มีการประชุมสภาผู้แทนราษฎร (สมัยวิสามัญ) เพื่อพิจารณาญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจนายกรัฐมนตรี นายสมัคร สุนทรเวช ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 158 และรัฐมนตรี ตามมาตรา 159
วันนี้ (24 มิ.ย.) เวลา 13.30 น. ณ อาคารรัฐสภา มีการประชุมสภาผู้แทนราษฎร (สมัยวิสามัญ) ครั้งที่ 6 เป็นพิเศษ เพื่อพิจารณาญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจนายกรัฐมนตรี นายสมัคร สุนทรเวช ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 158 และรัฐมนตรี ตามมาตรา 159 ประกอบด้วย นายนพดล ปัทมะ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ นายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม นายมิ่งขวัญ แสงสุวรรณ์ รองนายกรัฐมนตรีและ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ นายสุรพงษ์ สืบวงศ์ลี รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง นายสันติ พร้อมพัฒน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม นายทรงศักดิ์ ทองศรี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม และร้อยตำรวจเอก เฉลิม อยู่บำรุง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย โดยมีนายชัย ชิดชอบ ประธานสภาผู้แทนราษฎร ทำหน้าที่เป็นประธานในที่ประชุม
เวลา 16.40 น. นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี ชี้แจงภายหลังนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร และหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ได้อภิปรายถึงการบริหารราชการแผ่นดินของรัฐบาลในช่วง 4 เดือนที่ผ่านมา โดยเฉพาะการแก้ปัญหาเศรษฐกิจของประเทศ รวมทั้งกรณีปราสาทพระวิหาร ดังนี้
ท่านประธานที่เคารพ ผมสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี ผมต้องกราบเรียนสภานี้วันนี้นะครับ ผมไม่เคยเนรคุณหม่อมราชวงศ์เสนีย์ ปราโมช เพราะฉะนั้น สมควรแล้วนะครับที่พูดผิดแล้วถอนเมื่อสักครู่นี้ ผมไม่เคยเนรคุณหม่อมราชวงศ์เสนีย์ ปราโมช และสำคัญที่สุดคือว่า ผมเป็นคนที่มีบุญคุณต่อท่านอดีตนายกรัฐมนตรี พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร คนที่มีบุญคุณคือคนนี้ครับ เพราะฉะนั้น ผมไม่ต้องไปตอบแทนบุญคุณนายกรัฐมนตรี อดีตท่านนายกฯ ทักษิณจะต้องตอบแทนบุญคุณผม โปรดเข้าใจด้วย ผมนี่ละครับเป็นคนทำให้เกิดบุญคุณแก่อดีตนายกฯ ทักษิณ เพราะฉะนั้น ที่พูดมาบอก 4 เดือนผมจะต้องไปตอบแทนบุญคุณ พูดไปพูดมา ไม่ละครับ ผมไม่ต้องตอบแทนบุญคุณ ผมเป็นคนทำบุญคุณให้อดีตนายกฯ ทักษิณ ต้องรู้เรื่องนี้ด้วยครับ
ผมนั่งทนฟังมาตั้งแต่ต้น ตื่นเต้นนักหนา โดยเฉพาะอย่างยิ่งตอนจบ เอกสารอะไรนักหนา พูดไปอย่างไรยกอะไรขึ้นมา ก็เรื่องพรรค์อย่างนี้ครับ แน่นอนครับคนเกิด 2507 กับคนเกิด 2478 อายุแตกต่างกัน 29 ปีครับ ตอนเกิดเหตุผมอายุ 29 นะครับ และบัดนี้อายุ 73 สติปัญญายังมีครบถ้วน เพราะฉะนั้น ไม่มีปัญหาครับผมฟังได้ เพราะในสภานี้คนละเสียงเท่ากัน จะอบรมบ่มนิสัยอย่างไรก็ได้ครับ จะดูถูกดูแคลนอย่างไรใครก็ได้ แต่ว่าคุณพ่อคุณแม่ผมอบรมสั่งสอนมาไม่ให้ไปดูถูกดูแคลนใครโดยไม่มีเหตุผล
วันนี้ครับ ผมถูกคนอายุ 40 กว่าดูแคลนโดยไม่มีเหตุผล แต่ผมทนได้ครับ ผมจะบอกให้ฟังนะครับที่จบไปเมื่อสักครู่ผมไม่อยากจะให้ข้ามกระโดดไป ทั้งหลายทั้งปวงที่เคยอธิบายความทั้งหมดนั้น นึกหรือครับว่าคนที่อายุ 73 จะไม่รู้เรื่องที่ยกมาพูด น่าตื่นเต้นอะไรแค่ไหนครับ ข้อเท็จจริงคือว่าเราแพ้คดีความที่มาประกาศยืนยันเพราะว่าจะประพฤติตัวเป็นสมาชิกที่ดีขององค์การสหประชาชาติ จึงยอมให้เขาอย่างนั้น และยอมมากี่ปีครับ ยอมมา 45 ปี สงวนสิทธิ์ไหมครับ สงวน เดี๋ยวนี้รัฐบาลนี้ก็สงวนสิทธิ์ครับ ทุกอย่างที่ผมไปสงวนสิทธิ์ทั้งนั้น และที่ทำมาทั้งหมดนี้กระทรวงการต่างประเทศเขาไม่ได้เป็นพวกรัฐบาลประชากรไทยหรอกครับ เขาตรวจสอบทุกระยะ เขาดูอยู่ทั้งหมด จะทำอะไรอย่างไรนั้น เราทำตามแนวทางที่เขาตั้งไว้ให้
เพราะฉะนั้น จะบอกให้ฟังนะครับว่าที่ตัดสินที่ดำเนินการไปทั้งหมดนั้น กระทรวงการต่างประเทศเขาอยู่ข้างหลัง ไม่ได้คิดทำเองเออเองอะไรต่าง ๆ ผมไม่เข้าใจเลยครับ ทำไมถึงเรื่องราวเป็นได้ว่าเรื่องเท่านี้กลายเป็นเรื่องจะเอาประเทศชาติไปขาย แต่ท่านรู้ไหมครับว่าสิ่งที่ท่านจุดชนวนมาถึงวันนี้ กำลังนี้ไมตรีของสองประเทศเกิดอะไรขึ้น คนไทยที่อยู่กัมพูชาแจ้งเข้ามาแล้วครับ นอนตาไม่หลับแล้ว ถามว่ากองทัพอากาศนั้นเครื่องบินซี 130 ยังพร้อมอยู่หรือเปล่า จุดชนวนกันเล่นจนกระทั่งไม่ดูหัวดูหาง ปลุกระดมกันแบบชนิดไม่ดูอะไรยังไงเลยครับ ท่านเป็นฝ่ายค้านจะเล่นยังไงก็ลองเล่นดู แต่ว่าผมเป็นรัฐบาลนะครับ เป็นหัวหน้ารัฐบาลด้วย ผมต้องรักษาไมตรีของบ้านเมืองสองชาตินี้ไว้ครับ ใครจะมาดุด่าว่ากล่าว จะทำมาหากินอะไรยังไง พูดเถอะครับ แต่ต้องพิสูจน์ให้ได้ว่าเป็นอย่างนั้นจริงหรือเปล่า มีผลประโยชน์อย่างไรหรือเปล่า ผมว่ามือสมัครเล่น นี่ละครับสมัครจริงครับ
ผมจะบอกให้ฟังนะครับที่พูดมาทั้งหมดอภิปรายมาทั้งหมด ผมไม่อยากไปตอแยแต่ละข้อ แต่ที่แค่นเขียนมา ผมยืนยันครับ ผมตำหนิว่าแค่นไม่มีอะไรเสียหายหรอกครับ เพราะแค่นจริง เขียนมา 9 ข้อ คนฟังทั้งบ้านทั้งเมือง เขาคิดหรือครับว่าผมเป็นคนแย่ขนาดนั้น มันน่าทุเรศขนาดนั้น 4 เดือนมาบอกจะทนไม่ได้ ข้อเท็จจริงคือว่าทนพรรครัฐบาลชุดนี้บริหารไปไม่ได้ เพราะยาวเหลือเกิน 4 เดือน เมื่อไรจะไปเสียที เมื่อไรถึงจะเป็นโอกาสของเรา ทำไมพรรคการเมืองพรรค์อย่างนี้เส็งเคร็งพรรค์อย่างนี้ ถึงมีโอกาสมาตัดสินโครงการใหญ่มหึมาในบ้านเมืองอย่างนี้
น่าตื่นเต้นไหมครับ รถเมล์ก็แสนล้าน ระบบขนส่งมวลชนนั่นหลายแสนล้านครับ โครงการผันน้ำก็เป็นแสนล้าน โครงการรถไฟรางคู่ก็แสนล้าน จะทำอะไรเงินใหญ่มหึมา ทำไมรัฐบาลหน้าโง่พรรค์นี้ถึงมีโอกาส นี่ละครับแสดงออกมาตรงที่เขียนมา 9 ข้อ เวลาคนเราจะดูความอยากแม้อยากเหลือเกิน อยากเป็นนายกรัฐมนตรี ก็แสดงความอยากให้คนเขาเห็นกันทั้งบ้านทั้งเมือง ที่แล้วมาก่อนจะตั้งรัฐบาล ไม่ได้แสดงความอยากเลยเหรอครับ 164 กับ 316 ยังดิ้นรนกระวนกระวายจะเอาให้ได้ แล้วยังไงครับ แล้วก็เป็นไปไม่ได้ แล้ว 4 เดือนเท่านั้นมีไหมละครับ
ผมจะบอกให้ฟังนะครับว่าที่ไม่อภิปรายเพราะอภิปรายในเวลาที่เขาตั้งไว้สำหรับจะทำงบประมาณ ธรรมดาเปิด 3 วันเปิด นี่เปิด 2 อาทิตย์ล่วงหน้า เพราะมีกฎหมายจะต้องทำ เท่านั้นละครับ และจะสอดแทรกมาให้ได้ ผมก็บอกเขาอยากจะเอาให้ได้ ข้อเท็จจริงให้คนทั้งบ้านเมืองนี้เขารู้สิครับว่า ถ้าเอาตรงนี้ไม่ได้แล้ว รอไปถึงเปิดสภาเดือนสิงหาคม ก็ยื่นไม่ได้ ให้ชาวบ้านเขารู้สิครับว่าอีก 4 เดือนข้างหน้าก็ยื่นไม่ได้ครับ เพราะเป็นวาระเขาไม่ให้ยื่น ปิดสภาอีก 2 เดือนก็ยังยื่นไม่ได้ครับ ต้องวันที่ 21 มกราคม 2552 จึงจะยื่นไม่ไว้วางใจได้ ต้องรอเกือบปีครับตั้งแต่เข้ามา เพราะฉะนั้น 4 เดือนทุกข์ทรมานเหลือเกิน เพราะฉะนั้น เปิดสภาเพื่องบประมาณถึงจะสอดแทรกเอาให้ได้
เมื่อผมจัดการแก้ไขได้ วันนี้ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เขาให้เลิกเร็วเพื่อจะมาที่นี่ครับ ตอนบ่ายก็ยกเลิกหมด ยกเลิกเขาได้วันพุธ ยกเลิกได้หมดก็เอาเลยสิครับ เมื่อวันจันทร์ (23 มิ.ย.) ยังต้องมาประชุมที่นี่เลยครับ ขอเขาประชุมที่นี่ เพราะยกเลิกอีกอัน แต่ว่ามาทำให้วุฒิสภา ให้ฝ่ายค้านแล้วไม่ให้วุฒิสภา ก็ต้องให้ด้วยกัน นี่คิดดีนะครับ แต่ถูกเยาะเย้ยถากถาง ถูกอะไรบีบบังคับ ข้างนอกที่มานั่นไม่บีบบังคับอะไรละครับ ไม่ละครับ ผมทนได้ ถ้าท่านทางฝ่ายค้านเห็นว่าข้างนอกที่เขาทำมีเหตุผล ก็เป็นสิทธิ์ของท่าน จะยกย่องสรรเสริญก็เป็นสิทธิ์ของท่าน แต่ผมไม่เอ่ยโยงใยให้มาประท้วงผมละครับ ไม่มีละครับเรื่องพูดจาเฉียดไปเฉียดมา ผมไม่พูดครับ แต่ถ้าเห็นดีเห็นงามก็เป็นสิทธิ์ของท่าน แต่ว่าที่เข้ามาพูดในนี้ไม่ได้กลัวพวกข้างนอกครับ แต่ว่าเพราะเป็นหน้าที่ของผม
คนหน้าตาอย่างนี้อยู่ในการเมืองมาค่อนชีวิต อะไรมันไร้สมรรถภาพขนาดว่าให้เด็กอายุ 40 กว่ามาพูดจากระทบกระแทกแดกดัน มันถึงขนาดนั้นเชียวหรือครับ หน้ามันโง่ขนาดนี้หรือครับนี่ สติปัญญามันไม่มีเลยเชียวหรือครับนี่ โอ้โห ผมบอกจริง ๆ ว่าผมก็เสียใจจริง อาจารย์เสนีย์ ปราโมช) ผมไม่เคย คนอย่างผมน่ะรู้จักบุญคุณคนครับ เพราะว่าพรรคประชาธิปัตย์สร้างผมมา ผมนี่ละครับเป็นนักการเมืองที่เดินออกมาแล้ว ไม่เคยดูหมิ่นดูแคลนพรรคประชาธิปัตย์ ผมยกย่องพรรคการเมืองพรรคนี้ แล้วพูดจาให้คะแนนพรรคนี้เสมอ แต่ว่าเมื่อเวลาที่การเมืองมามีกระทบกระทั่งกันบ้าง ก็เล็ก ๆ น้อย ๆ แต่ไม่เนรคุณครับ ใครจะคิดเนรคุณใครสุดแท้แต่ แต่ไม่มีสำหรับผม เพราะฉะนั้น กรุณาอย่าเก่งกาจเกินขนาดเลยครับ โอ้โห ใช้ถ้อยคำสุดท้าย คงคิดไว้ดีแล้วละครับ เนรคุณอาจารย์เสนีย์ฯ สักน้อยหนึ่ง สักครึ่งหนึ่งที่ทำบุญคุณ มากเกินไปครับ เวลาที่ไม่รู้อะไรแล้ว ๆ มาแสดงเหมือนกับที่ใน ครม. ผมถอนออกมาทำไมครับเรื่องนั้น เพราะว่าเขาคิดมา วันที่ 16 จะเข้า ครม. แต่ว่าก่อนหน้านั้นด่ากันมา 10 วัน เอกสารผมก็ยังไม่เห็น แต่ท่านก็เก่งครับ เขาคิดมาท่านก็รู้แล้ว ตอบโต้กันมา 10 กว่าวันครับ เอามาถึงผมก็บอกนี่ละครับคือเหยื่อที่เขาจะเอามาล่อทางนั้น ผมบอกคุณช่วยไปทำมาที เอากลับไปทำใหม่ คนที่ทำไม่ใช่การเมืองนะครับ สำนักงบประมาณกับสภาพัฒน์ (สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ) คุณไปช่วยประชุมกับทางซีกที่เขาตั้งถามมา ไปแสดงให้ดูสิ จะทำให้ดูก่อนว่า เพราะถูกด่าว่าเลือกบริษัทไว้แล้ว ผมบอกให้ไปทำเลยว่าจะประมูลอย่างไร จะเชิญชวนอย่างไร เมื่อวานนี้วุฒิสภาบอกเลยครับของท่านทำได้.. ผมยินดีเลย ผมยังบอกเลยผมได้ลูกค้าแล้ววันนี้มีคนที่จะมา แข่งขัน เขาติดตามงานนี้ครับ ก็ลองดูสิครับ แต่ละอัน ๆ ที่ยกมา ถ้าผมจะไม่ดูหัวข้อที่จดไว้ซะมั้งก็จะกระไรอยู่นะครับ ขอดูนิดนะครับ ปกติเป็นคนไม่ค่อยดูบท
ด้านเศรษฐกิจประสบปัญหาเกี่ยวกับพลังงาน เรื่องปากท้อง ความไม่สงบ ปัญหาชายแดนภาคใต้ ต้องการความสมานฉันท์ในชาติ เรื่องพลังงาน ถูกต้องครับผมพูดชุดเจนเลย คือความคิดของคนต้องไม่เหมือนกันครับ เป็นไปได้ ท่านมาเป็นรัฐบาลเอาเลยครับ เข้ามาล่อ ปตท. ให้เจ๊งไปต่อหน้าต่อตาเลย เพราะต้องการเอาเงินมาให้น้ำมันถูก ก็คิดสิครับ มาเลเซียเขาโดนเรื่องน้ำมันแพง ถูกต้องครับ เพราะมาเลเซียอุดหนุน น้ำตาลก็ถูกกว่า เขาอุดหนุนหมดครับ แล้วเพราะเหตุว่านายกรัฐมนตรีมาเลเซียนั้น เขาไม่ได้ 2 ใน 3 ซึ่งไม่ใช่ระบบเลย ผมประชุม 4 eye ผมบอกมีข้อกำหนดไหม ไม่มี 50 ครึ่งศตวรรษ ชนะ 2 ใน 3 ตลอด มาท่านนี้ซวย ฝ่ายค้านแข็งขึ้น แพ้ไป 8 แต้ม โดนไปครึ่งขบวน ชนะเกินครึ่งแต่ไม่ถึง 2 ใน 3 โดนเข้าไป แล้วก็ล่อกันใหญ่เลยครับ ล่อกันเองครับ บังเอิญเจอปัญหา ถามว่าตกลงมาเลเซียเกิดเหตุไหม เกิดเหตุ เรื่องอะไรครับ อุดหนุนน้ำมัน อุดหนุนข้าวสาร อุดหนุนน้ำตาล อุดหนุนหมดครับ ก็โดนไหมครับ แล้วประเทศไทยโดนไหม ก็โดนครับ มันโดนกันทั้งโลก บางประเทศเขาขับไล่รัฐบาลออกไปเลย แต่ว่าที่นี่เคราะห์ดีมันตั้งตัวเอาไว้ทัน รัฐบาลก่อนเขาทำเอาไว้ครับ เขาจัดการเอาไว้ ในยามที่ราคาไม่บ้าเลือดอย่างนั้น เขาก็ใช้ระบบกองทุน เขาก็อุดหนุนกันไปอุดหนุนกันมา วันดีคืนดีเขาก็คงจะรู้ประมาณการไว้ได้ เขาก็จัดการให้เสร็จ กำลังนี้ราคาน้ำมันวิ่งขึ้นวิ่งลงก็ไม่มีปัญหาครับ เพราะคนไทยรู้แล้วเข้าใจแล้ว เข้าใจว่าไม่ใช่เป็นความผิดของรัฐบาล ไม่ใช่ความโง่ของรัฐบาล เพราะเหตุว่ามันเป็นราคาต่างชาติ และน้ำมันแพงก็กระทบราคาสินค้า ราคาสินค้าแพงเพราะน้ำมันแพง อะไรละครับ
ราคาข้าว มีวิกฤตการณ์ เขาบอกยังไง ข้าวราคาแพงทั้งโลก แต่เมืองไทยชาวนาเดินขบวน มันต้องมีเหตุครับ ราคาทั่วโลกแพง แต่พ่อค้ามาเล่นกับโรงสี โรงสีไปกดชาวนา แล้วรัฐบาลทนไหมครับ รัฐบาลก็ทนไม่ได้ครับ รัฐบาลบอกจะซื้อ 14,000 เขาสิจะซื้อ 14,000 ใครจะเอามา ก็ซื้อไงครับซื้อนาปรัง 2.5 ล้าน จะออกเดือนกรกฎาคม พอเดือนมิถุนายนก็ดำเนินการ ไม่ช้าหรอกครับ เพราะข้าวยังไม่ออก ก็เตรียมไว้ตั้งแต่ตอนนี้ คือทุกอย่างก็ทำนี่ละครับคืองานที่ทำครับ น้ำตาลก็แก้ไขครับ มีปัญหาอะไรก็จะทำงาน ไม่ใช่นั่งหลับหูหลังตาอยู่ แต่ความอยากได้ใคร่ดี แล้วก็เขียนญัตติดูแคลนกันมา
ผมฟังแล้วก็ต้องพยายามอดกลั้น ไม่เรียงแถวตามนั้นมันจะยาวเกินไป เริ่มพูดบ่ายสองโมงกว่า เมื่อกี้นี้กว่าจะพูดสี่โมงสี่สิบห้า 2 ชั่วโมงกับ 45 นาที ผมใช้ไม่ถึงละครับ เพราะผมใช้วิธีรวบรัด ผมใช้วิธีแสดงให้เห็นชัดเจนเลยว่า เวลาที่ดำเนินการกันมานั้น ปัญหาเรื่องสมานฉันท์ ตำหนิติเตียนผมพูดจาอย่างโน้นอย่างนี้ ถ้าหากว่าผมเป็นคนเลวทรามต่ำช้าอย่างนั้นละก็ ไม่ใช่ละครับ กว่าหาข้อที่ 1 ว่า ตั้งรัฐบาลเอาคนไม่มีความรู้ความสามารถ เอานักเลงเข้ามาต่าง ๆ และตกลงเขาวัดกันด้วยอะไรครับ เขาไม่ได้บอกว่าจะเป็นรัฐมนตรีต้องมีปริญญาตรีหรือครับ และทุกคนที่เข้ามาไม่ได้ปริญญาตรีหรือครับ เขาก็ได้ปริญญาตรี ก็มีขอบเขตอย่างนั้น แล้วพรรคการเมืองของท่านตอนเป็นรัฐบาล สมาชิกในพรรคที่รับเลือกตั้งมา ไม่มีใครเป็นรัฐมนตรีเลยเหรอครับ เชิญคนนอกมาหมดเลย เคยทำไหมครับ ผมก็ไม่เคย ผมเคยอยู่ แต่ผมไม่เคยเห็น ตอนท่านเป็นรัฐบาลบริหาร ผมก็ไม่เห็นเอาคนนอกมาขนาดนั้น คนเก่งท่านมีเยอะครับ คนเก่งมีเยอะก็ชื่นชมว่าเก่งไง แต่ว่าพรรคนี้คนเก่งไม่เยอะ แล้วทำอย่างไรครับ แต่ระบบพรรคยังมีอยู่ เขาเลือกตั้งมาเขามีอย่างโน้นอย่างนี้อย่างนั้น สัดส่วนอย่างนี้มีทุกพรรคครับ แต่ทำไมถึงดูแคลนทางนี้ครับ ก็จำนวน ส.ส. เขาเป็นฐาน เขาได้ฐานมา ได้ฐาน 233 ทำไมตั้งรัฐบาลไม่ได้ครับ ให้ 164 ตั้งหรือ 233 ไม่ตั้ง แล้วคนจะตัดสินอีก 5 พรรค เขาก็นั่งดูอยู่ว่าอยู่ข้างไหนดี อยู่ข้างโน้นปริ่ม อยู่ข้างนี้ไม่ปริ่ม 316 ต่อ 164 เขาก็อยู่ข้างนี้ แล้วไงครับ
ก็เพราะแสดงให้คนทั้งบ้านทั้งเมือง เขาเห็นว่าอยากเป็นอยากอะไรแล้วไม่ได้ 4 เดือนแล้วถึงจะต้องมาแค่นกันอย่างนี้ นี่พูดกันชัดเจนเลยครับ พูดกันไม่ต้องเกรงใจเลย ต้องอธิบายให้ฟังคนทั้งบ้านเมืองจะได้เข้าใจเสีย พูดจาอะไรต่าง ๆ โอ๊ยประโคมกัน ขอยืนยันนะครับทุกหนทุกแห่งที่ทำนั้น มีเหตุผลในการดำเนินการ ถ้าไม่ได้นั่งอยู่ใน ครม. คนที่คาบมาบอกนั้น ทีหลังก็ให้เขาเล่าให้ครับถ้วนหน่อยสิครับ ถามสิครับว่าใน ครม. คนนั่งหัวโต๊ะ ลองไปถามสิว่ามีนายกฯ คนไหนที่ประชุมกันมา 4 เดือน จะสามารถผูกพันคน 35 คนให้นั่งทำงานร่วมกัน อยู่เหมือนคนในครอบครัวเดียวกัน นี่ละครับยืนอยู่ตรงนี้ครับ ที่เป็นหัวหน้ารัฐบาล ที่มีคน 6 พรรคแล้วอยู่กันเหมือนพรรคเดียว คนนี้ละครับ ใครจะคิดอะไรยังไงก็สุดแท้แต่ คิดเล็กคิดน้อยหนังสือพิมพ์ไปทำให้คิดมาก สุดแท้แต่ไปทำข่าว ไม่มีปัญหาครับ บางครั้งบางคราวไปกินข้าวกัน นักข่าวไปบ้าเลือด ผมบอกผมต้องแสดงความประหลาดใจได้ หาว่าทำหน้าทำตา ผู้สื่อข่าว ทำไมละครับ ก็ผมนัดกันเงียบ ๆ คุณมากันเป็นร้อย คนมากินข้าว 8 คน แน่นอนครับผมกินข้าวกับ 6 ท่าน อาวุโสกว่าผมก็มี 2 ท่านนั่งกินข้าวด้วยกัน เสร็จแล้วตกลง ผมจัดการอย่างไร ผมไม่บอกละครับ แต่ออกมาเขาจะคุยเรื่องไหน ท่านก็บอกเรื่องนั้น ถามนำถามไปถามมา ถึงขั้นจะต้องคิดจะถอนตัวไหม ท่านอาวุโสท่านบอกขอคิดดูก่อน เท่านั้นละครับเป็นเรื่องใหญ่เลย แต่ลองตามข่าวดูไหมละครับ บ่ายท่านประชุม พรรคท่านมีแถลงหรือครับ บอกเปล่า ไม่ใช่อย่างนั้น นักการเมืองอย่างผมก็ต้องหัวเราะในใจ เพราะเราตกลงข้างในว่าไม่แถลงในสิ่งที่พูดกัน มาเซ็นเรียบร้อยแล้ว สักพักท่านบอกว่ายังไง เราก็หัวเราะฮึ ๆ ในใจ นั่นละครับของจริงเป็นอย่างไร กับที่ข่าวเอิกเกริกเป็นอย่างไร
เรื่องพรรค์อย่างนี้ ที่ทำงานกันเรื่องนี้ ผมทำงานทุกอย่าง ผมทำงานไม่ใช่ว่าไม่รู้เรื่องต่าง ๆ เพราะผมไม่เก่งละครับ ไม่เก่งอย่างหลายคนในพรรคประชาธิปัตย์ แต่ผมก็รู้จักที่จะฟังความข้าราชการประจำว่าจริง ๆ ต้องเป็นอย่างไร ผมไม่ใช้ตัวเลขหรอกครับ GDP เท่าไร ๆ ผมให้คนที่เขาใช้ถนัดเขาใช้ เพราะหน้าตาอย่างผมใช้อย่างนั้นไม่ได้ แต่ผมเข้าใจนะครับ เหมือนผมไม่ตีกอล์ฟ ไม่เล่นกอล์ฟเลยครับ แต่นั่งดูกอล์ฟได้ รู้สึกตื่นเต้นเลยเวลาเท่าไร เขาเล่นกัน 4 วัน วันสุดท้าย ทางโน้นวันอาทิตย์ ทางเราตรงกับวันจันทร์ นั่งดูกับเขานี่ครับ รอบสุดท้ายก็ตื่นเต้นกับเขา ดูเป็นครับเรียกถูกด้วย อะไรเป็นอะไรอย่างไร แต่ตีกอล์ฟไม่เป็น แต่ว่าของพรรค์อย่างนี้ถ้าอยู่ใน ครม. เข้าใจแล้วก็บริหารได้ ไม่ได้ถือไม้กอล์ฟ ไม่ต้องมีวงสวิง แต่สิตปัญญาอยู่ในหัวครับ คิดเป็นครับว่ารู้ว่าอะไรควรทำ รู้ว่าอะไรควรเว้น ก็เดินทางต้องปรากฏตัว คุณลองสิครับ คุณยังไม่เคยเป็น ท่านหัวหน้าฝ่ายค้านยังไม่เคยเป็นนายกฯ ผมก็ไม่เคยเป็น ผมเพิ่งเคยเป็นหยก ๆ 4 เดือน ถ้าท่านเป็น เขาก็ต้องให้ท่านไปเดินทาง 9 ประเทศ ต้องไปครับ และไปนั่นละครับบทเรียนกระทรวงการต่างประเทศเขาให้ เราก็จะรู้จักขึ้น ตรวจแถวสวนสนามเป็นอย่างนี้ เวลาเจออย่างนี้ ไปเรียนเลยครับบทที่ 1 เรียนกับประเทศลาว พูดภาษาเดียวกัน บทที่ 2 เรียนกัมพูชา บทที่ 3 เรียนพม่า เรียนมาแล้ว 8 บทครับ เหลืออีกบทหนึ่งยังไม่จบ และต่อไปก็ต้องประเทศใหญ่ ๆ
แต่ปรากฏว่าเมื่อเวลาที่ได้พบกันแล้ว ได้คุยกันแล้ว มีความผูกพันกัน มีความเข้าใจกัน ทำไมละครับ บางคนตั้งข้ออย่างประเทศพม่า ผมไม่ตั้งข้อ ผมคุยได้ทั้ง 3-4 คน ผมไปเจอกันหนที่ 2 ที่เวียงจันทน์ เสร็จแล้วท่านรับปากเลยกลับมาเยี่ยมผม เยี่ยมผมเสร็จแล้วเรียบร้อย ทำไมคนอย่างผมถึงเป็นคนที่ว่าสหประชาชาติ นายบัน คี มูน โทรศัพท์มาหาช่วยขอแรงหน่อยครับ รู้จักคุ้นเคยกับทางพม่า เขาเข้าไม่ได้ ผมนี่ละครับเป็นคนเปิดประตู ผมเป็นคนพูดกับทางนั้นส่งคนไปก่อน แล้วผมไปเจรจาเอง ถูกด่าหน่อยบอกว่าเขาเอามาให้ ไม่ใช่ไปดูไปฟัง ถูกต้องไม่มีปัญหา แต่ผมเบื่อประตูครับ แม่ทัพอเมริกันมาได้นั่งเครื่องบินซี 130 ลงไป อเมริกันส่งไปอีก 3-4 ลำ เขาเกลียดอย่างกับขี้
ประเด็นอยู่ว่านายกรัฐมนตรีถูกหัวหน้าฝ่ายค้านดูแคลนอย่างแรง พูดจาว่าไม่มีความสามารถจัด ครม.ไม่เป็นสับปะรด แล้วบริหารไม่เป็น คิดไม่เป็น แก้ไขปัญหาไม่ได้ การพูดให้ฟังนี่ละครับ ฟังไปฟังไปจะได้รู้ว่าคนนี้เป็นอย่างนี้เอง มันไม่ได้เป็นอย่างที่หัวหน้าฝ่ายค้านกล่าวหา ขนาดนี้ผมเพิ่งพูดไปได้ 15 นาทีเท่านั้น ผมทนฟังหัวหน้าฝ่ายค้านพูด 2 ชั่วโมง 45 นาที ผมยังทนได้เลยครับ นี่ 15 นาทีท้วงแล้ว ประเด็นที่พูดนี่น่าท้วงหรือครับ การที่ผมพูดผมแสดงความคิดเห็นว่า ผมมีความสามารถในการพูดจากับต่างชาติ ผมเป็นนายกฯ ได้ 4 เดือน ผมสามารถจะเปิดประตู พม่าปิดประตู ผมกำลังจะดึงพม่าออกมาจากเงามืด ผมกำลังทำหน้าที่ของผมอยู่ ทำไมผมทำได้ละครับ ถ้าไม่มีความสามารถ ผมบอกเลยครับกระทรวงการต่างประเทศเขาเป็นพี่เลี้ยง เพราะฉะนั้น ถ้าพี่เลี้ยงผม เขาไม่มาทำให้ผมเสียหาย ผมก็ต้องยกย่องเขา และผมก็ดำเนินการ ผมทำ ผมกำลังคุยให้ฟังว่าผมมีความสามารถในการพูดจากับประมุขต่างประเทศ อย่างน้อย 8 ประเทศที่ได้พบกันมาแล้ว เวลาที่พบปะพูดจากันแม้แต่วันเดียวสองวัน แต่ก็มีความรู้จักคุ้นเคยกัน มีการโทรศัพท์หากัน มีปัญหาเขาหารือกัน ลองถามสิครับ 8 ประเทศ ยกเว้นบรูไน ยังไม่เจอ แต่ท่านก็รู้จักผม เขาได้คบหาสมาคมกับนายกฯ ไทยแล้วเขาเป็นอย่างไร
คำอภิปรายของท่านหัวหน้าฝ่ายค้านเมื่อสักครู่นี้ แปลเป็นภาษาต่างชาติให้เขาฟังได้ จะได้รู้บอกทำไมไม่เหมือนกับที่เจอสมัคร คุยกับสมัคร ไม่ใช่เป็นอย่างนั้นเลย ผมจะบอกให้ฟังว่าการอภิปรายวันนี้เป็นการอภิปรายดูแคลนหัวหน้ารัฐบาล ถ้าผมไม่แสดงให้เห็นว่าผมรู้ ผมมีความสามารถและผมจะไปพูดอะไรตรงไหนอย่างไร ผมจะอภิปรายตอบเป็นคำ ๆ ๆ ๆ มากเกินไป ผมก็เปลี่ยนแนวทางของผมใหม่ ผมเล่าให้ฟังเท่านั้นละครับว่า ผมไม่ได้เป็นอย่างที่กล่าวหาผม แน่นอนครับบ้านเมืองนี้มีปัญหา ผมถึงได้เทียบเคียงว่าบ้านเมืองกำลังมีปัญหาอยู่ และผมก็เข้ามา ปัญหาขนาดไหนครับ ปัญหาที่เป็นรัฐบาลที่มารับช่วงหลังจากการปฏิวัติ หลังจากการเปลี่ยนแปลง ปฏิวัติแล้วเป็นอย่างไร ปฏิวัติแล้วต่างชาติเขาไม่คบหาสมาคม 16-17 เดือน เขาไม่ติดต่อด้วย สถานะทางเศรษฐกิจเป็นอย่างไร เสียหายแน่นอนครับ ต้องกอบกู้ไหม ต้องกอบกู้ครับ คนที่มาก็บอกแล้วว่าไม่เก่งครับ เพราะโชคไม่ดีครับ นักการเมืองเก่ง ๆ ที่ควรจะมาสมัครรับเลือกตั้ง ก็ถูกไปชำชองอยู่มากมายหลายคน
แล้วทีนี้ทำยังไงครับ ผมก็เอาเท่าที่ผมทำได้ และผมก็ดำเนินการ แล้วทำไมครับ เมื่อเขามีปฏิวัติ เขาฉีกรัฐธรรมนูญทิ้ง และเขาก็เขียนรัฐธรรมนูญใหม่ ตอนเขียนเขาก็บอกว่าไม่ค่อยดีเท่าไร เพราะเขาต้องการจะให้รัฐบาลที่เกิดขึ้นอ่อนแอ มีหลักฐานชัดเจนเลยครับ คนร่างไปเขาก็คุยไป ต้องการทำให้อ่อนแอ ต้องการทำอย่างนั้น ต้องการทำให้ยุ่งยาก เลือกตั้งอย่างนี้ต้องแก้อย่างนี้ ก็เห็นพ้องต้องกันว่าต้องแก้เรื่องนั้นเรื่องนี้ แต่ผมพูดชัดเจนว่าผมไม่เห็นด้วยกับการแก้มาตรา 309 ผมก็พูด มาตรา 237 เขาบอกครึ่งหลังต้องแก้ นี่ละครับ ผมพูดตรงไปตรงมา ผมจะร้องถามดูสิครับว่า รัฐธรรมนูญน่ะคนเขียน ถ้ารัฐธรรมนูญแก้ไม่ได้ แล้วเขียนมาทำไมครับวิธีแก้ทำอย่างไร ทุกฉบับครับเขียนไว้เลยวิธีแก้ทำอย่างไร เมื่อวานนี้อภิปรายกล่าวหาว่าผมจะตั้งสาธารณรัฐ ทำอย่างโน้นอย่างนี้ วิสูตรเลย จะเอาองคมนตรีออก เคราะห์ดีรัฐมนตรีเขาอธิบายความให้เห็นเลยว่ามันอยู่หมวดนี้ ๆ เล็ก ๆ น้อย ๆ ก็จะเอากันพังเมื่อวานนี้ วันนี้ก็จะเอากันพัง แต่ว่ารายละเอียดเจ้าของเรื่องจะเป็นคนอธิบายความเอง
แต่ผมมีหน้าที่ต้องอธิบายว่าทำไมถ้ารัฐธรรมนูญไม่ดีแล้วแก้ไม่ได้ละครับ แล้วทำไมการแก้รัฐธรรมนูญต้องเป็นชนวนให้คนลุกฮือขึ้นมาละครับ ทำไมละครับ หรือว่าทางนักการเมืองฝ่ายค้านเห็นดีเห็นงามกับรัฐธรรมนูญ 2550 ก็อย่าแก้สิครับ ไม่ต้องแก้ ให้คนที่เขาจะแก้ ๆ 316 บวกกับสมาชิกวุฒิสภาบางส่วนแก้ได้ครับ ท่านไม่ต้องลงคะแนนแก้ละครับ แต่พวกท่านได้ประโยชน์ก็มาใช้สิครับ เลือกตั้งเขตละคน คนละเขต ดีแล้ว ย้อนไป 157 เขต ควรแก้ไหมครับ วุฒิสมาชิกกระโดกกระเดกนะครับ เลือกตั้ง 76 แต่งตั้ง 74 ควรแก้ไหมครับ มีมากมายหลายประเด็น แก้เพื่อใคร เพราะการแก้จะต้องบอกไว้เลยว่าจะใช้เมื่อไร ใช้เมื่อเลือกตั้งทั่วไป ไม่ใช่ตัวเราเองครับ วันข้างหน้าสมัครใหม่ก็มาใช้ประโยชน์ ผมพูดชัดเจนเลยว่าไม่ได้ทำเพื่อจะไปช่วยกัน ช่วยไม่ได้หรอกครับ แก้รัฐธรรมนูญได้วันพรุ่งนี้เขาต้องขึ้นศาลอยู่ดี อยู่ในศาลอยู่แล้วครับ คณะกรรมการตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ (คตส.) เขาจบแล้ว เขาส่งเรื่องมาให้คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เขาส่งหมด เขามีหมด ต้องอยู่ในศาลอยู่ในมือคนดำเนินการต่อ ไม่หลุดรอดไปละครับถ้าทำความผิด พูดกันชัดเจนอย่างนี้
เพราะฉะนั้น เมื่อจะแก้รัฐธรรมนูญทำไมถึงจะต้องไปเห็นใจว่า มีคนเขาไม่พอใจกระโดดลงมา ยื่นแก้รัฐธรรมนูญต้องปลุกระดมเลยครับ ผมก็ประหลาดใจว่าพรรคการเมืองบางพรรคเห็นชอบกับการปลุกระดม และเข้าใจว่าถูกต้อง คือหมายความว่าใครแก้รัฐธรรมนูญเลยต้องกระโดดลงมา ทำไมอย่างนั้นละครับ การแก้รัฐธรรมนูญนั้นผมบอกชัดเจนเลยว่าสมาชิก ถูกต้องพรรคเดียวกันครับ แต่ทว่าตกลงพรรคเดียวกันไม่ได้แบ่งเป็นสองซีกหรือครับ ทางท่านไม่มีโอกาสแบ่งครับ ท่านต้องอยู่ในสภาหมด แต่คนเป็นรัฐบาลแบ่งสองซีกนะครับ ส่วนหนึ่งไปเป็นอยู่ฝ่ายบริหารครับ เป็นอำนาจหนึ่งของประเทศ และอีกพวกหนึ่งก็อยู่ในสภา เป็นอำนาจหนึ่งเป็นนิติบัญญัติ และศาลท่านก็มาตามระบบของท่าน 3 อำนาจคานกันอยู่ ทำไมสมาชิกในพรรคของพรรคพลังประชาชนจะทำอะไรอย่างไรนั้น ก็ต้องให้เกียรติสมาชิกเขาอยู่นิติบัญญัติ ผมอยู่ฝ่ายบริหาร
เพราะฉะนั้น แม้จะเป็นพวกเดียวพรรคเดียว แต่ก็ต้องแบ่งงานกัน เขาก็ทำของเขา มันเสียหายอะไรครับแก้รัฐธรรมนูญ แต่ไปถึงก็ไปปลุกระดมบอกไม่ได้เป็นเหตุ แล้วเป็นเหตุเลยไปถึงไหน พอได้เหยื่อ รัฐธรรมนูญเอาไปไม่ได้ ถอน ๆ ๆ ๆ เอาไปได้เหยื่ออีกตัวหนึ่งแล้ว การปลุกระดมว่าอย่างไร เรื่องที่บอกว่าเตือนผม เขียนจดหมายไปเตือน ผมต้องมีเหตุผลของผม คนอย่างผม ๆ เฝ้าดูคนบางคนที่ดูหมิ่นดูแคลนพระราชวงศ์ เขียนแดกดัน ตำรวจยังไม่ค่อยกล้าดำเนินคดีเท่าไร ไม่มีใครจัดการเลยครับ ขึ้นต้น ส นั่นน่ะ ไปดูสิครับ เพราะฉะนั้น อย่างที่เกิดเหตุผมจะบอกให้ฟังนะครับว่า ว่ากล่าวเป็นพฤติกรรมเป็นอันตรายต่อสถาบัน และนายสมัครไม่จัดการ นี่หรือคนจงรักภักดีไม่ดำเนินการ
ท่านก็คงทราบเหมือนที่ผมทราบ การพูดของนายจักรภพ (นายจักรภพ เพ็ญแข อดีตรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี) พูดที่ไหน พูดที่สมาคมผู้สื่อข่าวต่างประเทศ พูดเมื่อไรครับ พูดเดือนสิงหาคมปี 2550 ทุกคนรู้ ทุกคนเข้าใจ ทุกคนถอดเทปเก็บไว้หมด เก็บไว้ทำไมครับ ความจงรักภักดีทำไมเก็บไว้ละครับ จนกระทั่งจักรภพอยู่ข้างนอกก็ไม่เป็นไร ก็เป็นคนดีไปตลอดชีวิต แต่ดันมาเป็นรัฐมนตรี พอไปสั่งงานเกี่ยวข้องกับสื่อสารมวลชนเข้า ก็เริ่มถูกเกลียดชัง ไปเหยียบหางใครเข้าปั๊บทันที ตำรวจคนหนึ่งมาเลยครับ เอาที่เก็บไว้เรียบร้อย แจ้งความเลยครับ นี่ไงครับสามารถจะเอาความจงรักภักดีใส่แฟ้มไว้ก่อนครับ คนนี้ถ้าเผื่อไม่เป็นอะไรไป ก็รอดตัวไป แต่ว่าไปเหยียบหางเขาเข้าปั๊บ เขามาทันทีเลยครับจัดการ ผมรู้อย่างนี้ผมถึงบอกตำรวจช่วยจัดการที ผิดหรือครับ หัวหน้าฝ่ายค้านยื่นกล่าวหาบอกว่า คนนี้เป็นอันตราย ผมบอกขอให้ตำรวจจัดการ กลายเป็นว่าหัวหน้า รัฐบาลไม่เอาใจใส่เรื่องนี้ เป็นอันตรายอย่างยิ่งกับสถาบัน ก็ตำรวจจัดการสิครับ คนที่เป็นอันตรายมีมากมายก่ายกอง กำลังนี้อันตรายก็มีอยู่ เรามีระบบของเรา กระบวนการยุติธรรมมี ก็ให้เขาจัดการ
เห็นไหมครับ แก้รัฐธรรมนูญก็มีเหตุผลว่าการแก้ต้องไม่ผิดกฎหมาย ต้องทำได้ แต่ทำไมต้องปลุกระดม การที่ไม่ดำเนินการกับคนที่หัวหน้าพรรคฝ่ายค้านยื่นมา ผมให้ตำรวจดำเนินการแปลว่าผมไม่จงรักภักดีหรือครับ การวินิจฉัยผมก็บอกเป็นทำนองว่า ถ้าหัวหน้าพรรคฝ่ายค้านยื่นมาวันละคน แล้วผมต้องเอาออกหมด แล้วผมเหลือตัวคนเดียวแล้วยังไง วันดีคืนดียื่นมาบอกนายสมัครไม่จงรักภักดี ผมก็ต้องออกด้วย อย่างนั้นละครับ เป็นไปไม่ได้ครับ เพราะฉะนั้น จะต้องฟังเหตุผลกันบ้างว่าอะไรเป็นอะไรอย่างไร ทั้งหมดนี้จะบอกทีละถ้อยทีละคำอะไรต่าง ๆ นั้น มันจะยาวเกินเหตุ แต่พูดซะให้เข้าใจว่าทั้งหมดนี้คือผมก็ไม่อยากพูดจาให้กระทบกระทั่ง การแสดงออกมาเขียนมา 9 ข้อนั้นก็ขอบคุณครับ ไม่ได้กล่าวหาว่าทุจริตฉ้อราษฎร์บังหลวง แต่การกล่าวหาว่าไม่มีคุณธรรม ไม่มีความสามารถอะไรต่าง ๆ ที่เขียนมานั้น ลองอ่านดูสิครับ ผมเองผมไม่กล้าไปเขียนกล่าวหาใครอย่างนั้น มันดูแคลนกันเกินไป และถ้าผมได้โอกาสลุกมานั่ง ผมก็ต้องลุกขึ้นมาพูด พูดแล้วคนทั้งบ้านทั้งเมืองจะเห็นว่าตกลงเป็นอย่างนั้นหรือเปล่า ผมโง่ขนาดนั้นหรือเปล่า ผมประพฤติอย่างนั้นหรือเปล่า ผมโกงอย่างนั้นหรือเปล่า ผมไม่มีความสามารถในการเงินอย่างนั้นหรือเปล่า
ที่พูดต่างๆ ให้ฟังนั้น เพราะญัตติที่ยื่นนั้นกระจัดกระจาย ตุปัดตุเป๋ มันกล่าวหาเหมือนกับว่าไม่รู้จะทำอะไรแล้ว ขอสอดแทรกมาจะเอาให้ได้ตรงนี้ ผมอธิบายความให้ฟังทีละท่อน แล้วไม่ต้องยืดยาวเยิ่นเย้อ ผมอยากจะบอกนะครับว่าบางครั้งนั้น คนที่ทำอยู่นั้นมีความรับผิดชอบ คนที่เฝ้าดูอยู่นั้นไม่ต้องรับผิดชอบ นักมวยอยู่บนเวที แน่นอนครับ ถ้าไม่มีความสามารถก็คงไม่ขึ้นไปต่อย แต่ไปต่อยแล้วพี่เลี้ยงอยู่ข้างนอกเห็นชัดกว่า นักฟุตบอลถ้าไม่เล่นเก่ง ก็คงไม่ได้เล่นในสนาม แต่คนที่เก่งกว่านั่งอยู่ข้างนอก มันตะโกนบอกได้ครับ แต่บางครั้งโค้ชก็ไม่เข้าใจสถานการณ์ที่เกิดขึ้นตรงนั้น บางครั้งพี่เลี้ยงก็ไม่รู้ข้างบนมันเกิดอะไรขึ้นอย่างไร เหมือนกันครับ นักการเมืองฝ่ายค้านเฝ้าดูรัฐบาล ไม่รู้ละครับในประชุม ครม. คนคาบออกมาเล่า คาบไม่หมดครับ คนที่ไม่มีความสามารถมีอยู่ครับ มีข้อขัดข้องครับ รัฐมนตรีไม่ลงตัวมีบ้างครับ แต่ว่าอย่างไรก็ตามแต่ มันต้องอยู่ที่หัวหน้ารัฐบาล ที่จะเป็นคนดูแล
สถานการณ์บ้านเมืองจะแก้ไขนั้นบางครั้งเราต้องเห็นใจเขา ไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีคลัง เขาต้องการจัดการ ถ้าท่านเป็นฝ่ายค้าน ท่านต้องอยู่ในสถานะนี้ มีคนที่เขาได้รับความชอกช้ำ มีคนที่อะไรต่าง ๆ ทำไมครับเวลาที่มีคณะเข้ามาแล้วมาจัดการเปลี่ยนแปลง ยื้อยุดฉุกกระชาก ตรวจนั่นตรวจนี่ เปลี่ยนเป็นตับ ปลดเป็นออก ไม่มีใครหือเลย ไม่มีใครพูดจา ไม่มีใครว่ากล่าวอะไรเลยครับ ปล่อยหมด แล้วทำไมมันเปลี่ยนแปลงรัฐบาลใหม่เข้ามา จัดใหม่ไม่ได้หรือครับ นี่ธรรมเนียมของโลกนะครับ ในอเมริกาเขาให้เวลาตอนไหน เขาเลือกตั้งเสร็จวันอังคารแรกของเดือนพฤศจิกายน แล้วเขาทิ้งไว้นานเท่าไรครับ เขาทิ้งไว้จนถึงวันที่ 20 มกราคม คิดสิครับ ต้นเดือนอาทิตย์แรก ถัดไปเดือนพฤศจิกายนเกือบทั้งเดือน เดือนธันวาคมอีกทั้งเดือน วันที่ 20 มกราคม 2 เดือนครึ่ง เขาให้เวลาทำอะไรครับ เขาปรับเขาเปลี่ยนหมด ใครจะถอดจะถอนเขาทำหมด แล้วเข้าไปเขาก็ไม่ต้องไปโยกย้าย เพราะเขาโยกย้ายหมดแล้ว และหลายอย่างหลายตำแหน่ง เขาไม่ต้อง เพราะเลือกตั้ง ผู้พิพากษาก็เลือกตั้ง ตำรวจก็เลือกตั้ง ตำแหน่งในทำเนียบขาวถูกโยกย้ายหมดในเวลา 2 เดือนครึ่ง
แต่ของเราครับ คณะปฏิวัติเปลี่ยนแปลงเอาผู้พิพากษา ซึ่งเคยอยู่ตรงกลางต้องวินิจฉัยความขัดแย้งระหว่างสภากับรัฐบาล นิติบัญญัติกับฝ่ายค้าน หรืออะไรต่าง ๆ ผู้พิพากษาเคยวินิจฉัย ปรากฏไม่ไปอัญเชิญท่านเอามา ยังอยู่ในตำแหน่งราชการยังไม่เกษียณ เอาไปเป็นรัฐมนตรีเข้าไปเป็น เอาไปเป็นอธิบดีก็เอาไปเป็น เอาไปเป็นปลัดกระทรวงก็ไปเป็น เอาไปเป็นคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) 5 ท่าน เอาระบบผู้พิพากษาไปทำตรงนั้นแล้วเป็นยังไงครับ กระทบกระเทือนไหมครับ กระทบกระเทือน มันเสียหาย เพราะฉะนั้น เมื่อเราเข้ามาใหม่ ที่ไม่ไว้วางใจรัฐบาลสมพงษ์ (นายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม) แล้วทำไมละครับ ก็ท่านมาอยู่ตรงนั้น ท่านกำลังอยากจะขอกลับ พอเราต้องการจะปรับเปลี่ยนใหม่ เราก็บอกท่านช่วยไปอยู่ตรงนี้ที งานใหม่ท่านไปอยู่ตรงนี้ แล้วเขาก็เปลี่ยน อะไรเปลี่ยนแปลงกันไม่ได้เหรอครับ ผมเปลี่ยนครับ คนสำคัญ ๆ ใครไม่กล้าเปลี่ยน ผมยังเปลี่ยนเลยครับ เพราะผมถือว่าผมต้องรับผิดชอบในสิ่งที่ผมเปลี่ยน คนจะบริหารต้องอย่างนี้ ไปนั่ง อ๋อไม่ได้ครับ เข้ามาต้องเป็นคนดีครับ เปลี่ยนอะไรไม่ได้ครับ เป็นคนดีครับ เดี๋ยวเขาว่าครับ เดี๋ยวฝ่ายค้านเล่นงาน เดี๋ยวถูกอภิปรายไม่ไว้วางใจ ไม่เปลี่ยนปล่อยไว้อย่างนั้น แล้วงานการเป็นอย่างไร เสียหายไหมครับ เปลี่ยนเพื่อไม่ให้เสียหายแล้วเปลี่ยนมากไหมครับ เปลี่ยนเท่าที่จำเป็นต้องเปลี่ยน
เพราะฉะนั้น ที่กล่าวหามาแต่ละอันๆ นั้น ผมอยากเรียนให้ทราบว่าปัญหาบางสิ่งบางอย่างนั้น ผมคุยกับประธานาธิบดีอาร์โรโย ท่านบอกว่าอยากจะได้ข้าว ผมบอกท่านเลยว่าถ้าท่านใช้วิธีแบบการประมูล แล้วให้ใครมาสลักหลัง ท่านทำท่านไป แต่ถ้าท่านต้องการข้าว เรามีข้าวอยู่ในสต๊อก ถ้าขาดเรานั่น ฟิลิปปินส์ไม่ขาด แต่เขาต้องการทำสัญญา 3 ปี ตั้งราคาไว้อย่างนั้น เราบอกไม่เป็นไร ผมกระซิบท่านบอกเลยครับ เพราะฉะนั้น ไม่ต้องเสียโอกาส ผมต้องการรักษาราคาข้าว ผมคุยกับนายกรัฐมนตรีเวียดนาม ผมคุ้นเคยกับเขาขนาดว่า เขาเกิดวิกฤตการณ์ ผมก็โทรศัพท์ไปหาท่าน และเขาบอกเลยครับว่า เราต้องช่วยกันประคองรักษาข้าว ท่านเริ่มผลิตได้ ผมก็ผลิตได้ ต้องทำราคาให้สูงไว้ นี่เป็นเรื่องส่วนตัว เป็นเรื่องที่ว่าคิดกันและก็บอกกัน และมาเข้าระบบ
ก็ทำงานนี่ครับ การรักษาราคาข้าวสูง ชาวนามีรายได้ดี ไม่ดีหรอกครับ ข้าวสูงเพราะไปแพงที่ชิคาโก แพงข้าวสาลี และมาแพงข้าวสาร และเกิดการแพง และเกิดการกล่าวหาว่าไปปลูกพืชพลังงาน และมากล่าวหาไทย ผมก็ต้องตอบโต้ไปว่าอะไรกัน และผมก็ว่ากล่าวไปเป็นทำนองน้ำมันขึ้นราคาไม่ว่า พอข้าวขึ้นราคามาว่า เราวิเคราะห์พิสูจน์ให้ฟังทั้งนั้นละครับ และคนที่ถูกผมตำหนิ วันดีคืนดี เขาก็โทรศัพท์มาหาผม ขอแรงหน่อย เข้าประเทศนี้ไม่ได้ ขอให้ช่วยหน่อย ก็มีความสัมพันธ์อย่างนี้ ก็ได้รู้จักได้พูดจากัน บางสิ่งบางอย่าง รัฐบาลอื่นอาจจะไม่กล้าทำ แต่ผมกล้าทำครับ คนโน้นเขาเขม่น ใครไปยุ่งกับพม่า อเมริกาก็เขม่น ใครไปยุ่งกับพม่าอียู ก็เขม่น แต่ผมปาฐกถาให้พวกนี้ฟังหมด ผมปาฐกถาให้ฟังตั้งแต่ผมยังไม่ไปพม่า และผมไปพม่ามาแล้ว ใครก็อยากฟังปาฐกถาของผม แต่ผมบอกผมพูดไม่ได้ละครับ เพราะกระทรวงการต่างประเทศเขาไม่ให้นายกรัฐมนตรีต้องพูดเรื่องนี้ ผมก็ไม่พูดครับ แต่ใครอยากจะเอาเรื่องเมืองพม่า ก็คุยกับนายสมัคร สุนทรเวช ที่ไม่ใช่นายกรัฐมนตรี ให้ข้อมูลไป ผมทำอย่างนี้เพื่ออะไรครับ เพื่อว่าเพื่อนบ้านที่มีคะแนนในสหประชาชาติเหมือนกัน มีทรัพยากรเป็นเพื่อนบ้านอาศัยได้ เขาจะได้ไม่ถูกดูหมิ่นเหยียดหยาม จะเป็นจะตาย กำลังช่วยเขาอยู่ ไปประชุมกัน 6 ประเทศ ประชุมเสร็จเรียบร้อยเขาจะไม่ให้เป็นเจ้าภาพต่อไป ผมบอกไม่ได้ ผมออกมากลางวง ผมบอกไม่ได้ คุณเป็น ADB แล้วเชิญเขามาทำไม 3 ปีก่อนเชิญมานั่น 3 ปีนี้เชิญมานี่ แล้วปีต่อไปเขาจะเป็นเจ้าภาพไม่ให้เขาเป็น ไม่ได้ ผมขอโหวตเลยครับ 6 ประเทศ 6 นายกฯ โหวตให้เลยบอกให้พม่าเป็น ผมบอกผมมีเหตุผล ผมกำลังจะช่วยเขาอยู่ เขากำลังจะเลือกตั้ง อีก 2 ปีเขาจะเลือกตั้ง และอีก 3 ปีเขาจะเป็นเจ้าภาพ ถ้าเขาประพฤติไม่ดี เราก็ไม่ให้เขาเป็น มีเหตุผลไหม เรื่องอย่างนี้ผมทำครับ
นี่ละครับนายกรัฐมนตรีไทย คนที่ถูก กล่าวหาไม่ไว้วางใจวันนี้ ว่าไม่มีไอ้โน่นไอ้นี่ ไม่มีความคิด แต่ที่เล่าสิ่งละอันพันละน้อย แล้วตอบคำถามเป็นขั้นเป็นตอนนั้น เพื่อจะให้รู้ว่าผมรับผิดชอบในสถานะของผม ผมรับผิดชอบในสถานะว่า ผมจะต้องตอบ ผมก็ทำให้ ผมทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ก็ได้ครับ แต่ผมทำให้ ถ้าคลางแคลงใจว่าทำไมรีบร้อนไม่มีใครบังคับผม ผมทำให้ และก็อธิบายความให้ฟังนั้น ก็อยากจะย้อนกลับมาตรงสุดท้ายตรงนี้เท่านั้นเองครับว่า สิ่งที่เอามาอ่านกันเมื่อสักครู่ตอนจบนั้น ดูเป็นเรื่องดุเดือดเลือดพล่าน ขอยืนยันนะครับว่าที่เอามาอ่านมาแสดงต่าง ๆ นั้น เป็นสิ่งที่คนไทยที่สนใจก็รู้กันอยู่ ข้อเท็จจริงคือที่อ่านนั้นคือการบอกให้คนทั้งบ้านทั้งเมืองรู้ว่ามีคดีความจริง เขาเรียกว่าคดีถูกปิดปาก เขาไปทำแผนที่มา รัฐบาลไหนละครับ รัฐบาลก่อนหน้านั้น เขาไปทำมา ไม่ใช่รัฐบาลแถวนี้ทั้งนั้น ไม่ใช่รัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์ด้วย และเวลาที่อยู่ ท่านถูกได้รับเชิญมา พ.ศ. 2505 ผมละครับการเมืองขึ้นสมองเลยกำลังนั้น สมัยจอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ และก็จัดการดำเนินการ และก็สงวนสิทธิ์สงวนทุกวันนี้ กรรมการก็ยังสงวนอยู่ ที่เขาไปดำเนินการตกลงเจรจา เรารู้หมด เพราะกระทรวงการต่างประเทศเขาเป็นคนทำ จดหมายทักท้วง รัฐมนตรีเขาเป็นคนให้ทักท้วงไปอย่างนั้น รุ่งขึ้นเขาตอบมา
การที่เขาบอกนายกฯ สมัครเห็นชอบ ก็พูดกันในขนาดประชุมกันห้องเต็มหมด ก็เขาเขียนให้ผมบอกนี่ครับว่า ถ้าพูดกันเรื่องเขาพระวิหาร ถ้าไม่ยกประเด็นไม่พูด เขาพูดเรื่องเขาพระวิหาร แล้วบอกว่าเขาพระวิหารนั้น ถ้าหากว่า ทางโน้นเขายอมรับว่า ถ้าพื้นที่ทับซ้อนเราต้องยื่นด้วย พื้นที่ทับซ้อน 4.6 ตารางกิโลเมตร ต้องยื่นด้วย ถ้าเผื่อคุณสามารถจะพิสูจน์ได้ว่าเอาเฉพาะข้างบน ก็ต้องลองดู ก็เท่านั้นเองครับ แล้วเขาก็ไปทำอย่างที่ว่า วันที่สองจะขึ้นได้ไม่ได้ ยังไม่รู้เลยครับ ที่ไปทำมาก็ไม่มีอะไรผิด ทุกคนรับรองหมด ไม่มีอะไรยังไงเลยครับ เขาสงวนสิทธิ์ไว้หมดทุกอย่าง ไม่มีอะไรจะน่าตื่นเต้นยังไงเลย แต่ทำกันตื่นเต้น ไม่มีอะไรเสียเลยครับ เขาจะขึ้นไหมขึ้นก็ยังไม่รู้วันที่ 2 นั่น แต่ว่าเราไม่ตกลงกับเขา ๆ ก็ไปคนเดียว และเขาจะเอาพื้นที่ทับซ้อนไปขึ้นด้วยคนเดียว เขาจะไปยื่น เราบอกไม่ได้ พื้นที่ทับซ้อนยื่นไม่ได้ ในที่สุดก็ตกลงกันว่าต้องพูดว่าพื้นที่ทับซ้อนไม่ยื่น ใครเป็นคนกลาง ก็ยูเนสโก บอกคุณไปประชุม ถามว่าขีดเอาเฉพาะปราสาทได้ไหม นายกรัฐมนตรีเขาบอกเอาแต่ปราสาทไปขึ้น บอกว่าถ้าขึ้นได้ก็เอา เขาก็ไปเจรจาความ เขาก็ขีดเฉพาะปราสาท ก็เอาละตกลง เขาก็ออกแถลงการณ์ ก็จะตีความว่าแถลงการณ์เป็นกฎบัตรกฎหมายก็ดำเนินการกันไปเถอะครับ มันเกินเหตุไปหน่อยเท่านั้นเอง ไม่มีใครคิดว่าจะเป็นสนธิสัญญาเป็นอะไร และที่ดำเนินการไปก็ไม่เสียสิทธิ์ครับ จะรักษาสิทธิ์ไว้อีกสัก 200 ปีข้างหน้า ยังจะรักษา ก็รักษาอยู่ครับ ไม่มีอะไรเสียหาย แต่ทำกันตื่นเต้นเหมือนประเทศไทย กำลังจะเสียดินแดน
ทำไมถึงขนาดนั้นละครับ ปลุกระดมกันกระทั่งคนเกิดข้างหลัง เคราะห์ดีนะครับคนเกิดทีหลัง เกิดพ.ส.2507 ไปอ่าน และก็เอาข้อมูลนี้มาก็ทำให้คนไทย พ.ศ. 2551 ต้องตื่นเต้น ผมฟังแล้วผมเฉย ๆ ครับเพราะทำมากับมือ รู้มากับมือ รัฐมนตรี (นายนพดล ปัทมะ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ) เขาเป็นคนทำ ผมเป็นคนนั่งดูอยู่ด้วย ถ้าเป็นอย่างนี้ละครับ อธิบดีเขาใช้ไม่ได้ เจ้ากรมแผนที่ทหารก็ใช้ไม่ได้ แม่ทัพนายกองที่มารองรับ อาจารย์ศรีศักร วัลลิโภดม ก็เป็นนักวิชาการใหญ่โต ใครถ้าพูดทางดีไม่เอ่ยถึงเลยครับ แต่ถ้าใครพูดทางร้ายปั๊บ ๆๆๆ ไปถึงนั่นเลย เป็นข่าวหมดเลย ก็เอาเถอะครับเรื่องนี้ไม่มีปัญหา จะเอาขึ้นศาลกันอีกครั้งก็ได้ จะเอารัฐมนตรีไปขึ้นศาลเอาเลยสิครับ ไปดูกันเลยว่าเป็นยังไง มันเรื่องธรรมดา ๆ มีหน้าที่รับผิดชอบต้องทำ เราไม่ขึ้นเขาเดี่ยว เขาจะขึ้นเอาแผนที่ตรงทับซ้อนไปขึ้นด้วย เราบอกไม่ได้ ทับซ้อนต้องเจรจาความ ถ้าเผื่อคุณขีดเอาปราสาทไปขึ้นได้ คุณก็เอาไปคนเดียว ก็ตกลงเอาปราสาทไปขึ้น และเขาไม่รับ เขาไม่รับก็อาจจะขึ้นไม่ได้ จะเจรจากันยังไงก็สุดแท้แต่ แต่ว่าจะมาบอกว่ารวม ยูเนสโกบอกว่าถ้าขึ้นตรงนี้แล้ว สระ เจดีย์จะต้องนับรวมด้วยอยู่ในแผ่นดินไทย ลองมาล่อกันอย่างนี้สิ เป็นไปไม่ได้ละครับ
แปลว่าจะมาพูดจากันพิสูจน์กัน ในนี้พูดจากันยกมา แต่ผมต้องการให้คนในบ้านเมืองนี้รู้ว่า บ้านเมืองนี้ยกหนีไปไหนไม่ได้ การที่เขาเล่นงานเผาสถานทูตไปแล้ว เพื่อจะสร้างซ่อมใหม่กันนั้น อยู่ ๆ ให้เกิดเหตุอีกทำไมครับ ปลุกระดมกันจนกระทั่งคนทั้งบ้านทั้งเมือง ผมพูดในสภานี้เมื่อวานตรงนี้ที่นี่ครับ ผู้หญิงคนหนึ่งรับจ้างตัดเสื้อตั้งแต่ชุดละพันเดี๋ยวเป็นชุดละหมื่น เสร็จแล้วพอวันนี้ไม่รับใครทั้งนั้น ต้องไป เขาจะพูดกันเรื่องเขาพระวิหาร ไปปลุกระดม ฉันจะยอมตายเรื่องเขาพระวิหาร ผมก็ยืนยันว่าการปลุกระดมมันสำเร็จแน่นอน ผู้หญิงคนตัดเสื้อนี่ละครับ รายได้ดีด้วยจะยอมตายเพราะเรื่องเขาพระวิหาร แล้วทำกันไปทำกันมา จนกระทั่งบัดนี้ มันร้อนฉ่ากันไปหมดแล้วนะครับ ต้องไปห้ามทัพกันไว้ เพราขบวนกองทัพตามจะขึ้นไปข้างบน ศรีสะเกษจะทำ แล้วไม่คิดหรือครับว่าคนไทยที่อยู่ที่โน่น นอนตาไม่หลับอีกแล้วครับ
ข้างบ้านต้องรักษาไมตรี ไมตรีรอบบ้านดีหมด ก็นอนตาหลับ มันอะไรกันนักหนาละครับ ตรงนั้นเท่านั้นเอง ไม่มีอะไรสูญเสีย ไม่มีการเสียอิสรภาพ แต่ว่าท่านหัวหน้าฝ่ายค้านออกมาประกาศเองว่ารัฐบาลไทยในยุคนั้น ไม่ใช่รัฐบาลท่านละครับ รัฐบาลจอมพลสฤษดิ์ฯ ยอมรับเพราะต้องการจะเป็นคนดีขององค์การสหประชาชาติ ก็ตกลงกับเขายอมเขามา 45 ปีแล้ว สงวนสิทธิ์ก็สงวนครับ วันนี้ก็ยังสงวนสิทธิ์อยู่ จะมาพิสูจน์กันกลางสภา เอาเลยครับเอาไปขึ้นศาลเลย ศาลวินิจฉัยจะได้เอารัฐมนตรีออกสักคนหนึ่ง ให้รู้แล้วรู้รอดไป ถ้าเผื่อนั่น จะได้เอาพยานไปเลยว่าทำกันยังไง ต้องพิสูจน์ให้เห็นว่าอดีตนายกรัฐมนตรี (พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร) ไปทำมาหากินอะไรจะทำยังไง เรื่องจะบังเอิญอะไรยังไงอย่าเอามาพัวพันกันครับ ไม่มีละครับ แต่ข้อสำคัญที่สุดคือว่าไมตรีที่ข้างบ้านเขามีอยู่นั้น จะไปเช่าที่เขาปลูกข้าวโพดล้านเฮกเตอร์ เขาบอกปลูก ไปปลูกอ้อยเขาให้ปลูก ไปช่วยงานต่าง ๆ ทำไมเราไปช่วยงานเขาครับ เพราะศูนย์ท่องเที่ยวอยู่ที่นครวัด ใครมานครวัดก็ต้องมาเที่ยวประเทศไทย เราอนุเคราะห์เขา
ขออนุญาตเล่าให้ฟังเพื่อจะแสดงให้เห็นว่าไม่ได้ลอกประเด็น แต่แสดงให้เห็นว่านายกรัฐมนตรีคนนี้เข้าใจเรื่องนะครับ เขามีการประชุมเขาเรียกว่า GMS ไม่ได้เป็นอาเซียน ไม่ได้เป็นอะไรทั้งสิ้น องค์กรที่เรียกว่าธนาคารพัฒนาเอเชีย ญี่ปุ่นเป็นประธาน จัดการทำ เขาทำก่อนผมมาอีกครับ เขาประชุมกันน่าสนใจมาก ประเทศจีนใหญ่มหึมา เขาเอาแค่ 2 มณฑล ยูนนานมี 50 ล้าน กวางสีมี 40 ล้าน แม่น้ำโขงไหลผ่าน เขาเอาประเทศที่แม่น้ำโขงไหลผ่าน และเขาก็เอาเวียดนาม 83 ล้าน ลาว 7 ล้าน กัมพูชา 14 ล้าน ไทย 63 ล้าน พม่า 53 ล้าน ทั้งหมด 312 ล้านรวมกันแล้วช่วยกันพัฒนา ประชุมกันมาแล้วที่พนมเปญ คุนหมิง เมื่อเดือนมีนาคม ผมไปร่วมประชุม ๆ กันแล้วที่เวียงจันทน์ อีก 3 ปีจะประชุมกันที่เนปิดอว์ และอีก 3 ปีถัดไปจะประชุมกันที่กรุงเทพฯ แล้วต่อไปก็ประชุมกันที่เวียดนาม
ทั้งหมดงานอันนี้ละ เราถึงจะได้รู้ว่าเพื่อนบ้านของเรานั้น เขาได้ช่วยเราอย่างไร ทางลาวเขาช่วยเรื่องไฟฟ้ากับเราอย่างไร เมื่อเวลาปราศรัยที่ลาวต้องต่อเลยความมั่นคงของลาว คือความมั่นคงของไทย บอกกัมพูชานั้น ระบบการท่องเที่ยวทางโน้นเท่าไร ไทยได้ประกาศเท่านั้น เราช่วยเขาครับ ที่อ้างให้ฟังอย่างนี้เพราะช่วยหมด ช่วยในภูมิภาค เวลา 15 ปีที่ผ่านมาแล้ว ประเทศไทยได้ใส่เงินเป็นประเทศ donor คือไม่ได้เงินช่วยใคร เราตั้งตัวได้ เราช่วยไปแล้ว 15,000 ล้าน รัฐบาลไทยหลายรัฐบาลเรียงแถวมา ช่วยไปแล้ว 15,000 เราอยู่ในประเทศได้ช่วยาสงเคราะห์ ทำให้ภูมิภาคเจริญขึ้น ถนนตรงนั้นตัด ถนนนี้ตัด เครื่องไมโครเวฟอะไรต่าง ๆ ตัด นี่ไงครับที่อธิบายตรงนี้เพื่อจะบอกว่าเราผูกไมตรีหมดครับ จีนมหึมาก็ผูกครับ ลาวเล็ก ๆ เราก็ผูกครับ กัมพูชา 14 ล้านก็ผูก การผูกไมตรีกันไว้นั้น ผมไม่ได้เอามาอ้างนะครับ ผลประโยชน์ที่ได้นั้นเป็นเรื่องของประเทศชาติ ถนนหนทางที่เราทำไปเพื่อนักท่องเที่ยวจะได้ไหลกลับเข้ามาประเทศไทย เพราะเขาไปกัมพูชา เขาไปดูนครวัด นครธม เขาขุดมาแล้ว 50 ปี 60 ปี 80 ปี คนในโลกไม่เห็นเพราะรบกันมา บัดนี้เข้ามาเที่ยวได้แล้ว ก็อนุเคราะห์อย่างนี้ แล้วการจุดชนวนให้ร้อนฉ่า เมื่อเช้าที่กัมพูชาปิดประตู ไขกุญแจข้างเดียว ก็แน่นอนครับผลประโยชน์ได้เข้าไปทางโน้นเสียสตางค์ 45 ปีครับอยู่กันมาเรียบร้อยดี 2 ปีต่อไป จะต้องเอาคนที่รุกล้ำออก ตรงนั้นต้องเป็นโนแมนแลนด์
ทุกอย่างที่ผมไป คนที่คิดว่าได้ทำถูกต้อง ได้ทำให้เรื่องราวมันจบ เพราะถ้าเราไม่ตัดสินใจ เขาไปขึ้นของเขาเอง พื้นที่ทับซ้อนก็ไปขึ้นยิ่งยากต่อไปอีก ตกลงกันไว้คือไม่เอาพื้นที่ทับซ้อน ยูเนสโกตกลงใจว่าเอา parameter เฉพาะตัวปราสาท ก็อยู่ในเขตของเขา และได้สงวนสิทธิ์ทั้งหลายทั้งปวง การขึ้นทะเบียนมรดกโลกนั้น ไม่มาตัดสิทธิ์ในการที่จะมีการตรวจวัดพื้นที่แผนที่ เขามีข้อแม้ไว้เสร็จเรียบร้อย กระทรวงการต่างประเทศพยักหน้าแล้วถึงดำเนินการได้ จะว่ากล่าวกันยังไงก็สุดแท้แต่ แต่ไม่มีการสูญเสีย ไม่มีการเสียสิทธิ์ รักษามา 50 ปี จะรักษาอีก 500 ปี ก็ไม่เสียสิทธิ์ เพราะข้อแม้นั้นมีทั้งทางเราสงวน และมีทั้งยูเนสโกสงวน ทั้งหมดพูดซะให้เข้าใจเรื่องจะได้หายร้อนกันเสียที จะได้อยู่กันอย่างเพื่อนบ้านเสียที และถ้าจะคิดว่าเขาเอาเปรียบยังไง แล้วทำยังไงครับอยู่กันมา อยู่กันมาดี ๆ เราไม่ได้คิดจะขึ้นแต่เขาขึ้น เมื่อเขาจะขึ้นมีปัญหาเราต้องช่วยแก้ไข เขาขึ้นข้างเดียวได้ครับ แต่เขาเอาพื้นที่ทับซ้อนไปขึ้น แล้วเกิดเรื่องไหม ก็ต้องตามไปแก้ แก้เสียก่อนไม่ดีกว่าหรือครับ เรื่องพรรค์อย่างนี้ต้องพูดกันให้เข้าใจครับ จะเอากันให้ตายยังไงก็ได้ ลากไปขึ้นศาล
ผมต้องแน่ใจว่าเราทำสิ่งที่ถูกต้อง และไม่มีข้อแลกเปลี่ยน ไม่มีบุญคุณใครที่ต้องทดแทน ผมเริ่มต้นด้วยคำพูดว่าคนที่มีบุญคุณคือผมมีบุญคุณนะ ไม่ต้องทดแทนใครครับ แล้วทำงานมา 4 เดือนไม่เคยคิดเลยว่าทำอะไรทดแทนใคร แต่ว่าคอยจับจ้องโน่นนิดนี่หน่อย มาปะติดปะต่อแล้วทำเป็นเรื่องใหญ่ขึ้นมา คิดให้ดีเถอะครับ ปลุกระดมให้คนที่บ้านเมืองสงบ ใกล้ชิดกัน จนกระทั่งดีช่วยเหลือกัน ไปปลูกไปทำอะไรไปทำงานกันแล้ว ไม่ได้เกี่ยวกับผมละครับ นักธุรกิจทั้งนั้น เขาไปลงทุนในลาว ไปลงทุนในพม่า ไปลงทุนในอินโดนีเซีย ไปเยี่ยมมาแล้ว 8 ประเทศถึงได้รู้ว่าเขามีไมตรี เขาเคารพนับถือบ้านเรา เขาถือว่าเราเป็นพี่เอื้อย โมฮัมหมัด มหาธีร์ ถอยลงไปปั๊บ เขาก็มองหาว่าใครจะเป็นคนยืนแถมหน้า ที่โน่นเวลานี้สิงคโปร์เขาเป็นประธานอาเซียน เดือนกรกฎาคมจะถึงไทยจะเป็นประธานอาเซียน ประธานอาเซียนคือนายกรัฐมนตรีไทย ผมจะเป็นประธานอาเซียน ต่อไปนี้ตามกฎบัตรจะต้องอยู่ปีครึ่ง รับปากกับเขามาทุกหนทุกแห่งบอกเสร็จแน่ ก่อน 30 มิถุนายนเราจะยื่นกฎบัตร กฎหมายยังแช่ในสภา จะเข้าไม่ได้ละครับ ติด ๆ ขัด ๆ ยังไงยังเข้าไม่ได้นะครับ รับปากกับเขาไว้ว่า 30 มิถุนายน จะยื่นเรื่องกฎบัตร ไม่ได้ นี่ละครับถูกต้องเลยครับ มาตรา 190 จะต้องเอามาเข้า
ทั้งหมดที่ทำทั้งหมดที่เล่านั้น เพื่อจะบอกให้รู้ว่าคนที่ทำหน้าที่นั้น มีความรับผิดชอบอยู่ด้วย และรับผิดชอบนี้คือรับผิดชอบบ้านเมือง รับผิดชอบงบประมาณที่จะทำที่อภิปรายกันวันมะรืนนี้ รับผิดชอบในเรื่องทั้งหลายทั้งปวง รับผิดชอบในความสงบ รับผิดชอบในเรื่องยุ่งยากต่าง ๆ การตรวจสอบถูกต้องครับอยู่ที่ท่านทั้งหลาย การยื่นนั้นยื่นได้ครับ แต่ว่าจะทำเอาเป็นเอาตาย ทำข่าวประโคมข่าวกัน ผมว่าเกินไป
ผมขอย้ำว่าการกล่าวหาหัวหน้ารัฐบาล โดยหัวหน้าฝ่ายค้านวันนี้ตามญัตตินั้นเกินเหตุ รุนแรงมากเกินเหตุ ระยะเวลา 4 เดือน ผมแน่ใจว่าไม่ได้ทำให้บ้านเมืองนี้เสีย และผมยังมีความสามารถที่จะรักษาสถานะในการเป็นผู้นำประเทศ ในการเป็นนายกรัฐมนตรี ผมยังจะเดินหน้าต่อไป ผมยังต้องไปพบผู้นำต่าง ๆ ผมยังต้องทำอยู่ครับ ไม่มีปัญหา ผมต้องทำหน้าที่ของผม การไปปรากฏตัวนั้นเป็นหน้าที่ ผมจะต้องไปจีน บรูไน ยุโรป ญี่ปุ่น สหประชาชาติ สุดท้ายผมจะต้องไปรัสเซีย ยังต้องทำหน้าที่ครับ เพราะฉะนั้น อย่างไรก็ตามแต่ ผมไม่ได้มาร้องวิงวอน แต่ถ้าหากหัวหน้าฝ่ายค้านดูแคลนนายกรัฐมนตรีประเทศตัวเองขนาดนี้ ช่วยกรุณาลองคิดดูให้ดีหน่อยว่าสมควรไหมครับว่า ความยากได้ใคร่ดีจนกระทั่งต้องมาเล่นงานหัวหน้ารัฐบาลให้ชอกช้ำอย่างนั้น นึกถึงหัวอกคนที่จะต้องไปพูดจากับเขาบ้าง ถ้าเขาแปลคำอภิปรายของหัวหน้าฝ่ายค้านให้คนทั้งโลกฟัง แล้วเขาไม่รู้ว่าข้อเท็จจริงเป็นอย่างไร ถ้าไม่แปลคำที่ผมอธิบายอย่างนี้ละก็ มันเสียหายนะครับ ข่าวที่ออกไปไม่รู้จะเป็นอย่างไรไม่ทราบ แต่เคราะห์ดีการถ่ายทอดมีตลอด ที่พูดนี่หัวหน้าฝ่ายค้านพูด 2 ชั่วโมง 45 นาที หักตอนทะเลาะกันหน่อยสัก 2 ชั่วโมงครึ่ง ก็โอเคครับ อย่างผมพูดมานี่ผมพูด 50 นาทีพอสมควรแก่เหตุ ไม่ใช้เวลามากกว่านี้ จะอภิปรายสับโขกกันอย่างไรต่อไปอีก 7 คนก็เอา ผมอีกก็ยังได้ครับ แต่ผมต้องสงวนสิทธิ์ว่าต้องตอบบ้าง
แต่ที่ผมพูดไว้ ผมบอกไว้ว่าขออนุญาตให้ผมได้ตอบหน่อยเพราะยาวไป ความจริงผมจะให้พูดก่อน แต่พูด 2 ชั่วโมง 45 นาที และนั่งหน้าเฉย ๆ อยู่ละก็ ไม่ถูกต้อง แต่ตอนนี้จะสับโขกอย่างไรก็ได้ จะเอากันตลอดหมดก็ได้ ก็เหลือสัก 2 ชั่วโมง จะให้เขาชี้แจงทั้ง 7 คนจะได้จบสิ้นกันไป การเมืองเป็นอย่างนี้เท่านั้นละครับ ไม่มีใครเลวมากจนกระทั่งถูกดูแคลนอย่างเมื่อตอนต้นที่เปิดรายการ ผมยืนยันเลยครับว่า ผมเป็นคนมีสกุลรุนชาติ และไม่เนรคุณใคร คำที่พูดว่าเนรคุณนั้นคนเขียนหนังสือบางคนอาจจะไปเขียนคนคิด คนคิดเอาเองอาจจะคิดได้ แต่ท่านอาจารย์เสนีย์ฯ เป็นครูบาอาจารย์ผม ผมเรียนกฎหมายกับท่าน น้องชายท่านก็เป็นครูบาอาจารย์ผม ตระกูลนี้ผมรู้จัก คุณทวดผมก็รู้จัก พี่สาวอาจารย์เสนีย์ฯ ผมก็รู้จัก เพราะฉะนั้น โปรดกรุณาอย่ากล่าวหา อย่าไปเปรียบเทียบจะครึ่งจะค่อน และผมย้ำอีกครั้งหนึ่งว่า ผมไม่ตอบแทนบุญคุณใคร ถ้าจะมีใครต้องตอบแทนบุญคุณผมนั้น บางทีผมก็บอกว่าไม่รับ แต่ผมไม่ได้ทำงาน 4 เดือนเพื่อจะสนองบุญคุณใคร และที่ปรารภบอก 4 เดือน บ้านเมืองจะแย่อยู่แล้ว ถ้า 4 ปีจะเป็นอย่างไร ผมฟังแล้วผมก็คิดว่า แค่ 4 เดือนยังทนรอไม่ได้ แล้วถ้าทนรอ 4 ปี จะทนไหวไหมครับ ขอบคุณครับ
--กลุ่มยุทธศาสตร์และแผนการประชาสัมพันธ์ สำนักโฆษก--
วันนี้ (24 มิ.ย.) เวลา 13.30 น. ณ อาคารรัฐสภา มีการประชุมสภาผู้แทนราษฎร (สมัยวิสามัญ) ครั้งที่ 6 เป็นพิเศษ เพื่อพิจารณาญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจนายกรัฐมนตรี นายสมัคร สุนทรเวช ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 158 และรัฐมนตรี ตามมาตรา 159 ประกอบด้วย นายนพดล ปัทมะ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ นายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม นายมิ่งขวัญ แสงสุวรรณ์ รองนายกรัฐมนตรีและ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ นายสุรพงษ์ สืบวงศ์ลี รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง นายสันติ พร้อมพัฒน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม นายทรงศักดิ์ ทองศรี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม และร้อยตำรวจเอก เฉลิม อยู่บำรุง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย โดยมีนายชัย ชิดชอบ ประธานสภาผู้แทนราษฎร ทำหน้าที่เป็นประธานในที่ประชุม
เวลา 16.40 น. นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี ชี้แจงภายหลังนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร และหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ได้อภิปรายถึงการบริหารราชการแผ่นดินของรัฐบาลในช่วง 4 เดือนที่ผ่านมา โดยเฉพาะการแก้ปัญหาเศรษฐกิจของประเทศ รวมทั้งกรณีปราสาทพระวิหาร ดังนี้
ท่านประธานที่เคารพ ผมสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี ผมต้องกราบเรียนสภานี้วันนี้นะครับ ผมไม่เคยเนรคุณหม่อมราชวงศ์เสนีย์ ปราโมช เพราะฉะนั้น สมควรแล้วนะครับที่พูดผิดแล้วถอนเมื่อสักครู่นี้ ผมไม่เคยเนรคุณหม่อมราชวงศ์เสนีย์ ปราโมช และสำคัญที่สุดคือว่า ผมเป็นคนที่มีบุญคุณต่อท่านอดีตนายกรัฐมนตรี พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร คนที่มีบุญคุณคือคนนี้ครับ เพราะฉะนั้น ผมไม่ต้องไปตอบแทนบุญคุณนายกรัฐมนตรี อดีตท่านนายกฯ ทักษิณจะต้องตอบแทนบุญคุณผม โปรดเข้าใจด้วย ผมนี่ละครับเป็นคนทำให้เกิดบุญคุณแก่อดีตนายกฯ ทักษิณ เพราะฉะนั้น ที่พูดมาบอก 4 เดือนผมจะต้องไปตอบแทนบุญคุณ พูดไปพูดมา ไม่ละครับ ผมไม่ต้องตอบแทนบุญคุณ ผมเป็นคนทำบุญคุณให้อดีตนายกฯ ทักษิณ ต้องรู้เรื่องนี้ด้วยครับ
ผมนั่งทนฟังมาตั้งแต่ต้น ตื่นเต้นนักหนา โดยเฉพาะอย่างยิ่งตอนจบ เอกสารอะไรนักหนา พูดไปอย่างไรยกอะไรขึ้นมา ก็เรื่องพรรค์อย่างนี้ครับ แน่นอนครับคนเกิด 2507 กับคนเกิด 2478 อายุแตกต่างกัน 29 ปีครับ ตอนเกิดเหตุผมอายุ 29 นะครับ และบัดนี้อายุ 73 สติปัญญายังมีครบถ้วน เพราะฉะนั้น ไม่มีปัญหาครับผมฟังได้ เพราะในสภานี้คนละเสียงเท่ากัน จะอบรมบ่มนิสัยอย่างไรก็ได้ครับ จะดูถูกดูแคลนอย่างไรใครก็ได้ แต่ว่าคุณพ่อคุณแม่ผมอบรมสั่งสอนมาไม่ให้ไปดูถูกดูแคลนใครโดยไม่มีเหตุผล
วันนี้ครับ ผมถูกคนอายุ 40 กว่าดูแคลนโดยไม่มีเหตุผล แต่ผมทนได้ครับ ผมจะบอกให้ฟังนะครับที่จบไปเมื่อสักครู่ผมไม่อยากจะให้ข้ามกระโดดไป ทั้งหลายทั้งปวงที่เคยอธิบายความทั้งหมดนั้น นึกหรือครับว่าคนที่อายุ 73 จะไม่รู้เรื่องที่ยกมาพูด น่าตื่นเต้นอะไรแค่ไหนครับ ข้อเท็จจริงคือว่าเราแพ้คดีความที่มาประกาศยืนยันเพราะว่าจะประพฤติตัวเป็นสมาชิกที่ดีขององค์การสหประชาชาติ จึงยอมให้เขาอย่างนั้น และยอมมากี่ปีครับ ยอมมา 45 ปี สงวนสิทธิ์ไหมครับ สงวน เดี๋ยวนี้รัฐบาลนี้ก็สงวนสิทธิ์ครับ ทุกอย่างที่ผมไปสงวนสิทธิ์ทั้งนั้น และที่ทำมาทั้งหมดนี้กระทรวงการต่างประเทศเขาไม่ได้เป็นพวกรัฐบาลประชากรไทยหรอกครับ เขาตรวจสอบทุกระยะ เขาดูอยู่ทั้งหมด จะทำอะไรอย่างไรนั้น เราทำตามแนวทางที่เขาตั้งไว้ให้
เพราะฉะนั้น จะบอกให้ฟังนะครับว่าที่ตัดสินที่ดำเนินการไปทั้งหมดนั้น กระทรวงการต่างประเทศเขาอยู่ข้างหลัง ไม่ได้คิดทำเองเออเองอะไรต่าง ๆ ผมไม่เข้าใจเลยครับ ทำไมถึงเรื่องราวเป็นได้ว่าเรื่องเท่านี้กลายเป็นเรื่องจะเอาประเทศชาติไปขาย แต่ท่านรู้ไหมครับว่าสิ่งที่ท่านจุดชนวนมาถึงวันนี้ กำลังนี้ไมตรีของสองประเทศเกิดอะไรขึ้น คนไทยที่อยู่กัมพูชาแจ้งเข้ามาแล้วครับ นอนตาไม่หลับแล้ว ถามว่ากองทัพอากาศนั้นเครื่องบินซี 130 ยังพร้อมอยู่หรือเปล่า จุดชนวนกันเล่นจนกระทั่งไม่ดูหัวดูหาง ปลุกระดมกันแบบชนิดไม่ดูอะไรยังไงเลยครับ ท่านเป็นฝ่ายค้านจะเล่นยังไงก็ลองเล่นดู แต่ว่าผมเป็นรัฐบาลนะครับ เป็นหัวหน้ารัฐบาลด้วย ผมต้องรักษาไมตรีของบ้านเมืองสองชาตินี้ไว้ครับ ใครจะมาดุด่าว่ากล่าว จะทำมาหากินอะไรยังไง พูดเถอะครับ แต่ต้องพิสูจน์ให้ได้ว่าเป็นอย่างนั้นจริงหรือเปล่า มีผลประโยชน์อย่างไรหรือเปล่า ผมว่ามือสมัครเล่น นี่ละครับสมัครจริงครับ
ผมจะบอกให้ฟังนะครับที่พูดมาทั้งหมดอภิปรายมาทั้งหมด ผมไม่อยากไปตอแยแต่ละข้อ แต่ที่แค่นเขียนมา ผมยืนยันครับ ผมตำหนิว่าแค่นไม่มีอะไรเสียหายหรอกครับ เพราะแค่นจริง เขียนมา 9 ข้อ คนฟังทั้งบ้านทั้งเมือง เขาคิดหรือครับว่าผมเป็นคนแย่ขนาดนั้น มันน่าทุเรศขนาดนั้น 4 เดือนมาบอกจะทนไม่ได้ ข้อเท็จจริงคือว่าทนพรรครัฐบาลชุดนี้บริหารไปไม่ได้ เพราะยาวเหลือเกิน 4 เดือน เมื่อไรจะไปเสียที เมื่อไรถึงจะเป็นโอกาสของเรา ทำไมพรรคการเมืองพรรค์อย่างนี้เส็งเคร็งพรรค์อย่างนี้ ถึงมีโอกาสมาตัดสินโครงการใหญ่มหึมาในบ้านเมืองอย่างนี้
น่าตื่นเต้นไหมครับ รถเมล์ก็แสนล้าน ระบบขนส่งมวลชนนั่นหลายแสนล้านครับ โครงการผันน้ำก็เป็นแสนล้าน โครงการรถไฟรางคู่ก็แสนล้าน จะทำอะไรเงินใหญ่มหึมา ทำไมรัฐบาลหน้าโง่พรรค์นี้ถึงมีโอกาส นี่ละครับแสดงออกมาตรงที่เขียนมา 9 ข้อ เวลาคนเราจะดูความอยากแม้อยากเหลือเกิน อยากเป็นนายกรัฐมนตรี ก็แสดงความอยากให้คนเขาเห็นกันทั้งบ้านทั้งเมือง ที่แล้วมาก่อนจะตั้งรัฐบาล ไม่ได้แสดงความอยากเลยเหรอครับ 164 กับ 316 ยังดิ้นรนกระวนกระวายจะเอาให้ได้ แล้วยังไงครับ แล้วก็เป็นไปไม่ได้ แล้ว 4 เดือนเท่านั้นมีไหมละครับ
ผมจะบอกให้ฟังนะครับว่าที่ไม่อภิปรายเพราะอภิปรายในเวลาที่เขาตั้งไว้สำหรับจะทำงบประมาณ ธรรมดาเปิด 3 วันเปิด นี่เปิด 2 อาทิตย์ล่วงหน้า เพราะมีกฎหมายจะต้องทำ เท่านั้นละครับ และจะสอดแทรกมาให้ได้ ผมก็บอกเขาอยากจะเอาให้ได้ ข้อเท็จจริงให้คนทั้งบ้านเมืองนี้เขารู้สิครับว่า ถ้าเอาตรงนี้ไม่ได้แล้ว รอไปถึงเปิดสภาเดือนสิงหาคม ก็ยื่นไม่ได้ ให้ชาวบ้านเขารู้สิครับว่าอีก 4 เดือนข้างหน้าก็ยื่นไม่ได้ครับ เพราะเป็นวาระเขาไม่ให้ยื่น ปิดสภาอีก 2 เดือนก็ยังยื่นไม่ได้ครับ ต้องวันที่ 21 มกราคม 2552 จึงจะยื่นไม่ไว้วางใจได้ ต้องรอเกือบปีครับตั้งแต่เข้ามา เพราะฉะนั้น 4 เดือนทุกข์ทรมานเหลือเกิน เพราะฉะนั้น เปิดสภาเพื่องบประมาณถึงจะสอดแทรกเอาให้ได้
เมื่อผมจัดการแก้ไขได้ วันนี้ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เขาให้เลิกเร็วเพื่อจะมาที่นี่ครับ ตอนบ่ายก็ยกเลิกหมด ยกเลิกเขาได้วันพุธ ยกเลิกได้หมดก็เอาเลยสิครับ เมื่อวันจันทร์ (23 มิ.ย.) ยังต้องมาประชุมที่นี่เลยครับ ขอเขาประชุมที่นี่ เพราะยกเลิกอีกอัน แต่ว่ามาทำให้วุฒิสภา ให้ฝ่ายค้านแล้วไม่ให้วุฒิสภา ก็ต้องให้ด้วยกัน นี่คิดดีนะครับ แต่ถูกเยาะเย้ยถากถาง ถูกอะไรบีบบังคับ ข้างนอกที่มานั่นไม่บีบบังคับอะไรละครับ ไม่ละครับ ผมทนได้ ถ้าท่านทางฝ่ายค้านเห็นว่าข้างนอกที่เขาทำมีเหตุผล ก็เป็นสิทธิ์ของท่าน จะยกย่องสรรเสริญก็เป็นสิทธิ์ของท่าน แต่ผมไม่เอ่ยโยงใยให้มาประท้วงผมละครับ ไม่มีละครับเรื่องพูดจาเฉียดไปเฉียดมา ผมไม่พูดครับ แต่ถ้าเห็นดีเห็นงามก็เป็นสิทธิ์ของท่าน แต่ว่าที่เข้ามาพูดในนี้ไม่ได้กลัวพวกข้างนอกครับ แต่ว่าเพราะเป็นหน้าที่ของผม
คนหน้าตาอย่างนี้อยู่ในการเมืองมาค่อนชีวิต อะไรมันไร้สมรรถภาพขนาดว่าให้เด็กอายุ 40 กว่ามาพูดจากระทบกระแทกแดกดัน มันถึงขนาดนั้นเชียวหรือครับ หน้ามันโง่ขนาดนี้หรือครับนี่ สติปัญญามันไม่มีเลยเชียวหรือครับนี่ โอ้โห ผมบอกจริง ๆ ว่าผมก็เสียใจจริง อาจารย์เสนีย์ ปราโมช) ผมไม่เคย คนอย่างผมน่ะรู้จักบุญคุณคนครับ เพราะว่าพรรคประชาธิปัตย์สร้างผมมา ผมนี่ละครับเป็นนักการเมืองที่เดินออกมาแล้ว ไม่เคยดูหมิ่นดูแคลนพรรคประชาธิปัตย์ ผมยกย่องพรรคการเมืองพรรคนี้ แล้วพูดจาให้คะแนนพรรคนี้เสมอ แต่ว่าเมื่อเวลาที่การเมืองมามีกระทบกระทั่งกันบ้าง ก็เล็ก ๆ น้อย ๆ แต่ไม่เนรคุณครับ ใครจะคิดเนรคุณใครสุดแท้แต่ แต่ไม่มีสำหรับผม เพราะฉะนั้น กรุณาอย่าเก่งกาจเกินขนาดเลยครับ โอ้โห ใช้ถ้อยคำสุดท้าย คงคิดไว้ดีแล้วละครับ เนรคุณอาจารย์เสนีย์ฯ สักน้อยหนึ่ง สักครึ่งหนึ่งที่ทำบุญคุณ มากเกินไปครับ เวลาที่ไม่รู้อะไรแล้ว ๆ มาแสดงเหมือนกับที่ใน ครม. ผมถอนออกมาทำไมครับเรื่องนั้น เพราะว่าเขาคิดมา วันที่ 16 จะเข้า ครม. แต่ว่าก่อนหน้านั้นด่ากันมา 10 วัน เอกสารผมก็ยังไม่เห็น แต่ท่านก็เก่งครับ เขาคิดมาท่านก็รู้แล้ว ตอบโต้กันมา 10 กว่าวันครับ เอามาถึงผมก็บอกนี่ละครับคือเหยื่อที่เขาจะเอามาล่อทางนั้น ผมบอกคุณช่วยไปทำมาที เอากลับไปทำใหม่ คนที่ทำไม่ใช่การเมืองนะครับ สำนักงบประมาณกับสภาพัฒน์ (สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ) คุณไปช่วยประชุมกับทางซีกที่เขาตั้งถามมา ไปแสดงให้ดูสิ จะทำให้ดูก่อนว่า เพราะถูกด่าว่าเลือกบริษัทไว้แล้ว ผมบอกให้ไปทำเลยว่าจะประมูลอย่างไร จะเชิญชวนอย่างไร เมื่อวานนี้วุฒิสภาบอกเลยครับของท่านทำได้.. ผมยินดีเลย ผมยังบอกเลยผมได้ลูกค้าแล้ววันนี้มีคนที่จะมา แข่งขัน เขาติดตามงานนี้ครับ ก็ลองดูสิครับ แต่ละอัน ๆ ที่ยกมา ถ้าผมจะไม่ดูหัวข้อที่จดไว้ซะมั้งก็จะกระไรอยู่นะครับ ขอดูนิดนะครับ ปกติเป็นคนไม่ค่อยดูบท
ด้านเศรษฐกิจประสบปัญหาเกี่ยวกับพลังงาน เรื่องปากท้อง ความไม่สงบ ปัญหาชายแดนภาคใต้ ต้องการความสมานฉันท์ในชาติ เรื่องพลังงาน ถูกต้องครับผมพูดชุดเจนเลย คือความคิดของคนต้องไม่เหมือนกันครับ เป็นไปได้ ท่านมาเป็นรัฐบาลเอาเลยครับ เข้ามาล่อ ปตท. ให้เจ๊งไปต่อหน้าต่อตาเลย เพราะต้องการเอาเงินมาให้น้ำมันถูก ก็คิดสิครับ มาเลเซียเขาโดนเรื่องน้ำมันแพง ถูกต้องครับ เพราะมาเลเซียอุดหนุน น้ำตาลก็ถูกกว่า เขาอุดหนุนหมดครับ แล้วเพราะเหตุว่านายกรัฐมนตรีมาเลเซียนั้น เขาไม่ได้ 2 ใน 3 ซึ่งไม่ใช่ระบบเลย ผมประชุม 4 eye ผมบอกมีข้อกำหนดไหม ไม่มี 50 ครึ่งศตวรรษ ชนะ 2 ใน 3 ตลอด มาท่านนี้ซวย ฝ่ายค้านแข็งขึ้น แพ้ไป 8 แต้ม โดนไปครึ่งขบวน ชนะเกินครึ่งแต่ไม่ถึง 2 ใน 3 โดนเข้าไป แล้วก็ล่อกันใหญ่เลยครับ ล่อกันเองครับ บังเอิญเจอปัญหา ถามว่าตกลงมาเลเซียเกิดเหตุไหม เกิดเหตุ เรื่องอะไรครับ อุดหนุนน้ำมัน อุดหนุนข้าวสาร อุดหนุนน้ำตาล อุดหนุนหมดครับ ก็โดนไหมครับ แล้วประเทศไทยโดนไหม ก็โดนครับ มันโดนกันทั้งโลก บางประเทศเขาขับไล่รัฐบาลออกไปเลย แต่ว่าที่นี่เคราะห์ดีมันตั้งตัวเอาไว้ทัน รัฐบาลก่อนเขาทำเอาไว้ครับ เขาจัดการเอาไว้ ในยามที่ราคาไม่บ้าเลือดอย่างนั้น เขาก็ใช้ระบบกองทุน เขาก็อุดหนุนกันไปอุดหนุนกันมา วันดีคืนดีเขาก็คงจะรู้ประมาณการไว้ได้ เขาก็จัดการให้เสร็จ กำลังนี้ราคาน้ำมันวิ่งขึ้นวิ่งลงก็ไม่มีปัญหาครับ เพราะคนไทยรู้แล้วเข้าใจแล้ว เข้าใจว่าไม่ใช่เป็นความผิดของรัฐบาล ไม่ใช่ความโง่ของรัฐบาล เพราะเหตุว่ามันเป็นราคาต่างชาติ และน้ำมันแพงก็กระทบราคาสินค้า ราคาสินค้าแพงเพราะน้ำมันแพง อะไรละครับ
ราคาข้าว มีวิกฤตการณ์ เขาบอกยังไง ข้าวราคาแพงทั้งโลก แต่เมืองไทยชาวนาเดินขบวน มันต้องมีเหตุครับ ราคาทั่วโลกแพง แต่พ่อค้ามาเล่นกับโรงสี โรงสีไปกดชาวนา แล้วรัฐบาลทนไหมครับ รัฐบาลก็ทนไม่ได้ครับ รัฐบาลบอกจะซื้อ 14,000 เขาสิจะซื้อ 14,000 ใครจะเอามา ก็ซื้อไงครับซื้อนาปรัง 2.5 ล้าน จะออกเดือนกรกฎาคม พอเดือนมิถุนายนก็ดำเนินการ ไม่ช้าหรอกครับ เพราะข้าวยังไม่ออก ก็เตรียมไว้ตั้งแต่ตอนนี้ คือทุกอย่างก็ทำนี่ละครับคืองานที่ทำครับ น้ำตาลก็แก้ไขครับ มีปัญหาอะไรก็จะทำงาน ไม่ใช่นั่งหลับหูหลังตาอยู่ แต่ความอยากได้ใคร่ดี แล้วก็เขียนญัตติดูแคลนกันมา
ผมฟังแล้วก็ต้องพยายามอดกลั้น ไม่เรียงแถวตามนั้นมันจะยาวเกินไป เริ่มพูดบ่ายสองโมงกว่า เมื่อกี้นี้กว่าจะพูดสี่โมงสี่สิบห้า 2 ชั่วโมงกับ 45 นาที ผมใช้ไม่ถึงละครับ เพราะผมใช้วิธีรวบรัด ผมใช้วิธีแสดงให้เห็นชัดเจนเลยว่า เวลาที่ดำเนินการกันมานั้น ปัญหาเรื่องสมานฉันท์ ตำหนิติเตียนผมพูดจาอย่างโน้นอย่างนี้ ถ้าหากว่าผมเป็นคนเลวทรามต่ำช้าอย่างนั้นละก็ ไม่ใช่ละครับ กว่าหาข้อที่ 1 ว่า ตั้งรัฐบาลเอาคนไม่มีความรู้ความสามารถ เอานักเลงเข้ามาต่าง ๆ และตกลงเขาวัดกันด้วยอะไรครับ เขาไม่ได้บอกว่าจะเป็นรัฐมนตรีต้องมีปริญญาตรีหรือครับ และทุกคนที่เข้ามาไม่ได้ปริญญาตรีหรือครับ เขาก็ได้ปริญญาตรี ก็มีขอบเขตอย่างนั้น แล้วพรรคการเมืองของท่านตอนเป็นรัฐบาล สมาชิกในพรรคที่รับเลือกตั้งมา ไม่มีใครเป็นรัฐมนตรีเลยเหรอครับ เชิญคนนอกมาหมดเลย เคยทำไหมครับ ผมก็ไม่เคย ผมเคยอยู่ แต่ผมไม่เคยเห็น ตอนท่านเป็นรัฐบาลบริหาร ผมก็ไม่เห็นเอาคนนอกมาขนาดนั้น คนเก่งท่านมีเยอะครับ คนเก่งมีเยอะก็ชื่นชมว่าเก่งไง แต่ว่าพรรคนี้คนเก่งไม่เยอะ แล้วทำอย่างไรครับ แต่ระบบพรรคยังมีอยู่ เขาเลือกตั้งมาเขามีอย่างโน้นอย่างนี้อย่างนั้น สัดส่วนอย่างนี้มีทุกพรรคครับ แต่ทำไมถึงดูแคลนทางนี้ครับ ก็จำนวน ส.ส. เขาเป็นฐาน เขาได้ฐานมา ได้ฐาน 233 ทำไมตั้งรัฐบาลไม่ได้ครับ ให้ 164 ตั้งหรือ 233 ไม่ตั้ง แล้วคนจะตัดสินอีก 5 พรรค เขาก็นั่งดูอยู่ว่าอยู่ข้างไหนดี อยู่ข้างโน้นปริ่ม อยู่ข้างนี้ไม่ปริ่ม 316 ต่อ 164 เขาก็อยู่ข้างนี้ แล้วไงครับ
ก็เพราะแสดงให้คนทั้งบ้านทั้งเมือง เขาเห็นว่าอยากเป็นอยากอะไรแล้วไม่ได้ 4 เดือนแล้วถึงจะต้องมาแค่นกันอย่างนี้ นี่พูดกันชัดเจนเลยครับ พูดกันไม่ต้องเกรงใจเลย ต้องอธิบายให้ฟังคนทั้งบ้านเมืองจะได้เข้าใจเสีย พูดจาอะไรต่าง ๆ โอ๊ยประโคมกัน ขอยืนยันนะครับทุกหนทุกแห่งที่ทำนั้น มีเหตุผลในการดำเนินการ ถ้าไม่ได้นั่งอยู่ใน ครม. คนที่คาบมาบอกนั้น ทีหลังก็ให้เขาเล่าให้ครับถ้วนหน่อยสิครับ ถามสิครับว่าใน ครม. คนนั่งหัวโต๊ะ ลองไปถามสิว่ามีนายกฯ คนไหนที่ประชุมกันมา 4 เดือน จะสามารถผูกพันคน 35 คนให้นั่งทำงานร่วมกัน อยู่เหมือนคนในครอบครัวเดียวกัน นี่ละครับยืนอยู่ตรงนี้ครับ ที่เป็นหัวหน้ารัฐบาล ที่มีคน 6 พรรคแล้วอยู่กันเหมือนพรรคเดียว คนนี้ละครับ ใครจะคิดอะไรยังไงก็สุดแท้แต่ คิดเล็กคิดน้อยหนังสือพิมพ์ไปทำให้คิดมาก สุดแท้แต่ไปทำข่าว ไม่มีปัญหาครับ บางครั้งบางคราวไปกินข้าวกัน นักข่าวไปบ้าเลือด ผมบอกผมต้องแสดงความประหลาดใจได้ หาว่าทำหน้าทำตา ผู้สื่อข่าว ทำไมละครับ ก็ผมนัดกันเงียบ ๆ คุณมากันเป็นร้อย คนมากินข้าว 8 คน แน่นอนครับผมกินข้าวกับ 6 ท่าน อาวุโสกว่าผมก็มี 2 ท่านนั่งกินข้าวด้วยกัน เสร็จแล้วตกลง ผมจัดการอย่างไร ผมไม่บอกละครับ แต่ออกมาเขาจะคุยเรื่องไหน ท่านก็บอกเรื่องนั้น ถามนำถามไปถามมา ถึงขั้นจะต้องคิดจะถอนตัวไหม ท่านอาวุโสท่านบอกขอคิดดูก่อน เท่านั้นละครับเป็นเรื่องใหญ่เลย แต่ลองตามข่าวดูไหมละครับ บ่ายท่านประชุม พรรคท่านมีแถลงหรือครับ บอกเปล่า ไม่ใช่อย่างนั้น นักการเมืองอย่างผมก็ต้องหัวเราะในใจ เพราะเราตกลงข้างในว่าไม่แถลงในสิ่งที่พูดกัน มาเซ็นเรียบร้อยแล้ว สักพักท่านบอกว่ายังไง เราก็หัวเราะฮึ ๆ ในใจ นั่นละครับของจริงเป็นอย่างไร กับที่ข่าวเอิกเกริกเป็นอย่างไร
เรื่องพรรค์อย่างนี้ ที่ทำงานกันเรื่องนี้ ผมทำงานทุกอย่าง ผมทำงานไม่ใช่ว่าไม่รู้เรื่องต่าง ๆ เพราะผมไม่เก่งละครับ ไม่เก่งอย่างหลายคนในพรรคประชาธิปัตย์ แต่ผมก็รู้จักที่จะฟังความข้าราชการประจำว่าจริง ๆ ต้องเป็นอย่างไร ผมไม่ใช้ตัวเลขหรอกครับ GDP เท่าไร ๆ ผมให้คนที่เขาใช้ถนัดเขาใช้ เพราะหน้าตาอย่างผมใช้อย่างนั้นไม่ได้ แต่ผมเข้าใจนะครับ เหมือนผมไม่ตีกอล์ฟ ไม่เล่นกอล์ฟเลยครับ แต่นั่งดูกอล์ฟได้ รู้สึกตื่นเต้นเลยเวลาเท่าไร เขาเล่นกัน 4 วัน วันสุดท้าย ทางโน้นวันอาทิตย์ ทางเราตรงกับวันจันทร์ นั่งดูกับเขานี่ครับ รอบสุดท้ายก็ตื่นเต้นกับเขา ดูเป็นครับเรียกถูกด้วย อะไรเป็นอะไรอย่างไร แต่ตีกอล์ฟไม่เป็น แต่ว่าของพรรค์อย่างนี้ถ้าอยู่ใน ครม. เข้าใจแล้วก็บริหารได้ ไม่ได้ถือไม้กอล์ฟ ไม่ต้องมีวงสวิง แต่สิตปัญญาอยู่ในหัวครับ คิดเป็นครับว่ารู้ว่าอะไรควรทำ รู้ว่าอะไรควรเว้น ก็เดินทางต้องปรากฏตัว คุณลองสิครับ คุณยังไม่เคยเป็น ท่านหัวหน้าฝ่ายค้านยังไม่เคยเป็นนายกฯ ผมก็ไม่เคยเป็น ผมเพิ่งเคยเป็นหยก ๆ 4 เดือน ถ้าท่านเป็น เขาก็ต้องให้ท่านไปเดินทาง 9 ประเทศ ต้องไปครับ และไปนั่นละครับบทเรียนกระทรวงการต่างประเทศเขาให้ เราก็จะรู้จักขึ้น ตรวจแถวสวนสนามเป็นอย่างนี้ เวลาเจออย่างนี้ ไปเรียนเลยครับบทที่ 1 เรียนกับประเทศลาว พูดภาษาเดียวกัน บทที่ 2 เรียนกัมพูชา บทที่ 3 เรียนพม่า เรียนมาแล้ว 8 บทครับ เหลืออีกบทหนึ่งยังไม่จบ และต่อไปก็ต้องประเทศใหญ่ ๆ
แต่ปรากฏว่าเมื่อเวลาที่ได้พบกันแล้ว ได้คุยกันแล้ว มีความผูกพันกัน มีความเข้าใจกัน ทำไมละครับ บางคนตั้งข้ออย่างประเทศพม่า ผมไม่ตั้งข้อ ผมคุยได้ทั้ง 3-4 คน ผมไปเจอกันหนที่ 2 ที่เวียงจันทน์ เสร็จแล้วท่านรับปากเลยกลับมาเยี่ยมผม เยี่ยมผมเสร็จแล้วเรียบร้อย ทำไมคนอย่างผมถึงเป็นคนที่ว่าสหประชาชาติ นายบัน คี มูน โทรศัพท์มาหาช่วยขอแรงหน่อยครับ รู้จักคุ้นเคยกับทางพม่า เขาเข้าไม่ได้ ผมนี่ละครับเป็นคนเปิดประตู ผมเป็นคนพูดกับทางนั้นส่งคนไปก่อน แล้วผมไปเจรจาเอง ถูกด่าหน่อยบอกว่าเขาเอามาให้ ไม่ใช่ไปดูไปฟัง ถูกต้องไม่มีปัญหา แต่ผมเบื่อประตูครับ แม่ทัพอเมริกันมาได้นั่งเครื่องบินซี 130 ลงไป อเมริกันส่งไปอีก 3-4 ลำ เขาเกลียดอย่างกับขี้
ประเด็นอยู่ว่านายกรัฐมนตรีถูกหัวหน้าฝ่ายค้านดูแคลนอย่างแรง พูดจาว่าไม่มีความสามารถจัด ครม.ไม่เป็นสับปะรด แล้วบริหารไม่เป็น คิดไม่เป็น แก้ไขปัญหาไม่ได้ การพูดให้ฟังนี่ละครับ ฟังไปฟังไปจะได้รู้ว่าคนนี้เป็นอย่างนี้เอง มันไม่ได้เป็นอย่างที่หัวหน้าฝ่ายค้านกล่าวหา ขนาดนี้ผมเพิ่งพูดไปได้ 15 นาทีเท่านั้น ผมทนฟังหัวหน้าฝ่ายค้านพูด 2 ชั่วโมง 45 นาที ผมยังทนได้เลยครับ นี่ 15 นาทีท้วงแล้ว ประเด็นที่พูดนี่น่าท้วงหรือครับ การที่ผมพูดผมแสดงความคิดเห็นว่า ผมมีความสามารถในการพูดจากับต่างชาติ ผมเป็นนายกฯ ได้ 4 เดือน ผมสามารถจะเปิดประตู พม่าปิดประตู ผมกำลังจะดึงพม่าออกมาจากเงามืด ผมกำลังทำหน้าที่ของผมอยู่ ทำไมผมทำได้ละครับ ถ้าไม่มีความสามารถ ผมบอกเลยครับกระทรวงการต่างประเทศเขาเป็นพี่เลี้ยง เพราะฉะนั้น ถ้าพี่เลี้ยงผม เขาไม่มาทำให้ผมเสียหาย ผมก็ต้องยกย่องเขา และผมก็ดำเนินการ ผมทำ ผมกำลังคุยให้ฟังว่าผมมีความสามารถในการพูดจากับประมุขต่างประเทศ อย่างน้อย 8 ประเทศที่ได้พบกันมาแล้ว เวลาที่พบปะพูดจากันแม้แต่วันเดียวสองวัน แต่ก็มีความรู้จักคุ้นเคยกัน มีการโทรศัพท์หากัน มีปัญหาเขาหารือกัน ลองถามสิครับ 8 ประเทศ ยกเว้นบรูไน ยังไม่เจอ แต่ท่านก็รู้จักผม เขาได้คบหาสมาคมกับนายกฯ ไทยแล้วเขาเป็นอย่างไร
คำอภิปรายของท่านหัวหน้าฝ่ายค้านเมื่อสักครู่นี้ แปลเป็นภาษาต่างชาติให้เขาฟังได้ จะได้รู้บอกทำไมไม่เหมือนกับที่เจอสมัคร คุยกับสมัคร ไม่ใช่เป็นอย่างนั้นเลย ผมจะบอกให้ฟังว่าการอภิปรายวันนี้เป็นการอภิปรายดูแคลนหัวหน้ารัฐบาล ถ้าผมไม่แสดงให้เห็นว่าผมรู้ ผมมีความสามารถและผมจะไปพูดอะไรตรงไหนอย่างไร ผมจะอภิปรายตอบเป็นคำ ๆ ๆ ๆ มากเกินไป ผมก็เปลี่ยนแนวทางของผมใหม่ ผมเล่าให้ฟังเท่านั้นละครับว่า ผมไม่ได้เป็นอย่างที่กล่าวหาผม แน่นอนครับบ้านเมืองนี้มีปัญหา ผมถึงได้เทียบเคียงว่าบ้านเมืองกำลังมีปัญหาอยู่ และผมก็เข้ามา ปัญหาขนาดไหนครับ ปัญหาที่เป็นรัฐบาลที่มารับช่วงหลังจากการปฏิวัติ หลังจากการเปลี่ยนแปลง ปฏิวัติแล้วเป็นอย่างไร ปฏิวัติแล้วต่างชาติเขาไม่คบหาสมาคม 16-17 เดือน เขาไม่ติดต่อด้วย สถานะทางเศรษฐกิจเป็นอย่างไร เสียหายแน่นอนครับ ต้องกอบกู้ไหม ต้องกอบกู้ครับ คนที่มาก็บอกแล้วว่าไม่เก่งครับ เพราะโชคไม่ดีครับ นักการเมืองเก่ง ๆ ที่ควรจะมาสมัครรับเลือกตั้ง ก็ถูกไปชำชองอยู่มากมายหลายคน
แล้วทีนี้ทำยังไงครับ ผมก็เอาเท่าที่ผมทำได้ และผมก็ดำเนินการ แล้วทำไมครับ เมื่อเขามีปฏิวัติ เขาฉีกรัฐธรรมนูญทิ้ง และเขาก็เขียนรัฐธรรมนูญใหม่ ตอนเขียนเขาก็บอกว่าไม่ค่อยดีเท่าไร เพราะเขาต้องการจะให้รัฐบาลที่เกิดขึ้นอ่อนแอ มีหลักฐานชัดเจนเลยครับ คนร่างไปเขาก็คุยไป ต้องการทำให้อ่อนแอ ต้องการทำอย่างนั้น ต้องการทำให้ยุ่งยาก เลือกตั้งอย่างนี้ต้องแก้อย่างนี้ ก็เห็นพ้องต้องกันว่าต้องแก้เรื่องนั้นเรื่องนี้ แต่ผมพูดชัดเจนว่าผมไม่เห็นด้วยกับการแก้มาตรา 309 ผมก็พูด มาตรา 237 เขาบอกครึ่งหลังต้องแก้ นี่ละครับ ผมพูดตรงไปตรงมา ผมจะร้องถามดูสิครับว่า รัฐธรรมนูญน่ะคนเขียน ถ้ารัฐธรรมนูญแก้ไม่ได้ แล้วเขียนมาทำไมครับวิธีแก้ทำอย่างไร ทุกฉบับครับเขียนไว้เลยวิธีแก้ทำอย่างไร เมื่อวานนี้อภิปรายกล่าวหาว่าผมจะตั้งสาธารณรัฐ ทำอย่างโน้นอย่างนี้ วิสูตรเลย จะเอาองคมนตรีออก เคราะห์ดีรัฐมนตรีเขาอธิบายความให้เห็นเลยว่ามันอยู่หมวดนี้ ๆ เล็ก ๆ น้อย ๆ ก็จะเอากันพังเมื่อวานนี้ วันนี้ก็จะเอากันพัง แต่ว่ารายละเอียดเจ้าของเรื่องจะเป็นคนอธิบายความเอง
แต่ผมมีหน้าที่ต้องอธิบายว่าทำไมถ้ารัฐธรรมนูญไม่ดีแล้วแก้ไม่ได้ละครับ แล้วทำไมการแก้รัฐธรรมนูญต้องเป็นชนวนให้คนลุกฮือขึ้นมาละครับ ทำไมละครับ หรือว่าทางนักการเมืองฝ่ายค้านเห็นดีเห็นงามกับรัฐธรรมนูญ 2550 ก็อย่าแก้สิครับ ไม่ต้องแก้ ให้คนที่เขาจะแก้ ๆ 316 บวกกับสมาชิกวุฒิสภาบางส่วนแก้ได้ครับ ท่านไม่ต้องลงคะแนนแก้ละครับ แต่พวกท่านได้ประโยชน์ก็มาใช้สิครับ เลือกตั้งเขตละคน คนละเขต ดีแล้ว ย้อนไป 157 เขต ควรแก้ไหมครับ วุฒิสมาชิกกระโดกกระเดกนะครับ เลือกตั้ง 76 แต่งตั้ง 74 ควรแก้ไหมครับ มีมากมายหลายประเด็น แก้เพื่อใคร เพราะการแก้จะต้องบอกไว้เลยว่าจะใช้เมื่อไร ใช้เมื่อเลือกตั้งทั่วไป ไม่ใช่ตัวเราเองครับ วันข้างหน้าสมัครใหม่ก็มาใช้ประโยชน์ ผมพูดชัดเจนเลยว่าไม่ได้ทำเพื่อจะไปช่วยกัน ช่วยไม่ได้หรอกครับ แก้รัฐธรรมนูญได้วันพรุ่งนี้เขาต้องขึ้นศาลอยู่ดี อยู่ในศาลอยู่แล้วครับ คณะกรรมการตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ (คตส.) เขาจบแล้ว เขาส่งเรื่องมาให้คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เขาส่งหมด เขามีหมด ต้องอยู่ในศาลอยู่ในมือคนดำเนินการต่อ ไม่หลุดรอดไปละครับถ้าทำความผิด พูดกันชัดเจนอย่างนี้
เพราะฉะนั้น เมื่อจะแก้รัฐธรรมนูญทำไมถึงจะต้องไปเห็นใจว่า มีคนเขาไม่พอใจกระโดดลงมา ยื่นแก้รัฐธรรมนูญต้องปลุกระดมเลยครับ ผมก็ประหลาดใจว่าพรรคการเมืองบางพรรคเห็นชอบกับการปลุกระดม และเข้าใจว่าถูกต้อง คือหมายความว่าใครแก้รัฐธรรมนูญเลยต้องกระโดดลงมา ทำไมอย่างนั้นละครับ การแก้รัฐธรรมนูญนั้นผมบอกชัดเจนเลยว่าสมาชิก ถูกต้องพรรคเดียวกันครับ แต่ทว่าตกลงพรรคเดียวกันไม่ได้แบ่งเป็นสองซีกหรือครับ ทางท่านไม่มีโอกาสแบ่งครับ ท่านต้องอยู่ในสภาหมด แต่คนเป็นรัฐบาลแบ่งสองซีกนะครับ ส่วนหนึ่งไปเป็นอยู่ฝ่ายบริหารครับ เป็นอำนาจหนึ่งของประเทศ และอีกพวกหนึ่งก็อยู่ในสภา เป็นอำนาจหนึ่งเป็นนิติบัญญัติ และศาลท่านก็มาตามระบบของท่าน 3 อำนาจคานกันอยู่ ทำไมสมาชิกในพรรคของพรรคพลังประชาชนจะทำอะไรอย่างไรนั้น ก็ต้องให้เกียรติสมาชิกเขาอยู่นิติบัญญัติ ผมอยู่ฝ่ายบริหาร
เพราะฉะนั้น แม้จะเป็นพวกเดียวพรรคเดียว แต่ก็ต้องแบ่งงานกัน เขาก็ทำของเขา มันเสียหายอะไรครับแก้รัฐธรรมนูญ แต่ไปถึงก็ไปปลุกระดมบอกไม่ได้เป็นเหตุ แล้วเป็นเหตุเลยไปถึงไหน พอได้เหยื่อ รัฐธรรมนูญเอาไปไม่ได้ ถอน ๆ ๆ ๆ เอาไปได้เหยื่ออีกตัวหนึ่งแล้ว การปลุกระดมว่าอย่างไร เรื่องที่บอกว่าเตือนผม เขียนจดหมายไปเตือน ผมต้องมีเหตุผลของผม คนอย่างผม ๆ เฝ้าดูคนบางคนที่ดูหมิ่นดูแคลนพระราชวงศ์ เขียนแดกดัน ตำรวจยังไม่ค่อยกล้าดำเนินคดีเท่าไร ไม่มีใครจัดการเลยครับ ขึ้นต้น ส นั่นน่ะ ไปดูสิครับ เพราะฉะนั้น อย่างที่เกิดเหตุผมจะบอกให้ฟังนะครับว่า ว่ากล่าวเป็นพฤติกรรมเป็นอันตรายต่อสถาบัน และนายสมัครไม่จัดการ นี่หรือคนจงรักภักดีไม่ดำเนินการ
ท่านก็คงทราบเหมือนที่ผมทราบ การพูดของนายจักรภพ (นายจักรภพ เพ็ญแข อดีตรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี) พูดที่ไหน พูดที่สมาคมผู้สื่อข่าวต่างประเทศ พูดเมื่อไรครับ พูดเดือนสิงหาคมปี 2550 ทุกคนรู้ ทุกคนเข้าใจ ทุกคนถอดเทปเก็บไว้หมด เก็บไว้ทำไมครับ ความจงรักภักดีทำไมเก็บไว้ละครับ จนกระทั่งจักรภพอยู่ข้างนอกก็ไม่เป็นไร ก็เป็นคนดีไปตลอดชีวิต แต่ดันมาเป็นรัฐมนตรี พอไปสั่งงานเกี่ยวข้องกับสื่อสารมวลชนเข้า ก็เริ่มถูกเกลียดชัง ไปเหยียบหางใครเข้าปั๊บทันที ตำรวจคนหนึ่งมาเลยครับ เอาที่เก็บไว้เรียบร้อย แจ้งความเลยครับ นี่ไงครับสามารถจะเอาความจงรักภักดีใส่แฟ้มไว้ก่อนครับ คนนี้ถ้าเผื่อไม่เป็นอะไรไป ก็รอดตัวไป แต่ว่าไปเหยียบหางเขาเข้าปั๊บ เขามาทันทีเลยครับจัดการ ผมรู้อย่างนี้ผมถึงบอกตำรวจช่วยจัดการที ผิดหรือครับ หัวหน้าฝ่ายค้านยื่นกล่าวหาบอกว่า คนนี้เป็นอันตราย ผมบอกขอให้ตำรวจจัดการ กลายเป็นว่าหัวหน้า รัฐบาลไม่เอาใจใส่เรื่องนี้ เป็นอันตรายอย่างยิ่งกับสถาบัน ก็ตำรวจจัดการสิครับ คนที่เป็นอันตรายมีมากมายก่ายกอง กำลังนี้อันตรายก็มีอยู่ เรามีระบบของเรา กระบวนการยุติธรรมมี ก็ให้เขาจัดการ
เห็นไหมครับ แก้รัฐธรรมนูญก็มีเหตุผลว่าการแก้ต้องไม่ผิดกฎหมาย ต้องทำได้ แต่ทำไมต้องปลุกระดม การที่ไม่ดำเนินการกับคนที่หัวหน้าพรรคฝ่ายค้านยื่นมา ผมให้ตำรวจดำเนินการแปลว่าผมไม่จงรักภักดีหรือครับ การวินิจฉัยผมก็บอกเป็นทำนองว่า ถ้าหัวหน้าพรรคฝ่ายค้านยื่นมาวันละคน แล้วผมต้องเอาออกหมด แล้วผมเหลือตัวคนเดียวแล้วยังไง วันดีคืนดียื่นมาบอกนายสมัครไม่จงรักภักดี ผมก็ต้องออกด้วย อย่างนั้นละครับ เป็นไปไม่ได้ครับ เพราะฉะนั้น จะต้องฟังเหตุผลกันบ้างว่าอะไรเป็นอะไรอย่างไร ทั้งหมดนี้จะบอกทีละถ้อยทีละคำอะไรต่าง ๆ นั้น มันจะยาวเกินเหตุ แต่พูดซะให้เข้าใจว่าทั้งหมดนี้คือผมก็ไม่อยากพูดจาให้กระทบกระทั่ง การแสดงออกมาเขียนมา 9 ข้อนั้นก็ขอบคุณครับ ไม่ได้กล่าวหาว่าทุจริตฉ้อราษฎร์บังหลวง แต่การกล่าวหาว่าไม่มีคุณธรรม ไม่มีความสามารถอะไรต่าง ๆ ที่เขียนมานั้น ลองอ่านดูสิครับ ผมเองผมไม่กล้าไปเขียนกล่าวหาใครอย่างนั้น มันดูแคลนกันเกินไป และถ้าผมได้โอกาสลุกมานั่ง ผมก็ต้องลุกขึ้นมาพูด พูดแล้วคนทั้งบ้านทั้งเมืองจะเห็นว่าตกลงเป็นอย่างนั้นหรือเปล่า ผมโง่ขนาดนั้นหรือเปล่า ผมประพฤติอย่างนั้นหรือเปล่า ผมโกงอย่างนั้นหรือเปล่า ผมไม่มีความสามารถในการเงินอย่างนั้นหรือเปล่า
ที่พูดต่างๆ ให้ฟังนั้น เพราะญัตติที่ยื่นนั้นกระจัดกระจาย ตุปัดตุเป๋ มันกล่าวหาเหมือนกับว่าไม่รู้จะทำอะไรแล้ว ขอสอดแทรกมาจะเอาให้ได้ตรงนี้ ผมอธิบายความให้ฟังทีละท่อน แล้วไม่ต้องยืดยาวเยิ่นเย้อ ผมอยากจะบอกนะครับว่าบางครั้งนั้น คนที่ทำอยู่นั้นมีความรับผิดชอบ คนที่เฝ้าดูอยู่นั้นไม่ต้องรับผิดชอบ นักมวยอยู่บนเวที แน่นอนครับ ถ้าไม่มีความสามารถก็คงไม่ขึ้นไปต่อย แต่ไปต่อยแล้วพี่เลี้ยงอยู่ข้างนอกเห็นชัดกว่า นักฟุตบอลถ้าไม่เล่นเก่ง ก็คงไม่ได้เล่นในสนาม แต่คนที่เก่งกว่านั่งอยู่ข้างนอก มันตะโกนบอกได้ครับ แต่บางครั้งโค้ชก็ไม่เข้าใจสถานการณ์ที่เกิดขึ้นตรงนั้น บางครั้งพี่เลี้ยงก็ไม่รู้ข้างบนมันเกิดอะไรขึ้นอย่างไร เหมือนกันครับ นักการเมืองฝ่ายค้านเฝ้าดูรัฐบาล ไม่รู้ละครับในประชุม ครม. คนคาบออกมาเล่า คาบไม่หมดครับ คนที่ไม่มีความสามารถมีอยู่ครับ มีข้อขัดข้องครับ รัฐมนตรีไม่ลงตัวมีบ้างครับ แต่ว่าอย่างไรก็ตามแต่ มันต้องอยู่ที่หัวหน้ารัฐบาล ที่จะเป็นคนดูแล
สถานการณ์บ้านเมืองจะแก้ไขนั้นบางครั้งเราต้องเห็นใจเขา ไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีคลัง เขาต้องการจัดการ ถ้าท่านเป็นฝ่ายค้าน ท่านต้องอยู่ในสถานะนี้ มีคนที่เขาได้รับความชอกช้ำ มีคนที่อะไรต่าง ๆ ทำไมครับเวลาที่มีคณะเข้ามาแล้วมาจัดการเปลี่ยนแปลง ยื้อยุดฉุกกระชาก ตรวจนั่นตรวจนี่ เปลี่ยนเป็นตับ ปลดเป็นออก ไม่มีใครหือเลย ไม่มีใครพูดจา ไม่มีใครว่ากล่าวอะไรเลยครับ ปล่อยหมด แล้วทำไมมันเปลี่ยนแปลงรัฐบาลใหม่เข้ามา จัดใหม่ไม่ได้หรือครับ นี่ธรรมเนียมของโลกนะครับ ในอเมริกาเขาให้เวลาตอนไหน เขาเลือกตั้งเสร็จวันอังคารแรกของเดือนพฤศจิกายน แล้วเขาทิ้งไว้นานเท่าไรครับ เขาทิ้งไว้จนถึงวันที่ 20 มกราคม คิดสิครับ ต้นเดือนอาทิตย์แรก ถัดไปเดือนพฤศจิกายนเกือบทั้งเดือน เดือนธันวาคมอีกทั้งเดือน วันที่ 20 มกราคม 2 เดือนครึ่ง เขาให้เวลาทำอะไรครับ เขาปรับเขาเปลี่ยนหมด ใครจะถอดจะถอนเขาทำหมด แล้วเข้าไปเขาก็ไม่ต้องไปโยกย้าย เพราะเขาโยกย้ายหมดแล้ว และหลายอย่างหลายตำแหน่ง เขาไม่ต้อง เพราะเลือกตั้ง ผู้พิพากษาก็เลือกตั้ง ตำรวจก็เลือกตั้ง ตำแหน่งในทำเนียบขาวถูกโยกย้ายหมดในเวลา 2 เดือนครึ่ง
แต่ของเราครับ คณะปฏิวัติเปลี่ยนแปลงเอาผู้พิพากษา ซึ่งเคยอยู่ตรงกลางต้องวินิจฉัยความขัดแย้งระหว่างสภากับรัฐบาล นิติบัญญัติกับฝ่ายค้าน หรืออะไรต่าง ๆ ผู้พิพากษาเคยวินิจฉัย ปรากฏไม่ไปอัญเชิญท่านเอามา ยังอยู่ในตำแหน่งราชการยังไม่เกษียณ เอาไปเป็นรัฐมนตรีเข้าไปเป็น เอาไปเป็นอธิบดีก็เอาไปเป็น เอาไปเป็นปลัดกระทรวงก็ไปเป็น เอาไปเป็นคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) 5 ท่าน เอาระบบผู้พิพากษาไปทำตรงนั้นแล้วเป็นยังไงครับ กระทบกระเทือนไหมครับ กระทบกระเทือน มันเสียหาย เพราะฉะนั้น เมื่อเราเข้ามาใหม่ ที่ไม่ไว้วางใจรัฐบาลสมพงษ์ (นายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม) แล้วทำไมละครับ ก็ท่านมาอยู่ตรงนั้น ท่านกำลังอยากจะขอกลับ พอเราต้องการจะปรับเปลี่ยนใหม่ เราก็บอกท่านช่วยไปอยู่ตรงนี้ที งานใหม่ท่านไปอยู่ตรงนี้ แล้วเขาก็เปลี่ยน อะไรเปลี่ยนแปลงกันไม่ได้เหรอครับ ผมเปลี่ยนครับ คนสำคัญ ๆ ใครไม่กล้าเปลี่ยน ผมยังเปลี่ยนเลยครับ เพราะผมถือว่าผมต้องรับผิดชอบในสิ่งที่ผมเปลี่ยน คนจะบริหารต้องอย่างนี้ ไปนั่ง อ๋อไม่ได้ครับ เข้ามาต้องเป็นคนดีครับ เปลี่ยนอะไรไม่ได้ครับ เป็นคนดีครับ เดี๋ยวเขาว่าครับ เดี๋ยวฝ่ายค้านเล่นงาน เดี๋ยวถูกอภิปรายไม่ไว้วางใจ ไม่เปลี่ยนปล่อยไว้อย่างนั้น แล้วงานการเป็นอย่างไร เสียหายไหมครับ เปลี่ยนเพื่อไม่ให้เสียหายแล้วเปลี่ยนมากไหมครับ เปลี่ยนเท่าที่จำเป็นต้องเปลี่ยน
เพราะฉะนั้น ที่กล่าวหามาแต่ละอันๆ นั้น ผมอยากเรียนให้ทราบว่าปัญหาบางสิ่งบางอย่างนั้น ผมคุยกับประธานาธิบดีอาร์โรโย ท่านบอกว่าอยากจะได้ข้าว ผมบอกท่านเลยว่าถ้าท่านใช้วิธีแบบการประมูล แล้วให้ใครมาสลักหลัง ท่านทำท่านไป แต่ถ้าท่านต้องการข้าว เรามีข้าวอยู่ในสต๊อก ถ้าขาดเรานั่น ฟิลิปปินส์ไม่ขาด แต่เขาต้องการทำสัญญา 3 ปี ตั้งราคาไว้อย่างนั้น เราบอกไม่เป็นไร ผมกระซิบท่านบอกเลยครับ เพราะฉะนั้น ไม่ต้องเสียโอกาส ผมต้องการรักษาราคาข้าว ผมคุยกับนายกรัฐมนตรีเวียดนาม ผมคุ้นเคยกับเขาขนาดว่า เขาเกิดวิกฤตการณ์ ผมก็โทรศัพท์ไปหาท่าน และเขาบอกเลยครับว่า เราต้องช่วยกันประคองรักษาข้าว ท่านเริ่มผลิตได้ ผมก็ผลิตได้ ต้องทำราคาให้สูงไว้ นี่เป็นเรื่องส่วนตัว เป็นเรื่องที่ว่าคิดกันและก็บอกกัน และมาเข้าระบบ
ก็ทำงานนี่ครับ การรักษาราคาข้าวสูง ชาวนามีรายได้ดี ไม่ดีหรอกครับ ข้าวสูงเพราะไปแพงที่ชิคาโก แพงข้าวสาลี และมาแพงข้าวสาร และเกิดการแพง และเกิดการกล่าวหาว่าไปปลูกพืชพลังงาน และมากล่าวหาไทย ผมก็ต้องตอบโต้ไปว่าอะไรกัน และผมก็ว่ากล่าวไปเป็นทำนองน้ำมันขึ้นราคาไม่ว่า พอข้าวขึ้นราคามาว่า เราวิเคราะห์พิสูจน์ให้ฟังทั้งนั้นละครับ และคนที่ถูกผมตำหนิ วันดีคืนดี เขาก็โทรศัพท์มาหาผม ขอแรงหน่อย เข้าประเทศนี้ไม่ได้ ขอให้ช่วยหน่อย ก็มีความสัมพันธ์อย่างนี้ ก็ได้รู้จักได้พูดจากัน บางสิ่งบางอย่าง รัฐบาลอื่นอาจจะไม่กล้าทำ แต่ผมกล้าทำครับ คนโน้นเขาเขม่น ใครไปยุ่งกับพม่า อเมริกาก็เขม่น ใครไปยุ่งกับพม่าอียู ก็เขม่น แต่ผมปาฐกถาให้พวกนี้ฟังหมด ผมปาฐกถาให้ฟังตั้งแต่ผมยังไม่ไปพม่า และผมไปพม่ามาแล้ว ใครก็อยากฟังปาฐกถาของผม แต่ผมบอกผมพูดไม่ได้ละครับ เพราะกระทรวงการต่างประเทศเขาไม่ให้นายกรัฐมนตรีต้องพูดเรื่องนี้ ผมก็ไม่พูดครับ แต่ใครอยากจะเอาเรื่องเมืองพม่า ก็คุยกับนายสมัคร สุนทรเวช ที่ไม่ใช่นายกรัฐมนตรี ให้ข้อมูลไป ผมทำอย่างนี้เพื่ออะไรครับ เพื่อว่าเพื่อนบ้านที่มีคะแนนในสหประชาชาติเหมือนกัน มีทรัพยากรเป็นเพื่อนบ้านอาศัยได้ เขาจะได้ไม่ถูกดูหมิ่นเหยียดหยาม จะเป็นจะตาย กำลังช่วยเขาอยู่ ไปประชุมกัน 6 ประเทศ ประชุมเสร็จเรียบร้อยเขาจะไม่ให้เป็นเจ้าภาพต่อไป ผมบอกไม่ได้ ผมออกมากลางวง ผมบอกไม่ได้ คุณเป็น ADB แล้วเชิญเขามาทำไม 3 ปีก่อนเชิญมานั่น 3 ปีนี้เชิญมานี่ แล้วปีต่อไปเขาจะเป็นเจ้าภาพไม่ให้เขาเป็น ไม่ได้ ผมขอโหวตเลยครับ 6 ประเทศ 6 นายกฯ โหวตให้เลยบอกให้พม่าเป็น ผมบอกผมมีเหตุผล ผมกำลังจะช่วยเขาอยู่ เขากำลังจะเลือกตั้ง อีก 2 ปีเขาจะเลือกตั้ง และอีก 3 ปีเขาจะเป็นเจ้าภาพ ถ้าเขาประพฤติไม่ดี เราก็ไม่ให้เขาเป็น มีเหตุผลไหม เรื่องอย่างนี้ผมทำครับ
นี่ละครับนายกรัฐมนตรีไทย คนที่ถูก กล่าวหาไม่ไว้วางใจวันนี้ ว่าไม่มีไอ้โน่นไอ้นี่ ไม่มีความคิด แต่ที่เล่าสิ่งละอันพันละน้อย แล้วตอบคำถามเป็นขั้นเป็นตอนนั้น เพื่อจะให้รู้ว่าผมรับผิดชอบในสถานะของผม ผมรับผิดชอบในสถานะว่า ผมจะต้องตอบ ผมก็ทำให้ ผมทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ก็ได้ครับ แต่ผมทำให้ ถ้าคลางแคลงใจว่าทำไมรีบร้อนไม่มีใครบังคับผม ผมทำให้ และก็อธิบายความให้ฟังนั้น ก็อยากจะย้อนกลับมาตรงสุดท้ายตรงนี้เท่านั้นเองครับว่า สิ่งที่เอามาอ่านกันเมื่อสักครู่ตอนจบนั้น ดูเป็นเรื่องดุเดือดเลือดพล่าน ขอยืนยันนะครับว่าที่เอามาอ่านมาแสดงต่าง ๆ นั้น เป็นสิ่งที่คนไทยที่สนใจก็รู้กันอยู่ ข้อเท็จจริงคือที่อ่านนั้นคือการบอกให้คนทั้งบ้านทั้งเมืองรู้ว่ามีคดีความจริง เขาเรียกว่าคดีถูกปิดปาก เขาไปทำแผนที่มา รัฐบาลไหนละครับ รัฐบาลก่อนหน้านั้น เขาไปทำมา ไม่ใช่รัฐบาลแถวนี้ทั้งนั้น ไม่ใช่รัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์ด้วย และเวลาที่อยู่ ท่านถูกได้รับเชิญมา พ.ศ. 2505 ผมละครับการเมืองขึ้นสมองเลยกำลังนั้น สมัยจอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ และก็จัดการดำเนินการ และก็สงวนสิทธิ์สงวนทุกวันนี้ กรรมการก็ยังสงวนอยู่ ที่เขาไปดำเนินการตกลงเจรจา เรารู้หมด เพราะกระทรวงการต่างประเทศเขาเป็นคนทำ จดหมายทักท้วง รัฐมนตรีเขาเป็นคนให้ทักท้วงไปอย่างนั้น รุ่งขึ้นเขาตอบมา
การที่เขาบอกนายกฯ สมัครเห็นชอบ ก็พูดกันในขนาดประชุมกันห้องเต็มหมด ก็เขาเขียนให้ผมบอกนี่ครับว่า ถ้าพูดกันเรื่องเขาพระวิหาร ถ้าไม่ยกประเด็นไม่พูด เขาพูดเรื่องเขาพระวิหาร แล้วบอกว่าเขาพระวิหารนั้น ถ้าหากว่า ทางโน้นเขายอมรับว่า ถ้าพื้นที่ทับซ้อนเราต้องยื่นด้วย พื้นที่ทับซ้อน 4.6 ตารางกิโลเมตร ต้องยื่นด้วย ถ้าเผื่อคุณสามารถจะพิสูจน์ได้ว่าเอาเฉพาะข้างบน ก็ต้องลองดู ก็เท่านั้นเองครับ แล้วเขาก็ไปทำอย่างที่ว่า วันที่สองจะขึ้นได้ไม่ได้ ยังไม่รู้เลยครับ ที่ไปทำมาก็ไม่มีอะไรผิด ทุกคนรับรองหมด ไม่มีอะไรยังไงเลยครับ เขาสงวนสิทธิ์ไว้หมดทุกอย่าง ไม่มีอะไรจะน่าตื่นเต้นยังไงเลย แต่ทำกันตื่นเต้น ไม่มีอะไรเสียเลยครับ เขาจะขึ้นไหมขึ้นก็ยังไม่รู้วันที่ 2 นั่น แต่ว่าเราไม่ตกลงกับเขา ๆ ก็ไปคนเดียว และเขาจะเอาพื้นที่ทับซ้อนไปขึ้นด้วยคนเดียว เขาจะไปยื่น เราบอกไม่ได้ พื้นที่ทับซ้อนยื่นไม่ได้ ในที่สุดก็ตกลงกันว่าต้องพูดว่าพื้นที่ทับซ้อนไม่ยื่น ใครเป็นคนกลาง ก็ยูเนสโก บอกคุณไปประชุม ถามว่าขีดเอาเฉพาะปราสาทได้ไหม นายกรัฐมนตรีเขาบอกเอาแต่ปราสาทไปขึ้น บอกว่าถ้าขึ้นได้ก็เอา เขาก็ไปเจรจาความ เขาก็ขีดเฉพาะปราสาท ก็เอาละตกลง เขาก็ออกแถลงการณ์ ก็จะตีความว่าแถลงการณ์เป็นกฎบัตรกฎหมายก็ดำเนินการกันไปเถอะครับ มันเกินเหตุไปหน่อยเท่านั้นเอง ไม่มีใครคิดว่าจะเป็นสนธิสัญญาเป็นอะไร และที่ดำเนินการไปก็ไม่เสียสิทธิ์ครับ จะรักษาสิทธิ์ไว้อีกสัก 200 ปีข้างหน้า ยังจะรักษา ก็รักษาอยู่ครับ ไม่มีอะไรเสียหาย แต่ทำกันตื่นเต้นเหมือนประเทศไทย กำลังจะเสียดินแดน
ทำไมถึงขนาดนั้นละครับ ปลุกระดมกันกระทั่งคนเกิดข้างหลัง เคราะห์ดีนะครับคนเกิดทีหลัง เกิดพ.ส.2507 ไปอ่าน และก็เอาข้อมูลนี้มาก็ทำให้คนไทย พ.ศ. 2551 ต้องตื่นเต้น ผมฟังแล้วผมเฉย ๆ ครับเพราะทำมากับมือ รู้มากับมือ รัฐมนตรี (นายนพดล ปัทมะ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ) เขาเป็นคนทำ ผมเป็นคนนั่งดูอยู่ด้วย ถ้าเป็นอย่างนี้ละครับ อธิบดีเขาใช้ไม่ได้ เจ้ากรมแผนที่ทหารก็ใช้ไม่ได้ แม่ทัพนายกองที่มารองรับ อาจารย์ศรีศักร วัลลิโภดม ก็เป็นนักวิชาการใหญ่โต ใครถ้าพูดทางดีไม่เอ่ยถึงเลยครับ แต่ถ้าใครพูดทางร้ายปั๊บ ๆๆๆ ไปถึงนั่นเลย เป็นข่าวหมดเลย ก็เอาเถอะครับเรื่องนี้ไม่มีปัญหา จะเอาขึ้นศาลกันอีกครั้งก็ได้ จะเอารัฐมนตรีไปขึ้นศาลเอาเลยสิครับ ไปดูกันเลยว่าเป็นยังไง มันเรื่องธรรมดา ๆ มีหน้าที่รับผิดชอบต้องทำ เราไม่ขึ้นเขาเดี่ยว เขาจะขึ้นเอาแผนที่ตรงทับซ้อนไปขึ้นด้วย เราบอกไม่ได้ ทับซ้อนต้องเจรจาความ ถ้าเผื่อคุณขีดเอาปราสาทไปขึ้นได้ คุณก็เอาไปคนเดียว ก็ตกลงเอาปราสาทไปขึ้น และเขาไม่รับ เขาไม่รับก็อาจจะขึ้นไม่ได้ จะเจรจากันยังไงก็สุดแท้แต่ แต่ว่าจะมาบอกว่ารวม ยูเนสโกบอกว่าถ้าขึ้นตรงนี้แล้ว สระ เจดีย์จะต้องนับรวมด้วยอยู่ในแผ่นดินไทย ลองมาล่อกันอย่างนี้สิ เป็นไปไม่ได้ละครับ
แปลว่าจะมาพูดจากันพิสูจน์กัน ในนี้พูดจากันยกมา แต่ผมต้องการให้คนในบ้านเมืองนี้รู้ว่า บ้านเมืองนี้ยกหนีไปไหนไม่ได้ การที่เขาเล่นงานเผาสถานทูตไปแล้ว เพื่อจะสร้างซ่อมใหม่กันนั้น อยู่ ๆ ให้เกิดเหตุอีกทำไมครับ ปลุกระดมกันจนกระทั่งคนทั้งบ้านทั้งเมือง ผมพูดในสภานี้เมื่อวานตรงนี้ที่นี่ครับ ผู้หญิงคนหนึ่งรับจ้างตัดเสื้อตั้งแต่ชุดละพันเดี๋ยวเป็นชุดละหมื่น เสร็จแล้วพอวันนี้ไม่รับใครทั้งนั้น ต้องไป เขาจะพูดกันเรื่องเขาพระวิหาร ไปปลุกระดม ฉันจะยอมตายเรื่องเขาพระวิหาร ผมก็ยืนยันว่าการปลุกระดมมันสำเร็จแน่นอน ผู้หญิงคนตัดเสื้อนี่ละครับ รายได้ดีด้วยจะยอมตายเพราะเรื่องเขาพระวิหาร แล้วทำกันไปทำกันมา จนกระทั่งบัดนี้ มันร้อนฉ่ากันไปหมดแล้วนะครับ ต้องไปห้ามทัพกันไว้ เพราขบวนกองทัพตามจะขึ้นไปข้างบน ศรีสะเกษจะทำ แล้วไม่คิดหรือครับว่าคนไทยที่อยู่ที่โน่น นอนตาไม่หลับอีกแล้วครับ
ข้างบ้านต้องรักษาไมตรี ไมตรีรอบบ้านดีหมด ก็นอนตาหลับ มันอะไรกันนักหนาละครับ ตรงนั้นเท่านั้นเอง ไม่มีอะไรสูญเสีย ไม่มีการเสียอิสรภาพ แต่ว่าท่านหัวหน้าฝ่ายค้านออกมาประกาศเองว่ารัฐบาลไทยในยุคนั้น ไม่ใช่รัฐบาลท่านละครับ รัฐบาลจอมพลสฤษดิ์ฯ ยอมรับเพราะต้องการจะเป็นคนดีขององค์การสหประชาชาติ ก็ตกลงกับเขายอมเขามา 45 ปีแล้ว สงวนสิทธิ์ก็สงวนครับ วันนี้ก็ยังสงวนสิทธิ์อยู่ จะมาพิสูจน์กันกลางสภา เอาเลยครับเอาไปขึ้นศาลเลย ศาลวินิจฉัยจะได้เอารัฐมนตรีออกสักคนหนึ่ง ให้รู้แล้วรู้รอดไป ถ้าเผื่อนั่น จะได้เอาพยานไปเลยว่าทำกันยังไง ต้องพิสูจน์ให้เห็นว่าอดีตนายกรัฐมนตรี (พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร) ไปทำมาหากินอะไรจะทำยังไง เรื่องจะบังเอิญอะไรยังไงอย่าเอามาพัวพันกันครับ ไม่มีละครับ แต่ข้อสำคัญที่สุดคือว่าไมตรีที่ข้างบ้านเขามีอยู่นั้น จะไปเช่าที่เขาปลูกข้าวโพดล้านเฮกเตอร์ เขาบอกปลูก ไปปลูกอ้อยเขาให้ปลูก ไปช่วยงานต่าง ๆ ทำไมเราไปช่วยงานเขาครับ เพราะศูนย์ท่องเที่ยวอยู่ที่นครวัด ใครมานครวัดก็ต้องมาเที่ยวประเทศไทย เราอนุเคราะห์เขา
ขออนุญาตเล่าให้ฟังเพื่อจะแสดงให้เห็นว่าไม่ได้ลอกประเด็น แต่แสดงให้เห็นว่านายกรัฐมนตรีคนนี้เข้าใจเรื่องนะครับ เขามีการประชุมเขาเรียกว่า GMS ไม่ได้เป็นอาเซียน ไม่ได้เป็นอะไรทั้งสิ้น องค์กรที่เรียกว่าธนาคารพัฒนาเอเชีย ญี่ปุ่นเป็นประธาน จัดการทำ เขาทำก่อนผมมาอีกครับ เขาประชุมกันน่าสนใจมาก ประเทศจีนใหญ่มหึมา เขาเอาแค่ 2 มณฑล ยูนนานมี 50 ล้าน กวางสีมี 40 ล้าน แม่น้ำโขงไหลผ่าน เขาเอาประเทศที่แม่น้ำโขงไหลผ่าน และเขาก็เอาเวียดนาม 83 ล้าน ลาว 7 ล้าน กัมพูชา 14 ล้าน ไทย 63 ล้าน พม่า 53 ล้าน ทั้งหมด 312 ล้านรวมกันแล้วช่วยกันพัฒนา ประชุมกันมาแล้วที่พนมเปญ คุนหมิง เมื่อเดือนมีนาคม ผมไปร่วมประชุม ๆ กันแล้วที่เวียงจันทน์ อีก 3 ปีจะประชุมกันที่เนปิดอว์ และอีก 3 ปีถัดไปจะประชุมกันที่กรุงเทพฯ แล้วต่อไปก็ประชุมกันที่เวียดนาม
ทั้งหมดงานอันนี้ละ เราถึงจะได้รู้ว่าเพื่อนบ้านของเรานั้น เขาได้ช่วยเราอย่างไร ทางลาวเขาช่วยเรื่องไฟฟ้ากับเราอย่างไร เมื่อเวลาปราศรัยที่ลาวต้องต่อเลยความมั่นคงของลาว คือความมั่นคงของไทย บอกกัมพูชานั้น ระบบการท่องเที่ยวทางโน้นเท่าไร ไทยได้ประกาศเท่านั้น เราช่วยเขาครับ ที่อ้างให้ฟังอย่างนี้เพราะช่วยหมด ช่วยในภูมิภาค เวลา 15 ปีที่ผ่านมาแล้ว ประเทศไทยได้ใส่เงินเป็นประเทศ donor คือไม่ได้เงินช่วยใคร เราตั้งตัวได้ เราช่วยไปแล้ว 15,000 ล้าน รัฐบาลไทยหลายรัฐบาลเรียงแถวมา ช่วยไปแล้ว 15,000 เราอยู่ในประเทศได้ช่วยาสงเคราะห์ ทำให้ภูมิภาคเจริญขึ้น ถนนตรงนั้นตัด ถนนนี้ตัด เครื่องไมโครเวฟอะไรต่าง ๆ ตัด นี่ไงครับที่อธิบายตรงนี้เพื่อจะบอกว่าเราผูกไมตรีหมดครับ จีนมหึมาก็ผูกครับ ลาวเล็ก ๆ เราก็ผูกครับ กัมพูชา 14 ล้านก็ผูก การผูกไมตรีกันไว้นั้น ผมไม่ได้เอามาอ้างนะครับ ผลประโยชน์ที่ได้นั้นเป็นเรื่องของประเทศชาติ ถนนหนทางที่เราทำไปเพื่อนักท่องเที่ยวจะได้ไหลกลับเข้ามาประเทศไทย เพราะเขาไปกัมพูชา เขาไปดูนครวัด นครธม เขาขุดมาแล้ว 50 ปี 60 ปี 80 ปี คนในโลกไม่เห็นเพราะรบกันมา บัดนี้เข้ามาเที่ยวได้แล้ว ก็อนุเคราะห์อย่างนี้ แล้วการจุดชนวนให้ร้อนฉ่า เมื่อเช้าที่กัมพูชาปิดประตู ไขกุญแจข้างเดียว ก็แน่นอนครับผลประโยชน์ได้เข้าไปทางโน้นเสียสตางค์ 45 ปีครับอยู่กันมาเรียบร้อยดี 2 ปีต่อไป จะต้องเอาคนที่รุกล้ำออก ตรงนั้นต้องเป็นโนแมนแลนด์
ทุกอย่างที่ผมไป คนที่คิดว่าได้ทำถูกต้อง ได้ทำให้เรื่องราวมันจบ เพราะถ้าเราไม่ตัดสินใจ เขาไปขึ้นของเขาเอง พื้นที่ทับซ้อนก็ไปขึ้นยิ่งยากต่อไปอีก ตกลงกันไว้คือไม่เอาพื้นที่ทับซ้อน ยูเนสโกตกลงใจว่าเอา parameter เฉพาะตัวปราสาท ก็อยู่ในเขตของเขา และได้สงวนสิทธิ์ทั้งหลายทั้งปวง การขึ้นทะเบียนมรดกโลกนั้น ไม่มาตัดสิทธิ์ในการที่จะมีการตรวจวัดพื้นที่แผนที่ เขามีข้อแม้ไว้เสร็จเรียบร้อย กระทรวงการต่างประเทศพยักหน้าแล้วถึงดำเนินการได้ จะว่ากล่าวกันยังไงก็สุดแท้แต่ แต่ไม่มีการสูญเสีย ไม่มีการเสียสิทธิ์ รักษามา 50 ปี จะรักษาอีก 500 ปี ก็ไม่เสียสิทธิ์ เพราะข้อแม้นั้นมีทั้งทางเราสงวน และมีทั้งยูเนสโกสงวน ทั้งหมดพูดซะให้เข้าใจเรื่องจะได้หายร้อนกันเสียที จะได้อยู่กันอย่างเพื่อนบ้านเสียที และถ้าจะคิดว่าเขาเอาเปรียบยังไง แล้วทำยังไงครับอยู่กันมา อยู่กันมาดี ๆ เราไม่ได้คิดจะขึ้นแต่เขาขึ้น เมื่อเขาจะขึ้นมีปัญหาเราต้องช่วยแก้ไข เขาขึ้นข้างเดียวได้ครับ แต่เขาเอาพื้นที่ทับซ้อนไปขึ้น แล้วเกิดเรื่องไหม ก็ต้องตามไปแก้ แก้เสียก่อนไม่ดีกว่าหรือครับ เรื่องพรรค์อย่างนี้ต้องพูดกันให้เข้าใจครับ จะเอากันให้ตายยังไงก็ได้ ลากไปขึ้นศาล
ผมต้องแน่ใจว่าเราทำสิ่งที่ถูกต้อง และไม่มีข้อแลกเปลี่ยน ไม่มีบุญคุณใครที่ต้องทดแทน ผมเริ่มต้นด้วยคำพูดว่าคนที่มีบุญคุณคือผมมีบุญคุณนะ ไม่ต้องทดแทนใครครับ แล้วทำงานมา 4 เดือนไม่เคยคิดเลยว่าทำอะไรทดแทนใคร แต่ว่าคอยจับจ้องโน่นนิดนี่หน่อย มาปะติดปะต่อแล้วทำเป็นเรื่องใหญ่ขึ้นมา คิดให้ดีเถอะครับ ปลุกระดมให้คนที่บ้านเมืองสงบ ใกล้ชิดกัน จนกระทั่งดีช่วยเหลือกัน ไปปลูกไปทำอะไรไปทำงานกันแล้ว ไม่ได้เกี่ยวกับผมละครับ นักธุรกิจทั้งนั้น เขาไปลงทุนในลาว ไปลงทุนในพม่า ไปลงทุนในอินโดนีเซีย ไปเยี่ยมมาแล้ว 8 ประเทศถึงได้รู้ว่าเขามีไมตรี เขาเคารพนับถือบ้านเรา เขาถือว่าเราเป็นพี่เอื้อย โมฮัมหมัด มหาธีร์ ถอยลงไปปั๊บ เขาก็มองหาว่าใครจะเป็นคนยืนแถมหน้า ที่โน่นเวลานี้สิงคโปร์เขาเป็นประธานอาเซียน เดือนกรกฎาคมจะถึงไทยจะเป็นประธานอาเซียน ประธานอาเซียนคือนายกรัฐมนตรีไทย ผมจะเป็นประธานอาเซียน ต่อไปนี้ตามกฎบัตรจะต้องอยู่ปีครึ่ง รับปากกับเขามาทุกหนทุกแห่งบอกเสร็จแน่ ก่อน 30 มิถุนายนเราจะยื่นกฎบัตร กฎหมายยังแช่ในสภา จะเข้าไม่ได้ละครับ ติด ๆ ขัด ๆ ยังไงยังเข้าไม่ได้นะครับ รับปากกับเขาไว้ว่า 30 มิถุนายน จะยื่นเรื่องกฎบัตร ไม่ได้ นี่ละครับถูกต้องเลยครับ มาตรา 190 จะต้องเอามาเข้า
ทั้งหมดที่ทำทั้งหมดที่เล่านั้น เพื่อจะบอกให้รู้ว่าคนที่ทำหน้าที่นั้น มีความรับผิดชอบอยู่ด้วย และรับผิดชอบนี้คือรับผิดชอบบ้านเมือง รับผิดชอบงบประมาณที่จะทำที่อภิปรายกันวันมะรืนนี้ รับผิดชอบในเรื่องทั้งหลายทั้งปวง รับผิดชอบในความสงบ รับผิดชอบในเรื่องยุ่งยากต่าง ๆ การตรวจสอบถูกต้องครับอยู่ที่ท่านทั้งหลาย การยื่นนั้นยื่นได้ครับ แต่ว่าจะทำเอาเป็นเอาตาย ทำข่าวประโคมข่าวกัน ผมว่าเกินไป
ผมขอย้ำว่าการกล่าวหาหัวหน้ารัฐบาล โดยหัวหน้าฝ่ายค้านวันนี้ตามญัตตินั้นเกินเหตุ รุนแรงมากเกินเหตุ ระยะเวลา 4 เดือน ผมแน่ใจว่าไม่ได้ทำให้บ้านเมืองนี้เสีย และผมยังมีความสามารถที่จะรักษาสถานะในการเป็นผู้นำประเทศ ในการเป็นนายกรัฐมนตรี ผมยังจะเดินหน้าต่อไป ผมยังต้องไปพบผู้นำต่าง ๆ ผมยังต้องทำอยู่ครับ ไม่มีปัญหา ผมต้องทำหน้าที่ของผม การไปปรากฏตัวนั้นเป็นหน้าที่ ผมจะต้องไปจีน บรูไน ยุโรป ญี่ปุ่น สหประชาชาติ สุดท้ายผมจะต้องไปรัสเซีย ยังต้องทำหน้าที่ครับ เพราะฉะนั้น อย่างไรก็ตามแต่ ผมไม่ได้มาร้องวิงวอน แต่ถ้าหากหัวหน้าฝ่ายค้านดูแคลนนายกรัฐมนตรีประเทศตัวเองขนาดนี้ ช่วยกรุณาลองคิดดูให้ดีหน่อยว่าสมควรไหมครับว่า ความยากได้ใคร่ดีจนกระทั่งต้องมาเล่นงานหัวหน้ารัฐบาลให้ชอกช้ำอย่างนั้น นึกถึงหัวอกคนที่จะต้องไปพูดจากับเขาบ้าง ถ้าเขาแปลคำอภิปรายของหัวหน้าฝ่ายค้านให้คนทั้งโลกฟัง แล้วเขาไม่รู้ว่าข้อเท็จจริงเป็นอย่างไร ถ้าไม่แปลคำที่ผมอธิบายอย่างนี้ละก็ มันเสียหายนะครับ ข่าวที่ออกไปไม่รู้จะเป็นอย่างไรไม่ทราบ แต่เคราะห์ดีการถ่ายทอดมีตลอด ที่พูดนี่หัวหน้าฝ่ายค้านพูด 2 ชั่วโมง 45 นาที หักตอนทะเลาะกันหน่อยสัก 2 ชั่วโมงครึ่ง ก็โอเคครับ อย่างผมพูดมานี่ผมพูด 50 นาทีพอสมควรแก่เหตุ ไม่ใช้เวลามากกว่านี้ จะอภิปรายสับโขกกันอย่างไรต่อไปอีก 7 คนก็เอา ผมอีกก็ยังได้ครับ แต่ผมต้องสงวนสิทธิ์ว่าต้องตอบบ้าง
แต่ที่ผมพูดไว้ ผมบอกไว้ว่าขออนุญาตให้ผมได้ตอบหน่อยเพราะยาวไป ความจริงผมจะให้พูดก่อน แต่พูด 2 ชั่วโมง 45 นาที และนั่งหน้าเฉย ๆ อยู่ละก็ ไม่ถูกต้อง แต่ตอนนี้จะสับโขกอย่างไรก็ได้ จะเอากันตลอดหมดก็ได้ ก็เหลือสัก 2 ชั่วโมง จะให้เขาชี้แจงทั้ง 7 คนจะได้จบสิ้นกันไป การเมืองเป็นอย่างนี้เท่านั้นละครับ ไม่มีใครเลวมากจนกระทั่งถูกดูแคลนอย่างเมื่อตอนต้นที่เปิดรายการ ผมยืนยันเลยครับว่า ผมเป็นคนมีสกุลรุนชาติ และไม่เนรคุณใคร คำที่พูดว่าเนรคุณนั้นคนเขียนหนังสือบางคนอาจจะไปเขียนคนคิด คนคิดเอาเองอาจจะคิดได้ แต่ท่านอาจารย์เสนีย์ฯ เป็นครูบาอาจารย์ผม ผมเรียนกฎหมายกับท่าน น้องชายท่านก็เป็นครูบาอาจารย์ผม ตระกูลนี้ผมรู้จัก คุณทวดผมก็รู้จัก พี่สาวอาจารย์เสนีย์ฯ ผมก็รู้จัก เพราะฉะนั้น โปรดกรุณาอย่ากล่าวหา อย่าไปเปรียบเทียบจะครึ่งจะค่อน และผมย้ำอีกครั้งหนึ่งว่า ผมไม่ตอบแทนบุญคุณใคร ถ้าจะมีใครต้องตอบแทนบุญคุณผมนั้น บางทีผมก็บอกว่าไม่รับ แต่ผมไม่ได้ทำงาน 4 เดือนเพื่อจะสนองบุญคุณใคร และที่ปรารภบอก 4 เดือน บ้านเมืองจะแย่อยู่แล้ว ถ้า 4 ปีจะเป็นอย่างไร ผมฟังแล้วผมก็คิดว่า แค่ 4 เดือนยังทนรอไม่ได้ แล้วถ้าทนรอ 4 ปี จะทนไหวไหมครับ ขอบคุณครับ
--กลุ่มยุทธศาสตร์และแผนการประชาสัมพันธ์ สำนักโฆษก--