คณะกรรมการผู้สูงอายุแห่งชาติเห็นชอบตั้งคณะอนุกรรมการผลักดันระบบการออมเพื่อวัยสูงอายุแห่งชาติ และแนวทางการขับเคลื่อนข้อเสนอสมัชชาผู้สูงอายุสู่การปฏิบัติ
วันนี้ (24 ก.ค.) ณ ห้องประชุม 301 ตึกบัญชาการ ทำเนียบรัฐบาล นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ รองนายกรัฐมนตรี ประธานคณะกรรมการผู้สูงอายุแห่งชาติ (กผส.) เปิดเผยภายหลังการประชุมคณะกรรมการผู้สูงอายุแห่งชาติ (กผส.) ครั้งที่ 5 / 2551 ว่า คณะกรรมการผู้สูงอายุแห่งชาติเห็นชอบกับ (ร่าง) แต่งตั้งคณะอนุกรรมการผลักดันระบบการออมเพื่อวัยสูงอายุแห่งชาติ โดยมอบหมายให้ปลัดกระทรวงการคลัง เป็นประธานอนุกรรมการ รองปลัดกระทรวงการคลัง และนายแพทย์บรรลุ ศิริพานิช เป็นรองประธานอนุกรรมการ มีผู้แทนจากหน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน และผู้ทรงคุณวุฒิ เป็นอนุกรรมการ โดยคณะอนุกรรมการชุดนี้ จะมีหน้าที่ในการศึกษา รวบรวม วิเคราะห์ข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับระบบการออม และดำเนินการผลักดันเพื่อก่อให้เกิดระบบการออมแห่งชาติ ตลอดจนจัดทำรายงานความก้าวหน้าต่อคณะกรรมการผู้สูงอายุแห่งชาติต่อไป
นอกจากนี้ ที่ประชุมยังพิจารณามอบหมายให้หน่วยงานต่าง ๆ ร่วมกันขับเคลื่อนข้อเสนอสมัชชาผู้สูงอายุแห่งชาติไปสู่การปฏิบัติอย่างเป็นรูปธรรม โดยแบ่งเป็น 4 ประเด็นหลัก ประกอบด้วย 1) ประเด็นของการเพิ่มโอกาสในการทำงานของผู้สูงอายุ มีกระทรวงการคลัง และกระทรวงแรงงาน รับผิดชอบดำเนินการ 2) ประเด็นการส่งเสริมให้ผู้สูงอายุใช้ศักยภาพในการสร้างรายได้/การเพิ่มบทบาท อปท.ในการพัฒนาและแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจชุมชน/การส่งเสริมการรวมกลุ่มผู้สูงอายุ เพื่อขอรับการสนับสนุนงบประมาณจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้มอบหมายให้กระทรวงศึกษาธิการ กระทรวงแรงงาน กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ กระทรวงมหาดไทย รับผิดชอบดำเนินการ 3) ประเด็นการผลักดันให้มีการออมเพื่อการชราภาพในลักษณะกองทุนระดับชาติ ให้ครอบคลุมทั้งแรงงานนอกระบบ และแรงงานในระบบ/กระตุ้นและสร้างจิตสำนึกให้มีการออมในระยะยาว มอบหมายให้คณะอนุกรรมการผลักดันระบบการออมเพื่อวัยสูงอายุแห่งชาติ ใน กผส. ดำเนินการ และ 4) ประเด็นพัฒนาทางเลือกในการออมให้หลากหลายที่ดำเนินโดยรัฐ เอกชน รวมถึงการออมทรัพยากรที่สามารถตีค่าเป็นทรัพย์สิน/ การหนุนเสริมกองทุนการออมให้มีความมั่นคงยิ่งขึ้น/การส่งเสริมการออมที่ไม่เป็นทางการโดยเฉพาะระบบสวัสดิการชุมชน มอบหมายให้กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ โดยสถาบันองค์กรพัฒนาชุมชน (พอช.) รับผิดชอบดำเนินการ
--กลุ่มยุทธศาสตร์และแผนการประชาสัมพันธ์ สำนักโฆษก--
วันนี้ (24 ก.ค.) ณ ห้องประชุม 301 ตึกบัญชาการ ทำเนียบรัฐบาล นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ รองนายกรัฐมนตรี ประธานคณะกรรมการผู้สูงอายุแห่งชาติ (กผส.) เปิดเผยภายหลังการประชุมคณะกรรมการผู้สูงอายุแห่งชาติ (กผส.) ครั้งที่ 5 / 2551 ว่า คณะกรรมการผู้สูงอายุแห่งชาติเห็นชอบกับ (ร่าง) แต่งตั้งคณะอนุกรรมการผลักดันระบบการออมเพื่อวัยสูงอายุแห่งชาติ โดยมอบหมายให้ปลัดกระทรวงการคลัง เป็นประธานอนุกรรมการ รองปลัดกระทรวงการคลัง และนายแพทย์บรรลุ ศิริพานิช เป็นรองประธานอนุกรรมการ มีผู้แทนจากหน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน และผู้ทรงคุณวุฒิ เป็นอนุกรรมการ โดยคณะอนุกรรมการชุดนี้ จะมีหน้าที่ในการศึกษา รวบรวม วิเคราะห์ข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับระบบการออม และดำเนินการผลักดันเพื่อก่อให้เกิดระบบการออมแห่งชาติ ตลอดจนจัดทำรายงานความก้าวหน้าต่อคณะกรรมการผู้สูงอายุแห่งชาติต่อไป
นอกจากนี้ ที่ประชุมยังพิจารณามอบหมายให้หน่วยงานต่าง ๆ ร่วมกันขับเคลื่อนข้อเสนอสมัชชาผู้สูงอายุแห่งชาติไปสู่การปฏิบัติอย่างเป็นรูปธรรม โดยแบ่งเป็น 4 ประเด็นหลัก ประกอบด้วย 1) ประเด็นของการเพิ่มโอกาสในการทำงานของผู้สูงอายุ มีกระทรวงการคลัง และกระทรวงแรงงาน รับผิดชอบดำเนินการ 2) ประเด็นการส่งเสริมให้ผู้สูงอายุใช้ศักยภาพในการสร้างรายได้/การเพิ่มบทบาท อปท.ในการพัฒนาและแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจชุมชน/การส่งเสริมการรวมกลุ่มผู้สูงอายุ เพื่อขอรับการสนับสนุนงบประมาณจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้มอบหมายให้กระทรวงศึกษาธิการ กระทรวงแรงงาน กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ กระทรวงมหาดไทย รับผิดชอบดำเนินการ 3) ประเด็นการผลักดันให้มีการออมเพื่อการชราภาพในลักษณะกองทุนระดับชาติ ให้ครอบคลุมทั้งแรงงานนอกระบบ และแรงงานในระบบ/กระตุ้นและสร้างจิตสำนึกให้มีการออมในระยะยาว มอบหมายให้คณะอนุกรรมการผลักดันระบบการออมเพื่อวัยสูงอายุแห่งชาติ ใน กผส. ดำเนินการ และ 4) ประเด็นพัฒนาทางเลือกในการออมให้หลากหลายที่ดำเนินโดยรัฐ เอกชน รวมถึงการออมทรัพยากรที่สามารถตีค่าเป็นทรัพย์สิน/ การหนุนเสริมกองทุนการออมให้มีความมั่นคงยิ่งขึ้น/การส่งเสริมการออมที่ไม่เป็นทางการโดยเฉพาะระบบสวัสดิการชุมชน มอบหมายให้กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ โดยสถาบันองค์กรพัฒนาชุมชน (พอช.) รับผิดชอบดำเนินการ
--กลุ่มยุทธศาสตร์และแผนการประชาสัมพันธ์ สำนักโฆษก--