นายกรัฐมนตรีเป็นประธานการประชุมคณะกรรมการพัฒนาระบบขนส่งทางรางและระบบขนส่งมวลชน ครั้งที่ 4 / 2551พิจารณาแผนปรับปรุงการบริหารจัดการและบริการระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ
วันนี้ เวลา 09.30 น. ณ ห้องสีเขียว ตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการพัฒนาระบบขนส่งทางรางและระบบขนส่งมวลชน ครั้งที่ 4 / 2551 โดยผู้เข้าร่วมประชุมประกอบด้วย นายสุรพงษ์ สืบวงศ์ลี รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง นายสหัส บัณฑิตกุล รองนายกรัฐมนตรี นายสันติ พร้อมพัฒน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม นายทรงศักดิ์ ทองศรี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม นายธีรพล นพรัมภา เลขาธิการนายกรัฐมนตรี พล.ต.ท.วิเชียรโชติ สุกโชติรัตน์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี นายอำพน กิตติอำพน เลขาธิการคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ นายวุฒิพันธุ์ วิชัยรัตน์ ผู้อำนวยการสำนักงบประมาณ และผู้ที่เกี่ยวข้อง ภายหลังการประชุมเวลา 13.30 น. ณ ศูนย์แถลงข่าวรัฐบาล โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ได้แถลงผลการประชุมสรุปสาระสำคัญดังนี้
ที่ประชุมได้พิจารณาแผนปรับปรุงการบริหารจัดการและบริการระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ ในส่วนของการจัดหารถโดยสารปรับอากาศใช้ก๊าซธรรมชาติเอ็นจีวี จำนวน 6,000 คัน โดยวิธีการเช่า เพื่อปรับปรุงระบบขนส่งมวลชนทั้งหมดของกรุงเทพมหานครและปริมณฑล ซึ่งคณะรัฐมนตรีเห็นว่าโครงการดังกล่าวจะต้องมีการพิจารณารายละเอียดให้ชัดเจนทั้งหมดเพื่อแถลงให้ประชาชนได้รับทราบ โดยในวันนี้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้จัดทำรายละเอียดทั้งหมดมาเสนอต่อที่ประชุม ประกอบด้วยการปรับปรุงเครือข่ายเส้นทางหลักของ ขสมก. 15 เส้นทาง เส้นทางวงแหวนชั้นใน 2 เส้นทาง ชั้นนอก 4 เส้นทาง เส้นทางด่วน 15 เส้นทาง เส้นทางสายรอง 109 เส้นทาง ที่จะดำเนินการปรับปรุงทั้งหมดเพื่อตอบสนองความต้องการของผู้โดยสารที่ใช้บริการของ ขสมก.
โดยประเด็นสำคัญคือการจัดให้มีการประกวดราคา หรือผู้ที่จะมาทำหน้าที่จัดหารถโดยสารปรับอากาศใช้ก๊าซธรรมชาติเอ็นจีวี จำนวน 6,000 คัน ด้วยวิธีการเช่าทั้งหมด ซึ่งต้องดำเนินการอย่างโปร่งใส โดยจะมีการแต่งตั้งคณะกรรมการพิจารณากำหนดร่างขอบเขตของงานและร่างเอกสารประกวดราคา มีสาระ สำคัญคือ 1.ความเป็นมา 2. วัตถุประสงค์ 3. คุณสมบัติของผู้เสนอราคา 4. แบบรูปรายการหรือคุณลักษณะเฉพาะ 5. ระยะเวลาดำเนินการ 6. ระยะเวลาส่งมอบงาน 7. วงเงินในการจัดหา แล้วให้นำร่าง TOR ดังกล่าวประกาศในเว็บไซต์ขององค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ และกรมบัญชีกลาง เพื่อทำประชาพิจารณ์และปรับปรุงแก้ไขรวม 2 ครั้ง แล้วนำเสนอคณะกรรมการบริหารกิจการองค์การฯ ให้ความเห็นชอบ
โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีกล่าวว่าที่มีการพูดกันมากว่าจะมีการล็อกสเป็กเพื่อจะให้บริษัทที่จ่ายค่านายหน้านั้น ยืนยันว่าสเป็กนั้นจะล็อกไม่ได้ เพราะมีการกำหนดคุณสมบัติของผู้ยื่นข้อเสนอจะต้องเป็นนิติบุคคลซึ่งจัดตั้งตามกฎหมายไทย เป็นต้น ทุกบริษัทที่จะมีความสามารถในการจัดหารถมาให้เช่า ไม่สามารถจะล็อกสเป็กได้ และได้มีการกำหนดคุณสมบัติของรถโดยสาร 26 รายการ อาทิ จะต้องเป็นรถซึ่งมีที่นั่งรวมคนขับ 35 ที่นั่ง ความยาวไม่เกิน 12 เมตร มีป้ายบอกเส้นทางระบบดิจิตอล มีเครื่องอ่านบัตรโดยสาร ประตูฉุกเฉิน ฯลฯ ซึ่งเป็นสเป็กที่ทุกบริษัทสามารถเข้าได้ โดยจะมีการแจ้งสเป็กให้ทราบก่อน ซึ่งโรงงานประกอบรถโดยสารจะต้องสร้างรถตามสเป็กดังกล่าว ไม่ใช่มีการเอาสเป็กของรถที่มีอยู่มาออกสเป็กเหมือนกับที่เคยมีการทำมาในอดีต ทั้งนี้ คุณสมบัติของรถโดยสารทั้ง 26 รายการจะเป็นประโยชน์มากที่สุดกับผู้โดยสาร โดยจะคำนึงถึงความสะดวกสบายและความปลอดภัยของประชาชนเป็นหลัก
นอกจากนี้ในระบบตั๋วโดยสารรถเมล์ จะให้มีการใช้ e - ticket เพื่อลดการทุจริตในการใช้ตั๋วโดยสาร และในการดำเนินการจะต้องจัดทำพ.ร.บ.ประกันภัยให้กับผู้โดยสารทั้งหมด รวมทั้งการจัดหาอู่จอดรถและที่ทำการจำนวน 22 แห่งจะเป็นหน้าที่ของเอกชนที่เข้ามาประกวดราคาได้จะเป็นผู้จัดหาแหล่งทำการจอดเอง รัฐบาลจะไม่เข้าไปเกี่ยวข้อง ทั้งนี้ การดำเนินการประกวดราคาจะใช้วิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ หรือ e - Auction 5 ขั้นตอน คือ 1.นำ TOR ขึ้นประชาพิจารณ์บนเว็บไซต์เปิดโอกาสให้ประชาชนได้ทำประชาพิจารณ์ และเมื่อปรับปรุงแก้ไขจนถึงที่สุดแล้วจะนำเสนอคณะกรรมการบริหารกิจการองค์การฯ ให้ความเห็นชอบ 2. จะให้กรมบัญชีกลางแต่งตั้งคณะกรรมการประกวดราคา 3. ผู้ยื่นข้อเสนอต้องยื่นข้อเสนอทางเทคนิคและผ่านเกณฑ์ที่กำหนดจึงเป็นผู้มีสิทธิ์เสนอราคา 4. ผู้ที่เสนอราคาต่ำที่สุดจึงจะได้เป็นผู้รับสัญญา 5. สัญญาจะต้องได้รับการตรวจสอบจากสำนักงานอัยการสูงสุดก่อน และการวางหลักประกันซองตามที่กำหนดและหลักประกันสัญญาจะต้องทำตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี นอกจากนั้นจะต้องมีคณะ กรรมการรับมอบรถโดยสารตามข้อบังคับขององค์กร ดังนั้น ที่เคยตั้งประมาณการราคาไว้ว่าต้องการเช่ารถในราคาคันละประมาณ 5,100 บาทต่อวัน ถ้าการประกวดราคา e - Auction ต่ำกว่านี้ ก็จะเป็นประโยชน์ช่วยให้รัฐประหยัดเงินลงได้ ราคาค่าเช่า 5,100 บาทจึงยังไม่ใช่เป็นราคาสุดท้าย
โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีกล่าวด้วยว่า สำหรับตารางค่าโดยสารที่จะออกใหม่ในระบบนี้ จะมีค่าโดยสารทั่วไปเที่ยวเดียว 15 บาทตลอดสาย ไป-กลับ 30 บาท จากปัจจุบันอัตราค่าโดยสารรถเมล์ปรับอากาศอยู่ที่ 12 - 24 บาทต่อครั้งตามระยะทาง และจะมีตั๋วโดยสารรายเดือนจำหน่ายให้ประชาชนด้วยดังนี้คือ บุคคลทั่วไปราคา 900 บาทต่อเดือน ผู้มีรายได้น้อย ผู้มีบัตรประกันสังคม กบข. หรือผู้ที่ลงทะเบียนว่าเป็นผู้มีรายได้น้อย และนักเรียนที่เรียนสูงกว่า ม.3 ซื้อตั๋วโดยสารรายเดือนได้ในราคา 600 บาทต่อเดือนเท่ากับวันละ 20 บาท สำหรับผู้สูงอายุและพิการ ราคาเดือนละ 450 บาท ส่วนนักเรียนตั้งแต่ ม.3 ลงมา ราคาเดือนละ 300 บาท ซึ่งจะช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายให้กับผู้ปกครอง
" ซึ่งเมื่อคณะกรรมการพิจารณาแล้วได้เห็นชอบในหลักการให้ไปดำเนินการได้ เพราะโครงการนี้สามารถตอบคำถามทุกคำถามให้กับผู้ที่สงสัยได้ ความโปร่งใสทั้งหมดได้มีการชี้แจงอย่างชัดเจนแล้ว โดยจะนำเข้าที่ประชุมคณะรัฐมนตรีในวันอังคารหน้า เมื่อคณะรัฐมนตรีอนุมัติแล้วจะได้ดำเนินการตามขั้นตอนตามระเบียบและกฎหมายต่อไป หากมีการดำเนินการตามแผนปรับปรุงการบริหารจัดการและบริการระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ ดังกล่าวแล้ว จะทำให้เพิ่มจำนวนผู้โดยสารที่ใช้รถโดยสารขสมก.อีกอย่างน้อยร้อยละ 15 ช่วยลดการใช้รถส่วนตัวลงได้ประมาณ 1.3 ล้านคน ทั้งนี้ รถโดยสารทั้ง 6,000 คันจะอยู่ในสภาพสมบูรณ์ตลอดเวลา รัฐบาลไม่ต้องใช้งบประมาณในการซ่อมบำรุง ไม่ต้องตั้งงบประมาณในการจัดหาที่จอดรถ เพียงแต่ควบคุมดูแลการบริการให้รถมาตามเวลา ดูแลว่ารถที่นำมาใช้อยู่ในสภาพที่สมบูรณ์ จึงเชื่อว่าในช่วงระยะเวลาที่เริ่มโครงการตั้งแต่ปี 2552 จะทำให้ ขสมก.เริ่มมีผลกำไรในปี 2553" โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีกล่าว
นอกจากนี้ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีกล่าวถึงแผนปรับโครงสร้างองค์กรของ ขสมก. ที่ขณะนี้ ขสมก. มีจำนวนพนักงานเก็บค่าโดยสารที่เกินจำนวนอยู่ 1,234 คนนั้น จะให้เข้าโครงการเกษียณก่อนกำหนด พร้อมกับมีการจ่ายเงินชดเชยให้กับพนักงาน ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรีให้มีการพิจารณาว่าผู้ที่เข้าโครงการเกษียณก่อนกำหนด จะต้องมีการหางานใหม่ที่เหมาะสมให้ทำด้วย พร้อมกันนี้นายกรัฐมนตรีได้สั่งการว่าเมื่อแผนปรับปรุงการบริหารจัดการและบริการระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ ได้ผ่านการพิจารณาของคณะรัฐมนตรีแล้ว ให้ดำเนินการให้เร็วที่สุดให้โครงการต้องเดินหน้าได้ภายในปีนี้
--กลุ่มยุทธศาสตร์และแผนการประชาสัมพันธ์ สำนักโฆษก--
วันนี้ เวลา 09.30 น. ณ ห้องสีเขียว ตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการพัฒนาระบบขนส่งทางรางและระบบขนส่งมวลชน ครั้งที่ 4 / 2551 โดยผู้เข้าร่วมประชุมประกอบด้วย นายสุรพงษ์ สืบวงศ์ลี รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง นายสหัส บัณฑิตกุล รองนายกรัฐมนตรี นายสันติ พร้อมพัฒน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม นายทรงศักดิ์ ทองศรี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม นายธีรพล นพรัมภา เลขาธิการนายกรัฐมนตรี พล.ต.ท.วิเชียรโชติ สุกโชติรัตน์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี นายอำพน กิตติอำพน เลขาธิการคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ นายวุฒิพันธุ์ วิชัยรัตน์ ผู้อำนวยการสำนักงบประมาณ และผู้ที่เกี่ยวข้อง ภายหลังการประชุมเวลา 13.30 น. ณ ศูนย์แถลงข่าวรัฐบาล โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ได้แถลงผลการประชุมสรุปสาระสำคัญดังนี้
ที่ประชุมได้พิจารณาแผนปรับปรุงการบริหารจัดการและบริการระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ ในส่วนของการจัดหารถโดยสารปรับอากาศใช้ก๊าซธรรมชาติเอ็นจีวี จำนวน 6,000 คัน โดยวิธีการเช่า เพื่อปรับปรุงระบบขนส่งมวลชนทั้งหมดของกรุงเทพมหานครและปริมณฑล ซึ่งคณะรัฐมนตรีเห็นว่าโครงการดังกล่าวจะต้องมีการพิจารณารายละเอียดให้ชัดเจนทั้งหมดเพื่อแถลงให้ประชาชนได้รับทราบ โดยในวันนี้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้จัดทำรายละเอียดทั้งหมดมาเสนอต่อที่ประชุม ประกอบด้วยการปรับปรุงเครือข่ายเส้นทางหลักของ ขสมก. 15 เส้นทาง เส้นทางวงแหวนชั้นใน 2 เส้นทาง ชั้นนอก 4 เส้นทาง เส้นทางด่วน 15 เส้นทาง เส้นทางสายรอง 109 เส้นทาง ที่จะดำเนินการปรับปรุงทั้งหมดเพื่อตอบสนองความต้องการของผู้โดยสารที่ใช้บริการของ ขสมก.
โดยประเด็นสำคัญคือการจัดให้มีการประกวดราคา หรือผู้ที่จะมาทำหน้าที่จัดหารถโดยสารปรับอากาศใช้ก๊าซธรรมชาติเอ็นจีวี จำนวน 6,000 คัน ด้วยวิธีการเช่าทั้งหมด ซึ่งต้องดำเนินการอย่างโปร่งใส โดยจะมีการแต่งตั้งคณะกรรมการพิจารณากำหนดร่างขอบเขตของงานและร่างเอกสารประกวดราคา มีสาระ สำคัญคือ 1.ความเป็นมา 2. วัตถุประสงค์ 3. คุณสมบัติของผู้เสนอราคา 4. แบบรูปรายการหรือคุณลักษณะเฉพาะ 5. ระยะเวลาดำเนินการ 6. ระยะเวลาส่งมอบงาน 7. วงเงินในการจัดหา แล้วให้นำร่าง TOR ดังกล่าวประกาศในเว็บไซต์ขององค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ และกรมบัญชีกลาง เพื่อทำประชาพิจารณ์และปรับปรุงแก้ไขรวม 2 ครั้ง แล้วนำเสนอคณะกรรมการบริหารกิจการองค์การฯ ให้ความเห็นชอบ
โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีกล่าวว่าที่มีการพูดกันมากว่าจะมีการล็อกสเป็กเพื่อจะให้บริษัทที่จ่ายค่านายหน้านั้น ยืนยันว่าสเป็กนั้นจะล็อกไม่ได้ เพราะมีการกำหนดคุณสมบัติของผู้ยื่นข้อเสนอจะต้องเป็นนิติบุคคลซึ่งจัดตั้งตามกฎหมายไทย เป็นต้น ทุกบริษัทที่จะมีความสามารถในการจัดหารถมาให้เช่า ไม่สามารถจะล็อกสเป็กได้ และได้มีการกำหนดคุณสมบัติของรถโดยสาร 26 รายการ อาทิ จะต้องเป็นรถซึ่งมีที่นั่งรวมคนขับ 35 ที่นั่ง ความยาวไม่เกิน 12 เมตร มีป้ายบอกเส้นทางระบบดิจิตอล มีเครื่องอ่านบัตรโดยสาร ประตูฉุกเฉิน ฯลฯ ซึ่งเป็นสเป็กที่ทุกบริษัทสามารถเข้าได้ โดยจะมีการแจ้งสเป็กให้ทราบก่อน ซึ่งโรงงานประกอบรถโดยสารจะต้องสร้างรถตามสเป็กดังกล่าว ไม่ใช่มีการเอาสเป็กของรถที่มีอยู่มาออกสเป็กเหมือนกับที่เคยมีการทำมาในอดีต ทั้งนี้ คุณสมบัติของรถโดยสารทั้ง 26 รายการจะเป็นประโยชน์มากที่สุดกับผู้โดยสาร โดยจะคำนึงถึงความสะดวกสบายและความปลอดภัยของประชาชนเป็นหลัก
นอกจากนี้ในระบบตั๋วโดยสารรถเมล์ จะให้มีการใช้ e - ticket เพื่อลดการทุจริตในการใช้ตั๋วโดยสาร และในการดำเนินการจะต้องจัดทำพ.ร.บ.ประกันภัยให้กับผู้โดยสารทั้งหมด รวมทั้งการจัดหาอู่จอดรถและที่ทำการจำนวน 22 แห่งจะเป็นหน้าที่ของเอกชนที่เข้ามาประกวดราคาได้จะเป็นผู้จัดหาแหล่งทำการจอดเอง รัฐบาลจะไม่เข้าไปเกี่ยวข้อง ทั้งนี้ การดำเนินการประกวดราคาจะใช้วิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ หรือ e - Auction 5 ขั้นตอน คือ 1.นำ TOR ขึ้นประชาพิจารณ์บนเว็บไซต์เปิดโอกาสให้ประชาชนได้ทำประชาพิจารณ์ และเมื่อปรับปรุงแก้ไขจนถึงที่สุดแล้วจะนำเสนอคณะกรรมการบริหารกิจการองค์การฯ ให้ความเห็นชอบ 2. จะให้กรมบัญชีกลางแต่งตั้งคณะกรรมการประกวดราคา 3. ผู้ยื่นข้อเสนอต้องยื่นข้อเสนอทางเทคนิคและผ่านเกณฑ์ที่กำหนดจึงเป็นผู้มีสิทธิ์เสนอราคา 4. ผู้ที่เสนอราคาต่ำที่สุดจึงจะได้เป็นผู้รับสัญญา 5. สัญญาจะต้องได้รับการตรวจสอบจากสำนักงานอัยการสูงสุดก่อน และการวางหลักประกันซองตามที่กำหนดและหลักประกันสัญญาจะต้องทำตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี นอกจากนั้นจะต้องมีคณะ กรรมการรับมอบรถโดยสารตามข้อบังคับขององค์กร ดังนั้น ที่เคยตั้งประมาณการราคาไว้ว่าต้องการเช่ารถในราคาคันละประมาณ 5,100 บาทต่อวัน ถ้าการประกวดราคา e - Auction ต่ำกว่านี้ ก็จะเป็นประโยชน์ช่วยให้รัฐประหยัดเงินลงได้ ราคาค่าเช่า 5,100 บาทจึงยังไม่ใช่เป็นราคาสุดท้าย
โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีกล่าวด้วยว่า สำหรับตารางค่าโดยสารที่จะออกใหม่ในระบบนี้ จะมีค่าโดยสารทั่วไปเที่ยวเดียว 15 บาทตลอดสาย ไป-กลับ 30 บาท จากปัจจุบันอัตราค่าโดยสารรถเมล์ปรับอากาศอยู่ที่ 12 - 24 บาทต่อครั้งตามระยะทาง และจะมีตั๋วโดยสารรายเดือนจำหน่ายให้ประชาชนด้วยดังนี้คือ บุคคลทั่วไปราคา 900 บาทต่อเดือน ผู้มีรายได้น้อย ผู้มีบัตรประกันสังคม กบข. หรือผู้ที่ลงทะเบียนว่าเป็นผู้มีรายได้น้อย และนักเรียนที่เรียนสูงกว่า ม.3 ซื้อตั๋วโดยสารรายเดือนได้ในราคา 600 บาทต่อเดือนเท่ากับวันละ 20 บาท สำหรับผู้สูงอายุและพิการ ราคาเดือนละ 450 บาท ส่วนนักเรียนตั้งแต่ ม.3 ลงมา ราคาเดือนละ 300 บาท ซึ่งจะช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายให้กับผู้ปกครอง
" ซึ่งเมื่อคณะกรรมการพิจารณาแล้วได้เห็นชอบในหลักการให้ไปดำเนินการได้ เพราะโครงการนี้สามารถตอบคำถามทุกคำถามให้กับผู้ที่สงสัยได้ ความโปร่งใสทั้งหมดได้มีการชี้แจงอย่างชัดเจนแล้ว โดยจะนำเข้าที่ประชุมคณะรัฐมนตรีในวันอังคารหน้า เมื่อคณะรัฐมนตรีอนุมัติแล้วจะได้ดำเนินการตามขั้นตอนตามระเบียบและกฎหมายต่อไป หากมีการดำเนินการตามแผนปรับปรุงการบริหารจัดการและบริการระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ ดังกล่าวแล้ว จะทำให้เพิ่มจำนวนผู้โดยสารที่ใช้รถโดยสารขสมก.อีกอย่างน้อยร้อยละ 15 ช่วยลดการใช้รถส่วนตัวลงได้ประมาณ 1.3 ล้านคน ทั้งนี้ รถโดยสารทั้ง 6,000 คันจะอยู่ในสภาพสมบูรณ์ตลอดเวลา รัฐบาลไม่ต้องใช้งบประมาณในการซ่อมบำรุง ไม่ต้องตั้งงบประมาณในการจัดหาที่จอดรถ เพียงแต่ควบคุมดูแลการบริการให้รถมาตามเวลา ดูแลว่ารถที่นำมาใช้อยู่ในสภาพที่สมบูรณ์ จึงเชื่อว่าในช่วงระยะเวลาที่เริ่มโครงการตั้งแต่ปี 2552 จะทำให้ ขสมก.เริ่มมีผลกำไรในปี 2553" โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีกล่าว
นอกจากนี้ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีกล่าวถึงแผนปรับโครงสร้างองค์กรของ ขสมก. ที่ขณะนี้ ขสมก. มีจำนวนพนักงานเก็บค่าโดยสารที่เกินจำนวนอยู่ 1,234 คนนั้น จะให้เข้าโครงการเกษียณก่อนกำหนด พร้อมกับมีการจ่ายเงินชดเชยให้กับพนักงาน ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรีให้มีการพิจารณาว่าผู้ที่เข้าโครงการเกษียณก่อนกำหนด จะต้องมีการหางานใหม่ที่เหมาะสมให้ทำด้วย พร้อมกันนี้นายกรัฐมนตรีได้สั่งการว่าเมื่อแผนปรับปรุงการบริหารจัดการและบริการระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ ได้ผ่านการพิจารณาของคณะรัฐมนตรีแล้ว ให้ดำเนินการให้เร็วที่สุดให้โครงการต้องเดินหน้าได้ภายในปีนี้
--กลุ่มยุทธศาสตร์และแผนการประชาสัมพันธ์ สำนักโฆษก--