พลตรี สนั่น ขจรประศาสน์ รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการพัฒนาเกษตรอินทรีย์แห่งชาติ ครั้งที่ 2/2551
วันนี้ เวลา 14.00 น. ณ ห้องประชุม 501 ตึกบัญชาการ ทำเนียบรัฐบาล พลตรี สนั่น ขจรประศาสน์ รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการพัฒนาเกษตรอินทรีย์แห่งชาติ ครั้งที่ 2/2551 โดยมี นายสมศักดิ์ ปริศนานันทกุล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เข้าร่วมประชุมด้วย ผลการประชุม สรุปสาระสำคัญดังนี้
ที่ประชุมได้มีการหารือถึงแนวทางการขับเคลื่อนแผนปฏิบัติการพัฒนาเกษตรอินทรีย์แห่งชาติ ปี 2552 ภายใต้แผนยุทธศาสตร์พัฒนาเกษตรอินทรีย์แห่งชาติ ที่ได้รับความเห็นชอบจากคณะรัฐมนตรีอย่างเป็นรูปธรรม และร่วมกันพิจารณา "กรอบการบูรณาการการพัฒนาเกษตรอินทรีย์สู่การปฏิบัติ" ที่เน้นการบูรณาการโครงการตามแผนปฏิบัติการให้มีความสอดคล้องและเชื่อมโยง เพื่อให้ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องสามารถนำไปปฏิบัติร่วมกัน อย่างเป็นรูปธรรม และบรรลุเป้าหมายของแผนฯ ได้อย่างแท้จริง
รองนายกรัฐมนตรี ได้ชี้แจงต่อที่ประชุมว่า การดำเนินการบูรณาการดังกล่าวมีความจำเป็น เนื่องจาก งบประมาณที่ได้รับจัดสรรตามแผนปฏิบัติการพัฒนาเกษตรอินทรีย์แห่งชาติในปี 2552 นั้น ได้รับเพียงร้อยละ 66.30 ซึ่งไม่เพียงพอต่อการขับเคลื่อนการพัฒนาเกษตรอิทรีย์ให้บรรลุเป้าหมายได้ อีกทั้งงบประมาณที่ได้รับเน้นการพัฒนาในด้านการผลิตและปัจจัยการผลิต ขณะที่การสนับสนุนด้านองค์ความรู้และเทคโนโลยี การตลาด และมาตรฐาน ที่จะทำให้เกิดการพัฒนาเกษตรอินทรีย์ทั้งระบบและทุกมิติยังไม่เพียงพอ
เพื่อแก้ไขปัญหาดังกล่าว คณะกรรมการจึงร่วมกันพิจารณากำหนดแนวทางและกลไกการบูรณาการแผนงาน/โครงการพัฒนาเกษตรอินทรีย์และงบประมาณที่ได้รับให้ตอบสนองต่อเป้าหมายอย่างเป็นรูปธรรมและเกิดผลอย่างแท้จริง รวม 4 แนวทาง ได้แก่ 1) ด้านสินค้าเกษตรอินทรีย์ที่สำคัญ 2) ด้านระบบมาตรฐานเกษตรอินทรีย์ 3) ด้านการจัดการองค์ความรู้และนวัตกรรม 4) ด้านแผนงานและงบประมาณ
จากแนวทางการขับเคลื่อนและบูรณาการการพัฒนาเกษตรอินทรีย์สู่การปฏิบัติทั้ง 4 แนวทาง จำเป็นต้องมีกลไกกำกับดูแลและบูรณาการความร่วมมือของทุกภาคส่วน ที่ประชุมจึงได้จัดตั้งคณะอนุกรรมการ จำนวน 3 คณะดังนี้ 1) คณะอนุกรรมการพัฒนาการผลิตและการตลาดเกษตรอินทรีย์ โดยมีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์เป็นประธาน และรัฐมนตรีช่วยว่าการกระรวงพาณิชย์เป็นรองประธาน เพื่อบูรณาการโครงการสินค้าเป้าหมายเกษตรอินทรีย์ที่คณะกรรมการฯ กำหนด ตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำ 2) คณะอนุกรรมการพัฒนาระบบมาตรฐานเกษตรอินทรีย์ โดยมีรัฐมนตรีว่การกระทรวงเกษตรและสหกรณ์เป็นประธาน เพื่อกำหนดแนวทางและดำเนินการจัดระบบมาตรฐานของประเทศให้มีความเป็นเอกภาพ 3) คณะอนุกรรมการบริหารจัดการองค์ความรู้และนวัตกรรมเกษตรอินทรีย์ โดยมีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีเป็นประธาน และรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์เป็นรองประธาน เพื่อขับเคลื่อนงานวิจัย จัดการองค์ความรู้ และถ่ายทอดเทคโนโลยีด้านเกษตรอินทรีย์ทั้งระบบ
ทั้งนี้ คณะอนุกรรมการฯ ทั้ง 3 คณะ จะเร่งดำเนินการปรับแผนงาน/โครงการและงบประมาณในปี 2552 ไปสู่การปฏิบัติ พร้อมปรับปรุงแผนงาน/โครงการและงบประมาณในปี 2553-2554 ให้สอดคล้องกับกรอบการบูรณาการ ให้แล้วเสร็จภายในเดือนกันยายน 2551 เพื่อนำเสนอให้คณะกรรมการพัฒนาเกษตรอินทรีย์แห่งชาติ พิจารณาให้ความเห็นชอบก่อนเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาต่อไป
--กลุ่มยุทธศาสตร์และแผนการประชาสัมพันธ์ สำนักโฆษก--
วันนี้ เวลา 14.00 น. ณ ห้องประชุม 501 ตึกบัญชาการ ทำเนียบรัฐบาล พลตรี สนั่น ขจรประศาสน์ รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการพัฒนาเกษตรอินทรีย์แห่งชาติ ครั้งที่ 2/2551 โดยมี นายสมศักดิ์ ปริศนานันทกุล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เข้าร่วมประชุมด้วย ผลการประชุม สรุปสาระสำคัญดังนี้
ที่ประชุมได้มีการหารือถึงแนวทางการขับเคลื่อนแผนปฏิบัติการพัฒนาเกษตรอินทรีย์แห่งชาติ ปี 2552 ภายใต้แผนยุทธศาสตร์พัฒนาเกษตรอินทรีย์แห่งชาติ ที่ได้รับความเห็นชอบจากคณะรัฐมนตรีอย่างเป็นรูปธรรม และร่วมกันพิจารณา "กรอบการบูรณาการการพัฒนาเกษตรอินทรีย์สู่การปฏิบัติ" ที่เน้นการบูรณาการโครงการตามแผนปฏิบัติการให้มีความสอดคล้องและเชื่อมโยง เพื่อให้ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องสามารถนำไปปฏิบัติร่วมกัน อย่างเป็นรูปธรรม และบรรลุเป้าหมายของแผนฯ ได้อย่างแท้จริง
รองนายกรัฐมนตรี ได้ชี้แจงต่อที่ประชุมว่า การดำเนินการบูรณาการดังกล่าวมีความจำเป็น เนื่องจาก งบประมาณที่ได้รับจัดสรรตามแผนปฏิบัติการพัฒนาเกษตรอินทรีย์แห่งชาติในปี 2552 นั้น ได้รับเพียงร้อยละ 66.30 ซึ่งไม่เพียงพอต่อการขับเคลื่อนการพัฒนาเกษตรอิทรีย์ให้บรรลุเป้าหมายได้ อีกทั้งงบประมาณที่ได้รับเน้นการพัฒนาในด้านการผลิตและปัจจัยการผลิต ขณะที่การสนับสนุนด้านองค์ความรู้และเทคโนโลยี การตลาด และมาตรฐาน ที่จะทำให้เกิดการพัฒนาเกษตรอินทรีย์ทั้งระบบและทุกมิติยังไม่เพียงพอ
เพื่อแก้ไขปัญหาดังกล่าว คณะกรรมการจึงร่วมกันพิจารณากำหนดแนวทางและกลไกการบูรณาการแผนงาน/โครงการพัฒนาเกษตรอินทรีย์และงบประมาณที่ได้รับให้ตอบสนองต่อเป้าหมายอย่างเป็นรูปธรรมและเกิดผลอย่างแท้จริง รวม 4 แนวทาง ได้แก่ 1) ด้านสินค้าเกษตรอินทรีย์ที่สำคัญ 2) ด้านระบบมาตรฐานเกษตรอินทรีย์ 3) ด้านการจัดการองค์ความรู้และนวัตกรรม 4) ด้านแผนงานและงบประมาณ
จากแนวทางการขับเคลื่อนและบูรณาการการพัฒนาเกษตรอินทรีย์สู่การปฏิบัติทั้ง 4 แนวทาง จำเป็นต้องมีกลไกกำกับดูแลและบูรณาการความร่วมมือของทุกภาคส่วน ที่ประชุมจึงได้จัดตั้งคณะอนุกรรมการ จำนวน 3 คณะดังนี้ 1) คณะอนุกรรมการพัฒนาการผลิตและการตลาดเกษตรอินทรีย์ โดยมีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์เป็นประธาน และรัฐมนตรีช่วยว่าการกระรวงพาณิชย์เป็นรองประธาน เพื่อบูรณาการโครงการสินค้าเป้าหมายเกษตรอินทรีย์ที่คณะกรรมการฯ กำหนด ตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำ 2) คณะอนุกรรมการพัฒนาระบบมาตรฐานเกษตรอินทรีย์ โดยมีรัฐมนตรีว่การกระทรวงเกษตรและสหกรณ์เป็นประธาน เพื่อกำหนดแนวทางและดำเนินการจัดระบบมาตรฐานของประเทศให้มีความเป็นเอกภาพ 3) คณะอนุกรรมการบริหารจัดการองค์ความรู้และนวัตกรรมเกษตรอินทรีย์ โดยมีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีเป็นประธาน และรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์เป็นรองประธาน เพื่อขับเคลื่อนงานวิจัย จัดการองค์ความรู้ และถ่ายทอดเทคโนโลยีด้านเกษตรอินทรีย์ทั้งระบบ
ทั้งนี้ คณะอนุกรรมการฯ ทั้ง 3 คณะ จะเร่งดำเนินการปรับแผนงาน/โครงการและงบประมาณในปี 2552 ไปสู่การปฏิบัติ พร้อมปรับปรุงแผนงาน/โครงการและงบประมาณในปี 2553-2554 ให้สอดคล้องกับกรอบการบูรณาการ ให้แล้วเสร็จภายในเดือนกันยายน 2551 เพื่อนำเสนอให้คณะกรรมการพัฒนาเกษตรอินทรีย์แห่งชาติ พิจารณาให้ความเห็นชอบก่อนเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาต่อไป
--กลุ่มยุทธศาสตร์และแผนการประชาสัมพันธ์ สำนักโฆษก--