้ๆ นี่คุณหันไปเคารพธงชาติ ถ่ายผมทำไม ธงชาติกำลังจะขึ้น อย่างนี้ครับ ดูคนเราสิครับ ข้างล่างเวลานี้ข้างใต้สถานี คนมากมายก่ายกอง นักข่าวมาเป็น แหม มันมากซะจนกระทั่งไม่รู้มาทำไม มาคอยจะทำข่าว นายสมัครจะมาประกาศลาออก ผมจะประกาศให้ฟังซะตรงนี้ก่อนจะเคารพธงชาติ ผมไม่ลาออกหรอกครับ ผมต้องอยู่รักษาประชาธิปไตยของบ้านเมืองนี้ ผู้คนทั้งโลกเขาเฝ้าดูอยู่ ผมมาพูดกับพี่น้องประชาชนคนไทยทั้งประเทศว่า ท่านทั้งหลายต้องคิดนะครับ ใครก็ตามแต่ที่จะแห่เข้าไป มันลัทธิอะไรกันครับนี่ ลัทธิไม่พอใจแล้วเข้ายึดทำเนียบชี้หน้าต้องออก ต้องออกอย่างเดียว ไหวไหมครับ ไม่ไหวหรอกครับ เอาละครับต้องเคารพธงชาติแล้ว ผมจะอยู่ต่อหลังธงชาติ เดี๋ยวคุยต่อครับ
คือจะบอกให้ฟังว่า คุยเรื่องนี้ยาวคุยสลับเรื่องเคารพธงชาติหน่อย เคารพธงชาติผมมาวันก่อนมาสถานี วันอาทิตย์ มาคุยอะไรต่ออะไร โอ๊ยถ่ายผมลงจากรถ ถ่ายรูปธงชาติกำลังจะขึ้น หันมาถ่ายผมครับ นี่คุณหันไปเคารพธงชาติ ฟังเหมือนกับพูดภาษาไทยไม่รู้เรื่อง ต้องเข้าไปใกล้ๆ นี่คุณหันไปเคารพธงชาติ ถ่ายผมทำไม ธงชาติกำลังจะขึ้น อย่างนี้ครับ ดูคนเราสิครับ ข้างล่างเวลานี้ข้างใต้สถานี คนมากมายก่ายกอง นักข่าวมาเป็น แหม มันมากซะจนกระทั่งไม่รู้มาทำไม มาคอยจะทำข่าว นายสมัครจะมาประกาศลาออก ผมจะประกาศให้ฟังซะตรงนี้ก่อนจะเคารพธงชาติ ผมไม่ลาออกหรอกครับ ผมต้องอยู่รักษาประชาธิปไตยของบ้านเมืองนี้ ผู้คนทั้งโลกเขาเฝ้าดูอยู่ ผมมาพูดกับพี่น้องประชาชนคนไทยทั้งประเทศว่า ท่านทั้งหลายต้องคิดนะครับ ใครก็ตามแต่ที่จะแห่เข้าไป มันลัทธิอะไรกันครับนี่ ลัทธิไม่พอใจแล้วเข้ายึดทำเนียบชี้หน้าต้องออก ต้องออกอย่างเดียว ไหวไหมครับ ไม่ไหวหรอกครับ เอาละครับต้องเคารพธงชาติแล้ว ผมจะอยู่ต่อหลังธงชาติ เดี๋ยวคุยต่อครับ
ท่านผู้ชมครับ ผมเพิ่งได้รู้ตอนนี้นะว่าเพลงชาติของเราเนี่ยใช้เวลา 40 วินาที พอดีเป๊ะเลย เพราะว่าเขามีตัวเลขดิจิตอลให้ผมดู ที่ผมอึกอักๆ ตอนก่อนตอนแรกน่ะ เขามีจอ แล้วก็บอกขณะนี้เหลือเวลา 2 นาที คนพิมพ์กว่าจะพิมพ์เสร็จ ไอ้ตัวนี้ก็เดินไป ผมเพิ่งมาเห็น เขามีตัวเลขดิจิตอลให้ดู เลยเมื่อกี้ได้ดูเลยครับ เพลงชาติของเรานะครับ ถ้าใครจะจำไว้นะ 40 วินาทีพอดีเป๊ะเลยครับ เอาล่ะ ผมจะว่าต่อให้จบนะครับ ก็คือว่า เมื่อผมพูดจาอธิบายความให้ฟังแล้ว ผมก็บอกว่าผมจำเป็นจะต้องรักษาสถานการณ์ของบ้านเมืองไว้ เพราะเราไม่ใช่บ้านป่าเมืองเถื่อน บ้านเมืองเรามีประวัติศาสตร์ มีความเป็นมา มีชื่อเสียง มีสถาบันพระมหากษัตริย์อยู่ตกติดจนถึงปัจจุบัน ทบทวนให้ฟังก็ได้ครับ สมัยสุโขทัย เรา 200 ปี 9 รัชกาล สมัยอยุธยา 417 ปี 33 รัชกาล สมัยธนบุรี 15 ปี 1 รัชกาล แล้วจนถึงรัชกาลปัจจุบัน ณ ขณะนี้ เราก็ 226 ปี ก็เดินหน้าจนถึงป่านนี้ครับ ดูประวัติศาสตร์ ดูอะไรต่ออะไร ดูวงการทูตนี่ แหม เขาเฝ้าดู เขานับถือเรานะครับประเทศเราเนี่ยนะ แล้วก็เวลาที่เราเกิดไปยึดอำนาจกัน เขาก็ไม่พอใจ เขาก็หันหลังหันข้างกันไป พอเขาหันหน้ากลับมา ผมก็บังเอิญได้มาเป็นตรงนี้พอดี 7 เดือนเนี่ย ได้สัมผัส ได้พบ ได้พูด เขายืนยันเลยเชียวครับ เขายืนยันเลยว่า สิ่งที่ผมทำเนี่ยเขายินดีที่ยังมีคนคิดถึงการรักษาระบอบประชาธิปไตยของเรา ที่มีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข
เรื่องอย่างนี้เนี่ยนะครับ มันไม่ได้มีอะไรกันเสียหายเลย แต่มันเกิดมีความไม่พอใจ ความเกลียดชัง แล้วก็ก่อกันมา แล้วก็ดำเนินมา ถ้าท่านพี่น้องประชาชนทั้งประเทศ ท่านย้อนไปดูเมื่อ 3 เดือนที่แล้วสิครับ ปฏิวัติน่ะ คนที่ทำให้เกิดปฏิวัติแล้วเขาก็หายไป แล้วเขาก็คอยจ้องนั่งดู การปรากฏตัวของนายกฯ กลับมาใหม่ กลับมาเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ ก็เอาล่ะ เขาก็ มีนาฯ เมษาฯ พอพฤษภาฯ ถึงจังหวะก็เอาแล้วครับ เขาคอยจะหาเหตุ พอบอกแก้รัฐธรรมนูญ เขาประกาศเลย ลงไป เขาต่อต้านการแก้รัฐธรรมนูญ
ถัดไปก็เอามาเลย จัดการเรื่องหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ เสร็จเรียบร้อยบอก ไล่รัฐบาล เสร็จแล้วมาเขาพระวิหาร เสร็จแล้วทำอะไรต่ออะไรกันมากมายก่ายกอง ข้อหาที่กล่าวหาว่ารัฐบาลชุดนี้ทำให้ประเทศไทยเสียดินแดน แล้วอย่างนี้คนเชื่อไหม คนเชื่อกันนะครับ ไปฟังเขาบอกเสียดินแดน มันเสียเรื่องนี้ไปแล้วเมื่อ 2505 ไม่ต้องฟื้นฝอยหาตะเข็บ แต่อภิปรายไม่ไว้วางใจก็หยิบเอาเรื่องนี้เข้ามาฟาดฟันกัน กว่าจะประคับประคอง กว่าจะเอาย้อนกลับมาได้ เขาได้ตัวพระวิหารไป ตกลงเขาก็เอาตัวพระวิหารไปขึ้นทะเบียน มันก็เท่านั้นเอง มันก็หยุดยุติกันลงเท่านั้นเอง
เขาจะขอขึ้นบนพื้นที่ด้วย เราบอกไม่ได้ ไม่ได้ทั้งนั้นเลย เขาบอกเขาจะขึ้นเฉพาะวิหาร ขึ้นเฉพาะวิหารก็ไปตกลงบันทึกว่าขึ้นเฉพาะวิหาร มันเสียหายอะไรล่ะครับ ทำซะจนให้คนทั้งบ้านทั้งเมืองเข้าใจผิด คนเกิดไม่ทัน คนโตไม่ทัน บอกเนี่ยไอ้รัฐบาลชุดนี้ทำให้ประเทศไทยเสียดินแดน จะไปหากิน ไปคบค้า โอ๊ย ผมฟังกลางคืน ผมเปิดฟังครับ คลื่นวิทยุ 108 FM. น่ะ พูดกันทั้งหมด ฟังหมดล่ะครับ เขาบันทึกไว้หมด ก็ต้องฟ้องร้องกันวันข้างหน้า กล่าวหากันอย่างโน้นอย่างนี้ ชื่อผมน่ะ ไอ้หยาบคายต่างๆ น่ะสุดที่จะพูด แต่นี่มันประหลาดตรงที่ว่าคน 5-6 คนพวกนี้ ตัวหลักๆ มี 5 ที่ปรึกษาอีก 1 แล้วก็ลูกน้อง มันทำกันเป็นปี เขาเรียกว่า Reality Show นั่นล่ะครับ ออก ASTV น่ะ
มีคนฟัง คนติดตาม คนเกลียดชัง ชิงชัง คือทำให้เกลียดได้ละกันครับ คือทำให้เกลียดรัฐบาลก่อน ยึดไปน่ะ คราวนี้ทำให้เกลียดรัฐบาลนี้ ผมขอยืนยันว่าไม่ได้หรอกครับ คุณทำให้คนมาเกลียดแล้วชี้หน้าว่านายสมัคร ไม่จงรักภักดี ไม่ได้เลยเชียวครับ เพราะว่าผมเกิดมา ผมโตมา คนบ้านเมืองนี้เขารู้ว่าผมเป็นยังไง แน่นอนครับ ผมไม่ได้ตั้งใจมาเป็นหัวหน้ารัฐบาล แต่ผมเป็นหัวหน้าพรรค พรรคเกิดชนะเลือกตั้ง ผมก็ต้องมาทำหน้าที่ เวลานี้ผมก็บอกเป็นคนต้นทุน ถูกต้อง ผมไม่มีผลประโยชน์อะไรผูกพันกับบ้านเมืองนี้เลย ที่จะต้องรักษา จะต้องป้องกัน จะต้องอะไร ผมไมได้ลงทุนอะไรเลยสักบาทเดียว แต่ผมใช้ความสามารถของผม ผมเห็นว่าบ้านเมืองจะต้องมีระบบ เมื่อเขาเปิดให้เลือกตั้ง ก็มีเลือกตั้ง แล้วก็มาถูกต้องหมด แต่คนไม่พอใจ เป็นทำนองว่าไอ้พรรคการเมืองที่ผมบริหารอยู่เวลานี้ จะเป็นพื้นฐานให้คนจะเข้ามาล้มล้างสถาบันพระมหากษัตริย์อีก มันได้ยังไงครับ คิดเอาเอง พูดเอาเอง บังเอิญถ้าคนอื่นเป็นหัวหน้าป่านนี้ก็โดนบรรลัยแล้ว แต่บังเอิญเป็นผมครับ มันขบไม่ลง มันฟัดไม่ได้ พูดกันอะไรต่างๆ พอเสร็จเรียบร้อยก็ทำข่าวกันเอง ข่าวนี่ล่ะครับที่นั่น ยกย่อง ข่าวตีกันนั่นกัน เป็นเรื่องใหญ่ อ้างอิงให้ผู้คนมาต่าง ๆ
เสร็จแล้วท่านสังเกตไหมล่ะครับว่าเหตุการณ์เป็นอย่างไร ปิดสนามบิน ผมพูดในสภาวันนั้นก็เจียดไปหน่อย บอกโอ๊ยปิดทางใต้ทั้งนั้น แต่แล้วปิดหมดเลยครับ ปิดหมด ไปๆ มาๆ ผมต้องขอบคุณท่านอดีตหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ท่านส่งคนไปเจรจา ท่านบอกไม่ได้ ทำอย่างนี้บ้านเมืองเสียหาย อย่างนั้นคนก็ขอบพระคุณเลย แต่ท่านสังเกตไหมมันไม่มีในภาคอื่นเลยครับ ภาคอื่นสนามบินใหญ่ๆ ผู้คนมากมาย ไม่มีเลยครับ มีอยู่ทางนั้นล่ะ ผมก็ไม่อยากจะให้เรื่องภาคนิยม รักชอบอะไร ไม่ว่าอะไรหรอกครับ แต่ทว่า คิดถึงบ้านเมืองไหมครับ ทุบหม้อข้าวตัวเองไหมครับ คนที่อยากจะร้องไห้ คนทำธุรกิจโรงแรมภาคใต้เนี่ยนะครับ ภาคอื่นโดนหมดทั้งประเทศ คนทำกิจการท่องเที่ยวเป็นยังไงครับ มันไปหมดทั้งบ้านทั้งเมือง แล้วอยู่ดีๆ มันเกิดอย่างนี้ได้อย่างไรกัน เอามาต่อรอง ต้องไป รัฐบาลมันเลว รัฐบาลทราม รัฐบาลขายชาติ รัฐบาลอะไรต่างๆ ก็ปลุกระดมกันไป แล้วคนก็ไปเชื่อ เสร็จแล้วเป็นไง แล้วปลุกระดมกันเรื่องตัดน้ำตัดไฟ ก็บรรดาสถานีทั้งหลาย นั่งคุยกันคู่ๆ 2 คน 3 คน 5 คนน่ะ ก็ถามข่าวปลุกเหมือนกับ ก็เป็นปากเป็นเสียงเป็นลำโพงให้เขานั่นไป แล้วผู้คนก็ตื่นเต้นทั้งบ้านทั้งเมือง
นั่นล่ะคือเป็นเหตุว่าทำไมผมต้องมาขอออกวิทยุวันนี้ ต้องมาขอออกวิทยุวันนี้ครับ บ่ายๆ ก็จะไปหาที่พูดอีก ผมต้องพูดให้คนทั้งประเทศเข้าใจว่า ท่านต้องย้อนมาดู ท่านต้องฉุกคิด ขอยืมใช้คำพระพยอมหน่อย ต้องฉุกคิดครับว่านี่มันอะไรกัน ถ้าไปตามนั้นจริงๆ เอาล่ะชัยชนะแล้ว ทำเนียบฯ ยึดได้ นายสมัครไปแล้ว นายสมัครลาออกไปแล้ว แล้วบ้านเมืองเป็นยังไงต่อไปครับ วิธีการเป็นไงครับ เขาประกาศเลยครับว่าเขาจะเอาไอ้ความคิดการเมืองใหม่ของเขามาใช้ แล้วถามนักวิชาการทั้งประเทศว่าท่านรับได้ไหมครับไอ้การเมืองใหม่เนี่ย มีประชาธิปไตยอยู่ดีๆ ดำเนินการอะไรมาต่างๆ เสร็จแล้วบอกว่าไม่ได้หรอก ไอ้คนเลือกตั้งมามันแย่ มันซื้อเสียงกันเข้ามา เพราะงั้นจะเลือกตั้งแค่ 30 แต่งตั้ง 70 แล้วคุณไม่คิดกันเลยเหรอครับเนี่ย บรรดาอาจารย์รัฐสภาทั้งหลายทั้งปวง ใครจะเซ็นชื่อ จะขับไล่ผมอะไรต่างๆ
โอ๊ย เมื่อคืนนี้ ผู้สนทนาเมื่อคืนบอก ไม่ดู อ้างคนโน้นอ้างคนนี้ขับไล่ เอ๊ะ แล้วทำไมไม่ลองคิดล่ะครับคนที่ไปเซ็นชื่อ ที่ไปอ้าง ที่ขับไล่ ย้อนถามว่าท่านพวกนั้นคิดอะไรครับ คิดอะไรกับบ้านเมืองนี้ครับ ไม่มีหลัก ไม่มีเกณฑ์ ไม่มีอะไรเลย แล้วก็ไปประกาศสนับสนุน แล้วมันยังไง จุดหมายปลายทางอยู่ตรงไหนครับ จุดหมายปลายทางของบ้านเมืองจะจบลงตรงไหน ถ้าคณะที่ไปยึดทำเนียบเขาประกาศลงไป ตกลงคนไหนเป็นนายกฯ ครับ คนไหนเป็นรองนายกฯ แล้วคนไหนเป็นรัฐมนตรีมหาดไทย แล้วคนไหนจะไปคุมทหาร สั่งทหาร แล้วยังไงครับ มันมายังไง มันมีกฎเกณฑ์ยังไงครับ ว่า 5 คน บวก 1 ที่จะนั่นเข้ามาเนี่ย
เอาล่ะ ถ้าท่านไปเชื่อฟัง เอาล่ะเขาทำถูกต้อง แล้วถ้าผมเลวจริงผมมานั่งสู้อย่างนี้อยู่ได้เหรอครับ แล้วบ้านเมืองเรากว่าจะมาถึงวันนี้ เรียกว่าเขาหันหลังเขาหันข้างให้ กว่าจะกอบกู้มา 7 เดือน กำลังจะเข้าปกติ มันผิดปกติ 3 เดือนที่แล้วก็ผิดปกติ คาราคาซังอยู่นั่น ทางโน้นย้ายมาตรงนี้ ย้ายมาล้อมทำเนียบฯ ย้ายกันไปๆ มาๆ ก็มายึดอยู่สะพานมัฆวานฯ แล้วมันได้ยังไงมั้ยครับ รัฐบาลน่ะเสียหน้าครับ เพราะรัฐบาลไปแตะไม่ได้ เขาอยากให้แตะ เขาอยากให้ฟัด เขาอยากให้ฟาดให้ฟัน เพราะฉะนั้นไอ้ปะทะกันวันนั้นน่ะ วันที่ 29 พูดกันไม่รู้จักจบ นั่นล่ะเป็นข้อคำขู่เลย พวกที่ยึดสนามบินบอก ไม่ได้เลย ถ้าเอารุนแรงอีก นี่จะเปิดให้ว่าไง ถ้าเผื่อมีรุนแรงอีก เอาอีก
แล้วตกลงยังไงกันครับ ตกลงบ้านเมืองของเราจะเป็นยังไงครับ จะเอา วันนั้นเขาพูดกัน ท่านผู้บัญชาการทหารบก บอกจะจับหนู ฆ่าหนูตัวเดียวรื้อทั้งบ้านเลย นั่นเป็นการเปรียบเทียบที่ท่านเห็นชัดนะครับ แล้วไอ้หนูตัวเดียวน่ะมันไปทำอะไรให้ มันเป็นยังไง หนูมันเป็นยังไง เชื้อโรคเหรอครับ สกปรกเหรอครับ ติดโรคกันทั้งบ้านเพราะไอ้หนูตัวเดียวนี่แหละ ไม่ได้มีอะไรยังไงเลย ผมก็ทำหน้าที่ของผม ใครต่อใครก็ทำหน้าที่ ก็ต้องดูทางฝ่ายทหารสิครับ ทำไมจนป่านนี้ละครับ เพราะเขาเข้าใจว่าอะไรเป็นอะไร ต่างๆ เพราะบ้านเมืองมันไปยังงั้นไม่ได้อีกแล้ว แต่ก็พยายามทำ คิดกันอย่างเดียวจะให้เกิดอย่างงี้ และเข้าใจผิดหมด
เอาละ ทีนี้ผมจะไม่ใช้เวลามากนัก ผมจะเล่าเรื่องคุณเตช บุนนาค ให้ฟัง ผมไปเฝ้าฯ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ผมกราบบังคมทูลขอ และผมก็พูดกับคุณเตช ๆ ก็รับปาก คุณเตชก็มาและเป็นไปอย่างนั้นทั้งหมดเลย และคุณเตชก็มาช่วยงานเขาพระวิหาร เพราะได้มืออาชีพ ทุกคนก็ชื่นชมยินดี แต่ปรากฏว่ายังไงครับ ไม่มีเหตุอะไรอย่างไรเลย การประชุมการนัดหมายยังมี การเตรียมการมีหมด แต่ว่าคุณเตชเขียนจดหมายมาบอกว่า ท่านถูกบีบบังคับจากมากมายหลายฝ่าย ถูกบีบบังคับท่านไม่เท่าไร มาเจอภรรยาท่านด้วย ภรรยาท่านใช้คำว่า Collapse แปลว่าทนไม่ได้อะไรอย่างนี้ เพราะสามีมาอยู่กับรัฐบาล ซึ่งคนเขาดูหมิ่นเหยียดหยามกันทั้งบ้านทั้งเมือง ข้อความในจดหมายผมไม่เอามาอ่านหรอกครับ ผมก็เห็นใจท่าน เพราะท่านก็เป็นข้าราชการมาตลอดชีวิตท่าน ท่านเป็นปลัดกระทรวง ท่านก็รู้จักคุ้นเคยกับผมดี คุณพ่อคุณแม่ท่านผมก็คุ้นเคย คุณพ่อท่านเป็นกรมวังเก่า ก็คุ้นเคยคุณพ่อคุณแม่ท่านก็คุ้นเคยกับคุณเตช ได้เคยพบรู้จัก ผมถึงไปออกปากเชิญ แล้วรู้ว่าท่านมีความสามารถ ท่านก็ใช้ความสามารถ แต่สังคมทำอะไรครับ สังคมไหนผมไม่ทราบได้ จะวงการคุณหญิงคุณนายใครที่ไหนอย่างไร ใครจะไปบีบบังคับคุณเตช ท่านไม่ได้มีความรู้สึกเป็นนักการเมือง ท่านมาช่วยงานก็ขอบพระคุณครับ ไม่มีปัญหาอะไรอื่นเลย พาดหัวตัวเท่าหม้อแกง ตัวใหญ่อีก 3 เท่า ผมก็ต้องไปหาคนมาแทนคุณเตช ไม่มีอะไรอื่นเลยครับ เพราะท่านถูกบีบคั้น แล้วรัฐมนตรีคนอื่นไปบีบได้ไหมครับ ไปคั้นน่ะครับ นายกรัฐมนตรีน่ะถูกเหยียบหัวเหยียบหางก็ยังอยู่ครับ แล้วผมเป็นอะไร ผมเป็นนักการเมือง แล้วผมรู้ว่าอะไรเป็นอะไร และผมถึงได้บอกไงครับว่าความกลัวทำให้เสื่อม ผมไม่กลัวล่ะครับ ผมมีหน้าที่ต้องดูแลบ้านเมืองนี้ ผมต้องรักษาบ้านเมืองนี้
เพราะฉะนั้น ใครที่จะคิดคาดการณ์ว่าสมัครออกแล้วจะทำอย่างไร ต่อไปจะเป็นอย่างไร เขาบอกเสร็จเลยครับว่าสมัครออกไปแล้วต้องใช้การเมืองใหม่ ท่านทั้งหลายนักวิชาการทั้งหลาย ครูบาอาจารย์ทั้งหลายที่ท่านตัดสินใจ ต้องออกไปเชียร์ ต้องสนับสนุนและเหยียบย่ำรัฐบาล ท่านลองคิดสิครับจะรับการเมืองใหม่ จะทำอย่างไรครับ จะทำก็ต้องไปแก้รัฐธรรมนูญ แน่นอนต้องแก้รัฐธรรมนูญ แล้วคนพวกนั้นจะมาแก้รัฐธรรมนูญได้ไหมครับ มีสถานะมีอะไรอย่างไรไหมครับ คนแก้รัฐธรรมนูญอยู่ในสภาครับ 480 บวกอีก 150 นั่นล่ะครับ คนแก้รัฐธรรมนูญ และไปสั่งเขาได้ไหมครับ หรือว่าสั่งบางพรรคการเมืองได้ และอย่างไรครับ สั่งพรรคการเมืองบางพรรคได้ แต่ว่าสั่ง 233 ไม่ได้นะครับ สั่งพรรคร่วมรัฐบาลคงยังไม่ได้อีก วุฒิสมาชิกเลือกตั้งมา แต่งตั้งมา แต่งตั้งมา 74 จะนับไปหมดก็ตามใจ แต่เลือกตั้งเขาก็เป็นคนธรรมดา ๆ เข้ามา ไม่ได้หรอกครับ ยังไงก็เป็นไปไม่ได้ จะยังไงก็พรรคการเมือง คราวที่แล้วหัวหน้าพรรคออกไป ว่าจะนั่น เขาก็อยู่ต่อครับ
เมื่อวานเอาอีกทดลองอีก เขาก็ยังอยู่ต่ออีกครับ เพราะเขารู้ว่าต้องมีหน้าที่ช่วยกันรักษาบ้านเมือง คุณเตชท่านทนไม่ได้ ผมก็ขอบพระคุณคุณเตชตรงนี้ที่ได้มาช่วยงาน ก็ลุล่วงไปได้เยอะครับ ไม่มีอะไรเลย ครับ ท่านบอกท่านทนไม่ได้ คือบีบคั้นมารอบด้าน ใครล่ะครับ ใครที่ไปบีบคั้นคุณเตชก็ลองคิดดูแล้วกันครับ ท่านเป็นข้าราชการประจำ ท่านไม่ได้มาทนทานกับผม เพราะฉะนั้น ท่านบอกถอน ก็ไม่เป็นปัญหาครับ ก็ขอบพระคุณ ประกาศขอบพระคุณตรงนี้เลยครับ จะส่งดอกไม้ไปเยี่ยมภรรยาท่าน ถ้านักการเมืองเป็นอย่างไรหมด นักการเมืองก็ต้องมาแบบนักการเมือง ผมไม่ได้โทษอะไรท่านเลยครับ แล้วไม่มีการกระทบกระทั่ง ไม่มีอะไรเลยครับ จะใช้ภาษาฝรั่งสักคำให้น่าหมั่นไส้ เขาต้องบอกว่ามี Conflict of Interest ผลประโยชน์ขัดแย้งกัน ไม่มีหรอกครับ ท่านก็บอกไมตรีของเรายังมีเหมือนเดิม ก็ขอกราบขอบพระคุณครับ
จะบอกให้ฟังนะเมื่อคืนก็เป็นข่าวเอิกเกริก ไปเฝ้าฯ พลเอก เปรม ติณสูลานนท์ นายสมัครไปเฝ้าฯ ทำข่าวกันเอิกเกริก ผมเห็นหนังสือพิมพ์พาดหัวเมื่อเช้า ผมก็นอนอยู่บ้านผม ผมนอนดูโทรทัศน์อยู่ พลเอกเปรมฯ ท่านเป็นองคมนตรีท่านก็ไปเฝ้าฯ ผมเป็นนายกฯ ผมก็ไปเฝ้าฯ จะให้ผมเล่าว่าผมเฝ้าฯ ว่าอย่างไร ผมพูดกับ BBC ผมบอก You ไม่รู้เหรอ ธรรมเนียม You นายกรัฐมนตรีไปเฝ้าฯ Queen และก็รายงาน แล้วเขาเอามาแถลงว่าอะไร ไม่ เขาต้องมีระบบระเบียบ ไม่ล่ะครับ ผมเฝ้าฯตั้ง 10 หนแล้ว ผมไม่เคยเล่าสักที วันก่อนเขารู้ว่าผมเฝ้าฯ เพราะผมต้องลาคนที่สนามกีฬาไป เพราะต้องไปขึ้นเครื่องบิน ไม่อย่างนั้นไปไม่ทัน ท่านพระราชทานเวลามาห้าโมงเย็น ไม่มีปัญหาอื่น เฝ้าฯ แล้วผมจะมาแถลงได้อย่างไร ไม่ใช่เหตุผล องคมนตรีมาท่านก็ต้องไม่แถลง ไม่มีเหตุผล ทุกอย่างเป็นปกติ
ผมยืนยันกับพี่น้องประชาชนทั้งประเทศว่า บ้านเมืองเวลานี้ยังเป็นปกติดีอยู่ครับ นอกเหนือจากรอบทำเนียบรัฐบาล เข้าไปข้างในมีปัญหา แต่ข้างนอกยังขับรถได้ คนกรุงเทพฯ ใช้ชีวิตธรรมดา ผมยังบอกว่าโรงเรียนน่ะปิดกันหมด กลัวกันจริง ไม่มีปัญหาหรอกครับ วันนี้เขาก็เปิดกันหมดแล้ว รอบปิดเห็นด้วย โรงเรียนวัดเบญจมบพิตร โรงเรียนวัดโสมมนัส โรงเรียนวัดมกุฎกษัตริยาราม ให้ 1-2-3-4 ตรงนั้น โรงเรียนพาณิชยการพระนคร มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคล ปิดก็เห็นด้วย แต่ที่อื่นต้องเป็นปกติครับ ไม่มีใครล่ะครับ ไม่มีใครจะออกมายึดอำนาจบ้านเมืองนี้ เขาบอกเขาสันติ อาวุธไม่มี แต่มีปืนนิดหน่อย ไม่เป็นไร มีไม้นิดหน่อยฟาดกันตาย ไม่เป็นไรครับ กรรมการจะสอบสวน ตำรวจ ทหาร เขาตกลงกันแล้ว ว่านุ่มนวลที่สุด มือเปล่า ๆ ยังจะมีโล่มีอะไรเท่านั้นเอง เห็นกันอยู่อย่างนี้ล่ะครับ 2 อันที่จะต้องเล่าให้ฟังกรณีที่ปะทะกันนั้น เพราะตำรวจจะเข้าไปเคลียร์พื้นที่เขาไม่ยอม ก็ปะทะกัน 27 คน ตำรวจบาดเจ็บ ทางโน้นก็ 30 กว่าคน ก็จบกันไปได้ไม่มี อ้าวตีกันน่ะตาย พอมีคนตายเรื่องใหญ่ เพราะอยากเอาอย่างนี้กันอยู่แล้วครับ แก๊สน้ำตาปัง ๆ กันเข้ามา กำลังสอบว่าใครเป็นคนยิง เข้าในสภาล่อกันเป็นทำนองเหมือนกับว่าสถานีวิทยุโทรทัศน์ NBT จะต้องถูกตัดงบประมาณ 20 เปอร์เซ็นต์ เพราะเหตุว่าคนรายงานข่าวบอกว่าทุกช่องเขาบอกว่าแก๊สน้ำตา ทางนี้รายงานข่าวว่าสงสัยจะเป็นอะไร จะเป็นระเบิดควันอะไรยังไงหรือเปล่า รายงานไม่ตรง จะถูกตัดงบประมาณ 20 เปอร์เซ็นต์ เมื่อคืนฟังโทรทัศน์
ผมขอย้ำสุดท้ายว่าสถานการณ์บ้านเมืองผิดปกติเพราะเราประกาศภาวะฉุกเฉิน ทหารนั้นฟาดฟันไม่ได้ ฟาดฟันเกิดเรื่อง ทหารไม่ปฏิวัติ ไม่ยึดอำนาจ และจะทำอย่างนุ่มนวลด้วย และผู้คนพวกนั้นต้องออกครับ ในเวลาไหนเวลาหนึ่งเขาจะต้องจัดการออก และเขาจะต้องออกไป เข้าไม่ได้ออกไม่ได้ และเขาต้องออกไปหมด ผู้คนทั้งหลายทั้งปวงเอายิ่งนุ่มนวลกว่านั้นอีกทั้ง 9 คน ก็ไปสิครับไปศาลและไปขอประกันตัวซะ ให้จบเรื่องไป และไปสู้คดีความกัน ทุกอย่างมันต้องจบในลักษณะนี้ครับ จบอย่างอื่นไม่ได้เลยครับ ไม่มีอะไรอื่นล่ะครับ และที่จะขู่จะเข็ญ จะอะไรต่าง ๆ ไม่ล่ะครับ บัดนี้ทุกอย่างก็คลาย ผมกราบขอบพระคุณทุกสถาบันที่เขาช่วยกันทั้งเรื่องน้ำ เรื่องไฟ เรื่องอะไรต่าง ๆ ผมมาพูดวันนี้เพื่อให้ได้คิด ให้ฉุกคิดว่าจุดหมายปลายทางสำหรับพวกที่ปลุกระดมนั้น ไม่มีครับ ทั้งหมดทั้งปวงและในสภาของผมด้วย เขาจะเปิดกันใหม่ เขาคุยกันได้ไม่มีปัญหา แต่ถ้าจะจบจะสิ้นต่าง ๆ ผมประกาศให้ฟังนะว่า ผมไม่ลาออกครับ แล้วผมก็ยังไม่ยุบสภา ผมจะอยู่ดูหน้าที่เพื่อรักษาระบอบประชาธิปไตยของบ้านเมืองนี้ เอาเถอะครับจะเป็นอย่างไรก็แล้วแต่ คนที่จะทำดีจะรักษาระบอบประชาธิปไตย จะป้องกันสถาบันพระเจ้าอยู่หัว จะดูแลเรื่องใครจะมาลบหลู่ดูหมิ่น ผมจะต้องเป็นคนป้องกัน ถ้าผมมีหน้าที่จะทำอย่างนี้ แล้วดูสิว่าใครจะมาทำอย่างไร แล้วดูสิว่า พี่น้องประชาชนทั้งประเทศท่านพอจะฉุกคิดได้ไหม ว่าที่ไปยุ่งกับเขาจะได้อะไรขึ้นมา ผลจบจะเป็นอย่างไร เขาจะตอบแทนบุญคุณท่านอย่างไร
บรรดาสหภาพทั้งหลายทั้งปวงที่จะทำอะไรต่าง ๆ เขาต้องจดชื่อท่านไว้ ที่ท่านเคลื่อนไหวทั้งหลายทั้งปวง มีตัวบทกฎหมายอยู่ มีคนเขาจะคอยป้องกัน และสุดท้ายก็จะไม่มีเหตุอย่างนั้น ชีวิตยังเป็นไปตามปกติ ผิดปกติคือได้ประกาศภาวะฉุกเฉิน และถ้าเสร็จอะไรแล้วก็จะจัดการยุติโดยเร็ว เพราะไม่ควรจะคาราคาซังไว้ แต่ว่าผมให้โอกาส ผู้บัญชาการทหารบก (พลเอก อนุพงษ์ เผ่าจินดา) สนทนาธรรมกัน พูดจากัน เวลานี้มอบกรรมการดูแล กรรมการเขาจะค่อยดูแล แต่สำคัญคือคน 60 กว่าล้านนี่น่ะครับ ท่านโปรดมองดูที่ทำเนียบรัฐบาล มีคน 5 คน บวก 1 ที่เขายึดทำเนียบอยู่ ไม่มีถาม ไม่มีเหตุผล ไม่มีอะไรทั้งนั้น ถ้าผมเป็นคนเลว เป็นคนสกปรก ผมอยู่ไม่ได้ป่านนี้หรอกครับ ผมต้องแน่ใจว่าผมไม่สกปรก และผมต้องแน่ใจว่า ถ้าผมไปศาลผมต้องมือสะอาด และต้องแน่ใจว่าผมคุมบังเหียนเรือลำนี้อยู่ ผมต้องรักษา ผมไม่โดดน้ำหนีหรอกครับ คนทั้งเรือนั้นผมรับผิดชอบ แต่ท่านทั้งหลายต้องกรุณา ต้องช่วยผมด้วย ต้องช่วยฉุกคิดหน่อยว่าเราไปร่วมกับเขาทำไม แล้วได้อะไรอย่างไร ท่านจะนั่งฟังวิทยุปลุกระดม โทรทัศน์ปลุกระดม ต่อไปก็ต้องมีวิจารณญาณ
ทำไมคนที่เขาฟังแล้วเขาไม่เชื่อ ลองคุยกับเขาดูว่าทำไมเขาไม่เชื่อ ทำไมเขาไม่ฟัง ทำไมคนทั่วไปในบ้านเมือง ยังมีชีวิตอยู่ได้ตามปกติ แต่ข่าวคราวที่น่าตื่นเต้นนั้นมาจากฝ่ายไหนอย่างไร ผมไม่กล้าแตะต้องล่ะครับ ไม่กล้าพูดว่าทั้งหลายทั้งปวง รายการเช้า รายการบ่ายอะไร รายการเย็น ได้ช่วยกันต่อการปลุกระดมให้มันน่ากลัวขึ้น ผมเสียงเดียวไม่เป็นปัญหาหรอกครับ แต่ต่อไปจะหามาอีกหลายเสียง จะหาคนที่คิดอย่างเดียวกันนี่มาพูดจาให้ฉุกคิด วันนี้ภาษาไทยวันละคำนะครับสำหรับพี่น้องประชาชนชาวไทย ขอให้ท่านฉุกคิดว่าที่ไปยุ่งกับเขา ไปร่วมกับเขา แล้วจุดหมายปลายทางคืออะไร สำหรับตัวท่านเองคืออะไร สำหรับประเทศชาติ จะจบอย่างไร ถ้าท่านไปร่วมมือกับเขา และผมแน่ใจว่าถ้าหากผมยังทำหน้าที่ถือหางเสือบ้านเมืองนี้อยู่ เรื่องนี้ต้องจบได้ครับ ชาวโลกเขาเฝ้าดูเราอยู่ ขอลาก่อนนะครับ วันนี้เป็นเรื่องกรณีพิเศษ ขอแสดงความผิดหวังต่อท่านทั้งหลายที่เตรียมการนะครับว่ามาประกาศลาออก มาโน่นมานี่ ไม่ล่ะครับ สวัสดีครับท่านพี่น้องทั้งประเทศครับ
--กลุ่มยุทธศาสตร์และแผนการประชาสัมพันธ์ สำนักโฆษก--