นายกรัฐมนตรีใช้สิทธิพาดพิงภายหลังนายถาวร เสนเนียม ส.ส.สงขลา พรรคประชาธิปัตย์ อภิปรายในประเด็นการเช่าซื้อรถเมล์ 6,000 คันขององค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) มาวิ่งให้บริการ
วันนี้ (26 มิ.ย.) ณ อาคารรัฐสภา นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี ชี้แจงโดยใช้สิทธิพาดพิงภายหลังนายถาวร เสนเนียม ส.ส.สงขลา พรรคประชาธิปัตย์ อภิปรายในประเด็นการเช่าซื้อรถเมล์ 6,000 คันขององค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) มาวิ่งให้บริการ ดังนี้
ชี้แจงช่วงที่ 1
ท่านประธานที่เคารพ ผมสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี ผมฟังท่านผู้อภิปรายก่อนหน้านี้ พูดแล้วก็วนไปวนมากลับมาที่เก่า ไม่เข้าใจว่าท่านไม่เข้าใจภาษาที่รัฐมนตรีช่วยพูด หรือนายกรัฐมนตรีพูดหรืออย่างไร คณะรัฐมนตรี (ครม.) นั้นนายกรัฐมนตรีเห็นว่าเพื่อให้ครม.ได้อ่านถี่ถ้วน จึงให้เอากลับออกไปทำใหม่สำหรับการประมูล เพราะถ้อยคำเขาเขียนว่า บริษัทเดียว เอามาพูดจากันก็บอกว่าเลือกบริษัทไว้แล้ว ความจริงคำว่าบริษัทเดียว หมายความว่าจะเปิดการประมูลอย่างไรก็ตามแต่ บริษัทเดียวมาทำ จะเห็นชอบไม่เห็นชอบ ก็ยังไม่นั่น ผมก็บอกให้เอาไปดูสิว่าวิธีการประมูลจะทำอะไรอย่างไร ทั้งหมดเป็นโครงการครับ และถ้าไม่เริ่มต้นอย่างนี้จะเริ่มต้นตรงไหนครับ และก็ดำเนินการให้เห็นกันอย่างนี้ ก็จะตามตรวจสอบได้ แต่พูดไปพูดมาก็กล่าวหา คือกล่าวหาตั้งแต่ยังไม่ได้ลงมือโครงการ
เมื่อสักครู่นี้ที่เขาพูด ผมนั่งฟังตลอด เข้าใจเรื่องเรียบร้อยหมด ทำไมถึง 6,000 คันครับ ก็ถามไปว่าเส้นทาง ทั้งหมดนี้ใช้รถประมาณ 6,000 คัน เขาก็ยืนยันว่ารถร้อนของเอกชนก็ยังวิ่งอยู่ แล้วอย่างไรละครับ เขาบอกว่าไม่ได้เงินงบประมาณ เขาบอกเขาต้องเอาคนที่เก็บตั๋วออกไป เขาจะให้เงินกันคนละเท่าไรอย่างไร เขาต้องการเอาคนออกประมาณสักครึ่งหนึ่ง เพื่อจะให้มีความปลอดภัย คือไม่มีใครมาทุจริตกันได้ต่อไปอีก เขาพูดจาชัดเจนว่าไม่ได้ใช้เงินงบประมาณ เพียงแต่ว่าในการแก้ไขปัญหานี้กระทรวงการคลังจะต้องอย่างนั้น ๆ ๆ เขาเป็นข้อแม้ ถ้า ครม.ไม่เห็นชอบก็ผ่านไม่ได้ครับเรื่องนี้ ยังไม่ได้เข้าครม.นะครับ ผมสนใจสำนวนนี้ ชงเองกินเองนี่ สำนวนสำหรับคนที่คล่องแคล่วกับเรื่องทำมาหากินอย่างนี้ครับ แต่คนระดับผมไม่ชงครับ ผมไม่ชงครับ เพราะฉะนั้น สำนวนนี้ผมไม่เคยใช้เลย ชงเองกินเอง พูดแล้วพูดอีก 3 หน คนที่ทำต้องเข้าใจคำนี้ดีครับ แต่ผมไม่ชอบ เพราะว่าผมไม่เคยชง และผมไม่ต้องคิดเรื่องพรรค์อย่างนี้เลย
ผมทำงานเพื่องาน และผมรู้ว่าเข้ามาอย่างนี้โกหกสกปรกอย่างไรก็โดนฟัด เรื่องพรรค์อย่างนี้พูดกันตรงไปตรงมายังไม่เข้าใจ อธิบายความทั้งหมดไม่เข้าใจ โครงการเมื่อสักครู่นี้คนทั้งบ้านทั้งเมืองฟังเข้าใจ จะบอกให้ฟังนะครับว่าเขาเก็บเงินราคาเท่านั้น เขาต้องบอกว่าเช้าก็ขึ้นเย็นก็ขึ้น และจะใช้ได้ทั้งวัน จะขึ้นสายไหนต่อสายไหน พูดอยากให้ฟังง่าย ๆ อย่างนี้ครับ รถเมล์ 8 บาท ขึ้นสายนี้ 8 บาท ๆ ๆ ๆ ต่อไป 3 สายขึ้น 8 คูณ 3 เท่ากับ 24 ต่อไปขึ้น 3 สายคิดเงินแค่ 15 บาท ถ้าหากว่าเป็นตั๋วเดือนเป็นนักเรียนก็แค่ 600 บาทลดลงมาอีก เป็นนักเรียนเล็กก็ 300 บาท อาวุโสก็ครึ่งราคา เขาก็ดำเนินการ ทุกอย่างยังไม่เป็นตัวเลขอะไรทั้งนั้น แต่ต้องคิดให้ฟังครับ ต้องบอกเลยจะต้องใช้รถ จะต้องใช้แก๊ส ไม่ใช้คนเก็บเงิน ใช้แต่กระเป๋า ต้องดูเส้นทางต้องปรับเส้นทาง ต้องคำนวณให้เห็นเลยว่าไม่เอางบประมาณมา เพราะคนต่างจังหวัดเสียภาษี คนกรุงเทพฯ จะได้ประโยชน์ ก็ไม่ทำ แก้ปัญหาด้วยตัวของเราเอง ก็ต้องมีบ้างตามสมควรที่กระทรวงการคลังจะต้องดูแลเรื่องนั้นเรื่องนี้ พูดกันอย่างนี้อธิบายทั้งหมดเรียบร้อย ก็ขึ้นมาอย่างนั้นอีก ขึ้นมาก็พูดจาพัวพันกลับไปอย่างเดิมอีก
ผมต้องพูดเรื่องนี้ให้ฟังเท่านั้นละครับ อย่างกรณีสนามบินสุวรรณภูมิ เมื่อสักครู่นี้ เขาบอกแล้วมีเฟส 1 เฟส 2 เฟส 3 เขามีบอร์ดของเขาอยู่ บอร์ดกลับมาดูก็ดี ก็ให้บอร์ดเขาดู แต่ว่าอนุมัติต้องอนุมัติโดย ครม. ก็เท่านั้นเองละครับ ของพรรค์อย่างนี้ผมก็ไม่อยากไปรื้อฟื้นเรื่องสนามบิน สนามบิน 3 ล้าน เสีย 2 ล้าน ต้องลงไม่ได้แล้วครับ ถ้าเสียอย่างนั้นละก็ เครื่องบินลำเป็นพัน ๆ ล้าน บริษัทประกันภัยเขาไม่ให้ลงละครับ ถ้าเป็นความจริง ภาพวันเปิดวีไอพีอยู่บนเครื่องบิน 747 กำลังจะลงมาและมีคนไปยืนเข้าแถวบอกให้ตก ๆ ๆ ๆ ภาพนั้นผมไม่เคยคาดคิดเลยว่าในบ้านเมืองนี้จะมีคนซึ่งมีพฤติการณ์อย่างนั้นครับ นายกรัฐมนตรีอยู่ข้างบนนั้นเขาต้องการจะทดสอบว่าอันนี้ละครับถ้าเสียหาย นายกฯ ต้องตายก่อนเพื่อน ตายก็ตายทั้งลำถ้าไม่ดี เขาจะมีบินมาลง มีคนไปยืนเข้าแถวครับ และก็ทำบอกให้ตก ๆ ๆ ๆ แช่งให้เครื่องบินที่จะลงตก ผมเกิดมาไม่เคยคิดว่าจะได้เห็นภาพอย่างนี้
ผมจะบอกให้ฟังถ้าจะแกะสะเก็ดกันละก็ สนามบินนี้อายุ 48 ปีกว่าเสร็จ ตอนจะลงมือสร้างบางคนยังไม่เกิดครับ 48 ปี แล้วทำกันมาเรื่อย ถ้าจะขอบคุณต้องขอบคุณท่านอดีตนายกฯ บรรหาร (นายบรรหาร ศิลปอาชา) ท่านเป็นคนบอกว่าเอาซะที จ้างออกแบบ ต้องขอบคุณหลายคนนะครับ จนกระทั่งมาถึงพรรคประชาธิปัตย์ซึ่งดูแลบ้านเมืองนี้อยู่เมื่อ พ.ศ. 2541 2542 2543 3 ปี จะฟังรายละเอียดตรงนี้ไหมครับ บริษัทที่ปรึกษาไม่ใช่พรรคนี้ เขาจ้างไว้ราคา 914 ล้าน ที่ปรึกษาทำงาน 7 ปี เมื่อตอนสุดท้ายเข้ามานั้น ถึงพรรคประชาธิปัตย์เป็นคนบริหารการนี้ ทำสนามบินนี่ละครับ จะต้องจ้างต่อ 914 ถ้าคิดกันธรรมดา ถ้าจ้างเขาทำงานต่ออีก 7 ปีก็เพิ่มสัก 10 เปอร์เซ็นต์ จะประมาณ 1,000 ล้าน ทำงานต่อ 7 ปี ทำมาแล้ว 7 ปี ต้องไปอีก 7 ปี แล้วเป็นอย่างไรครับไม่เลยครับ ท่านรัฐมนตรีบอกว่าจ้างบริษัทใหม่ แต่ก่อนจ้างบริษัท PMC วิธีพิเศษ ราคาเท่าไรครับ 1,700 ล้าน เฉย ๆ เลยครับ
บริษัทนี้เข้ามาเป็นอย่างไรครับ เข้ามาปั่นป่วนเลย คุณบรรหารฯ ให้ออกแบบไว้ มีคนต่อจากคุณบรรหารฯ ก็ให้มีกำหนดราคา ประเมินราคาก่อสร้าง 45,000 ล้าน ก็ประมูลกัน เปิดการประมูล ก่อนจะประมูล บริษัทที่เป็นที่ปรึกษาที่พรรคประชาธิปัตย์เอาเข้ามานี่ละครับ ที่ควรจะจ้างสัก 1,000 ไปจ้าง 1,700 เขาบอกไหนเอาแบบมาดูสิ ออกแบบวิลิสมาหราอย่างนี้ไม่ได้หรอก ประเมินราคาเท่าไร 74,000 ประเมินราคากลางที่จะประมูล 45,000 เขาบอกไม่ได้อย่างนี้ต้อง 74,000 ตกลงในการจะยื่นราคามี 2 ราคาในราคาประเมิน ประมูลเสร็จแล้วเท่าไรทราบไหมครับ พรรคประชาธิปัตย์เป็นคนจัดการนะครับ ประมูลได้ราคา 54,000 ราคาประมาณการ 45,000
ประมูลเสร็จเรียบร้อยเลือกตั้งพอดีครับ ถ้าหากพรรคประชาธิปัตย์ชนะเลือกตั้ง ก็ต้องสร้างในราคา 54,000 บังเอิญพรรคประชาธิปัตย์ไม่ชนะเลือกตั้งครับ ท่านรัฐมนตรีประกาศเลยว่าราคาประมาณไว้ 45,000 เกินบาทเดียวก็ไม่ให้สร้าง และเขาแก้ไขอย่างไรครับ มีคนกลางทำงานอยู่ชื่อพลเอก มงคล อัมพรพิสิฐฏ์ คนนี้ละครับเป็นคนจัดการดู บอกว่าถ้าจะล็อกกันแบบนี้ เขาแก้ปัญหาอย่างเดียวครับ ราคาที่ทำที่แพงนี่ เพราะทุกอย่างสั่งนอกหมด แก้เพียงแต่ว่าอะไรที่ผลิตได้ในประเทศไทย คุณภาพเท่าของนอก ให้ใช้ในประเทศไทยได้ แล้วเปิดประมูลเลย จาก 45,000 ได้ 36,666 นั่นละครับถูกด่าเสียไม่มีชิ้นดีเลย และก็ดำเนินการมาถูกต้องแล้วครับ ราคามันต้องเพิ่ม เพราะมีส่วนอื่น ๆ นอกจากนั้น กว่าจะเสร็จต้องเติมนั่นเติมนี่ ไม่ผิดหรอกครับ แต่อย่างไรก็ยังดีกว่า ถ้าเผื่อ 54,000 ก็ต้องต่อเติมไปอีกเหมือนกัน
อย่างนี้ละครับ ก็เห็น ๆ กันอยู่ และคนที่สร้างเสร็จถูกด่าเสียไม่มีชิ้นเลย ก่อนจะเปิดแทบเอาตัวไม่รอด วันเปิดอุตส่าห์บอกสนามบินรันเวย์ร้าว ด่ากันทั่วไปหมด เชื่อไหมครับเครื่องบินใหญ่ที่สุดในโลก แอร์บัส 380 มาลงที่ประเทศไทย มาลงในกำลังที่ออกข่าวกันว่าสนามบินร้าวนั่นละครับ ลงมาเยี่ยมก่อนแล้วก็ไปสิงคโปร์ ไม่มีข่าวในประเทศไทยเลยว่าเครื่องบินยักษ์มหึมามาลงสนามบินเปิดใหม่ ไม่มีข่าวเลยครับเป็นเวลานานหลังจากนั้น ผมไปกินข้าวกับทูตขรตรีเศียร ทูตบอกยินดีนะเครื่องบิน บอกมาเมื่อไร บอกวันนั้นเขาอยู่ที่สนามบิน แล้วผมทำไมไม่รู้ ถามนักข่าวไม่มีใครรู้เลยเครื่องบินแอร์บัส 380 มาลง ไม่มีใครรู้ ออกข่าวไม่ได้ครับ ถ้าออกข่าวแปลว่าสนามบินดี เพราะเครื่องขนาดยักษ์มาลงได้ ตั้งนานจนกระทั่งเที่ยวที่ 2 ที่ลงมาปีกมาชน นั่นละครับถึงได้มีข่าว
ไหวไหมละครับแบบนี้ เพราะฉะนั้น กระโดกกระเดกกันมา เขาทำได้สำเร็จ วันนี้มาจะโจมตีเฟสที่ 3 ไปตรวจสอบสิครับ เขามีบอร์ดของเขาครับ เขาต้องดำเนินการ เขาจะทำให้มีรันเวย์ที่ 3 ความถี่จะได้มากขึ้น ไม่น่ายินดีเหรอครับ แล้วบทเรียนที่เกิด ถ้า 2 รันเวย์มีอยู่จริง เขาต้องดูถี่ถ้วนเลยครับ ตัวอย่าง 2 อันถ้ามันเลวอยู่จริง เขาจะต้องสร้างถี่ถ้วนยิ่งกว่าอะไรหมดเลย อย่างนี้แทบจะไม่ต้องบอกครับ บทเรียนมีอยู่ ถ้ามีบกพร่อง เรื่องที่เขาเป็นคนดูแล เขายังไม่ประมูลครับ ใครได้ก็ยังไม่รู้ ตัวเลขที่พูดจากันที่เพิ่ม ๆ เมื่อสักครู่นี้ ทำไมต้องเพิ่ม เขาบอกว่าต้องกำหนดราคาให้พอสมควรที่คำนวณไว้ มากไม่เสียหายครับเพราะประมูลแข่งขันกัน แต่ว่าถ้าน้อยแล้วเกิดประมูลแล้วไม่มีใครได้เลย ต้องตั้งต้นใหม่ เสียเวลา 8 เดือน ถ้าให้เงินเผื่อเหลือไว้ตรงนี้หน่อย ไม่ต้องตามนั้นเพราะเขาประมูลสู้กันอยู่แล้ว เพราะฉะนั้น จะเพิ่มมา 6,000 คัน เพิ่ม 10,000 คัน ไม่เป็นปัญหา มันไม่หายไปไหน จะฮั้วกันได้อย่างไร e-Auction เรื่องอย่างนี้ว่า ๆ ได้ครับ คำนวณหักลบดูก็ได้ แต่จริง ๆ ทำได้ไหมละครับ แต่ข้อเท็จจริงจะต้องเร่ง และยกเอาแค่นั้น ประมูลแล้วไม่ได้เอาใหม่ เสียอีก 8 เดือน ผมเป็นประธานกรรมการเร่งรัดงานพรรค์อย่างนี้ บนราง บนรถ ผมเป็นคนทำ ผมต้องอนุมัติครับ เท่านั้นละครับท่านประธานครับ ขอบพระคุณครับ
ชี้แจงช่วงที่ 2
ท่านประธานที่เคารพ ผมสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี ขอตอบก่อนเพราะถูกพาดพิง ผู้อภิปรายดูเหมือนตั้งใจว่า จะต้องเอ่ยถึงชื่อผมให้ได้ ผมเป็นประธานกรรมการชุดนั้น (ประธานคณะกรรมการพัฒนาระบบขนส่งทางรางและระบบขนส่งมวลชน) ถูกต้องครับ เขาบอกว่า ท่านผู้ที่เอาเอกสารมาอภิปรายนั้นก็รีบร้อนไปหน่อย ถ้ารออภิปรายสักปีหน้า ตอนโอกาสเปิดก็อาจจะเป็นอย่างที่ว่าได้ ท่านเป็นอัยการเก่า ฉะนั้น พออ่านเอกสารเท่านั้น คาดการณ์เลย นี่ล่ะครับพยายาม ดูสิครับส่งไปไหน เก่งจริงส่งมาสิครับ ส่งคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) วันนี้เลยก็ได้
ผมจะบอกให้ฟังเลยนะครับว่า ผมก็เป็นคนที่มีความคิดอ่าน ท่านเรียนกฎหมายมา ผมก็เรียนกฎหมาย ผมจะบอกให้ฟังว่า คณะรัฐมนตรีมี 35 คน คณะรัฐมนตรีที่ไม่ใช่พรรคพลังประชาชนหรือจะนับ 2 คนเอาออกไปก่อน เหลือ 33 คน ไปถามดูสิครับว่ามีใครมาออกความเห็นทักท้วง หรือแสดงอะไรไหม ไม่มีหรอกครับ คนที่อธิบาย ครม. บอกว่า วาระที่ 14 ผมขอเอาออกไปก่อน เพราะว่าต้องการจะให้มีคำอธิบายมากกว่านี้ เวลาเอาเข้า ครม. นี่ล่ะครับ คนเป็นนายกรัฐมนตรีนั่งหัวโต๊ะ อ่านเอกสาร เขาบอกว่าจะเซ็นให้เขาพิจารณา ส่งเอกสารเข้าไป แล้วผมไปนอนอ่านของผม ผมเซ็นหนังสือแล้วผมก็อ่าน ผมอ่านเสร็จเรียบร้อย เขาบอกว่าเรื่องนี้ขอทำอธิบาย เพราะว่าเรื่องการเขียนเอกสารว่าบริษัทเดียว เขาไม่ได้เลือกบริษัทเดียว แต่เขาเขียนจะให้เอาบริษัทเดียวเป็นคนให้เช่า ตัวเลข ตัวหนังสือต่าง ๆ นั้น คนทำโครงการต้องเขียนหนังสืออย่างนี้ทั้งนั้น การอธิบายความนั้น ในสภาฯ ไม่ใช่สภาฯ นี้ เมื่อวันที่ 23 มิถุนายน 2551 อภิปราย ตรงมุม ข้างหลังถัดไปเก้าอี้เดียว นั่นล่ะครับ มีสภาชิกวุฒิสภาอภิปราย ผมยังขอบคุณ ผมมีลูกค้าอีกรายหนึ่งแล้ว นั่นล่ะครับ เสนอขายรถในราคาคันละ 4 ล้านบาท เสนอกันในสภาฯ นี้ล่ะครับ
ขอเรียนว่า เรื่องต่าง ๆ นั้น คนที่นั่งอยู่หัวโต๊ะ ครม. อ่านเอกสาร และเข้าใจเรื่อง รู้ตั้งแต่ตอนแรก ตั้งแต่โครงการขึ้นมา ที่เถียงกันในหน้าหนังสือพิมพ์ ผมก็ได้ยินครับ ผมจึงไปพูดในรายการสนทนาประสาสมัคร ผมก็พูดอย่างที่ว่านั่นล่ะครับ สำนวนผมเป็นอย่างไร ก็ลองไปยืนริมสระน้ำ เอาไก่โยนไป จระเข้กระโดดเข้างับทันที เลี้ยงสุนัขเก่ง ๆ เวลาโยนขึ้นไป ของยังไม่ทันจะถึงดิน กระโดดเข้างับ ผมพูดแค่นั้น ผิดกฎหมายตรงไหน มีมาตรการตรงไหนที่ห้ามไม่ให้คนเป็นนายกรัฐมนตรีพูดข้อความอย่างนี้ ผมต้องพูดครับ เพราะเหตุว่าการแสดงออกในวันนั้น กินเหตุ แต่ผมพูดไปเท่านั้น โยนหินถามทางก็สำนวนผม แบบนี้แล้วเป็นไง โครงการที่เอาวิพากษ์วิจารณ์กันก่อน นั่นล่ะครับ เขาเรียกว่าโยนหินถามทาง และที่กระโดดเข้ามา เขาเรียกว่างับ ผมก็ทำหน้าที่ของผม ผมอ่านข้อความทั้งหมด ผมอ่าน และจะบอกให้ฟังว่า เริ่มต้นต้องรู้ตั้งแต่พื้นฐานก่อน เริ่มต้นท่านไปอยู่ที่ไหนก็ไม่ทราบได้ ท่านเป็นอัยการอยู่ตอนนั้น ผมเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ผมเป็น 2 ครั้ง ผมเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ผมรู้จัก ขสมก ดี เมื่อสมัยผมอยู่ตัวเลขก็ 2,000 ล้านบาท ติดลบ 2,000 ล้านบาท บัดนี้ติดลบเกือบ 70,000 ล้านบาท ล่าสุดตัวเลขในเอกสาร 74,000 ล้านบาท นั่งเฉย ๆ ก็ได้ เผลอประเดี๋ยวเดียวก็ได้ เผลอพลาดพลั้งในการอภิปรายไม่ไว้วางใจ พลาดท่า เดี๋ยวก็ออกไปแล้ว ก็เหลือตรงนั้นล่ะครับ 74,000 ล้านบาท แล้วมีใครรับผิดชอบจะแก้ไขหรือไม่
การที่เขาแสดงความคิดมา เขานั่งกันอยู่ตรงนั้น เขาก็แสดงผลการแก้ไข เพราะอ่านเอกสารกันมาว่าจะแก้ไขอย่างนั้น จะแก้ไขอย่างนี้ เขาเลือกแก้ไขอย่างนี้ การที่มีรถอยู่ 3,000 กว่าคัน แล้วจะไปเปลี่ยนเครื่องยนต์ต่าง ๆ ยังไม่พ้น เพราะสถานะก็คือว่า เมื่อนำรถมาใช้เองตั้งแต่ 6,000 คันก่อน เหลือ 3,000 คันกว่านั้น ใช้น้ำมันดีเซล ปัญหาที่ขาดทุนมากมาย เพราะขโมยน้ำมันดีเซล ปัญหาที่ขาดทุนเขาเรียกว่าขี่ช้าง คือตั๋ว 10 ใบ ขายไป 12 ใบ ปัญหาคือว่า ตอนมีใหม่ ๆ ซื้อมา 6,000 คัน อัตราส่วนนั้น รถ 1 คันต่อพนักงาน 4 คน ตอนนั้น 2502 มีรถ 6,000 คัน
ผมต้องการให้พูดกับผมเมื่อสักครู่นี้เข้าใจว่าอะไรเป็นอะไร ผมอยากจะบอกตรงนี้ว่า เมื่อเวลาที่เห็นตัวเลขอย่างนั้นแล้ว เมื่อเวลาจะทำอย่างนั้นแล้ว แล้วเห็นข้อบกพร่อง ประสบการณ์ที่มีอยู่ เวลานี้ที่เขาเช่ากันอยู่ ตัวเลขที่เขาเช่ากันอยู่ เขาจึงได้เอาตัวเลขเป็นพื้นฐาน เพราะเหตุผลต่าง ๆ นั้น เขาจึงว่าต้องมีตุ๊กตามาตั้ง คำนวณอย่างนี้แล้วจะเป็นตัวนั้นได้ เมื่อสักครู่นี้ ตัวท่านเองก็โฆษณาตัวท่านเอง ขายรถ 4 ล้านบาท คำนวณให้เห็น ถึงตอนนั้นขาดทุนเท่านั้น ถ้าอย่างนั้นกำไรเท่านั้น เวลานั้นเหลือ 10,000 ล้านบาท เอาไปแจกได้ 6,000 ล้านบาท ทำไมคำนวณได้ แล้วบัดนี้คนที่ตั้งตุ๊กตามานั้น ไม่ใช่ตั้งแล้วต้องเป็นอย่างนั้น เมื่อตั้งตุ๊กตามาแล้วอย่างนั้น ต้องอยู่ที่การประมูล ถ้าท่านคำนวณเก่ง อย่างว่า หาพรรคพวกมาประมูลสิครับ
สิ่งที่ผมทำวันนั้นคือต้องการให้แสดงว่าจะประมูลกันอย่างไร แล้วมีข้อคิดกันว่าควรจะเอาหลายบริษัทหรือเอาบริษัทเดียว เขาเสนอตุ๊กตามาบริษัทเดียว แต่จริง ๆ ครม. อาจจะให้เป็น 10 บริษัท 5 บริษัทก็ได้ แต่การคำนวณต้องมีวิธีการถ้าคำนวณอย่างนั้น ทำไมไม่ซื้อ ทำไมจึงเช่า เดี๋ยวนี้รถยนต์ที่สภาฯ เช่าหรือไม่ เช่าครับ ที่ทำเนียบ รัฐบาลก็เช่า แล้วทำไมเช่ากันหมดล่ะครับ ทำไมไม่ซื้อ เพราะเหตุว่าซื้อรถมา 100 คันนั้น ใหม่ ๆ ก็อย่างที่ว่านั้น เขารับประกัน 1 ปี 2 ปี 3 ปี ซ่อม ต้องมีเรื่องอะหลั่ย ต้องมีเรื่องยาง ต้องมีเรื่องแบตเตอรี่ เขาหลีกเลี่ยงเรื่องอย่างนี้ 10 ปีที่ว่านี้ คำนวณรายวัน แปลว่าต้องรถสภาพดี มี 100 เปอร์เซ็นต์ ทุกวันมาบริการ เช่าแล้วต้องมี 100 เปอร์เซ็นต์ แปลว่ารถจะมีกี่คันก็แล้วแต่ คุณต้องนำรถสภาพดีมาวิ่งตามสัญญา ทุกอย่างจะเป็นไม่ได้ เพราะไม่รู้ว่าพรุ่งนี้ฝนตกหรือเปล่า แต่ว่าการที่คาดการณ์คำนวณต้องมีโครงการ ต้องตั้งโครงการ แล้วโครงการนั้นต้องเข้า
ผมจะถามสักนิดว่า ยังไม่ได้ทำก็จะตั้งบริษัทร่วม แล้วได้บริษัทมาหรือยัง ไปทำสัญญาร่วมกัน สัญญาร่วมทุนได้บริษัทมาหรือยัง เขียนเอกสารเสร็จ ออกกฎหมายสัญญาร่วมทุน ร่วมกับใคร ได้คนที่ประมูลได้หรือยัง ยังไม่ได้ผ่านสายตาคณะรัฐมนตรีเลยครับ จะต้องเข้าไปกลั่นกรองหรือไม่ จะต้องสอบถามอย่างไรหรือไม่ แต่ว่าเขาบอกมาแต่เพียงว่างานก็ไม่อยากให้ล่าช้า
เมื่อเวลาทำโครงการนั้น เขาจะต้องตั้งตุ๊กตามา และสร้างโครงการ ไม่ใช่พอโครงการเข้าปั๊บ อนุมัติตามนั้น … แล้วจึงจะได้ทำสัญญากันอย่างที่ว่า ทุกอย่างต้องเป็นไปตามตัวบทกฎหมาย ข้อสำคัญที่สุดเวลานี้ จ้องกันเป็นตาสับปะรด ก็เรื่องนี้อย่างไรครับ ผ่านสายตาผมก่อน ผมขอยืนยันว่าผมเป็นคนนำเรื่องนี้ออกมาด้วยมือของผมเอง ยังไม่มี ครม. คนไหนได้ออกความเห็นสักคำเดียว ฉะนั้น เรื่องอย่างนี้ ผมขอตอบก่อนตรงนี้ เพื่อจะอธิบายให้ฟังว่า เราดูรอบมาหมดแล้วครับ และเพราะเห็นว่าเงิน 70,000 กว่าล้านบาทนั้น จำเป็นจะต้องมีคนรับผิดชอบ จะอยู่นานเท่าไรนั้นต้องแสดงความรับผิดชอบ โครงการนี้เมื่ออ่านแล้วว่าเป็นไปได้
เมื่อเวลาที่ท่านแถลงเมื่อสักครู่นี้ ก็มีตัวเลขออกมานี่ครับ ฉะนั้น เมื่อเวลาที่ดำเนินโครงการจริง จะต้องมีการยื่นประมูล ต้องมีราคาว่าขนาดไหน อย่างไร ราคาก็อาจจะเป็น 4,000 ล้านบาท อย่างที่ว่านั้นก็ได้ จะเป็น 5,000 ล้านบาทก็ได้ สุดแท้แต่ คุณภาพของรถจะเป็นอย่างไร ยังไม่ได้ออกเลย สเป็กรถจะเป็นอย่างไร ก็ยังไม่รู้ ความยาว 12 เมตร อะไร อย่างไร ผมไม่ได้อ่านในรายละเอียดตรงนั้นหรอกครับ รู้แต่ว่าเค้าโครงในการแก้ไขปัญหานั้น ต้องดำเนินการในลักษณะนี้ อนาคตไม่มีใครรู้ได้หรอกครับ อนาคตไม่มีใครรู้ได้หรอกครับ แต่การตัดสินใจ อภิปรายกันก็บอกว่า เห็นปัญหาแล้วไม่ทำ พูดกันเมื่อสักครู่นี้ เข้ามาบริหารแล้ว นั่นก็ไม่ทำ นี่ก็ไม่ทำ โดนว่า อ้าวพอยังไม่ทันจะเริ่มทำ ขยับเท่านั้นเอง ว่าแล้วครับ แล้วตกลงจะทำอย่างไรครับ
ผมยืนยันว่า เวลาที่คนทำงานนั้น แล้วแต่ใครนั่งอยู่หัวโต๊ะ และคณะรัฐมนตรีที่ร่วมคณะนั้นได้ทำงานร่วมกับคนที่อยู่หัวโต๊ะอย่างไร คนที่คิดดี ทำดี คนสะอาดบริสุทธิ์ ไม่ได้อยู่แต่ซีกฝ่ายค้านทั้งหมดหรอกครับ คนซีกรัฐบาลก็คิดเป็น ทำเป็น มีใจบริสุทธิ์ได้ คำว่าธรรมาภิบาลต้องตรวจสอบกัน ความสกปรกนั้น มันประกอบได้ทั้งไม่ว่าฝ่ายค้านหรือฝ่ายรัฐบาล ก่อให้เกิดความสกปรกได้ อยู่ที่คนเฝ้า เวลาที่ตัวเองทำสกปรก แต่ว่าคนยังไม่เอามานั้น ก็ต้องรอไว้ ต้องรอกลับข้างกันก่อน รอกลับข้างกันก่อน เวลานี้ผมอยู่ข้างนี้ จะทักท้วง ได้ครับ
แต่ที่ผมต้องการจะพูดให้ผู้คนทั้งหลายได้รู้ว่า เรื่องนี้เรารับผิดชอบจึงได้เสนอโครงการ เมื่อเห็นโครงการมีคนวิพากษ์วิจารณ์ เขาต้องดึงให้ทำใหม่นั้น เพราะผมได้ 2,000 ล้านบาท รายการนี้มีชื่อผมด้วย ผมบอกว่ามันอยู่ในเว็บไซต์ ไม่ออกมาข้างนอก ผมจะได้ฟ้อง โครงการนี้คิดตัวเลข เอาเข้าไปแล้ว ยุติธรรมหรือไม่ กับคนในบ้านเมืองนี้ ผมเป็นหัวหน้ารัฐบาล ถูกกล่าวในเว็บไซต์บอกว่าได้รับเงิน 2,000 ล้านบาท รีบร้อนเกินไป ผมไม่ได้ดึงออกเพราะหลีกเลี่ยง แต่ผมทำเพื่อเหตุว่า ต้องอธิบายความให้เห็น สิ่งที่ผมอยากได้อย่างเดียว เขาเขียนว่าบริษัทเดียวเข้ามารับ และคำนี้ล่ะครับที่นำมาด่ากันข้างนอก ว่าจะเอาบริษัทเดียวเข้ามาทำ ตกลงกับใครไว้ เลือกบริษัทไว้แล้ว ผมบอกว่าต้องบอกวิธีการประมูล แล้วกำลังนี้เวลาที่ต้องพูดจากัน ใน ครม. จะต้องออกความเห็นว่าจะเป็น 2 บริษัทหรือ 3 บริษัทหรือ 4 บริษัท เพื่อจะเฉลี่ยให้ได้ 6,000 คัน จะดีหรือ ในวุฒิสภาบอกผม 20 คันเท่านั้น ให้เช่า 20 คันเท่านั้น รถบัส ไม่ถึง 5,000 คัน ผมบอกว่าดี เข้ามาเริ่มเลย 20 คันเท่านั้น ฉะนั้น 6,000 คัน ต้องมีราคาที่ดีกว่าแน่
เรื่องอย่างนี้ ผมบอกว่าต้องขอพูดเสียก่อน ให้เข้าใจเสียก่อน การที่ขึ้นมากล่าวหาและลงท้ายตามประสาอัยการเก่า ขู่กันกลางสภาฯ พยายาม เอกสารยังไม่ได้อนุมัติของคณะรัฐมนตรี แต่โดนท่านพยายาม ส่งไปเลยครับไป ป.ป.ช. วันนี้เลย บอกให้ฟังเท่านั้น เพื่อว่ารัฐมนตรีเขาตอบ เขาจะได้เบาบางหน่อย ผมต้องรับผิดชอบ เพราะเหตุว่าชื่อผมขึ้นมาด้วย ต้องรวมถึงประธานกรรมการ ขอบอกว่าทำไมไปนั่งเป็นประธานกรรมการ เพราะเข้ามาปัญหามันคาราคาซังอย่างไรล่ะครับ เพราะปัญหาหามันคาราคาซังจาก 2,000 ล้านบาท ตอนเป็นรัฐมนตรีเมื่อปี 2526 บัดนี้ปี 2551 ปี 2526-2551 เป็นเวลา 25 ปี จาก 2,000 ล้านบาท สะสมกันมานี้ 70,000 ล้านบาท ทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ อ่านรายงานอย่างนั้น แล้วทำตามอย่างนั้น ก็แบบหนึ่ง แต่ว่าคนที่คิด เขาก็คิดให้ฟัง กำลังจะเริ่มต้นเท่านั้นเอง ก็ว่ากันอย่างนี้เสียแล้ว
ผมจะไม่พูดอะไรยาวมากกว่า แต่จะอธิบายความให้ฟังว่า ที่พาดพิงมาถึงผมเพราะเป็นประธานกรรมการต้องรับผิดชอบ เป็นนายกรัฐมนตรีต้องรับผิดชอบยิ่งกว่า แต่กรรมการขับเคลื่อนเรื่องนี้ เขาทำคณะกรรมการเพื่อให้งานเร็ว มี 5 คณะ ประชุมกันบ่อย เพราะจะต้องทำงาน ขนส่งมวลชนระบบรางอยู่ในหัวใจเลย ที่พูดกันมาเมื่อสักครู่นี้ ขอประทานโทษออกชื่อคือท่านพันเอกวินัย สมพงษ์ ท่านพูดนั้น ท่านเป็นคนชอบทำงาน ผมก็ชอบครับ ผมก็ชอบทำงาน แล้วงานการบางอย่างผมก็คิดครับ บางอย่างผมคิดก่อนเสียอีกครับ ผมคิดก่อนจนมีคนบอกว่าเป็นเซลล์แมนฝันเฟื่อง ผมคิดเรื่องนั้น เรื่องนี้ต่าง ๆ แต่ผมเป็นคนไม่ชอบเอามาคุยเท่านั้นเอง ทำอะไรต่าง ๆ ไม่ชอบประชาสัมพันธ์ ไปไหน มาไหน ไปทำอะไรก็ไม่มี ตื่น 04.00 น. ไปกวาดถนน เอาสถานีโทรทัศน์ไปถ่าย ให้คนทั้งบ้านทั้งเมืองรู้เพราะมีสถานีโทรทัศน์ตามไปถ่ายทอด แต่ผมไม่อย่างนั้น ผมไปไหนแม้แต่ รปภ. ยังไม่ให้ไปด้วยเลยครับ
ฉะนั้น ผมจะทำอะไร อย่างไร ไม่มีใครรู้หรอกครับ ทำงานให้บ้านเมืองก็ไม่ต้องบอก ไม่โฆษณาตัวเอง ไม่เป็นไรครับ ใครจะพูดอย่างไร ก็ทำ ไม่มีปัญหา แต่อยากจะบอกเท่านั้นว่า ผมเป็นประธานถูกต้อง จะลากผมมาด้วยก็ได้ครับ ลากมาในฐานะ ครม. เป็นคนนำเข้าก็ยิ่งดีใหญ่เลย แต่ว่าเมื่อสักครู่ที่ว่าเข้ามาแล้วไม่ทำงาน ว่าครับ แต่วันนี้เริ่มจะทำงาน กล่าวหากันเสียแล้วครับ เดี๋ยวรายละเอียดเขาชี้แจงกันเอง ขอบคุณครับ
--กลุ่มยุทธศาสตร์และแผนการประชาสัมพันธ์ สำนักโฆษก--
วันนี้ (26 มิ.ย.) ณ อาคารรัฐสภา นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี ชี้แจงโดยใช้สิทธิพาดพิงภายหลังนายถาวร เสนเนียม ส.ส.สงขลา พรรคประชาธิปัตย์ อภิปรายในประเด็นการเช่าซื้อรถเมล์ 6,000 คันขององค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) มาวิ่งให้บริการ ดังนี้
ชี้แจงช่วงที่ 1
ท่านประธานที่เคารพ ผมสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี ผมฟังท่านผู้อภิปรายก่อนหน้านี้ พูดแล้วก็วนไปวนมากลับมาที่เก่า ไม่เข้าใจว่าท่านไม่เข้าใจภาษาที่รัฐมนตรีช่วยพูด หรือนายกรัฐมนตรีพูดหรืออย่างไร คณะรัฐมนตรี (ครม.) นั้นนายกรัฐมนตรีเห็นว่าเพื่อให้ครม.ได้อ่านถี่ถ้วน จึงให้เอากลับออกไปทำใหม่สำหรับการประมูล เพราะถ้อยคำเขาเขียนว่า บริษัทเดียว เอามาพูดจากันก็บอกว่าเลือกบริษัทไว้แล้ว ความจริงคำว่าบริษัทเดียว หมายความว่าจะเปิดการประมูลอย่างไรก็ตามแต่ บริษัทเดียวมาทำ จะเห็นชอบไม่เห็นชอบ ก็ยังไม่นั่น ผมก็บอกให้เอาไปดูสิว่าวิธีการประมูลจะทำอะไรอย่างไร ทั้งหมดเป็นโครงการครับ และถ้าไม่เริ่มต้นอย่างนี้จะเริ่มต้นตรงไหนครับ และก็ดำเนินการให้เห็นกันอย่างนี้ ก็จะตามตรวจสอบได้ แต่พูดไปพูดมาก็กล่าวหา คือกล่าวหาตั้งแต่ยังไม่ได้ลงมือโครงการ
เมื่อสักครู่นี้ที่เขาพูด ผมนั่งฟังตลอด เข้าใจเรื่องเรียบร้อยหมด ทำไมถึง 6,000 คันครับ ก็ถามไปว่าเส้นทาง ทั้งหมดนี้ใช้รถประมาณ 6,000 คัน เขาก็ยืนยันว่ารถร้อนของเอกชนก็ยังวิ่งอยู่ แล้วอย่างไรละครับ เขาบอกว่าไม่ได้เงินงบประมาณ เขาบอกเขาต้องเอาคนที่เก็บตั๋วออกไป เขาจะให้เงินกันคนละเท่าไรอย่างไร เขาต้องการเอาคนออกประมาณสักครึ่งหนึ่ง เพื่อจะให้มีความปลอดภัย คือไม่มีใครมาทุจริตกันได้ต่อไปอีก เขาพูดจาชัดเจนว่าไม่ได้ใช้เงินงบประมาณ เพียงแต่ว่าในการแก้ไขปัญหานี้กระทรวงการคลังจะต้องอย่างนั้น ๆ ๆ เขาเป็นข้อแม้ ถ้า ครม.ไม่เห็นชอบก็ผ่านไม่ได้ครับเรื่องนี้ ยังไม่ได้เข้าครม.นะครับ ผมสนใจสำนวนนี้ ชงเองกินเองนี่ สำนวนสำหรับคนที่คล่องแคล่วกับเรื่องทำมาหากินอย่างนี้ครับ แต่คนระดับผมไม่ชงครับ ผมไม่ชงครับ เพราะฉะนั้น สำนวนนี้ผมไม่เคยใช้เลย ชงเองกินเอง พูดแล้วพูดอีก 3 หน คนที่ทำต้องเข้าใจคำนี้ดีครับ แต่ผมไม่ชอบ เพราะว่าผมไม่เคยชง และผมไม่ต้องคิดเรื่องพรรค์อย่างนี้เลย
ผมทำงานเพื่องาน และผมรู้ว่าเข้ามาอย่างนี้โกหกสกปรกอย่างไรก็โดนฟัด เรื่องพรรค์อย่างนี้พูดกันตรงไปตรงมายังไม่เข้าใจ อธิบายความทั้งหมดไม่เข้าใจ โครงการเมื่อสักครู่นี้คนทั้งบ้านทั้งเมืองฟังเข้าใจ จะบอกให้ฟังนะครับว่าเขาเก็บเงินราคาเท่านั้น เขาต้องบอกว่าเช้าก็ขึ้นเย็นก็ขึ้น และจะใช้ได้ทั้งวัน จะขึ้นสายไหนต่อสายไหน พูดอยากให้ฟังง่าย ๆ อย่างนี้ครับ รถเมล์ 8 บาท ขึ้นสายนี้ 8 บาท ๆ ๆ ๆ ต่อไป 3 สายขึ้น 8 คูณ 3 เท่ากับ 24 ต่อไปขึ้น 3 สายคิดเงินแค่ 15 บาท ถ้าหากว่าเป็นตั๋วเดือนเป็นนักเรียนก็แค่ 600 บาทลดลงมาอีก เป็นนักเรียนเล็กก็ 300 บาท อาวุโสก็ครึ่งราคา เขาก็ดำเนินการ ทุกอย่างยังไม่เป็นตัวเลขอะไรทั้งนั้น แต่ต้องคิดให้ฟังครับ ต้องบอกเลยจะต้องใช้รถ จะต้องใช้แก๊ส ไม่ใช้คนเก็บเงิน ใช้แต่กระเป๋า ต้องดูเส้นทางต้องปรับเส้นทาง ต้องคำนวณให้เห็นเลยว่าไม่เอางบประมาณมา เพราะคนต่างจังหวัดเสียภาษี คนกรุงเทพฯ จะได้ประโยชน์ ก็ไม่ทำ แก้ปัญหาด้วยตัวของเราเอง ก็ต้องมีบ้างตามสมควรที่กระทรวงการคลังจะต้องดูแลเรื่องนั้นเรื่องนี้ พูดกันอย่างนี้อธิบายทั้งหมดเรียบร้อย ก็ขึ้นมาอย่างนั้นอีก ขึ้นมาก็พูดจาพัวพันกลับไปอย่างเดิมอีก
ผมต้องพูดเรื่องนี้ให้ฟังเท่านั้นละครับ อย่างกรณีสนามบินสุวรรณภูมิ เมื่อสักครู่นี้ เขาบอกแล้วมีเฟส 1 เฟส 2 เฟส 3 เขามีบอร์ดของเขาอยู่ บอร์ดกลับมาดูก็ดี ก็ให้บอร์ดเขาดู แต่ว่าอนุมัติต้องอนุมัติโดย ครม. ก็เท่านั้นเองละครับ ของพรรค์อย่างนี้ผมก็ไม่อยากไปรื้อฟื้นเรื่องสนามบิน สนามบิน 3 ล้าน เสีย 2 ล้าน ต้องลงไม่ได้แล้วครับ ถ้าเสียอย่างนั้นละก็ เครื่องบินลำเป็นพัน ๆ ล้าน บริษัทประกันภัยเขาไม่ให้ลงละครับ ถ้าเป็นความจริง ภาพวันเปิดวีไอพีอยู่บนเครื่องบิน 747 กำลังจะลงมาและมีคนไปยืนเข้าแถวบอกให้ตก ๆ ๆ ๆ ภาพนั้นผมไม่เคยคาดคิดเลยว่าในบ้านเมืองนี้จะมีคนซึ่งมีพฤติการณ์อย่างนั้นครับ นายกรัฐมนตรีอยู่ข้างบนนั้นเขาต้องการจะทดสอบว่าอันนี้ละครับถ้าเสียหาย นายกฯ ต้องตายก่อนเพื่อน ตายก็ตายทั้งลำถ้าไม่ดี เขาจะมีบินมาลง มีคนไปยืนเข้าแถวครับ และก็ทำบอกให้ตก ๆ ๆ ๆ แช่งให้เครื่องบินที่จะลงตก ผมเกิดมาไม่เคยคิดว่าจะได้เห็นภาพอย่างนี้
ผมจะบอกให้ฟังถ้าจะแกะสะเก็ดกันละก็ สนามบินนี้อายุ 48 ปีกว่าเสร็จ ตอนจะลงมือสร้างบางคนยังไม่เกิดครับ 48 ปี แล้วทำกันมาเรื่อย ถ้าจะขอบคุณต้องขอบคุณท่านอดีตนายกฯ บรรหาร (นายบรรหาร ศิลปอาชา) ท่านเป็นคนบอกว่าเอาซะที จ้างออกแบบ ต้องขอบคุณหลายคนนะครับ จนกระทั่งมาถึงพรรคประชาธิปัตย์ซึ่งดูแลบ้านเมืองนี้อยู่เมื่อ พ.ศ. 2541 2542 2543 3 ปี จะฟังรายละเอียดตรงนี้ไหมครับ บริษัทที่ปรึกษาไม่ใช่พรรคนี้ เขาจ้างไว้ราคา 914 ล้าน ที่ปรึกษาทำงาน 7 ปี เมื่อตอนสุดท้ายเข้ามานั้น ถึงพรรคประชาธิปัตย์เป็นคนบริหารการนี้ ทำสนามบินนี่ละครับ จะต้องจ้างต่อ 914 ถ้าคิดกันธรรมดา ถ้าจ้างเขาทำงานต่ออีก 7 ปีก็เพิ่มสัก 10 เปอร์เซ็นต์ จะประมาณ 1,000 ล้าน ทำงานต่อ 7 ปี ทำมาแล้ว 7 ปี ต้องไปอีก 7 ปี แล้วเป็นอย่างไรครับไม่เลยครับ ท่านรัฐมนตรีบอกว่าจ้างบริษัทใหม่ แต่ก่อนจ้างบริษัท PMC วิธีพิเศษ ราคาเท่าไรครับ 1,700 ล้าน เฉย ๆ เลยครับ
บริษัทนี้เข้ามาเป็นอย่างไรครับ เข้ามาปั่นป่วนเลย คุณบรรหารฯ ให้ออกแบบไว้ มีคนต่อจากคุณบรรหารฯ ก็ให้มีกำหนดราคา ประเมินราคาก่อสร้าง 45,000 ล้าน ก็ประมูลกัน เปิดการประมูล ก่อนจะประมูล บริษัทที่เป็นที่ปรึกษาที่พรรคประชาธิปัตย์เอาเข้ามานี่ละครับ ที่ควรจะจ้างสัก 1,000 ไปจ้าง 1,700 เขาบอกไหนเอาแบบมาดูสิ ออกแบบวิลิสมาหราอย่างนี้ไม่ได้หรอก ประเมินราคาเท่าไร 74,000 ประเมินราคากลางที่จะประมูล 45,000 เขาบอกไม่ได้อย่างนี้ต้อง 74,000 ตกลงในการจะยื่นราคามี 2 ราคาในราคาประเมิน ประมูลเสร็จแล้วเท่าไรทราบไหมครับ พรรคประชาธิปัตย์เป็นคนจัดการนะครับ ประมูลได้ราคา 54,000 ราคาประมาณการ 45,000
ประมูลเสร็จเรียบร้อยเลือกตั้งพอดีครับ ถ้าหากพรรคประชาธิปัตย์ชนะเลือกตั้ง ก็ต้องสร้างในราคา 54,000 บังเอิญพรรคประชาธิปัตย์ไม่ชนะเลือกตั้งครับ ท่านรัฐมนตรีประกาศเลยว่าราคาประมาณไว้ 45,000 เกินบาทเดียวก็ไม่ให้สร้าง และเขาแก้ไขอย่างไรครับ มีคนกลางทำงานอยู่ชื่อพลเอก มงคล อัมพรพิสิฐฏ์ คนนี้ละครับเป็นคนจัดการดู บอกว่าถ้าจะล็อกกันแบบนี้ เขาแก้ปัญหาอย่างเดียวครับ ราคาที่ทำที่แพงนี่ เพราะทุกอย่างสั่งนอกหมด แก้เพียงแต่ว่าอะไรที่ผลิตได้ในประเทศไทย คุณภาพเท่าของนอก ให้ใช้ในประเทศไทยได้ แล้วเปิดประมูลเลย จาก 45,000 ได้ 36,666 นั่นละครับถูกด่าเสียไม่มีชิ้นดีเลย และก็ดำเนินการมาถูกต้องแล้วครับ ราคามันต้องเพิ่ม เพราะมีส่วนอื่น ๆ นอกจากนั้น กว่าจะเสร็จต้องเติมนั่นเติมนี่ ไม่ผิดหรอกครับ แต่อย่างไรก็ยังดีกว่า ถ้าเผื่อ 54,000 ก็ต้องต่อเติมไปอีกเหมือนกัน
อย่างนี้ละครับ ก็เห็น ๆ กันอยู่ และคนที่สร้างเสร็จถูกด่าเสียไม่มีชิ้นเลย ก่อนจะเปิดแทบเอาตัวไม่รอด วันเปิดอุตส่าห์บอกสนามบินรันเวย์ร้าว ด่ากันทั่วไปหมด เชื่อไหมครับเครื่องบินใหญ่ที่สุดในโลก แอร์บัส 380 มาลงที่ประเทศไทย มาลงในกำลังที่ออกข่าวกันว่าสนามบินร้าวนั่นละครับ ลงมาเยี่ยมก่อนแล้วก็ไปสิงคโปร์ ไม่มีข่าวในประเทศไทยเลยว่าเครื่องบินยักษ์มหึมามาลงสนามบินเปิดใหม่ ไม่มีข่าวเลยครับเป็นเวลานานหลังจากนั้น ผมไปกินข้าวกับทูตขรตรีเศียร ทูตบอกยินดีนะเครื่องบิน บอกมาเมื่อไร บอกวันนั้นเขาอยู่ที่สนามบิน แล้วผมทำไมไม่รู้ ถามนักข่าวไม่มีใครรู้เลยเครื่องบินแอร์บัส 380 มาลง ไม่มีใครรู้ ออกข่าวไม่ได้ครับ ถ้าออกข่าวแปลว่าสนามบินดี เพราะเครื่องขนาดยักษ์มาลงได้ ตั้งนานจนกระทั่งเที่ยวที่ 2 ที่ลงมาปีกมาชน นั่นละครับถึงได้มีข่าว
ไหวไหมละครับแบบนี้ เพราะฉะนั้น กระโดกกระเดกกันมา เขาทำได้สำเร็จ วันนี้มาจะโจมตีเฟสที่ 3 ไปตรวจสอบสิครับ เขามีบอร์ดของเขาครับ เขาต้องดำเนินการ เขาจะทำให้มีรันเวย์ที่ 3 ความถี่จะได้มากขึ้น ไม่น่ายินดีเหรอครับ แล้วบทเรียนที่เกิด ถ้า 2 รันเวย์มีอยู่จริง เขาต้องดูถี่ถ้วนเลยครับ ตัวอย่าง 2 อันถ้ามันเลวอยู่จริง เขาจะต้องสร้างถี่ถ้วนยิ่งกว่าอะไรหมดเลย อย่างนี้แทบจะไม่ต้องบอกครับ บทเรียนมีอยู่ ถ้ามีบกพร่อง เรื่องที่เขาเป็นคนดูแล เขายังไม่ประมูลครับ ใครได้ก็ยังไม่รู้ ตัวเลขที่พูดจากันที่เพิ่ม ๆ เมื่อสักครู่นี้ ทำไมต้องเพิ่ม เขาบอกว่าต้องกำหนดราคาให้พอสมควรที่คำนวณไว้ มากไม่เสียหายครับเพราะประมูลแข่งขันกัน แต่ว่าถ้าน้อยแล้วเกิดประมูลแล้วไม่มีใครได้เลย ต้องตั้งต้นใหม่ เสียเวลา 8 เดือน ถ้าให้เงินเผื่อเหลือไว้ตรงนี้หน่อย ไม่ต้องตามนั้นเพราะเขาประมูลสู้กันอยู่แล้ว เพราะฉะนั้น จะเพิ่มมา 6,000 คัน เพิ่ม 10,000 คัน ไม่เป็นปัญหา มันไม่หายไปไหน จะฮั้วกันได้อย่างไร e-Auction เรื่องอย่างนี้ว่า ๆ ได้ครับ คำนวณหักลบดูก็ได้ แต่จริง ๆ ทำได้ไหมละครับ แต่ข้อเท็จจริงจะต้องเร่ง และยกเอาแค่นั้น ประมูลแล้วไม่ได้เอาใหม่ เสียอีก 8 เดือน ผมเป็นประธานกรรมการเร่งรัดงานพรรค์อย่างนี้ บนราง บนรถ ผมเป็นคนทำ ผมต้องอนุมัติครับ เท่านั้นละครับท่านประธานครับ ขอบพระคุณครับ
ชี้แจงช่วงที่ 2
ท่านประธานที่เคารพ ผมสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี ขอตอบก่อนเพราะถูกพาดพิง ผู้อภิปรายดูเหมือนตั้งใจว่า จะต้องเอ่ยถึงชื่อผมให้ได้ ผมเป็นประธานกรรมการชุดนั้น (ประธานคณะกรรมการพัฒนาระบบขนส่งทางรางและระบบขนส่งมวลชน) ถูกต้องครับ เขาบอกว่า ท่านผู้ที่เอาเอกสารมาอภิปรายนั้นก็รีบร้อนไปหน่อย ถ้ารออภิปรายสักปีหน้า ตอนโอกาสเปิดก็อาจจะเป็นอย่างที่ว่าได้ ท่านเป็นอัยการเก่า ฉะนั้น พออ่านเอกสารเท่านั้น คาดการณ์เลย นี่ล่ะครับพยายาม ดูสิครับส่งไปไหน เก่งจริงส่งมาสิครับ ส่งคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) วันนี้เลยก็ได้
ผมจะบอกให้ฟังเลยนะครับว่า ผมก็เป็นคนที่มีความคิดอ่าน ท่านเรียนกฎหมายมา ผมก็เรียนกฎหมาย ผมจะบอกให้ฟังว่า คณะรัฐมนตรีมี 35 คน คณะรัฐมนตรีที่ไม่ใช่พรรคพลังประชาชนหรือจะนับ 2 คนเอาออกไปก่อน เหลือ 33 คน ไปถามดูสิครับว่ามีใครมาออกความเห็นทักท้วง หรือแสดงอะไรไหม ไม่มีหรอกครับ คนที่อธิบาย ครม. บอกว่า วาระที่ 14 ผมขอเอาออกไปก่อน เพราะว่าต้องการจะให้มีคำอธิบายมากกว่านี้ เวลาเอาเข้า ครม. นี่ล่ะครับ คนเป็นนายกรัฐมนตรีนั่งหัวโต๊ะ อ่านเอกสาร เขาบอกว่าจะเซ็นให้เขาพิจารณา ส่งเอกสารเข้าไป แล้วผมไปนอนอ่านของผม ผมเซ็นหนังสือแล้วผมก็อ่าน ผมอ่านเสร็จเรียบร้อย เขาบอกว่าเรื่องนี้ขอทำอธิบาย เพราะว่าเรื่องการเขียนเอกสารว่าบริษัทเดียว เขาไม่ได้เลือกบริษัทเดียว แต่เขาเขียนจะให้เอาบริษัทเดียวเป็นคนให้เช่า ตัวเลข ตัวหนังสือต่าง ๆ นั้น คนทำโครงการต้องเขียนหนังสืออย่างนี้ทั้งนั้น การอธิบายความนั้น ในสภาฯ ไม่ใช่สภาฯ นี้ เมื่อวันที่ 23 มิถุนายน 2551 อภิปราย ตรงมุม ข้างหลังถัดไปเก้าอี้เดียว นั่นล่ะครับ มีสภาชิกวุฒิสภาอภิปราย ผมยังขอบคุณ ผมมีลูกค้าอีกรายหนึ่งแล้ว นั่นล่ะครับ เสนอขายรถในราคาคันละ 4 ล้านบาท เสนอกันในสภาฯ นี้ล่ะครับ
ขอเรียนว่า เรื่องต่าง ๆ นั้น คนที่นั่งอยู่หัวโต๊ะ ครม. อ่านเอกสาร และเข้าใจเรื่อง รู้ตั้งแต่ตอนแรก ตั้งแต่โครงการขึ้นมา ที่เถียงกันในหน้าหนังสือพิมพ์ ผมก็ได้ยินครับ ผมจึงไปพูดในรายการสนทนาประสาสมัคร ผมก็พูดอย่างที่ว่านั่นล่ะครับ สำนวนผมเป็นอย่างไร ก็ลองไปยืนริมสระน้ำ เอาไก่โยนไป จระเข้กระโดดเข้างับทันที เลี้ยงสุนัขเก่ง ๆ เวลาโยนขึ้นไป ของยังไม่ทันจะถึงดิน กระโดดเข้างับ ผมพูดแค่นั้น ผิดกฎหมายตรงไหน มีมาตรการตรงไหนที่ห้ามไม่ให้คนเป็นนายกรัฐมนตรีพูดข้อความอย่างนี้ ผมต้องพูดครับ เพราะเหตุว่าการแสดงออกในวันนั้น กินเหตุ แต่ผมพูดไปเท่านั้น โยนหินถามทางก็สำนวนผม แบบนี้แล้วเป็นไง โครงการที่เอาวิพากษ์วิจารณ์กันก่อน นั่นล่ะครับ เขาเรียกว่าโยนหินถามทาง และที่กระโดดเข้ามา เขาเรียกว่างับ ผมก็ทำหน้าที่ของผม ผมอ่านข้อความทั้งหมด ผมอ่าน และจะบอกให้ฟังว่า เริ่มต้นต้องรู้ตั้งแต่พื้นฐานก่อน เริ่มต้นท่านไปอยู่ที่ไหนก็ไม่ทราบได้ ท่านเป็นอัยการอยู่ตอนนั้น ผมเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ผมเป็น 2 ครั้ง ผมเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ผมรู้จัก ขสมก ดี เมื่อสมัยผมอยู่ตัวเลขก็ 2,000 ล้านบาท ติดลบ 2,000 ล้านบาท บัดนี้ติดลบเกือบ 70,000 ล้านบาท ล่าสุดตัวเลขในเอกสาร 74,000 ล้านบาท นั่งเฉย ๆ ก็ได้ เผลอประเดี๋ยวเดียวก็ได้ เผลอพลาดพลั้งในการอภิปรายไม่ไว้วางใจ พลาดท่า เดี๋ยวก็ออกไปแล้ว ก็เหลือตรงนั้นล่ะครับ 74,000 ล้านบาท แล้วมีใครรับผิดชอบจะแก้ไขหรือไม่
การที่เขาแสดงความคิดมา เขานั่งกันอยู่ตรงนั้น เขาก็แสดงผลการแก้ไข เพราะอ่านเอกสารกันมาว่าจะแก้ไขอย่างนั้น จะแก้ไขอย่างนี้ เขาเลือกแก้ไขอย่างนี้ การที่มีรถอยู่ 3,000 กว่าคัน แล้วจะไปเปลี่ยนเครื่องยนต์ต่าง ๆ ยังไม่พ้น เพราะสถานะก็คือว่า เมื่อนำรถมาใช้เองตั้งแต่ 6,000 คันก่อน เหลือ 3,000 คันกว่านั้น ใช้น้ำมันดีเซล ปัญหาที่ขาดทุนมากมาย เพราะขโมยน้ำมันดีเซล ปัญหาที่ขาดทุนเขาเรียกว่าขี่ช้าง คือตั๋ว 10 ใบ ขายไป 12 ใบ ปัญหาคือว่า ตอนมีใหม่ ๆ ซื้อมา 6,000 คัน อัตราส่วนนั้น รถ 1 คันต่อพนักงาน 4 คน ตอนนั้น 2502 มีรถ 6,000 คัน
ผมต้องการให้พูดกับผมเมื่อสักครู่นี้เข้าใจว่าอะไรเป็นอะไร ผมอยากจะบอกตรงนี้ว่า เมื่อเวลาที่เห็นตัวเลขอย่างนั้นแล้ว เมื่อเวลาจะทำอย่างนั้นแล้ว แล้วเห็นข้อบกพร่อง ประสบการณ์ที่มีอยู่ เวลานี้ที่เขาเช่ากันอยู่ ตัวเลขที่เขาเช่ากันอยู่ เขาจึงได้เอาตัวเลขเป็นพื้นฐาน เพราะเหตุผลต่าง ๆ นั้น เขาจึงว่าต้องมีตุ๊กตามาตั้ง คำนวณอย่างนี้แล้วจะเป็นตัวนั้นได้ เมื่อสักครู่นี้ ตัวท่านเองก็โฆษณาตัวท่านเอง ขายรถ 4 ล้านบาท คำนวณให้เห็น ถึงตอนนั้นขาดทุนเท่านั้น ถ้าอย่างนั้นกำไรเท่านั้น เวลานั้นเหลือ 10,000 ล้านบาท เอาไปแจกได้ 6,000 ล้านบาท ทำไมคำนวณได้ แล้วบัดนี้คนที่ตั้งตุ๊กตามานั้น ไม่ใช่ตั้งแล้วต้องเป็นอย่างนั้น เมื่อตั้งตุ๊กตามาแล้วอย่างนั้น ต้องอยู่ที่การประมูล ถ้าท่านคำนวณเก่ง อย่างว่า หาพรรคพวกมาประมูลสิครับ
สิ่งที่ผมทำวันนั้นคือต้องการให้แสดงว่าจะประมูลกันอย่างไร แล้วมีข้อคิดกันว่าควรจะเอาหลายบริษัทหรือเอาบริษัทเดียว เขาเสนอตุ๊กตามาบริษัทเดียว แต่จริง ๆ ครม. อาจจะให้เป็น 10 บริษัท 5 บริษัทก็ได้ แต่การคำนวณต้องมีวิธีการถ้าคำนวณอย่างนั้น ทำไมไม่ซื้อ ทำไมจึงเช่า เดี๋ยวนี้รถยนต์ที่สภาฯ เช่าหรือไม่ เช่าครับ ที่ทำเนียบ รัฐบาลก็เช่า แล้วทำไมเช่ากันหมดล่ะครับ ทำไมไม่ซื้อ เพราะเหตุว่าซื้อรถมา 100 คันนั้น ใหม่ ๆ ก็อย่างที่ว่านั้น เขารับประกัน 1 ปี 2 ปี 3 ปี ซ่อม ต้องมีเรื่องอะหลั่ย ต้องมีเรื่องยาง ต้องมีเรื่องแบตเตอรี่ เขาหลีกเลี่ยงเรื่องอย่างนี้ 10 ปีที่ว่านี้ คำนวณรายวัน แปลว่าต้องรถสภาพดี มี 100 เปอร์เซ็นต์ ทุกวันมาบริการ เช่าแล้วต้องมี 100 เปอร์เซ็นต์ แปลว่ารถจะมีกี่คันก็แล้วแต่ คุณต้องนำรถสภาพดีมาวิ่งตามสัญญา ทุกอย่างจะเป็นไม่ได้ เพราะไม่รู้ว่าพรุ่งนี้ฝนตกหรือเปล่า แต่ว่าการที่คาดการณ์คำนวณต้องมีโครงการ ต้องตั้งโครงการ แล้วโครงการนั้นต้องเข้า
ผมจะถามสักนิดว่า ยังไม่ได้ทำก็จะตั้งบริษัทร่วม แล้วได้บริษัทมาหรือยัง ไปทำสัญญาร่วมกัน สัญญาร่วมทุนได้บริษัทมาหรือยัง เขียนเอกสารเสร็จ ออกกฎหมายสัญญาร่วมทุน ร่วมกับใคร ได้คนที่ประมูลได้หรือยัง ยังไม่ได้ผ่านสายตาคณะรัฐมนตรีเลยครับ จะต้องเข้าไปกลั่นกรองหรือไม่ จะต้องสอบถามอย่างไรหรือไม่ แต่ว่าเขาบอกมาแต่เพียงว่างานก็ไม่อยากให้ล่าช้า
เมื่อเวลาทำโครงการนั้น เขาจะต้องตั้งตุ๊กตามา และสร้างโครงการ ไม่ใช่พอโครงการเข้าปั๊บ อนุมัติตามนั้น … แล้วจึงจะได้ทำสัญญากันอย่างที่ว่า ทุกอย่างต้องเป็นไปตามตัวบทกฎหมาย ข้อสำคัญที่สุดเวลานี้ จ้องกันเป็นตาสับปะรด ก็เรื่องนี้อย่างไรครับ ผ่านสายตาผมก่อน ผมขอยืนยันว่าผมเป็นคนนำเรื่องนี้ออกมาด้วยมือของผมเอง ยังไม่มี ครม. คนไหนได้ออกความเห็นสักคำเดียว ฉะนั้น เรื่องอย่างนี้ ผมขอตอบก่อนตรงนี้ เพื่อจะอธิบายให้ฟังว่า เราดูรอบมาหมดแล้วครับ และเพราะเห็นว่าเงิน 70,000 กว่าล้านบาทนั้น จำเป็นจะต้องมีคนรับผิดชอบ จะอยู่นานเท่าไรนั้นต้องแสดงความรับผิดชอบ โครงการนี้เมื่ออ่านแล้วว่าเป็นไปได้
เมื่อเวลาที่ท่านแถลงเมื่อสักครู่นี้ ก็มีตัวเลขออกมานี่ครับ ฉะนั้น เมื่อเวลาที่ดำเนินโครงการจริง จะต้องมีการยื่นประมูล ต้องมีราคาว่าขนาดไหน อย่างไร ราคาก็อาจจะเป็น 4,000 ล้านบาท อย่างที่ว่านั้นก็ได้ จะเป็น 5,000 ล้านบาทก็ได้ สุดแท้แต่ คุณภาพของรถจะเป็นอย่างไร ยังไม่ได้ออกเลย สเป็กรถจะเป็นอย่างไร ก็ยังไม่รู้ ความยาว 12 เมตร อะไร อย่างไร ผมไม่ได้อ่านในรายละเอียดตรงนั้นหรอกครับ รู้แต่ว่าเค้าโครงในการแก้ไขปัญหานั้น ต้องดำเนินการในลักษณะนี้ อนาคตไม่มีใครรู้ได้หรอกครับ อนาคตไม่มีใครรู้ได้หรอกครับ แต่การตัดสินใจ อภิปรายกันก็บอกว่า เห็นปัญหาแล้วไม่ทำ พูดกันเมื่อสักครู่นี้ เข้ามาบริหารแล้ว นั่นก็ไม่ทำ นี่ก็ไม่ทำ โดนว่า อ้าวพอยังไม่ทันจะเริ่มทำ ขยับเท่านั้นเอง ว่าแล้วครับ แล้วตกลงจะทำอย่างไรครับ
ผมยืนยันว่า เวลาที่คนทำงานนั้น แล้วแต่ใครนั่งอยู่หัวโต๊ะ และคณะรัฐมนตรีที่ร่วมคณะนั้นได้ทำงานร่วมกับคนที่อยู่หัวโต๊ะอย่างไร คนที่คิดดี ทำดี คนสะอาดบริสุทธิ์ ไม่ได้อยู่แต่ซีกฝ่ายค้านทั้งหมดหรอกครับ คนซีกรัฐบาลก็คิดเป็น ทำเป็น มีใจบริสุทธิ์ได้ คำว่าธรรมาภิบาลต้องตรวจสอบกัน ความสกปรกนั้น มันประกอบได้ทั้งไม่ว่าฝ่ายค้านหรือฝ่ายรัฐบาล ก่อให้เกิดความสกปรกได้ อยู่ที่คนเฝ้า เวลาที่ตัวเองทำสกปรก แต่ว่าคนยังไม่เอามานั้น ก็ต้องรอไว้ ต้องรอกลับข้างกันก่อน รอกลับข้างกันก่อน เวลานี้ผมอยู่ข้างนี้ จะทักท้วง ได้ครับ
แต่ที่ผมต้องการจะพูดให้ผู้คนทั้งหลายได้รู้ว่า เรื่องนี้เรารับผิดชอบจึงได้เสนอโครงการ เมื่อเห็นโครงการมีคนวิพากษ์วิจารณ์ เขาต้องดึงให้ทำใหม่นั้น เพราะผมได้ 2,000 ล้านบาท รายการนี้มีชื่อผมด้วย ผมบอกว่ามันอยู่ในเว็บไซต์ ไม่ออกมาข้างนอก ผมจะได้ฟ้อง โครงการนี้คิดตัวเลข เอาเข้าไปแล้ว ยุติธรรมหรือไม่ กับคนในบ้านเมืองนี้ ผมเป็นหัวหน้ารัฐบาล ถูกกล่าวในเว็บไซต์บอกว่าได้รับเงิน 2,000 ล้านบาท รีบร้อนเกินไป ผมไม่ได้ดึงออกเพราะหลีกเลี่ยง แต่ผมทำเพื่อเหตุว่า ต้องอธิบายความให้เห็น สิ่งที่ผมอยากได้อย่างเดียว เขาเขียนว่าบริษัทเดียวเข้ามารับ และคำนี้ล่ะครับที่นำมาด่ากันข้างนอก ว่าจะเอาบริษัทเดียวเข้ามาทำ ตกลงกับใครไว้ เลือกบริษัทไว้แล้ว ผมบอกว่าต้องบอกวิธีการประมูล แล้วกำลังนี้เวลาที่ต้องพูดจากัน ใน ครม. จะต้องออกความเห็นว่าจะเป็น 2 บริษัทหรือ 3 บริษัทหรือ 4 บริษัท เพื่อจะเฉลี่ยให้ได้ 6,000 คัน จะดีหรือ ในวุฒิสภาบอกผม 20 คันเท่านั้น ให้เช่า 20 คันเท่านั้น รถบัส ไม่ถึง 5,000 คัน ผมบอกว่าดี เข้ามาเริ่มเลย 20 คันเท่านั้น ฉะนั้น 6,000 คัน ต้องมีราคาที่ดีกว่าแน่
เรื่องอย่างนี้ ผมบอกว่าต้องขอพูดเสียก่อน ให้เข้าใจเสียก่อน การที่ขึ้นมากล่าวหาและลงท้ายตามประสาอัยการเก่า ขู่กันกลางสภาฯ พยายาม เอกสารยังไม่ได้อนุมัติของคณะรัฐมนตรี แต่โดนท่านพยายาม ส่งไปเลยครับไป ป.ป.ช. วันนี้เลย บอกให้ฟังเท่านั้น เพื่อว่ารัฐมนตรีเขาตอบ เขาจะได้เบาบางหน่อย ผมต้องรับผิดชอบ เพราะเหตุว่าชื่อผมขึ้นมาด้วย ต้องรวมถึงประธานกรรมการ ขอบอกว่าทำไมไปนั่งเป็นประธานกรรมการ เพราะเข้ามาปัญหามันคาราคาซังอย่างไรล่ะครับ เพราะปัญหาหามันคาราคาซังจาก 2,000 ล้านบาท ตอนเป็นรัฐมนตรีเมื่อปี 2526 บัดนี้ปี 2551 ปี 2526-2551 เป็นเวลา 25 ปี จาก 2,000 ล้านบาท สะสมกันมานี้ 70,000 ล้านบาท ทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ อ่านรายงานอย่างนั้น แล้วทำตามอย่างนั้น ก็แบบหนึ่ง แต่ว่าคนที่คิด เขาก็คิดให้ฟัง กำลังจะเริ่มต้นเท่านั้นเอง ก็ว่ากันอย่างนี้เสียแล้ว
ผมจะไม่พูดอะไรยาวมากกว่า แต่จะอธิบายความให้ฟังว่า ที่พาดพิงมาถึงผมเพราะเป็นประธานกรรมการต้องรับผิดชอบ เป็นนายกรัฐมนตรีต้องรับผิดชอบยิ่งกว่า แต่กรรมการขับเคลื่อนเรื่องนี้ เขาทำคณะกรรมการเพื่อให้งานเร็ว มี 5 คณะ ประชุมกันบ่อย เพราะจะต้องทำงาน ขนส่งมวลชนระบบรางอยู่ในหัวใจเลย ที่พูดกันมาเมื่อสักครู่นี้ ขอประทานโทษออกชื่อคือท่านพันเอกวินัย สมพงษ์ ท่านพูดนั้น ท่านเป็นคนชอบทำงาน ผมก็ชอบครับ ผมก็ชอบทำงาน แล้วงานการบางอย่างผมก็คิดครับ บางอย่างผมคิดก่อนเสียอีกครับ ผมคิดก่อนจนมีคนบอกว่าเป็นเซลล์แมนฝันเฟื่อง ผมคิดเรื่องนั้น เรื่องนี้ต่าง ๆ แต่ผมเป็นคนไม่ชอบเอามาคุยเท่านั้นเอง ทำอะไรต่าง ๆ ไม่ชอบประชาสัมพันธ์ ไปไหน มาไหน ไปทำอะไรก็ไม่มี ตื่น 04.00 น. ไปกวาดถนน เอาสถานีโทรทัศน์ไปถ่าย ให้คนทั้งบ้านทั้งเมืองรู้เพราะมีสถานีโทรทัศน์ตามไปถ่ายทอด แต่ผมไม่อย่างนั้น ผมไปไหนแม้แต่ รปภ. ยังไม่ให้ไปด้วยเลยครับ
ฉะนั้น ผมจะทำอะไร อย่างไร ไม่มีใครรู้หรอกครับ ทำงานให้บ้านเมืองก็ไม่ต้องบอก ไม่โฆษณาตัวเอง ไม่เป็นไรครับ ใครจะพูดอย่างไร ก็ทำ ไม่มีปัญหา แต่อยากจะบอกเท่านั้นว่า ผมเป็นประธานถูกต้อง จะลากผมมาด้วยก็ได้ครับ ลากมาในฐานะ ครม. เป็นคนนำเข้าก็ยิ่งดีใหญ่เลย แต่ว่าเมื่อสักครู่ที่ว่าเข้ามาแล้วไม่ทำงาน ว่าครับ แต่วันนี้เริ่มจะทำงาน กล่าวหากันเสียแล้วครับ เดี๋ยวรายละเอียดเขาชี้แจงกันเอง ขอบคุณครับ
--กลุ่มยุทธศาสตร์และแผนการประชาสัมพันธ์ สำนักโฆษก--