นายปีเตอร์ โจเซฟ เตโอฟิล มาร์เรซ (H.E. Mr. Pieter Jozef Theofile Marres) เอกอัครราชทูตราชอาณาจักรเนเธอร์แลนด์ประจำประเทศไทย เข้าเยี่ยมคารวะ นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี ในโอกาสพ้นจากตำแหน่ง
วันนี้ เวลา 15.30 น. ณ ห้องสีงาช้าง ตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล นายปีเตอร์ โจเซฟ เตโอฟิล มาร์เรซ (H.E. Mr. Pieter Jozef Theofile Marres) เอกอัครราชทูตราชอาณาจักรเนเธอร์แลนด์ประจำประเทศไทย เข้าเยี่ยมคารวะ นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี ในโอกาสพ้นจากตำแหน่ง สรุปสาระสำคัญของการสนทนา ดังนี้
นายกรัฐมนตรีชื่นชมบทบาทของเอกอัครราชทูตราชอาณาจักรเนเธอร์แลนด์ตลอดระยะเวลา 4 ปี ที่ช่วยเสริมสร้างความสัมพันธ์ระหว่างไทย-เนเธอร์แลนด์ทั้งในระดับราชวงศ์ รัฐบาลและประชาชน ซึ่งมีส่วนสำคัญในการกระชับความสัมพันธ์ระหว่างทั้งสองประเทศได้มีมาอย่างยาวนานตั้งแต่สมัยอยุธยา เอกอัครราชทูตราชอาณาจักรเนเธอร์แลนด์ขอบคุณที่นายกรัฐมนตรีให้เข้าพบและแสดงความยินดีที่ประเทศไทยได้หวนคืนสู่ประชาธิปไตยอีกครั้ง
ในโอกาสนี้นายกรัฐมนตรีและเอกอัครราชทูตราชอาณาจักรเนเธอร์แลนด์ ได้หารือกันถึงความร่วมมือทางด้านการค้า และการลงทุนระหว่างประเทศ ซึ่งประเทศเนเธอร์แลนด์ถือเป็นคู่ค้ารายใหญ่ของประเทศไทย มีมูลค่าการค้าและการลงทุนเป็นจำนวนมาก ระหว่างการสนทนาทั้งสองฝ่ายได้หารือกันเรื่องสถานการณ์ต่างๆ ภายในภูมิภาค โดยนายกรัฐมนตรีได้กล่าวว่าในปีนี้ประเทศไทยจะดำรงตำแหน่งประธานอาเซียน และเป็นเจ้าภาพการประชุมสุดยอดอาเซียนซึ่งจะจัดขึ้นที่กรุงเทพฯ ในเดือนธันวาคมนี้
ก่อนจบการสนทนา นายกรัฐมนตรีได้ถวายพระพรแด่สมเด็จพระราชินีเบียทริกซ์ แห่งราชอาณาจักรเนเธอร์แลนด์ และหวังว่าเอกอัครราชทูตจะช่วยส่งเสริมความสัมพันธ์ระหว่างกันต่อไปแม้จะพ้นหน้าที่ไปแล้ว
--กลุ่มยุทธศาสตร์และแผนการประชาสัมพันธ์ สำนักโฆษก--
วันนี้ เวลา 15.30 น. ณ ห้องสีงาช้าง ตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล นายปีเตอร์ โจเซฟ เตโอฟิล มาร์เรซ (H.E. Mr. Pieter Jozef Theofile Marres) เอกอัครราชทูตราชอาณาจักรเนเธอร์แลนด์ประจำประเทศไทย เข้าเยี่ยมคารวะ นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี ในโอกาสพ้นจากตำแหน่ง สรุปสาระสำคัญของการสนทนา ดังนี้
นายกรัฐมนตรีชื่นชมบทบาทของเอกอัครราชทูตราชอาณาจักรเนเธอร์แลนด์ตลอดระยะเวลา 4 ปี ที่ช่วยเสริมสร้างความสัมพันธ์ระหว่างไทย-เนเธอร์แลนด์ทั้งในระดับราชวงศ์ รัฐบาลและประชาชน ซึ่งมีส่วนสำคัญในการกระชับความสัมพันธ์ระหว่างทั้งสองประเทศได้มีมาอย่างยาวนานตั้งแต่สมัยอยุธยา เอกอัครราชทูตราชอาณาจักรเนเธอร์แลนด์ขอบคุณที่นายกรัฐมนตรีให้เข้าพบและแสดงความยินดีที่ประเทศไทยได้หวนคืนสู่ประชาธิปไตยอีกครั้ง
ในโอกาสนี้นายกรัฐมนตรีและเอกอัครราชทูตราชอาณาจักรเนเธอร์แลนด์ ได้หารือกันถึงความร่วมมือทางด้านการค้า และการลงทุนระหว่างประเทศ ซึ่งประเทศเนเธอร์แลนด์ถือเป็นคู่ค้ารายใหญ่ของประเทศไทย มีมูลค่าการค้าและการลงทุนเป็นจำนวนมาก ระหว่างการสนทนาทั้งสองฝ่ายได้หารือกันเรื่องสถานการณ์ต่างๆ ภายในภูมิภาค โดยนายกรัฐมนตรีได้กล่าวว่าในปีนี้ประเทศไทยจะดำรงตำแหน่งประธานอาเซียน และเป็นเจ้าภาพการประชุมสุดยอดอาเซียนซึ่งจะจัดขึ้นที่กรุงเทพฯ ในเดือนธันวาคมนี้
ก่อนจบการสนทนา นายกรัฐมนตรีได้ถวายพระพรแด่สมเด็จพระราชินีเบียทริกซ์ แห่งราชอาณาจักรเนเธอร์แลนด์ และหวังว่าเอกอัครราชทูตจะช่วยส่งเสริมความสัมพันธ์ระหว่างกันต่อไปแม้จะพ้นหน้าที่ไปแล้ว
--กลุ่มยุทธศาสตร์และแผนการประชาสัมพันธ์ สำนักโฆษก--