รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีระบุ 6 มาตรการ 6 เดือนฝ่าวิกฤตเพื่อคนไทยทุกคนเป็นมาตรการช่วยเหลือประมาณในช่วง 6 เดือน ไม่ได้ประกาศมาตรการนี้เพื่อเตรียมการจะยุบสภาตามที่หายฝ่ายตั้งข้อสังเกต
วันนี้ (19 ก.ค.) เวลา 11.10 น. นางสาววีรินทร์ทิรา นาทองบ่อจรัส รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวในรายการ “คุยนอกทำเนียบกับทีมโฆษกรัฐบาล” ทางสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย ถึงมาตรการช่วยเหลือประชาชน ว่า คณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวันที่ 15 กรกฎาคมที่ผ่านมาได้เห็นชอบ 6 มาตรการ 6 เดือนฝ่าวิกฤตเพื่อคนไทยทุกคน ประกอบด้วย 1. ลดอัตราภาษีสรรพสามิตน้ำมัน 2. ชะลอการปรับราคาก๊าซหุงต้ม (LPG) ในภาคครัวเรือน 3. ลดค่าใช้จ่ายน้ำประปาของครัวเรือน 4. ลดค่าใช้จ่ายไฟฟ้าของครัวเรือน 5. ลดค่าใช้จ่ายเดินทางรถโดยสารประจำทาง 6. ลดค่าใช้จ่ายเดินทางโดยรถไฟชั้น 3 ในระยะเวลา 6 เดือน เริ่มต้นไม่เกินวันที่ 1 สิงหาคม 2551 และสิ้นสุดในวันที่ 31 มกราคม 2552 โดยอนุมัติงบกลางรายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น ในกรอบวงเงินจำนวน 3,874 ล้านบาท สำหรับอุดหนุนรัฐวิสาหกิจ ได้แก่ การประปาส่วนภูมิภาค องค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ และการรถไฟแห่งประเทศไทย นอกจากนี้ ครม.ยังเห็นชอบให้ยกเว้นไม่นำผลกระทบด้านการเงิน จากการดำเนินงานตามมาตรการดังกล่าวมาใช้ในการประเมินผลการดำเนินงานในปี 2551 ของหน่วยงานที่รับผิดชอบมาตรการดังกล่าวทั้งส่วนราชการและรัฐวิสาหกิจ และมอบหมายให้กระทรวงการคลังพิจารณาแนวทางสนับสนุนเงินกู้เพื่อเสริมสภาพคล่อง ในกรณีรัฐวิสาหกิจที่รับผิดชอบได้รับผลกระทบจากการดำเนินการตาม 6 มาตรการ รวมทั้งมอบหมายหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อดำเนินการตามมาตรการดังกล่าวตามขั้นตอนของกฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้อง และมอบหมายให้สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติติดตามความก้าวหน้าการดำเนินมาตรการ และรายงานให้คณะรัฐมนตรีด้านนโยบายเศรษฐกิจทราบต่อไป
ด้านนายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวเพิ่มเติมว่า มาตรการดังกล่าวที่รัฐบาลประกาศออกมานั้น ถึงแม้ว่าจะใช้งบประมาณจำนวนมากและทำให้รัฐต้องสูญเสียรายได้ แต่ก็เป็นการใช้งบประมาณซึ่งเป็นภาษีของประชาชนอย่างคุ้มค่าและเกิดประโยชน์ต่อประชาชน ส่วนกรณีที่หลายฝ่ายตั้งข้อสังเกตว่ารัฐบาลประกาศมาตรการนี้เพื่อเตรียมการจะยุบสภา และเป็นการซื้อเสียงล่วงหน้ากับประชาชนนั้น ขอให้ผู้ที่ตั้งข้อสังเกตเคารพในคำว่าผู้เป็นเจ้าของอำนาจอธิปไตยให้มากกว่านี้ รวมทั้งกรณีที่ฝ่ายค้านพยายามบอกว่ารัฐบาลใช้ประชานิยมเพื่อซื้อเสียงให้กับประชาชนทั้งประเทศ ขอเรียนถามว่านโยบายของพรรคฝ่ายค้านที่ประกาศว่า 99 วันทำได้ทันที ซึ่งหลายนโยบายเป็นซุปเปอร์ประชานิยม ก็น่าที่จะโดนใจประชาชนและมอบหมายให้มาบริหารบ้านเมืองตั้งแต่คราวเลือกตั้งที่ผ่านมา ซึ่งประเด็นในเรื่องนี้อยู่ที่ว่าประชาชนเชื่ออย่างไรว่าใครน่าจะทำงานบริหารจัดการและแก้ปัญหาให้กับคนยากจนมากกว่า
รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ยังกล่าวถึงการนำเข้าน้ำมันดีเซลจากรัสเซียราคาต่ำกว่าน้ำมันดีเซลในท้องตลาดลิตรละ 8 บาท ว่า การจะนำเข้าน้ำมันดังกล่าวรัฐบาลจะต้องมีมาตรการควบคุมไม่ให้เกิดการลักลอบนำมาขายในท้องตลาดได้ เนื่องจากน้ำมันดีเซลจากรัสเซียเป็นน้ำมันคุณภาพต่ำเหมาะสำหรับใช้กับเรือประมง เครื่องจักรกลด้านการเกษตรเท่านั้น ซึ่งไม่สามารถนำมาใช้กับรถยนต์ทั่วไปได้ เพราะจะส่งผลต่อมลภาวะและเครื่องยนต์ของรถ ดังนั้น นายกรัฐมนตรีจึงมอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ดำเนินการศึกษาความเป็นไปได้ในเรื่องนี้ หากมีความเป็นไปได้ประชาชนในภาคประมงและภาคการเกษตรจะได้ใช้น้ำมันดีเซลที่ราคาถูกกว่าราคาปกติในท้องตลาดลิตรละ 8 บาท ทั้งนี้ จะต้องคำนึงถึงคุณภาพของน้ำมัน และดำเนินการอย่างถูกต้องตามกฎหมาย รวมทั้งการควบคุมดูแลของภาครัฐไม่ให้เกิดการลักลอบนำออกมาขายได้
--กลุ่มยุทธศาสตร์และแผนการประชาสัมพันธ์ สำนักโฆษก--
วันนี้ (19 ก.ค.) เวลา 11.10 น. นางสาววีรินทร์ทิรา นาทองบ่อจรัส รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวในรายการ “คุยนอกทำเนียบกับทีมโฆษกรัฐบาล” ทางสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย ถึงมาตรการช่วยเหลือประชาชน ว่า คณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวันที่ 15 กรกฎาคมที่ผ่านมาได้เห็นชอบ 6 มาตรการ 6 เดือนฝ่าวิกฤตเพื่อคนไทยทุกคน ประกอบด้วย 1. ลดอัตราภาษีสรรพสามิตน้ำมัน 2. ชะลอการปรับราคาก๊าซหุงต้ม (LPG) ในภาคครัวเรือน 3. ลดค่าใช้จ่ายน้ำประปาของครัวเรือน 4. ลดค่าใช้จ่ายไฟฟ้าของครัวเรือน 5. ลดค่าใช้จ่ายเดินทางรถโดยสารประจำทาง 6. ลดค่าใช้จ่ายเดินทางโดยรถไฟชั้น 3 ในระยะเวลา 6 เดือน เริ่มต้นไม่เกินวันที่ 1 สิงหาคม 2551 และสิ้นสุดในวันที่ 31 มกราคม 2552 โดยอนุมัติงบกลางรายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น ในกรอบวงเงินจำนวน 3,874 ล้านบาท สำหรับอุดหนุนรัฐวิสาหกิจ ได้แก่ การประปาส่วนภูมิภาค องค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ และการรถไฟแห่งประเทศไทย นอกจากนี้ ครม.ยังเห็นชอบให้ยกเว้นไม่นำผลกระทบด้านการเงิน จากการดำเนินงานตามมาตรการดังกล่าวมาใช้ในการประเมินผลการดำเนินงานในปี 2551 ของหน่วยงานที่รับผิดชอบมาตรการดังกล่าวทั้งส่วนราชการและรัฐวิสาหกิจ และมอบหมายให้กระทรวงการคลังพิจารณาแนวทางสนับสนุนเงินกู้เพื่อเสริมสภาพคล่อง ในกรณีรัฐวิสาหกิจที่รับผิดชอบได้รับผลกระทบจากการดำเนินการตาม 6 มาตรการ รวมทั้งมอบหมายหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อดำเนินการตามมาตรการดังกล่าวตามขั้นตอนของกฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้อง และมอบหมายให้สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติติดตามความก้าวหน้าการดำเนินมาตรการ และรายงานให้คณะรัฐมนตรีด้านนโยบายเศรษฐกิจทราบต่อไป
ด้านนายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวเพิ่มเติมว่า มาตรการดังกล่าวที่รัฐบาลประกาศออกมานั้น ถึงแม้ว่าจะใช้งบประมาณจำนวนมากและทำให้รัฐต้องสูญเสียรายได้ แต่ก็เป็นการใช้งบประมาณซึ่งเป็นภาษีของประชาชนอย่างคุ้มค่าและเกิดประโยชน์ต่อประชาชน ส่วนกรณีที่หลายฝ่ายตั้งข้อสังเกตว่ารัฐบาลประกาศมาตรการนี้เพื่อเตรียมการจะยุบสภา และเป็นการซื้อเสียงล่วงหน้ากับประชาชนนั้น ขอให้ผู้ที่ตั้งข้อสังเกตเคารพในคำว่าผู้เป็นเจ้าของอำนาจอธิปไตยให้มากกว่านี้ รวมทั้งกรณีที่ฝ่ายค้านพยายามบอกว่ารัฐบาลใช้ประชานิยมเพื่อซื้อเสียงให้กับประชาชนทั้งประเทศ ขอเรียนถามว่านโยบายของพรรคฝ่ายค้านที่ประกาศว่า 99 วันทำได้ทันที ซึ่งหลายนโยบายเป็นซุปเปอร์ประชานิยม ก็น่าที่จะโดนใจประชาชนและมอบหมายให้มาบริหารบ้านเมืองตั้งแต่คราวเลือกตั้งที่ผ่านมา ซึ่งประเด็นในเรื่องนี้อยู่ที่ว่าประชาชนเชื่ออย่างไรว่าใครน่าจะทำงานบริหารจัดการและแก้ปัญหาให้กับคนยากจนมากกว่า
รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ยังกล่าวถึงการนำเข้าน้ำมันดีเซลจากรัสเซียราคาต่ำกว่าน้ำมันดีเซลในท้องตลาดลิตรละ 8 บาท ว่า การจะนำเข้าน้ำมันดังกล่าวรัฐบาลจะต้องมีมาตรการควบคุมไม่ให้เกิดการลักลอบนำมาขายในท้องตลาดได้ เนื่องจากน้ำมันดีเซลจากรัสเซียเป็นน้ำมันคุณภาพต่ำเหมาะสำหรับใช้กับเรือประมง เครื่องจักรกลด้านการเกษตรเท่านั้น ซึ่งไม่สามารถนำมาใช้กับรถยนต์ทั่วไปได้ เพราะจะส่งผลต่อมลภาวะและเครื่องยนต์ของรถ ดังนั้น นายกรัฐมนตรีจึงมอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ดำเนินการศึกษาความเป็นไปได้ในเรื่องนี้ หากมีความเป็นไปได้ประชาชนในภาคประมงและภาคการเกษตรจะได้ใช้น้ำมันดีเซลที่ราคาถูกกว่าราคาปกติในท้องตลาดลิตรละ 8 บาท ทั้งนี้ จะต้องคำนึงถึงคุณภาพของน้ำมัน และดำเนินการอย่างถูกต้องตามกฎหมาย รวมทั้งการควบคุมดูแลของภาครัฐไม่ให้เกิดการลักลอบนำออกมาขายได้
--กลุ่มยุทธศาสตร์และแผนการประชาสัมพันธ์ สำนักโฆษก--