แท็ก
ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์
นายสมัคร สุนทรเวช
กระทรวงกลาโหม
นายกรัฐมนตรี
คณะรัฐมนตรี
เกษตรกร
นายกรัฐมนตรีเป็นประธานเปิดงานสัมมนาเชิงนโยบายและเชิงปฏิบัติการ และปาฐกถาพิเศษ เรื่อง "1 ล้านไร่ มิติใหม่ที่ราชพัสดุ" ซึ่งเป็นการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 10 มิถุนายน 2551
วันนี้ เวลา 09.00 น. ณ ห้องบอลรูม ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เป็นประธานเปิดงานสัมมนาเชิงนโยบายและเชิงปฏิบัติการ และปาฐกถาพิเศษ เรื่อง "1 ล้านไร่ มิติใหม่ที่ราชพัสดุ" ซึ่งกระทรวงการคลัง (กรมธนารักษ์) ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจัดขึ้น ระหว่างวันที่ 24-25 กรกฎาคม 2551 โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อให้เกิดความเข้าใจในทิศทางและความชัดเจนในกระบวนการในการดำเนินการของทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ซึ่งผู้เข้าร่วมสัมมนาประกอบด้วย ข้าราชการ ผู้ประกอบการภาคเอกชน องค์กรเอกชน และนักวิชาการ รวมจำนวนทั้งสิ้น 600 คน
ร้อยตรีหญิง ระนองรักษ์ สุวรรณฉวี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวรายงานว่าการจัดงานสัมมนาเชิงนโยบายและเชิงปฏิบัติการ เรื่อง "1 ล้านไร่ มิติใหม่ที่ราชพัสดุ" เป็นการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 10 มิถุนายน 2551 ที่มอบหมายให้กระทรวงการคลังดำเนินการขอคืนที่ดินราชพัสดุ ซึ่งหน่วยงานราชการต่าง ๆ ครอบครองอยู่แต่ไม่ได้ใช้ประโยชน์หรือใช้ประโยชน์ไม่เหมาะสม และเป็นที่ดินที่สามารถทำเกษตรกรรมได้ จากหน่วยงานราชการต่าง ๆ ให้ได้จำนวน 1 ล้านไร่ ภายในกำหนดเวลา 3 เดือน และให้กระทรวงต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ กระทรวงกลาโหม กระทรวงมหาดไทย กระทรวงพลังงาน กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงอุตสาหกรรม และกระทรวงการคลัง ร่วมกันบูรณาการที่ดินที่ได้มาเพื่อจัดสรรให้แก่เกษตรกรได้เช่าเป็นที่ดินทำกินในราคาถูก และร่วมกันบูรณาการเพื่อให้ที่ดินดังกล่าวสามารถที่จะสร้างผลิตผลที่มีคุณภาพจากพันธุ์พืชที่ดีในปริมาณที่เหมาะสม และให้ได้ราคาที่ดีต่อไป
ดังนั้น การจัดสัมมนาฯ จึงมีวัตถุประสงค์ดังนี้ 1) เพื่อประกาศนโยบายที่ชัดเจนของภาครัฐในการใช้ที่ราชพัสดุให้เกิดประโยชน์สูงสุด โดยเฉพาะอย่างยิ่งประโยชน์ด้านการเกษตร 2) เพื่อให้เจ้าหน้าที่ทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องในโครงการได้รับทราบนโยบายในทิศทางเดียวกัน และเกิดความเข้าใจอันดีต่อการบริหารโครงการเพื่อให้เกิดความสำเร็จ 3) เพื่อให้เจ้าหน้าที่จากทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องในโครงการได้มีโอกาสปรึกษาหารือรายละอียด กำหนดหลักเกณฑ์และวิธีการในการดำเนินการโครงการ 4) เพื่อให้เกษตรกรไทยมีโอกาสในการได้พื้นที่เพื่อทำการเกษตรมากขึ้น 5) เพื่อเป็นการเพิ่มผลิตผลทางการเกษตรและสร้างความมั่นคง และสร้างคุณภาพในการผลิตพืชอาหารและพืชทดแทนพลังงานของประเทศไทย ซึ่งจะส่งผลดีต่อระบบเศรษฐกิจในภาพรวม
โอกาสนี้ นายกรัฐมนตรีกล่าวว่าการจัดสัมมนาเชิงนโยบายและเชิงปฏิบัติการ เรื่อง "1 ล้านไร่ มิติใหม่ที่ราชพัสดุ" สืบเนื่องจากมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 10 มิถุนายน 2551 เพื่อให้กรมธนารักษ์ กระทรวงการคลัง รวบรวมที่ราชพัสดุของหน่วยราชการที่ไม่ได้ใช้ประโยชน์จำนวน 1 ล้านไร่ ภายในกำหนดเวลา 3 เดือน โดยนำที่ดินดังกล่าวมาพัฒนาและจัดสรรให้เกษตรกรเช่าในราคาถูก ทั้งนี้ เพื่อให้ที่ดินดังกล่าวสามารถที่จะสร้างผลิตผลที่มีคุณภาพจากพันธุ์พืชที่ดี เพราะประเทศไทยเป็นประเทศที่ส่งออกข้าวเป็นอันดับหนึ่งของโลก โดยสามารถผลิตข้าวเปลือกได้ปีละ 30 ล้านตัน ซึ่งจะได้ข้าวสาร 20 ล้านตัน เพื่อใช้บริโภคภายในประเทศ 9 ล้านตัน ส่งออก 9 ล้านตัน และเก็บสำรองไว้ 2 ล้านตัน
ในสมัยก่อน เกษตรกรปลูกข้าวได้ปีละ 1 ครั้ง เรียกว่าข้าวนาปี ต่อมามีการสร้างเขื่อน อาทิ เขื่อนภูมิพลที่สามารถจุน้ำได้ถึง 13,000 ล้านลูกบาศก์เมตร เขื่อนสิริกิติ์จุน้ำได้ถึง 9,700 ล้านลูกบาศก์เมตร และเขื่อนกิ่วลมจุน้ำได้ถึง 12 ล้านลูกบาศก์เมตร ทำให้มีน้ำตลอดปี เพราะมีการปล่อยน้ำทุกวัน ทั้งเพื่อการเกษตร และการผลิตไฟฟ้าครอบคลุมพื้นที่ 32 จังหวัด ทำให้เกษตรกรสามารถปลูกข้าวได้ปีละ 2 ครั้ง พัฒนาเป็น 5 ครั้งต่อ 2 ปี จนปัจจุบันพัฒนาเป็นปลูกข้าวได้ปีละ 3 ครั้ง ดังนั้น นโยบายของรัฐดังกล่าวเป็นการใช้ที่ดินหลวงนำมาพัฒนาเพื่อให้เกษตรกรที่ไม่มีที่ดินทำกินมาเช่าในราคาถูก ซึ่งจะเป็นการเพิ่มพื้นที่เกษตรกรรมได้ถึง 1 ล้านไร่ โดยมอบหมายให้กระทรวงการคลังดูแลเรื่องการรวบรวมที่ดิน กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ดูแลเรื่องการพัฒนาที่ดิน และกระทรวงอุตสาหกรรมดูแลการปลูกพืชต่าง ๆ ทั้งพืชอาหารคือข้าว และพืชพลังงานทดแทนคือมันสำปะหลังและอ้อย ด้วยการใช้ระบบน้ำหยดที่สามารถเพิ่มผลิตผลต่อไร่ได้ถึง 30 ตัน
ตอนท้าย นายกรัฐมนตรีขอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดูแลเรื่องการจัดรูปที่ดินให้เกิดความเป็นธรรม โดยเฉพาะอย่างยิ่งระบบการเช่าที่ดิน และขอให้ทุกภาคส่วนร่วมมือกันช่วยคิด ช่วยทำ และดำเนินการอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้ประชาชนเกษตรกรมีที่อยู่อาศัยและที่ดินทำกินต่อไป
--กลุ่มยุทธศาสตร์และแผนการประชาสัมพันธ์ สำนักโฆษก--
วันนี้ เวลา 09.00 น. ณ ห้องบอลรูม ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เป็นประธานเปิดงานสัมมนาเชิงนโยบายและเชิงปฏิบัติการ และปาฐกถาพิเศษ เรื่อง "1 ล้านไร่ มิติใหม่ที่ราชพัสดุ" ซึ่งกระทรวงการคลัง (กรมธนารักษ์) ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจัดขึ้น ระหว่างวันที่ 24-25 กรกฎาคม 2551 โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อให้เกิดความเข้าใจในทิศทางและความชัดเจนในกระบวนการในการดำเนินการของทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ซึ่งผู้เข้าร่วมสัมมนาประกอบด้วย ข้าราชการ ผู้ประกอบการภาคเอกชน องค์กรเอกชน และนักวิชาการ รวมจำนวนทั้งสิ้น 600 คน
ร้อยตรีหญิง ระนองรักษ์ สุวรรณฉวี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวรายงานว่าการจัดงานสัมมนาเชิงนโยบายและเชิงปฏิบัติการ เรื่อง "1 ล้านไร่ มิติใหม่ที่ราชพัสดุ" เป็นการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 10 มิถุนายน 2551 ที่มอบหมายให้กระทรวงการคลังดำเนินการขอคืนที่ดินราชพัสดุ ซึ่งหน่วยงานราชการต่าง ๆ ครอบครองอยู่แต่ไม่ได้ใช้ประโยชน์หรือใช้ประโยชน์ไม่เหมาะสม และเป็นที่ดินที่สามารถทำเกษตรกรรมได้ จากหน่วยงานราชการต่าง ๆ ให้ได้จำนวน 1 ล้านไร่ ภายในกำหนดเวลา 3 เดือน และให้กระทรวงต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ กระทรวงกลาโหม กระทรวงมหาดไทย กระทรวงพลังงาน กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงอุตสาหกรรม และกระทรวงการคลัง ร่วมกันบูรณาการที่ดินที่ได้มาเพื่อจัดสรรให้แก่เกษตรกรได้เช่าเป็นที่ดินทำกินในราคาถูก และร่วมกันบูรณาการเพื่อให้ที่ดินดังกล่าวสามารถที่จะสร้างผลิตผลที่มีคุณภาพจากพันธุ์พืชที่ดีในปริมาณที่เหมาะสม และให้ได้ราคาที่ดีต่อไป
ดังนั้น การจัดสัมมนาฯ จึงมีวัตถุประสงค์ดังนี้ 1) เพื่อประกาศนโยบายที่ชัดเจนของภาครัฐในการใช้ที่ราชพัสดุให้เกิดประโยชน์สูงสุด โดยเฉพาะอย่างยิ่งประโยชน์ด้านการเกษตร 2) เพื่อให้เจ้าหน้าที่ทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องในโครงการได้รับทราบนโยบายในทิศทางเดียวกัน และเกิดความเข้าใจอันดีต่อการบริหารโครงการเพื่อให้เกิดความสำเร็จ 3) เพื่อให้เจ้าหน้าที่จากทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องในโครงการได้มีโอกาสปรึกษาหารือรายละอียด กำหนดหลักเกณฑ์และวิธีการในการดำเนินการโครงการ 4) เพื่อให้เกษตรกรไทยมีโอกาสในการได้พื้นที่เพื่อทำการเกษตรมากขึ้น 5) เพื่อเป็นการเพิ่มผลิตผลทางการเกษตรและสร้างความมั่นคง และสร้างคุณภาพในการผลิตพืชอาหารและพืชทดแทนพลังงานของประเทศไทย ซึ่งจะส่งผลดีต่อระบบเศรษฐกิจในภาพรวม
โอกาสนี้ นายกรัฐมนตรีกล่าวว่าการจัดสัมมนาเชิงนโยบายและเชิงปฏิบัติการ เรื่อง "1 ล้านไร่ มิติใหม่ที่ราชพัสดุ" สืบเนื่องจากมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 10 มิถุนายน 2551 เพื่อให้กรมธนารักษ์ กระทรวงการคลัง รวบรวมที่ราชพัสดุของหน่วยราชการที่ไม่ได้ใช้ประโยชน์จำนวน 1 ล้านไร่ ภายในกำหนดเวลา 3 เดือน โดยนำที่ดินดังกล่าวมาพัฒนาและจัดสรรให้เกษตรกรเช่าในราคาถูก ทั้งนี้ เพื่อให้ที่ดินดังกล่าวสามารถที่จะสร้างผลิตผลที่มีคุณภาพจากพันธุ์พืชที่ดี เพราะประเทศไทยเป็นประเทศที่ส่งออกข้าวเป็นอันดับหนึ่งของโลก โดยสามารถผลิตข้าวเปลือกได้ปีละ 30 ล้านตัน ซึ่งจะได้ข้าวสาร 20 ล้านตัน เพื่อใช้บริโภคภายในประเทศ 9 ล้านตัน ส่งออก 9 ล้านตัน และเก็บสำรองไว้ 2 ล้านตัน
ในสมัยก่อน เกษตรกรปลูกข้าวได้ปีละ 1 ครั้ง เรียกว่าข้าวนาปี ต่อมามีการสร้างเขื่อน อาทิ เขื่อนภูมิพลที่สามารถจุน้ำได้ถึง 13,000 ล้านลูกบาศก์เมตร เขื่อนสิริกิติ์จุน้ำได้ถึง 9,700 ล้านลูกบาศก์เมตร และเขื่อนกิ่วลมจุน้ำได้ถึง 12 ล้านลูกบาศก์เมตร ทำให้มีน้ำตลอดปี เพราะมีการปล่อยน้ำทุกวัน ทั้งเพื่อการเกษตร และการผลิตไฟฟ้าครอบคลุมพื้นที่ 32 จังหวัด ทำให้เกษตรกรสามารถปลูกข้าวได้ปีละ 2 ครั้ง พัฒนาเป็น 5 ครั้งต่อ 2 ปี จนปัจจุบันพัฒนาเป็นปลูกข้าวได้ปีละ 3 ครั้ง ดังนั้น นโยบายของรัฐดังกล่าวเป็นการใช้ที่ดินหลวงนำมาพัฒนาเพื่อให้เกษตรกรที่ไม่มีที่ดินทำกินมาเช่าในราคาถูก ซึ่งจะเป็นการเพิ่มพื้นที่เกษตรกรรมได้ถึง 1 ล้านไร่ โดยมอบหมายให้กระทรวงการคลังดูแลเรื่องการรวบรวมที่ดิน กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ดูแลเรื่องการพัฒนาที่ดิน และกระทรวงอุตสาหกรรมดูแลการปลูกพืชต่าง ๆ ทั้งพืชอาหารคือข้าว และพืชพลังงานทดแทนคือมันสำปะหลังและอ้อย ด้วยการใช้ระบบน้ำหยดที่สามารถเพิ่มผลิตผลต่อไร่ได้ถึง 30 ตัน
ตอนท้าย นายกรัฐมนตรีขอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดูแลเรื่องการจัดรูปที่ดินให้เกิดความเป็นธรรม โดยเฉพาะอย่างยิ่งระบบการเช่าที่ดิน และขอให้ทุกภาคส่วนร่วมมือกันช่วยคิด ช่วยทำ และดำเนินการอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้ประชาชนเกษตรกรมีที่อยู่อาศัยและที่ดินทำกินต่อไป
--กลุ่มยุทธศาสตร์และแผนการประชาสัมพันธ์ สำนักโฆษก--