แท็ก
กรมส่งเสริมการส่งออก
นายสมัคร สุนทรเวช
กระทรวงพาณิชย์
Prime Minister
ตึกสันติไมตรี
กระทรวงกลาโหม
นายกรัฐมนตรีเป็นประธานพิธีมอบรางวัลผู้ส่งออกสินค้าและบริการดีเด่น ประจำปี 2551 (Prime Minister's Export Award : PM Award 2008) จัดโดยกรมส่งเสริมการส่งออก กระทรวงพาณิชย์
วันนี้ เวลา 14.00 น. ณ ตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาล นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เป็นประธานพิธีมอบรางวัลผู้ส่งออกสินค้าและบริการดีเด่น ประจำปี 2551 (Prime Minister’s Export Award : PM Award 2008) จัดโดยกรมส่งเสริมการส่งออก กระทรวงพาณิชย์
นายไชยา สะสมทรัพย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ กล่าวรายงานสรุปว่ารางวัล Prime Minister’s Export Award ถือเป็นรางวัลอันทรงเกียรติที่มอบให้แก่ผู้ส่งออกสินค้า และบริการที่มุ่งมั่นพัฒนาศักยภาพในการผลิตสินค้า และบริการให้ได้มาตรฐานในระดับสากล ตลอดจนริเริ่ม และพยายามบุกเบิกตลาดต่างประเทศภายใต้ชื่อทางการค้าของตนเอง รวมทั้งมีการออกแบบผลิตภัณฑ์ของตนเองจนเป็นที่ยอมรับในตลาดโลก ซึ่งรางวัลดังกล่าวยังเป็นแรงบันดาลใจให้แก่ผู้ส่งออกสินค้า และบริการอื่นๆ ได้ตระหนักถึงความสำคัญของการสร้างตราสินค้า และเกิดความมุมานะที่จะสร้างคุณค่าเพิ่มให้กับสินค้า และบริการของตนเพื่อให้ประสบความสำเร็จในเวทีการค้าโลกเช่นกัน สำหรับในปีนี้ คณะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิได้พิจารณาคัดสรรผู้ประกอบการส่งออกสินค้า และบริการดีเด่น รวม 31 บริษัท จำนวน 34 รางวัล โดยแบ่งเป็น 5 ประเภทรางวัล ได้แก่1. ประเภทผู้ส่งออกไทยดีเด่น (Best Exporter) จำนวน 4 รางวัล 2.ประเภทที่ใช้ตราสินค้าของตนเอง (Thai-Owned Brand) จำนวน 8 รางวัล 3.ประเภทสินค้าที่มีการออกแบบดี (Design Excellence Award) จำนวน 18 รางวัล 4.ประเภทธุรกิจบริการดีเด่น (Best Service Provider) จำนวน 3 รางวัล และ 5.ประเภทผลิตภัณฑ์ชุมชนและท้องถิ่นที่มีการออกแบบและคุณภาพดี (OTOP Export Recognition) จำนวน 1 รางวัล โดยบริษัทผู้ได้รับรางวัลในปีนี้ ได้รับการคัดเลือกจากธุรกิจหลายประเภท อาทิ อุตสาหกรรมอาหารและแช่แข็ง ของตกแต่งประดับบ้าน เครื่องเขียนและเครื่องใช้สำนักงาน เฟอร์นิเจอร์ เซรามิคและอุปกรณ์ เครื่องปรับอากาศ ของเล่นเด็ก โทรศัพท์มือถือ ธุรกิจโรงพยาบาล ก่อสร้าง การศึกษา และเครื่องเบญจรงค์ เป็นต้น ทั้งนี้หวังเป็นอย่างยิ่งว่ารางวัล Prime Minister’s Export Award นี้ จะช่วยส่งเสริม และสนับสนุนตลอดจนเป็นแรงผลักดันให้นักธุรกิจ และผู้ประกอบการไทยมีพลังใจเพิ่มขึ้น โดยกระทรวงพาณิชย์พร้อมที่จะสนับสนุนภาคเอกชนในการสร้างตราสินค้า และพัฒนาศักยภาพในการส่งออก ส่งเสริมการแสวงหาโอกาส และช่องทางการค้าใหม่ในการร่วมธุรกิจ หรือลงทุนกับนักธุรกิจในต่างประเทศ เพื่อขยายฐานการส่งออกไปยังตลาดใหม่ๆ ให้กว้างขวางยิ่งขึ้น และนำรายได้เข้าประเทศตามเป้าหมายที่กำหนดไว้เพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศให้เจริญรุดหน้าต่อไป
จากนั้นนายกรัฐมนตรีได้เป็นประธานมอบรางรางวัลแก่ผู้ส่งออกสินค้าและบริการดีเด่น ประจำปี 2551 (Prime Minister’s Export Award : PM Award 2008)
โอกาสนี้ นายกรัฐมนตรีกล่าวแสดงความยินดีกับผู้ที่ได้รับรางวัลทุกคน พร้อมกล่าวว่าความสำเร็จในครั้งนี้เป็นผลจากการทุ่มเทพยายามอย่างเต็มที่ในการพัฒนาสินค้าและบริการให้มีคุณภาพ จนได้รับความเชื่อถือในระดับสากล โดยเมื่อ 60 ปีที่ผ่านมา กิจการอุตสาหกรรมยังไม่มีบริษัทต่าง ๆ เข้ามาลงทุนและยังไม่มีการถ่ายทอดทางเทคโนโลยี ซึ่งการดำเนินการกิจการต่าง ๆ จะมีรัฐบาลเป็นผู้เริ่มต้นดำเนินการ ในรูปแบบรัฐวิสาหกิจ โดยรัฐบาลลงทุน 51 เปอร์เซ็นต์ เอกชนลงทุน 49 เปอร์เซ็นต์ และก็ดำเนินการเรื่อยมา ซึ่งมีประมาณ 100 กว่าแห่ง โดยผู้ที่เริ่มดำเนินการคือทหาร จนกระทั่งวันหนึ่งก็ได้เกิดความเปลี่ยนแปลงขึ้น โดยมีภาคเอกชนเข้ามาผ่องถ่ายรับงานที่รัฐบาลดำเนินการอยู่ไปดำเนินการต่อ และประสบผลสำเร็จด้วยดี
นายกรัฐมนตรียังได้กล่าวชื่นชมบริษัทเอกชนที่ ได้ใช้ความพยายามในการพัฒนาสินค้าและผลิตภัณฑ์ โดยเฉพาะเครื่องสุขภัณฑ์ ที่มีการออกแบบมุ่งการประหยัดน้ำ และยังกล่าวชื่นชมมหาวิทยาลัยอัสสัมชัญที่ได้รับรางวัลในด้านธุรกิจการศึกษาในครั้งนี้ด้วยว่าเป็นมหาวิทยาลัยที่มีการบริหารจัดการที่ดีและมีการพัฒนาอย่างต่อเนื่องจนเป็นที่ยอมรับและได้รับความนิยมของบุคคลทั่วไปทั้งชาวไทยและต่างประเทศในการที่เข้าไปศึกษาอย่างมาก
พร้อมกันนี้นายกรัฐมนตรียังได้ให้กำลังใจทั้งผู้ที่ได้รับรางวัลและผู้ที่ไม่ได้รับรางวัลในครั้งนี้ ในการที่จะคิดสร้างสรรค์สิ่งดี ๆ ให้กับประเทศไทย โดยขอให้พยายามต่อไป ถึงแม้ปีนี้จะไม่ได้รับรางวัล ปีต่อไปก็อาจจะได้รับรางวัล อย่างไรก็ตามขอย้ำว่า ความแข็งแรงทางเศรษฐกิจมีความหมายและความสำคัญยิ่ง ซึ่งเศรษฐกิจจะแข็งแรงได้ก็เนื่องมาจากพื้นฐานสินค้าที่มีคุณภาพและเชื่อถือได้ และหวังว่าสิ่งที่ทุกคนทำจะเป็นประโยชน์ต่อประเทศชาติ และเป็นความภาคภูมิใจของประชาชนทุกคนรวมทั้งตัวนายกรัฐมนตรีเองด้วย
เสร็จแล้วนายกรัฐมนตรีเยี่ยมชมนิทรรศการที่ผู้ส่งออกสินค้าและบริการดีเด่น ได้จัดแสดงไว้ พร้อมสอบถามถึงรายละเอียดเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ด้วยความสนใจก่อนเดินทางกลับ
--กลุ่มยุทธศาสตร์และแผนการประชาสัมพันธ์ สำนักโฆษก--
วันนี้ เวลา 14.00 น. ณ ตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาล นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เป็นประธานพิธีมอบรางวัลผู้ส่งออกสินค้าและบริการดีเด่น ประจำปี 2551 (Prime Minister’s Export Award : PM Award 2008) จัดโดยกรมส่งเสริมการส่งออก กระทรวงพาณิชย์
นายไชยา สะสมทรัพย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ กล่าวรายงานสรุปว่ารางวัล Prime Minister’s Export Award ถือเป็นรางวัลอันทรงเกียรติที่มอบให้แก่ผู้ส่งออกสินค้า และบริการที่มุ่งมั่นพัฒนาศักยภาพในการผลิตสินค้า และบริการให้ได้มาตรฐานในระดับสากล ตลอดจนริเริ่ม และพยายามบุกเบิกตลาดต่างประเทศภายใต้ชื่อทางการค้าของตนเอง รวมทั้งมีการออกแบบผลิตภัณฑ์ของตนเองจนเป็นที่ยอมรับในตลาดโลก ซึ่งรางวัลดังกล่าวยังเป็นแรงบันดาลใจให้แก่ผู้ส่งออกสินค้า และบริการอื่นๆ ได้ตระหนักถึงความสำคัญของการสร้างตราสินค้า และเกิดความมุมานะที่จะสร้างคุณค่าเพิ่มให้กับสินค้า และบริการของตนเพื่อให้ประสบความสำเร็จในเวทีการค้าโลกเช่นกัน สำหรับในปีนี้ คณะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิได้พิจารณาคัดสรรผู้ประกอบการส่งออกสินค้า และบริการดีเด่น รวม 31 บริษัท จำนวน 34 รางวัล โดยแบ่งเป็น 5 ประเภทรางวัล ได้แก่1. ประเภทผู้ส่งออกไทยดีเด่น (Best Exporter) จำนวน 4 รางวัล 2.ประเภทที่ใช้ตราสินค้าของตนเอง (Thai-Owned Brand) จำนวน 8 รางวัล 3.ประเภทสินค้าที่มีการออกแบบดี (Design Excellence Award) จำนวน 18 รางวัล 4.ประเภทธุรกิจบริการดีเด่น (Best Service Provider) จำนวน 3 รางวัล และ 5.ประเภทผลิตภัณฑ์ชุมชนและท้องถิ่นที่มีการออกแบบและคุณภาพดี (OTOP Export Recognition) จำนวน 1 รางวัล โดยบริษัทผู้ได้รับรางวัลในปีนี้ ได้รับการคัดเลือกจากธุรกิจหลายประเภท อาทิ อุตสาหกรรมอาหารและแช่แข็ง ของตกแต่งประดับบ้าน เครื่องเขียนและเครื่องใช้สำนักงาน เฟอร์นิเจอร์ เซรามิคและอุปกรณ์ เครื่องปรับอากาศ ของเล่นเด็ก โทรศัพท์มือถือ ธุรกิจโรงพยาบาล ก่อสร้าง การศึกษา และเครื่องเบญจรงค์ เป็นต้น ทั้งนี้หวังเป็นอย่างยิ่งว่ารางวัล Prime Minister’s Export Award นี้ จะช่วยส่งเสริม และสนับสนุนตลอดจนเป็นแรงผลักดันให้นักธุรกิจ และผู้ประกอบการไทยมีพลังใจเพิ่มขึ้น โดยกระทรวงพาณิชย์พร้อมที่จะสนับสนุนภาคเอกชนในการสร้างตราสินค้า และพัฒนาศักยภาพในการส่งออก ส่งเสริมการแสวงหาโอกาส และช่องทางการค้าใหม่ในการร่วมธุรกิจ หรือลงทุนกับนักธุรกิจในต่างประเทศ เพื่อขยายฐานการส่งออกไปยังตลาดใหม่ๆ ให้กว้างขวางยิ่งขึ้น และนำรายได้เข้าประเทศตามเป้าหมายที่กำหนดไว้เพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศให้เจริญรุดหน้าต่อไป
จากนั้นนายกรัฐมนตรีได้เป็นประธานมอบรางรางวัลแก่ผู้ส่งออกสินค้าและบริการดีเด่น ประจำปี 2551 (Prime Minister’s Export Award : PM Award 2008)
โอกาสนี้ นายกรัฐมนตรีกล่าวแสดงความยินดีกับผู้ที่ได้รับรางวัลทุกคน พร้อมกล่าวว่าความสำเร็จในครั้งนี้เป็นผลจากการทุ่มเทพยายามอย่างเต็มที่ในการพัฒนาสินค้าและบริการให้มีคุณภาพ จนได้รับความเชื่อถือในระดับสากล โดยเมื่อ 60 ปีที่ผ่านมา กิจการอุตสาหกรรมยังไม่มีบริษัทต่าง ๆ เข้ามาลงทุนและยังไม่มีการถ่ายทอดทางเทคโนโลยี ซึ่งการดำเนินการกิจการต่าง ๆ จะมีรัฐบาลเป็นผู้เริ่มต้นดำเนินการ ในรูปแบบรัฐวิสาหกิจ โดยรัฐบาลลงทุน 51 เปอร์เซ็นต์ เอกชนลงทุน 49 เปอร์เซ็นต์ และก็ดำเนินการเรื่อยมา ซึ่งมีประมาณ 100 กว่าแห่ง โดยผู้ที่เริ่มดำเนินการคือทหาร จนกระทั่งวันหนึ่งก็ได้เกิดความเปลี่ยนแปลงขึ้น โดยมีภาคเอกชนเข้ามาผ่องถ่ายรับงานที่รัฐบาลดำเนินการอยู่ไปดำเนินการต่อ และประสบผลสำเร็จด้วยดี
นายกรัฐมนตรียังได้กล่าวชื่นชมบริษัทเอกชนที่ ได้ใช้ความพยายามในการพัฒนาสินค้าและผลิตภัณฑ์ โดยเฉพาะเครื่องสุขภัณฑ์ ที่มีการออกแบบมุ่งการประหยัดน้ำ และยังกล่าวชื่นชมมหาวิทยาลัยอัสสัมชัญที่ได้รับรางวัลในด้านธุรกิจการศึกษาในครั้งนี้ด้วยว่าเป็นมหาวิทยาลัยที่มีการบริหารจัดการที่ดีและมีการพัฒนาอย่างต่อเนื่องจนเป็นที่ยอมรับและได้รับความนิยมของบุคคลทั่วไปทั้งชาวไทยและต่างประเทศในการที่เข้าไปศึกษาอย่างมาก
พร้อมกันนี้นายกรัฐมนตรียังได้ให้กำลังใจทั้งผู้ที่ได้รับรางวัลและผู้ที่ไม่ได้รับรางวัลในครั้งนี้ ในการที่จะคิดสร้างสรรค์สิ่งดี ๆ ให้กับประเทศไทย โดยขอให้พยายามต่อไป ถึงแม้ปีนี้จะไม่ได้รับรางวัล ปีต่อไปก็อาจจะได้รับรางวัล อย่างไรก็ตามขอย้ำว่า ความแข็งแรงทางเศรษฐกิจมีความหมายและความสำคัญยิ่ง ซึ่งเศรษฐกิจจะแข็งแรงได้ก็เนื่องมาจากพื้นฐานสินค้าที่มีคุณภาพและเชื่อถือได้ และหวังว่าสิ่งที่ทุกคนทำจะเป็นประโยชน์ต่อประเทศชาติ และเป็นความภาคภูมิใจของประชาชนทุกคนรวมทั้งตัวนายกรัฐมนตรีเองด้วย
เสร็จแล้วนายกรัฐมนตรีเยี่ยมชมนิทรรศการที่ผู้ส่งออกสินค้าและบริการดีเด่น ได้จัดแสดงไว้ พร้อมสอบถามถึงรายละเอียดเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ด้วยความสนใจก่อนเดินทางกลับ
--กลุ่มยุทธศาสตร์และแผนการประชาสัมพันธ์ สำนักโฆษก--