ศธ.จัดประชุมเชิงปฏิบัติการแก้ไขปัญหาหนี้สินครูและบุคลากรทางการศึกษา เพื่อพัฒนาการศึกษา ยกระดับบุคลากร จิตวิญญาณของความเป็นครูและบุคลากรทางการศึกษา ที่จะเป็นผู้สร้างอนาคตของชาติ
วันนี้ (30 ก.ค.) เวลา 09.00 น. นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ เป็นประธานเปิดการประชุมเชิงปฏิบัติการแก้ไขปัญหาหนี้สินครูและบุคลากรทางการศึกษา ณ ตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาล
โอกาสนี้ รองนายกรัฐมนตรีฯ ได้กล่าวเปิดการประชุมเชิงปฏิบัติการฯ ว่า ปัญหาหนี้สินครูไม่ใช่เป็นเรื่องความเสียหาย หรือเป็นปัญหาร้ายแรงอะไร เรื่องหนี้สินถือเป็นเรื่องปกติ ไม่ใช่เฉพาะข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาเท่านั้นที่มีหนี้สิน ในวงการอื่นก็มีหนี้สินเช่นกัน เพียงแต่บุคลากรของเรามีเป็นจำนวนมากถึง 7 แสนกว่าคน รัฐบาลชุดนี้ได้เคยแถลงนโยบายต่อรัฐสภาว่าจะดูแลปัญหาของครูและบุคลากรทางการศึกษา โดยเฉพาะปัญหาหนี้สินครู หากครูมีหนี้สินมากจะส่งผลกระทบต่อการปฏิบัติหน้าที่และกระทบต่อความคิดของเราที่ไม่สงบ เพราะจะต้องหาทางแก้ไขปัญหา
ดังนั้น ตนและคณะผู้บริหารกระทรวงศึกษาธิการ รวมทั้งคณะกรรมการชุดหนึ่งซึ่งประกอบด้วย 4 ธนาคารหลักคือ ธนาคาร SME ธนาคารอาคารสงเคราะห์ ธนาคารออมสิน และธนาคารกรุงไทย จะเข้ามาช่วยให้คลายกังวล เพื่อให้ครูและบุคลากรทางการศึกษามีสมาธิในการพัฒนาการศึกษา แม้การดำเนินการโครงการแก้ปัญหาหนี้สินครูนี้ ตนไม่ได้เป็นผู้เริ่มคิด แต่ทุกฝ่ายจะร่วมกันแก้ปัญหาเพื่อให้ท่านมีสมาธิ กำลังใจทำงานต่อไป และหวังว่าหากคณะกรรมการชุดนี้ดำเนินการจนประสบความสำเร็จในการแก้ปัญหาหนี้สินครูแล้ว อาจจะเป็น Model ให้ส่วนราชการ กระทรวงอื่นได้ด้วย เพราะฉะนั้น จึงขอบคุณคณะกรรมการชุดนี้ที่จะมาตอบข้อซักถาม ข้อข้องใจจากทุกท่าน เป็นผู้มาทำงานให้เป็นวงจรที่สมบูรณ์
รองนายกรัฐมนตรีฯ กล่าวว่า การแก้ปัญหาหนี้สินครูร่วมกันนี้ เพื่อต้องการพัฒนาการศึกษา ยกระดับบุคลากร ยกระดับแผนงานวิธีการ ยกระดับความคิดความรู้สึก จิตวิญญาณของความเป็นครูหรือความเป็นบุคลากรทางการศึกษา ที่จะเป็นผู้สร้างอนาคตของชาติ และหวังว่าเมื่อครูและบุคลากรทางการศึกษาที่ได้รับการแก้ปัญหาหนี้สินครูแล้ว จะเป็นผู้ที่มีความคิดริเริ่มในการเปลี่ยนแปลงที่ดีขึ้น อย่างไรก็ตาม การศึกษาที่ผ่านมาเป็นเรื่องของยุคสมัย และยุคสมัยนี้การศึกษาต้องมีการเปลี่ยนแปลงโดยนำเทคโนโลยีที่ทันสมัยเข้ามาช่วยในวงการศึกษา มี e-Learning มีห้องสมุดที่มีชีวิต ให้เด็กได้เรียนรู้แนวใหม่ แนวคิดต่อการเปลี่ยนแปลงเช่นนี้ ต่างคนต่างคิดไม่ได้ แต่ทุกคนต้องคิดร่วมกันทั้งหมด การคิดอย่างนี้จึงเป็นการคิดเพื่อยกระดับของเราทั้งหมด แม้บางครั้งที่ผ่านมาเราเคยยึดมั่นในกรอบ ระเบียบ ซึ่งแม้เป็นเรื่องที่ถูกต้อง แต่บางครั้งกรอบระเบียบต่างๆ ก็ขัดขวางความคิดและสมองของเราเอาไว้ ทั้งนี้ ได้เคยกล่าวตั้งแต่วันรับตำแหน่งรัฐมนตรีว่า ไม่มีความรู้ความสามารถด้านการศึกษาเท่ากับคนในกระทรวงศึกษาธิการ และเป็นเพียงผู้นำนโยบายของรัฐบาลมาสู่ปฏิบัติ จึงต้องการแก้ปัญหาต่างๆ ให้ท่านปลดปล่อยพลังสมองได้อย่างเต็มที่และสุดความสามารถ ซึ่งครูอาจารย์ทั้งหลายมีคุณวุฒิ วัยวุฒิมากพอ ต้องมั่นใจในตัวเอง ต้องมั่นใจในการตัดสินใจ มั่นใจในสิ่งที่เราคิด หากสิ่งนั้นเป็นความถูกต้อง แม้อาจไม่เหมือนกับที่คนอื่นคิด ก็ไม่เป็นปัญหาแต่อย่างใด
เราอยากให้คน 7 แสนกว่าคนของกระทรวงศึกษาธิการ คิดคนละอย่างสองอย่าง แล้วเอาความคิดนั้นมาประมวลกัน เชื่อไหมว่า เราจะมี 7 แสนความคิด แล้วนำความคิดเหล่านั้นมาบูรณาการเพื่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลง คนเราจะมีความทุกข์ ความสุข ความก้าวหน้า ความถอยหลัง ก็ต้องเริ่มต้นที่สมอง ที่ความคิดของเราก่อนทั้งสิ้น ประเทศชาติจะเจริญก้าวหน้าขึ้นมาได้ด้วยกระทรวงศึกษาธิการ เพราะเป็นกระทรวงที่เริ่มต้นสร้างเด็กขึ้นมา เป็นการแต่งแต้มเจียระไนผ้าขาว เพราะเด็กๆ หลังจาก 4 ขวบไปแล้วอยู่ในกำมือของท่านมากกว่าในกำมือของพ่อแม่ เป็นสัจธรรม ดังนั้น หากเราไม่คิดเปลี่ยนแปลงยกระดับคุณครูทั้งหลายแล้ว เราก็ไม่สามารถยกระดับการเปลี่ยนแปลงอื่น ๆ ให้มีความคิด มีคุณธรรมสูงขึ้นได้
รองนายกรัฐมนตรีฯ กล่าวย้ำว่า ผู้บริหารของกระทรวงศึกษาธิการยุคนี้ไม่ได้มาหาผลประโยชน์หรือเอาประโยชน์ใส่ตัว ขอการันตี และให้วางใจในการทำงานเพื่อพัฒนาสิ่งต่างๆ ให้เกิดความเท่าเทียมกัน แม้บางครั้งปัญหาต่างๆ ทำเต็มที่แล้ว แต่อาจจะยังไม่ทันใจ ไม่สะใจ ไม่ได้อย่างเท่าที่ต้องการ แต่ขอให้ร่วมมือร่วมใจกัน และหวังว่าการสัมมนาครั้งนี้จะสำเร็จลุล่วงได้ด้วยฝีมือ ความร่วมมือของเราทุกคน พร้อมกับได้ Model นอกจากนี้ ยังคงมีอีกหลายสิ่งหลายอย่างที่จะต้องพึ่งความรู้ความสามารถของบุคลากรในสังกัดร่วมกันต่อไป
--กลุ่มยุทธศาสตร์และแผนการประชาสัมพันธ์ สำนักโฆษก--
วันนี้ (30 ก.ค.) เวลา 09.00 น. นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ เป็นประธานเปิดการประชุมเชิงปฏิบัติการแก้ไขปัญหาหนี้สินครูและบุคลากรทางการศึกษา ณ ตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาล
โอกาสนี้ รองนายกรัฐมนตรีฯ ได้กล่าวเปิดการประชุมเชิงปฏิบัติการฯ ว่า ปัญหาหนี้สินครูไม่ใช่เป็นเรื่องความเสียหาย หรือเป็นปัญหาร้ายแรงอะไร เรื่องหนี้สินถือเป็นเรื่องปกติ ไม่ใช่เฉพาะข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาเท่านั้นที่มีหนี้สิน ในวงการอื่นก็มีหนี้สินเช่นกัน เพียงแต่บุคลากรของเรามีเป็นจำนวนมากถึง 7 แสนกว่าคน รัฐบาลชุดนี้ได้เคยแถลงนโยบายต่อรัฐสภาว่าจะดูแลปัญหาของครูและบุคลากรทางการศึกษา โดยเฉพาะปัญหาหนี้สินครู หากครูมีหนี้สินมากจะส่งผลกระทบต่อการปฏิบัติหน้าที่และกระทบต่อความคิดของเราที่ไม่สงบ เพราะจะต้องหาทางแก้ไขปัญหา
ดังนั้น ตนและคณะผู้บริหารกระทรวงศึกษาธิการ รวมทั้งคณะกรรมการชุดหนึ่งซึ่งประกอบด้วย 4 ธนาคารหลักคือ ธนาคาร SME ธนาคารอาคารสงเคราะห์ ธนาคารออมสิน และธนาคารกรุงไทย จะเข้ามาช่วยให้คลายกังวล เพื่อให้ครูและบุคลากรทางการศึกษามีสมาธิในการพัฒนาการศึกษา แม้การดำเนินการโครงการแก้ปัญหาหนี้สินครูนี้ ตนไม่ได้เป็นผู้เริ่มคิด แต่ทุกฝ่ายจะร่วมกันแก้ปัญหาเพื่อให้ท่านมีสมาธิ กำลังใจทำงานต่อไป และหวังว่าหากคณะกรรมการชุดนี้ดำเนินการจนประสบความสำเร็จในการแก้ปัญหาหนี้สินครูแล้ว อาจจะเป็น Model ให้ส่วนราชการ กระทรวงอื่นได้ด้วย เพราะฉะนั้น จึงขอบคุณคณะกรรมการชุดนี้ที่จะมาตอบข้อซักถาม ข้อข้องใจจากทุกท่าน เป็นผู้มาทำงานให้เป็นวงจรที่สมบูรณ์
รองนายกรัฐมนตรีฯ กล่าวว่า การแก้ปัญหาหนี้สินครูร่วมกันนี้ เพื่อต้องการพัฒนาการศึกษา ยกระดับบุคลากร ยกระดับแผนงานวิธีการ ยกระดับความคิดความรู้สึก จิตวิญญาณของความเป็นครูหรือความเป็นบุคลากรทางการศึกษา ที่จะเป็นผู้สร้างอนาคตของชาติ และหวังว่าเมื่อครูและบุคลากรทางการศึกษาที่ได้รับการแก้ปัญหาหนี้สินครูแล้ว จะเป็นผู้ที่มีความคิดริเริ่มในการเปลี่ยนแปลงที่ดีขึ้น อย่างไรก็ตาม การศึกษาที่ผ่านมาเป็นเรื่องของยุคสมัย และยุคสมัยนี้การศึกษาต้องมีการเปลี่ยนแปลงโดยนำเทคโนโลยีที่ทันสมัยเข้ามาช่วยในวงการศึกษา มี e-Learning มีห้องสมุดที่มีชีวิต ให้เด็กได้เรียนรู้แนวใหม่ แนวคิดต่อการเปลี่ยนแปลงเช่นนี้ ต่างคนต่างคิดไม่ได้ แต่ทุกคนต้องคิดร่วมกันทั้งหมด การคิดอย่างนี้จึงเป็นการคิดเพื่อยกระดับของเราทั้งหมด แม้บางครั้งที่ผ่านมาเราเคยยึดมั่นในกรอบ ระเบียบ ซึ่งแม้เป็นเรื่องที่ถูกต้อง แต่บางครั้งกรอบระเบียบต่างๆ ก็ขัดขวางความคิดและสมองของเราเอาไว้ ทั้งนี้ ได้เคยกล่าวตั้งแต่วันรับตำแหน่งรัฐมนตรีว่า ไม่มีความรู้ความสามารถด้านการศึกษาเท่ากับคนในกระทรวงศึกษาธิการ และเป็นเพียงผู้นำนโยบายของรัฐบาลมาสู่ปฏิบัติ จึงต้องการแก้ปัญหาต่างๆ ให้ท่านปลดปล่อยพลังสมองได้อย่างเต็มที่และสุดความสามารถ ซึ่งครูอาจารย์ทั้งหลายมีคุณวุฒิ วัยวุฒิมากพอ ต้องมั่นใจในตัวเอง ต้องมั่นใจในการตัดสินใจ มั่นใจในสิ่งที่เราคิด หากสิ่งนั้นเป็นความถูกต้อง แม้อาจไม่เหมือนกับที่คนอื่นคิด ก็ไม่เป็นปัญหาแต่อย่างใด
เราอยากให้คน 7 แสนกว่าคนของกระทรวงศึกษาธิการ คิดคนละอย่างสองอย่าง แล้วเอาความคิดนั้นมาประมวลกัน เชื่อไหมว่า เราจะมี 7 แสนความคิด แล้วนำความคิดเหล่านั้นมาบูรณาการเพื่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลง คนเราจะมีความทุกข์ ความสุข ความก้าวหน้า ความถอยหลัง ก็ต้องเริ่มต้นที่สมอง ที่ความคิดของเราก่อนทั้งสิ้น ประเทศชาติจะเจริญก้าวหน้าขึ้นมาได้ด้วยกระทรวงศึกษาธิการ เพราะเป็นกระทรวงที่เริ่มต้นสร้างเด็กขึ้นมา เป็นการแต่งแต้มเจียระไนผ้าขาว เพราะเด็กๆ หลังจาก 4 ขวบไปแล้วอยู่ในกำมือของท่านมากกว่าในกำมือของพ่อแม่ เป็นสัจธรรม ดังนั้น หากเราไม่คิดเปลี่ยนแปลงยกระดับคุณครูทั้งหลายแล้ว เราก็ไม่สามารถยกระดับการเปลี่ยนแปลงอื่น ๆ ให้มีความคิด มีคุณธรรมสูงขึ้นได้
รองนายกรัฐมนตรีฯ กล่าวย้ำว่า ผู้บริหารของกระทรวงศึกษาธิการยุคนี้ไม่ได้มาหาผลประโยชน์หรือเอาประโยชน์ใส่ตัว ขอการันตี และให้วางใจในการทำงานเพื่อพัฒนาสิ่งต่างๆ ให้เกิดความเท่าเทียมกัน แม้บางครั้งปัญหาต่างๆ ทำเต็มที่แล้ว แต่อาจจะยังไม่ทันใจ ไม่สะใจ ไม่ได้อย่างเท่าที่ต้องการ แต่ขอให้ร่วมมือร่วมใจกัน และหวังว่าการสัมมนาครั้งนี้จะสำเร็จลุล่วงได้ด้วยฝีมือ ความร่วมมือของเราทุกคน พร้อมกับได้ Model นอกจากนี้ ยังคงมีอีกหลายสิ่งหลายอย่างที่จะต้องพึ่งความรู้ความสามารถของบุคลากรในสังกัดร่วมกันต่อไป
--กลุ่มยุทธศาสตร์และแผนการประชาสัมพันธ์ สำนักโฆษก--