โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีระบุกลุ่มพันธมิตรฯ ไม่จำเป็นต้องใช้ยุทธวิธีดาวกระจายเคลื่อนไปชุมนุมในพื้นที่ต่าง ๆ เพราะจะเป็นการยั่วยุกับบุคคลที่มีความเห็นไม่ตรงกัน
วันนี้ (26 ก.ค.) เวลา 11.10 น. พลตำรวจโท วิเชียรโชติ สุกโชติรัตน์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวในรายการ “คุยนอกทำเนียบกับทีมโฆษกรัฐบาล” ทางสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย ถึงสถานการณ์การชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยและกลุ่มต้านพันธมิตรฯ ที่ปะทะกันจนได้รับบาดเจ็บ รวมทั้งการที่กลุ่มพันธมิตรฯ ใช้ยุทธวิธีดาวกระจายไปในพื้นที่จังหวัดต่าง ๆ ว่า ขณะนี้ความคิดเห็นทางการเมืองแบ่งออกเป็น 2 ขั้วใหญ่ ๆ ดังนั้น การจะเปลี่ยนแปลงความคิดเห็นของแต่ละคนให้มาเห็นคล้อยตามตนเองด้วยนั้น คงเป็นเรื่องที่ค่อนข้างยาก และที่สำคัญกลุ่มพันธมิตรฯ ใช้สถานีโทรทัศน์ ASTV แพร่ภาพออกอากาศ 24 ชั่วโมงทั้งในประเทศและต่างประเทศ ทำให้ประชาชนทุกจังหวัดได้รับทราบข่าวสารของกลุ่มพันธมิตรฯ ตลอดเวลาอยู่แล้ว จึงไม่จำเป็นต้องใช้ยุทธวิธีดาวกระจายเคลื่อนไปชุมนุมในพื้นที่ต่าง ๆ เพื่อกล่าวโจมตีรัฐบาล เพราะการกระทำดังกล่าวส่งผลเสียหายต่อเศรษฐกิจ สังคม และการท่องเที่ยว มาอย่างต่อเนื่อง อีกทั้งจะเป็นการยั่วยุกับกลุ่มบุคคลที่มีความเห็นไม่ตรงกันด้วย อย่างไรก็ตาม รัฐบาลพยายามแก้ไขปัญหาต่าง ๆ ของบ้านเมือง จึงขอให้แต่ละฝ่ายหลีกเลี่ยงที่จะไม่ส่งคนไปปะทะกัน เพราะการชุมนุมสามารถทำได้อยู่แล้ว พร้อมกันนี้ทางผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติได้กำชับเจ้าหน้าที่ตำรวจให้เฝ้าระวังป้องกันเพื่อไม่ให้เกิดเหตุการณ์ดังกล่าวขึ้นอีก
“ผมอยากเห็นระบอบการปกครองแบบประชาธิปไตยที่เป็นตัวแบบให้เยาวชนรุ่นหลังได้ยึดถือ โดยอยากเห็นกลุ่มที่ต่อต้านรัฐบาลอยู่ในขณะนี้ไปตั้งพรรคการเมือง ซึ่งเชื่อว่าจะมีสมาชิกพรรคเป็นจำนวนมากกว่าพรรคการเมืองอื่น ๆ ด้วยซ้ำ และเมื่อตั้งพรรคการเมืองแล้วขอให้มาต่อสู้กันในระบบรัฐสภา ด้วยการใช้นโยบาย ใช้กฎหมาย และระบอบประชาธิปไตย ไม่ใช่ใช้วิธีการออกกระจายเสียง และไปตั้งเวทีโจมตีกัน” โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีกล่าว
--กลุ่มยุทธศาสตร์และแผนการประชาสัมพันธ์ สำนักโฆษก--
วันนี้ (26 ก.ค.) เวลา 11.10 น. พลตำรวจโท วิเชียรโชติ สุกโชติรัตน์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวในรายการ “คุยนอกทำเนียบกับทีมโฆษกรัฐบาล” ทางสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย ถึงสถานการณ์การชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยและกลุ่มต้านพันธมิตรฯ ที่ปะทะกันจนได้รับบาดเจ็บ รวมทั้งการที่กลุ่มพันธมิตรฯ ใช้ยุทธวิธีดาวกระจายไปในพื้นที่จังหวัดต่าง ๆ ว่า ขณะนี้ความคิดเห็นทางการเมืองแบ่งออกเป็น 2 ขั้วใหญ่ ๆ ดังนั้น การจะเปลี่ยนแปลงความคิดเห็นของแต่ละคนให้มาเห็นคล้อยตามตนเองด้วยนั้น คงเป็นเรื่องที่ค่อนข้างยาก และที่สำคัญกลุ่มพันธมิตรฯ ใช้สถานีโทรทัศน์ ASTV แพร่ภาพออกอากาศ 24 ชั่วโมงทั้งในประเทศและต่างประเทศ ทำให้ประชาชนทุกจังหวัดได้รับทราบข่าวสารของกลุ่มพันธมิตรฯ ตลอดเวลาอยู่แล้ว จึงไม่จำเป็นต้องใช้ยุทธวิธีดาวกระจายเคลื่อนไปชุมนุมในพื้นที่ต่าง ๆ เพื่อกล่าวโจมตีรัฐบาล เพราะการกระทำดังกล่าวส่งผลเสียหายต่อเศรษฐกิจ สังคม และการท่องเที่ยว มาอย่างต่อเนื่อง อีกทั้งจะเป็นการยั่วยุกับกลุ่มบุคคลที่มีความเห็นไม่ตรงกันด้วย อย่างไรก็ตาม รัฐบาลพยายามแก้ไขปัญหาต่าง ๆ ของบ้านเมือง จึงขอให้แต่ละฝ่ายหลีกเลี่ยงที่จะไม่ส่งคนไปปะทะกัน เพราะการชุมนุมสามารถทำได้อยู่แล้ว พร้อมกันนี้ทางผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติได้กำชับเจ้าหน้าที่ตำรวจให้เฝ้าระวังป้องกันเพื่อไม่ให้เกิดเหตุการณ์ดังกล่าวขึ้นอีก
“ผมอยากเห็นระบอบการปกครองแบบประชาธิปไตยที่เป็นตัวแบบให้เยาวชนรุ่นหลังได้ยึดถือ โดยอยากเห็นกลุ่มที่ต่อต้านรัฐบาลอยู่ในขณะนี้ไปตั้งพรรคการเมือง ซึ่งเชื่อว่าจะมีสมาชิกพรรคเป็นจำนวนมากกว่าพรรคการเมืองอื่น ๆ ด้วยซ้ำ และเมื่อตั้งพรรคการเมืองแล้วขอให้มาต่อสู้กันในระบบรัฐสภา ด้วยการใช้นโยบาย ใช้กฎหมาย และระบอบประชาธิปไตย ไม่ใช่ใช้วิธีการออกกระจายเสียง และไปตั้งเวทีโจมตีกัน” โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีกล่าว
--กลุ่มยุทธศาสตร์และแผนการประชาสัมพันธ์ สำนักโฆษก--