นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม พบปะและมอบนโยบายแก่ทีมประเทศไทยและภาคเอกชนไทยในบรูไนดารุสซาลาม
วันนี้ (4 ก.ค.) นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เดินทางเยือนบรูไนดารุสซาลาม อย่างเป็นทางการระหว่างวันที่ 3-4 กรกฎาคม 2551 โดยมีผู้บริหารระดับสูงร่วมเดินทางมาด้วย อาทิ พลเอกอนุพงษ์ เผ่าจินดา ผู้บัญชาการทหารบก พลตำรวจโทวิเชียรโชติ สุกชิรัตน์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เป็นต้น
เวลา 15.00 น. ตามเวลาท้องถิ่น นายกรัฐมนตรี เดินทางถึงท่าอากาศยานนานาชาติบรูไน โดยมีเจ้าชายโมฮาเหม็ด โบลเกียห์ (H.R.H. Prince Mohamed Bolkiah) รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศและการค้าบรูไน รอให้การต้อนรับ หลังจากนั้น นายกรัฐมนตรีได้เดินทางต่อไปยังโรงแรม Empire Hotel and Country Club ซึ่งรัฐบาลบรูไนจัดให้เป็นโรงแรมที่พัก
ต่อมาเวลา 17.15 น. นายกรัฐมนตรีได้พบและให้นโยบายแก่ทีมประเทศไทยและภาคเอกชนไทยในบรูไนดารุสซาลาม ประกอบด้วย ภาคเอกชน สถาปนิก นักธุรกิจส่งออก-นำเข้า ผู้ประกอบการจำหน่ายเครื่องมือ อุปกรณ์ซ่อมรถยนต์ ผู้ประกอบธุรกิจอาหารไทย รวมทั้ง ตัวแทนจัดส่งแรงงานไทยและผู้แทนจากบริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน)
ในโอกาสนี้ นายพิทักษ์ พรหมบุบผา เอกอัครราชทูต ณ บันดาร์เสรีเบกาวัน ได้กล่าวรายงานสรุปการดำเนินงานของภาคเอกชนไทยในบรูไนว่า บรูไนดารุสซาลาม เป็นสมาชิกอาเซียน แม้จะมีพลเมืองจำนวนน้อยแต่ก็มีศักยภาพสูงทั้งทางเศรษฐกิจ การเมือง โดยรัฐบาลมีนโยบายที่ขยายความหลากหลายทางเศรษฐกิจ เพื่อทดแทนทรัพยากรน้ำมันที่จะหมดลงในอนาคต โดยต้องการให้บรูไนเป็นศูนย์กลางอาหารฮาลาล พัฒนาการท่องเที่ยว นิคมอุตสาหกรรม ศูนย์กลางพาณิชย์นาวีและท่าเรือน้ำลึก ด้านฝั่งทะเลแปซิฟิก อย่างไรก็ตาม เนื่องจากเป็นประเทศแรกอาจจะถูกละเลยจาก นักลงทุนไทย
นายวิษณุ ศักดิ์ยากรณ์ สถาปนิก ได้กล่าวว่า ตนเองได้เข้ามาทำงานและประกอบธุรกิจในบรูไนกว่า 30 ปี ถือว่าเป็นประเทศที่มีเศรษฐกิจดี คนท้องถิ่นก็ให้การต้อนรับ รัฐบาลมีนโยบายสนับสนุนคนต่างชาติเข้ามาลงทุน ดำเนินธุรกิจ และการก่อสร้าง โดยอุตสาหกรรมการออกแบบและสถาปัตย์ของไทยก็มาสร้างชื่อเสียงในบรูไน นายกริช สมุทรโคจร ผู้ประกอบการจำหน่ายเครื่องมือ อุปกรณ์ ซ่อมรถยนต์ในบรูไนกล่าวว่า ธุรกิจการจำหน่ายอุปกรณ์นั้นเป็นธุรกิจส่วนตัว ซึ่งมีผลการประกอบการที่ดี และคิดว่ายังมีโอกาสในการเติบโตสูง อย่างไรก็ตาม แรงงานไทยที่เข้ามาทำงานในบรูไนยังคงเป็นแรงงานไร้ฝีมือ ซึ่งอยากเห็นรัฐบาลให้การสนับสนุนบุคลากรที่มีความสามารถ อาทิ วิศวกร เข้ามาทำงานเพื่อให้แรงงานไทยมีความหลากหลายและยกระดับแรงงานไทยในบรูไน
ขณะเดียวกัน นายพายัพ นิลแย้ม เจ้าของร้านอาหารไทยในบรูไนกล่าว อาหารไทยได้รับความนิยมอย่างแพร่หลายทั้งจากชาวบรูไน คนจีนและชาวตะวันตกที่อยู่อาศัยในบรูไน โดยทางร้านจะมีการพัฒนาเมนูอย่างต่อเนื่อง และภูมิใจที่มีส่วนช่วยประชาสัมพันธ์อาหารไทยให้เป็นที่รู้จักในหมู่ชาวต่างประเทศ นายธันวา เหลี่ยมพันธุ์ ตัวแทนจัดส่งแรงงานไทย กล่าวว่า ทางบริษัทได้มีการประงานอย่างใกล้ชิดกับ อุปทูตแรงงานไทยในบรูไน ตลาดแรงงานในบรูไนยังคงต้องการแรงงานที่มีฝีมือจากไทย เพื่อทำงานในอุตสาหกรรมน้ำมันและการแยกก๊าซธรรมชาติ ซึ่งบริษัทมองว่าตลาดแรงงานที่บรูไน จะเป็นทางเลือกสำคัญของแรงงานไทยที่มีความต้องการไปทำงานต่างประเทศ เนื่องจากเป็นประเทศที่อยู่ไม่ไกลจากไทย อากาศดี ไม่มีข้อจำกัดด้านภาษีและเวลาการทำงาน และที่สำคัญรายได้ทั้งหมดสามารถส่งกลับให้ทางบ้านทางเมืองไทยได้หมด จึงอยากขอให้พิจารณาตลาดแรงงานในบรูไนด้วย
นายกรัฐมนตรีได้แสดงความชื่นชมต่อนักธุรกิจไทยในบรูไนและกล่าวว่า รู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่งจากการรับฟังรายงานทั้งจากตัวแทนภาครัฐและเอกชนในบรูไน เป็นประเทศแรกที่ได้รับรายงานว่า มีอุปสรรคในการดำเนินธุรกิจน้อย ขอให้ทุกคนช่วยการยึดถือมาตรฐานที่ดีของคนไทยและสินค้าไทย ขณะเดียวกันก็ขอให้มีการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง ในการเดินทางมาเยือนครั้งนี้ ก็จะได้มีการหารือทวิภาคี ซึ่งจะใช้โอกาสนี้ เพื่อชักจูงให้บรูไนไปลงทุนในประเทศไทย ทั้งนี้ บรูไนเป็นประเทศที่มีศักยภาพทางการเงิน มีเงินเยอะ ก็อยากจะให้เข้ามาลงทุนในไทย ทั้งในลักษณะการลงทุนโดยตรง หรือการร่วมลงทุน โดยไทยเองก็มีโครงการขนาดใหญ่หรือ เมกะโปรเจก นอกจากนี้ ไทยยังพร้อมที่จะร่วมมือด้านอาหารฮาลาล การก่อสร้าง รวมทั้งการพัฒนาพลังงานทางเลือก นอกจากนี้ ก็พร้อมที่จะรับข้อเสนอแนะต่างๆ จากภาคเอกชนไปพิจารณาและดำเนินการต่อไป
--กลุ่มยุทธศาสตร์และแผนการประชาสัมพันธ์ สำนักโฆษก--
วันนี้ (4 ก.ค.) นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เดินทางเยือนบรูไนดารุสซาลาม อย่างเป็นทางการระหว่างวันที่ 3-4 กรกฎาคม 2551 โดยมีผู้บริหารระดับสูงร่วมเดินทางมาด้วย อาทิ พลเอกอนุพงษ์ เผ่าจินดา ผู้บัญชาการทหารบก พลตำรวจโทวิเชียรโชติ สุกชิรัตน์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เป็นต้น
เวลา 15.00 น. ตามเวลาท้องถิ่น นายกรัฐมนตรี เดินทางถึงท่าอากาศยานนานาชาติบรูไน โดยมีเจ้าชายโมฮาเหม็ด โบลเกียห์ (H.R.H. Prince Mohamed Bolkiah) รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศและการค้าบรูไน รอให้การต้อนรับ หลังจากนั้น นายกรัฐมนตรีได้เดินทางต่อไปยังโรงแรม Empire Hotel and Country Club ซึ่งรัฐบาลบรูไนจัดให้เป็นโรงแรมที่พัก
ต่อมาเวลา 17.15 น. นายกรัฐมนตรีได้พบและให้นโยบายแก่ทีมประเทศไทยและภาคเอกชนไทยในบรูไนดารุสซาลาม ประกอบด้วย ภาคเอกชน สถาปนิก นักธุรกิจส่งออก-นำเข้า ผู้ประกอบการจำหน่ายเครื่องมือ อุปกรณ์ซ่อมรถยนต์ ผู้ประกอบธุรกิจอาหารไทย รวมทั้ง ตัวแทนจัดส่งแรงงานไทยและผู้แทนจากบริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน)
ในโอกาสนี้ นายพิทักษ์ พรหมบุบผา เอกอัครราชทูต ณ บันดาร์เสรีเบกาวัน ได้กล่าวรายงานสรุปการดำเนินงานของภาคเอกชนไทยในบรูไนว่า บรูไนดารุสซาลาม เป็นสมาชิกอาเซียน แม้จะมีพลเมืองจำนวนน้อยแต่ก็มีศักยภาพสูงทั้งทางเศรษฐกิจ การเมือง โดยรัฐบาลมีนโยบายที่ขยายความหลากหลายทางเศรษฐกิจ เพื่อทดแทนทรัพยากรน้ำมันที่จะหมดลงในอนาคต โดยต้องการให้บรูไนเป็นศูนย์กลางอาหารฮาลาล พัฒนาการท่องเที่ยว นิคมอุตสาหกรรม ศูนย์กลางพาณิชย์นาวีและท่าเรือน้ำลึก ด้านฝั่งทะเลแปซิฟิก อย่างไรก็ตาม เนื่องจากเป็นประเทศแรกอาจจะถูกละเลยจาก นักลงทุนไทย
นายวิษณุ ศักดิ์ยากรณ์ สถาปนิก ได้กล่าวว่า ตนเองได้เข้ามาทำงานและประกอบธุรกิจในบรูไนกว่า 30 ปี ถือว่าเป็นประเทศที่มีเศรษฐกิจดี คนท้องถิ่นก็ให้การต้อนรับ รัฐบาลมีนโยบายสนับสนุนคนต่างชาติเข้ามาลงทุน ดำเนินธุรกิจ และการก่อสร้าง โดยอุตสาหกรรมการออกแบบและสถาปัตย์ของไทยก็มาสร้างชื่อเสียงในบรูไน นายกริช สมุทรโคจร ผู้ประกอบการจำหน่ายเครื่องมือ อุปกรณ์ ซ่อมรถยนต์ในบรูไนกล่าวว่า ธุรกิจการจำหน่ายอุปกรณ์นั้นเป็นธุรกิจส่วนตัว ซึ่งมีผลการประกอบการที่ดี และคิดว่ายังมีโอกาสในการเติบโตสูง อย่างไรก็ตาม แรงงานไทยที่เข้ามาทำงานในบรูไนยังคงเป็นแรงงานไร้ฝีมือ ซึ่งอยากเห็นรัฐบาลให้การสนับสนุนบุคลากรที่มีความสามารถ อาทิ วิศวกร เข้ามาทำงานเพื่อให้แรงงานไทยมีความหลากหลายและยกระดับแรงงานไทยในบรูไน
ขณะเดียวกัน นายพายัพ นิลแย้ม เจ้าของร้านอาหารไทยในบรูไนกล่าว อาหารไทยได้รับความนิยมอย่างแพร่หลายทั้งจากชาวบรูไน คนจีนและชาวตะวันตกที่อยู่อาศัยในบรูไน โดยทางร้านจะมีการพัฒนาเมนูอย่างต่อเนื่อง และภูมิใจที่มีส่วนช่วยประชาสัมพันธ์อาหารไทยให้เป็นที่รู้จักในหมู่ชาวต่างประเทศ นายธันวา เหลี่ยมพันธุ์ ตัวแทนจัดส่งแรงงานไทย กล่าวว่า ทางบริษัทได้มีการประงานอย่างใกล้ชิดกับ อุปทูตแรงงานไทยในบรูไน ตลาดแรงงานในบรูไนยังคงต้องการแรงงานที่มีฝีมือจากไทย เพื่อทำงานในอุตสาหกรรมน้ำมันและการแยกก๊าซธรรมชาติ ซึ่งบริษัทมองว่าตลาดแรงงานที่บรูไน จะเป็นทางเลือกสำคัญของแรงงานไทยที่มีความต้องการไปทำงานต่างประเทศ เนื่องจากเป็นประเทศที่อยู่ไม่ไกลจากไทย อากาศดี ไม่มีข้อจำกัดด้านภาษีและเวลาการทำงาน และที่สำคัญรายได้ทั้งหมดสามารถส่งกลับให้ทางบ้านทางเมืองไทยได้หมด จึงอยากขอให้พิจารณาตลาดแรงงานในบรูไนด้วย
นายกรัฐมนตรีได้แสดงความชื่นชมต่อนักธุรกิจไทยในบรูไนและกล่าวว่า รู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่งจากการรับฟังรายงานทั้งจากตัวแทนภาครัฐและเอกชนในบรูไน เป็นประเทศแรกที่ได้รับรายงานว่า มีอุปสรรคในการดำเนินธุรกิจน้อย ขอให้ทุกคนช่วยการยึดถือมาตรฐานที่ดีของคนไทยและสินค้าไทย ขณะเดียวกันก็ขอให้มีการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง ในการเดินทางมาเยือนครั้งนี้ ก็จะได้มีการหารือทวิภาคี ซึ่งจะใช้โอกาสนี้ เพื่อชักจูงให้บรูไนไปลงทุนในประเทศไทย ทั้งนี้ บรูไนเป็นประเทศที่มีศักยภาพทางการเงิน มีเงินเยอะ ก็อยากจะให้เข้ามาลงทุนในไทย ทั้งในลักษณะการลงทุนโดยตรง หรือการร่วมลงทุน โดยไทยเองก็มีโครงการขนาดใหญ่หรือ เมกะโปรเจก นอกจากนี้ ไทยยังพร้อมที่จะร่วมมือด้านอาหารฮาลาล การก่อสร้าง รวมทั้งการพัฒนาพลังงานทางเลือก นอกจากนี้ ก็พร้อมที่จะรับข้อเสนอแนะต่างๆ จากภาคเอกชนไปพิจารณาและดำเนินการต่อไป
--กลุ่มยุทธศาสตร์และแผนการประชาสัมพันธ์ สำนักโฆษก--