นายกรัฐมนตรีระบุการอภิปราย 6 วันที่ผ่านมาเรียบร้อยดี และสภารับหลักการร่างพ.ร.บ.งบประมาณฯ ปี 52 วาระที่ 1 พร้อมกันนี้รัฐบาลจะเร่งทำงานโดยเฉพาะการขุดลอกคูคลอง หนอง บึง ทั่วประเทศ เพื่อให้ประชาชนมีน้ำใช้อย่างพอเพียง
รายการ “สนทนาประสาสมัคร”
โดยนายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี
ออกอากาศทางสถานีวิทยุโทรทัศน์แห่งประเทศไทย NBT
และสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย กรมประชาสัมพันธ์
วันอาทิตย์ที่ 29 มิถุนายน 2551 เวลา 08.30-09.30 น.
------------------------
สวัสดีครับท่านผู้ชมที่เคารพ 08.30 น. วันอาทิตย์นะครับ สนทนาประสาสมัคร กลับมาเหมือนอย่างเคย มีคำถามมาดักหน้ารอเป็นแถวครับ ถามคำเดียวว่าเป็นอย่างไรบ้าง ก็ต้องบอกว่าพอไหวครับ ก็ทำหน้าที่มาครบถ้วนเรียบร้อย 6 วัน ตั้งแต่วันจันทร์เสร็จเมื่อคืนนี้ใกล้สองยาม 6 วัน 6 คืน เป็นหน้าที่ครับ เป็นการอภิปรายในสภา อภิปรายท่านวุฒิสมาชิก ทางสมาชิกฝ่ายค้านอภิปราย 3 วัน งบประมาณ 2 วัน รวมกันเป็น 6 วัน เสียดายไม่ได้เอารูปที่เขาวิพากษ์วิจารณ์มาให้ดู เมื่อเช้าหยิบเอาไว้แล้วแต่ว่ามีคนขอดู เลยลืมเอามาให้ดู เขาไปถ่ายมาออกในเว็บไซต์ นั่งฟังอภิปรายก็นั่งพับนก คนบอกพับนก พับมาตั้งแต่หนุ่ม ๆ แล้วไปเอารูปตั้งแต่สมัยหนุ่มมาเทียบ ก็นั่งพับนกเหมือนกัน ก็ใช้หูฟัง มือก็นั่งพับไป หูก็ฟังไป และก็ทำหน้าที่ตอบอธิบายความเท่าที่เป็นไปได้
มีคนสงสัยเขียนมาถามเลย เมื่อคืนอะไรกันนักหนา ไหนว่าเขาเร่งอภิปราย ๆ กันเสร็จแล้ว ทำไมถึงให้รัฐมนตรีตอบ ผมมานั่งคำนวณดูแล้วครับ รัฐมนตรีตอบใกล้สองยามแล้วยุ่ง จะต้องปิด มีพระราชกฤษฎีกาปิดสมัยประชุม คือให้ปลอดภัยจริง ๆ ก็อธิบายความมาเยอะแล้ว พอสมควรแก่เหตุ ท่านรัฐมนตรีพลังงาน (พลโทหญิง พูนภิรมย์ ลิปตพัลลภ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน) ท่านอยากจะตอบ ท่านก็ตอบไป เสร็จแล้วก็ขอบพระคุณ พอขอบพระคุณตอนท้ายนึกขึ้นได้ ท่านสมาชิกเชน ท่านอภิปรายงบประมาณกระทรวงกลาโหม และท่านก็อ้างว่า แม้หวังตั้งสงบ จงเตรียมรบให้พร้อมสรรพ์ ผมเลยบอกท่านว่า จริง ๆ พ มีตัวการันต์ นี่เป็นกาพย์ยานี 11 จงเตรียมรบให้พร้อมสรรพ์ ศัตรูกล้ามาประจัญ ก็อาจสู้ริปูสลาย เป็นกาพย์ยานี 11 ห้า หก ห้า หก เพราะฉะนั้น คำนั้นต้องอ่านว่า แม้หวังตั้งสงบ จงเตรียมรบให้พร้อมสรรพ์ ศัตรูกล้ามาประจัญ ก็อาจสู้ริปูสลาย เท่านั้นละครับ หมดแล้วก็ขอบคุณและก็ลงมติ
ที่ประชุมสภาลงมติรับหลักการร่างพ.ร.บ.งบประมาณฯ วาระที่ 1
เรียบร้อยดีครับทุกประการเลย สมาชิกก็มาโหวตกันเรียบร้อย คะแนนเสียงก็ออกมา แล้วทำไมรัฐบาลบอกว่ามี 316 ทำหน้าที่ไม่ 10 ก็เหลือ 306 คะแนนต้องออกมา 306 ฝ่ายค้านอย่างมากก็ต้องไม่ลงคะแนน ไม่ละครับ ฝ่ายค้านสมัยนี้ทันสมัยครับ เขาก็ไม่ออกเสียง คือธรรมดาจริง ๆแล้วต้องเห็นชอบทั้งนั้นครับ เพราะเอางบประมาณไปใช้ แต่ไม่เห็นชอบก็ไม่มีใครว่าครับ แต่ก็มีคนเห็นชอบ ทั้งหมดเข้ามานั่ง คือแสดงตนหมายความว่า ในที่ประชุมมีกว่า 470 แต่เขาแสดงตนแค่ 421 และคะแนนออกมาก็สนับสนุนงบประมาณ 419 ก็ดีครับ บรรยากาศดี ฝ่ายค้านก็บอกว่าสนับสนุน ก็สนับสนุนครึ่งหนึ่ง แล้วก็มีไม่ออกเสียง เป็นบรรยากาศดีครับ ทุกอย่างเรียบร้อยดี ถามว่าเป็นอย่างไรมา 6 วัน ไม่มีละครับ ไปทำงานในสภา เรื่องส่วนตัวเล็ก ๆ น้อย ๆ อย่างเช่น เมื่อวันที่ 25 มิถุนายน ครบรอบ 1 เดือน คนที่บ้านเขาบอกให้ไปขลิบผมไฟหลานหน่อย ผมบอกไม่ได้ งานในสภาสำคัญกว่า ต้องขลิบผมไฟหลานต้องมาวันนี้ ตอนกลางวันก็ไปขลิบได้ เรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆไม่มีปัญหาครับ เรียบร้อยดี
นักการเมืองที่เป็นหมอวินิจฉัยโรคกลางสภา
คุณหมอผู้หญิง (พ.ญ.มาลินี สุขเวชชวรกิจ ส.ส.สัดส่วน พรรคประชาธิปัตย์) มาตรวจสุขภาพกันกลางสภา ก็ได้แสดงให้เห็นไม่ต้องอดทนอะไร เป็นธรรมดาเป็นธรรมชาติ ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง ที่เห็นผิดปกติคือว่าเปิดสภาก็มีหมอมาเยอะ เพิ่งจะมีคราวนี้ละครับ หมอมา ผมไม่อยากใช้คำว่าเป็นเครื่องมือทางการเมือง เธอคิดว่าเธอทำหน้าที่ถูกต้อง วินิจฉัยโรคคนไข้กลางสภา ผมต้องต่อว่าสภา ก็สภาเขาเลี้ยงน้ำแดง ใครไปเขาก็เลี้ยงน้ำแดงกับขนมเค้ก แล้วผมจะทำอย่างไร บอกผมไม่เอา ผมอายุมากแล้ว ผมพูดอย่างนั้นได้อย่างไร เสียน้ำใจคนที่เขาเลี้ยง ใครไปเขาก็เลี้ยงอย่างนั้นทั้งนั้นละครับ กินไม่กินก็เรื่องของใครอย่างไร ไม่คาดคิดเลยครับ ถูกจับจ้องวิพากษ์วิจารณ์ ฟังดูแล้วแปลกดีนะ ผมต้องว่าเป็นความแปลกอย่างยิ่ง คือในทางการเมืองไม่คาดคิดว่าวิชาชีพหนึ่งจะไปวิจารณ์วิชาชีพหนึ่ง ทั้ง ๆ ที่มีคนบอกมา เขาไม่เรียกใบอนุญาต เขาเรียกใบประกอบโรคศิลป ต้องฝากแพทยสภาช่วยดูด้วยแล้วกันนะครับว่า งานของท่านเข้ามาอยู่ทางกลางเมือง การที่นักการเมืองที่เป็นหมอวิพากษ์วิจารณ์ วิเคราะห์คนไข้กลางสภา ท่ามกลางธารกำนัลนั้น ผมไม่ทันจะได้ไปเปิดว่าจรรยาแพทย์นั้นมีอะไรตรงไหนอย่างไร ไม่ได้เปิด ไม่มีอะไร คนอื่นถามว่าทำไมถึงเป็นอย่างไร ผมก็สงสัยเหมือนกันว่าทำไมถึงเป็นอย่างนั้น คือไม่คาดคิดครับ อันนี้สำนวนผมต้องเรียกว่า เข็มขัดสั้น คือคาดไม่ถึง
ถัดไปก็พอดำเนินการเสร็จแล้วติดพันกันมาแล้ว วันแรกอภิปรายเสร็จเรียบร้อย พอวันสุดท้ายงบประมาณเสร็จ ตอนงบประมาณ ธรรมดาคือผมเคยเป็นมาแล้ว 10 ท่านสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์บอกเป็น 13 ผมก็เป็นอ่อนกว่าท่าน ผมก็เป็นมาแค่ 10 หน แต่รู้ว่าทีหลังยังเป็นได้อีกแต่ไม่เป็น เพราะเหตุว่าอันตราย เป็นรัฐมนตรีแล้วไปนั่งเป็นกรรมการในนั้น ถูกสับถูกโขก เลยแค่ 10 พอ ตอนงบประมาณก็อย่างนั้นครับ ท่านเข้ามาครั้งแรก ท่านก็บอกเพียงว่าไม่ดีอย่างนั้น ต้องอ่านก่อน ต้องอยู่สัก 4 ปีดูแต่ละเล่ม มีหมดครับ เขาทำหมด เขาทำงานของเขาเรียบร้อยมา เพราะฉะนั้น คุยกันเรื่องถนนหนทาง เรื่องน้ำ เรื่องไฟ เรื่องข้าว เรื่องอ้อย เรื่องมันสำปะหลัง จนกระทั่งถึงเรื่องปุ๋ย ทั้งหมดละครับ คุยกันหมดเลย
อธิบายเรื่องปุ๋ย
พอถึงเรื่องปุ๋ย ผมต้องนึกขึ้นได้ว่าเมื่อคราวก่อนนี้ คำถามเขาอุตส่าห์มาวางไว้ให้ EM เป็นของญี่ปุ่น ท่านนายกฯ อย่าหลงกลไปโฆษณาให้เขา ควรสนใจเรื่องของเกษตรไทย และเป็นเรื่องของรัฐมนตรีเกษตรดีกว่า ผมจะเรียนให้ทราบนะครับว่าจริง ๆ แล้วต่างคนต่างไปทำงาน ทีนี้เมื่อเวลาที่เขาเอางานมาเสนอกัน บังเอิญเป็นงานที่อยู่ในความรับผิดชอบของผม เป็นงานซึ่งอยู่ในของ กอ.รมน. (กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร) คือเขาทำ หนึ่ง สอง สาม สี่ ห้า หก เจ็ด อันที่หก เขาบอกว่างานเขาอันนี้ เขาลงไปทำงานครับ เขาใช้เงิน 2 ล้านลงไปทำใน 138 หมู่บ้าน ใช้เงิน 2 ล้าน และเขาใช้ปุ๋ยจุลินทรีย์ไปทำ และก็ได้ผล แต่ว่าอย่างไรก็ตามแต่ ผมมักจะมีตัวช่วยเสมอ ตรงที่ว่าเมื่อเวลาที่เราจะต้องมาแสดงอะไร ก็มีคนมาแสดงอธิบายให้ฟัง ผมเป็นนักกฎหมายนะครับ แต่ทางกฎหมายก็ไม่ได้ว่าความ เรียนกฎหมายมาก็ใช้สถานะทางสังคมอย่างอื่น
ทีนี้เวลาที่พูดกันเรื่องปุ๋ยก็คุยกันเยอะนะครับ ปุ๋ยแพง ทำไมถึงแพง ปุ๋ยเป็นผลพลอยได้ จากผลิตภัณฑ์ทางน้ำมัน เพราะฉะนั้น เวลาที่ออกมาตามนั้น น้ำมันขึ้น ปุ๋ยขึ้นด้วย แต่จะขึ้นอย่างไรก็สุดแท้แต่ ก็จะพยายามพิสูจน์ ในสภาเถียงกันเลย ขนาดท้าทายเอกสารกันเลย เพราะเหตุว่าปุ๋ยไม่เก็บภาษี ก็ใช้ปุ๋ยเคมี ต่อมาก็กำลังลง ผมบอกใช้เงิน 4,000 กว่าล้าน ไม่ใช่เพื่ออะไรเลย ท่านรัฐมนตรีขอเงินไปทดลอง 3,400 ล้านจะไปซื้อปุ๋ยราคาถูก บอกเอาไป 10 เปอร์เซ็นต์ เอา 300 ไปซื้อก่อน ก็กำลังดำเนินกรรมวิธีอยู่ ทีนี้พอกรรมวิธีอย่างนั้นเสร็จ เราก็มาดูว่าแท้จริงไม่แท้จริงอย่างไร แต่พอเรื่องปุ๋ยเราบอกเลยใช้เงิน 4,000 กว่าล้าน ไม่ซื้อปุ๋ยมาแจกเลยนะ ต้องการคุยให้ราษฎรรู้ว่า การใช้ปุ๋ย Organic ดีกว่าปุ๋ยเคมี แต่ปุ๋ย Organic ก็ขยับเขยื้อนเอาเคมีมาปน มีปัญหากฎหมายอีก เพราะเหตุว่าเขาจะอ้างอีก ผู้ช่วยของผมส่งเอกสารมาเมื่อคืนนี้ นั่งอ่านดูแล้ว ไม่อยากที่จะนั่งเอาความจำแล้วมาคุย ไม่ วันนี้จะต้องอ่านจดหมายจากท่านอดีตอธิบดีกรมวิชาการ อ่านคร่าวๆ ให้ฟัง
ในฐานะอดีตอธิบดีกรมวิชาการขอแนะนำข้อเท็จจริงบางอย่างเกี่ยวกับเรื่องปุ๋ยที่คุยกัน ท่านรู้ว่าจะคุยวันนี้ ท่านบอกปัจจัยที่ทำให้การปลูกพืชมีประสิทธิภาพ ประกอบด้วย ดินดี พันธุ์พืชดี และน้ำดี และบอกว่าความเข้าใจเรื่องปุ๋ยแตกต่างกันมาก แต่ควรยึดหลักวิชาการ และกำหนดตามที่พระราชบัญญัติปุ๋ย เพิ่มเติม พ.ศ.2550 ต้องแก้กฎหมายเพิ่มเติม เขาบอกว่าปุ๋ยคือสารหรือจุลินทรีย์ที่เป็นธาตุอาหารพืชหรือทำให้พืชได้อาหาร เช่น จุลินทรีย์ไรโซเบี่ยมสามารถจะตรึงไนโตรเจนจากอากาศ เพื่อพืชไปใช้เป็นอาหาร ใครจะไปรู้อย่างนี้ ปุ๋ยเคมีคือสารเคมีที่เป็นธาตุอาหารพืช แต่ไม่รวมถึงปูนขาว ดิน ยิบซั่ม โดโรไมค์ เพราะไม่ได้เป็นธาตุแห่งพืช แต่ไปปรับปรุงคุณสมบัติของดิน ท่านอธิบายเสร็จครับ
ปุ๋ยอินทรีย์ได้แก่ ปุ๋ยคอก ปุ๋ยหมัก ปุ๋ยพืชสด ซึ่งมีจุดเด่นคือมีวัสดุอินทรีย์ มี Organic Matter ที่จะช่วยปรับปรุงคุณสมบัติทางกายภาพของดินได้ดี แต่ธาตุอาหารจะมีไม่มาก เช่น NPK ก็มี 2 : 1 : 1 ตามลำดับ ในขณะที่ปุ๋ยยูเรียมี 46 : 0 : 0 จะมีไปถึง 46
ถัดไปปุ๋ยชีวภาพคือจุลินทรีย์ที่มีชีวิตที่สามารถสร้างธาตุอาหารพืชได้ เช่น ไรโซเบี่ยมตรึงไนโตรเจนจากอากาศ ช่วยให้ธาตุอาหารที่มีอยู่เป็นประโยชน์ต่อพืชได้มากขึ้น อย่างนี้ละครับ ท่านบอกไว้เสร็จเลย จุลินทรีย์ไม่มีคุณสมบัติก็ใช้ไม่ได้ จะต้องมีคุณสมบัติ ท่านเขียนมาสุดท้ายว่าผมจะออกรายการบอกว่าไปยกย่องญี่ปุ่น ปุ๋ยอินทรีย์เคมีที่ผ่านมามีการนำเอาปุ๋ยเคมีไปผสมในปุ๋ยหมัก เพื่อเพิ่มธาตุอาหารให้กับปุ๋ยหมัก ขณะที่ผู้ขายก็เพิ่มปุ๋ยหมักลงไปมากกว่าเดิม เอาเปรียบผู้ใช้ นี่เป็นปัญหาทันทีเลย เป็นปัญหากฎหมายทันที เพราะว่าในแง่กฎหมายพระราชบัญญัติปุ๋ย หากเอาปุ๋ยเคมีไปใส่ผสมจะถูกตีความว่าเป็นปุ๋ยเคมี และโดยทั่วไปมักจะกลายเป็นปุ๋ยที่ผิดมาตรฐาน ยุ่งไหมครับ เขาคิดดีนะครับ เอาเคมีไปผสม Organic ไปผสมอินทรีย์ เกิดเรื่องนะครับ
ในพระราชบัญญัติปุ๋ย พ.ศ. 2550 กำหนดว่าให้มีปุ๋ยอินทรีย์ เคมี โดยต้องให้ได้มาตรฐานทั้งปุ๋ยและอินทรีย์และเงื่อนไขปริมาณธาตุพืชอะไรต่าง ๆ เอาละเป็นเรื่องวิชาการ ปุ๋ยชีวภาพ ท่านบอกว่าไม่มีบัญญัติไว้ในพระราชบัญญัติ จะทำอย่างไรละครับ ก็เป็นหน้าที่ มีคนต้องการจะตามไปดูเรื่องนี้ ท่านดูนี่ ท่านจดเบอร์โทรศัพท์ไว้นะใครที่สนใจจะตามไปดู ถามก่อนก็ได้ 081-3125953
รัฐบาลสนับสนุนงบประมาณให้ใช้ปุ๋ยอินทรีย์
ทำไมถึงจะต้องมาพูดกันเรื่องพรรค์อย่างนี้ ที่จะต้องพูดจากันเพราะว่าวิชาการ ผมพูดในสภาวันก่อน วิชาการเกษตร รายการที่ดีคือเช้ามืดกับดึก ๆ ดึก ๆ ยังไม่ค่อยมี แต่เช้ามืดมีเลย เสาร์ อาทิตย์ ยิ่งนั่นเลย นั่งดูเถอะครับ คนที่ไปทำมาต้องถูกต้องจึงจะมาออกรายการได้ เพราะราชการเขาตรวจสอบ กรมวิชาการเกษตรดู โฆษณาปุ๋ยเคมีกันบ้าเลือดก็มีครับ แล้วก็โฆษณาอธิบายเสริมว่า ปีที่ 1 ปีที่ 2 มีพริกเม็ดโตเม็ดใหญ่ พอปีที่ 5 เม็ดแทบจะไม่ออก เพราะสารเคมีไปทำลายดิน เพราะฉะนั้น ถึงบอกว่ากำลังนี้ในสภาเป็นการเมือง ปุ๋ยแพงต้องไปหาปุ๋ยถูกให้ราษฎรจะทำอย่างไรสุดแท้แต่ มีการซื้อให้ มาเอาเงินไปซื้อบ้าง แต่สุดท้ายราษฎรชอบ เพราะว่าใส่ปุ๋ยเคมี ใส่วันนี้ 2 วันเขียวทันตาเห็น แต่ว่าปุ๋ย Organic คือปุ๋ยอินทรีย์ แต่ก่อนใส่แล้ว 10 วัน เดี๋ยวนี้พัฒนาปรุงปรุงใส่แล้ว 7 วัน แต่ใส่แล้วช่วยดินทำดินดี ไม่มีอะไรเสียหาย รัฐบาลใช้เงิน 4,100 ล้าน เพื่อชักชวนให้ราษฎรทั้งประเทศ ไม่ใช่เลิกใช้ปุ๋ยเคมี ให้หันกลับมาใช้ปุ๋ยอินทรีย์ ซึ่งเขาจะเติมเคมีเล็กน้อย แปลว่าอย่างไรครับ ก็เหมือนน้ำมันครับ เราทำเอทานอลได้เอง แต่ก่อนนี้น้ำมัน 100 เอาออกไป 5 เติมเอทานอล 5 บอกได้ลดไป 5 เปอร์เซ็นต์ ต่อไปก็ 10 เอาน้ำมันออกไป 10 และเอาเอทานอลใส่ไป 10 และต่อมาน้ำมัน 80 เอทานอลก็เป็น E 20 รถก็จะผลิตออกมารับ บัดนี้ปฏิภาคกลับเขาเรียกว่า E 85 ที่ผมเคยเล่าให้ฟังว่า นึกว่าทำไมไป 20 กลับมา 85 20 เพราะว่า 80 ไม่ใช่ครับ เอทานอล 85 ใช้เบนซินแค่ 15
นี่เป็นวิวัฒนาการก้าวหน้า เพราะฉะนั้น เรื่องของการใช้ปุ๋ยก็ทำนองเดียวกัน ปุ๋ย Organic ดี แต่ว่าธาตุน้อย เขาก็เอาเคมีเติมไปหน่อย กฎหมายเกิดมาขัดข้องไม่รับรองจะตีความว่าเป็นเคมีปลอม เป็นปุ๋ยปลอม ยุ่งยาก เขามีพระราชบัญญัติรับรองไว้เสร็จ เรารณรงค์ที่จะให้ใช้อันนี้ เสร็จธุระแล้วผมจะไปดูที่อุบลราชธานี ที่สุรินทร์ก็มีครับ เขาใช้กันอย่างนี้ อุบลราชธานีคือที่ผมเอามาให้ดู ส่วนปุ๋ยที่เขาใช้อินทรีย์เขาอยู่จังหวัดสุรินทร์ เขาก็เตรียมการไว้ให้ดู ก็จะพิสูจน์ให้เห็นว่าใช้อินทรีย์ดีกว่าเคมี เคมีแพงบ้าเลือด เพราะฉะนั้น แพงบ้าเลือดเราจะใส่ไปเล็กน้อย สมมติใส่ 10 เปอร์เซ็นต์ เป็น Organic 90 เปอร์เซ็นต์ ก็เหมือนน้ำมันนี่ละครับ ใส่น้ำมันเบนซินไป 15 ใส่ของที่ทำได้ในเมืองไทย 85 นั่นคือ E 85 ปุ๋ยก็ทำนองเดียวกัน ปุ๋ยอินทรีย์นั้นจะทำอะไรต่างๆ เขามีมาตรฐาน รัฐบาลสนับสนุนนะครับ
บริษัทในไทยผลิตหัวน้ำเชื้อจุลินทรีย์ได้
แต่ทว่าทางวิชาการบอกว่าปุ๋ยจุลินทรีย์นั้นไม่มีในพระราชบัญญัติ เพราะฉะนั้น กำลังนี้ก็เป็นหน้าที่ของทางฝ่าย ฝ่ายทหารซึ่งเขาเป็น กอ.รมน. เขามีหน้าที่ที่จะทำให้ราษฎรอยู่ดีกินดี เขาจึงไปพัฒนา ผมไปอ่านเข้า เพราะผมไปประชุม กอ.รมน. เขามีรายงานให้ดู พอผมเห็นปั๊บผมบอกอย่างนี้ต้องถ่ายทอดให้ประชาชนทั้งประเทศได้รู้ ใครจะทำ ใครจะเอา จะถูกต้องตามกฎหมายหรืออะไรต่าง ๆ เพียงแต่ไม่อยู่ในพระราชบัญญัติ แต่วันข้างหน้าถ้าสำเร็จถูกต้อง ต้องอยู่ เพราะอะไรครับ เพราะเขาใช้เงิน 2 ล้าน เอาไปทำปุ๋ย และใช้ในนาได้ 40,000 ไร่ ใช้เงินแค่ 2 ล้าน ในขณะเดียวถ้าจะใช้ปุ๋ยเคมีต้อง 24 ล้าน และเขาก็ทำให้เห็น และไม่ใช่ข้าวเฉย ๆ นะครับ ไปมันสำปะหลัง ไปอย่างอื่น แต่สำคัญที่สุดคือว่าอะไรต่าง ๆ ที่ตกทอดอยู่นั้น ไม่ทำความเสียหาย กุ้ง หอย ปู ปลา กลับมา เขาถ่ายมาให้ดูว่ากบกลับมา หอยมา ปลามา ก็ให้ดูว่า จะเอาความผิดจะเอาชนะกัน โดยเขียนคำถามมาว่าไปส่งเสริมญี่ปุ่น ผมถามทันทีครับ ออกจากกล้องผมถามเลยคนที่มาชี้แจง เขาบอกว่าถูกต้อง คิวเซ มาอยู่ที่ประเทศไทยอยู่สระบุรี เลยมาหน่อยเลี้ยวขวาแล้วไปเลี้ยวขวาอีกที ผมไปดูมาแล้วครับ เป็นความคิดญี่ปุ่น แต่บัดนี้ผลิตได้ในประเทศไทยนี่ครับ หัวน้ำเชื้อ จุลินทรีย์ผลิตได้ในประเทศไทย และเพิ่มได้เท่านั้นเท่านี้ เขายืนยันว่าไม่ต้องสั่งอะไรมาจากนอกอีกแล้ว ผลิตได้ในประเทศไทยทั้งหมด และระบบนี้ละครับ เอานี่ ๆ ๆ ๆ เอาแกลบ เอาข้าวเปลือกยังไม่ได้เผา เขามีสัดส่วนให้เสร็จหมด ต้องไปดูของจริง แต่เขาทำแล้ว เขาก็ใส่ถุงวางเรียงไว้เป็นหมื่น ๆ และเขาก็ใช้กับ 40,000 ไร่ จากเงิน 2 ล้านเท่านั้นเองครับ พอเสร็จเรียบร้อยแล้วมันได้ข้าว ปลา ได้ข้าวมา 360 ล้าน มูลค่าราคาที่ซื้อขายกัน
เพราะฉะนั้น เรื่องพรรค์อย่างนี้คนเป็นนายกรัฐมนตรีเห็นอย่างนี้แล้วไม่มาสนับสนุน จะต้องทางวิชาการบอกมาว่ายังไม่มีในพระราชบัญญัติปุ๋ย อย่างไรถ้าไม่มี ถ้าทำดีให้บ้านเมืองอย่างนี้ ต้องมีวันข้างหน้า แต่ไม่มีผิดกฎหมาย ไม่มีอะไรผิดกฎหมาย สิ่งที่เขาคิดที่เขาทำขึ้นมา ถ้ายังไม่รับรอง ก็ไม่ได้แปลว่าสิ่งนั้นผิด แต่ว่าทำแล้ว ดูสิหัวมันสำปะหลัง
นี่ละใช้ปุ๋ยเคมีเป็นอย่างไร แล้วใช้ปุ๋ยชีวภาพเป็นอย่างไร แล้วอย่างนี้เราไม่สนับสนุนหรือครับ ต้องสนับสนุนครับ แต่ว่าความละเอียดอ่อนต่างๆ นั้นต้องไปดู แล้วสูตรเป็นอย่างไร แปลว่าเราจะหาพวกขี้เป็ด ขี้ไก่ ขี้วัว ขี้ควาย ได้มากขนาดไหนที่เรียกว่ามูลสัตว์ แกลบไม่เข้าเตาเผาในโรงสีก็เป็นแกลบ จะมี 1-2-3 ส่วนผสม แล้วเขาก็มีตัวเชื้อที่จะใส่ลงไป และก็คลุก และก็เป็นปุ๋ย แล้วไปใช้ในไร่นา และไม่มีความเสียหาย มีพืชผล คือต้นทุนถูก ทุกคนตื่นเต้น
ใช้ปุ๋ยจุลินทรีย์ในการเพิ่มผลผลิต
ผมก็ขอบคุณท่านอดีตอธิบดี ท่านส่งเอกสารมาให้ผม ผมก็อ่านให้ชัดเจนเรียบร้อย แต่ที่ท่านบอกว่าปุ๋ยเคมี ปุ๋ยอินทรีย์ นี่มันปุ๋ยจุลินทรีย์ ปุ๋ยเคมีมีในพระราชบัญญัติแล้ว ปุ๋ยจุลินทรีย์ยังไม่อยู่ มันต้องพิสูจน์นะครับ แล้วสิ่งที่เกิดขึ้นไม่ใช่ความเลวร้ายเป็นความเสียหาย มันเป็นสิ่งท้าทาย ทำออกมาแล้วเป็นอย่างไรแล้ว จะวิพากษ์วิจารณ์อย่างไรก็สุดแท้แต่ เพียงแต่ว่ากฎหมายยังเขียนไปไม่ถึง นั่นแปลว่าอย่างไร ตอนเขียนกฎหมายยังไม่มีเรื่องพรรค์นี้ เขาทำมา 20 ปีแล้วครับ แต่ว่ากฎหมายไม่ได้มาสนใจ ก็ไม่เป็นปัญหา วิชาการบอกรับไม่ได้ ต้องบอกมาว่าเสียหายอย่างไร ต้องบอกเลยครับว่าใช้ปุ๋ยจุลินทรีย์แล้วเสียหายอย่างไร ถ้าได้ผล เพิ่มผลผลิต แล้วราคาถูกกว่า ทำไมเราถึงจะไม่พิจารณาเรื่องนี้ นี่ไม่ใช่เรื่องใหญ่นะ
นี่เรื่องเล็กนะครับ ที่เล่าให้ฟังผมไปติดไว้คราวที่แล้ว เพราะเขาท้วงกันมาว่าไปส่งเสริมญี่ปุ่นทำไม รถที่ใช้กันทั้งบ้านทั้งเมือง รถญี่ปุ่นหรือเปล่าครับ ใช้รถญี่ปุ่นกันทั้งบ้านทั้งเมือง แต่ใช้หัวเชื้อซึ่งญี่ปุ่นเป็นคนนำมาแนะนำ และบัดนี้ก็ผลิตได้ในประเทศไทยแล้ว ๆ เสียหายตรงไหนครับ เสียดุลการค้าตรงไหนไหมครับ ได้เทคโนโลยีของเขามา และเอามาผลิตได้ในประเทศไทย มีส่วนผสมเสร็จการทำ ไปทดลองมาให้แล้ว ลงทุน 2 ล้าน ถ้าจะต้องใช้ปุ๋ย ธรรมดาจะต้องใช้ 20 กว่าล้าน แต่เอามาใช้จริง ๆ แล้วใช้ไปแค่ 2 ล้าน แล้วได้ข้าวมากมายก่ายกองได้พืชอย่างอื่น ได้อ้อย ได้มัน นั่นละครับก็ปลูกให้เห็น เพราะฉะนั้น เอาเท่านี้สารคดี พูดวิชาการมากไป
ขุดลอกคูคลอง หนอง บึง เพื่อเก็บกักน้ำ
ท่านสมาชิกในสภาเมื่อคืนนั่งคุยกับผม คุณสมัครพูดไปเถอะ อธิบายความไปเถอะ บอกว่าเรื่องวิชาการเรื่องงานที่ทำ เล่าไป ผมก็บอกว่าต้องพอสมควรแก่เหตุ ต้องมีอย่างนั้นอย่างนี้สลับบ้าง ท่านบอกว่าคุยไปเถอะเรื่องนั้นเรื่องนี้เรื่องอะไรต่าง ๆ บางเรื่องบางอย่างกำลังดำเนินการ กำลังไปเจรจาความกับเขาครับ รายละเอียดที่เราจะเป็นโครงการไปหมดแล้วครับ แปลเป็นไทยเป็นภาษาของเขาอยู่นั่นแล้ว ผมว่างก็จะไปเจรจาความ เขามีเครื่องมือทันสมัย อย่างที่ว่าจะขุดลอกคูคลอง หนอง บึง ท่านสมาชิกเปิดเท่าไรก็ไม่มี ไม่มีละครับ เพราะว่าตอนที่เข้ามาก็เข้ามาทำงานอยู่ 4 เดือน และระหว่าง 4 เดือนนี้ก็นั่งประชุม ก็มีปัญหาเรื่องน้ำ ก็ตัดสินใจจัดโครงการน้ำ เขาบอก 12 ปีก็มี 3 ปี เขาทำไว้หมดแล้วครับ ความคิดของเรากับความคิดของเขาถูกตรวจสอบ โดยราชการประจำ ทำให้เสร็จหมดแล้ว แต่ผมบอกไม่ได้ 12 ก็ 12 ไป 3 ก็ 3 แต่ว่า 1 ปีคือในปีนี้ที่จะต้องทำทันทีคือการขุดลอกคูคลอง เขาตรวจสอบเสร็จ หาเจ้าภาพไม่ได้ ตั้งบอกว่าถ้า 2 ล้านเป็นอย่างนั้น พอตั้งแล้วหาเจ้าภาพจะทำอย่างว่าไม่ได้ ผมไม่มีวันยอมเรื่องพรรค์อย่างนี้เลยครับ หาเจ้าภาพไม่ได้ รัฐบาลเป็นเจ้าภาพเอง จะเป็นการขุดลอกแห่งประเทศไทยอะไรก็ตั้งขึ้นมาเป็นการเฉพาะกิจ เพราะว่าเรือขุด กรมชลประทาน 70-80 ปีซื้อเรือขุดมาเป็นลำ ๆ สะพานต่างที่ต้องสร้างโค้งให้เรือขุดลอด รอบกรุงเทพฯ มีสะพานต้องโค้งเรียบไม่ได้เพราะเรือขุดผ่านไม่ได้ ไม่มีแล้วครับไม่ซื้อมาแล้ว
บัดนี้คนที่เขายังขุด ยังลอกยังทำ เครื่องไม้เครื่องมือเขามีอยู่ คนอยากมาลงทุนทำธุรกิจมีครับ คนอยากให้กู้เงินมาทำงาน มีครับ ไม่ใช่อะไรนักหนาครับ กู้เงินเขามาบ้าง มาพัฒนาแก้ไขต้องกู้ครับ ถ้าอยากจะทำธุรกิจไม่ไปออมสินไม่ขอกู้เงินมาลงทุน แล้วเมื่อไรจะได้เริ่มต้นละครับ อยากจะขายก๋วยเตี๋ยว อยากจะขายข้าวเหนียว เขาจะให้กู้เงิน เขามีเงินให้กู้มาทำก็ได้ มีคนเชื่อเครดิตมาทำ บอกไม่เอาเป็นหนี้ ไม่ได้ละครับ อย่างไรก็ทำ ไม่ได้ไปทำงุบงิบอย่างไร คนทั่วบ้านจะต้องตรวจสอบ แต่ที่บอกกันไว้คือไม่อยู่ในเล่มงบประมาณ ไหนอยู่ไหน ผมก็แถลงไว้ล่วงหน้าว่าจะทำอะไรอย่างไรแค่ไหน โดยอยู่นอกงบประมาณครับ ก่อนจะเข้ามาต้องได้รับรู้อะไรต่าง ๆ ต้องผ่านความรับผิดชอบ ที่จะทำทันทีคือจะขุดลอกคูคลอง หนอง บึง ทั้งหมด ถ้าไปถามจะให้ใครขุด จะเอาสตางค์ไปใส่มือไม่ได้ละครับจนป่านนี้ อย่างไรก็ไม่ได้ ไม่มีทางสำเร็จ แต่ผมจะทำให้สำเร็จโดยจะใช้ คือตั้งแต่ข้างบนมาเลยครับ ตั้งแต่กว๊านพะเยา ที่จังหวัดพะเยา บึงสีไฟที่จังหวัดพิจิตร บึงบอระเพ็ดที่จังหวัดนครสวรรค์ ใหญ่ ๆ โต ๆ ที่ไหนตื้นเขิน ขุดหมดครับ ทางอีสานกี่บึงขุดหมด ทางน้ำทางอะไร อภิปรายให้ฟังในสภาเมื่อวานเขาบอกเสร็จเลย น้ำผ่านเท่าไร ไหลเท่าไร จะขุดหมดครับ โดยใช้เครื่องจักรกลที่เขามีใช้กันอยู่ในประเทศที่ไม่ไกลจากเรา ขนส่งมาได้มาจัดการดำเนินการได้ รับดำเนินการได้ ทำให้เสร็จคิดเงินเสร็จ แต่ผลประโยชน์จะได้ ทำทันทีครับ
ผมไม่ใช่ engineer นะครับ แต่ลองฟังครับ บึงอะไรใหญ่ ๆ โต ๆ มีบึง มีวัด มีข้าง ๆ มีสถานที่สำคัญอยู่ต่าง ๆ จะเอาดินไปกองที่ไหน จะไปบังอะไรเขาหมด บอกไม่ต้องการขุดแล้วต้องทำ boring ก่อนทางอีสาน 50 เมตรจึงจะเจอเกลือ กำลังนี้น้ำอยู่ 1 เมตร 2 เมตรเท่านั้นเอง ตอนนี้เราจะขุดถึง 7 เมตร หรือ 8 เมตร ท่านลองฟังผมคิดนะถ้าบึงใหญ่ ๆ อย่างนี้ บึงเป็นรูปไต และอยู่บ้านอยู่ช่อง มีวัดวาอาราม ต้องมีบริเวณหนึ่ง ซึ่งเป็นที่โล่งว่าง จะขุดตรงปากทาง 30 เมตร 50 เมตร ลึกสัก 100, 200 เมตร สุดแท้แต่ เป็นบ่อสี่เหลี่ยมเอาดินขึ้นหมด ให้ต่ำ ขุดให้ต่ำสัก 20 เมตรก็ได้ เป็นบ่อสี่เหลี่ยมใหญ่เลย พอเสร็จเรียบร้อย เรือขุดก็ลงไปอยู่ในบึงนี่ละครับ และต่อท่อและเริ่มขุดวนขุดตรงกลาง ขุดวนไปให้ลึกไป ขุดไป ต้องทำให้เป็นกระทะครับ ข้าง ๆ จะได้ไม่พัง ไม่ใช่ขุดเซาะลงไปแล้วเป็นสี่เหลี่ยมอยู่ไม่ได้ครับ พังลงมาหมด ต้องอย่างนี้ครับลึกอยู่ตรงกลาง และก็ขึ้น ๆ ๆ ๆ เป็นกระทะใบใหญ่ เมื่อเป็นอย่างนี้แล้ว ตัวที่จะเก็บน้ำ เคยมีอยู่ 1 เท่าก็จะเป็น 7 เท่า 8 เท่า น้ำที่ต้องไหลไปไหนจะต้องลงที่นี่ ไม่ว่าจะบึงไหนทั้งสิ้น ระบบชลประทานส่งไปที่ไหนอย่างไร ก็ยังส่งไป แต่ว่าไม่ใช่ 4 เดือนแล้วน้ำแห้งไปหมด แตกระแหงถ่ายรูปมาให้ดูกัน การขุดลอกอย่างนี้แปลว่าทำให้ถึงหน้าแล้งแล้ว น้ำก็ยังอยู่ น้ำ 100 เปอร์เซ็นต์ ลดเหลือ 50 ใน 4 เดือนน้ำ 50 เปอร์เซ็นต์ก็ใช้ได้ พอฝนลงมาก็เติมอีก
นี่ละครับช่องทางน้ำที่ไหลผ่าน จะขุดจะแคบฟังอภิปรายในสภารู้เลยครับ คนที่รู้ดีคือ ส.ส.ที่อยู่ในท้องถิ่น เขาจะรู้ว่าตรงไหนแคบ ตรงไหนกว้าง ตรงไหนควรขุด ตรงไหนไม่ขุด เขาจะเป็นคนชักนำไป และผมนี่ละครับเป็นหัวหน้ารัฐบาลมีหน้าที่รับผิดชอบ เขาก็พูดกัน น้ำคือชีวิต ใช้กันแน่นหนา น้ำคือชีวิต ผมเห็นด้วยครับน้ำคือชีวิต หาน้ำให้เท่านั้น อภิปรายตอนวุฒิสมาชิกท่านพูดถึงเรื่องตะกอนสะสมอย่างไร ถ้าคิดถึงตะกอน กลัวตะกอนก็ไม่ต้องหาน้ำ น้ำไหลมาไปกั้นไว้แล้วบอกกลัวตะกอน วิชาการออกมาก็รับฟังได้ครับ แต่คนหาน้ำ น้ำเพื่อชีวิตต้องทำครับ ผมจะทำแน่นอนและจะดำเนินการ และผู้คนที่อยู่ได้พบ คือถ้ามีเจ้าภาพเท่านั้นละลงมือทำได้แน่นอน จะระดมเครื่องจักรกลทุกชนิด จะนอกจะใน จะต้องใช้ปัจจัยอย่างไร จะขุดลอกหมดครับ กลัวอยู่ข้างเดียวเท่านั้น พวกวิชาการทั้งหลาย กลัวจะมายับยั้งไม่ให้ทำ ไม่ให้ขุด นิเวศวิทยา ผมกลัวอย่างนี้เท่านั้น แต่เอาละครับต้องได้เจอกันแน่ เจอกันแถว ๆ ริมบึงครับ ที่ไหนก็แล้วแต่ เอามาค้านดูสิว่าเป็นอย่างไร เสร็จแล้วจะได้ลากมาออกโทรทัศน์ มาพูดจากันเลยว่าคุณค้านทำไม เขาทำอย่างนี้เพื่อต้องการอะไรอย่างไร ก็แวดล้อมนะครับ เขาก็เคารพนับถือพวกสิ่งแวดล้อมกัน ผมนี่ก็ชอบปากไม่ดี ปากคัน ไปว่าเขาแวดล้อมทุกสิ่ง ก็แวดล้อมจริง ๆ ครับ แวดล้อมโน่น แวดล้อมนี่ โน่นทำไม่ได้นี่ทำไม่ได้ จนป่านนี้ ยังทำไม่ได้ละครับแวดล้อมทุกอย่าง
ต่างคนก็ต่างทำงานครับ แต่ผมมีหน้าที่จะต้องทะลุทะลวง เอาให้บ้านเมืองนี้มีที่เก็บน้ำให้มากขึ้น มีทางให้น้ำไหลมากขึ้น น้ำที่อยู่ฟากโน้นจะไหลมาฟากนี้ ดำเนินการครับ จะดุเดือดเลือดพล่านเขาบอก 12 ปีคุณว่าไป แต่ผมเช็คดูแล้วทางจีนบอกว่า 5 ปี แต่ออกชื่อเขา เขาขุดเขาทำ เขามาแสดงให้ดู ทางนี้บอกว่า 3 ปีทั้ง ๆ ที่อาจจะเร็วกว่า 3 ปี น้ำอยู่ฟากโน้น ไม่ใช้แล้วเขาก็ปล่อยลงแม่น้ำไป ถ้าเราจะขอใส่ท่อลอดมาเป็นอย่างไร ผมไม่อยากใช้สำนวนเดี๋ยวจะบอกว่าพูดจาหยาบคาย ถ้าสำนวนชาวบ้านบอกว่าเอาน้ำที่เขาจะทิ้งแล้ว น้ำดีจากท้ายเขื่อน แล้วลอดออกมาส่งมาประเทศไทย ถ้าทำอย่างนี้ทำได้ลอดได้เอาน้ำมาใส่ประเทศไทย ใช้น้ำได้ที่จะทิ้งน้ำไปนี้ มันหนักกระบาลหัวใครครับ ผมจะถามคำนี้ มันหนักอะไรใครอย่างไรครับ ก็ออกจากท้ายเขื่อนเขาเท่านั้น 17 กิโลฯ ออกจากเขื่อนแล้วก็ลง เขาทิ้งแม่น้ำโขงไป เราจะขอมาตรงที่จะทิ้งนี้มันสูง ทางเราต่ำกว่า ขอทำท่อใส่ท่อลอดมาเลย แล้วก็มาเข้าทางไทย ไทยจะได้ใช้ทางนี้ เพื่อนบ้านกันนะครับ หนึ่งยังไม่ได้ สองยังไม่ได้ สามไม่ได้ อนาคตเขาจะสร้าง แต่อันเดียวข้างล่างนี้น้ำมันเยอะครับ อธิบายให้ฟังผมไปนั่งกินข้าวอยู่ที่ริมเขื่อนตรงนั้น ประเดี๋ยวต้นไม้ผลุงขึ้นมา ผมก็ว่าเอ๊ะทำไม เขาเอาเลื่อยลงไปตัดข้างล่าง เพราะอะไร เพราะยังไม่ทัน routing ยังไม่ทันจะถอนมา เขากะว่า 2 ปีเสร็จน้ำจะมา 6 เดือนน้ำมาเต็มหมด ต้องดำลงไปถางไปตัด นั่นละครับเขื่อนน้ำงึม น้ำงึมนี่ละครับเขาใช้น้ำของเขา เขาทำอะไรของเขา ต้องปล่อยน้ำลงมา แล้วเขาก็ปล่อยลงแม่น้ำโขง เราจะขอน้ำที่ปล่อยนี้ละครับ น้ำจากเขื่อนเขาทำไฟฟ้าเสร็จปล่อยลงมา ก็ขอลอดเอาทำท่อลอดใต้แม่น้ำมาขึ้นประเทศไทย แล้วมันอย่างไรละครับ มันเป็นอย่างไร แน่นอนครับผมต้องไปพบกับท่านผู้นำประเทศลาวก็รู้จักกันอยู่ครับ เจอกับท่านหลายหนก็จะต้องพูดจากัน แล้วเราก็บอกเราขอ เขาบอกไม่ขายหรอกครับน้ำเหลือใช้ พอไหวครับพอไหว ๆ
สุนทรภู่กวีเอกของไทย
สารคดีอย่างเดียวบอกพูดวิชาการวิชาเกินมากมายเกินไป อยากเรียนตรงนี้ครับ จะมี 2 เรื่องที่ตั้งใจไว้ วันที่ 26 พฤหัสบดีออกโทรทัศน์ วันที่ 26 เช้า ๆ เขาเผายาเสพติดผมให้ท่านรองนายกรัฐมนตรี สหัส บัณฑิตกุล ไปช่วยดูแลจัดการไปในเรื่องการต่อต้านยาเสพติดของโลก 26 มิถุนายน ตามประวัติศาสตร์ 200 ปีก่อน คนดังของไทยขึ้นอันดับโลก สุนทรภู่ สุนทรภู่ครับติดอันดับโลกเลยชื่อเสียงโด่งดัง แปลว่าอย่างไร แปลว่างานสุนทรภู่นั้นเป็นงานกลอนเป็นส่วนใหญ่ มีโคลงบ้างมีกลอนบ้าง ทีนี้เวลาสุนทรภู่ถ้าตรงวันอาทิตย์ผมก็อยากจะได้ทำรายการสนทนาถึงสุนทรภู่ ฝากใครต่อใครไป ผมพูดหลายหนครับในวงสัมมนา แต่ว่าไม่ได้ คือเราไม่ค่อยสันทัดเรื่องโคลง ฉันท์ กาพย์ กลอน เท่าไร แต่ไปอ่านแล้วพวกนักกลอนอะไรเขาฝาก พวกนักกลอนเขาบอกถ้านอนฝากก็เศร้าใจ เราก็ไม่ใช่นักกลอนโด่งดังนักหนา แต่อ่านกลอนสุนทรภู่แล้ว
วันที่ 26 เขาไปสัมมนากันที่วัดเทพธิดา ที่อะไรต่าง ๆ สุนทรภู่ท่านเป็นคนเกิดรัชกาลที่ 1 ที่ 2 ที่ 3 ท่านอายุยืน แล้วความเปลี่ยนแปลงของท่านคือว่า ท่านเขียนกลอน เขียนลงบนกระดาษสาที่พับไปพับมาเป็นสมุดข่อย แล้วท่านก็เขียน แล้วเอามาพิมพ์ การถ่ายทอดพิมพ์ กลอนสุนทรภู่นั้นที่ดังจริง ๆ เรื่องพระอภัยมณี อ่านแล้วก็ต้องคิด เราอ่านแล้วก็สุนทรภู่ทำไมคิดได้อย่างนี้ เพราะว่าคนดังเขาชื่อ จูลส์ เวิร์น เป็นคนดังของต่างประเทศ เขาเขียนนวนิยาย 150 ปีครับ เขาเขียนหลังสุนทรภู่ สุนทรภู่เขียนก่อนประมาณ 30 ปี เขียนทัศนคติอย่างเดียวกัน เรือดำน้ำต่าง ๆ เสกไปโน่นไปอะไรต่าง ๆ เรือกัปตันเนโม เรื่อง Twenty Thousand Leagues under The Sea เป็นเรื่องที่คาดคิดว่าอนาคตจะเป็นอย่างไร สุนทรภู่ก็เขียนอย่างนั้น ไปอ่านดูท่านจับผสมผสาน
ผมนั่งดูก็ดูว่าถ้าดูภาพ 150 ปีประเทศไทยเขายังถ่ายภาพเรือสำเภาจอดเป็นแถวเลย หน้าวัดแจ้ง วัดอรุณราชวราราม เรือสำเภา 3 เสา 4 เสา ความโบราณแล้วย้อนลงไปสิครับ ตอนสุนทรภู่เป็นอาลักษณ์ขี้เมาแล้วยังเขียนอะไรต่าง ๆ นั้น ท่านต้องได้อะไรมา เขาก็บอกว่าเรื่องอาหรับราตรี พันหนึ่งราตรี นี้นะครับ สุนทรภู่ต้องได้เคยสนทนากับผู้คนซึ่งเป็นกะลาสี ต้องมีคนซึ่งต้องพูดต้องแปลความ ต้องได้เค้าโครงจากพวกยุโรป แล้วดัดแปลงเป็นเรื่องพระอภัยมณี เมื่อ 2 - 3 วันปี่พระอภัยมณีหาย ปี่หายครับ พระอภัยมณีปี่ถูกขโมย 2 - 3 วันก็ถูกเอาไปทิ้งไว้ในกองขยะ ต้องทำพิธีกัน เขาต้องแห่มีรถมาต้องอัญเชิญปี่ ของเก่าเขาเสียบไว้อย่างไรไม่ทราบได้
วรรณคดีเรื่องพระอภัยมณี
ผมก็ว่าเขาเป็นพระอภัยมณีเมื่อวันที่ 26 ตั้งแต่นั้นเขาเอากลอนของสุนทรภู่มาดัดแปลงอย่างโน้นอย่างนี้ ไม่เมาเหล้าแต่เราเมารัก เขาเขียนกลอนล้อสุนทรภู่ ผมไม่กล้าล้อหรอกครับ แต่ว่าผมอยากจะคิด คืออ่านกลอนแล้วก็คิด ผมคิดมาหลายเวทีแล้ว วันนี้มีเวลาพอสมควร การบ้านเมืองไม่ได้ตึงเครียดอะไรนักหนา ก็เลยคิดถึงกลอนสุนทรภู่ ท่านทั้งหลายลองคิดดูนะครับว่า ไม่ใช่ไปจับผิดท่านนะ ผมสงสัยว่าคนคัดลอกนั้นคัดลอกถูกหรือเปล่า จะถามท่าน ๆ ก็ล่วงลับไปแล้ว 200 กว่าปี ก็ไม่ได้ คือกระทรวงศึกษาธิการเอามาทำอาขยาน ผมใช้งานบ่อยครับ กลอนอันนี้ของท่าน เป็นต้นฉบับในการที่สอนให้เขียนโคลง ฉันท์ กาพย์ กลอน ตรงที่ว่าอาขยานคืบเดียวนะครับ สุดสาครตกเหว ชีเปลือยผลักตกเหวแล้วเอาม้ามังกรไป ตรงนี้อาขยายเขาพูดใคร ๆ ก็จำได้ คนอื่นก็จำได้ ที่บอกว่า ตกไปอยู่ก้นเหว แล้วโยคีก็มาช่วย พระฤาษีมาช่วยเอาขึ้นไป ว่าบัดเดี๋ยวดังหง่างเหง่งวังเวงแว่ว สะดุ้งแล้วเหลียวแลชะแง้หา เห็นโยคีขี่รุ้งพุ่งออกมา ประคองพาขึ้นไปยังบรรพต ตรงนี้ละครับ ผมมานั่งอ่านแล้วมันคัดมาถูกหรือเปล่านี่ คือว่าตามภาพที่เห็นก็คือว่าสุดสาครตกนอนอยู่ก้นเหว แล้วเสียงหง่างเหง่งวังเวงแว่ว เสียงระฆังมา สะดุ้งแล้วเหลียวแลชะแง้หา กลอนสุนทรภู่นี่เพราะครับ สัมผัสนอกสัมผัสใน บัดเดี๋ยวดังหง่างเหง่งวังเวงแว่ว สะดุ้งแล้วเหลียวแลชะแง้หา เห็นโยคีขี่รุ้งพุ่งออกมา ประคองพาขึ้นไปยังบรรพต ผมข้องใจตรงนี้ว่าคัดมาถูกหรือเปล่า ทำไมพุ่งออกมา พุ่งออกมาตรงไหน สุดสาครนอนอยู่ก้นเหว พุ่งออกมาจากถ้ำหรือ พุ่งออกมาตรงไหน โยคีขี่รุ้ง รุ้งทำไมจะไปอยู่ตรงพุ่งแล้วออกมา ผมก็คิดของผมง่าย ๆ ว่าน่าจะเป็นว่าเห็นโยคีขี่รุ้งพุ่งลงมา พุ่งลงมาถูกไหมครับ แล้วประคองพาขึ้นไปยังบรรพต นี่ก็เรียกวิพากษ์วิจารณ์วรรณคดี มีเหตุผลไหมครับ
ผมถึงอยากจะดูยังหาโอกาสไปดูสมุดข่อยต้นฉบับไม่ได้ว่า เห็นโยคีขี่รุ้งพุ่งออกมา ว่าสุนทรภู่เขียนไว้ถูกต้องว่าพุ่งลงมา ลงกับออกนี้ก็ห่างกัน ถ้าบังเอิญคิดว่าถ้าหากว่าเขียนว่าเห็นโยคีขี่รุ้งพุ่งออกมา ถ้าผมได้เจอท่านสุนภรภู่แล้วจะถาม แล้วท่านสุนทรภู่ทำไมพุ่งออกมา ออกมาจากตรงไหน ออกมาจากถ้ำใต้ ๆ ที่สุดสาครนอนหรือ แล้วจะประคองพาขึ้นไป โยคีขี่รุ้ง ขี่รุ้ง ๆ ไม่ได้อยู่ใต้ดิน รุ้งอยู่ข้างบนนะครับ ถ้าเจอสุนทรภู่ก็คงคุยกันสนุกละครับ แต่ว่าก็วานสมาคมนักกลอนด้วย เขาไม่ค่อยหยิบประเด็นนี้มาหรอกครับ ก็นึกถึงสุนทรภู่ ยังมีอีกนะครับ ยังมีอีกครับเพราะว่าเป็นเรื่องปรัมปรา พูดจาท้าทายอะไรกันต่าง ๆ นี่ข้อสังเกตของผมนะครับ นี่เป็นข้อวิพากษ์วิจารณ์พอสนุก คือต่อไปเขาบอกว่าสอนว่าอย่าไว้ใจมนุษย์ มันแสนสุดลึกล้ำเหลือกำหนด ถึงเถาวัลย์พันเกี่ยวที่เลี้ยวลด ยังไม่คดเหมือนหนึ่งในน้ำใจคน มนุษย์นี้ที่รักมีสองสถาน บิดามารดารักมักเป็นผล ที่พึ่งหนึ่งพึ่งได้แต่กายตน เกิดเป็นคนคิดเห็นจึงเจรจา แม้นใครรักรักบ้างชัง ๆ ตอบ ให้รอบคอบคิดอ่านนะหลานหนา รู้อะไรก็ไม่สู้รู้วิชา รู้รักษาตัวรอดเป็นยอดดี สุนทรภู่ก็เกือบ 200 ปีนะครับเขียนตรงนี้ แต่ ลอร์ด บาเดน เพาเวลล์ (Lord Baden Powell) 70 - 80 ปี อาจจะกว่า พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 6 ทรงเอางานของลอร์ด บาเดน เพาเวลล์ คือลูกเสือ boy scout ท่านก็เอามาในประเทศไทย ลูกเสือนี่สถิตสถาพรในประเทศไทย
วันนี้วันที่ 29 พรุ่งนี้ 30 มะรืนนี้ 31 วันลูกเสือแห่งชาติ ต้องไปเดินสวนสนาม เห็นไหมครับลูกเสือเขาวันทยหัตเขาต้อง 3 นิ้ว แล้วเขาจะต้องบอกว่า คุณต้องช่วยคนอื่นนะลูกเสือ ลูกเสือต้องช่วยคนอื่น ถ้าตกน้ำลูกเสือต้องโดดน้ำต้องว่ายน้ำเป็นครับ ต้องช่วยคนอื่นก่อน ก่อนจะช่วยชีวิตตัวเองต้องช่วยคนอื่น ถ้า ลอร์ด บาเดน เพาเวลล์ มาอ่านสุนทรภู่บอก สุนทรภู่ว่าอย่างนี้ได้อย่างไร รู้อะไรก็ไม่สู้รู้วิชา แต่รู้รักษาตัวรอดเป็นยอดดี ถ้าคนเอาตัวรอดหมดวิชาลูกเสือเกิดไม่ได้หรอกครับ ลูกเสือช่วยคนอื่น เห็นไหมครับ
กลอนสวัสดิรักษา
มีอีกอันหนึ่งครับ ฝากไปหลายครั้งเขาก็ไม่รับฟัง คือสุนทรภู่ตอนที่ไปบวชอยู่ที่วัดเทพธิดาราม ข้าง กทม. เดินทะลุเข้าหลังกทม.ได้ มีกุฏิสุนทรภู่ มีกาต้มน้ำ เขาเก็บเขาทำไว้ ว่าสุนทรภู่มาบวชอยู่ที่วัดนี้ แล้วเขียนหนังสือพิราบ รำพันพิราบก็เขียนที่นี่ สวัสดิรักษาก็เขียนที่นี่ สวัสดิรักษาเป็นเรื่องที่เขียนเรื่องเกี่ยวกับว่าคนเราจะต้องยังไง ๆ ตื่นเช้าต้องล้างหน้าต้องอะไรต่ออะไรต่าง ๆ แล้วจะบอกว่าวันจะแต่งตัวจะอะไรสีตามวัน ตามวันถามว่าแล้วสุนทรภู่เขียนสวัสดิรักษาว่าอย่างไรครับนี่ สีตามวันของไทยของฝรั่งตรงกันครับ วันอาทิตย์สีแดง วันจันทร์สีเหลือง วันอังคารสีชมพู วันพุธสีเขียว วันพฤหัสบดีสีแสด วันศุกร์สีเมฆหมอก สีฟ้า แล้ววันเสาร์สีดำ เขาเชื่อกันอย่างนี้ ฝรั่งก็อย่างนี้ แต่ไปถามกรมศิลปากรสิครับ กรมศิลปากรอ่านสวัสดิรักษา เพราะฉะนั้นเมื่อเวลาที่เล่นอะไรที่เกี่ยวกับสี 7 วัน กรมศิลปากรทำตามสวัสดิรักษาของสุนทรภู่ แต่ว่าไม่ตรงกับความเชื่อกำลังนี้ ผมก็ไปเสาะหาว่ามันอย่างไร สวัสดิรักษาเขียนอย่างนี้ครับ อนึ่งภูผาผ้าทรงณรงค์รบ มีให้ครบเบ็ดเสร็จทั้ง 7 สี วันอาทิตย์สิทธิโชคโฉลกดี เอาเครื่องสีแดงทรงเป็นมงคล วันจันทร์นั้นควรสีนวลขาว นวลขาวเหลืองเหมือนกันครับ จะยืนยาวชันษาสถาผล แต่งสีเหลืองแล้วอายุยืน อังคารม่วงช่วงงามสีครามปน ก็ยังม่วง สีม่วงอ่อน ๆ ก็ชมพูละครับ อังคารม่วงช่วงงามสีครามปน เป็นมงคลขัตติยาไม่ราคี เพราะฉะนั้นวันพุธสีเขียวครับ วันพุธสีเขียวตามที่สอบมาคนโบราณเล่าต่อกันมา เขาบอกสุนทรีภู่ท่านเป็นอาลักษณ์ขี้เมา เวลาท่านเขียน ๆ ไว้บนกระดานชนวน เขียนแล้วก็มาบันทึกลงสมุดข่อย เขาว่าท่านเมาครับ เขียนวันอังคาร อังคารม่วงช่วงงามสีครามปน เป็นมงคลขัตติยาไม่ราคี พอถึงวันพุธท่านเขียนตอนเมาบอกว่า วันพุธดุษฎีด้วยสีเขียว ไปยืนเยี่ยวข้างฝาเป็นห่าฝน ลูกศิษย์เห็นปั๊บก็ลอกไปทันทีเลย พอได้สีเขียว สุนทรภู่ตื่นขึ้นมา อ้าวเขียนอย่างนี้ได้อย่างไรวันพุธดุษฎีนุ่งสีเขียว ยืนเยี่ยวข้างฝาเป็นห่าฝน ท่านลบออกสิครับ ในสวัสดิรักษาจริง ๆ นี้วันพุธไม่ได้สีเขียวนะครับ วันพุธดุษฎีด้วยสีแสดครับ กับเหลือบแปดปนประดับสลับสี พฤหัสจัดเครื่องเขียวเหลืองดี วันศุกร์สีเมฆหมอกออกสงคราม สีเทาสีฟ้า วันเสาร์ทรงดำดูล้ำเลิศ จะประเสริฐเสี้ยนศึกยังนึกขาม ทั้งภาคีขี่ขับขยับนามต้องให้ตามสีวันจะกันภัย
ไปดูศิลปากรเล่นอะไรถ้าเปรียบกับ 7 สีวันพุธจะต้องเป็นสีแสด แล้ววันพฤหัสบดีถึงจะเป็นสีเขียวเหลือบ แน่นอนเลยครับ กลอนสวัสดิรักษายังพิมพ์ให้อ่านกันอยู่ แต่ถามสิครับว่าสุนทรภู่บอกวันพุธดุษฎีด้วยสีแสด แล้วทำไมคนไทยทั้งประเทศใช้สีเขียวกัน เรื่องนี้ไม่เจอสุนทรภู่ครับ นึกถึงท่านนะครับ ก็เอามาเล่าให้ฟังอย่างนั้นเอง แต่ว่ากลอนสุนทรภู่นั้นท่านเขียนสัมผัสจนกระทั่งเจ้านายบางคนรับสั่งไว้ว่าเบื่อสัมผัสของสุนทรภู่ แต่ว่าท่านสัมผัสยอดจริง ๆ คือสัมผัสแล้วต้องเป็นความภาคภูมิใจเลยว่าบทสัมผัสของเราของกลอนแปด ถ้าเทียบกับกลอนฝรั่งแล้ว ฝรั่งหลุดไปไกลเลยเชียวครับ
ดูสิเขาว่าอย่างไร บอกไม่มีวันที่ 31 วันนี้ 29 นะ วันจันทร์ก็ 30 วันที่ 1 ผมก็บอกว่าถัดจากวันจันทร์แล้วก็ถึงวันที่ 1 บอกว่ามีคนเขาเตือนมาว่าผมพูดผิด ถ้าผิดก็ขออภัยครับ เพราะว่าวันนี้ 29 พรุ่งนี้ 30 มะรืนนี้ก็วันที่ 1 ความจริงก็ถูกต้อง ผมว่าผมจำว่าผมพูดอย่างนี้ว่ามะรืนนี้ก็วันที่ 1 ก็แปลว่ามะรืนไม่มี 31 ท่านผู้ฟังผมถี่ถ้วนจริง ๆ เมื่อสักครู่นี้วันลูกเสือ เดือนนี้มี 30 วันไม่มี 31 โอเค ๆ เลยสะดุดหมดเลยกำลังนี้
บทกลอน The wreck of the Hesperus
จะเล่าให้ฟังว่าให้จบประเด็นสักหน่อยครับว่า กลอนสุนทรภู่นี้เพื่อว่าเวลาที่เราพูดถึงนี้เราต้องเปรียบเทียบให้ดูได้ว่าเป็นอย่างไร ถามว่ากลอนฝรั่ง แน่นอนครับกลอนฝรั่งมีเขาสัมผัส แต่สัมผัสฝรั่งนี้สัมผัสนิดหน่อย สัมผัสอย่างเสียไม่ได้กลอนฝรั่ง แต่กลอนสุนทรภู่นี้เชะ ๆ ๆ ไปดูหน่อยตัวอย่าง มีบทกลอนฝรั่งเขาเขียนเรื่อง The wreck แปลว่าทำลาย The wreck of the Hesperus เป็นชื่อ proper name นะครับ แปลว่าเรือที่อับปาง เรือ Hesperus ที่อับปาง ฝรั่งเขียนอย่างนี้ครับ It was the schooner Hesperus, That sail'd in the wint'ry sea, And the skipper had ta'en his little daughterTo bear him company. เห็นไหมครับ sea กับ company สัมผัสแค่นี้ครับ อีกท่อนหนึ่งเขาบอกว่า Blue were her eyes, as the fairy flax,Her cheeks like the dawn of day, And her bosom white as the hawthorn buds That open in the month of May. เห็นไหมครับสัมผัสกันสองคำเท่านั้นเองครับ เอาอีกท่อนหนึ่งบอกว่า The skipper he stood beside the helm,With his pipe in his mouth, And watch'd hov, the veering flaw did blow.The smoke now west, now south.
เห็นไหมครับ mouth กับ south เท่านี้ละครับ 12 บรรทัด ฝรั่งสัมผัส 6 จุด แล้วดู 12 บรรทัดของสุนทรภู่สิครับว่า บัดเดี๋ยวดังหง่างเหง่งวังเวงแว่ว บรรทัดเดียวสัมผัสในตัวเรียกสัมผัสในครับ แว่ว ๆ สะดุ้งแล้วสัมผัสนอกครับ สะดุ้งแล้วเหลียวแลชะแง้หา เห็นไหมครับ เห็นโยคีขี่รุ้งพุ่งออกมา ประคองพาขึ้นไปยังบรรพต แล้วสอนว่าอย่าไว้ใจมนุษย์ มันแสนสุดลึกล้ำเหลือกำหนด เหมือนเถาวัลย์พันเกี่ยวที่เลี้ยวลด ยังไม่คดเหมือนหนึ่งในน้ำใจคน มนุษย์นี้ที่รักมีสองสถาน บิดามารดารักมักเป็นผล ที่พึ่งหนึ่งพึ่งได้แต่กายตน เกิดเป็นคนคิดเห็นจึงเจรจา 12 บรรทัดครับ สุนทรภู่สัมผัสหน้าสัมผัสหลังสัมผัสนอกสัมผัสใน ต้องบอกว่าเจ้านายพระองค์หนึ่งท่านเบื่อสัมผัส ท่านบอกท่านเบื่อสัมผัสของอีตาภู่ เป็นคำสบถของคนโบราณ เขายกป้ายก็ควรจะตอบคำถามหน่อย วันนี้ไม่มีอะไรรีบร้อนรีบเร่งครับ
ตอบคำถามประชาชน
คำถาม คุณสมศักดิ์จากกาฬสินธุ์ อยากให้ท่านนายกฯ ช่วยดูเรื่องปุ๋ยที่ประกาศใช้ในต้นปี 2551 ช่วยดูว่าจะทำอย่างไรถึงจะเหมาะสมกับประเทศเรา
นายกรัฐมนตรี สงสัยจะตื่นสายผมคุยไปเมื่อสักครู่นี้จบ ๆ ว่ากำลังจะส่งเสริมให้ใช้ปุ๋ยชีวภาพ ปุ๋ยออร์แกนิกส์ ในประเทศไทยผลิตแล้วครับ โรงงานอยู่กำลังดำเนินการ 2 โรง ปุ๋ยออร์แกนิกส์เขาไม่ได้เอามาเป็นกอง ๆ อย่างของเรา เป็นกระสอบแล้วไปสาด เป็นเม็ดครับ ปุ๋ยชีวภาพแต่ทำเป็นเม็ด แต่เขาเติมเคมีลงไปด้วย ปุ๋ยเคมีด้วย แต่มันไม่ได้แพงแบบปุ๋ยเคมี อย่างเขาเอาไปใส่ข้าว ตันหนึ่งเขาขาย 10,800 บาท ราคายุติธรรมครับ แต่เขาบอกถ้าต้องการถูกให้ซื้อทีละคันรถ ถามว่าคันรถละเท่าไร 15 ตัน ขายเท่าไรละ ตันละ 8,000 บาท ถ้าซื้อรวมกัน 15 ตันซื้อเป็นคันรถขาย 8,000 ซื้อปลีกขายตันละ 10,800 เห็นไหมครับถูกไป 2,800 บาท นี่คือสิ่งที่เราได้ค้นพบ เราได้พบว่าเมื่อเวลาของเคมีมันแพงแล้วไม่อยากให้ใช้ แต่ว่าทางนี้เขาผลิต เขาผลิตขายต่างประเทศครับ คนไทยไม่นิยมปุ๋ยอินทรีย์ นิยมปุ๋ยเคมี ผมถึงย้ำว่าจ่ายไป 4,000 กว่าล้านเพื่อบอกให้คนไทยรู้ว่าเรามาใช้ปุ๋ยอินทรีย์กันเถอะ นี่ละครับ พอโรยลงไปแล้ว 7 วันมันถึงจะเขียว แต่ว่ามันทำให้ดินดีครับ ผลิตผลออกมามากกว่าปุ๋ยเคมี จะเชื่อหรือไม่เชื่อก็ต้องว่ากันต่อไป เรื่องปุ๋ยเป็นเรื่องใหญ่ครับ กำลังนี้
คำถาม อยากให้รัฐบาลผลิตปุ๋ย พอปีหนึ่งก็จ่ายให้ประชาชน
นายกรัฐมนตรี เขาตั้งโรงงานครับ ผมจะตามไปดูครับ ตั้งโรงงานผลิตปุ๋ยจังหวัดละโรง ทำไม่ได้ไม่สำเร็จ จะดูสิว่าทำไม ของคนต่างประเทศลงทุน แต่คนไทย 2 โรง ส่งออกนอก แต่เขาเดือดร้อนเพราะปุ๋ยมาจากนอก ปุ๋ยเคมีมันแพง เขาถึงมาร้องทุกข์ผม เขาบอกมี 5 เสือ ผมบอกเอาละจะทำให้ 6 เสือ 7 เสือ แต่ซื้อมาแล้วไม่ต้องมาขายเป็นปุ๋ยเคมี แต่เอาไปผสมปุ๋ยอินทรีย์ เป้าหมายคือปุ๋ยอินทรีย์ครับ แต่ปุ๋ยจุลินทรีย์นั้นเป็นความตื่นเต้น อย่างที่เอามาถ่ายให้ดู ก็ต้องสนับสนุนเหมือนกัน เรื่องนี้ต้องดูทั้งสองอย่าง มีเวลาต่อไปข้างหน้าจะดูเรื่องปุ๋ย เพราะว่าเป็นหัวใจของการผลิต นอกจากน้ำ แต่ท่านอธิบดีท่านบอกต้องเรื่องน้ำ ดิน เรื่องพันธุ์ เรื่องสภาพดินฟ้าอากาศ ท่านเป็นนักวิชาการครับ
คำถาม คุณมณฑล กทม. สนามบินดอนเมืองมีพื้นที่ว่างอยู่ควรใช้ประโยชน์ก่อสร้างสถานที่ราชการดีกว่า
นายกรัฐมนตรี ไม่ละครับ คือไม่ได้ไปเกี่ยงไปเถียงอะไรกันเลย พยายามกำลังนี้ทางโน้นก็แน่นครับ ทางนี้กำลังถามว่าตัวทางนี้จะมาไหม กำลังเจรจาความกันอยู่นะครับว่าที่เขาเรียกว่า domestic คือภายในประเทศมาอยู่ไหม ที่ต้องการจะต่อเลยก็มี มี 10 ไฟลท์เอาไว้ทางโน้น 5 ทางนี้ 5 สำหรับไปเชียงใหม่ ไปภูเก็ต ไปเชียงราย ไปหาดใหญ่ อย่างนี้ก็เอาไว้ทางโน้น นอกนั้นแล้วที่จุดหมายอื่นมาขึ้นที่นี่เลย แล้วก็ low cost จะมาไหม แล้วก็ที่เขาเหมาลำแต่ก่อนลงที่อู่ตะเภา จะมาลงที่นี่ไหม เห็นแล้วเสียดายครับยังใช้ประโยชน์ได้ ท่านต้องไปยืนดูครับ ไม่ได้เลยถ้าเรื่องนี้ ใครไม่กล้าตัดสินใจ ผมตัดสินใจ เพราะผมไม่มีส่วนได้เสียอะไรด้วย
คำถาม คุณทองแดง ขอให้นายกฯ ส่งเสริมพลังงานทดแทน เช่น รถไฟฟ้า มอเตอร์ไซค์ไฟฟ้า แทนการใช้น้ำมัน
นายกรัฐมนตรี แน่นอนครับ มอเตอร์ไซค์ไฟฟ้า คือเรื่องที่คิดอยู่ในใจยังไม่อยากพูด เขาทำกันหมดที่ไหน ๆ เมืองจีนก็มีขาย ฝรั่งก็มีขายครับ ต้องใช้ เขาใช้แบตเตอรี่ ยกป้ายเหลือ 2 นาที
คำถาม ขอให้ช่วยดูแลปราบหวย 12 ตัว ออกกันเอง 30 นาทีออกครั้ง ทำให้ชาวบ้านออกหวยทั้งวัน ชาวบ้านติดกันงอมแงม หนี้สินเยอะแยะ
นายกรัฐมนตรี ผมจะบอกให้ฟังครับ ในตลาดออกหวยกันกลางตลาดครับ เดี๋ยวออก ๆ ผมจะทำอย่างไรละครับนี่ คนไทยเขาชอบกันอย่างนั้น ถ้าเขาทำหวยออนไลน์เสร็จในตลาดก็คงจะไม่สนุกเท่า แต่ว่า 15 วันออกทีก็พอสมควรแก่เหตุ เรื่องนี้เรื่องยาวครับ พูดไปแล้วเดี๋ยวก็
คำถาม คุณนิรันดร์ ขณะนี้ปั๊ม LPG ในกรุงเทพฯ ไม่มีแก๊สขายเลย ขาดทุนเดือดร้อน ไม่เป็นไรขอให้หาวิธีแก้
นายกรัฐมนตรี ไม่ต้องแก้หรอกครับ พรุ่งนี้ก็เป็นวันหยุด วันที่ 1 กรกฎาคม เขาปรับปรุงราคาก็ออกมาขายธรรมดา ต้องบอกเลยนะครับมันเป็นสันดานของคนพวกนี้ เล็ก ๆ น้อย ๆ นิด ๆ หน่อย ๆ แต่อยากว่านักพวกกักตุน คนที่อยากได้น้ำมันขึ้นราคาก็รีบไปเติม ก็เป็นความรู้สึกนึกคิด แต่ว่าที่ผมใช้คำว่าสันดานนั้นคือคนพวกที่ทำอย่างนี้ละครับ ไม่กี่วันนี่ละครับแล้วก็หากินกับตรงนี้ ทนสักวันสองวันเถอะครับ ดีไม่ดีหาเติมไม่ได้หยุดมันเลยวันจันทร์ วันอังคารก็ออกมาแล้วครับ ราคาใหม่ ไม่ได้แพงขึ้นไปเท่าไรหรอกครับ แต่บังเอิญเขากำหนดไว้ เขากำหนดล่วงหน้าไปครึ่งปีค่อนปีว่าวันนี้ เป็นสันดานของคนพวกนี้ละครับที่มันทำกัน ผมกล่าวหาได้เต็มที่เลย พอถึงวันอังคารวันที่ 1 ราคาเปลี่ยนใหม่ก็ออกมาก็มีใช้ ไม่ลำบากยากเข็ญอะไรนักหนา เป็นสันดานของพวกที่ทำมาหากินแบบเอาเปรียบ นิด ๆ หน่อย ๆ ก็เอา
คำถาม อยากให้รัฐบาลประกาศเรื่องการขึ้นราคาก๊าซ จะขึ้นเมื่อไร
นายกรัฐมนตรี เขาจะขึ้นวันที่ 1 นี้ละครับ เขาประกาศล่วงหน้าตั้งครึ่งปีนะครับ ก่อนผมเข้ามาเป็นรัฐบาล จะต้องปรับราคา แล้วต่อไปถึงปี 52 เขาก็จะขึ้นอีกครับ แต่ว่าขึ้นแล้วก็จะเป็นประมาณเศษ 1 ส่วน 3 ประมาณสัก 15 บาทไม่เกินทำนองนี้
คำถาม ขอให้ราคาข้าวมีราคาสูงตามน้ำมันด้วยเพื่อช่วยชาวนา
นายกรัฐมนตรี แน่นอนครับ ผมช่วยรักษาราคาชาวนา ขอประทานโทษเวลาหมดเรียบร้อยเพราะมัวแต่ไปคุยเรื่องสุนทรภู่ยาวไปหน่อย ก็ยังมีเวลาคุยกันอีกเยอะ พอมีเวลาครับ คงทำงานให้บ้านเมืองได้ยาวพอสมควรสุดแท้แต่ครับเรื่องพรรค์อย่างนี้ เรื่องอื่น ๆ ไม่คุยหรอกครับ ท่านก็รู้ว่าทำไมผมถึงไม่คุย ไม่จำเป็นต้องคุย รวมถึงเรื่องใครจะให้ปรับคณะรัฐมนตรี ผมพูดในสภาไว้แล้ว ไม่มาพูดซ้ำที่นี่หรอกครับ พาดหัวกันเอิกเกริกใหญ่โต พรรคร่วมรัฐบาลสั่งบีบให้ปรับ ไม่ปรับ ผมก็บอกว่าคอยดูแล้วเป็นอย่างไร มันสาระแนกันจริง ๆ เรื่องเสี้ยมให้เกิดอย่างโน้นอย่างนี้ คนนั่งเป็นรัฐมนตรีก็ต้องรู้ว่าข้างในเป็นอย่างไร แต่ว่าการที่ออกข่าวพาดหัวกัน ผมไม่ให้หนังสือพิมพ์มาสั่งว่าอะไรเป็นอะไรหรอกครับ ผมจะไม่ให้หนังสือพิมพ์มาพาดหัวสั่งแล้วรัฐมนตรีต้องทำ ไม่ละครับ ดูสิครับว่าใครจะแน่กว่ากัน ทำนายมาสิครับ จะปรับจะปรุงจะเปลี่ยนจะแปลงทำนายไปเลย แล้วหน้าแหกแล้วอายคนที่เขาซื้ออ่านบ้างก็แล้วกัน หมดเวลาแล้วครับ วันนี้ลาก่อนครับ อาทิตย์หน้าเจอกันใหม่ครับ สวัสดีครับ
--กลุ่มยุทธศาสตร์และแผนการประชาสัมพันธ์ สำนักโฆษก--
รายการ “สนทนาประสาสมัคร”
โดยนายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี
ออกอากาศทางสถานีวิทยุโทรทัศน์แห่งประเทศไทย NBT
และสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย กรมประชาสัมพันธ์
วันอาทิตย์ที่ 29 มิถุนายน 2551 เวลา 08.30-09.30 น.
------------------------
สวัสดีครับท่านผู้ชมที่เคารพ 08.30 น. วันอาทิตย์นะครับ สนทนาประสาสมัคร กลับมาเหมือนอย่างเคย มีคำถามมาดักหน้ารอเป็นแถวครับ ถามคำเดียวว่าเป็นอย่างไรบ้าง ก็ต้องบอกว่าพอไหวครับ ก็ทำหน้าที่มาครบถ้วนเรียบร้อย 6 วัน ตั้งแต่วันจันทร์เสร็จเมื่อคืนนี้ใกล้สองยาม 6 วัน 6 คืน เป็นหน้าที่ครับ เป็นการอภิปรายในสภา อภิปรายท่านวุฒิสมาชิก ทางสมาชิกฝ่ายค้านอภิปราย 3 วัน งบประมาณ 2 วัน รวมกันเป็น 6 วัน เสียดายไม่ได้เอารูปที่เขาวิพากษ์วิจารณ์มาให้ดู เมื่อเช้าหยิบเอาไว้แล้วแต่ว่ามีคนขอดู เลยลืมเอามาให้ดู เขาไปถ่ายมาออกในเว็บไซต์ นั่งฟังอภิปรายก็นั่งพับนก คนบอกพับนก พับมาตั้งแต่หนุ่ม ๆ แล้วไปเอารูปตั้งแต่สมัยหนุ่มมาเทียบ ก็นั่งพับนกเหมือนกัน ก็ใช้หูฟัง มือก็นั่งพับไป หูก็ฟังไป และก็ทำหน้าที่ตอบอธิบายความเท่าที่เป็นไปได้
มีคนสงสัยเขียนมาถามเลย เมื่อคืนอะไรกันนักหนา ไหนว่าเขาเร่งอภิปราย ๆ กันเสร็จแล้ว ทำไมถึงให้รัฐมนตรีตอบ ผมมานั่งคำนวณดูแล้วครับ รัฐมนตรีตอบใกล้สองยามแล้วยุ่ง จะต้องปิด มีพระราชกฤษฎีกาปิดสมัยประชุม คือให้ปลอดภัยจริง ๆ ก็อธิบายความมาเยอะแล้ว พอสมควรแก่เหตุ ท่านรัฐมนตรีพลังงาน (พลโทหญิง พูนภิรมย์ ลิปตพัลลภ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน) ท่านอยากจะตอบ ท่านก็ตอบไป เสร็จแล้วก็ขอบพระคุณ พอขอบพระคุณตอนท้ายนึกขึ้นได้ ท่านสมาชิกเชน ท่านอภิปรายงบประมาณกระทรวงกลาโหม และท่านก็อ้างว่า แม้หวังตั้งสงบ จงเตรียมรบให้พร้อมสรรพ์ ผมเลยบอกท่านว่า จริง ๆ พ มีตัวการันต์ นี่เป็นกาพย์ยานี 11 จงเตรียมรบให้พร้อมสรรพ์ ศัตรูกล้ามาประจัญ ก็อาจสู้ริปูสลาย เป็นกาพย์ยานี 11 ห้า หก ห้า หก เพราะฉะนั้น คำนั้นต้องอ่านว่า แม้หวังตั้งสงบ จงเตรียมรบให้พร้อมสรรพ์ ศัตรูกล้ามาประจัญ ก็อาจสู้ริปูสลาย เท่านั้นละครับ หมดแล้วก็ขอบคุณและก็ลงมติ
ที่ประชุมสภาลงมติรับหลักการร่างพ.ร.บ.งบประมาณฯ วาระที่ 1
เรียบร้อยดีครับทุกประการเลย สมาชิกก็มาโหวตกันเรียบร้อย คะแนนเสียงก็ออกมา แล้วทำไมรัฐบาลบอกว่ามี 316 ทำหน้าที่ไม่ 10 ก็เหลือ 306 คะแนนต้องออกมา 306 ฝ่ายค้านอย่างมากก็ต้องไม่ลงคะแนน ไม่ละครับ ฝ่ายค้านสมัยนี้ทันสมัยครับ เขาก็ไม่ออกเสียง คือธรรมดาจริง ๆแล้วต้องเห็นชอบทั้งนั้นครับ เพราะเอางบประมาณไปใช้ แต่ไม่เห็นชอบก็ไม่มีใครว่าครับ แต่ก็มีคนเห็นชอบ ทั้งหมดเข้ามานั่ง คือแสดงตนหมายความว่า ในที่ประชุมมีกว่า 470 แต่เขาแสดงตนแค่ 421 และคะแนนออกมาก็สนับสนุนงบประมาณ 419 ก็ดีครับ บรรยากาศดี ฝ่ายค้านก็บอกว่าสนับสนุน ก็สนับสนุนครึ่งหนึ่ง แล้วก็มีไม่ออกเสียง เป็นบรรยากาศดีครับ ทุกอย่างเรียบร้อยดี ถามว่าเป็นอย่างไรมา 6 วัน ไม่มีละครับ ไปทำงานในสภา เรื่องส่วนตัวเล็ก ๆ น้อย ๆ อย่างเช่น เมื่อวันที่ 25 มิถุนายน ครบรอบ 1 เดือน คนที่บ้านเขาบอกให้ไปขลิบผมไฟหลานหน่อย ผมบอกไม่ได้ งานในสภาสำคัญกว่า ต้องขลิบผมไฟหลานต้องมาวันนี้ ตอนกลางวันก็ไปขลิบได้ เรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆไม่มีปัญหาครับ เรียบร้อยดี
นักการเมืองที่เป็นหมอวินิจฉัยโรคกลางสภา
คุณหมอผู้หญิง (พ.ญ.มาลินี สุขเวชชวรกิจ ส.ส.สัดส่วน พรรคประชาธิปัตย์) มาตรวจสุขภาพกันกลางสภา ก็ได้แสดงให้เห็นไม่ต้องอดทนอะไร เป็นธรรมดาเป็นธรรมชาติ ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง ที่เห็นผิดปกติคือว่าเปิดสภาก็มีหมอมาเยอะ เพิ่งจะมีคราวนี้ละครับ หมอมา ผมไม่อยากใช้คำว่าเป็นเครื่องมือทางการเมือง เธอคิดว่าเธอทำหน้าที่ถูกต้อง วินิจฉัยโรคคนไข้กลางสภา ผมต้องต่อว่าสภา ก็สภาเขาเลี้ยงน้ำแดง ใครไปเขาก็เลี้ยงน้ำแดงกับขนมเค้ก แล้วผมจะทำอย่างไร บอกผมไม่เอา ผมอายุมากแล้ว ผมพูดอย่างนั้นได้อย่างไร เสียน้ำใจคนที่เขาเลี้ยง ใครไปเขาก็เลี้ยงอย่างนั้นทั้งนั้นละครับ กินไม่กินก็เรื่องของใครอย่างไร ไม่คาดคิดเลยครับ ถูกจับจ้องวิพากษ์วิจารณ์ ฟังดูแล้วแปลกดีนะ ผมต้องว่าเป็นความแปลกอย่างยิ่ง คือในทางการเมืองไม่คาดคิดว่าวิชาชีพหนึ่งจะไปวิจารณ์วิชาชีพหนึ่ง ทั้ง ๆ ที่มีคนบอกมา เขาไม่เรียกใบอนุญาต เขาเรียกใบประกอบโรคศิลป ต้องฝากแพทยสภาช่วยดูด้วยแล้วกันนะครับว่า งานของท่านเข้ามาอยู่ทางกลางเมือง การที่นักการเมืองที่เป็นหมอวิพากษ์วิจารณ์ วิเคราะห์คนไข้กลางสภา ท่ามกลางธารกำนัลนั้น ผมไม่ทันจะได้ไปเปิดว่าจรรยาแพทย์นั้นมีอะไรตรงไหนอย่างไร ไม่ได้เปิด ไม่มีอะไร คนอื่นถามว่าทำไมถึงเป็นอย่างไร ผมก็สงสัยเหมือนกันว่าทำไมถึงเป็นอย่างนั้น คือไม่คาดคิดครับ อันนี้สำนวนผมต้องเรียกว่า เข็มขัดสั้น คือคาดไม่ถึง
ถัดไปก็พอดำเนินการเสร็จแล้วติดพันกันมาแล้ว วันแรกอภิปรายเสร็จเรียบร้อย พอวันสุดท้ายงบประมาณเสร็จ ตอนงบประมาณ ธรรมดาคือผมเคยเป็นมาแล้ว 10 ท่านสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์บอกเป็น 13 ผมก็เป็นอ่อนกว่าท่าน ผมก็เป็นมาแค่ 10 หน แต่รู้ว่าทีหลังยังเป็นได้อีกแต่ไม่เป็น เพราะเหตุว่าอันตราย เป็นรัฐมนตรีแล้วไปนั่งเป็นกรรมการในนั้น ถูกสับถูกโขก เลยแค่ 10 พอ ตอนงบประมาณก็อย่างนั้นครับ ท่านเข้ามาครั้งแรก ท่านก็บอกเพียงว่าไม่ดีอย่างนั้น ต้องอ่านก่อน ต้องอยู่สัก 4 ปีดูแต่ละเล่ม มีหมดครับ เขาทำหมด เขาทำงานของเขาเรียบร้อยมา เพราะฉะนั้น คุยกันเรื่องถนนหนทาง เรื่องน้ำ เรื่องไฟ เรื่องข้าว เรื่องอ้อย เรื่องมันสำปะหลัง จนกระทั่งถึงเรื่องปุ๋ย ทั้งหมดละครับ คุยกันหมดเลย
อธิบายเรื่องปุ๋ย
พอถึงเรื่องปุ๋ย ผมต้องนึกขึ้นได้ว่าเมื่อคราวก่อนนี้ คำถามเขาอุตส่าห์มาวางไว้ให้ EM เป็นของญี่ปุ่น ท่านนายกฯ อย่าหลงกลไปโฆษณาให้เขา ควรสนใจเรื่องของเกษตรไทย และเป็นเรื่องของรัฐมนตรีเกษตรดีกว่า ผมจะเรียนให้ทราบนะครับว่าจริง ๆ แล้วต่างคนต่างไปทำงาน ทีนี้เมื่อเวลาที่เขาเอางานมาเสนอกัน บังเอิญเป็นงานที่อยู่ในความรับผิดชอบของผม เป็นงานซึ่งอยู่ในของ กอ.รมน. (กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร) คือเขาทำ หนึ่ง สอง สาม สี่ ห้า หก เจ็ด อันที่หก เขาบอกว่างานเขาอันนี้ เขาลงไปทำงานครับ เขาใช้เงิน 2 ล้านลงไปทำใน 138 หมู่บ้าน ใช้เงิน 2 ล้าน และเขาใช้ปุ๋ยจุลินทรีย์ไปทำ และก็ได้ผล แต่ว่าอย่างไรก็ตามแต่ ผมมักจะมีตัวช่วยเสมอ ตรงที่ว่าเมื่อเวลาที่เราจะต้องมาแสดงอะไร ก็มีคนมาแสดงอธิบายให้ฟัง ผมเป็นนักกฎหมายนะครับ แต่ทางกฎหมายก็ไม่ได้ว่าความ เรียนกฎหมายมาก็ใช้สถานะทางสังคมอย่างอื่น
ทีนี้เวลาที่พูดกันเรื่องปุ๋ยก็คุยกันเยอะนะครับ ปุ๋ยแพง ทำไมถึงแพง ปุ๋ยเป็นผลพลอยได้ จากผลิตภัณฑ์ทางน้ำมัน เพราะฉะนั้น เวลาที่ออกมาตามนั้น น้ำมันขึ้น ปุ๋ยขึ้นด้วย แต่จะขึ้นอย่างไรก็สุดแท้แต่ ก็จะพยายามพิสูจน์ ในสภาเถียงกันเลย ขนาดท้าทายเอกสารกันเลย เพราะเหตุว่าปุ๋ยไม่เก็บภาษี ก็ใช้ปุ๋ยเคมี ต่อมาก็กำลังลง ผมบอกใช้เงิน 4,000 กว่าล้าน ไม่ใช่เพื่ออะไรเลย ท่านรัฐมนตรีขอเงินไปทดลอง 3,400 ล้านจะไปซื้อปุ๋ยราคาถูก บอกเอาไป 10 เปอร์เซ็นต์ เอา 300 ไปซื้อก่อน ก็กำลังดำเนินกรรมวิธีอยู่ ทีนี้พอกรรมวิธีอย่างนั้นเสร็จ เราก็มาดูว่าแท้จริงไม่แท้จริงอย่างไร แต่พอเรื่องปุ๋ยเราบอกเลยใช้เงิน 4,000 กว่าล้าน ไม่ซื้อปุ๋ยมาแจกเลยนะ ต้องการคุยให้ราษฎรรู้ว่า การใช้ปุ๋ย Organic ดีกว่าปุ๋ยเคมี แต่ปุ๋ย Organic ก็ขยับเขยื้อนเอาเคมีมาปน มีปัญหากฎหมายอีก เพราะเหตุว่าเขาจะอ้างอีก ผู้ช่วยของผมส่งเอกสารมาเมื่อคืนนี้ นั่งอ่านดูแล้ว ไม่อยากที่จะนั่งเอาความจำแล้วมาคุย ไม่ วันนี้จะต้องอ่านจดหมายจากท่านอดีตอธิบดีกรมวิชาการ อ่านคร่าวๆ ให้ฟัง
ในฐานะอดีตอธิบดีกรมวิชาการขอแนะนำข้อเท็จจริงบางอย่างเกี่ยวกับเรื่องปุ๋ยที่คุยกัน ท่านรู้ว่าจะคุยวันนี้ ท่านบอกปัจจัยที่ทำให้การปลูกพืชมีประสิทธิภาพ ประกอบด้วย ดินดี พันธุ์พืชดี และน้ำดี และบอกว่าความเข้าใจเรื่องปุ๋ยแตกต่างกันมาก แต่ควรยึดหลักวิชาการ และกำหนดตามที่พระราชบัญญัติปุ๋ย เพิ่มเติม พ.ศ.2550 ต้องแก้กฎหมายเพิ่มเติม เขาบอกว่าปุ๋ยคือสารหรือจุลินทรีย์ที่เป็นธาตุอาหารพืชหรือทำให้พืชได้อาหาร เช่น จุลินทรีย์ไรโซเบี่ยมสามารถจะตรึงไนโตรเจนจากอากาศ เพื่อพืชไปใช้เป็นอาหาร ใครจะไปรู้อย่างนี้ ปุ๋ยเคมีคือสารเคมีที่เป็นธาตุอาหารพืช แต่ไม่รวมถึงปูนขาว ดิน ยิบซั่ม โดโรไมค์ เพราะไม่ได้เป็นธาตุแห่งพืช แต่ไปปรับปรุงคุณสมบัติของดิน ท่านอธิบายเสร็จครับ
ปุ๋ยอินทรีย์ได้แก่ ปุ๋ยคอก ปุ๋ยหมัก ปุ๋ยพืชสด ซึ่งมีจุดเด่นคือมีวัสดุอินทรีย์ มี Organic Matter ที่จะช่วยปรับปรุงคุณสมบัติทางกายภาพของดินได้ดี แต่ธาตุอาหารจะมีไม่มาก เช่น NPK ก็มี 2 : 1 : 1 ตามลำดับ ในขณะที่ปุ๋ยยูเรียมี 46 : 0 : 0 จะมีไปถึง 46
ถัดไปปุ๋ยชีวภาพคือจุลินทรีย์ที่มีชีวิตที่สามารถสร้างธาตุอาหารพืชได้ เช่น ไรโซเบี่ยมตรึงไนโตรเจนจากอากาศ ช่วยให้ธาตุอาหารที่มีอยู่เป็นประโยชน์ต่อพืชได้มากขึ้น อย่างนี้ละครับ ท่านบอกไว้เสร็จเลย จุลินทรีย์ไม่มีคุณสมบัติก็ใช้ไม่ได้ จะต้องมีคุณสมบัติ ท่านเขียนมาสุดท้ายว่าผมจะออกรายการบอกว่าไปยกย่องญี่ปุ่น ปุ๋ยอินทรีย์เคมีที่ผ่านมามีการนำเอาปุ๋ยเคมีไปผสมในปุ๋ยหมัก เพื่อเพิ่มธาตุอาหารให้กับปุ๋ยหมัก ขณะที่ผู้ขายก็เพิ่มปุ๋ยหมักลงไปมากกว่าเดิม เอาเปรียบผู้ใช้ นี่เป็นปัญหาทันทีเลย เป็นปัญหากฎหมายทันที เพราะว่าในแง่กฎหมายพระราชบัญญัติปุ๋ย หากเอาปุ๋ยเคมีไปใส่ผสมจะถูกตีความว่าเป็นปุ๋ยเคมี และโดยทั่วไปมักจะกลายเป็นปุ๋ยที่ผิดมาตรฐาน ยุ่งไหมครับ เขาคิดดีนะครับ เอาเคมีไปผสม Organic ไปผสมอินทรีย์ เกิดเรื่องนะครับ
ในพระราชบัญญัติปุ๋ย พ.ศ. 2550 กำหนดว่าให้มีปุ๋ยอินทรีย์ เคมี โดยต้องให้ได้มาตรฐานทั้งปุ๋ยและอินทรีย์และเงื่อนไขปริมาณธาตุพืชอะไรต่าง ๆ เอาละเป็นเรื่องวิชาการ ปุ๋ยชีวภาพ ท่านบอกว่าไม่มีบัญญัติไว้ในพระราชบัญญัติ จะทำอย่างไรละครับ ก็เป็นหน้าที่ มีคนต้องการจะตามไปดูเรื่องนี้ ท่านดูนี่ ท่านจดเบอร์โทรศัพท์ไว้นะใครที่สนใจจะตามไปดู ถามก่อนก็ได้ 081-3125953
รัฐบาลสนับสนุนงบประมาณให้ใช้ปุ๋ยอินทรีย์
ทำไมถึงจะต้องมาพูดกันเรื่องพรรค์อย่างนี้ ที่จะต้องพูดจากันเพราะว่าวิชาการ ผมพูดในสภาวันก่อน วิชาการเกษตร รายการที่ดีคือเช้ามืดกับดึก ๆ ดึก ๆ ยังไม่ค่อยมี แต่เช้ามืดมีเลย เสาร์ อาทิตย์ ยิ่งนั่นเลย นั่งดูเถอะครับ คนที่ไปทำมาต้องถูกต้องจึงจะมาออกรายการได้ เพราะราชการเขาตรวจสอบ กรมวิชาการเกษตรดู โฆษณาปุ๋ยเคมีกันบ้าเลือดก็มีครับ แล้วก็โฆษณาอธิบายเสริมว่า ปีที่ 1 ปีที่ 2 มีพริกเม็ดโตเม็ดใหญ่ พอปีที่ 5 เม็ดแทบจะไม่ออก เพราะสารเคมีไปทำลายดิน เพราะฉะนั้น ถึงบอกว่ากำลังนี้ในสภาเป็นการเมือง ปุ๋ยแพงต้องไปหาปุ๋ยถูกให้ราษฎรจะทำอย่างไรสุดแท้แต่ มีการซื้อให้ มาเอาเงินไปซื้อบ้าง แต่สุดท้ายราษฎรชอบ เพราะว่าใส่ปุ๋ยเคมี ใส่วันนี้ 2 วันเขียวทันตาเห็น แต่ว่าปุ๋ย Organic คือปุ๋ยอินทรีย์ แต่ก่อนใส่แล้ว 10 วัน เดี๋ยวนี้พัฒนาปรุงปรุงใส่แล้ว 7 วัน แต่ใส่แล้วช่วยดินทำดินดี ไม่มีอะไรเสียหาย รัฐบาลใช้เงิน 4,100 ล้าน เพื่อชักชวนให้ราษฎรทั้งประเทศ ไม่ใช่เลิกใช้ปุ๋ยเคมี ให้หันกลับมาใช้ปุ๋ยอินทรีย์ ซึ่งเขาจะเติมเคมีเล็กน้อย แปลว่าอย่างไรครับ ก็เหมือนน้ำมันครับ เราทำเอทานอลได้เอง แต่ก่อนนี้น้ำมัน 100 เอาออกไป 5 เติมเอทานอล 5 บอกได้ลดไป 5 เปอร์เซ็นต์ ต่อไปก็ 10 เอาน้ำมันออกไป 10 และเอาเอทานอลใส่ไป 10 และต่อมาน้ำมัน 80 เอทานอลก็เป็น E 20 รถก็จะผลิตออกมารับ บัดนี้ปฏิภาคกลับเขาเรียกว่า E 85 ที่ผมเคยเล่าให้ฟังว่า นึกว่าทำไมไป 20 กลับมา 85 20 เพราะว่า 80 ไม่ใช่ครับ เอทานอล 85 ใช้เบนซินแค่ 15
นี่เป็นวิวัฒนาการก้าวหน้า เพราะฉะนั้น เรื่องของการใช้ปุ๋ยก็ทำนองเดียวกัน ปุ๋ย Organic ดี แต่ว่าธาตุน้อย เขาก็เอาเคมีเติมไปหน่อย กฎหมายเกิดมาขัดข้องไม่รับรองจะตีความว่าเป็นเคมีปลอม เป็นปุ๋ยปลอม ยุ่งยาก เขามีพระราชบัญญัติรับรองไว้เสร็จ เรารณรงค์ที่จะให้ใช้อันนี้ เสร็จธุระแล้วผมจะไปดูที่อุบลราชธานี ที่สุรินทร์ก็มีครับ เขาใช้กันอย่างนี้ อุบลราชธานีคือที่ผมเอามาให้ดู ส่วนปุ๋ยที่เขาใช้อินทรีย์เขาอยู่จังหวัดสุรินทร์ เขาก็เตรียมการไว้ให้ดู ก็จะพิสูจน์ให้เห็นว่าใช้อินทรีย์ดีกว่าเคมี เคมีแพงบ้าเลือด เพราะฉะนั้น แพงบ้าเลือดเราจะใส่ไปเล็กน้อย สมมติใส่ 10 เปอร์เซ็นต์ เป็น Organic 90 เปอร์เซ็นต์ ก็เหมือนน้ำมันนี่ละครับ ใส่น้ำมันเบนซินไป 15 ใส่ของที่ทำได้ในเมืองไทย 85 นั่นคือ E 85 ปุ๋ยก็ทำนองเดียวกัน ปุ๋ยอินทรีย์นั้นจะทำอะไรต่างๆ เขามีมาตรฐาน รัฐบาลสนับสนุนนะครับ
บริษัทในไทยผลิตหัวน้ำเชื้อจุลินทรีย์ได้
แต่ทว่าทางวิชาการบอกว่าปุ๋ยจุลินทรีย์นั้นไม่มีในพระราชบัญญัติ เพราะฉะนั้น กำลังนี้ก็เป็นหน้าที่ของทางฝ่าย ฝ่ายทหารซึ่งเขาเป็น กอ.รมน. เขามีหน้าที่ที่จะทำให้ราษฎรอยู่ดีกินดี เขาจึงไปพัฒนา ผมไปอ่านเข้า เพราะผมไปประชุม กอ.รมน. เขามีรายงานให้ดู พอผมเห็นปั๊บผมบอกอย่างนี้ต้องถ่ายทอดให้ประชาชนทั้งประเทศได้รู้ ใครจะทำ ใครจะเอา จะถูกต้องตามกฎหมายหรืออะไรต่าง ๆ เพียงแต่ไม่อยู่ในพระราชบัญญัติ แต่วันข้างหน้าถ้าสำเร็จถูกต้อง ต้องอยู่ เพราะอะไรครับ เพราะเขาใช้เงิน 2 ล้าน เอาไปทำปุ๋ย และใช้ในนาได้ 40,000 ไร่ ใช้เงินแค่ 2 ล้าน ในขณะเดียวถ้าจะใช้ปุ๋ยเคมีต้อง 24 ล้าน และเขาก็ทำให้เห็น และไม่ใช่ข้าวเฉย ๆ นะครับ ไปมันสำปะหลัง ไปอย่างอื่น แต่สำคัญที่สุดคือว่าอะไรต่าง ๆ ที่ตกทอดอยู่นั้น ไม่ทำความเสียหาย กุ้ง หอย ปู ปลา กลับมา เขาถ่ายมาให้ดูว่ากบกลับมา หอยมา ปลามา ก็ให้ดูว่า จะเอาความผิดจะเอาชนะกัน โดยเขียนคำถามมาว่าไปส่งเสริมญี่ปุ่น ผมถามทันทีครับ ออกจากกล้องผมถามเลยคนที่มาชี้แจง เขาบอกว่าถูกต้อง คิวเซ มาอยู่ที่ประเทศไทยอยู่สระบุรี เลยมาหน่อยเลี้ยวขวาแล้วไปเลี้ยวขวาอีกที ผมไปดูมาแล้วครับ เป็นความคิดญี่ปุ่น แต่บัดนี้ผลิตได้ในประเทศไทยนี่ครับ หัวน้ำเชื้อ จุลินทรีย์ผลิตได้ในประเทศไทย และเพิ่มได้เท่านั้นเท่านี้ เขายืนยันว่าไม่ต้องสั่งอะไรมาจากนอกอีกแล้ว ผลิตได้ในประเทศไทยทั้งหมด และระบบนี้ละครับ เอานี่ ๆ ๆ ๆ เอาแกลบ เอาข้าวเปลือกยังไม่ได้เผา เขามีสัดส่วนให้เสร็จหมด ต้องไปดูของจริง แต่เขาทำแล้ว เขาก็ใส่ถุงวางเรียงไว้เป็นหมื่น ๆ และเขาก็ใช้กับ 40,000 ไร่ จากเงิน 2 ล้านเท่านั้นเองครับ พอเสร็จเรียบร้อยแล้วมันได้ข้าว ปลา ได้ข้าวมา 360 ล้าน มูลค่าราคาที่ซื้อขายกัน
เพราะฉะนั้น เรื่องพรรค์อย่างนี้คนเป็นนายกรัฐมนตรีเห็นอย่างนี้แล้วไม่มาสนับสนุน จะต้องทางวิชาการบอกมาว่ายังไม่มีในพระราชบัญญัติปุ๋ย อย่างไรถ้าไม่มี ถ้าทำดีให้บ้านเมืองอย่างนี้ ต้องมีวันข้างหน้า แต่ไม่มีผิดกฎหมาย ไม่มีอะไรผิดกฎหมาย สิ่งที่เขาคิดที่เขาทำขึ้นมา ถ้ายังไม่รับรอง ก็ไม่ได้แปลว่าสิ่งนั้นผิด แต่ว่าทำแล้ว ดูสิหัวมันสำปะหลัง
นี่ละใช้ปุ๋ยเคมีเป็นอย่างไร แล้วใช้ปุ๋ยชีวภาพเป็นอย่างไร แล้วอย่างนี้เราไม่สนับสนุนหรือครับ ต้องสนับสนุนครับ แต่ว่าความละเอียดอ่อนต่างๆ นั้นต้องไปดู แล้วสูตรเป็นอย่างไร แปลว่าเราจะหาพวกขี้เป็ด ขี้ไก่ ขี้วัว ขี้ควาย ได้มากขนาดไหนที่เรียกว่ามูลสัตว์ แกลบไม่เข้าเตาเผาในโรงสีก็เป็นแกลบ จะมี 1-2-3 ส่วนผสม แล้วเขาก็มีตัวเชื้อที่จะใส่ลงไป และก็คลุก และก็เป็นปุ๋ย แล้วไปใช้ในไร่นา และไม่มีความเสียหาย มีพืชผล คือต้นทุนถูก ทุกคนตื่นเต้น
ใช้ปุ๋ยจุลินทรีย์ในการเพิ่มผลผลิต
ผมก็ขอบคุณท่านอดีตอธิบดี ท่านส่งเอกสารมาให้ผม ผมก็อ่านให้ชัดเจนเรียบร้อย แต่ที่ท่านบอกว่าปุ๋ยเคมี ปุ๋ยอินทรีย์ นี่มันปุ๋ยจุลินทรีย์ ปุ๋ยเคมีมีในพระราชบัญญัติแล้ว ปุ๋ยจุลินทรีย์ยังไม่อยู่ มันต้องพิสูจน์นะครับ แล้วสิ่งที่เกิดขึ้นไม่ใช่ความเลวร้ายเป็นความเสียหาย มันเป็นสิ่งท้าทาย ทำออกมาแล้วเป็นอย่างไรแล้ว จะวิพากษ์วิจารณ์อย่างไรก็สุดแท้แต่ เพียงแต่ว่ากฎหมายยังเขียนไปไม่ถึง นั่นแปลว่าอย่างไร ตอนเขียนกฎหมายยังไม่มีเรื่องพรรค์นี้ เขาทำมา 20 ปีแล้วครับ แต่ว่ากฎหมายไม่ได้มาสนใจ ก็ไม่เป็นปัญหา วิชาการบอกรับไม่ได้ ต้องบอกมาว่าเสียหายอย่างไร ต้องบอกเลยครับว่าใช้ปุ๋ยจุลินทรีย์แล้วเสียหายอย่างไร ถ้าได้ผล เพิ่มผลผลิต แล้วราคาถูกกว่า ทำไมเราถึงจะไม่พิจารณาเรื่องนี้ นี่ไม่ใช่เรื่องใหญ่นะ
นี่เรื่องเล็กนะครับ ที่เล่าให้ฟังผมไปติดไว้คราวที่แล้ว เพราะเขาท้วงกันมาว่าไปส่งเสริมญี่ปุ่นทำไม รถที่ใช้กันทั้งบ้านทั้งเมือง รถญี่ปุ่นหรือเปล่าครับ ใช้รถญี่ปุ่นกันทั้งบ้านทั้งเมือง แต่ใช้หัวเชื้อซึ่งญี่ปุ่นเป็นคนนำมาแนะนำ และบัดนี้ก็ผลิตได้ในประเทศไทยแล้ว ๆ เสียหายตรงไหนครับ เสียดุลการค้าตรงไหนไหมครับ ได้เทคโนโลยีของเขามา และเอามาผลิตได้ในประเทศไทย มีส่วนผสมเสร็จการทำ ไปทดลองมาให้แล้ว ลงทุน 2 ล้าน ถ้าจะต้องใช้ปุ๋ย ธรรมดาจะต้องใช้ 20 กว่าล้าน แต่เอามาใช้จริง ๆ แล้วใช้ไปแค่ 2 ล้าน แล้วได้ข้าวมากมายก่ายกองได้พืชอย่างอื่น ได้อ้อย ได้มัน นั่นละครับก็ปลูกให้เห็น เพราะฉะนั้น เอาเท่านี้สารคดี พูดวิชาการมากไป
ขุดลอกคูคลอง หนอง บึง เพื่อเก็บกักน้ำ
ท่านสมาชิกในสภาเมื่อคืนนั่งคุยกับผม คุณสมัครพูดไปเถอะ อธิบายความไปเถอะ บอกว่าเรื่องวิชาการเรื่องงานที่ทำ เล่าไป ผมก็บอกว่าต้องพอสมควรแก่เหตุ ต้องมีอย่างนั้นอย่างนี้สลับบ้าง ท่านบอกว่าคุยไปเถอะเรื่องนั้นเรื่องนี้เรื่องอะไรต่าง ๆ บางเรื่องบางอย่างกำลังดำเนินการ กำลังไปเจรจาความกับเขาครับ รายละเอียดที่เราจะเป็นโครงการไปหมดแล้วครับ แปลเป็นไทยเป็นภาษาของเขาอยู่นั่นแล้ว ผมว่างก็จะไปเจรจาความ เขามีเครื่องมือทันสมัย อย่างที่ว่าจะขุดลอกคูคลอง หนอง บึง ท่านสมาชิกเปิดเท่าไรก็ไม่มี ไม่มีละครับ เพราะว่าตอนที่เข้ามาก็เข้ามาทำงานอยู่ 4 เดือน และระหว่าง 4 เดือนนี้ก็นั่งประชุม ก็มีปัญหาเรื่องน้ำ ก็ตัดสินใจจัดโครงการน้ำ เขาบอก 12 ปีก็มี 3 ปี เขาทำไว้หมดแล้วครับ ความคิดของเรากับความคิดของเขาถูกตรวจสอบ โดยราชการประจำ ทำให้เสร็จหมดแล้ว แต่ผมบอกไม่ได้ 12 ก็ 12 ไป 3 ก็ 3 แต่ว่า 1 ปีคือในปีนี้ที่จะต้องทำทันทีคือการขุดลอกคูคลอง เขาตรวจสอบเสร็จ หาเจ้าภาพไม่ได้ ตั้งบอกว่าถ้า 2 ล้านเป็นอย่างนั้น พอตั้งแล้วหาเจ้าภาพจะทำอย่างว่าไม่ได้ ผมไม่มีวันยอมเรื่องพรรค์อย่างนี้เลยครับ หาเจ้าภาพไม่ได้ รัฐบาลเป็นเจ้าภาพเอง จะเป็นการขุดลอกแห่งประเทศไทยอะไรก็ตั้งขึ้นมาเป็นการเฉพาะกิจ เพราะว่าเรือขุด กรมชลประทาน 70-80 ปีซื้อเรือขุดมาเป็นลำ ๆ สะพานต่างที่ต้องสร้างโค้งให้เรือขุดลอด รอบกรุงเทพฯ มีสะพานต้องโค้งเรียบไม่ได้เพราะเรือขุดผ่านไม่ได้ ไม่มีแล้วครับไม่ซื้อมาแล้ว
บัดนี้คนที่เขายังขุด ยังลอกยังทำ เครื่องไม้เครื่องมือเขามีอยู่ คนอยากมาลงทุนทำธุรกิจมีครับ คนอยากให้กู้เงินมาทำงาน มีครับ ไม่ใช่อะไรนักหนาครับ กู้เงินเขามาบ้าง มาพัฒนาแก้ไขต้องกู้ครับ ถ้าอยากจะทำธุรกิจไม่ไปออมสินไม่ขอกู้เงินมาลงทุน แล้วเมื่อไรจะได้เริ่มต้นละครับ อยากจะขายก๋วยเตี๋ยว อยากจะขายข้าวเหนียว เขาจะให้กู้เงิน เขามีเงินให้กู้มาทำก็ได้ มีคนเชื่อเครดิตมาทำ บอกไม่เอาเป็นหนี้ ไม่ได้ละครับ อย่างไรก็ทำ ไม่ได้ไปทำงุบงิบอย่างไร คนทั่วบ้านจะต้องตรวจสอบ แต่ที่บอกกันไว้คือไม่อยู่ในเล่มงบประมาณ ไหนอยู่ไหน ผมก็แถลงไว้ล่วงหน้าว่าจะทำอะไรอย่างไรแค่ไหน โดยอยู่นอกงบประมาณครับ ก่อนจะเข้ามาต้องได้รับรู้อะไรต่าง ๆ ต้องผ่านความรับผิดชอบ ที่จะทำทันทีคือจะขุดลอกคูคลอง หนอง บึง ทั้งหมด ถ้าไปถามจะให้ใครขุด จะเอาสตางค์ไปใส่มือไม่ได้ละครับจนป่านนี้ อย่างไรก็ไม่ได้ ไม่มีทางสำเร็จ แต่ผมจะทำให้สำเร็จโดยจะใช้ คือตั้งแต่ข้างบนมาเลยครับ ตั้งแต่กว๊านพะเยา ที่จังหวัดพะเยา บึงสีไฟที่จังหวัดพิจิตร บึงบอระเพ็ดที่จังหวัดนครสวรรค์ ใหญ่ ๆ โต ๆ ที่ไหนตื้นเขิน ขุดหมดครับ ทางอีสานกี่บึงขุดหมด ทางน้ำทางอะไร อภิปรายให้ฟังในสภาเมื่อวานเขาบอกเสร็จเลย น้ำผ่านเท่าไร ไหลเท่าไร จะขุดหมดครับ โดยใช้เครื่องจักรกลที่เขามีใช้กันอยู่ในประเทศที่ไม่ไกลจากเรา ขนส่งมาได้มาจัดการดำเนินการได้ รับดำเนินการได้ ทำให้เสร็จคิดเงินเสร็จ แต่ผลประโยชน์จะได้ ทำทันทีครับ
ผมไม่ใช่ engineer นะครับ แต่ลองฟังครับ บึงอะไรใหญ่ ๆ โต ๆ มีบึง มีวัด มีข้าง ๆ มีสถานที่สำคัญอยู่ต่าง ๆ จะเอาดินไปกองที่ไหน จะไปบังอะไรเขาหมด บอกไม่ต้องการขุดแล้วต้องทำ boring ก่อนทางอีสาน 50 เมตรจึงจะเจอเกลือ กำลังนี้น้ำอยู่ 1 เมตร 2 เมตรเท่านั้นเอง ตอนนี้เราจะขุดถึง 7 เมตร หรือ 8 เมตร ท่านลองฟังผมคิดนะถ้าบึงใหญ่ ๆ อย่างนี้ บึงเป็นรูปไต และอยู่บ้านอยู่ช่อง มีวัดวาอาราม ต้องมีบริเวณหนึ่ง ซึ่งเป็นที่โล่งว่าง จะขุดตรงปากทาง 30 เมตร 50 เมตร ลึกสัก 100, 200 เมตร สุดแท้แต่ เป็นบ่อสี่เหลี่ยมเอาดินขึ้นหมด ให้ต่ำ ขุดให้ต่ำสัก 20 เมตรก็ได้ เป็นบ่อสี่เหลี่ยมใหญ่เลย พอเสร็จเรียบร้อย เรือขุดก็ลงไปอยู่ในบึงนี่ละครับ และต่อท่อและเริ่มขุดวนขุดตรงกลาง ขุดวนไปให้ลึกไป ขุดไป ต้องทำให้เป็นกระทะครับ ข้าง ๆ จะได้ไม่พัง ไม่ใช่ขุดเซาะลงไปแล้วเป็นสี่เหลี่ยมอยู่ไม่ได้ครับ พังลงมาหมด ต้องอย่างนี้ครับลึกอยู่ตรงกลาง และก็ขึ้น ๆ ๆ ๆ เป็นกระทะใบใหญ่ เมื่อเป็นอย่างนี้แล้ว ตัวที่จะเก็บน้ำ เคยมีอยู่ 1 เท่าก็จะเป็น 7 เท่า 8 เท่า น้ำที่ต้องไหลไปไหนจะต้องลงที่นี่ ไม่ว่าจะบึงไหนทั้งสิ้น ระบบชลประทานส่งไปที่ไหนอย่างไร ก็ยังส่งไป แต่ว่าไม่ใช่ 4 เดือนแล้วน้ำแห้งไปหมด แตกระแหงถ่ายรูปมาให้ดูกัน การขุดลอกอย่างนี้แปลว่าทำให้ถึงหน้าแล้งแล้ว น้ำก็ยังอยู่ น้ำ 100 เปอร์เซ็นต์ ลดเหลือ 50 ใน 4 เดือนน้ำ 50 เปอร์เซ็นต์ก็ใช้ได้ พอฝนลงมาก็เติมอีก
นี่ละครับช่องทางน้ำที่ไหลผ่าน จะขุดจะแคบฟังอภิปรายในสภารู้เลยครับ คนที่รู้ดีคือ ส.ส.ที่อยู่ในท้องถิ่น เขาจะรู้ว่าตรงไหนแคบ ตรงไหนกว้าง ตรงไหนควรขุด ตรงไหนไม่ขุด เขาจะเป็นคนชักนำไป และผมนี่ละครับเป็นหัวหน้ารัฐบาลมีหน้าที่รับผิดชอบ เขาก็พูดกัน น้ำคือชีวิต ใช้กันแน่นหนา น้ำคือชีวิต ผมเห็นด้วยครับน้ำคือชีวิต หาน้ำให้เท่านั้น อภิปรายตอนวุฒิสมาชิกท่านพูดถึงเรื่องตะกอนสะสมอย่างไร ถ้าคิดถึงตะกอน กลัวตะกอนก็ไม่ต้องหาน้ำ น้ำไหลมาไปกั้นไว้แล้วบอกกลัวตะกอน วิชาการออกมาก็รับฟังได้ครับ แต่คนหาน้ำ น้ำเพื่อชีวิตต้องทำครับ ผมจะทำแน่นอนและจะดำเนินการ และผู้คนที่อยู่ได้พบ คือถ้ามีเจ้าภาพเท่านั้นละลงมือทำได้แน่นอน จะระดมเครื่องจักรกลทุกชนิด จะนอกจะใน จะต้องใช้ปัจจัยอย่างไร จะขุดลอกหมดครับ กลัวอยู่ข้างเดียวเท่านั้น พวกวิชาการทั้งหลาย กลัวจะมายับยั้งไม่ให้ทำ ไม่ให้ขุด นิเวศวิทยา ผมกลัวอย่างนี้เท่านั้น แต่เอาละครับต้องได้เจอกันแน่ เจอกันแถว ๆ ริมบึงครับ ที่ไหนก็แล้วแต่ เอามาค้านดูสิว่าเป็นอย่างไร เสร็จแล้วจะได้ลากมาออกโทรทัศน์ มาพูดจากันเลยว่าคุณค้านทำไม เขาทำอย่างนี้เพื่อต้องการอะไรอย่างไร ก็แวดล้อมนะครับ เขาก็เคารพนับถือพวกสิ่งแวดล้อมกัน ผมนี่ก็ชอบปากไม่ดี ปากคัน ไปว่าเขาแวดล้อมทุกสิ่ง ก็แวดล้อมจริง ๆ ครับ แวดล้อมโน่น แวดล้อมนี่ โน่นทำไม่ได้นี่ทำไม่ได้ จนป่านนี้ ยังทำไม่ได้ละครับแวดล้อมทุกอย่าง
ต่างคนก็ต่างทำงานครับ แต่ผมมีหน้าที่จะต้องทะลุทะลวง เอาให้บ้านเมืองนี้มีที่เก็บน้ำให้มากขึ้น มีทางให้น้ำไหลมากขึ้น น้ำที่อยู่ฟากโน้นจะไหลมาฟากนี้ ดำเนินการครับ จะดุเดือดเลือดพล่านเขาบอก 12 ปีคุณว่าไป แต่ผมเช็คดูแล้วทางจีนบอกว่า 5 ปี แต่ออกชื่อเขา เขาขุดเขาทำ เขามาแสดงให้ดู ทางนี้บอกว่า 3 ปีทั้ง ๆ ที่อาจจะเร็วกว่า 3 ปี น้ำอยู่ฟากโน้น ไม่ใช้แล้วเขาก็ปล่อยลงแม่น้ำไป ถ้าเราจะขอใส่ท่อลอดมาเป็นอย่างไร ผมไม่อยากใช้สำนวนเดี๋ยวจะบอกว่าพูดจาหยาบคาย ถ้าสำนวนชาวบ้านบอกว่าเอาน้ำที่เขาจะทิ้งแล้ว น้ำดีจากท้ายเขื่อน แล้วลอดออกมาส่งมาประเทศไทย ถ้าทำอย่างนี้ทำได้ลอดได้เอาน้ำมาใส่ประเทศไทย ใช้น้ำได้ที่จะทิ้งน้ำไปนี้ มันหนักกระบาลหัวใครครับ ผมจะถามคำนี้ มันหนักอะไรใครอย่างไรครับ ก็ออกจากท้ายเขื่อนเขาเท่านั้น 17 กิโลฯ ออกจากเขื่อนแล้วก็ลง เขาทิ้งแม่น้ำโขงไป เราจะขอมาตรงที่จะทิ้งนี้มันสูง ทางเราต่ำกว่า ขอทำท่อใส่ท่อลอดมาเลย แล้วก็มาเข้าทางไทย ไทยจะได้ใช้ทางนี้ เพื่อนบ้านกันนะครับ หนึ่งยังไม่ได้ สองยังไม่ได้ สามไม่ได้ อนาคตเขาจะสร้าง แต่อันเดียวข้างล่างนี้น้ำมันเยอะครับ อธิบายให้ฟังผมไปนั่งกินข้าวอยู่ที่ริมเขื่อนตรงนั้น ประเดี๋ยวต้นไม้ผลุงขึ้นมา ผมก็ว่าเอ๊ะทำไม เขาเอาเลื่อยลงไปตัดข้างล่าง เพราะอะไร เพราะยังไม่ทัน routing ยังไม่ทันจะถอนมา เขากะว่า 2 ปีเสร็จน้ำจะมา 6 เดือนน้ำมาเต็มหมด ต้องดำลงไปถางไปตัด นั่นละครับเขื่อนน้ำงึม น้ำงึมนี่ละครับเขาใช้น้ำของเขา เขาทำอะไรของเขา ต้องปล่อยน้ำลงมา แล้วเขาก็ปล่อยลงแม่น้ำโขง เราจะขอน้ำที่ปล่อยนี้ละครับ น้ำจากเขื่อนเขาทำไฟฟ้าเสร็จปล่อยลงมา ก็ขอลอดเอาทำท่อลอดใต้แม่น้ำมาขึ้นประเทศไทย แล้วมันอย่างไรละครับ มันเป็นอย่างไร แน่นอนครับผมต้องไปพบกับท่านผู้นำประเทศลาวก็รู้จักกันอยู่ครับ เจอกับท่านหลายหนก็จะต้องพูดจากัน แล้วเราก็บอกเราขอ เขาบอกไม่ขายหรอกครับน้ำเหลือใช้ พอไหวครับพอไหว ๆ
สุนทรภู่กวีเอกของไทย
สารคดีอย่างเดียวบอกพูดวิชาการวิชาเกินมากมายเกินไป อยากเรียนตรงนี้ครับ จะมี 2 เรื่องที่ตั้งใจไว้ วันที่ 26 พฤหัสบดีออกโทรทัศน์ วันที่ 26 เช้า ๆ เขาเผายาเสพติดผมให้ท่านรองนายกรัฐมนตรี สหัส บัณฑิตกุล ไปช่วยดูแลจัดการไปในเรื่องการต่อต้านยาเสพติดของโลก 26 มิถุนายน ตามประวัติศาสตร์ 200 ปีก่อน คนดังของไทยขึ้นอันดับโลก สุนทรภู่ สุนทรภู่ครับติดอันดับโลกเลยชื่อเสียงโด่งดัง แปลว่าอย่างไร แปลว่างานสุนทรภู่นั้นเป็นงานกลอนเป็นส่วนใหญ่ มีโคลงบ้างมีกลอนบ้าง ทีนี้เวลาสุนทรภู่ถ้าตรงวันอาทิตย์ผมก็อยากจะได้ทำรายการสนทนาถึงสุนทรภู่ ฝากใครต่อใครไป ผมพูดหลายหนครับในวงสัมมนา แต่ว่าไม่ได้ คือเราไม่ค่อยสันทัดเรื่องโคลง ฉันท์ กาพย์ กลอน เท่าไร แต่ไปอ่านแล้วพวกนักกลอนอะไรเขาฝาก พวกนักกลอนเขาบอกถ้านอนฝากก็เศร้าใจ เราก็ไม่ใช่นักกลอนโด่งดังนักหนา แต่อ่านกลอนสุนทรภู่แล้ว
วันที่ 26 เขาไปสัมมนากันที่วัดเทพธิดา ที่อะไรต่าง ๆ สุนทรภู่ท่านเป็นคนเกิดรัชกาลที่ 1 ที่ 2 ที่ 3 ท่านอายุยืน แล้วความเปลี่ยนแปลงของท่านคือว่า ท่านเขียนกลอน เขียนลงบนกระดาษสาที่พับไปพับมาเป็นสมุดข่อย แล้วท่านก็เขียน แล้วเอามาพิมพ์ การถ่ายทอดพิมพ์ กลอนสุนทรภู่นั้นที่ดังจริง ๆ เรื่องพระอภัยมณี อ่านแล้วก็ต้องคิด เราอ่านแล้วก็สุนทรภู่ทำไมคิดได้อย่างนี้ เพราะว่าคนดังเขาชื่อ จูลส์ เวิร์น เป็นคนดังของต่างประเทศ เขาเขียนนวนิยาย 150 ปีครับ เขาเขียนหลังสุนทรภู่ สุนทรภู่เขียนก่อนประมาณ 30 ปี เขียนทัศนคติอย่างเดียวกัน เรือดำน้ำต่าง ๆ เสกไปโน่นไปอะไรต่าง ๆ เรือกัปตันเนโม เรื่อง Twenty Thousand Leagues under The Sea เป็นเรื่องที่คาดคิดว่าอนาคตจะเป็นอย่างไร สุนทรภู่ก็เขียนอย่างนั้น ไปอ่านดูท่านจับผสมผสาน
ผมนั่งดูก็ดูว่าถ้าดูภาพ 150 ปีประเทศไทยเขายังถ่ายภาพเรือสำเภาจอดเป็นแถวเลย หน้าวัดแจ้ง วัดอรุณราชวราราม เรือสำเภา 3 เสา 4 เสา ความโบราณแล้วย้อนลงไปสิครับ ตอนสุนทรภู่เป็นอาลักษณ์ขี้เมาแล้วยังเขียนอะไรต่าง ๆ นั้น ท่านต้องได้อะไรมา เขาก็บอกว่าเรื่องอาหรับราตรี พันหนึ่งราตรี นี้นะครับ สุนทรภู่ต้องได้เคยสนทนากับผู้คนซึ่งเป็นกะลาสี ต้องมีคนซึ่งต้องพูดต้องแปลความ ต้องได้เค้าโครงจากพวกยุโรป แล้วดัดแปลงเป็นเรื่องพระอภัยมณี เมื่อ 2 - 3 วันปี่พระอภัยมณีหาย ปี่หายครับ พระอภัยมณีปี่ถูกขโมย 2 - 3 วันก็ถูกเอาไปทิ้งไว้ในกองขยะ ต้องทำพิธีกัน เขาต้องแห่มีรถมาต้องอัญเชิญปี่ ของเก่าเขาเสียบไว้อย่างไรไม่ทราบได้
วรรณคดีเรื่องพระอภัยมณี
ผมก็ว่าเขาเป็นพระอภัยมณีเมื่อวันที่ 26 ตั้งแต่นั้นเขาเอากลอนของสุนทรภู่มาดัดแปลงอย่างโน้นอย่างนี้ ไม่เมาเหล้าแต่เราเมารัก เขาเขียนกลอนล้อสุนทรภู่ ผมไม่กล้าล้อหรอกครับ แต่ว่าผมอยากจะคิด คืออ่านกลอนแล้วก็คิด ผมคิดมาหลายเวทีแล้ว วันนี้มีเวลาพอสมควร การบ้านเมืองไม่ได้ตึงเครียดอะไรนักหนา ก็เลยคิดถึงกลอนสุนทรภู่ ท่านทั้งหลายลองคิดดูนะครับว่า ไม่ใช่ไปจับผิดท่านนะ ผมสงสัยว่าคนคัดลอกนั้นคัดลอกถูกหรือเปล่า จะถามท่าน ๆ ก็ล่วงลับไปแล้ว 200 กว่าปี ก็ไม่ได้ คือกระทรวงศึกษาธิการเอามาทำอาขยาน ผมใช้งานบ่อยครับ กลอนอันนี้ของท่าน เป็นต้นฉบับในการที่สอนให้เขียนโคลง ฉันท์ กาพย์ กลอน ตรงที่ว่าอาขยานคืบเดียวนะครับ สุดสาครตกเหว ชีเปลือยผลักตกเหวแล้วเอาม้ามังกรไป ตรงนี้อาขยายเขาพูดใคร ๆ ก็จำได้ คนอื่นก็จำได้ ที่บอกว่า ตกไปอยู่ก้นเหว แล้วโยคีก็มาช่วย พระฤาษีมาช่วยเอาขึ้นไป ว่าบัดเดี๋ยวดังหง่างเหง่งวังเวงแว่ว สะดุ้งแล้วเหลียวแลชะแง้หา เห็นโยคีขี่รุ้งพุ่งออกมา ประคองพาขึ้นไปยังบรรพต ตรงนี้ละครับ ผมมานั่งอ่านแล้วมันคัดมาถูกหรือเปล่านี่ คือว่าตามภาพที่เห็นก็คือว่าสุดสาครตกนอนอยู่ก้นเหว แล้วเสียงหง่างเหง่งวังเวงแว่ว เสียงระฆังมา สะดุ้งแล้วเหลียวแลชะแง้หา กลอนสุนทรภู่นี่เพราะครับ สัมผัสนอกสัมผัสใน บัดเดี๋ยวดังหง่างเหง่งวังเวงแว่ว สะดุ้งแล้วเหลียวแลชะแง้หา เห็นโยคีขี่รุ้งพุ่งออกมา ประคองพาขึ้นไปยังบรรพต ผมข้องใจตรงนี้ว่าคัดมาถูกหรือเปล่า ทำไมพุ่งออกมา พุ่งออกมาตรงไหน สุดสาครนอนอยู่ก้นเหว พุ่งออกมาจากถ้ำหรือ พุ่งออกมาตรงไหน โยคีขี่รุ้ง รุ้งทำไมจะไปอยู่ตรงพุ่งแล้วออกมา ผมก็คิดของผมง่าย ๆ ว่าน่าจะเป็นว่าเห็นโยคีขี่รุ้งพุ่งลงมา พุ่งลงมาถูกไหมครับ แล้วประคองพาขึ้นไปยังบรรพต นี่ก็เรียกวิพากษ์วิจารณ์วรรณคดี มีเหตุผลไหมครับ
ผมถึงอยากจะดูยังหาโอกาสไปดูสมุดข่อยต้นฉบับไม่ได้ว่า เห็นโยคีขี่รุ้งพุ่งออกมา ว่าสุนทรภู่เขียนไว้ถูกต้องว่าพุ่งลงมา ลงกับออกนี้ก็ห่างกัน ถ้าบังเอิญคิดว่าถ้าหากว่าเขียนว่าเห็นโยคีขี่รุ้งพุ่งออกมา ถ้าผมได้เจอท่านสุนภรภู่แล้วจะถาม แล้วท่านสุนทรภู่ทำไมพุ่งออกมา ออกมาจากตรงไหน ออกมาจากถ้ำใต้ ๆ ที่สุดสาครนอนหรือ แล้วจะประคองพาขึ้นไป โยคีขี่รุ้ง ขี่รุ้ง ๆ ไม่ได้อยู่ใต้ดิน รุ้งอยู่ข้างบนนะครับ ถ้าเจอสุนทรภู่ก็คงคุยกันสนุกละครับ แต่ว่าก็วานสมาคมนักกลอนด้วย เขาไม่ค่อยหยิบประเด็นนี้มาหรอกครับ ก็นึกถึงสุนทรภู่ ยังมีอีกนะครับ ยังมีอีกครับเพราะว่าเป็นเรื่องปรัมปรา พูดจาท้าทายอะไรกันต่าง ๆ นี่ข้อสังเกตของผมนะครับ นี่เป็นข้อวิพากษ์วิจารณ์พอสนุก คือต่อไปเขาบอกว่าสอนว่าอย่าไว้ใจมนุษย์ มันแสนสุดลึกล้ำเหลือกำหนด ถึงเถาวัลย์พันเกี่ยวที่เลี้ยวลด ยังไม่คดเหมือนหนึ่งในน้ำใจคน มนุษย์นี้ที่รักมีสองสถาน บิดามารดารักมักเป็นผล ที่พึ่งหนึ่งพึ่งได้แต่กายตน เกิดเป็นคนคิดเห็นจึงเจรจา แม้นใครรักรักบ้างชัง ๆ ตอบ ให้รอบคอบคิดอ่านนะหลานหนา รู้อะไรก็ไม่สู้รู้วิชา รู้รักษาตัวรอดเป็นยอดดี สุนทรภู่ก็เกือบ 200 ปีนะครับเขียนตรงนี้ แต่ ลอร์ด บาเดน เพาเวลล์ (Lord Baden Powell) 70 - 80 ปี อาจจะกว่า พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 6 ทรงเอางานของลอร์ด บาเดน เพาเวลล์ คือลูกเสือ boy scout ท่านก็เอามาในประเทศไทย ลูกเสือนี่สถิตสถาพรในประเทศไทย
วันนี้วันที่ 29 พรุ่งนี้ 30 มะรืนนี้ 31 วันลูกเสือแห่งชาติ ต้องไปเดินสวนสนาม เห็นไหมครับลูกเสือเขาวันทยหัตเขาต้อง 3 นิ้ว แล้วเขาจะต้องบอกว่า คุณต้องช่วยคนอื่นนะลูกเสือ ลูกเสือต้องช่วยคนอื่น ถ้าตกน้ำลูกเสือต้องโดดน้ำต้องว่ายน้ำเป็นครับ ต้องช่วยคนอื่นก่อน ก่อนจะช่วยชีวิตตัวเองต้องช่วยคนอื่น ถ้า ลอร์ด บาเดน เพาเวลล์ มาอ่านสุนทรภู่บอก สุนทรภู่ว่าอย่างนี้ได้อย่างไร รู้อะไรก็ไม่สู้รู้วิชา แต่รู้รักษาตัวรอดเป็นยอดดี ถ้าคนเอาตัวรอดหมดวิชาลูกเสือเกิดไม่ได้หรอกครับ ลูกเสือช่วยคนอื่น เห็นไหมครับ
กลอนสวัสดิรักษา
มีอีกอันหนึ่งครับ ฝากไปหลายครั้งเขาก็ไม่รับฟัง คือสุนทรภู่ตอนที่ไปบวชอยู่ที่วัดเทพธิดาราม ข้าง กทม. เดินทะลุเข้าหลังกทม.ได้ มีกุฏิสุนทรภู่ มีกาต้มน้ำ เขาเก็บเขาทำไว้ ว่าสุนทรภู่มาบวชอยู่ที่วัดนี้ แล้วเขียนหนังสือพิราบ รำพันพิราบก็เขียนที่นี่ สวัสดิรักษาก็เขียนที่นี่ สวัสดิรักษาเป็นเรื่องที่เขียนเรื่องเกี่ยวกับว่าคนเราจะต้องยังไง ๆ ตื่นเช้าต้องล้างหน้าต้องอะไรต่ออะไรต่าง ๆ แล้วจะบอกว่าวันจะแต่งตัวจะอะไรสีตามวัน ตามวันถามว่าแล้วสุนทรภู่เขียนสวัสดิรักษาว่าอย่างไรครับนี่ สีตามวันของไทยของฝรั่งตรงกันครับ วันอาทิตย์สีแดง วันจันทร์สีเหลือง วันอังคารสีชมพู วันพุธสีเขียว วันพฤหัสบดีสีแสด วันศุกร์สีเมฆหมอก สีฟ้า แล้ววันเสาร์สีดำ เขาเชื่อกันอย่างนี้ ฝรั่งก็อย่างนี้ แต่ไปถามกรมศิลปากรสิครับ กรมศิลปากรอ่านสวัสดิรักษา เพราะฉะนั้นเมื่อเวลาที่เล่นอะไรที่เกี่ยวกับสี 7 วัน กรมศิลปากรทำตามสวัสดิรักษาของสุนทรภู่ แต่ว่าไม่ตรงกับความเชื่อกำลังนี้ ผมก็ไปเสาะหาว่ามันอย่างไร สวัสดิรักษาเขียนอย่างนี้ครับ อนึ่งภูผาผ้าทรงณรงค์รบ มีให้ครบเบ็ดเสร็จทั้ง 7 สี วันอาทิตย์สิทธิโชคโฉลกดี เอาเครื่องสีแดงทรงเป็นมงคล วันจันทร์นั้นควรสีนวลขาว นวลขาวเหลืองเหมือนกันครับ จะยืนยาวชันษาสถาผล แต่งสีเหลืองแล้วอายุยืน อังคารม่วงช่วงงามสีครามปน ก็ยังม่วง สีม่วงอ่อน ๆ ก็ชมพูละครับ อังคารม่วงช่วงงามสีครามปน เป็นมงคลขัตติยาไม่ราคี เพราะฉะนั้นวันพุธสีเขียวครับ วันพุธสีเขียวตามที่สอบมาคนโบราณเล่าต่อกันมา เขาบอกสุนทรีภู่ท่านเป็นอาลักษณ์ขี้เมา เวลาท่านเขียน ๆ ไว้บนกระดานชนวน เขียนแล้วก็มาบันทึกลงสมุดข่อย เขาว่าท่านเมาครับ เขียนวันอังคาร อังคารม่วงช่วงงามสีครามปน เป็นมงคลขัตติยาไม่ราคี พอถึงวันพุธท่านเขียนตอนเมาบอกว่า วันพุธดุษฎีด้วยสีเขียว ไปยืนเยี่ยวข้างฝาเป็นห่าฝน ลูกศิษย์เห็นปั๊บก็ลอกไปทันทีเลย พอได้สีเขียว สุนทรภู่ตื่นขึ้นมา อ้าวเขียนอย่างนี้ได้อย่างไรวันพุธดุษฎีนุ่งสีเขียว ยืนเยี่ยวข้างฝาเป็นห่าฝน ท่านลบออกสิครับ ในสวัสดิรักษาจริง ๆ นี้วันพุธไม่ได้สีเขียวนะครับ วันพุธดุษฎีด้วยสีแสดครับ กับเหลือบแปดปนประดับสลับสี พฤหัสจัดเครื่องเขียวเหลืองดี วันศุกร์สีเมฆหมอกออกสงคราม สีเทาสีฟ้า วันเสาร์ทรงดำดูล้ำเลิศ จะประเสริฐเสี้ยนศึกยังนึกขาม ทั้งภาคีขี่ขับขยับนามต้องให้ตามสีวันจะกันภัย
ไปดูศิลปากรเล่นอะไรถ้าเปรียบกับ 7 สีวันพุธจะต้องเป็นสีแสด แล้ววันพฤหัสบดีถึงจะเป็นสีเขียวเหลือบ แน่นอนเลยครับ กลอนสวัสดิรักษายังพิมพ์ให้อ่านกันอยู่ แต่ถามสิครับว่าสุนทรภู่บอกวันพุธดุษฎีด้วยสีแสด แล้วทำไมคนไทยทั้งประเทศใช้สีเขียวกัน เรื่องนี้ไม่เจอสุนทรภู่ครับ นึกถึงท่านนะครับ ก็เอามาเล่าให้ฟังอย่างนั้นเอง แต่ว่ากลอนสุนทรภู่นั้นท่านเขียนสัมผัสจนกระทั่งเจ้านายบางคนรับสั่งไว้ว่าเบื่อสัมผัสของสุนทรภู่ แต่ว่าท่านสัมผัสยอดจริง ๆ คือสัมผัสแล้วต้องเป็นความภาคภูมิใจเลยว่าบทสัมผัสของเราของกลอนแปด ถ้าเทียบกับกลอนฝรั่งแล้ว ฝรั่งหลุดไปไกลเลยเชียวครับ
ดูสิเขาว่าอย่างไร บอกไม่มีวันที่ 31 วันนี้ 29 นะ วันจันทร์ก็ 30 วันที่ 1 ผมก็บอกว่าถัดจากวันจันทร์แล้วก็ถึงวันที่ 1 บอกว่ามีคนเขาเตือนมาว่าผมพูดผิด ถ้าผิดก็ขออภัยครับ เพราะว่าวันนี้ 29 พรุ่งนี้ 30 มะรืนนี้ก็วันที่ 1 ความจริงก็ถูกต้อง ผมว่าผมจำว่าผมพูดอย่างนี้ว่ามะรืนนี้ก็วันที่ 1 ก็แปลว่ามะรืนไม่มี 31 ท่านผู้ฟังผมถี่ถ้วนจริง ๆ เมื่อสักครู่นี้วันลูกเสือ เดือนนี้มี 30 วันไม่มี 31 โอเค ๆ เลยสะดุดหมดเลยกำลังนี้
บทกลอน The wreck of the Hesperus
จะเล่าให้ฟังว่าให้จบประเด็นสักหน่อยครับว่า กลอนสุนทรภู่นี้เพื่อว่าเวลาที่เราพูดถึงนี้เราต้องเปรียบเทียบให้ดูได้ว่าเป็นอย่างไร ถามว่ากลอนฝรั่ง แน่นอนครับกลอนฝรั่งมีเขาสัมผัส แต่สัมผัสฝรั่งนี้สัมผัสนิดหน่อย สัมผัสอย่างเสียไม่ได้กลอนฝรั่ง แต่กลอนสุนทรภู่นี้เชะ ๆ ๆ ไปดูหน่อยตัวอย่าง มีบทกลอนฝรั่งเขาเขียนเรื่อง The wreck แปลว่าทำลาย The wreck of the Hesperus เป็นชื่อ proper name นะครับ แปลว่าเรือที่อับปาง เรือ Hesperus ที่อับปาง ฝรั่งเขียนอย่างนี้ครับ It was the schooner Hesperus, That sail'd in the wint'ry sea, And the skipper had ta'en his little daughterTo bear him company. เห็นไหมครับ sea กับ company สัมผัสแค่นี้ครับ อีกท่อนหนึ่งเขาบอกว่า Blue were her eyes, as the fairy flax,Her cheeks like the dawn of day, And her bosom white as the hawthorn buds That open in the month of May. เห็นไหมครับสัมผัสกันสองคำเท่านั้นเองครับ เอาอีกท่อนหนึ่งบอกว่า The skipper he stood beside the helm,With his pipe in his mouth, And watch'd hov, the veering flaw did blow.The smoke now west, now south.
เห็นไหมครับ mouth กับ south เท่านี้ละครับ 12 บรรทัด ฝรั่งสัมผัส 6 จุด แล้วดู 12 บรรทัดของสุนทรภู่สิครับว่า บัดเดี๋ยวดังหง่างเหง่งวังเวงแว่ว บรรทัดเดียวสัมผัสในตัวเรียกสัมผัสในครับ แว่ว ๆ สะดุ้งแล้วสัมผัสนอกครับ สะดุ้งแล้วเหลียวแลชะแง้หา เห็นไหมครับ เห็นโยคีขี่รุ้งพุ่งออกมา ประคองพาขึ้นไปยังบรรพต แล้วสอนว่าอย่าไว้ใจมนุษย์ มันแสนสุดลึกล้ำเหลือกำหนด เหมือนเถาวัลย์พันเกี่ยวที่เลี้ยวลด ยังไม่คดเหมือนหนึ่งในน้ำใจคน มนุษย์นี้ที่รักมีสองสถาน บิดามารดารักมักเป็นผล ที่พึ่งหนึ่งพึ่งได้แต่กายตน เกิดเป็นคนคิดเห็นจึงเจรจา 12 บรรทัดครับ สุนทรภู่สัมผัสหน้าสัมผัสหลังสัมผัสนอกสัมผัสใน ต้องบอกว่าเจ้านายพระองค์หนึ่งท่านเบื่อสัมผัส ท่านบอกท่านเบื่อสัมผัสของอีตาภู่ เป็นคำสบถของคนโบราณ เขายกป้ายก็ควรจะตอบคำถามหน่อย วันนี้ไม่มีอะไรรีบร้อนรีบเร่งครับ
ตอบคำถามประชาชน
คำถาม คุณสมศักดิ์จากกาฬสินธุ์ อยากให้ท่านนายกฯ ช่วยดูเรื่องปุ๋ยที่ประกาศใช้ในต้นปี 2551 ช่วยดูว่าจะทำอย่างไรถึงจะเหมาะสมกับประเทศเรา
นายกรัฐมนตรี สงสัยจะตื่นสายผมคุยไปเมื่อสักครู่นี้จบ ๆ ว่ากำลังจะส่งเสริมให้ใช้ปุ๋ยชีวภาพ ปุ๋ยออร์แกนิกส์ ในประเทศไทยผลิตแล้วครับ โรงงานอยู่กำลังดำเนินการ 2 โรง ปุ๋ยออร์แกนิกส์เขาไม่ได้เอามาเป็นกอง ๆ อย่างของเรา เป็นกระสอบแล้วไปสาด เป็นเม็ดครับ ปุ๋ยชีวภาพแต่ทำเป็นเม็ด แต่เขาเติมเคมีลงไปด้วย ปุ๋ยเคมีด้วย แต่มันไม่ได้แพงแบบปุ๋ยเคมี อย่างเขาเอาไปใส่ข้าว ตันหนึ่งเขาขาย 10,800 บาท ราคายุติธรรมครับ แต่เขาบอกถ้าต้องการถูกให้ซื้อทีละคันรถ ถามว่าคันรถละเท่าไร 15 ตัน ขายเท่าไรละ ตันละ 8,000 บาท ถ้าซื้อรวมกัน 15 ตันซื้อเป็นคันรถขาย 8,000 ซื้อปลีกขายตันละ 10,800 เห็นไหมครับถูกไป 2,800 บาท นี่คือสิ่งที่เราได้ค้นพบ เราได้พบว่าเมื่อเวลาของเคมีมันแพงแล้วไม่อยากให้ใช้ แต่ว่าทางนี้เขาผลิต เขาผลิตขายต่างประเทศครับ คนไทยไม่นิยมปุ๋ยอินทรีย์ นิยมปุ๋ยเคมี ผมถึงย้ำว่าจ่ายไป 4,000 กว่าล้านเพื่อบอกให้คนไทยรู้ว่าเรามาใช้ปุ๋ยอินทรีย์กันเถอะ นี่ละครับ พอโรยลงไปแล้ว 7 วันมันถึงจะเขียว แต่ว่ามันทำให้ดินดีครับ ผลิตผลออกมามากกว่าปุ๋ยเคมี จะเชื่อหรือไม่เชื่อก็ต้องว่ากันต่อไป เรื่องปุ๋ยเป็นเรื่องใหญ่ครับ กำลังนี้
คำถาม อยากให้รัฐบาลผลิตปุ๋ย พอปีหนึ่งก็จ่ายให้ประชาชน
นายกรัฐมนตรี เขาตั้งโรงงานครับ ผมจะตามไปดูครับ ตั้งโรงงานผลิตปุ๋ยจังหวัดละโรง ทำไม่ได้ไม่สำเร็จ จะดูสิว่าทำไม ของคนต่างประเทศลงทุน แต่คนไทย 2 โรง ส่งออกนอก แต่เขาเดือดร้อนเพราะปุ๋ยมาจากนอก ปุ๋ยเคมีมันแพง เขาถึงมาร้องทุกข์ผม เขาบอกมี 5 เสือ ผมบอกเอาละจะทำให้ 6 เสือ 7 เสือ แต่ซื้อมาแล้วไม่ต้องมาขายเป็นปุ๋ยเคมี แต่เอาไปผสมปุ๋ยอินทรีย์ เป้าหมายคือปุ๋ยอินทรีย์ครับ แต่ปุ๋ยจุลินทรีย์นั้นเป็นความตื่นเต้น อย่างที่เอามาถ่ายให้ดู ก็ต้องสนับสนุนเหมือนกัน เรื่องนี้ต้องดูทั้งสองอย่าง มีเวลาต่อไปข้างหน้าจะดูเรื่องปุ๋ย เพราะว่าเป็นหัวใจของการผลิต นอกจากน้ำ แต่ท่านอธิบดีท่านบอกต้องเรื่องน้ำ ดิน เรื่องพันธุ์ เรื่องสภาพดินฟ้าอากาศ ท่านเป็นนักวิชาการครับ
คำถาม คุณมณฑล กทม. สนามบินดอนเมืองมีพื้นที่ว่างอยู่ควรใช้ประโยชน์ก่อสร้างสถานที่ราชการดีกว่า
นายกรัฐมนตรี ไม่ละครับ คือไม่ได้ไปเกี่ยงไปเถียงอะไรกันเลย พยายามกำลังนี้ทางโน้นก็แน่นครับ ทางนี้กำลังถามว่าตัวทางนี้จะมาไหม กำลังเจรจาความกันอยู่นะครับว่าที่เขาเรียกว่า domestic คือภายในประเทศมาอยู่ไหม ที่ต้องการจะต่อเลยก็มี มี 10 ไฟลท์เอาไว้ทางโน้น 5 ทางนี้ 5 สำหรับไปเชียงใหม่ ไปภูเก็ต ไปเชียงราย ไปหาดใหญ่ อย่างนี้ก็เอาไว้ทางโน้น นอกนั้นแล้วที่จุดหมายอื่นมาขึ้นที่นี่เลย แล้วก็ low cost จะมาไหม แล้วก็ที่เขาเหมาลำแต่ก่อนลงที่อู่ตะเภา จะมาลงที่นี่ไหม เห็นแล้วเสียดายครับยังใช้ประโยชน์ได้ ท่านต้องไปยืนดูครับ ไม่ได้เลยถ้าเรื่องนี้ ใครไม่กล้าตัดสินใจ ผมตัดสินใจ เพราะผมไม่มีส่วนได้เสียอะไรด้วย
คำถาม คุณทองแดง ขอให้นายกฯ ส่งเสริมพลังงานทดแทน เช่น รถไฟฟ้า มอเตอร์ไซค์ไฟฟ้า แทนการใช้น้ำมัน
นายกรัฐมนตรี แน่นอนครับ มอเตอร์ไซค์ไฟฟ้า คือเรื่องที่คิดอยู่ในใจยังไม่อยากพูด เขาทำกันหมดที่ไหน ๆ เมืองจีนก็มีขาย ฝรั่งก็มีขายครับ ต้องใช้ เขาใช้แบตเตอรี่ ยกป้ายเหลือ 2 นาที
คำถาม ขอให้ช่วยดูแลปราบหวย 12 ตัว ออกกันเอง 30 นาทีออกครั้ง ทำให้ชาวบ้านออกหวยทั้งวัน ชาวบ้านติดกันงอมแงม หนี้สินเยอะแยะ
นายกรัฐมนตรี ผมจะบอกให้ฟังครับ ในตลาดออกหวยกันกลางตลาดครับ เดี๋ยวออก ๆ ผมจะทำอย่างไรละครับนี่ คนไทยเขาชอบกันอย่างนั้น ถ้าเขาทำหวยออนไลน์เสร็จในตลาดก็คงจะไม่สนุกเท่า แต่ว่า 15 วันออกทีก็พอสมควรแก่เหตุ เรื่องนี้เรื่องยาวครับ พูดไปแล้วเดี๋ยวก็
คำถาม คุณนิรันดร์ ขณะนี้ปั๊ม LPG ในกรุงเทพฯ ไม่มีแก๊สขายเลย ขาดทุนเดือดร้อน ไม่เป็นไรขอให้หาวิธีแก้
นายกรัฐมนตรี ไม่ต้องแก้หรอกครับ พรุ่งนี้ก็เป็นวันหยุด วันที่ 1 กรกฎาคม เขาปรับปรุงราคาก็ออกมาขายธรรมดา ต้องบอกเลยนะครับมันเป็นสันดานของคนพวกนี้ เล็ก ๆ น้อย ๆ นิด ๆ หน่อย ๆ แต่อยากว่านักพวกกักตุน คนที่อยากได้น้ำมันขึ้นราคาก็รีบไปเติม ก็เป็นความรู้สึกนึกคิด แต่ว่าที่ผมใช้คำว่าสันดานนั้นคือคนพวกที่ทำอย่างนี้ละครับ ไม่กี่วันนี่ละครับแล้วก็หากินกับตรงนี้ ทนสักวันสองวันเถอะครับ ดีไม่ดีหาเติมไม่ได้หยุดมันเลยวันจันทร์ วันอังคารก็ออกมาแล้วครับ ราคาใหม่ ไม่ได้แพงขึ้นไปเท่าไรหรอกครับ แต่บังเอิญเขากำหนดไว้ เขากำหนดล่วงหน้าไปครึ่งปีค่อนปีว่าวันนี้ เป็นสันดานของคนพวกนี้ละครับที่มันทำกัน ผมกล่าวหาได้เต็มที่เลย พอถึงวันอังคารวันที่ 1 ราคาเปลี่ยนใหม่ก็ออกมาก็มีใช้ ไม่ลำบากยากเข็ญอะไรนักหนา เป็นสันดานของพวกที่ทำมาหากินแบบเอาเปรียบ นิด ๆ หน่อย ๆ ก็เอา
คำถาม อยากให้รัฐบาลประกาศเรื่องการขึ้นราคาก๊าซ จะขึ้นเมื่อไร
นายกรัฐมนตรี เขาจะขึ้นวันที่ 1 นี้ละครับ เขาประกาศล่วงหน้าตั้งครึ่งปีนะครับ ก่อนผมเข้ามาเป็นรัฐบาล จะต้องปรับราคา แล้วต่อไปถึงปี 52 เขาก็จะขึ้นอีกครับ แต่ว่าขึ้นแล้วก็จะเป็นประมาณเศษ 1 ส่วน 3 ประมาณสัก 15 บาทไม่เกินทำนองนี้
คำถาม ขอให้ราคาข้าวมีราคาสูงตามน้ำมันด้วยเพื่อช่วยชาวนา
นายกรัฐมนตรี แน่นอนครับ ผมช่วยรักษาราคาชาวนา ขอประทานโทษเวลาหมดเรียบร้อยเพราะมัวแต่ไปคุยเรื่องสุนทรภู่ยาวไปหน่อย ก็ยังมีเวลาคุยกันอีกเยอะ พอมีเวลาครับ คงทำงานให้บ้านเมืองได้ยาวพอสมควรสุดแท้แต่ครับเรื่องพรรค์อย่างนี้ เรื่องอื่น ๆ ไม่คุยหรอกครับ ท่านก็รู้ว่าทำไมผมถึงไม่คุย ไม่จำเป็นต้องคุย รวมถึงเรื่องใครจะให้ปรับคณะรัฐมนตรี ผมพูดในสภาไว้แล้ว ไม่มาพูดซ้ำที่นี่หรอกครับ พาดหัวกันเอิกเกริกใหญ่โต พรรคร่วมรัฐบาลสั่งบีบให้ปรับ ไม่ปรับ ผมก็บอกว่าคอยดูแล้วเป็นอย่างไร มันสาระแนกันจริง ๆ เรื่องเสี้ยมให้เกิดอย่างโน้นอย่างนี้ คนนั่งเป็นรัฐมนตรีก็ต้องรู้ว่าข้างในเป็นอย่างไร แต่ว่าการที่ออกข่าวพาดหัวกัน ผมไม่ให้หนังสือพิมพ์มาสั่งว่าอะไรเป็นอะไรหรอกครับ ผมจะไม่ให้หนังสือพิมพ์มาพาดหัวสั่งแล้วรัฐมนตรีต้องทำ ไม่ละครับ ดูสิครับว่าใครจะแน่กว่ากัน ทำนายมาสิครับ จะปรับจะปรุงจะเปลี่ยนจะแปลงทำนายไปเลย แล้วหน้าแหกแล้วอายคนที่เขาซื้ออ่านบ้างก็แล้วกัน หมดเวลาแล้วครับ วันนี้ลาก่อนครับ อาทิตย์หน้าเจอกันใหม่ครับ สวัสดีครับ
--กลุ่มยุทธศาสตร์และแผนการประชาสัมพันธ์ สำนักโฆษก--