นายกรัฐมนตรีระบุการกระทำของคนบางกลุ่มเป็นการจุดชนวนให้เกิดปัญหาการเผชิญหน้ากันระหว่างทหารไทยและทหารกัมพูชากรณีปราสาทพระวิหาร พร้อมให้สื่อนำเสนอข่าวอย่างสมดุล ทั้งการทำงานของรัฐบาลและฝ่ายตรงข้าม
วันนี้ (17 ก.ค.) ที่อิมแพ็ค เมืองทองธานี นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวตอนหนึ่งในระหว่างการเปิดงาน “มหกรรมมั่นใจไทยแลนด์ ดีแน่ ถูกแน่ เพื่อคนไทย” ถึงกรณีที่ 3 คนไทยกลุ่มธรรมยาตราข้ามรั้วลวดหนามเข้าไปนั่งสมาธิที่บริเวณสะพานไม้ทางข้ามเข้าไปสู่เขตปราสาทพระวิหารที่เป็นพื้นที่ทับซ้อนจนถูกควบคุมตัวว่า การกระทำดังกล่าวเป็นการจุดชนวนให้เกิดปัญหาการเผชิญหน้ากันระหว่างทหารไทยและทหารกัมพูชา รวมทั้งมีการส่งคนลงไปปลุกระดมในพื้นที่ทุกจังหวัด เพื่อไม่ให้รัฐมนตรีลงไปทำงานในพื้นที่ได้ โดยยึดศาลากลางจังหวัดเป็นที่ชุมนุม หวังให้เกิดการเผชิญหน้าและนำไปสู่การปฏิวัติ แต่ทั้งนี้ขอยืนยันว่าจะไม่การปฏิวัติตามที่มีบางกลุ่มคาดหวังอย่างแน่นอน ขณะเดียวกันสื่อมวลชนควรนำเสนอข่าวอย่างสมดุล ทั้งการทำงานของรัฐบาลและฝ่ายตรงข้าม
นายกรัฐมนตรีกล่าวอีกว่า ขณะนี้กระทรวงการต่างประเทศทำงานลำบากขึ้น เสียเกียรติภูมิในเวทีระหว่างประเทศ เนื่องจากเกรงว่าการลงนามจะขัดต่อรัฐธรรมนูญ มาตรา 190 วรรค 2 หากไม่ได้นำเข้าที่ประชุมรัฐสภาก่อน ซึ่งในการประชุมสุดยอดรัฐมนตรีต่างประเทศอาเซียน ที่สิงคโปร์ ระหว่างวันที่ 17 -24 กรกฎาคมนี้ ประเทศไทยในฐานะที่จะรับตำแหน่งประธานอาเซียนต่อจากสิงคโปร์จะต้องลงนาม 2 ฉบับ คือ บันทึกความเข้าใจว่าด้วยโครงการความร่วมมือด้านการพัฒนา ระหว่างอาเซียน — ออสเตรเลีย ระยะที่ 2 และ พิธีสารการเพิ่มสมาชิกสนธิสัญญาไมตรี และความร่วมมือในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ แม้กรมสนธิสัญญาและกฏหมายจะยืนยันว่าการลงนามครั้งนี้สามารถทำได้ก็ตามภาย
หลังจากเสร็จภารกิจแล้ว ผู้สื่อข่าวได้ซักถามนายกรัฐมนตรีถึงกรณีความตึงเครียดบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชาโดยเฉพาะบริเวณปราสาทพระวิหาร ซึ่งนายกรัฐมนตรีตอบสั้น ๆ ว่า ให้ไปถามทหาร ผู้สื่อข่าวถามอีกว่ารัฐบาลมีแนวทางในการคลี่คลายปัญหาดังกล่าวอย่างไร นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ให้ไปถามกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย
--กลุ่มยุทธศาสตร์และแผนการประชาสัมพันธ์ สำนักโฆษก--
วันนี้ (17 ก.ค.) ที่อิมแพ็ค เมืองทองธานี นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวตอนหนึ่งในระหว่างการเปิดงาน “มหกรรมมั่นใจไทยแลนด์ ดีแน่ ถูกแน่ เพื่อคนไทย” ถึงกรณีที่ 3 คนไทยกลุ่มธรรมยาตราข้ามรั้วลวดหนามเข้าไปนั่งสมาธิที่บริเวณสะพานไม้ทางข้ามเข้าไปสู่เขตปราสาทพระวิหารที่เป็นพื้นที่ทับซ้อนจนถูกควบคุมตัวว่า การกระทำดังกล่าวเป็นการจุดชนวนให้เกิดปัญหาการเผชิญหน้ากันระหว่างทหารไทยและทหารกัมพูชา รวมทั้งมีการส่งคนลงไปปลุกระดมในพื้นที่ทุกจังหวัด เพื่อไม่ให้รัฐมนตรีลงไปทำงานในพื้นที่ได้ โดยยึดศาลากลางจังหวัดเป็นที่ชุมนุม หวังให้เกิดการเผชิญหน้าและนำไปสู่การปฏิวัติ แต่ทั้งนี้ขอยืนยันว่าจะไม่การปฏิวัติตามที่มีบางกลุ่มคาดหวังอย่างแน่นอน ขณะเดียวกันสื่อมวลชนควรนำเสนอข่าวอย่างสมดุล ทั้งการทำงานของรัฐบาลและฝ่ายตรงข้าม
นายกรัฐมนตรีกล่าวอีกว่า ขณะนี้กระทรวงการต่างประเทศทำงานลำบากขึ้น เสียเกียรติภูมิในเวทีระหว่างประเทศ เนื่องจากเกรงว่าการลงนามจะขัดต่อรัฐธรรมนูญ มาตรา 190 วรรค 2 หากไม่ได้นำเข้าที่ประชุมรัฐสภาก่อน ซึ่งในการประชุมสุดยอดรัฐมนตรีต่างประเทศอาเซียน ที่สิงคโปร์ ระหว่างวันที่ 17 -24 กรกฎาคมนี้ ประเทศไทยในฐานะที่จะรับตำแหน่งประธานอาเซียนต่อจากสิงคโปร์จะต้องลงนาม 2 ฉบับ คือ บันทึกความเข้าใจว่าด้วยโครงการความร่วมมือด้านการพัฒนา ระหว่างอาเซียน — ออสเตรเลีย ระยะที่ 2 และ พิธีสารการเพิ่มสมาชิกสนธิสัญญาไมตรี และความร่วมมือในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ แม้กรมสนธิสัญญาและกฏหมายจะยืนยันว่าการลงนามครั้งนี้สามารถทำได้ก็ตามภาย
หลังจากเสร็จภารกิจแล้ว ผู้สื่อข่าวได้ซักถามนายกรัฐมนตรีถึงกรณีความตึงเครียดบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชาโดยเฉพาะบริเวณปราสาทพระวิหาร ซึ่งนายกรัฐมนตรีตอบสั้น ๆ ว่า ให้ไปถามทหาร ผู้สื่อข่าวถามอีกว่ารัฐบาลมีแนวทางในการคลี่คลายปัญหาดังกล่าวอย่างไร นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ให้ไปถามกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย
--กลุ่มยุทธศาสตร์และแผนการประชาสัมพันธ์ สำนักโฆษก--