แท็ก
คณะกรรมการนโยบายข้าวแห่งชาติ
นายสมัคร สุนทรเวช
กระทรวงกลาโหม
ทำเนียบรัฐบาล
นายกรัฐมนตรี
ตึกไทยคู่ฟ้า
นายกรัฐมนตรีเป็นประธานการประชุมคณะกรรมการนโยบายข้าวแห่งชาติ ครั้งที่ 7/2551 และรับทราบสถานการณ์ข้าว ปี 2551/52 ผลผลิตข้าวโลกจะเพิ่มขึ้น โดยไทยยังเป็นผู้ส่งออกอันดับหนึ่ง
วันนี้ เวลา 15.30 น. ณ ห้องสีเขียว ตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการนโยบายข้าวแห่งชาติ ครั้งที่ 7/2551 โดยมี นายสุรพงษ์ สืบวงศ์ลี รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ร่วมประชุมด้วย ภายหลังการประชุม นางสาวศุภรัตน์ นาคบุญนำ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงผลการประชุม สรุปสาระสำคัญได้ดังนี้
ที่ประชุมรับทราบสถานการณ์ข้าว ปี 2551/52 ที่กระทรวงเกษตรฯ สหรัฐอเมริกาคาดการณ์เมื่อเดือนกรกฎาคม 2551 ว่าผลผลิตข้าวโลกในปี 2551/52 เบื้องต้นจะมีปริมาณ 431.699 ล้านตันข้าวสาร ซึ่งมากกว่าปี 2550/51 ที่มีปริมาณ 428.020 ล้านตันข้าวสาร ร้อยละ 0.86 เพราะหลายประเทศจะเพิ่มผลผลิต เนื่องจากความต้องการบริโภคภายในประเทศเพิ่มสูงขึ้น โดยประเทศที่คาดว่าจะเพิ่มผลผลิตมากขึ้นได้แก่ ประเทศจีน ประเทศบังคลาเทศ ประเทศอินโดนีเซีย และประเทศไทย
ส่วนความต้องการบริโภคข้าวของโลกจะมีปริมาณ 428.245 ล้านตันข้าวสาร เพิ่มขึ้นจากปีก่อน ร้อยละ 0.71 ซึ่งน้อยกว่าปริมาณผลผลิต จำนวน 3.454 ล้านตัน หรือร้อยละ 0.80 ซึ่งจะส่งผลให้สต็อกเพิ่มขึ้นจาก 78.516 ล้านตันในช่วงต้นปี เป็น 81.970 ล้านตันในช่วงปลายปี หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 4.40
สำหรับการค้าข้าวของโลกในปี 2551 คาดว่าจะมีปริมาณ 28.393 ล้านตันข้าวสาร ลดลงจากปี 2550 ที่มีปริมาณ31.590 ล้านตันข้าวสาร ร้อยละ 10.61 หรือประมาณ 3.353 ล้านตันข้าวสาร เนื่องจากประเทศผู้ผลิตและผู้ส่งออกสำคัญ เช่น ประเทศอินเดีย ประเทศไทย และประเทศเวียดนาม เพิ่มพื้นที่เพาะปลูกและมีผลผลิตเพิ่มขึ้น ส่งผลให้ราคาข้าวในตลาดโลกมีแนวโน้มลดลง โดยไทยยังเป็นผู้ส่งออกอันดับหนึ่งคือประมาณ 10 ล้านตันข้าวสาร หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 5.26
นอกจากนี้ ราคาข้าวในตลาดโลกโดยรวมเคลื่อนไหวสูงกว่าปีที่ผ่านมา และเมื่อเทียบกับเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา ราคาเคลื่อนไหวตามภาวะราคาข้าวตลาดโลกที่มีความผันผวนค่อนข้างสูง โดยราคา F.O.B. เมื่อวันที่ 28 กรกฎาคม 2551 เทียบกับเดือนมิถุนายน 2551 ข้าวหอมมะลิ 100% ชั้น 2 ตันละ 976 เหรียญสหรัฐฯ ลดลงตันละ 105 เหรียญสหรัฐฯ ข้าวขาว 5% ตันละ 725 เหรียญสหรัฐฯ ลดลงตันละ 131 เหรียญสหรัฐฯ ตามราคาข้าวตลาดโลกที่มีแนวโน้มลดลง แต่ยังอยู่ในเกณฑ์สูงและราคาข้าวของไทยจะไม่อ่อนตัวลงมาก เนื่องจากรัฐบาลกำหนดราคารับจำนำไว้ในระดับสูง
พร้อมกันนี้ ที่ประชุมรับทราบสถานการณ์ข้าวไทยปี 2551 โดยกระทรวงเกษตรและสหกรณ์คาดการณ์ผลผลิตข้าวเปลือกนาปรัง ปีการผลิต 2551 มีประมาณ 8.791 ล้านตันข้าวเปลือก เพิ่มขึ้นจากช่วงเดือนมีนาคม 2551 ที่คาดว่าจะมี 607 ล้านตันข้าวเปลือก ร้อยละ 31.21 และเพิ่มขึ้นจากปีก่อนที่มีปริมาณ 6.802 ล้านตันข้าวเปลือก หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 29.24 เนื่องจากราคาข้าวเปลือกในช่วงเดือนมกราคม-เมษายน มีราคาสูงขึ้น ส่งผลให้เกษตรกรเพิ่มการเพาะปลูกข้าวนาปรังรุ่นที่ 2 เพิ่มขึ้น ซึ่งจะออกสู่ตลาดตั้งแต่เดือนมิถุนายนเป็นต้นไป และคาดว่าจะมีปริมาณ 3.9 ล้านตันข้าวเปลือก ทั้งนี้ ในช่วงเดือนกรกฎาคม 2551 ผลผลิตข้าวเปลือกนาปรังออกสู่ตลาดเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง แต่เนื่องจากรัฐบาลได้ดำเนินการรับจำนำข้าวเปลือกนาปรังตั้งแต่วันที่ 15 มิถุนายน - 30 กันยายน 2551 และตลาดต่างประเทศยังมีความต้องการข้าวคุณภาพสูงจากไทย ส่งผลให้ราคาข้าวเปลือกและข้าวสารในประเทศมีแนวโน้มอยู่ในเกณฑ์สูง ประกอบกับ เนื่องจากประเทศเวียดนามซึ่งเป็นผู้ส่งออกข้าว ได้ประกาศใช้มาตรการเก็บภาษีส่งออกข้าว ส่งผลให้ราคาข้าวในตลาดโลกมีแนวโน้มสูงขึ้น
--กลุ่มยุทธศาสตร์และแผนการประชาสัมพันธ์ สำนักโฆษก--
วันนี้ เวลา 15.30 น. ณ ห้องสีเขียว ตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการนโยบายข้าวแห่งชาติ ครั้งที่ 7/2551 โดยมี นายสุรพงษ์ สืบวงศ์ลี รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ร่วมประชุมด้วย ภายหลังการประชุม นางสาวศุภรัตน์ นาคบุญนำ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงผลการประชุม สรุปสาระสำคัญได้ดังนี้
ที่ประชุมรับทราบสถานการณ์ข้าว ปี 2551/52 ที่กระทรวงเกษตรฯ สหรัฐอเมริกาคาดการณ์เมื่อเดือนกรกฎาคม 2551 ว่าผลผลิตข้าวโลกในปี 2551/52 เบื้องต้นจะมีปริมาณ 431.699 ล้านตันข้าวสาร ซึ่งมากกว่าปี 2550/51 ที่มีปริมาณ 428.020 ล้านตันข้าวสาร ร้อยละ 0.86 เพราะหลายประเทศจะเพิ่มผลผลิต เนื่องจากความต้องการบริโภคภายในประเทศเพิ่มสูงขึ้น โดยประเทศที่คาดว่าจะเพิ่มผลผลิตมากขึ้นได้แก่ ประเทศจีน ประเทศบังคลาเทศ ประเทศอินโดนีเซีย และประเทศไทย
ส่วนความต้องการบริโภคข้าวของโลกจะมีปริมาณ 428.245 ล้านตันข้าวสาร เพิ่มขึ้นจากปีก่อน ร้อยละ 0.71 ซึ่งน้อยกว่าปริมาณผลผลิต จำนวน 3.454 ล้านตัน หรือร้อยละ 0.80 ซึ่งจะส่งผลให้สต็อกเพิ่มขึ้นจาก 78.516 ล้านตันในช่วงต้นปี เป็น 81.970 ล้านตันในช่วงปลายปี หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 4.40
สำหรับการค้าข้าวของโลกในปี 2551 คาดว่าจะมีปริมาณ 28.393 ล้านตันข้าวสาร ลดลงจากปี 2550 ที่มีปริมาณ31.590 ล้านตันข้าวสาร ร้อยละ 10.61 หรือประมาณ 3.353 ล้านตันข้าวสาร เนื่องจากประเทศผู้ผลิตและผู้ส่งออกสำคัญ เช่น ประเทศอินเดีย ประเทศไทย และประเทศเวียดนาม เพิ่มพื้นที่เพาะปลูกและมีผลผลิตเพิ่มขึ้น ส่งผลให้ราคาข้าวในตลาดโลกมีแนวโน้มลดลง โดยไทยยังเป็นผู้ส่งออกอันดับหนึ่งคือประมาณ 10 ล้านตันข้าวสาร หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 5.26
นอกจากนี้ ราคาข้าวในตลาดโลกโดยรวมเคลื่อนไหวสูงกว่าปีที่ผ่านมา และเมื่อเทียบกับเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา ราคาเคลื่อนไหวตามภาวะราคาข้าวตลาดโลกที่มีความผันผวนค่อนข้างสูง โดยราคา F.O.B. เมื่อวันที่ 28 กรกฎาคม 2551 เทียบกับเดือนมิถุนายน 2551 ข้าวหอมมะลิ 100% ชั้น 2 ตันละ 976 เหรียญสหรัฐฯ ลดลงตันละ 105 เหรียญสหรัฐฯ ข้าวขาว 5% ตันละ 725 เหรียญสหรัฐฯ ลดลงตันละ 131 เหรียญสหรัฐฯ ตามราคาข้าวตลาดโลกที่มีแนวโน้มลดลง แต่ยังอยู่ในเกณฑ์สูงและราคาข้าวของไทยจะไม่อ่อนตัวลงมาก เนื่องจากรัฐบาลกำหนดราคารับจำนำไว้ในระดับสูง
พร้อมกันนี้ ที่ประชุมรับทราบสถานการณ์ข้าวไทยปี 2551 โดยกระทรวงเกษตรและสหกรณ์คาดการณ์ผลผลิตข้าวเปลือกนาปรัง ปีการผลิต 2551 มีประมาณ 8.791 ล้านตันข้าวเปลือก เพิ่มขึ้นจากช่วงเดือนมีนาคม 2551 ที่คาดว่าจะมี 607 ล้านตันข้าวเปลือก ร้อยละ 31.21 และเพิ่มขึ้นจากปีก่อนที่มีปริมาณ 6.802 ล้านตันข้าวเปลือก หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 29.24 เนื่องจากราคาข้าวเปลือกในช่วงเดือนมกราคม-เมษายน มีราคาสูงขึ้น ส่งผลให้เกษตรกรเพิ่มการเพาะปลูกข้าวนาปรังรุ่นที่ 2 เพิ่มขึ้น ซึ่งจะออกสู่ตลาดตั้งแต่เดือนมิถุนายนเป็นต้นไป และคาดว่าจะมีปริมาณ 3.9 ล้านตันข้าวเปลือก ทั้งนี้ ในช่วงเดือนกรกฎาคม 2551 ผลผลิตข้าวเปลือกนาปรังออกสู่ตลาดเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง แต่เนื่องจากรัฐบาลได้ดำเนินการรับจำนำข้าวเปลือกนาปรังตั้งแต่วันที่ 15 มิถุนายน - 30 กันยายน 2551 และตลาดต่างประเทศยังมีความต้องการข้าวคุณภาพสูงจากไทย ส่งผลให้ราคาข้าวเปลือกและข้าวสารในประเทศมีแนวโน้มอยู่ในเกณฑ์สูง ประกอบกับ เนื่องจากประเทศเวียดนามซึ่งเป็นผู้ส่งออกข้าว ได้ประกาศใช้มาตรการเก็บภาษีส่งออกข้าว ส่งผลให้ราคาข้าวในตลาดโลกมีแนวโน้มสูงขึ้น
--กลุ่มยุทธศาสตร์และแผนการประชาสัมพันธ์ สำนักโฆษก--