รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีระบุหากมีการปลุกระดมทางการเมืองให้กลุ่มคนออกมาเคลื่อนไหวจนเกิดความขัดแย้งกันกรณีปราสาทพระวิหาร รัฐบาลต้องชี้แจงทำความเข้าใจกับประชาชน
วันนี้ (19 ก.ค.) เวลา 11.30 น. นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีนายวีระ สมความคิด ได้พากลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยเดินทางไปยังอุทยานแห่งชาติเขาพระวิหาร อำเภอกันทรลักษ์ จังหวัดศรีสะเกษ จนทำให้เกิดการปะทะกับกลุ่มชาวบ้านภูมิซรอลที่พยายามขัดขวาง จนได้รับบาดเจ็บทั้งสองฝ่าย ว่า ได้รับแจ้งทางโทรศัพท์จากประชาชนที่อยู่ในพื้นที่บริเวณดังกล่าวว่า การที่ชาวบ้านออกไปขัดขวางกลุ่มพันธมิตรฯ เพราะเกรงว่าการกระทำของกลุ่มพันธมิตรฯ จะทำให้ชาวบ้านที่อยู่ในบริเวณนั้นอยู่กันยากขึ้น และมีความเดือดร้อนหวาดระแวง หวาดผวา กับสถานการณ์ที่ตึงเครียดขึ้นทุกที ชาวบ้านจึงได้ออกมาบอกว่าอย่าเข้าไปในพื้นที่บริเวณปราสาทพระวิหาร อย่าไปรุกล้ำหรือกดดันสร้างแรงเสียดทานยั่วยุใดๆ ขอให้เจ้าหน้าที่เป็นผู้ดำเนินการ แต่สุดท้ายก็เกิดการปะทะกัน
“หากเป็นการกระทำเพื่อบ้านเมือง รัฐบาลทำเต็มที่ ทุกคนที่อยู่ในบ้านเมืองนี้จะทำกันเต็มที่ แต่หากเป็นการกระทำเพื่อการเมือง หวังผลให้เกิดแรงเสียดทาน เป้าหมายนำไปสู่การโค่นล้มรัฐบาล โดยความเคลื่อนไหวจากกลุ่มพันธมิตรฯ มัฆวานและคนบางกลุ่มที่อยู่เบื้องหลัง อย่าทำเลย เรื่องอย่างนี้ถ้ารักชาติจริงต้องไม่นำชาติเข้าสู่สงคราม ขอให้หน่วยงานด้านความมั่นคง และรัฐบาลต่อรัฐบาลได้เจรจาทำความเข้าใจกัน ซึ่งการดำเนินการที่เป็นการปลุกเร้าปลุกระดมกันทางการเมือง เพื่อสร้างความเชื่อหรือความเข้าใจผิดให้กับประชาชน รัฐบาลก็จำเป็นจะต้องชี้แจงทำความเข้าใจ” รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีกล่าว
นอกจากนี้ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ยังกล่าวถึงกรณีที่กลุ่มใต้ดินรวมภาคใต้ของประเทศไทยออกมาประกาศยุติการก่อความไม่สงบในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ว่า เรื่องนี้ถือเป็นความตั้งใจดีของพลเอก เชษฐา ฐานะจาโร หัวหน้าพรรครวมใจไทยชาติพัฒนา ในฐานะที่เป็นคนติดต่อและเจรจากับกลุ่มบุคคลดังกล่าว ซึ่งเป็นการประสานงานดำเนินการโดยส่วนตัว รัฐบาลไม่ได้ทราบเรื่องและไม่ได้เกี่ยวข้องในทุกขั้นตอนที่นำมาสู่การแถลงข่าว เพราะฉะนั้น จึงเป็นการดำเนินการโดยส่วนตัว กลุ่มบุคคลดังกล่าวจะเป็นแกนนำจริงหรือไม่ การประกาศจะหยุดยิงจะมีผลในทางปฏิบัติหรือไม่ เป็นเรื่องที่ต้องติดตามกันต่อไป อย่างไรก็ตาม การดำเนินการของรัฐบาลโดยหน่วยงานฝ่ายความมั่นคงจะยังคงดำเนินนโยบายและมาตรการต่าง ๆ ตามเดิม ไม่ได้ผ่อนความเข้มข้นลงและไม่ได้เปลี่ยนแปลงการดำเนินการใด ๆ ของรัฐบาลอันเป็นเหตุมาจากการออกมาแถลงข่าวของกลุ่มบุคคลดังกล่าว
--กลุ่มยุทธศาสตร์และแผนการประชาสัมพันธ์ สำนักโฆษก--
วันนี้ (19 ก.ค.) เวลา 11.30 น. นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีนายวีระ สมความคิด ได้พากลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยเดินทางไปยังอุทยานแห่งชาติเขาพระวิหาร อำเภอกันทรลักษ์ จังหวัดศรีสะเกษ จนทำให้เกิดการปะทะกับกลุ่มชาวบ้านภูมิซรอลที่พยายามขัดขวาง จนได้รับบาดเจ็บทั้งสองฝ่าย ว่า ได้รับแจ้งทางโทรศัพท์จากประชาชนที่อยู่ในพื้นที่บริเวณดังกล่าวว่า การที่ชาวบ้านออกไปขัดขวางกลุ่มพันธมิตรฯ เพราะเกรงว่าการกระทำของกลุ่มพันธมิตรฯ จะทำให้ชาวบ้านที่อยู่ในบริเวณนั้นอยู่กันยากขึ้น และมีความเดือดร้อนหวาดระแวง หวาดผวา กับสถานการณ์ที่ตึงเครียดขึ้นทุกที ชาวบ้านจึงได้ออกมาบอกว่าอย่าเข้าไปในพื้นที่บริเวณปราสาทพระวิหาร อย่าไปรุกล้ำหรือกดดันสร้างแรงเสียดทานยั่วยุใดๆ ขอให้เจ้าหน้าที่เป็นผู้ดำเนินการ แต่สุดท้ายก็เกิดการปะทะกัน
“หากเป็นการกระทำเพื่อบ้านเมือง รัฐบาลทำเต็มที่ ทุกคนที่อยู่ในบ้านเมืองนี้จะทำกันเต็มที่ แต่หากเป็นการกระทำเพื่อการเมือง หวังผลให้เกิดแรงเสียดทาน เป้าหมายนำไปสู่การโค่นล้มรัฐบาล โดยความเคลื่อนไหวจากกลุ่มพันธมิตรฯ มัฆวานและคนบางกลุ่มที่อยู่เบื้องหลัง อย่าทำเลย เรื่องอย่างนี้ถ้ารักชาติจริงต้องไม่นำชาติเข้าสู่สงคราม ขอให้หน่วยงานด้านความมั่นคง และรัฐบาลต่อรัฐบาลได้เจรจาทำความเข้าใจกัน ซึ่งการดำเนินการที่เป็นการปลุกเร้าปลุกระดมกันทางการเมือง เพื่อสร้างความเชื่อหรือความเข้าใจผิดให้กับประชาชน รัฐบาลก็จำเป็นจะต้องชี้แจงทำความเข้าใจ” รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีกล่าว
นอกจากนี้ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ยังกล่าวถึงกรณีที่กลุ่มใต้ดินรวมภาคใต้ของประเทศไทยออกมาประกาศยุติการก่อความไม่สงบในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ว่า เรื่องนี้ถือเป็นความตั้งใจดีของพลเอก เชษฐา ฐานะจาโร หัวหน้าพรรครวมใจไทยชาติพัฒนา ในฐานะที่เป็นคนติดต่อและเจรจากับกลุ่มบุคคลดังกล่าว ซึ่งเป็นการประสานงานดำเนินการโดยส่วนตัว รัฐบาลไม่ได้ทราบเรื่องและไม่ได้เกี่ยวข้องในทุกขั้นตอนที่นำมาสู่การแถลงข่าว เพราะฉะนั้น จึงเป็นการดำเนินการโดยส่วนตัว กลุ่มบุคคลดังกล่าวจะเป็นแกนนำจริงหรือไม่ การประกาศจะหยุดยิงจะมีผลในทางปฏิบัติหรือไม่ เป็นเรื่องที่ต้องติดตามกันต่อไป อย่างไรก็ตาม การดำเนินการของรัฐบาลโดยหน่วยงานฝ่ายความมั่นคงจะยังคงดำเนินนโยบายและมาตรการต่าง ๆ ตามเดิม ไม่ได้ผ่อนความเข้มข้นลงและไม่ได้เปลี่ยนแปลงการดำเนินการใด ๆ ของรัฐบาลอันเป็นเหตุมาจากการออกมาแถลงข่าวของกลุ่มบุคคลดังกล่าว
--กลุ่มยุทธศาสตร์และแผนการประชาสัมพันธ์ สำนักโฆษก--