นายกรัฐมนตรีระบุไม่รีบร้อนปรับคณะรัฐมนตรี รอให้ศาลชี้ขาดคดีหวยบนดิน 28 ก.ค.นี้ก่อน จะได้ทำในคราวเดียว
วันนี้ (15 ก.ค.) เวลา 14.00 น. ณ ตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาล นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม แถลงภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่า ประเทศไทยถึงวาระต้องเป็นประธานอาเซียน ซึ่งวันที่ 17 กรกฎาคมนี้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศจะต้องไปประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศอาเซียน ที่ประเทศสิงคโปร์ และนายกรัฐมนตรีจะต้องเป็นประธานอาเซียน โดยมีเอกสารต้องไปลงนาม 5 ฉบับที่ประเทศสิงคโปร์ ซึ่งอธิบดีกรมอาเซียนมายืนยันว่าเอกสารทั้งหมดไม่มีปัญหา แต่ ครม.เห็นว่ามีปัญหา อย่างเรื่องปราสาทพระวิหารก็บอกว่าไม่มีปัญหา และไม่ต้องนำเข้าสภาฯ แต่วันนี้ไม่มีใครอยากจะไปเซ็น เพราะไม่มีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ถูกฆ่าตายไปแล้ว กำลังจะพิจารณาเอาศพไปจำคุกอีกด้วย อย่างไรก็ตาม ในการประชุม ครม. นั้นอธิบดีกรมอาเซียนบอกว่ากระทรวงการต่างประเทศเสียเกียรติภูมิไปทั่วโลก และ ครม.กำลังจะให้เสียเกียรติภูมิระหว่างประเทศ
“ ในขณะที่สถานการณ์บ้านเมืองเป็นอย่างนี้ถูกทำลายกระบวนการแล้วกระบวนการเล่าไม่ช้าก็จะทำลายกันหมดประเทศแต่เรายังมีสติปัญญาและจะทำหน้าที่ช่วยเหลือประชาชน ขณะนี้สั่งการให้กระทรวงการต่างประเทศทำเอกสาร 3 ชุดมีรองนายกรัฐมนตรี 3 คนต้องให้คนใดคนหนึ่งจะต้องไปลงนามโดยนายกรัฐมนตรีจะเป็นคนเค้นคอรองนายกรัฐมนตรีให้ไปลงนาม ไม่มีใครกล้าไปเซ็น เพราะกลัวว่าจะโดนฆ่าตายแบบนายนพดล”นายกรัฐมนตรีกล่าว
ผู้สื่อข่าวถามว่าเพราะเหตุใดรัฐบาลถึงไม่รีบเร่งแต่งตั้งรัฐมนตรีที่ว่างเพื่อจะได้ผลักดันงานของรัฐบาลต่อไป นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ในวันที่ 28 กรกฎาคมนี้ เขาจะฆ่ารัฐมนตรีอีก 3 คน เลยบอกว่าจะทำในคราวเดียว หากทำ ครม.เสร็จแล้วไปเฝ้าฯ ก็คงลำบาก เพราะเจ้านายเสด็จฯ ประทับที่หัวหิน เรื่องนี้ไม่มีปัญหา สามารถรอได้ รอให้วันที่ 28 กรกฎาคม ให้เขาฆ่ากันให้เสร็จแล้วทำทีเดียว
“ผมเปลี่ยน ครม.ครั้งนี้ 10 กว่าตำแหน่ง และเป็นคนทำด้วยมือตัวเอง ซึ่งกำลังทำอยู่ แต่อีก 2-3 วันเขาจะฆ่าอีก 3 คน ถ้าอย่างนั้นก็รอให้จบกระบวนการเสียก่อน ก็จะทำทีเดียว ขอให้อดใจรออีกหน่อย วันนี้ไม่ว่ารัฐบาลไหนเข้ามาเจออย่างนี้เข้า ก็โดนทั้งนั้น เพราะระบบสร้างเอาไว้ ศาลก็ตัดสินตามข้อเสนอ และมีกฎหมายรองรับ ขณะนี้ถูกทำลายหมด ถ้าวันที่ 28 กรกฎาคมนี้ตัดสินมาบ้านเมืองนี้จะต้องเรียกว่าพังทลาย ดำเนินการต่อไปไม่ได้ ขอให้นึกถึงหัวอกคนที่เป็นนายกรัฐมนตรีในวันนี้ด้วย” นายกรัฐมนตรีกล่าว
นายกรัฐมนตรี กล่าวต่อว่า ขณะนี้สถานการณ์บ้านเมืองไม่ใช่เรื่องเล่น ๆ มีอะไรที่เรามองไม่เห็นในระบบมันทำลายย่อยยับ ไม่ใช่ว่าเราแกล้ง แต่เราไม่งอมืองอเท้า ที่เล่นงาน ส.ว. และ ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ ที่เป็นคนถือหุ้นในบริษัทที่ทำสัมปทานกับรัฐบาลทั้งแผง ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ 20 กว่าคนจะต้องพ้นจากตำแหน่ง ส.ว. ก็ต้องพ้นจากตำแหน่ง อย่างนั้นไม่บรรลัยวายวอดหมดหรืออย่างไร บ้านเมืองกำลังฆ่ากันเอง ขณะนี้ตนให้คนของตนลุกขึ้นมาฆ่าบ้าง เพราะถูกฆ่ามาเยอะแล้ว รัฐบาลถูกปลิดทิ้งทีละคน 2 คน ไม่ใช่ว่าเราเลว แต่ระบบทำให้เกิดสภาพอย่างนี้ จึงจะจัดการแก้ไข แต่พอจะแก้ไขก็มีคนมาคอยป้องกันไม่ให้แก้ไข สภาพอย่างนี้มันไม่ไหว เขียนกันตามใจชอบ เพราะความเคียดแค้นชิงชัง แต่พอใช้เข้าจริงก็ทำให้เดือดร้อน
ผู้สื่อข่าวถามว่าในฐานะที่เป็นหัวหน้ารัฐบาลจะหาทางออกอย่างไร นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า การพูดครั้งนี้ถือว่าเป็นการร้องทุกข์ต่อสังคมเพื่อให้คนไทยทั้งประเทศรู้ว่าบ้านเมืองของเราเป็นอย่างนี้ ตนไม่เดือดร้อนที่มารับหน้าที่อย่างนี้ และจะไปให้สุดกู่เลย ตนทำงานถวายเจ้าฟ้าเจ้าแผ่นดิน ทำงานกับทหารได้เรียบร้อย บ้านเมืองควรจะสงบเรียบร้อย แต่ระบบสร้างเอาไว้ให้มีคนก่อกวนให้เสร็จเรียบร้อย ให้ทหารออกมา แต่เขายังไม่ออกมา เพราะไม่มีเหตุผลที่เขาจะต้องออกมา และเขาต้องอายคนทั้งโลกหากเขาจะทำซ้ำอีกที
--กลุ่มยุทธศาสตร์และแผนการประชาสัมพันธ์ สำนักโฆษก--
วันนี้ (15 ก.ค.) เวลา 14.00 น. ณ ตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาล นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม แถลงภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่า ประเทศไทยถึงวาระต้องเป็นประธานอาเซียน ซึ่งวันที่ 17 กรกฎาคมนี้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศจะต้องไปประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศอาเซียน ที่ประเทศสิงคโปร์ และนายกรัฐมนตรีจะต้องเป็นประธานอาเซียน โดยมีเอกสารต้องไปลงนาม 5 ฉบับที่ประเทศสิงคโปร์ ซึ่งอธิบดีกรมอาเซียนมายืนยันว่าเอกสารทั้งหมดไม่มีปัญหา แต่ ครม.เห็นว่ามีปัญหา อย่างเรื่องปราสาทพระวิหารก็บอกว่าไม่มีปัญหา และไม่ต้องนำเข้าสภาฯ แต่วันนี้ไม่มีใครอยากจะไปเซ็น เพราะไม่มีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ถูกฆ่าตายไปแล้ว กำลังจะพิจารณาเอาศพไปจำคุกอีกด้วย อย่างไรก็ตาม ในการประชุม ครม. นั้นอธิบดีกรมอาเซียนบอกว่ากระทรวงการต่างประเทศเสียเกียรติภูมิไปทั่วโลก และ ครม.กำลังจะให้เสียเกียรติภูมิระหว่างประเทศ
“ ในขณะที่สถานการณ์บ้านเมืองเป็นอย่างนี้ถูกทำลายกระบวนการแล้วกระบวนการเล่าไม่ช้าก็จะทำลายกันหมดประเทศแต่เรายังมีสติปัญญาและจะทำหน้าที่ช่วยเหลือประชาชน ขณะนี้สั่งการให้กระทรวงการต่างประเทศทำเอกสาร 3 ชุดมีรองนายกรัฐมนตรี 3 คนต้องให้คนใดคนหนึ่งจะต้องไปลงนามโดยนายกรัฐมนตรีจะเป็นคนเค้นคอรองนายกรัฐมนตรีให้ไปลงนาม ไม่มีใครกล้าไปเซ็น เพราะกลัวว่าจะโดนฆ่าตายแบบนายนพดล”นายกรัฐมนตรีกล่าว
ผู้สื่อข่าวถามว่าเพราะเหตุใดรัฐบาลถึงไม่รีบเร่งแต่งตั้งรัฐมนตรีที่ว่างเพื่อจะได้ผลักดันงานของรัฐบาลต่อไป นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ในวันที่ 28 กรกฎาคมนี้ เขาจะฆ่ารัฐมนตรีอีก 3 คน เลยบอกว่าจะทำในคราวเดียว หากทำ ครม.เสร็จแล้วไปเฝ้าฯ ก็คงลำบาก เพราะเจ้านายเสด็จฯ ประทับที่หัวหิน เรื่องนี้ไม่มีปัญหา สามารถรอได้ รอให้วันที่ 28 กรกฎาคม ให้เขาฆ่ากันให้เสร็จแล้วทำทีเดียว
“ผมเปลี่ยน ครม.ครั้งนี้ 10 กว่าตำแหน่ง และเป็นคนทำด้วยมือตัวเอง ซึ่งกำลังทำอยู่ แต่อีก 2-3 วันเขาจะฆ่าอีก 3 คน ถ้าอย่างนั้นก็รอให้จบกระบวนการเสียก่อน ก็จะทำทีเดียว ขอให้อดใจรออีกหน่อย วันนี้ไม่ว่ารัฐบาลไหนเข้ามาเจออย่างนี้เข้า ก็โดนทั้งนั้น เพราะระบบสร้างเอาไว้ ศาลก็ตัดสินตามข้อเสนอ และมีกฎหมายรองรับ ขณะนี้ถูกทำลายหมด ถ้าวันที่ 28 กรกฎาคมนี้ตัดสินมาบ้านเมืองนี้จะต้องเรียกว่าพังทลาย ดำเนินการต่อไปไม่ได้ ขอให้นึกถึงหัวอกคนที่เป็นนายกรัฐมนตรีในวันนี้ด้วย” นายกรัฐมนตรีกล่าว
นายกรัฐมนตรี กล่าวต่อว่า ขณะนี้สถานการณ์บ้านเมืองไม่ใช่เรื่องเล่น ๆ มีอะไรที่เรามองไม่เห็นในระบบมันทำลายย่อยยับ ไม่ใช่ว่าเราแกล้ง แต่เราไม่งอมืองอเท้า ที่เล่นงาน ส.ว. และ ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ ที่เป็นคนถือหุ้นในบริษัทที่ทำสัมปทานกับรัฐบาลทั้งแผง ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ 20 กว่าคนจะต้องพ้นจากตำแหน่ง ส.ว. ก็ต้องพ้นจากตำแหน่ง อย่างนั้นไม่บรรลัยวายวอดหมดหรืออย่างไร บ้านเมืองกำลังฆ่ากันเอง ขณะนี้ตนให้คนของตนลุกขึ้นมาฆ่าบ้าง เพราะถูกฆ่ามาเยอะแล้ว รัฐบาลถูกปลิดทิ้งทีละคน 2 คน ไม่ใช่ว่าเราเลว แต่ระบบทำให้เกิดสภาพอย่างนี้ จึงจะจัดการแก้ไข แต่พอจะแก้ไขก็มีคนมาคอยป้องกันไม่ให้แก้ไข สภาพอย่างนี้มันไม่ไหว เขียนกันตามใจชอบ เพราะความเคียดแค้นชิงชัง แต่พอใช้เข้าจริงก็ทำให้เดือดร้อน
ผู้สื่อข่าวถามว่าในฐานะที่เป็นหัวหน้ารัฐบาลจะหาทางออกอย่างไร นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า การพูดครั้งนี้ถือว่าเป็นการร้องทุกข์ต่อสังคมเพื่อให้คนไทยทั้งประเทศรู้ว่าบ้านเมืองของเราเป็นอย่างนี้ ตนไม่เดือดร้อนที่มารับหน้าที่อย่างนี้ และจะไปให้สุดกู่เลย ตนทำงานถวายเจ้าฟ้าเจ้าแผ่นดิน ทำงานกับทหารได้เรียบร้อย บ้านเมืองควรจะสงบเรียบร้อย แต่ระบบสร้างเอาไว้ให้มีคนก่อกวนให้เสร็จเรียบร้อย ให้ทหารออกมา แต่เขายังไม่ออกมา เพราะไม่มีเหตุผลที่เขาจะต้องออกมา และเขาต้องอายคนทั้งโลกหากเขาจะทำซ้ำอีกที
--กลุ่มยุทธศาสตร์และแผนการประชาสัมพันธ์ สำนักโฆษก--