นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี ใช้สิทธิพาดพิงภายหลังจากที่นายถาวร เสนเนียม ส.ส.สงขลา พรรคประชาธิปัตย์ อภิปรายในประเด็นการจัดซื้อรถดับเพลิงฯ ของ กทม.
วันนี้ (26 มิ.ย.) ณ อาคารรัฐสภา นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี ชี้แจงโดยใช้สิทธิพาดพิงภายหลังจากที่นายถาวร เสนเนียม ส.ส.สงขลา พรรคประชาธิปัตย์ อภิปรายในประเด็นการจัดซื้อรถดับเพลิงฯ ของ กทม. ดังนี้
ท่านประธานที่เคารพ ผมนายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี ท่านสมาชิกที่ฟังผมอภิปรายดูเหมือนฟังแล้วจะไม่เข้าใจ ผมพูดชัดเจนเลยว่าถ้าโครงการยังไม่เริ่มจะไปตั้งบริษัทร่วมทุนกันตรงไหน ยังไม่ได้เริ่มทำอะไรยังไงเลย และเขาก็มีขั้นตอนของเขา เขามีคณะกรรมการ ๆ ส่งเข้ามา กรรมการเห็นชอบผมก็ส่งเข้ามา มาถึงเข้าคณะรัฐมนตรี (ครม.) ไม่ต้องขอบคุณ ครม. ครับ เพราะยังไม่ได้พิจารณาเลยครับ ต้องขอบคุณนายกรัฐมนตรีสิครับ เพราะว่าผมเป็นคนเอาออกเอง พูดภาษาไทยชัดเจนเลยว่าผมเป็นคนดึงเอาออกเอง ครม.ไม่ได้พิจารณาสักคำเดียว ก็ยังยืนยันไปขอบคุณรัฐมนตรีอยู่นั่น ชอบกลครับ เรื่องง่าย ๆ ขนาดนี้เอง
ผมจะบอกให้ฟังนะครับว่า เรื่องทั้งหมดที่ทำเขามีขั้นมีตอน ถ้าอยากจะอย่างนี้บ้างต้องรอหน่อยครับ ต้องเลือกตั้งใหม่ ต้องได้เสียงข้างมากและต้องเป็นรัฐบาล ไม่เป็นปัญหาละครับ เรื่องรถดับเพลิงผมก็ไม่เป็นปัญหาครับ เพราะอยู่ที่การพิจารณาของคณะกรรมการ คนเป็นผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครดำเนินการไป ทำไปเสร็จ แล้วก็เปิดแอลซี ผู้ว่า กทม. คนใหม่เข้ามาบอกโครงการนี้ต้องยกเลิกแอลซี จบไหมครับ จบ จบยังไม่พอนะครับ ยังอุตส่าห์ตั้งกรรมการพิจารณาโครงการอีก 3 เดือน คณะกรรมการพิจารณาเสร็จเรียบร้อยบอกว่าดำเนินการต่อไปได้ และผู้ว่าฯ ก็ไปเปิดแอลซีดำเนินการต่อไป แล้วยังไงครับ แล้วคนที่พิจารณาบอกว่า ผู้ว่าฯ ปัจจุบันคนนี้ไม่ผิดหรอก เพราะว่าถ้าไม่ทำตามนั้นจะต้องถูกกระทรวงมหาดไทยเล่นงาน แล้วผู้ว่าฯ สมัครไม่ได้อยู่ใต้มหาดไทยเหรอครับ และทำไมละครับรัฐบาลเขาส่งมาให้ รัฐบาลออกให้ 60 กทม. ออก 40 เพราะไม่เคยมีโครงการมาก่อน ก็ดำเนินการตามที่รัฐบาลส่งโครงการมา และก็ดำเนินการไปตามนั้น
ทางมหาดไทยส่งมาเราก็ทำตาม มหาดไทยสั่งนายสมัครทำ นายสมัครก็ดำเนินการทำ ผิดครับ แปลว่าผมเสร็จหน้าที่ไปหมดแล้วนะครับ ผมพ้นตำแหน่งตัวเลขถ้าไม่คล่องอย่ามาอวดในสภานะครับ วันที่ 27 ไม่ใช่วันสุดท้ายครับ วันสุดท้ายคือวันที่ 6 กันยายน 2547 วันที่เซ็นสัญญา 27 สิงหาคม 2547 แล้วก่อนจะเซ็นเขียนจดหมายไปถามคณะกรรมการกฤษฎีกาว่าเซ็นได้หรือไม่ กฤษฎีกาบอกว่าบอกตั้งหลายครั้งแล้วว่าไม่มีการรักษาการ เพราะมีคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) แล้ว อาจจะต้องรออีกครึ่งปีก็ได้ เพราะฉะนั้น ต้องเซ็นได้ ผมก็เซ็นตามหน้าที่เพราะทำมาตลอด ทำมาจนเสร็จ จะมาปล่อยให้คนใหม่เซ็นทำไม ผมก็เซ็นเพราะความรับผิดชอบ แล้วมาถึงผมก็ขอบคุณ เพราะว่าผมต้องพ้นความรับผิดชอบครับ จะวินิจฉัยอย่างไรก็ตามแต่ เขาให้เปิดแอลซีภายใน 30 วัน ผมก็เปิดแอลซีไป ผู้ว่าฯ เข้ามาก็ยกเลิกแอลซี แล้วผู้ว่าฯ ก็ไปเปิดแอลซี แล้ววันหนึ่งรองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์เขียนจดหมายวันที่ 4 ตุลาคม 2547 บอกเลยว่าโครงการนี้ไม่ดี ของสเปนเขาถูกกว่าก็ไม่เอา ขอให้ยกเลิกโครงการยกเลิกแอลซี ผู้ว่าฯ ยกเลิกแอลซีครับ แต่โครงการตั้งคณะกรรมการให้มาตรวจสอบ พิจารณากันอยู่ 3 เดือน
เสร็จเรียบร้อยแล้วเป็นยังไงครับ ผู้ว่าฯ ก็เปิดแอลซี เปิดวันไหนครับ เปิดแอลซีในรถยนต์ที่ขณะไฟไหม้วัดใกล้ ๆ หัวลำโพง เซ็นในรถครับ ผู้ว่าฯ เซ็นก่อนปลัดอีก ปลัดเซ็นทีหลัง และทำยังไงเซ็นเสร็จแล้วเปิดแอลซี และก็เจรจากับเขาอยู่ปีหนึ่งกับ 4 เดือน เจรจาความส่งคนไปตรวจรถต้นแบบ ส่งคนไปดูต่อรองเดี๋ยวก็มาโอดว่ารถดีอย่างนั้น อีกปีกับ 4 เดือนครับ พอเขาส่งรถมา เขาบอกว่าต้องเสียภาษี เพราะว่าตอนซื้อ ตำรวจเป็นออกสเป็ก ตำรวจก็ไม่คำนึงถึงภาษี แต่เขาบอกราคานี้ไม่รวมภาษี เมื่อส่งรถมาแล้ว ไม่รวมภาษี เขาก็เอาภาษี รัฐบาลเขาก็ออกภาษีให้ คนทางซีกรัฐบาลเองละครับ ไปด่ากันเอง จะด้วยเหตุอะไรไม่ทราบได้ รองโฆษกก็มาร่วมมือกัน ล่อกันเข้าไปใหญ่ มันเกิดเหตุอย่างนี้ ด่ากันไปด่ากันมา เลยไปที่ดีเอสไอ (กรมสอบสวนคดีพิเศษ) ดีเอสไอก็เรียกไปสอบ สอบเสร็จเรียบร้อย เขาบอกเขากันผมไว้เป็นพยาน เสร็จเรียบร้อยแล้ว
ปรากฏว่าเกิดปฏิวัติ มีตั้ง คตส. (คณะกรรมการตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ) อะไรที่เกี่ยวกับอดีตนายกฯ ทักษิณ (พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี) ต้องจัดการหมด และก็ขอคดีไปว่ามีอะไร ก็บอกมีรถดับเพลิง ดีเอสไอท่านก็ดี เขาส่งไป 2 คดี คดีหนึ่งก็ 6,700 ล้าน ซื้อรถดับเพลิง อีกคดีหนึ่งซื้อที่กระทรวงมหาดไทย ใครขายก็ไม่ทราบนะครับ 2,600 ล้านครับ 2 คดี คตส.บอกเอาแต่อันนี้ อีกอันใครขายไม่ทราบครับ ไม่เอา ยังหมกอยู่จนป่านนี้ เหมือนกันครับ คดีอีก 20,000 ล้านที่ กทม. ก็เอาไปหมกไว้ที่ คตส. ไม่ไปหมกไว้ที่ ป.ป.ช. (คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ) ไม่เอามาครับ แต่คดีนี้เอามาทำดำเนินการ มาดำเนินการผู้ว่าฯ เหมือนกัน ผู้ว่าฯ คนหนึ่งบอกไม่ทำไม่ได้ ประเดี๋ยวเขาไล่ออก แต่ผู้ว่าฯ คนหนึ่งทำตามที่เขาบอก โดนคดีด้วย ผมไม่เข้าใจว่าบ้านเมืองนี้เกิดอะไรขึ้นยังไง
ผมจะบอกให้ฟังนะครับเรื่องที่จะต้องนั่งพิจารณา เพราะว่าเขาเอารถมาสั่งหลังจากเจรจากันอยู่ 14 เดือน ตรวจต้นแบบ ดูรถกันหมด มาส่งก็ด่ากันไปด่ากันมา ไม่รับรถซะทื่อ ๆ อย่างนั้น งวดแรก 150 คัน ไม่รับทิ้งไว้ตรงนั้นละครับ สนิมขึ้นอะไรต่าง ๆ และงวดที่ 2 มาไม่รับอีกครับ ถึงเวลาจ่ายเงินงวดแรก ก็งวดแรกจ่ายเงินเขาไปครับ ทำไมจ่ายเงิน ก็ยังหาความผิดอะไรกับเขาไม่ได้ เลยต้องจ่ายเงิน งวด 2 จ่ายแล้วครับ เดือนกุมภาพันธ์ปีหน้าก็งวด 3 ครับ เงินจ่ายแต่รถทิ้งไว้ครับ ซื้อมา 300 กว่าคัน รถดับเพลิงใน กทม. มี 35 คัน จุฬาฯ เขาเป็นคนคิดให้แต่ก่อน 240 ตารางกิโลเมตร เดี๋ยวนี้ 1,568 ตารางกิโลเมตร ก็ให้เพิ่มเป็น 70 สถานี เขาซื้อรถมา เขาจะต้องทำให้มี 70 สถานี แล้วนี่ทำไหมครับ ไม่ทำละครับ แล้วรถก็ทิ้งไว้เฉย ๆ แต่เงินจ่าย และจะถามว่าใครรับผิดชอบครับ นายสมัครอดีตผู้ว่าฯ หรือเปล่าครับ
เรื่องนี้เป็นเรื่องประหลาด ขอบคุณจริง ๆ นะครับที่พูดพาดพิงถึงผม เลยมีโอกาสให้ผู้คนทั้งบ้านทั้งเมืองได้รู้ว่าเรื่องรถดับเพลิงมันเป็นอย่างนี้ มันไม่เข้าท่าแบบนี้ ของจะซื้อมาใช้จะอะไรต่าง ๆ มันต้องใช้ครับ คดีความทำไว้ แต่รถต้องได้ใช้ครับ ลองไฟไหม้ในกรุงเทพฯ พร้อม ๆ กัน 20-30 แห่ง แล้วทำยังไงครับ มีรถจอดอยู่แต่ไม่ใช้ เพราะเป็นคดีความ แล้วเงินจ่ายไหม จ่ายครับ ใครจ่ายครับ ผู้ว่าฯ ปัจจุบัน ประหลาดไหมครับ แต่อดีตผู้ว่าฯ คือนายสมัคร เขาบอกให้เปิดแอลซีใน 30 วัน เปิดแล้วก็ออกมา ผู้ว่าฯ คนใหม่มาก็ดีครับ ยกเลิกแอลซี ผมก็ต้องพ้นหน้าที่สิครับ แต่ยังลากเอาผมอยู่อย่างนี้ละครับ คนที่มาทำให้พัวพันกับบอกถ้าไม่ทำ เดี๋ยวรัฐมนตรีไล่ออก แต่คนที่พ้นไปแล้วบอกว่าต้องรับผิดชอบ ขอบคุณนะครับ ก็ออกชื่อหน่อย ขอบคุณคุณถาวร เสนเนียม ที่ได้กรุณาเอ่ยเรื่องรถดับเพลิง ทำให้ผมได้มีโอกาสให้คนทั้งบ้านทั้งเมืองได้รู้เลยครับว่าเรื่องรถดับเพลิงเป็นยังไง และข้อความต้องจำดีเท่าผมนะครับ 27 สิงหาคม ยังอยู่ครับ ไม่ได้รักษาการ เป็นผู้ว่า กทม. ผมพ้นตำแหน่งวันที่ 6 กันยายน เรื่องพรรค์อย่างนี้ผมแม่น ขอบคุณครับ
--กลุ่มยุทธศาสตร์และแผนการประชาสัมพันธ์ สำนักโฆษก--
วันนี้ (26 มิ.ย.) ณ อาคารรัฐสภา นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี ชี้แจงโดยใช้สิทธิพาดพิงภายหลังจากที่นายถาวร เสนเนียม ส.ส.สงขลา พรรคประชาธิปัตย์ อภิปรายในประเด็นการจัดซื้อรถดับเพลิงฯ ของ กทม. ดังนี้
ท่านประธานที่เคารพ ผมนายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี ท่านสมาชิกที่ฟังผมอภิปรายดูเหมือนฟังแล้วจะไม่เข้าใจ ผมพูดชัดเจนเลยว่าถ้าโครงการยังไม่เริ่มจะไปตั้งบริษัทร่วมทุนกันตรงไหน ยังไม่ได้เริ่มทำอะไรยังไงเลย และเขาก็มีขั้นตอนของเขา เขามีคณะกรรมการ ๆ ส่งเข้ามา กรรมการเห็นชอบผมก็ส่งเข้ามา มาถึงเข้าคณะรัฐมนตรี (ครม.) ไม่ต้องขอบคุณ ครม. ครับ เพราะยังไม่ได้พิจารณาเลยครับ ต้องขอบคุณนายกรัฐมนตรีสิครับ เพราะว่าผมเป็นคนเอาออกเอง พูดภาษาไทยชัดเจนเลยว่าผมเป็นคนดึงเอาออกเอง ครม.ไม่ได้พิจารณาสักคำเดียว ก็ยังยืนยันไปขอบคุณรัฐมนตรีอยู่นั่น ชอบกลครับ เรื่องง่าย ๆ ขนาดนี้เอง
ผมจะบอกให้ฟังนะครับว่า เรื่องทั้งหมดที่ทำเขามีขั้นมีตอน ถ้าอยากจะอย่างนี้บ้างต้องรอหน่อยครับ ต้องเลือกตั้งใหม่ ต้องได้เสียงข้างมากและต้องเป็นรัฐบาล ไม่เป็นปัญหาละครับ เรื่องรถดับเพลิงผมก็ไม่เป็นปัญหาครับ เพราะอยู่ที่การพิจารณาของคณะกรรมการ คนเป็นผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครดำเนินการไป ทำไปเสร็จ แล้วก็เปิดแอลซี ผู้ว่า กทม. คนใหม่เข้ามาบอกโครงการนี้ต้องยกเลิกแอลซี จบไหมครับ จบ จบยังไม่พอนะครับ ยังอุตส่าห์ตั้งกรรมการพิจารณาโครงการอีก 3 เดือน คณะกรรมการพิจารณาเสร็จเรียบร้อยบอกว่าดำเนินการต่อไปได้ และผู้ว่าฯ ก็ไปเปิดแอลซีดำเนินการต่อไป แล้วยังไงครับ แล้วคนที่พิจารณาบอกว่า ผู้ว่าฯ ปัจจุบันคนนี้ไม่ผิดหรอก เพราะว่าถ้าไม่ทำตามนั้นจะต้องถูกกระทรวงมหาดไทยเล่นงาน แล้วผู้ว่าฯ สมัครไม่ได้อยู่ใต้มหาดไทยเหรอครับ และทำไมละครับรัฐบาลเขาส่งมาให้ รัฐบาลออกให้ 60 กทม. ออก 40 เพราะไม่เคยมีโครงการมาก่อน ก็ดำเนินการตามที่รัฐบาลส่งโครงการมา และก็ดำเนินการไปตามนั้น
ทางมหาดไทยส่งมาเราก็ทำตาม มหาดไทยสั่งนายสมัครทำ นายสมัครก็ดำเนินการทำ ผิดครับ แปลว่าผมเสร็จหน้าที่ไปหมดแล้วนะครับ ผมพ้นตำแหน่งตัวเลขถ้าไม่คล่องอย่ามาอวดในสภานะครับ วันที่ 27 ไม่ใช่วันสุดท้ายครับ วันสุดท้ายคือวันที่ 6 กันยายน 2547 วันที่เซ็นสัญญา 27 สิงหาคม 2547 แล้วก่อนจะเซ็นเขียนจดหมายไปถามคณะกรรมการกฤษฎีกาว่าเซ็นได้หรือไม่ กฤษฎีกาบอกว่าบอกตั้งหลายครั้งแล้วว่าไม่มีการรักษาการ เพราะมีคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) แล้ว อาจจะต้องรออีกครึ่งปีก็ได้ เพราะฉะนั้น ต้องเซ็นได้ ผมก็เซ็นตามหน้าที่เพราะทำมาตลอด ทำมาจนเสร็จ จะมาปล่อยให้คนใหม่เซ็นทำไม ผมก็เซ็นเพราะความรับผิดชอบ แล้วมาถึงผมก็ขอบคุณ เพราะว่าผมต้องพ้นความรับผิดชอบครับ จะวินิจฉัยอย่างไรก็ตามแต่ เขาให้เปิดแอลซีภายใน 30 วัน ผมก็เปิดแอลซีไป ผู้ว่าฯ เข้ามาก็ยกเลิกแอลซี แล้วผู้ว่าฯ ก็ไปเปิดแอลซี แล้ววันหนึ่งรองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์เขียนจดหมายวันที่ 4 ตุลาคม 2547 บอกเลยว่าโครงการนี้ไม่ดี ของสเปนเขาถูกกว่าก็ไม่เอา ขอให้ยกเลิกโครงการยกเลิกแอลซี ผู้ว่าฯ ยกเลิกแอลซีครับ แต่โครงการตั้งคณะกรรมการให้มาตรวจสอบ พิจารณากันอยู่ 3 เดือน
เสร็จเรียบร้อยแล้วเป็นยังไงครับ ผู้ว่าฯ ก็เปิดแอลซี เปิดวันไหนครับ เปิดแอลซีในรถยนต์ที่ขณะไฟไหม้วัดใกล้ ๆ หัวลำโพง เซ็นในรถครับ ผู้ว่าฯ เซ็นก่อนปลัดอีก ปลัดเซ็นทีหลัง และทำยังไงเซ็นเสร็จแล้วเปิดแอลซี และก็เจรจากับเขาอยู่ปีหนึ่งกับ 4 เดือน เจรจาความส่งคนไปตรวจรถต้นแบบ ส่งคนไปดูต่อรองเดี๋ยวก็มาโอดว่ารถดีอย่างนั้น อีกปีกับ 4 เดือนครับ พอเขาส่งรถมา เขาบอกว่าต้องเสียภาษี เพราะว่าตอนซื้อ ตำรวจเป็นออกสเป็ก ตำรวจก็ไม่คำนึงถึงภาษี แต่เขาบอกราคานี้ไม่รวมภาษี เมื่อส่งรถมาแล้ว ไม่รวมภาษี เขาก็เอาภาษี รัฐบาลเขาก็ออกภาษีให้ คนทางซีกรัฐบาลเองละครับ ไปด่ากันเอง จะด้วยเหตุอะไรไม่ทราบได้ รองโฆษกก็มาร่วมมือกัน ล่อกันเข้าไปใหญ่ มันเกิดเหตุอย่างนี้ ด่ากันไปด่ากันมา เลยไปที่ดีเอสไอ (กรมสอบสวนคดีพิเศษ) ดีเอสไอก็เรียกไปสอบ สอบเสร็จเรียบร้อย เขาบอกเขากันผมไว้เป็นพยาน เสร็จเรียบร้อยแล้ว
ปรากฏว่าเกิดปฏิวัติ มีตั้ง คตส. (คณะกรรมการตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ) อะไรที่เกี่ยวกับอดีตนายกฯ ทักษิณ (พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี) ต้องจัดการหมด และก็ขอคดีไปว่ามีอะไร ก็บอกมีรถดับเพลิง ดีเอสไอท่านก็ดี เขาส่งไป 2 คดี คดีหนึ่งก็ 6,700 ล้าน ซื้อรถดับเพลิง อีกคดีหนึ่งซื้อที่กระทรวงมหาดไทย ใครขายก็ไม่ทราบนะครับ 2,600 ล้านครับ 2 คดี คตส.บอกเอาแต่อันนี้ อีกอันใครขายไม่ทราบครับ ไม่เอา ยังหมกอยู่จนป่านนี้ เหมือนกันครับ คดีอีก 20,000 ล้านที่ กทม. ก็เอาไปหมกไว้ที่ คตส. ไม่ไปหมกไว้ที่ ป.ป.ช. (คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ) ไม่เอามาครับ แต่คดีนี้เอามาทำดำเนินการ มาดำเนินการผู้ว่าฯ เหมือนกัน ผู้ว่าฯ คนหนึ่งบอกไม่ทำไม่ได้ ประเดี๋ยวเขาไล่ออก แต่ผู้ว่าฯ คนหนึ่งทำตามที่เขาบอก โดนคดีด้วย ผมไม่เข้าใจว่าบ้านเมืองนี้เกิดอะไรขึ้นยังไง
ผมจะบอกให้ฟังนะครับเรื่องที่จะต้องนั่งพิจารณา เพราะว่าเขาเอารถมาสั่งหลังจากเจรจากันอยู่ 14 เดือน ตรวจต้นแบบ ดูรถกันหมด มาส่งก็ด่ากันไปด่ากันมา ไม่รับรถซะทื่อ ๆ อย่างนั้น งวดแรก 150 คัน ไม่รับทิ้งไว้ตรงนั้นละครับ สนิมขึ้นอะไรต่าง ๆ และงวดที่ 2 มาไม่รับอีกครับ ถึงเวลาจ่ายเงินงวดแรก ก็งวดแรกจ่ายเงินเขาไปครับ ทำไมจ่ายเงิน ก็ยังหาความผิดอะไรกับเขาไม่ได้ เลยต้องจ่ายเงิน งวด 2 จ่ายแล้วครับ เดือนกุมภาพันธ์ปีหน้าก็งวด 3 ครับ เงินจ่ายแต่รถทิ้งไว้ครับ ซื้อมา 300 กว่าคัน รถดับเพลิงใน กทม. มี 35 คัน จุฬาฯ เขาเป็นคนคิดให้แต่ก่อน 240 ตารางกิโลเมตร เดี๋ยวนี้ 1,568 ตารางกิโลเมตร ก็ให้เพิ่มเป็น 70 สถานี เขาซื้อรถมา เขาจะต้องทำให้มี 70 สถานี แล้วนี่ทำไหมครับ ไม่ทำละครับ แล้วรถก็ทิ้งไว้เฉย ๆ แต่เงินจ่าย และจะถามว่าใครรับผิดชอบครับ นายสมัครอดีตผู้ว่าฯ หรือเปล่าครับ
เรื่องนี้เป็นเรื่องประหลาด ขอบคุณจริง ๆ นะครับที่พูดพาดพิงถึงผม เลยมีโอกาสให้ผู้คนทั้งบ้านทั้งเมืองได้รู้ว่าเรื่องรถดับเพลิงมันเป็นอย่างนี้ มันไม่เข้าท่าแบบนี้ ของจะซื้อมาใช้จะอะไรต่าง ๆ มันต้องใช้ครับ คดีความทำไว้ แต่รถต้องได้ใช้ครับ ลองไฟไหม้ในกรุงเทพฯ พร้อม ๆ กัน 20-30 แห่ง แล้วทำยังไงครับ มีรถจอดอยู่แต่ไม่ใช้ เพราะเป็นคดีความ แล้วเงินจ่ายไหม จ่ายครับ ใครจ่ายครับ ผู้ว่าฯ ปัจจุบัน ประหลาดไหมครับ แต่อดีตผู้ว่าฯ คือนายสมัคร เขาบอกให้เปิดแอลซีใน 30 วัน เปิดแล้วก็ออกมา ผู้ว่าฯ คนใหม่มาก็ดีครับ ยกเลิกแอลซี ผมก็ต้องพ้นหน้าที่สิครับ แต่ยังลากเอาผมอยู่อย่างนี้ละครับ คนที่มาทำให้พัวพันกับบอกถ้าไม่ทำ เดี๋ยวรัฐมนตรีไล่ออก แต่คนที่พ้นไปแล้วบอกว่าต้องรับผิดชอบ ขอบคุณนะครับ ก็ออกชื่อหน่อย ขอบคุณคุณถาวร เสนเนียม ที่ได้กรุณาเอ่ยเรื่องรถดับเพลิง ทำให้ผมได้มีโอกาสให้คนทั้งบ้านทั้งเมืองได้รู้เลยครับว่าเรื่องรถดับเพลิงเป็นยังไง และข้อความต้องจำดีเท่าผมนะครับ 27 สิงหาคม ยังอยู่ครับ ไม่ได้รักษาการ เป็นผู้ว่า กทม. ผมพ้นตำแหน่งวันที่ 6 กันยายน เรื่องพรรค์อย่างนี้ผมแม่น ขอบคุณครับ
--กลุ่มยุทธศาสตร์และแผนการประชาสัมพันธ์ สำนักโฆษก--