รัฐบาลขอให้ทุกฝ่าย รวมทั้งกลุ่มพันธมิตร ฯ เคารพในกระบวนการยุติธรรม และเคารพในกระบวนการพิจารณาวินิจฉัยของศาล เพื่อให้เป็นรูปธรรมชัดเจนว่าบ้านเมืองนี้เป็นนิติรัฐ
วันนี้ เวลา 15.30 น. ณ ศูนย์แถลงข่าวรัฐบาล ตึกนารีสโมสร ทำเนียบรัฐบาล นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ได้แถลงถึงท่าทีของรัฐบาลต่อกรณีศาลแพ่งมีคำสั่งคุ้มครองชั่วคราว ตามคำร้องขอของคณะครู ผู้ปกครอง และนักเรียนโรงเรียนราชวินิตมัธยมเกี่ยวกับการชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรประชาธิปไตยเพื่อประชาชน ว่า อยากจะให้ทุกฝ่าย รวมทั้งกลุ่มพันธมิตร ฯ เคารพในกระบวนการยุติธรรม และเคารพในกระบวนการพิจารณาวินิจฉัยของศาล เพื่อให้เป็นรูปธรรมชัดเจนว่าบ้านเมืองนี้เป็นนิติรัฐ โดยทุกคนย่อมได้รับการคุ้มครองภายใต้หลักกฎหมายเดียวกัน
รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่ารัฐบาลขอยืนยันเรื่องดังกล่าวเป็นเรื่องดุลยพินิจของกระบวนการยุติธรรม ซึ่งผลที่จะดำเนินการจากนี้รัฐบาลจะไม่มีส่วนเข้าไปเกี่ยวข้อง หรือดำเนินการใด ๆ ในทุกขั้นตอน หากแต่เป็นเรื่องของกลุ่มพันธมิตร ฯ ที่จะได้สรุปและปฏิบัติตามคำสั่งของศาล ซึ่งกลุ่มพันธมิตร ฯ จะต้องพิจารณาด้วยว่าเมื่อศาลสั่งให้เปิดการจราจรนั้น จะหมายถึงการ รื้อถอนเวทีหรือไม่ เพราะขณะนี้เวทีของกลุ่มพันธมิตร ฯ ได้มีการจัดตั้งอย่างถาวร บริเวณกลางถนนพิษณุโลก จึงขอให้กลุ่มพันธมิตร ฯ ได้พิจารณาด้วย และภายใต้การตัดสินใจดำเนินการของกลุ่มพันธมิตร ฯ ภายใต้คำสั่งศาลดังกล่าวรัฐบาลจะไม่เข้าไปแทรกแซงหรือกดดันใด ๆ แต่ขอให้เป็นเรื่องของเจ้าหน้าที่ทั้งหมด ซึ่งหากกลุ่มพันธมิตร ฯ จะยอมรับและปฏิบัติตามคำสั่งของศาล ก็ถือเป็นเรื่องปกติวิสัยของคนไทยภายใต้กรอบของกฎหมายที่จะต้องปฏิบัติ และถ้ากลุ่มพันธมิตร ฯ จะยื่นคัดค้านหรืออุทธรณ์ต่อคำสั่งดังกล่าวหากเป็นไปด้วยสิทธิตามกฎหมายก็ถือว่าเป็นสิทธิที่กลุ่มพันธมิตร ฯ จะกระทำได้ แต่หากกลุ่มพันธมิตร ฯ ตัดสินใจที่จะไม่ดำเนินการตามคำสั่งของศาล รัฐบาลคงจะให้เป็นหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ฝ่ายกฎหมาย ที่จะดำเนินการตามกรอบของกฎหมายต่อไป
นอกจากนี้รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ได้กล่าวยืนยันว่า จนถึงขณะนี้และตลอดไป รัฐบาลไม่มีนโยบายและแนวคิดที่จะใช้กำลังในการเข้าไปสลายการชุมนุมของกลุ่มพันธมิตร ฯ หรือใช้กำลังเจ้าหน้าที่ดำเนินการอย่างหนึ่งอย่างใด เพื่อให้การชุมนุมของกลุ่มพันธมิตร ฯ ยุติลง และจากกรณีคำสั่งศาลออกมาอย่างนี้ รัฐบาลก็จะไม่มีการประกาศชัยชนะ เพราะเรื่องนี้ไม่ใช่ชัยชนะของใคร แต่เป็นบรรทัดฐานทางการปฏิบัติ และเป็นบรรทัดฐานทางกฎหมายในการจะเป็นแบบอย่างแนวทาง ให้กับคนในสังคม ที่มีความรู้สึกว่าถูกละเมิดสิทธิเสรีภาพ ได้มีช่องทางเคลื่อนไหวต่อสู้โดยกระบวนการทางกฎหมาย เพื่อปกป้องสิทธิเสรีภาพของตนเองเอาไว้
พร้อมกล่าวว่ารัฐบาลไม่ได้ปฏิเสธการชุมนุมโดยสันติ และปราศจากอาวุธ หากแต่เพียงว่า รัฐบาลได้เรียกร้องตั้งแต่ต้นให้กลุ่มพันธมิตร ฯ ไปชุมนุมในสถานที่ที่เหมาะสมมากกว่าการปิดถนน จึงอยากจะให้ทุกคน ทุกฝ่ายได้ใช้สถานการณ์นี้ เพื่อสร้างความสงบเรียบร้อยร่วมกันของบ้านเมือง โดยรัฐบาลจะไม่เข้าไปก้าวล่วงการปฏิบัติการใด ๆ ของเจ้าหน้าที่ในทุกขั้นตอน
--กลุ่มยุทธศาสตร์และแผนการประชาสัมพันธ์ สำนักโฆษก--
วันนี้ เวลา 15.30 น. ณ ศูนย์แถลงข่าวรัฐบาล ตึกนารีสโมสร ทำเนียบรัฐบาล นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ได้แถลงถึงท่าทีของรัฐบาลต่อกรณีศาลแพ่งมีคำสั่งคุ้มครองชั่วคราว ตามคำร้องขอของคณะครู ผู้ปกครอง และนักเรียนโรงเรียนราชวินิตมัธยมเกี่ยวกับการชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรประชาธิปไตยเพื่อประชาชน ว่า อยากจะให้ทุกฝ่าย รวมทั้งกลุ่มพันธมิตร ฯ เคารพในกระบวนการยุติธรรม และเคารพในกระบวนการพิจารณาวินิจฉัยของศาล เพื่อให้เป็นรูปธรรมชัดเจนว่าบ้านเมืองนี้เป็นนิติรัฐ โดยทุกคนย่อมได้รับการคุ้มครองภายใต้หลักกฎหมายเดียวกัน
รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่ารัฐบาลขอยืนยันเรื่องดังกล่าวเป็นเรื่องดุลยพินิจของกระบวนการยุติธรรม ซึ่งผลที่จะดำเนินการจากนี้รัฐบาลจะไม่มีส่วนเข้าไปเกี่ยวข้อง หรือดำเนินการใด ๆ ในทุกขั้นตอน หากแต่เป็นเรื่องของกลุ่มพันธมิตร ฯ ที่จะได้สรุปและปฏิบัติตามคำสั่งของศาล ซึ่งกลุ่มพันธมิตร ฯ จะต้องพิจารณาด้วยว่าเมื่อศาลสั่งให้เปิดการจราจรนั้น จะหมายถึงการ รื้อถอนเวทีหรือไม่ เพราะขณะนี้เวทีของกลุ่มพันธมิตร ฯ ได้มีการจัดตั้งอย่างถาวร บริเวณกลางถนนพิษณุโลก จึงขอให้กลุ่มพันธมิตร ฯ ได้พิจารณาด้วย และภายใต้การตัดสินใจดำเนินการของกลุ่มพันธมิตร ฯ ภายใต้คำสั่งศาลดังกล่าวรัฐบาลจะไม่เข้าไปแทรกแซงหรือกดดันใด ๆ แต่ขอให้เป็นเรื่องของเจ้าหน้าที่ทั้งหมด ซึ่งหากกลุ่มพันธมิตร ฯ จะยอมรับและปฏิบัติตามคำสั่งของศาล ก็ถือเป็นเรื่องปกติวิสัยของคนไทยภายใต้กรอบของกฎหมายที่จะต้องปฏิบัติ และถ้ากลุ่มพันธมิตร ฯ จะยื่นคัดค้านหรืออุทธรณ์ต่อคำสั่งดังกล่าวหากเป็นไปด้วยสิทธิตามกฎหมายก็ถือว่าเป็นสิทธิที่กลุ่มพันธมิตร ฯ จะกระทำได้ แต่หากกลุ่มพันธมิตร ฯ ตัดสินใจที่จะไม่ดำเนินการตามคำสั่งของศาล รัฐบาลคงจะให้เป็นหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ฝ่ายกฎหมาย ที่จะดำเนินการตามกรอบของกฎหมายต่อไป
นอกจากนี้รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ได้กล่าวยืนยันว่า จนถึงขณะนี้และตลอดไป รัฐบาลไม่มีนโยบายและแนวคิดที่จะใช้กำลังในการเข้าไปสลายการชุมนุมของกลุ่มพันธมิตร ฯ หรือใช้กำลังเจ้าหน้าที่ดำเนินการอย่างหนึ่งอย่างใด เพื่อให้การชุมนุมของกลุ่มพันธมิตร ฯ ยุติลง และจากกรณีคำสั่งศาลออกมาอย่างนี้ รัฐบาลก็จะไม่มีการประกาศชัยชนะ เพราะเรื่องนี้ไม่ใช่ชัยชนะของใคร แต่เป็นบรรทัดฐานทางการปฏิบัติ และเป็นบรรทัดฐานทางกฎหมายในการจะเป็นแบบอย่างแนวทาง ให้กับคนในสังคม ที่มีความรู้สึกว่าถูกละเมิดสิทธิเสรีภาพ ได้มีช่องทางเคลื่อนไหวต่อสู้โดยกระบวนการทางกฎหมาย เพื่อปกป้องสิทธิเสรีภาพของตนเองเอาไว้
พร้อมกล่าวว่ารัฐบาลไม่ได้ปฏิเสธการชุมนุมโดยสันติ และปราศจากอาวุธ หากแต่เพียงว่า รัฐบาลได้เรียกร้องตั้งแต่ต้นให้กลุ่มพันธมิตร ฯ ไปชุมนุมในสถานที่ที่เหมาะสมมากกว่าการปิดถนน จึงอยากจะให้ทุกคน ทุกฝ่ายได้ใช้สถานการณ์นี้ เพื่อสร้างความสงบเรียบร้อยร่วมกันของบ้านเมือง โดยรัฐบาลจะไม่เข้าไปก้าวล่วงการปฏิบัติการใด ๆ ของเจ้าหน้าที่ในทุกขั้นตอน
--กลุ่มยุทธศาสตร์และแผนการประชาสัมพันธ์ สำนักโฆษก--