รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีระบุแกนนำกลุ่มพันธมิตรฯ ควรควบคุมดูแลการชุมนุมให้อยู่ในกรอบของกฎหมาย พร้อมเตือนให้ระมัดระวังแก๊งออฟโฟร์ที่สะพานมัฆวานรังสรรค์ที่อาจนำความวุ่นวายมาสู่สังคม
วันนี้ (1 ส.ค.) เวลา 14.00 น. ณ ศูนย์แถลงข่าว ตึกนารีสโมสร ทำเนียบรัฐบาล นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงว่า กล่าวว่า จากการที่กลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ประกาศจะเคลื่อนไหวใหญ่ เพื่อกดดันรัฐบาลในการแก้ไขรัฐธรรมนูญ หรือประกาศว่าต่อจากนี้ไปเป็น 7 วันอันตรายว่า อยากให้กลุ่มพันธมิตรฯ คำนึงถึงสถานการณ์ในบ้านเมืองเป็นสำคัญ เพราะขณะนี้มีประชาชนส่วนหนึ่งไม่เห็นด้วยกับการเคลื่อนไหวครั้งนี้ เนื่องจากรู้สึกว่าถูกละเมิดสิทธิเสรีภาพมากขึ้นและตลอดเวลา จึงไม่อยากให้เกิดเหตุการณ์เผชิญหน้ากันขึ้นเหมือนกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นที่จังหวัดอุดรธานี และเห็นว่าแกนนำกลุ่มพันธมิตรฯ ควรดูแลควบคุมกันเอง เพื่อไม่ให้ไปก่อเหตุเมาสุราและทำร้ายประชาชนผู้บริสุทธิ์ ขณะเดียวกันขอให้กลุ่มที่ต่อต้านพันธมิตรฯ ใช้ความอดทนอดกลั้น และเคลื่อนไหวด้วยสติ อย่าสร้างกิจกรรมใด ๆ ที่จะเป็นการยั่วยุหรือสุ่มเสี่ยงต่อการกระทบกระทั่งจนบานปลายเป็นเหตุปะทะกัน อย่างไรก็ตาม ในส่วนของกลุ่มพีทีวีได้ประกาศเลื่อนการชุมนุมใหญ่ที่ท้องสนามหลวง ในวันที่ 2 สิงหาคมนี้ออกไป โดยไม่มีกำหนด เพราะไม่อยากให้เกิดความวุ่นวายต่อบ้านเมืองในขณะนี้ แต่กลุ่มพีทีวียังคงสนับสนุนให้มีการแก้ไขรัฐธรรมนูญฉบับปี 2550 ให้มีทั้งเนื้อหาและที่มาเป็นประชาธิปไตย
“อยากฝากข้อคิดไปยังกลุ่มพันธมิตรฯ ซึ่งอ้างตลอดเวลาว่าความเคลื่อนไหวของตนเองเป็นสิทธิโดยชอบตามระบอบประชาธิปไตยว่า หากเราใช้สิทธิเสรีภาพของตัวเอง เพื่อปกป้องสิทธิเสรีภาพของผู้อื่น สิ่งที่จะเกิดขึ้นคือประชาธิปไตย แต่หากการใช้สิทธิเสรีภาพของตัวเอง ไปละเมิดสิทธิเสรีภาพของผู้อื่นอยู่ตลอดเวลา สิ่งที่ตามมาจะเป็นอนาธิปไตย ที่ภาครัฐไม่สามารถจัดการกับความขัดแย้งหรือสถานการณ์ต่าง ๆ ในบ้านเมืองได้” รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีกล่าว
ส่วนกรณีที่มีกระแสข่าวว่ามีแก๊งออฟโฟร์อยู่เบื้องหลังรัฐบาล เพื่อหวังยึดอำนาจทางการเมืองนั้น รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีว่า ไม่เป็นความจริง เพราะรัฐบาลชุดนี้ยังทำหน้าที่ตามปกติ แต่ขอให้ประชาชนระมัดระวังแก๊งออฟโฟร์ที่สะพานมัฆวานรังสรรค์มากกว่า เพราะแก๊งนี้จะนำไปสู่ความวุ่นวายในสังคม และอาจนำไปสู่การยึดอำนาจ เพราะจุดจบของกลุ่มพันธมิตรฯ ยังหาทางลงไม่ได้ เป็นการเคลื่อนไหวแบบมีเงื่อนไข ขณะเดียวกันมั่นใจว่า ภายใน 3-5 วัน ยังสามารถดูแลได้ เพราะคนส่วนใหญ่ไม่อยากให้เกิดเหตุอะไรขึ้น อย่างไรก็ตาม ขอเตือนข้าราชการ ทหาร ตำรวจ ที่ร่วมชุมนุมกับกลุ่มพันธมิตรฯ ว่าควรอยู่ในกรอบของกฎหมาย เพราะรัฐบาลได้มอบหมายให้เจ้าหน้าที่ข่าวกรองเฝ้าระวังและสังเกตการณ์อย่างใกล้ชิด
--กลุ่มยุทธศาสตร์และแผนการประชาสัมพันธ์ สำนักโฆษก--
วันนี้ (1 ส.ค.) เวลา 14.00 น. ณ ศูนย์แถลงข่าว ตึกนารีสโมสร ทำเนียบรัฐบาล นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงว่า กล่าวว่า จากการที่กลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ประกาศจะเคลื่อนไหวใหญ่ เพื่อกดดันรัฐบาลในการแก้ไขรัฐธรรมนูญ หรือประกาศว่าต่อจากนี้ไปเป็น 7 วันอันตรายว่า อยากให้กลุ่มพันธมิตรฯ คำนึงถึงสถานการณ์ในบ้านเมืองเป็นสำคัญ เพราะขณะนี้มีประชาชนส่วนหนึ่งไม่เห็นด้วยกับการเคลื่อนไหวครั้งนี้ เนื่องจากรู้สึกว่าถูกละเมิดสิทธิเสรีภาพมากขึ้นและตลอดเวลา จึงไม่อยากให้เกิดเหตุการณ์เผชิญหน้ากันขึ้นเหมือนกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นที่จังหวัดอุดรธานี และเห็นว่าแกนนำกลุ่มพันธมิตรฯ ควรดูแลควบคุมกันเอง เพื่อไม่ให้ไปก่อเหตุเมาสุราและทำร้ายประชาชนผู้บริสุทธิ์ ขณะเดียวกันขอให้กลุ่มที่ต่อต้านพันธมิตรฯ ใช้ความอดทนอดกลั้น และเคลื่อนไหวด้วยสติ อย่าสร้างกิจกรรมใด ๆ ที่จะเป็นการยั่วยุหรือสุ่มเสี่ยงต่อการกระทบกระทั่งจนบานปลายเป็นเหตุปะทะกัน อย่างไรก็ตาม ในส่วนของกลุ่มพีทีวีได้ประกาศเลื่อนการชุมนุมใหญ่ที่ท้องสนามหลวง ในวันที่ 2 สิงหาคมนี้ออกไป โดยไม่มีกำหนด เพราะไม่อยากให้เกิดความวุ่นวายต่อบ้านเมืองในขณะนี้ แต่กลุ่มพีทีวียังคงสนับสนุนให้มีการแก้ไขรัฐธรรมนูญฉบับปี 2550 ให้มีทั้งเนื้อหาและที่มาเป็นประชาธิปไตย
“อยากฝากข้อคิดไปยังกลุ่มพันธมิตรฯ ซึ่งอ้างตลอดเวลาว่าความเคลื่อนไหวของตนเองเป็นสิทธิโดยชอบตามระบอบประชาธิปไตยว่า หากเราใช้สิทธิเสรีภาพของตัวเอง เพื่อปกป้องสิทธิเสรีภาพของผู้อื่น สิ่งที่จะเกิดขึ้นคือประชาธิปไตย แต่หากการใช้สิทธิเสรีภาพของตัวเอง ไปละเมิดสิทธิเสรีภาพของผู้อื่นอยู่ตลอดเวลา สิ่งที่ตามมาจะเป็นอนาธิปไตย ที่ภาครัฐไม่สามารถจัดการกับความขัดแย้งหรือสถานการณ์ต่าง ๆ ในบ้านเมืองได้” รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีกล่าว
ส่วนกรณีที่มีกระแสข่าวว่ามีแก๊งออฟโฟร์อยู่เบื้องหลังรัฐบาล เพื่อหวังยึดอำนาจทางการเมืองนั้น รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีว่า ไม่เป็นความจริง เพราะรัฐบาลชุดนี้ยังทำหน้าที่ตามปกติ แต่ขอให้ประชาชนระมัดระวังแก๊งออฟโฟร์ที่สะพานมัฆวานรังสรรค์มากกว่า เพราะแก๊งนี้จะนำไปสู่ความวุ่นวายในสังคม และอาจนำไปสู่การยึดอำนาจ เพราะจุดจบของกลุ่มพันธมิตรฯ ยังหาทางลงไม่ได้ เป็นการเคลื่อนไหวแบบมีเงื่อนไข ขณะเดียวกันมั่นใจว่า ภายใน 3-5 วัน ยังสามารถดูแลได้ เพราะคนส่วนใหญ่ไม่อยากให้เกิดเหตุอะไรขึ้น อย่างไรก็ตาม ขอเตือนข้าราชการ ทหาร ตำรวจ ที่ร่วมชุมนุมกับกลุ่มพันธมิตรฯ ว่าควรอยู่ในกรอบของกฎหมาย เพราะรัฐบาลได้มอบหมายให้เจ้าหน้าที่ข่าวกรองเฝ้าระวังและสังเกตการณ์อย่างใกล้ชิด
--กลุ่มยุทธศาสตร์และแผนการประชาสัมพันธ์ สำนักโฆษก--