แท็ก
กระทรวงการต่างประเทศ
สำนักนายกรัฐมนตรี
ณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ
นายเตช บุนนาค
ทำเนียบรัฐบาล
คณะรัฐมนตรี
รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีแถลงนายเตช บุนนาค รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศได้รายงานผลการเจรจาทวิภาคีระหว่างไทยและกัมพูชาให้ ครม. รับทราบ
วันนี้ (29 ก.ค.) เวลา 14.00 น. ณ ศูนย์แถลงข่าวรัฐบาล ตึกนารีสโมสร ทำเนียบรัฐบาล นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงผลการประชุมคณะรัฐมนตรีว่า นายเตช บุนนาค รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศได้รายงานผลการเจรจาทวิภาคีระหว่างไทยและกัมพูชาให้คณะรัฐมนตรีรับทราบ ดังนี้
1.รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศของทั้งสองประเทศเห็นพ้องกันว่า ทั้งสองฝ่ายควรใช้ความอดทนอดกลั้นอย่างที่สุด เพื่อหลีกเลี่ยงโอกาสที่จะเกิดการเผชิญหน้าด้วยกำลังทหาร เพื่อให้ปัญหานี้ได้รับการแก้ไขโดยสันติวิธี โดยใช้กลไกทวิภาคีที่มีอยู่ ซึ่งรวมถึงการหารือระหว่างรัฐมนตรีต่างประเทศ และคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วมไทย-กัมพูชา (Joint Boundary Commission : JBC) ที่จัดตั้งขึ้นตามบันทึกความเข้าใจว่าด้วยการสำรวจและจัดทำหลักเขตแดนทางบกไทย-กัมพูชา ปี 2543
2.ทั้งสองฝ่ายเห็นพ้องกันที่จะเสนอรัฐบาลของตนให้ความเห็นชอบจัดประชุมคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วมฯ ครั้งต่อไปโดยเร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ เพื่อหารือประเด็นต่างๆ เกี่ยวกับการสำรวจและจัดทำหลักเขตแดนในพื้นที่ที่เกี่ยวข้องภายใต้ข้อกำหนดอำนาจหน้าที่และแผนแม่บทของคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วมฯ (เขาสัตตะโสม-บีพี 1) ภายหลังจากการประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศสองฝ่ายครั้งหน้า
3.ทั้งสองฝ่ายเห็นพ้องกันที่จะเสนอรัฐบาลของตนดำเนินการมาตรการชั่วคราวในระหว่างที่รอการสำรวจ และจัดทำหลักเขตแดนโดยคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วมฯ โดยเป็นไปตามข้อกำหนดตามรัฐธรรมนูญและกฎหมายภายในของแต่ละประเทศ ดังนี้
3.1 เก็บกู้ทุ่นระเบิดในพื้นที่ที่จะมีการสำรวจและจัดทำหลักเขตแดนโดยคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วมฯ โดยการดำเนินการของแต่ละฝ่ายให้เป็นไปอย่างประสานสอดคล้องกัน (Concerted manner)
3.2 จัดตั้งชุดประสานงานชั่วคราว ซึ่งประกอบด้วย หน่วยงานที่เกี่ยวข้องของทั้งสองฝ่าย เพื่อจัดการกับปัญหาที่เกี่ยวกับพื้นที่ รวมทั้งบริเวณวัด
3.3 ให้ปรับกำลังของฝ่ายตนออกจาก “วัดแก้วสิขาคีรีสะวารา” พื้นที่รอบวัด และปราสาทพระวิหาร สำหรับประเทศไทย รัฐบาลจะตัดสินใจทางนโยบายว่าจะปรับกำลังหรือไม่ และฝ่ายทหารจะปฏิบัติตามการตัดสินใจดังกล่าว
4.มาตรการชั่วคราวข้างต้นจะไม่มีผลกระทบต่อสิทธิของทั้งสองฝ่ายเกี่ยวกับการสำรวจและจัดทำหลักเขตแดนภายใต้กรอบคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วมฯ และท่าทีทางกฎหมายของแต่ละฝ่าย
5.ทั้งสองฝ่ายตกลงที่จะหารือประเด็นอื่นๆ ที่ยังไม่สามารถตกลงกันได้ในการประชุมครั้งนี้ ในการประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศครั้งต่อไป
--กลุ่มยุทธศาสตร์และแผนการประชาสัมพันธ์ สำนักโฆษก--
วันนี้ (29 ก.ค.) เวลา 14.00 น. ณ ศูนย์แถลงข่าวรัฐบาล ตึกนารีสโมสร ทำเนียบรัฐบาล นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงผลการประชุมคณะรัฐมนตรีว่า นายเตช บุนนาค รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศได้รายงานผลการเจรจาทวิภาคีระหว่างไทยและกัมพูชาให้คณะรัฐมนตรีรับทราบ ดังนี้
1.รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศของทั้งสองประเทศเห็นพ้องกันว่า ทั้งสองฝ่ายควรใช้ความอดทนอดกลั้นอย่างที่สุด เพื่อหลีกเลี่ยงโอกาสที่จะเกิดการเผชิญหน้าด้วยกำลังทหาร เพื่อให้ปัญหานี้ได้รับการแก้ไขโดยสันติวิธี โดยใช้กลไกทวิภาคีที่มีอยู่ ซึ่งรวมถึงการหารือระหว่างรัฐมนตรีต่างประเทศ และคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วมไทย-กัมพูชา (Joint Boundary Commission : JBC) ที่จัดตั้งขึ้นตามบันทึกความเข้าใจว่าด้วยการสำรวจและจัดทำหลักเขตแดนทางบกไทย-กัมพูชา ปี 2543
2.ทั้งสองฝ่ายเห็นพ้องกันที่จะเสนอรัฐบาลของตนให้ความเห็นชอบจัดประชุมคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วมฯ ครั้งต่อไปโดยเร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ เพื่อหารือประเด็นต่างๆ เกี่ยวกับการสำรวจและจัดทำหลักเขตแดนในพื้นที่ที่เกี่ยวข้องภายใต้ข้อกำหนดอำนาจหน้าที่และแผนแม่บทของคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วมฯ (เขาสัตตะโสม-บีพี 1) ภายหลังจากการประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศสองฝ่ายครั้งหน้า
3.ทั้งสองฝ่ายเห็นพ้องกันที่จะเสนอรัฐบาลของตนดำเนินการมาตรการชั่วคราวในระหว่างที่รอการสำรวจ และจัดทำหลักเขตแดนโดยคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วมฯ โดยเป็นไปตามข้อกำหนดตามรัฐธรรมนูญและกฎหมายภายในของแต่ละประเทศ ดังนี้
3.1 เก็บกู้ทุ่นระเบิดในพื้นที่ที่จะมีการสำรวจและจัดทำหลักเขตแดนโดยคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วมฯ โดยการดำเนินการของแต่ละฝ่ายให้เป็นไปอย่างประสานสอดคล้องกัน (Concerted manner)
3.2 จัดตั้งชุดประสานงานชั่วคราว ซึ่งประกอบด้วย หน่วยงานที่เกี่ยวข้องของทั้งสองฝ่าย เพื่อจัดการกับปัญหาที่เกี่ยวกับพื้นที่ รวมทั้งบริเวณวัด
3.3 ให้ปรับกำลังของฝ่ายตนออกจาก “วัดแก้วสิขาคีรีสะวารา” พื้นที่รอบวัด และปราสาทพระวิหาร สำหรับประเทศไทย รัฐบาลจะตัดสินใจทางนโยบายว่าจะปรับกำลังหรือไม่ และฝ่ายทหารจะปฏิบัติตามการตัดสินใจดังกล่าว
4.มาตรการชั่วคราวข้างต้นจะไม่มีผลกระทบต่อสิทธิของทั้งสองฝ่ายเกี่ยวกับการสำรวจและจัดทำหลักเขตแดนภายใต้กรอบคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วมฯ และท่าทีทางกฎหมายของแต่ละฝ่าย
5.ทั้งสองฝ่ายตกลงที่จะหารือประเด็นอื่นๆ ที่ยังไม่สามารถตกลงกันได้ในการประชุมครั้งนี้ ในการประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศครั้งต่อไป
--กลุ่มยุทธศาสตร์และแผนการประชาสัมพันธ์ สำนักโฆษก--