สมาชิกวุฒิสภายื่นญัตติเรื่องขอเปิดอภิปรายทั่วไปเพื่อให้คณะรัฐมนตรีชี้แจงปัญหาความไม่สงบเรียบร้อย และปัญหาการบริหารราชการแผ่นดินที่ส่อว่าจะเกิดความเสียหายแก่บ้านเมือง ตามมาตรา 161 แห่งรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2550
วันนี้ (23 มิ.ย.) เวลา 09.30 น. ณ อาคารรัฐสภา นายประสพสุข บุญเดช ประธานวุฒิสภาทำหน้าที่ในการประชุม โดยแจ้งให้ที่ประชุมทราบว่า วันนี้เป็นการประชุมพิจารณาญัตติเรื่องขอเปิดอภิปรายทั่วไปเพื่อให้ คณะรัฐมนตรีชี้แจงปัญหาความไม่สงบเรียบร้อย และปัญหาการบริหารราชการแผ่นดินที่ส่อว่าจะเกิดความเสียหายแก่บ้านเมือง ตามมาตรา 161 แห่งรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2550 ซึ่งนางสาวสุมล สุตะวิริยะวัฒน์ สมาชิกวุฒิสภา เพชรบุรี และนายคำนูณ สิทธิสมาน สมาชิกวุฒิสภา ระบบสรรหา เป็น ผู้เสนอ
ภายหลังสมาชิกวุฒิสมาชิกได้อภิปรายในประเด็นการบริหารงานของนายกรัฐมนตรี การจะแก้ไขรัฐธรรมนูญ และการลงนามในแถลงการณ์ร่วมไทย-กัมพูชาในการขอขึ้นทะเบียนปราสาทพระวิหารเป็นมรดกโลก แล้ว นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี ได้ชี้แจงต่อสมาชิกวุฒิสภาดังนี้
“ผมนายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี ขออนุญาตท่านประธานต้องใช้เวลาตรงนี้ คือไม่อยากจะทิ้งเอาไว้ให้นานจนกระทั่งพูดกันไปหมด แล้วมาชี้แจงทีหลัง คนฟังตอนต้นยังนั่งฟังอยู่ทั่วบ้านทั่วเมือง ก็จะต้องคิดว่าคณะรัฐมนตรีชุดนี้แย่จริง ๆ เลวจริง ๆ ไว้ใจไม่ได้จริง ๆ เพราะวางแผนจะล้มล้างจะสร้างรัฐบาลที่ไม่มีองคมนตรี ขออนุญาตท่านประธาน ผมจะใช้เวลาไม่นานครับ บอกให้ท่านผู้ชมที่ฟังวิทยุที่บ้านทราบด้วยนะครับว่า ที่พูดจาชัดเจนจ๋อย ๆ ๆ ๆ เป็นเรื่อง ๆ นั้น ท่านเขียนเอกสารมาอ่าน ธรรมดาในสภาเขาไม่ให้อ่าน แต่ท่านประธานอนุโลม ผมก็ไม่ว่าอะไรหรอกครับ การเขียนเอกสารมาอ่านในสภานั้น เรียกว่าเป็นการใช้เปรียบ คือเท่ากับอ่านสารคดีให้คนในบ้านฟัง
ขอเรียนอย่างนี้ครับว่าการเมืองจะพัฒนาก้าวหน้าไปขนาดไหนก็ตาม แต่การเมืองจะพัฒนาก้าวหน้าไปขนาดไหนก็ตาม แต่การเมืองยังต้องมีระบบครับ จะเขียนรัฐธรรมนูญกันยังไง โลกจะเปลี่ยนแปลงยังไง ก็ยังมีสภา มีรัฐธรรมนูญ รัฐธรรมนูญก็จะกำหนดให้มีการเลือกตั้ง การเลือกตั้งนั้นเราก็เลือกกันว่าจะเอาแบบไหน แบบอเมริกัน หรือแบบอังกฤษ ที่ดูเป็นตัวอย่าง ของเราใช้แบบอังกฤษ แบบรัฐสภา แปลว่าเลือกทางอ้อม ไม่ให้นายกรัฐมนตรีนั้นได้คะแนนมากเกินไป แบ่งเขตให้เขตเล็ก ๆ นายกรัฐมนตรีได้คะแนน 20,000, 30,000, 50,000 เก่ง ๆ ก็ได้ไม่เกินแสน ทั่วโลกก็ทำอย่างนี้ครับ ที่อังกฤษมี 613 เขต สิงคโปร์มี 82 เขต ที่ทันสมัยเรียบร้อยก็มาอย่างนี้ ประเทศเราแต่ก่อนไม่ทันสมัยละครับ เลือกเป็นพวงใหญ่ สมัยเมื่อ 2012 สุดท้าย คนกรุงเทพฯ 1 คนเลือกได้ 15 เบอร์ เราก็พัฒนามาเรียกว่าพวงเล็ก เลือก 3 หรือ 2 หรือ 1 ถึงปี 2540 เราก็ทันสมัยขึ้นเหมือนชาวโลกเขา คือเลือกเขตละคน คนละเขต ซึ่งเป็นความทันสมัยเทียบเคียงกับชาวโลก รัฐธรรมนูญฉบับนี้ละครับเห็นว่าดีเกินไป จากแย่ย้อนหลังไปให้เลือกเป็น 157 เขต แทนที่จะเป็น 400 เขต อย่างนี้ละครับที่เขาอยากแก้ วงการเมืองไม่ว่าทางไหน ไปถามพรรคประชาธิปัตย์ว่าได้แก้ไหม แก้ครับ แบบอย่างนี้ละครับ วุฒิสมาชิกที่เลือกกระโดกกระเดก เลือกกันมา 200 เขาจะเถียงกันว่าจะสังกัดพรรค ไม่สังกัดพรรค ควรจะตรงนั้นเท่านั้นเอง แต่นี่เลือกตั้ง 76 คน จังหวัดใหญ่ก็คน จังหวัดเล็กก็คน 76 และแต่งตั้ง 74 นี่ละครับกระโดกกระเดกที่เขาอยากแก้ ผมนี่ละเป็นคนพูดว่ามาตรา 309 ไม่ต้องเพราะไม่มีประโยชน์ รัฐธรรมนูญแก้แล้วก็ทำอะไรไม่ได้ ถูกตีความด้วยไม่ย้อนหลัง 237 ท่อน 2 ใคร ๆ ก็อยากแก้ ทุกพรรคอยากแก้ เพราะท่อน 2 เกินเหตุ สมาชิกต้องเป็นกรรมการ ไปโดนปั๊บกลับมาแล้วลบทันที ทุกคนเป็นการเมือง 480 คนแก้ทั้งนั้นละครับ เพราะฉะนั้น ที่เขาจะแก้ก็แก้อย่างนั้น
ผมจะตอบคำถามให้นะว่าผมไม่ได้พูดจากลับกรอกละครับ ในรัฐธรรมนูญผมก็ใส่ไว้ว่าจะพิจารณาแก้ไข ในสัมภาษณ์ผมก็บอกสัก 3 เดือนจะแยกกันเพื่อแก้รัฐธรรมนูญ ก็จริง ๆ อย่างนั้น แต่อยู่มามีการดำเนินการ มันรุกล้ำฝ่ายการเมืองเข้ามาเป็นทำนองว่าจะยุบพรรคพลังประชาชน จะยุบพรรคชาติไทย จะยุบพรรคมัชฌิมาธิปไตย จะโดนเข้าไป ผมก็บอกว่าถ้าเราอยู่ในสภาตอนนี้ 480 คน นับจำนวนสมาชิกสภาแล้ว ถ้าเราแก้ได้เราต้องแก้เสียก่อน แล้วก็กำหนดให้มีผลย้อนหลัง เมื่อมีการ มันไม่ได้เสียหายนี่ละแก้แล้วก็ทิ้งไว้ และพอเลือกตั้งเมื่อไร อีก 4 ปีเลือกตั้ง กำหนดไว้บทเฉพาะกาลว่า ให้ใช้รัฐธรรมนูญนี้หลังจากการเลือกตั้งทั่วไปครั้งต่อไป แล้วจะยุบสภาเลือกตั้งเมื่อไร อีก 4 ปียุบ ก็ใช้รัฐธรรมนูญเวลานั้น แต่ถ้าไม่ทำไว้ ใครจะทำครับ สภายุบพัวะขึ้นมาอย่างเก่าอีกแล้ว สภายุบพัวะขึ้นมาไม่แก้ ผมบอกว่าผมให้สัมภาษณ์ชัดเจนว่ามีโอกาสแก้ต้องแก้ แล้วไม่ได้แก้เพื่อตัวเรา ต้องแก้เพื่อวันข้างหน้า ทุกอย่างมีเหตุมีผลทั้งนั้นละครับ
ท่านสมาชิกผู้มีเกียรติผู้ได้ใช้สิทธิเวลาไม่กำหนดเหมือนกับหัวหน้าพรรคการเมืองคนสำคัญ ก็ที่พูดเมื่อสักครู่นี้นะครับ ท่านพยายามพูดจาอธิบายเหมือนกับบทความที่ท่านชอบเขียนนะครับ เขียนในหนังสือพิมพ์ฉบับที่มีปัญหากับบ้านเมืองนั่นละครับ หนังสือพิมพ์ฉบับที่แต่ก่อนหน้านี้ออเซาะกับรัฐบาล ถูกกับรัฐบาลเรียบร้อยดี 4 ปี ขัดใจขึ้นมาก็ด่าโครม ๆ ๆ ๆ เอาจนรัฐบาลที่แล้วพัง นี่ความจริงนะครับ จริงแน่นอนเลย เสร็จเรียบร้อยแล้ว รัฐบาลก็พัง พังก็พังไปสิครับ หาว่าพังถูกกล่าวหา เขาป้องกันตัวเขาเองไม่เป็นก็นั่น แต่มาถึงรัฐบาลนี้จะโยงยังไงสุดแท้แต่ แต่ชื่อไม่ใช่พรรคเก่านะครับ หัวหน้าคนละคนเลย สมาชิกอาจจะเคยเป็นสมาชิกพรรคการเมืองก่อน ก็ถูกต้องครับ พรรคการเมืองก็วนกันไปอย่างนี้ละครับ เมื่อมานั้นสภาพสภามาถูกต้องตามกฎหมาย รัฐธรรมนูญแม้จะไม่ดีเท่าไร แต่ระบบการเลือกตั้งก็บอกให้เลือกตั้ง เลือกตั้งกันสะดวกสบาย 400 เขต แล้วแก้เป็น 157 เขตให้ยุ่งยาก ทะเลาะกันไปทุกพรรคหมด แม้กระทั่งพรรคประชาธิปัตย์ก็ทะเลาะครับ พยายามจะแก้แบบชนิดว่า ยกตัวอย่างให้ท่านสมาชิกได้ทราบนิดเถอะครับ แก้จาก 400 เหลือ 320 มีเหตุผลไหมครับ จะแก้ทำไม 320 นั่นคือทำไมสมาชิกในบัญชีจึงเหลือ 80 ไป ๆ มา ๆ ผ่านไม่ได้ครับ เจตนาก็เห็นเลยครับว่าทำไมออกไป 80 เห็นได้ชัดเลยครับว่าถ้าออกมาตรงนี้ได้ ก็แปลว่าท่อนข้างล่าง 54 เขตเรียบร้อย ก็จะเอา 80 มาหักลบกับทางเขต มันเห็นชัดนะครับ เสร็จแล้วแก้อันนี้ไม่ได้ไปแก้อันอื่น ก็เหลือ 480 80 ไม่ได้แก้ เพราะ 320 ไม่ผ่าน เราเห็นกันอยู่ครับ ที่บอกอ้าปากเห็นลิ้นไก่ ผมสิครับเห็นว่าทำอะไรกันอยู่ เขาถึงอยากจะแก้รัฐธรรมนูญฉบับนี้ และจะย้ำด้วยครับว่าแก้รัฐธรรมนูญไม่ใช่ความผิดทางอาชญากรรม อาชญากร เพราะว่าเขียนไว้ไม่ได้ เขาจะต้องแก้ ทำไมจะต้องแก้ เพราะจำนวนมันแก้ได้ แก้เสียก่อน แต่เวลาใช้เขาต้องกำหนดไว้เลยใช้เมื่อไร ใช้หลังจากเลือกตั้ง คนที่อยู่ในสภานี้ไม่ได้ประโยชน์ ต้องไปแข่งขันใหม่ เขาต้องทำแบบนั้นครับ
ผมต้องย้ำการเมืองนั้นต้องมีระบบมีระเบียบทางการเมืองอยู่ ไม่มีไม่ได้หรอกครับ เพราะฉะนั้น ต้องมีหัวหน้าพรรค ต้องมีสมาชิกพรรค แล้วเลือกตั้งกันแล้วเขานับจำนวนนะครับ ไม่ใช่ข้างน้อยเป็นรัฐบาล เสียงข้างมากเป็นรัฐบาลครับ เสียงข้างมาก 233 ก็ยังเป็นไม่ได้ เพราะไม่ถึงครึ่งครับ จะต้องดูว่าอีก 5 พรรคเขาจะเล่นด้วยหรือไม่ ไม่เล่นเขาก็ไปเข้าทางโน้นสิครับ บวกแล้ว 247 ก็เกินครึ่ง ทำไมเขาไม่รวมกับทาง 164 ทำไมเขารวมทาง 233 เพราะเขาเห็นว่าเขาต้องการให้รัฐบาลเกิดความมั่นคง ก็ระบบเป็นอย่างนี้ก็ประกาศ ผมก็ประกาศก่อน เอา 3 มารวม ต่อมาอีก 2 มารวม ก็ค่อย ๆ ดำเนินการ เสร็จเรียบร้อยแล้วก็ตั้งรัฐบาล 316 ฝ่ายค้าน 164 แล้วเป็นยังไงครับ ผมผิดปกติอะไรตรงไหนครับ เสร็จแล้วก็ต้องตั้งรัฐบาล ตั้งคณะรัฐมนตรี คนเป็นหัวหน้าพรรคเป็นนายกรัฐมนตรี ระบบพรรคนะครับ ท่านผู้อภิปรายคนทำหนังสือพิมพ์อาจจะไม่คุ้นเคยระบบการเมือง เขาต้องเอาคนที่เกี่ยวพันภายในก่อนครับ ไม่ใช่รัฐบาลอุดมคติมาจากไหน จัดมาบอกลื้ออยู่สภาไปอั๊วจะเลือกคนเจ๋ง ๆ มาให้ประชาชนเขาชื่นชม สมาชิก 35 คนเลือกข้างนอกหมดเลย เอาให้เจ๋งมาเลย แล้วเป็นนายกฯ มันได้ไหมครับ แล้วเสียงในสภาเขาสนับสนุนรัฐบาลไหมครับ ทำอย่างนี้ประชาชนชื่นชม และอยู่ในสภาอยู่ได้ไหมครับ จะโหวตอะไรความสัมพันธ์มีไหมครับ
ระบบการเมืองถ้าไม่รู้ ผมจะบอกให้รู้ อย่าว่าสอนนะครับ เขาต้องพัวพันกันระหว่างคนที่อยู่ในสภากับคนที่มานั่งเป็นรัฐมนตรี มันต้องเป็นพวกพ้องกันครับ แต่ว่ากฎหมายขีดไว้ 3 ขั้น อำนาจนิติบัญญัติอยู่ที่สภาครับ สมาชิกทั้งหมด 480 หักมาทางนี้เท่าไร ที่เหลือนั่นละคือสภา 1 อำนาจครับออกกฎหมาย แต่ไม่ได้บริหาร ที่เหลือส่วนหนึ่งมาจัดคณะบริหาร และที่เหลือนั้นไม่เคยได้รับเลือกตั้ง แต่ท่านมาระบบราชการคือระบบศาล เพราะฉะนั้น อำนาจ 3 อำนาจของเรา ระบบศาลท่านไม่ต้องเลือกตั้ง ท่านถึงจะต้องอยู่ตรงกลางคอยตัดสิน เลือกตั้ง 2 อัน นิติบัญญัติกับบริหารทะเลาะกันเมื่อไร ศาลก็เป็นคนตัดสิน เรามาของเราอย่างนี้นี่ครับ ยังไงก็ต้องเป็นอย่างนี้ครับ
ผมจะบอกให้ฟังครับที่เลือกมาคราวนี้ที่ผมบอกขี้เหร่หน่อย คือคนที่ควรจะเป็นเก่ง ๆ ไปถูกอยู่บ้านเลขที่ 111 111 คนนักการเมืองมีฝีมือเก่ง ๆ เอาไปเก็บไว้ 111 แล้วมันฆ่ากันทางการเมืองนะครับ พรรคการเมืองเขาบอกเขาทำผิด ก็ฆ่าไป 1 พรรค พรรคใหญ่จ้างพรรคเล็กลงเลือกตั้ง ยุบ พรรคใหญ่จ้างพรรคเล็กไม่ให้ลงเลือกตั้ง ไม่ยุบ อย่างนี้คนตัดสินยังไม่อายเลยครับ ก็เห็นกันอยู่ทั้งบ้านทั้งเมืองว่าอะไรเกิดขึ้น ผมจะบอกให้ฟังนะครับเรื่องพรรค์อย่างนี้ถ้าเพิ่งโผล่เข้ามาละก็ อยากจะเรียนแนะนำว่าอย่าเพิ่งอวดรู้เกินเหตุ กฎหมายมีอยู่ สภามีอยู่ ธรรมเนียมหนังสือพิมพ์ที่ทำกันยังไง ผมก็ไม่เคยไปข้องแวะในระบบหนังสือพิมพ์ จะตั้งบริษัทแล้วมาขายหุ้น และแบ่งเป็น 2 บริษัท โฆษณารับเขาอีกบริษัทหนึ่ง กำลังพิมพ์อยู่อีกบริษัทหนึ่ง โฆษณาได้ข้างเดียว โรงพิมพ์ไม่มีรายได้ อย่างนั้นก็เป็นระบบของพวกคุณ ผมไม่เคยไปพูดจาว่ากล่าว มันเป็นระบบที่คุณคิดกันนี่ครับ
แต่ทางฝ่ายสภาต้องเป็นอย่างนี้ ผมพูดว่าขี้เหร่นั้น เพราะว่าหาเก่ง ๆ มามากไม่ได้ ก็ได้มาเท่านี้ มันเหลืออย่างนี้เท่านั้นนี่ครับ 233 ถ้าผมเดี่ยว ๆ ผมอาจจะนั่นได้ แต่ว่านี่รวมอีก 5 พรรค เขาต้องเลือกของเขามา ต้องแบ่งที่นั่งให้เขา ถ้าหากว่าไม่เคยเป็นหัวหน้าพรรคการเมืองอย่าเพิ่งมาอวดศักดา รู้ดีว่าอะไรต้องเป็นอะไรอย่างไร มันจำเป็นครับ จำเป็นจะต้องนึกถึงหัวอกอีก 5 พรรคเขาด้วย จะให้ที่นั่งเขายังไง เราจะได้ยังไง ต้องผสมผสานแล้วเอามาแบ่งตามกระทรวง เก่งไม่เก่งดีไม่ดีมันต้องอยู่ครับ มันต้องทำ ผมนี่ละครับ ถามว่าผมเป็นนายกรัฐมนตรีได้ไหม ถ้าใครต่อใครมาเป็นแล้วเป็นได้ผมต้องเป็นได้ ผมเป็นได้แน่นอน เพราะผมเป็นนักการเมืองมาค่อนชีวิตผม และผมเป็นรัฐมนตรีมาแล้ว 5 หน รองนายกรัฐมนตรี 3 หน ผมอยู่การเมืองฝ่ายบริหารมาแล้ว 5 ครั้งแล้ว 8 ครั้งทั้งรองนายกฯ ผมมาจากการเลือกตั้ง แล้วเป็นอย่างไรครับแล้วผมก็มาเป็นนายกรัฐมนตรี เพราะผมเป็นหัวหน้าพรรค เอาคนอื่นมาได้ไหมครับ มาแนะนำเมื่อสักครู่บอกว่าให้พิจารณาเริ่มต้นตั้งแต่ตัวนายกรัฐมนตรีลงไป ก็แปลว่าไง อยู่ดี ๆ บอกวันนี้ดูแล้วส่องกระจกแล้ว เขาอภิปรายแล้ว ทนไม่ได้แล้ว เราไม่มีความสามารถ มันไม่มีวุฒิภาวะ พูดจาหยาบคายเลย พิจารณาไปขอร้องใครเขามาเป็นนายกรัฐมนตรีใหม่ แล้วเขาจะได้เลือกรัฐมนตรีใหม่ อย่างนั้นเขาเรียกคนบ้าครับไม่ใช่นักการเมืองที่มีสติปัญญาหรอกครับ มีสติปัญญาจะต้องรู้ครับว่าอะไรควรทำควรเว้น
ผมจะไม่ตอบคำถามทุกคำถามที่เขียนมา 10 ไม่อะไรต่าง ๆ นั้น แต่ผมจะบอกให้ฟังครับว่า ถ้าเราไม่มีความรู้สึกที่เป็นปฏิปักษ์หรือดูถูกดูแคลนนั้น เวลา 4 เดือนที่ผ่านมานี้ผมทำงานทุกวันนะครับ คณะรัฐมนตรีก็ประชุมทุก ๆ วันอังคาร เราทำงานเยอะ ผมไม่ต้องอ้างว่าทำงานหนักหรอกครับ เราทำงานกันทุกคน แล้วปัญหาของบ้านเมืองถามสิครับว่าถ้าพรรคอื่นมาบริหารนี้ น้ำมันมันไม่ขึ้นไป 139 หรือ ไม่ขึ้นใช่ไหมครับ น้ำมันจะอยู่แค่ 60 ใช่ไหมครับ น้ำมันจะอยู่ที่บาร์เรลละ 20 เหรียญฯ ใช่ไหมครับถ้าหากว่าพรรคอื่นมาบริหาร แล้วถามสิมันขึ้นราคาทั่วโลกหรือมันขึ้นราคาเฉพาะประเทศไทย และราคาน้ำมันมันเป็นต้นเหตุของความแพง ของความยุ่งยากใช่ไหมครับ ทั่วโลกจลาจลกันเรื่องพรรค์อย่างนี้ ถามประเทศไทยจลาจลไหมครับ เรื่องน้ำมัน เรื่องค่าอาหาร เราก็มีประปราย เขามาบอกก็จัดการให้ เจรจากับทางโรงงานเขาพอมีกำไร เขาแบ่งปันกำไรมา เขามาลดราคราให้ทางโน้นทางนี้ ก็กำลังดำเนินการอยู่ กำลังนี้เขาก็เจรจาดำเนินการต่อไป ไม่ต้องไปออกชื่อเขาจะขายน้ำมันดีเซลราคาถูก แล้วก็จะถูกกว่า 3 - 4 ก็จะเอามาชดเชย แต่เขาให้มา 6 เดือน ต่อไปเราก็จะต้องหาที่ถูกของเราเอง
ต่อไปเรื่องแก๊สก็จะทำ ใครละครับที่เจรจาให้เขาขายแก๊สที่ข้างประเทศ เขาไม่เจรจาด้วยมา 17 - 18 เดือน เขาขุดขึ้นมาได้เขาปิดไว้เฉย ๆ นายกฯ คนไหนละครับที่ไปพูดกับเขาจนบัดนี้ วันนี้รัฐมนตรีฯ พลังงานไม่มาเพราะไปเซ็นสัญญาซื้อแก๊สจากประเทศข้างบ้านครับ อายุของการใช้แก๊สซึ่งมีอยู่ 26 ปีก็จะยาวออกไปอีกมากขึ้นไปอีก ก็จะต้องหนีไปใช้แก๊สไงครับ ราคา 1 ใน 3 ของน้ำมัน ที่ความพยายามที่ดำเนินการใช้ E20 แปลว่า 100 เปอร์เซ็นต์เป็นเบนซิน 80 เขาเอาแก๊สโซฮอล์เติมไป 20 บัดนี้ E85 ใช้น้ำมันเบนซินเพียง 15 เติมแก๊สโซฮอล์ไป 85 แล้วทำไมมาดูแคลนกับครับ หาว่าไม่รู้จักไม่รู้ทาง เขาก็จัดลำดับ รถ eco car เขามาก่อนเขาก็ทำ รถ E20 เขาก็ทำ บัดนี้รถ E85 ก็ทำ แล้วมันเสียหายอย่างไรละครับ ก็เรียงลำดับกัน ก็ทำครับ แล้วนี่ไม่ใช่การแก้ปัญหาหรือครับ ทำไมครับ ถ้าเราส่งเสริมให้ปลูกอ้อยได้มากขึ้น แต่ก่อนปลูกอ้อยปีหนึ่งแค่ 20 กว่าล้านตัน เดี๋ยวนี้ได้ 73 ล้านตันครับ ทำน้ำตาลแค่ 23 เหลือ 50 ทำแก๊สโซฮอล์ มันสำปะหลังนี้แต่ก่อนปลูกได้ผอมโกโรโกโส เมื่อวานดูโทรทัศน์ใหญ่โตนั่นละครับ นั่นคนเขาช่วยทำแต่ผมต้องเอามาโฆษณาให้ แล้วมันสำปะหลังก็จะปลูกมันสำปะหลัง อ้อยก็ปลูกอ้อยไม่มารุกล้ำข้าว แล้วนี่ละครับคือจะออกแก๊สโซฮอล์ มี 42 บริษัทที่จะผลิต ตอนนี้ทำอยู่ 12 บริษัท นี่มันไม่ใช่ความสามารถของคนมานั่งบริหารหรือครับถึงจัดการดำเนินการอย่างนี้ได้ มันไม่ได้พูดกับบริษัทรถยนต์ให้เขาผลิตตามนี้หรือครับ แล้วอยู่กันนี้ทุกวันเดินหน้ามาได้ รัฐบาลโน้นกระโดกกระเดกเขาหัวทิ่มหัวคว่ำไป แต่เรารักษาบ้านเมืองของเราไว้ได้ อธิบายความดำเนินการทำ เขาทำงานกันทุกคน แล้วพอเสร็จแล้วก็ตำหนิติเตียนเหมือนกับว่ามันแย่ มันใช้ไม่ได้ ไม่มีวุฒิภาวะ คำหยาบที่นายกฯ พูดมันอะไรครับ สบถสาบานตลอดหรือครับ คนอย่างผมสบถสาบานไม่เป็นครับ
แต่ผมใช้คำว่า “เฮงซวย” นั้น ก็คนไทยทั่วไปก็ใช้ว่าเฮงซวย ดีบ้าง เลวบ้าง เขาเรียกว่าเฮงซวย กลายเป็นคำหยาบ นายกฯ พูดไม่ได้ ทีหลังต้องออกเขียนไว้ในรัฐธรรมนูญด้วยนะครับว่านายกฯ จะใช้คำว่าเฮงซวยไม่ได้ คำว่ากระเหี้ยนกระหือรือ เขายืนยันว่าเป็นคำปกติธรรมดา กระเหี้ยนกระหือรือ แต่ใช้ไม่ได้ นายกฯ ใช้เป็นคำหยาบ มันมีอะไรหยาบกว่านี่ละครับ มันอะไรกันนักหนา ผมก็ไม่ทราบ สำนวนผมแบบนี้ละครับ ดูแล้วเหมือนกับบ้านเมืองนี้มันจะลุกเป็นไฟ ยกย่องสรรเสริญภาคประชาชนก็ยกไปสิครับ ผมไม่ว่าอะไรนะครับ แต่ทำไมผมจะไม่รู้ครับ โง่เง่าขนาดจะไม่รู้หรือครับว่าเขียนรัฐธรรมนูญเปิดช่องให้ภาคประชาชนเข้ามา ก็เอาสิครับ แต่ทางฝ่ายสภาต้องมั่นคงอยู่นะครับ ไม่ใช่ภาคประชาชนบอกว่าเล่นกันข้างถนนได้ และก็ถูกต้องตามกฎหมาย ไม่ได้ครับ ไม่ถูกต้องตามกฎหมาย แต่ผมกำลังดูว่าสังคมไทยยื้อยุดฉุกกระชากมือผม ไม่ให้ไปทำอะไรยังไง กลัวไม่ให้ตำรวจจะไปสลายม็อบ แต่ว่าม็อบสลายตำรวจ ไม่มีใครพุทโธเลย ม็อบสลายตำรวจเข้าโรงพยาบาลไป 4 คน เป็นยังไงละครับ
วุฒิสมาชิกอภิปรายไม่ไว้วางใจ อภิปรายสมาชิก ได้ครับ พรุ่งนี้สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจะอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล ได้ครับ รัฐธรรมนูญเขียนไว้ครับ จะเติมสักมาตราได้ไหมครับว่าถ้าหากว่าสมาชิกฝ่ายค้านหรือวุฒิสภามีพฤติการณ์ไม่น่าไว้วางใจ ให้รัฐบาลเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจได้ มีไหมครับ ผมจะได้ฉุดกระชากลากไส้คนที่ผมอยากจะลากมาให้ฟังบ้าง ก็ไม่มีเขียนไว้ ผมก็ไม่ใช้สิทธิ์ แต่ได้โปรดกรุณาเถอะครับคนเหมือนกัน เดินดินกินข้าวแกงเหมือนกันครับ มีสติปัญญาคิดอะไรยังไง ผมจะบอกให้ว่าหัวคนไม่ได้พิสดารว่ามันเก่งแล้ว คนนี้ว่าเก่ง มันต้องเก่ง เจ้าคนนั้น ดร.ที่ว่านั่น ไม่ออกชื่อล่ะ เก่งออกชื่อมาสิครับ ผมจะไปตรวจให้ ผมจะบอกตรงนี้ ผมไม่เคยรู้เลยเรื่องที่เขียนมานั่น เว็บไซต์อะไรต่าง ๆ พวกคุณถนัดกันก็ว่ากันไป ต้องไปแจ้งความตำรวจถ้ารักใคร่บ้านเมืองนี้จริง ต้องดำเนินคดีอยู่สภาจะกล้าออกชื่อ ดร. คนที่ว่า ยังไม่กล้าออกชื่อเลย ไหนว่าเก่งนักหนา ออกชื่อสิครับ ผมจะตามไปดูเลยคนไหน เพราะผมไม่รู้ จะมาเทียบเคียงกัน นายหัวเถิก หัวถาก อะไรนั่น เอาบุญคุณหัวเถิกเป็นคนยก ถ้าหัวเถิกเก่งก็โอเค ใครไปหาเขา ผมจะได้ถามดร.มั่น (นายมั่น พัธโนทัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร) ว่าทำไมเราทำไม่เป็น ต้องให้หัวเถิกมาช่วย ทำไมเขาเก่งขนาดไหนครับนี่ มีสถานะยังไงถึงจะปิดอันนั้นได้ แต่ว่ารัฐมนตรีไอซีทีปิดไม่ได้ ผมต้องเอาไปดูแน่นอน เพราะฉะนั้น จะอ้างอิงอะไรยังไงต้องรู้นะครับว่าเราคนเหมือนกันครับ เข้าใจเรื่องเหมือนกัน ที่ทำอะไรต่ออะไรกันไว้ยังไง ท่านผู้อภิปรายเองเป็นใครอยู่ตรงไหนยังไง เขาก็รู้กันทั้งบ้านทั้งเมืองละครับ ที่อภิปรายมาอย่างนั้น มายังไง ๆ สืบเนื่องกันมายังไง นึกว่าคนในโลกนี้โง่ นึกว่านักการเมืองโง่หรือครับ ไม่รู้ละครับผู้อภิปรายเมื่อสักครู่ที่นั่งลงไปเป็นใครมาจากไหนยังไง ทำไมถึงได้เข้ามาได้ ฝ่ายไหนละครับ ฝ่ายเลือกตั้งหรือฝ่ายแต่งตั้ง
ของพรรค์อย่างนี้นะครับ อย่านึกว่าเราน่ะวิเศษกว่าคนอื่น แหมถ่อมตัว ผมก็เหมือนกันต้องปรับปรุงตัวเอง ต้องปรับทำไม เพิ่งโผล่เข้ามาต้องปรับทำไมครับ ยังไม่รู้ก็บอกว่ายังไม่รู้ ผมยังใหม่อยู่ อย่างนั้นยังว่าเป็นถ่อมตัว อย่าลากเอาคนอย่างผมไปด้วย บอกผมไม่ปรับตัว ผมเป็นผมอย่างนั้นละครับ ผมเป็นนายกรัฐมนตรี ผมก็บอกผมไม่อยาก เพราะเป็นเรื่องเวลาที่จำกัดอย่างนี้ แต่จะเอากันให้ได้ ก็เพราะจะเอากันให้ได้ ผมก็เอาให้ได้ ผมก็จัดการให้ ผมแหวกรายการ 1-2-3 มาเอาออกได้หมด ยังไม่หมดละครับ เดี๋ยว 11.30 น. มีรายการ เรียนท่านประธานไว้เมื่อสักครู่ ผมจะขอไป 11.30 น. เดี๋ยวบ่ายกลับมา ก็จะมานั่งฟังจนจบ ก็ทำให้นะครับ ขอวันที่ 23 มิถุนายน ผมก็ให้วันที่ 23 ไม่ได้อีก พรรคการเมืองฝ่ายค้านให้ 2 วัน 25 ชั่วโมง บอกน้อยอีก บอกไม่ไว้วางใจสำคัญ งบประมาณไม่สำคัญ งบประมาณจะใช้ตลอดทั้งบ้านเมืองนะครับ แสนแปดหมื่นกว่าล้าน ไม่สำคัญครับ อภิปรายไม่ไว้วางใจสำคัญกว่า 4 เดือนดูญัตติที่เขียนสิครับ จนไม่อยากจะบอกญัตติไม่เป็นโล้เป็นพาย แค่นเขียนมา ผมจะบอกเขาพรุ่งนี้ แต่ว่านี่มันการเมืองอะไร เล่นอะไรกันยังไง ผมขอพูดเสียก่อนเพราะว่าเดี๋ยวจะต้องพูดกันไปอีกเยอะ
กรณีที่อ้างอิงมาต่าง ๆ นี่ละครับ ผมจะบอกให้ฟังอย่าพยายามเอาอะไรมาใส่ร้ายป้ายสีกับคนอย่างผม ป้ายคนอย่างนายกฯ ทักษิณไม่อยู่ ผมออกชื่อได้ ป้ายไปสิครับ เล่นเขาไป อย่างนั้นเล่นได้เอาจนเสียผู้เสียคน เล่นกันมาแล้วครับ แต่อย่ามาเล่นกับคนอย่างนายสมัคร อย่ามาเทียบเคียง ผมจะวิพากษ์วิจารณ์องคมนตรี ผมก็ทำตรงไปตรงมา เพราะว่าผมมีเหตุต้องอธิบาย ไปเอาเทปมาดูสิครับ ผมพูดว่ายังไง ทำไมผมจะอภิปรายไม่ได้ครับ ผมต้องมีสิทธิ์ตักเตือนได้ เพราะองคมนตรีนั้นไม่มีอะไรห้ามที่ใครจะวิพากษ์วิจารณ์ไม่ได้ ผมวิพากษ์วิจารณ์ได้ ไปดูสิครับผมวิพากษ์วิจารณ์เรื่องอะไร ไปดูพฤติกรรมของท่าน 1-2-3 แล้วผมพูดตรงนั้นทำไม ผมพูดเพื่อไม่ให้ท่านทำอะไรที่ไม่ควรจะทำอย่างนั้น ผมเตือนท่านครับ ผมทำหน้าที่ของผมครับในฐานะประชาชนคนธรรมดานี่ละครับ ผมก็รักเจ้าฟ้าเจ้าแผ่นดินของผมเหมือนกัน ใครทำให้เจ้าฟ้าเจ้าแผ่นดินต้องกระทบกระเทือนเสียหาย ผมต้องป้องกันครับ การวิพากษ์วิจารณ์ของผมนั่นละคือการป้องกัน
เมื่อครั้งไปพูดวิทยุทหาร วิทยุทหารก็ทำท่าอย่างโน้นอย่างนี้ ผมก็ถอยออกมา เขาก็เลิกรายการอื่นหมด และเป็นยังไงไหมละครับ อย่ามาลากเอาผมไป ผมเจอกันข้างใน ผมก็ยังยกมือไหว้ นั่งอยู่ชิด ๆ กัน เจอเขาผมก็สวัสดี เป็นยังไงครับ ท่านต้องไปหาหมอ ท่านบอกผมมันแก่แล้ว พูดจาเสร็จลุกขึ้นจะลา ท่านบอกท่านนายกฯ ผมไปก่อนนะ เรื่องอย่างนี้ผมถ่ายทอดให้ใครฟังได้ไหม แต่วันนี้ต้องถ่ายทอด เพราะอย่าเอาผมไปพัวพันกับประธานองคมนตรี แล้วเรื่องอะไรต่าง ๆ ที่จะทำเป็นทำนองว่าเรื่องโน้นเรื่องนี่ทำ เขาทำไปสิครับ ผมบอกแล้วไงครับว่าสมาชิกสภาเขาอยู่สภา เขาไปคว้าเอาของใครมายื่น ใครจะเขียนไว้ยังไงเขาจะยื่น เขาก็คงคิดอ่านถี่ถ้วนไม่ถี่ถ้วน ท่านสมาชิก เขาเขียนกันยังไง เขาดูของเขาครับ เขาสมาชิกสภาเขาอยู่ฝ่ายนิติบัญญัติ ไม่ใช่มติพรรคออกไปครับ เขารวบหัวรวบหางกันเสร็จแล้วเขาไปยื่น พอเสร็จเรียบร้อย ผมก็พยายามตัดประเด็นว่ารัฐบาลอยู่ส่วนรัฐบาล เอาละเราไม่เกี่ยวข้อง เพราะมีคนจะหาเหตุเรื่องแก้รัฐธรรมนูญ แก้รัฐธรรมนูญเป็นความผิด ผมไม่เคยเห็นเลยครับ แก้รัฐธรรมนูญมีความผิด และรัฐธรรมนูญเขียนมาทำไมวิธีการแก้ เขียนทำไมครับวิธีการแก้ เขียนไว้ ในเมื่อถ้าแก้แล้วเป็นความผิด มันต้องแก้ได้ครับ คนที่คิดง่าย ๆ ว่าทำนองว่าอยากได้รัฐธรรมนูญปี 2540 ก็จัดการเก็บไว้สองหมวด เอาอันนั้นออกหมวด ความพลาดพลั้งที่เอามาใส่ไม่หมด ฟังแล้วผมก็เข้าใจว่าคงหยุดประเด็นองคมนตรีไป ไม่มีใครละครับไปคิดอย่างนั้น เอาองคมนตรีออก เพื่อจะแสดงให้เห็นว่ามีคนวางแผน ยังคิดกันอยู่นะครับว่าจะล้มล้างประเทศไทยเป็นสาธารณรัฐ ยังชอบพูดกันอยู่ นายกฯ ทักษิณจะเป็นประธานาธิบดี มันเป็นไปได้ยังไงครับบ้านเมืองนี้ คนไทยเขายอมเหรอครับ พูดกันจ๋อย ๆๆๆ พูดจากระทบแดกดัน เล่นกันไปได้ครับ เผากันจนตายทั้งเป็นอยู่กันครอบครัว แต่อย่ามาเล่นกับคนอย่างนายสมัคร
ผมขอบคุณครับที่พูดถึงว่า อดีต ปัจจุบัน และพูดถึงอนาคต ถูกต้องครับ ผมเป็นของผมอย่างนี้ แล้วผมก็แสดงของผมไม่เคยเปลี่ยนแปลง คนอย่างนายสมัครไม่เคยเปลี่ยนแปลง เพราะฉะนั้น ผมแน่ใจว่าผมทำงานการเมืองเป็น ผมบริหารบ้านเมืองได้ ผมรู้เส้นทางของผม อภิปรายไม่ไว้วางใจก็พูดไปตามสมควรแก่เหตุ แต่อย่าแสดงความเชยให้คนในบ้านเมืองเขาเห็น เขียนมาอ่านจ๋อย ๆๆๆ เป็นทำนองอย่างนั้น คิดมาได้เขียนได้ แต่เอาเถอะครับ เป็นไปไม่ได้ละครับ ผมขอพูดเสียก่อนเพื่อจะให้รู้ว่าระบบกฎเกณฑ์เขามีอยู่ครับ จะเปลี่ยนแปลงยังไงก็เอาเถอะ ยังไงผมก็ไม่เห็นด้วยที่บอกว่าต้องพฤติการณ์ทำแบบนี้ ประชาชนเขาไม่ยอม ไม่ยอมก็ไม่ยอมสิครับ ไม่ยอมก็ทักท้วงกันมาตรงไหน มันมีเส้นทาง แต่ไม่ใช่ไปตั้งกันข้างถนนครับ
ผมพูดจาต่าง ๆ ผมต้องรับผิดชอบในสิ่งที่ผมพูด กรณีเขาพระวิหาร พยายามจะตีความกันว่าเพราะว่าไปยอมเขาอย่างนั้นเลยแปลว่าสละสิทธิ์ มันเข้ากันตรงไหนละครับบอกว่าสละสิทธิ์ วันที่ 20 ที่ไปยื่นไว้ถามในประเทศไทย ไปสอบดูคนร้อยคนมีใครรู้ไหมยื่นไว้ ถ้าจะรู้ก็อธิบดีกรมสนธิสัญญาและกฎหมาย ต้องรู้สิครับ ต้องบอกรัฐบาลบอกอย่างนี้ทำไม่ได้ ทำไม่ถูกละครับ คุณนพดล (นายนพดล ปัทมะ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ) อย่าไปเซ็น อธิบดี ปลัดกระทรวง พวกนี้เขารู้ทั้งนั้นครับ เขาไปเซ็นเพราะอะไร เพราะว่ามีการตัดสินเมื่อ 2505 เราก็แพ้ความเขาเพราะเรื่องแผนที่แนบท้าย แพ้ตรงว่าไม่ดูให้ดีแผนที่แนบท้าย ก็แพ้ครับ แพ้เพราะว่าขีดเส้น เมื่อแพ้อย่างนี้แล้วไม่มีทางอื่น เขาขึ้นไม่ได้ เราขึ้นได้ ก็เป็นอันว่าเขาก็ได้ตรงที่ขีดเส้นไป นอกเส้นก็เป็นของเขา ในเส้นเป็นของเรา และอาศัยมาขึ้นทางเรา ก็ถ้อยทีถ้อยอาศัย นักท่องเที่ยวก็ขึ้นได้ ก็อยู่กันมาอย่างนี้ครับ
พื้นที่ทับซ้อน 4 ตารางกิโลเมตรกว่า ก็นี่ไงครับ พอเขาจะขึ้นเราก็ท้วง พอเขาจะขึ้นเราบอกไม่ได้ ต้องไปดูต้องเจรจากันก่อน และตกลงยังไง ก็ไปท้วงกันที่ปารีส ที่ยูเนสโก ไปตกลงเลยบอกว่าไม่ได้ ถ้าขึ้นตรงนี้ไทยไม่ยอม ไทยทักท้วง ขึ้นพื้นที่รอบ ๆ ไม่ได้ แต่ว่าถ้าในบริเวณคุณขีดมา เขาก็ขีด parameter มาให้ดู ตรงนี้ในตัวพระวิหาร ขึ้นได้หรือไม่ได้ยังไม่รู้ วันที่ 5 กรกฎาคม บอกถ้าขีดมาแบบนี้โอเค ไทยก็แถลงการณ์ร่วมโอเคคุณไปขึ้นได้ถ้าอย่างนั้น ที่ของคุณ มันของเขา ศาลโลกตัดสิน ใครจะสงวนสิทธิ์ไว้ก็สงวน แต่ผมคิดว่าถ้าอธิบดีกรมสนธิสัญญาและกฎหมาย ไม่ทักท้วง ปลัดกระทรวงการต่างประเทศไม่ทักท้วง นายทหารแผนที่ แม่ทัพบก ทุกคนออกมาแสดงหมดเรียบร้อยว่าถูกต้อง มันก็ต้องจบสิ้นกันตรงนี้ คนที่เข้ามาอยู่เข้ามาปี 2543 รัฐบาลไหนผมไม่ออกชื่อละครับ แต่อยู่มาตั้งแต่บัดนั้น จนนี่ก็ข้อตกลงเขาก็ต้องเอาออก เพราะตกลงแล้วว่าภายใน 2 ปี บริเวณทับซ้อน 4 ตารางกิโลเมตรครึ่ง จะต้องเป็นโนแมนแลนด์ จะต้องเคลียร์ออกให้หมด ก็เพื่อนบ้านกัน ตกลงอยู่กันอัธยาศัยอย่างนี้ การท่องเที่ยวก็ดำเนินไปเหมือนเดิม
ทำไมครับ คนไปไม่สังเกตเห็นหรือครับว่า บนเขาพระวิหารน่ะธงเขมร 45 ปีแล้วครับ ก็ศาลโลกตัดสินเราแพ้คดีเขา ไหนใครลองบอกสิว่าไทยชนะคดี ใครจะยืนยันในห้องประชุมนี้ ยืนยันได้ไหมครับว่าที่จริงไทยชนะคดี และธงข้างบนที่จริงธงไทย ไม่ใช่ธงเขมร ข้อเท็จจริงปรากฏอยู่ครับ เมื่อเขาจะเอาไปขึ้นทะเบียนเขาต้องการชื่อเสียงอะไรของเขาก็สุดแต่ เราบอกคุณเอาทั้ง 4 ตารางกิโลเมตรมาไม่ได้ เฉพาะตรงปลายก็ไม่ได้พื้นที่ทับซ้อน สุดท้ายถึงเจรจาขีดเฉพาะเอาเฉพาะตัวปราสาท เขาไปขึ้น เขาจะรับขึ้นไหมขึ้น ยังไม่รู้ ด่ากันไปด่ากันมา เขาบอกถ้าขีดเส้นตรงนี้หลังรั้ว มีอะไร ตีความ ตีความว่าสระน้ำต้องเป็นของเขา มันเป็นได้ยังไง อยู่ในเขตไทย เจดีย์เป็นของเขาได้ยังไง บันไดตรงนี้ของไทย เขาจะแก้ปัญหาเขาจะเอาไปขึ้นทะเบียนด้วย ไทยจะขึ้นตรงนี้เขาจะขึ้นส่วนนั้น จะได้จบเรื่องกันไป แต่จะเอาไม่ให้จบครับ
จะเอาเป็นเอาตายปลุกระดม ต้องเรียกว่าปลุกระดมครับผมเล่าให้ฟังทางโทรทัศน์ครับ ของจริง ผู้หญิงช่างตัดเสื้อบอกวันนี้ไม่รับตัดจะต้องไปร่วมชุมนุมกับเขา เรื่องอะไร เรื่องเขาพระวิหาร เรื่องนี้ยอมไม่ได้ถ้าจะต้องตายถึงชีวิตก็จะยอม ผมฟังแล้วบอกโอ้โฮตายละวา มันปลุกระดมกันอย่างไรมันเชื่อกันขนาด ผู้หญิงทำมาหากินตัดเสื้อชุดละหมื่นจะยอมตายเพื่อเขาพระวิหาร แสดงว่าการปลุกระดมต้องถึงขนาด คือผมก็ไม่กล้าถามอายุเขา 45 ปีหรือยังไม่รู้ ตอนเขาเกิดเหตุสักขวบหนึ่งกระมังหรืออย่างไร แล้วเอาอย่างไร หาเหตุมาปลุกระดมให้รัฐบาลถูกเคียดแค้นชิงชัง มันจะเป็นไปได้อย่างไรละครับ ถามสิว่ากองทัพบก แม่ทัพบกพอเชื่อถือได้ไหม เจ้ากรมแผนที่ทหารเชื่อถือได้ไหม อธิบดีกรมสนธิสัญญาและกฎหมาย เชื่อถือได้ไหม ปลัดกระทรวงการต่างประเทศเชื่อถือได้ไหม สุดท้ายเมื่อเช้านี้ฟังอาจารย์ศรีศักร วัลลิโภดม อาจารย์ศรีศักรฯ เป็นศิลปากรเก่า ท่านพูดจาชัดเจนแจ่มใสเหมือนกับคนธรรมดาพึงพูดเลย มันที่ดินของเขาการทักท้วงก็ถูกต้องแล้ว ทักท้วงแล้วทำอย่างนี้ก็ตามหน้าที่ของเขา ท่านอธิบายชัดเจนหมดทุกอย่าง ท่านก็บอกว่าผมพูดไปอย่างนี้เดี๋ยวใครจะว่าไปเข้าข้างไหนอย่างไร ท่านก็ออกตัวไว้หน่อย แต่ท่านพูดชัดเจนครับ อย่างคนไทยธรรมดาพึงพูด นักวิชาการทางฝ่ายศิลปวัฒนธรรม แล้วเราจะไปทำอย่างไรครับ จะเดินขบวนขึ้นไปอย่างนั้น จะทำอะไร คืออยู่กันดี ๆ ไม่ชอบกับเพื่อนบ้าน จะต้องเอาให้นั่นหรือครับ เอาเข้าไปประชิดกันอย่างนั้น มันมีเหตุผลไหมละครับ
ลองคิดลองตรองดูให้ดีเถอะครับใครที่เตรียมเอกสารไว้จะถล่มอะไรรัฐบาล เอาลงมาสิครับ เอามาเลย รัฐมนตรีฯ นพดล ปัทมะ จะเสียรังวัดเพราะเคยเป็นทนายให้นายกฯ ทักษิณฯ นายสมัครนี่ละครับพูดจาจ๋อย ๆ ๆ ๆ คุณสุภาพสตรีเมื่อสักครู่นี้บอกว่าเป็นนอมินี ผมไม่เคยบอกเลยว่าผมเป็นนอมินี คำถามที่ถามนี้ถามว่าผมเป็นนอมินีหรือเปล่า ผมย้อนถามคนถามว่าแล้วคำว่านอมินีเสียหายอย่างไร แล้วผมก็อธิบายคำแปลเรื่องนอมินีให้ฟัง เท่านี้เอง แล้วก็ใช้กันเลย รับรองว่าเป็น ๆ แล้วอย่างไร กกต.พิจารณายังบอกเลยว่าคำนี้ไม่มีในกฎหมายไทย แล้วอย่างไร ผมก็ไม่เคยยอมรับว่าผมเป็น แล้วจะให้อย่างไรครับ รายละเอียดทั้งหมด 10 ไม่ต่าง ๆ ผมจดไว้เรียบร้อย แต่ว่าตอนเย็นผมจะตอบอีกถ้ามีอะไรอย่างไร เป็นหน้าที่ของผม ผมจะขอเรียนให้ทราบว่าผมต้องใช้สิทธิ์ตรงนี้ เพราะไม่อยากให้คนที่ฟังอยู่ทั้งบ้านทั้งเมืองเข้าใจผิดหรือว่ากันไปแล้ว พอบ่ายไปทำอะไรเลยไม่รู้เลย ว่ากันไปแล้ว ผมไม่ยอมหรอกครับ ผมขอสิทธิท่านประธานฯ และจะไม่ใช้สิทธิยืนยาวมากมาย แต่อธิบายให้ฟังให้รู้ว่าเรามันคนเหมือนกันครับ ผมจะอายุมากกว่าหน่อยบังเอิญเกิดก่อนเท่านั้นเองครับ แต่ว่าเข้าใจเรื่องการบ้านการเมือง ค่อนชีวิตผมอยู่กับการเมืองครับ ผมรู้ว่าอะไรควรทำ อะไรควรเว้น และผมรู้ว่าผมต้องรับผิดชอบในสิ่งที่ผมพูด จะไม่ให้มายืน ไม่ใช่ อย่าเลยครับ ไม่ได้กิน ไปถามคนอื่นก่อน ไปถามกรมสนธิสัญญาฯ เขาบอก ไปถามทหาร ไปถามแม่ทัพนายกองก่อน เรื่องพรรค์อย่างนี้อย่ามาล่อกันแบบนี้ไม่ดี ขอบคุณท่านประธานฯ ครับ
--กลุ่มยุทธศาสตร์และแผนการประชาสัมพันธ์ สำนักโฆษก--
วันนี้ (23 มิ.ย.) เวลา 09.30 น. ณ อาคารรัฐสภา นายประสพสุข บุญเดช ประธานวุฒิสภาทำหน้าที่ในการประชุม โดยแจ้งให้ที่ประชุมทราบว่า วันนี้เป็นการประชุมพิจารณาญัตติเรื่องขอเปิดอภิปรายทั่วไปเพื่อให้ คณะรัฐมนตรีชี้แจงปัญหาความไม่สงบเรียบร้อย และปัญหาการบริหารราชการแผ่นดินที่ส่อว่าจะเกิดความเสียหายแก่บ้านเมือง ตามมาตรา 161 แห่งรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2550 ซึ่งนางสาวสุมล สุตะวิริยะวัฒน์ สมาชิกวุฒิสภา เพชรบุรี และนายคำนูณ สิทธิสมาน สมาชิกวุฒิสภา ระบบสรรหา เป็น ผู้เสนอ
ภายหลังสมาชิกวุฒิสมาชิกได้อภิปรายในประเด็นการบริหารงานของนายกรัฐมนตรี การจะแก้ไขรัฐธรรมนูญ และการลงนามในแถลงการณ์ร่วมไทย-กัมพูชาในการขอขึ้นทะเบียนปราสาทพระวิหารเป็นมรดกโลก แล้ว นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี ได้ชี้แจงต่อสมาชิกวุฒิสภาดังนี้
“ผมนายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี ขออนุญาตท่านประธานต้องใช้เวลาตรงนี้ คือไม่อยากจะทิ้งเอาไว้ให้นานจนกระทั่งพูดกันไปหมด แล้วมาชี้แจงทีหลัง คนฟังตอนต้นยังนั่งฟังอยู่ทั่วบ้านทั่วเมือง ก็จะต้องคิดว่าคณะรัฐมนตรีชุดนี้แย่จริง ๆ เลวจริง ๆ ไว้ใจไม่ได้จริง ๆ เพราะวางแผนจะล้มล้างจะสร้างรัฐบาลที่ไม่มีองคมนตรี ขออนุญาตท่านประธาน ผมจะใช้เวลาไม่นานครับ บอกให้ท่านผู้ชมที่ฟังวิทยุที่บ้านทราบด้วยนะครับว่า ที่พูดจาชัดเจนจ๋อย ๆ ๆ ๆ เป็นเรื่อง ๆ นั้น ท่านเขียนเอกสารมาอ่าน ธรรมดาในสภาเขาไม่ให้อ่าน แต่ท่านประธานอนุโลม ผมก็ไม่ว่าอะไรหรอกครับ การเขียนเอกสารมาอ่านในสภานั้น เรียกว่าเป็นการใช้เปรียบ คือเท่ากับอ่านสารคดีให้คนในบ้านฟัง
ขอเรียนอย่างนี้ครับว่าการเมืองจะพัฒนาก้าวหน้าไปขนาดไหนก็ตาม แต่การเมืองจะพัฒนาก้าวหน้าไปขนาดไหนก็ตาม แต่การเมืองยังต้องมีระบบครับ จะเขียนรัฐธรรมนูญกันยังไง โลกจะเปลี่ยนแปลงยังไง ก็ยังมีสภา มีรัฐธรรมนูญ รัฐธรรมนูญก็จะกำหนดให้มีการเลือกตั้ง การเลือกตั้งนั้นเราก็เลือกกันว่าจะเอาแบบไหน แบบอเมริกัน หรือแบบอังกฤษ ที่ดูเป็นตัวอย่าง ของเราใช้แบบอังกฤษ แบบรัฐสภา แปลว่าเลือกทางอ้อม ไม่ให้นายกรัฐมนตรีนั้นได้คะแนนมากเกินไป แบ่งเขตให้เขตเล็ก ๆ นายกรัฐมนตรีได้คะแนน 20,000, 30,000, 50,000 เก่ง ๆ ก็ได้ไม่เกินแสน ทั่วโลกก็ทำอย่างนี้ครับ ที่อังกฤษมี 613 เขต สิงคโปร์มี 82 เขต ที่ทันสมัยเรียบร้อยก็มาอย่างนี้ ประเทศเราแต่ก่อนไม่ทันสมัยละครับ เลือกเป็นพวงใหญ่ สมัยเมื่อ 2012 สุดท้าย คนกรุงเทพฯ 1 คนเลือกได้ 15 เบอร์ เราก็พัฒนามาเรียกว่าพวงเล็ก เลือก 3 หรือ 2 หรือ 1 ถึงปี 2540 เราก็ทันสมัยขึ้นเหมือนชาวโลกเขา คือเลือกเขตละคน คนละเขต ซึ่งเป็นความทันสมัยเทียบเคียงกับชาวโลก รัฐธรรมนูญฉบับนี้ละครับเห็นว่าดีเกินไป จากแย่ย้อนหลังไปให้เลือกเป็น 157 เขต แทนที่จะเป็น 400 เขต อย่างนี้ละครับที่เขาอยากแก้ วงการเมืองไม่ว่าทางไหน ไปถามพรรคประชาธิปัตย์ว่าได้แก้ไหม แก้ครับ แบบอย่างนี้ละครับ วุฒิสมาชิกที่เลือกกระโดกกระเดก เลือกกันมา 200 เขาจะเถียงกันว่าจะสังกัดพรรค ไม่สังกัดพรรค ควรจะตรงนั้นเท่านั้นเอง แต่นี่เลือกตั้ง 76 คน จังหวัดใหญ่ก็คน จังหวัดเล็กก็คน 76 และแต่งตั้ง 74 นี่ละครับกระโดกกระเดกที่เขาอยากแก้ ผมนี่ละเป็นคนพูดว่ามาตรา 309 ไม่ต้องเพราะไม่มีประโยชน์ รัฐธรรมนูญแก้แล้วก็ทำอะไรไม่ได้ ถูกตีความด้วยไม่ย้อนหลัง 237 ท่อน 2 ใคร ๆ ก็อยากแก้ ทุกพรรคอยากแก้ เพราะท่อน 2 เกินเหตุ สมาชิกต้องเป็นกรรมการ ไปโดนปั๊บกลับมาแล้วลบทันที ทุกคนเป็นการเมือง 480 คนแก้ทั้งนั้นละครับ เพราะฉะนั้น ที่เขาจะแก้ก็แก้อย่างนั้น
ผมจะตอบคำถามให้นะว่าผมไม่ได้พูดจากลับกรอกละครับ ในรัฐธรรมนูญผมก็ใส่ไว้ว่าจะพิจารณาแก้ไข ในสัมภาษณ์ผมก็บอกสัก 3 เดือนจะแยกกันเพื่อแก้รัฐธรรมนูญ ก็จริง ๆ อย่างนั้น แต่อยู่มามีการดำเนินการ มันรุกล้ำฝ่ายการเมืองเข้ามาเป็นทำนองว่าจะยุบพรรคพลังประชาชน จะยุบพรรคชาติไทย จะยุบพรรคมัชฌิมาธิปไตย จะโดนเข้าไป ผมก็บอกว่าถ้าเราอยู่ในสภาตอนนี้ 480 คน นับจำนวนสมาชิกสภาแล้ว ถ้าเราแก้ได้เราต้องแก้เสียก่อน แล้วก็กำหนดให้มีผลย้อนหลัง เมื่อมีการ มันไม่ได้เสียหายนี่ละแก้แล้วก็ทิ้งไว้ และพอเลือกตั้งเมื่อไร อีก 4 ปีเลือกตั้ง กำหนดไว้บทเฉพาะกาลว่า ให้ใช้รัฐธรรมนูญนี้หลังจากการเลือกตั้งทั่วไปครั้งต่อไป แล้วจะยุบสภาเลือกตั้งเมื่อไร อีก 4 ปียุบ ก็ใช้รัฐธรรมนูญเวลานั้น แต่ถ้าไม่ทำไว้ ใครจะทำครับ สภายุบพัวะขึ้นมาอย่างเก่าอีกแล้ว สภายุบพัวะขึ้นมาไม่แก้ ผมบอกว่าผมให้สัมภาษณ์ชัดเจนว่ามีโอกาสแก้ต้องแก้ แล้วไม่ได้แก้เพื่อตัวเรา ต้องแก้เพื่อวันข้างหน้า ทุกอย่างมีเหตุมีผลทั้งนั้นละครับ
ท่านสมาชิกผู้มีเกียรติผู้ได้ใช้สิทธิเวลาไม่กำหนดเหมือนกับหัวหน้าพรรคการเมืองคนสำคัญ ก็ที่พูดเมื่อสักครู่นี้นะครับ ท่านพยายามพูดจาอธิบายเหมือนกับบทความที่ท่านชอบเขียนนะครับ เขียนในหนังสือพิมพ์ฉบับที่มีปัญหากับบ้านเมืองนั่นละครับ หนังสือพิมพ์ฉบับที่แต่ก่อนหน้านี้ออเซาะกับรัฐบาล ถูกกับรัฐบาลเรียบร้อยดี 4 ปี ขัดใจขึ้นมาก็ด่าโครม ๆ ๆ ๆ เอาจนรัฐบาลที่แล้วพัง นี่ความจริงนะครับ จริงแน่นอนเลย เสร็จเรียบร้อยแล้ว รัฐบาลก็พัง พังก็พังไปสิครับ หาว่าพังถูกกล่าวหา เขาป้องกันตัวเขาเองไม่เป็นก็นั่น แต่มาถึงรัฐบาลนี้จะโยงยังไงสุดแท้แต่ แต่ชื่อไม่ใช่พรรคเก่านะครับ หัวหน้าคนละคนเลย สมาชิกอาจจะเคยเป็นสมาชิกพรรคการเมืองก่อน ก็ถูกต้องครับ พรรคการเมืองก็วนกันไปอย่างนี้ละครับ เมื่อมานั้นสภาพสภามาถูกต้องตามกฎหมาย รัฐธรรมนูญแม้จะไม่ดีเท่าไร แต่ระบบการเลือกตั้งก็บอกให้เลือกตั้ง เลือกตั้งกันสะดวกสบาย 400 เขต แล้วแก้เป็น 157 เขตให้ยุ่งยาก ทะเลาะกันไปทุกพรรคหมด แม้กระทั่งพรรคประชาธิปัตย์ก็ทะเลาะครับ พยายามจะแก้แบบชนิดว่า ยกตัวอย่างให้ท่านสมาชิกได้ทราบนิดเถอะครับ แก้จาก 400 เหลือ 320 มีเหตุผลไหมครับ จะแก้ทำไม 320 นั่นคือทำไมสมาชิกในบัญชีจึงเหลือ 80 ไป ๆ มา ๆ ผ่านไม่ได้ครับ เจตนาก็เห็นเลยครับว่าทำไมออกไป 80 เห็นได้ชัดเลยครับว่าถ้าออกมาตรงนี้ได้ ก็แปลว่าท่อนข้างล่าง 54 เขตเรียบร้อย ก็จะเอา 80 มาหักลบกับทางเขต มันเห็นชัดนะครับ เสร็จแล้วแก้อันนี้ไม่ได้ไปแก้อันอื่น ก็เหลือ 480 80 ไม่ได้แก้ เพราะ 320 ไม่ผ่าน เราเห็นกันอยู่ครับ ที่บอกอ้าปากเห็นลิ้นไก่ ผมสิครับเห็นว่าทำอะไรกันอยู่ เขาถึงอยากจะแก้รัฐธรรมนูญฉบับนี้ และจะย้ำด้วยครับว่าแก้รัฐธรรมนูญไม่ใช่ความผิดทางอาชญากรรม อาชญากร เพราะว่าเขียนไว้ไม่ได้ เขาจะต้องแก้ ทำไมจะต้องแก้ เพราะจำนวนมันแก้ได้ แก้เสียก่อน แต่เวลาใช้เขาต้องกำหนดไว้เลยใช้เมื่อไร ใช้หลังจากเลือกตั้ง คนที่อยู่ในสภานี้ไม่ได้ประโยชน์ ต้องไปแข่งขันใหม่ เขาต้องทำแบบนั้นครับ
ผมต้องย้ำการเมืองนั้นต้องมีระบบมีระเบียบทางการเมืองอยู่ ไม่มีไม่ได้หรอกครับ เพราะฉะนั้น ต้องมีหัวหน้าพรรค ต้องมีสมาชิกพรรค แล้วเลือกตั้งกันแล้วเขานับจำนวนนะครับ ไม่ใช่ข้างน้อยเป็นรัฐบาล เสียงข้างมากเป็นรัฐบาลครับ เสียงข้างมาก 233 ก็ยังเป็นไม่ได้ เพราะไม่ถึงครึ่งครับ จะต้องดูว่าอีก 5 พรรคเขาจะเล่นด้วยหรือไม่ ไม่เล่นเขาก็ไปเข้าทางโน้นสิครับ บวกแล้ว 247 ก็เกินครึ่ง ทำไมเขาไม่รวมกับทาง 164 ทำไมเขารวมทาง 233 เพราะเขาเห็นว่าเขาต้องการให้รัฐบาลเกิดความมั่นคง ก็ระบบเป็นอย่างนี้ก็ประกาศ ผมก็ประกาศก่อน เอา 3 มารวม ต่อมาอีก 2 มารวม ก็ค่อย ๆ ดำเนินการ เสร็จเรียบร้อยแล้วก็ตั้งรัฐบาล 316 ฝ่ายค้าน 164 แล้วเป็นยังไงครับ ผมผิดปกติอะไรตรงไหนครับ เสร็จแล้วก็ต้องตั้งรัฐบาล ตั้งคณะรัฐมนตรี คนเป็นหัวหน้าพรรคเป็นนายกรัฐมนตรี ระบบพรรคนะครับ ท่านผู้อภิปรายคนทำหนังสือพิมพ์อาจจะไม่คุ้นเคยระบบการเมือง เขาต้องเอาคนที่เกี่ยวพันภายในก่อนครับ ไม่ใช่รัฐบาลอุดมคติมาจากไหน จัดมาบอกลื้ออยู่สภาไปอั๊วจะเลือกคนเจ๋ง ๆ มาให้ประชาชนเขาชื่นชม สมาชิก 35 คนเลือกข้างนอกหมดเลย เอาให้เจ๋งมาเลย แล้วเป็นนายกฯ มันได้ไหมครับ แล้วเสียงในสภาเขาสนับสนุนรัฐบาลไหมครับ ทำอย่างนี้ประชาชนชื่นชม และอยู่ในสภาอยู่ได้ไหมครับ จะโหวตอะไรความสัมพันธ์มีไหมครับ
ระบบการเมืองถ้าไม่รู้ ผมจะบอกให้รู้ อย่าว่าสอนนะครับ เขาต้องพัวพันกันระหว่างคนที่อยู่ในสภากับคนที่มานั่งเป็นรัฐมนตรี มันต้องเป็นพวกพ้องกันครับ แต่ว่ากฎหมายขีดไว้ 3 ขั้น อำนาจนิติบัญญัติอยู่ที่สภาครับ สมาชิกทั้งหมด 480 หักมาทางนี้เท่าไร ที่เหลือนั่นละคือสภา 1 อำนาจครับออกกฎหมาย แต่ไม่ได้บริหาร ที่เหลือส่วนหนึ่งมาจัดคณะบริหาร และที่เหลือนั้นไม่เคยได้รับเลือกตั้ง แต่ท่านมาระบบราชการคือระบบศาล เพราะฉะนั้น อำนาจ 3 อำนาจของเรา ระบบศาลท่านไม่ต้องเลือกตั้ง ท่านถึงจะต้องอยู่ตรงกลางคอยตัดสิน เลือกตั้ง 2 อัน นิติบัญญัติกับบริหารทะเลาะกันเมื่อไร ศาลก็เป็นคนตัดสิน เรามาของเราอย่างนี้นี่ครับ ยังไงก็ต้องเป็นอย่างนี้ครับ
ผมจะบอกให้ฟังครับที่เลือกมาคราวนี้ที่ผมบอกขี้เหร่หน่อย คือคนที่ควรจะเป็นเก่ง ๆ ไปถูกอยู่บ้านเลขที่ 111 111 คนนักการเมืองมีฝีมือเก่ง ๆ เอาไปเก็บไว้ 111 แล้วมันฆ่ากันทางการเมืองนะครับ พรรคการเมืองเขาบอกเขาทำผิด ก็ฆ่าไป 1 พรรค พรรคใหญ่จ้างพรรคเล็กลงเลือกตั้ง ยุบ พรรคใหญ่จ้างพรรคเล็กไม่ให้ลงเลือกตั้ง ไม่ยุบ อย่างนี้คนตัดสินยังไม่อายเลยครับ ก็เห็นกันอยู่ทั้งบ้านทั้งเมืองว่าอะไรเกิดขึ้น ผมจะบอกให้ฟังนะครับเรื่องพรรค์อย่างนี้ถ้าเพิ่งโผล่เข้ามาละก็ อยากจะเรียนแนะนำว่าอย่าเพิ่งอวดรู้เกินเหตุ กฎหมายมีอยู่ สภามีอยู่ ธรรมเนียมหนังสือพิมพ์ที่ทำกันยังไง ผมก็ไม่เคยไปข้องแวะในระบบหนังสือพิมพ์ จะตั้งบริษัทแล้วมาขายหุ้น และแบ่งเป็น 2 บริษัท โฆษณารับเขาอีกบริษัทหนึ่ง กำลังพิมพ์อยู่อีกบริษัทหนึ่ง โฆษณาได้ข้างเดียว โรงพิมพ์ไม่มีรายได้ อย่างนั้นก็เป็นระบบของพวกคุณ ผมไม่เคยไปพูดจาว่ากล่าว มันเป็นระบบที่คุณคิดกันนี่ครับ
แต่ทางฝ่ายสภาต้องเป็นอย่างนี้ ผมพูดว่าขี้เหร่นั้น เพราะว่าหาเก่ง ๆ มามากไม่ได้ ก็ได้มาเท่านี้ มันเหลืออย่างนี้เท่านั้นนี่ครับ 233 ถ้าผมเดี่ยว ๆ ผมอาจจะนั่นได้ แต่ว่านี่รวมอีก 5 พรรค เขาต้องเลือกของเขามา ต้องแบ่งที่นั่งให้เขา ถ้าหากว่าไม่เคยเป็นหัวหน้าพรรคการเมืองอย่าเพิ่งมาอวดศักดา รู้ดีว่าอะไรต้องเป็นอะไรอย่างไร มันจำเป็นครับ จำเป็นจะต้องนึกถึงหัวอกอีก 5 พรรคเขาด้วย จะให้ที่นั่งเขายังไง เราจะได้ยังไง ต้องผสมผสานแล้วเอามาแบ่งตามกระทรวง เก่งไม่เก่งดีไม่ดีมันต้องอยู่ครับ มันต้องทำ ผมนี่ละครับ ถามว่าผมเป็นนายกรัฐมนตรีได้ไหม ถ้าใครต่อใครมาเป็นแล้วเป็นได้ผมต้องเป็นได้ ผมเป็นได้แน่นอน เพราะผมเป็นนักการเมืองมาค่อนชีวิตผม และผมเป็นรัฐมนตรีมาแล้ว 5 หน รองนายกรัฐมนตรี 3 หน ผมอยู่การเมืองฝ่ายบริหารมาแล้ว 5 ครั้งแล้ว 8 ครั้งทั้งรองนายกฯ ผมมาจากการเลือกตั้ง แล้วเป็นอย่างไรครับแล้วผมก็มาเป็นนายกรัฐมนตรี เพราะผมเป็นหัวหน้าพรรค เอาคนอื่นมาได้ไหมครับ มาแนะนำเมื่อสักครู่บอกว่าให้พิจารณาเริ่มต้นตั้งแต่ตัวนายกรัฐมนตรีลงไป ก็แปลว่าไง อยู่ดี ๆ บอกวันนี้ดูแล้วส่องกระจกแล้ว เขาอภิปรายแล้ว ทนไม่ได้แล้ว เราไม่มีความสามารถ มันไม่มีวุฒิภาวะ พูดจาหยาบคายเลย พิจารณาไปขอร้องใครเขามาเป็นนายกรัฐมนตรีใหม่ แล้วเขาจะได้เลือกรัฐมนตรีใหม่ อย่างนั้นเขาเรียกคนบ้าครับไม่ใช่นักการเมืองที่มีสติปัญญาหรอกครับ มีสติปัญญาจะต้องรู้ครับว่าอะไรควรทำควรเว้น
ผมจะไม่ตอบคำถามทุกคำถามที่เขียนมา 10 ไม่อะไรต่าง ๆ นั้น แต่ผมจะบอกให้ฟังครับว่า ถ้าเราไม่มีความรู้สึกที่เป็นปฏิปักษ์หรือดูถูกดูแคลนนั้น เวลา 4 เดือนที่ผ่านมานี้ผมทำงานทุกวันนะครับ คณะรัฐมนตรีก็ประชุมทุก ๆ วันอังคาร เราทำงานเยอะ ผมไม่ต้องอ้างว่าทำงานหนักหรอกครับ เราทำงานกันทุกคน แล้วปัญหาของบ้านเมืองถามสิครับว่าถ้าพรรคอื่นมาบริหารนี้ น้ำมันมันไม่ขึ้นไป 139 หรือ ไม่ขึ้นใช่ไหมครับ น้ำมันจะอยู่แค่ 60 ใช่ไหมครับ น้ำมันจะอยู่ที่บาร์เรลละ 20 เหรียญฯ ใช่ไหมครับถ้าหากว่าพรรคอื่นมาบริหาร แล้วถามสิมันขึ้นราคาทั่วโลกหรือมันขึ้นราคาเฉพาะประเทศไทย และราคาน้ำมันมันเป็นต้นเหตุของความแพง ของความยุ่งยากใช่ไหมครับ ทั่วโลกจลาจลกันเรื่องพรรค์อย่างนี้ ถามประเทศไทยจลาจลไหมครับ เรื่องน้ำมัน เรื่องค่าอาหาร เราก็มีประปราย เขามาบอกก็จัดการให้ เจรจากับทางโรงงานเขาพอมีกำไร เขาแบ่งปันกำไรมา เขามาลดราคราให้ทางโน้นทางนี้ ก็กำลังดำเนินการอยู่ กำลังนี้เขาก็เจรจาดำเนินการต่อไป ไม่ต้องไปออกชื่อเขาจะขายน้ำมันดีเซลราคาถูก แล้วก็จะถูกกว่า 3 - 4 ก็จะเอามาชดเชย แต่เขาให้มา 6 เดือน ต่อไปเราก็จะต้องหาที่ถูกของเราเอง
ต่อไปเรื่องแก๊สก็จะทำ ใครละครับที่เจรจาให้เขาขายแก๊สที่ข้างประเทศ เขาไม่เจรจาด้วยมา 17 - 18 เดือน เขาขุดขึ้นมาได้เขาปิดไว้เฉย ๆ นายกฯ คนไหนละครับที่ไปพูดกับเขาจนบัดนี้ วันนี้รัฐมนตรีฯ พลังงานไม่มาเพราะไปเซ็นสัญญาซื้อแก๊สจากประเทศข้างบ้านครับ อายุของการใช้แก๊สซึ่งมีอยู่ 26 ปีก็จะยาวออกไปอีกมากขึ้นไปอีก ก็จะต้องหนีไปใช้แก๊สไงครับ ราคา 1 ใน 3 ของน้ำมัน ที่ความพยายามที่ดำเนินการใช้ E20 แปลว่า 100 เปอร์เซ็นต์เป็นเบนซิน 80 เขาเอาแก๊สโซฮอล์เติมไป 20 บัดนี้ E85 ใช้น้ำมันเบนซินเพียง 15 เติมแก๊สโซฮอล์ไป 85 แล้วทำไมมาดูแคลนกับครับ หาว่าไม่รู้จักไม่รู้ทาง เขาก็จัดลำดับ รถ eco car เขามาก่อนเขาก็ทำ รถ E20 เขาก็ทำ บัดนี้รถ E85 ก็ทำ แล้วมันเสียหายอย่างไรละครับ ก็เรียงลำดับกัน ก็ทำครับ แล้วนี่ไม่ใช่การแก้ปัญหาหรือครับ ทำไมครับ ถ้าเราส่งเสริมให้ปลูกอ้อยได้มากขึ้น แต่ก่อนปลูกอ้อยปีหนึ่งแค่ 20 กว่าล้านตัน เดี๋ยวนี้ได้ 73 ล้านตันครับ ทำน้ำตาลแค่ 23 เหลือ 50 ทำแก๊สโซฮอล์ มันสำปะหลังนี้แต่ก่อนปลูกได้ผอมโกโรโกโส เมื่อวานดูโทรทัศน์ใหญ่โตนั่นละครับ นั่นคนเขาช่วยทำแต่ผมต้องเอามาโฆษณาให้ แล้วมันสำปะหลังก็จะปลูกมันสำปะหลัง อ้อยก็ปลูกอ้อยไม่มารุกล้ำข้าว แล้วนี่ละครับคือจะออกแก๊สโซฮอล์ มี 42 บริษัทที่จะผลิต ตอนนี้ทำอยู่ 12 บริษัท นี่มันไม่ใช่ความสามารถของคนมานั่งบริหารหรือครับถึงจัดการดำเนินการอย่างนี้ได้ มันไม่ได้พูดกับบริษัทรถยนต์ให้เขาผลิตตามนี้หรือครับ แล้วอยู่กันนี้ทุกวันเดินหน้ามาได้ รัฐบาลโน้นกระโดกกระเดกเขาหัวทิ่มหัวคว่ำไป แต่เรารักษาบ้านเมืองของเราไว้ได้ อธิบายความดำเนินการทำ เขาทำงานกันทุกคน แล้วพอเสร็จแล้วก็ตำหนิติเตียนเหมือนกับว่ามันแย่ มันใช้ไม่ได้ ไม่มีวุฒิภาวะ คำหยาบที่นายกฯ พูดมันอะไรครับ สบถสาบานตลอดหรือครับ คนอย่างผมสบถสาบานไม่เป็นครับ
แต่ผมใช้คำว่า “เฮงซวย” นั้น ก็คนไทยทั่วไปก็ใช้ว่าเฮงซวย ดีบ้าง เลวบ้าง เขาเรียกว่าเฮงซวย กลายเป็นคำหยาบ นายกฯ พูดไม่ได้ ทีหลังต้องออกเขียนไว้ในรัฐธรรมนูญด้วยนะครับว่านายกฯ จะใช้คำว่าเฮงซวยไม่ได้ คำว่ากระเหี้ยนกระหือรือ เขายืนยันว่าเป็นคำปกติธรรมดา กระเหี้ยนกระหือรือ แต่ใช้ไม่ได้ นายกฯ ใช้เป็นคำหยาบ มันมีอะไรหยาบกว่านี่ละครับ มันอะไรกันนักหนา ผมก็ไม่ทราบ สำนวนผมแบบนี้ละครับ ดูแล้วเหมือนกับบ้านเมืองนี้มันจะลุกเป็นไฟ ยกย่องสรรเสริญภาคประชาชนก็ยกไปสิครับ ผมไม่ว่าอะไรนะครับ แต่ทำไมผมจะไม่รู้ครับ โง่เง่าขนาดจะไม่รู้หรือครับว่าเขียนรัฐธรรมนูญเปิดช่องให้ภาคประชาชนเข้ามา ก็เอาสิครับ แต่ทางฝ่ายสภาต้องมั่นคงอยู่นะครับ ไม่ใช่ภาคประชาชนบอกว่าเล่นกันข้างถนนได้ และก็ถูกต้องตามกฎหมาย ไม่ได้ครับ ไม่ถูกต้องตามกฎหมาย แต่ผมกำลังดูว่าสังคมไทยยื้อยุดฉุกกระชากมือผม ไม่ให้ไปทำอะไรยังไง กลัวไม่ให้ตำรวจจะไปสลายม็อบ แต่ว่าม็อบสลายตำรวจ ไม่มีใครพุทโธเลย ม็อบสลายตำรวจเข้าโรงพยาบาลไป 4 คน เป็นยังไงละครับ
วุฒิสมาชิกอภิปรายไม่ไว้วางใจ อภิปรายสมาชิก ได้ครับ พรุ่งนี้สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจะอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล ได้ครับ รัฐธรรมนูญเขียนไว้ครับ จะเติมสักมาตราได้ไหมครับว่าถ้าหากว่าสมาชิกฝ่ายค้านหรือวุฒิสภามีพฤติการณ์ไม่น่าไว้วางใจ ให้รัฐบาลเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจได้ มีไหมครับ ผมจะได้ฉุดกระชากลากไส้คนที่ผมอยากจะลากมาให้ฟังบ้าง ก็ไม่มีเขียนไว้ ผมก็ไม่ใช้สิทธิ์ แต่ได้โปรดกรุณาเถอะครับคนเหมือนกัน เดินดินกินข้าวแกงเหมือนกันครับ มีสติปัญญาคิดอะไรยังไง ผมจะบอกให้ว่าหัวคนไม่ได้พิสดารว่ามันเก่งแล้ว คนนี้ว่าเก่ง มันต้องเก่ง เจ้าคนนั้น ดร.ที่ว่านั่น ไม่ออกชื่อล่ะ เก่งออกชื่อมาสิครับ ผมจะไปตรวจให้ ผมจะบอกตรงนี้ ผมไม่เคยรู้เลยเรื่องที่เขียนมานั่น เว็บไซต์อะไรต่าง ๆ พวกคุณถนัดกันก็ว่ากันไป ต้องไปแจ้งความตำรวจถ้ารักใคร่บ้านเมืองนี้จริง ต้องดำเนินคดีอยู่สภาจะกล้าออกชื่อ ดร. คนที่ว่า ยังไม่กล้าออกชื่อเลย ไหนว่าเก่งนักหนา ออกชื่อสิครับ ผมจะตามไปดูเลยคนไหน เพราะผมไม่รู้ จะมาเทียบเคียงกัน นายหัวเถิก หัวถาก อะไรนั่น เอาบุญคุณหัวเถิกเป็นคนยก ถ้าหัวเถิกเก่งก็โอเค ใครไปหาเขา ผมจะได้ถามดร.มั่น (นายมั่น พัธโนทัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร) ว่าทำไมเราทำไม่เป็น ต้องให้หัวเถิกมาช่วย ทำไมเขาเก่งขนาดไหนครับนี่ มีสถานะยังไงถึงจะปิดอันนั้นได้ แต่ว่ารัฐมนตรีไอซีทีปิดไม่ได้ ผมต้องเอาไปดูแน่นอน เพราะฉะนั้น จะอ้างอิงอะไรยังไงต้องรู้นะครับว่าเราคนเหมือนกันครับ เข้าใจเรื่องเหมือนกัน ที่ทำอะไรต่ออะไรกันไว้ยังไง ท่านผู้อภิปรายเองเป็นใครอยู่ตรงไหนยังไง เขาก็รู้กันทั้งบ้านทั้งเมืองละครับ ที่อภิปรายมาอย่างนั้น มายังไง ๆ สืบเนื่องกันมายังไง นึกว่าคนในโลกนี้โง่ นึกว่านักการเมืองโง่หรือครับ ไม่รู้ละครับผู้อภิปรายเมื่อสักครู่ที่นั่งลงไปเป็นใครมาจากไหนยังไง ทำไมถึงได้เข้ามาได้ ฝ่ายไหนละครับ ฝ่ายเลือกตั้งหรือฝ่ายแต่งตั้ง
ของพรรค์อย่างนี้นะครับ อย่านึกว่าเราน่ะวิเศษกว่าคนอื่น แหมถ่อมตัว ผมก็เหมือนกันต้องปรับปรุงตัวเอง ต้องปรับทำไม เพิ่งโผล่เข้ามาต้องปรับทำไมครับ ยังไม่รู้ก็บอกว่ายังไม่รู้ ผมยังใหม่อยู่ อย่างนั้นยังว่าเป็นถ่อมตัว อย่าลากเอาคนอย่างผมไปด้วย บอกผมไม่ปรับตัว ผมเป็นผมอย่างนั้นละครับ ผมเป็นนายกรัฐมนตรี ผมก็บอกผมไม่อยาก เพราะเป็นเรื่องเวลาที่จำกัดอย่างนี้ แต่จะเอากันให้ได้ ก็เพราะจะเอากันให้ได้ ผมก็เอาให้ได้ ผมก็จัดการให้ ผมแหวกรายการ 1-2-3 มาเอาออกได้หมด ยังไม่หมดละครับ เดี๋ยว 11.30 น. มีรายการ เรียนท่านประธานไว้เมื่อสักครู่ ผมจะขอไป 11.30 น. เดี๋ยวบ่ายกลับมา ก็จะมานั่งฟังจนจบ ก็ทำให้นะครับ ขอวันที่ 23 มิถุนายน ผมก็ให้วันที่ 23 ไม่ได้อีก พรรคการเมืองฝ่ายค้านให้ 2 วัน 25 ชั่วโมง บอกน้อยอีก บอกไม่ไว้วางใจสำคัญ งบประมาณไม่สำคัญ งบประมาณจะใช้ตลอดทั้งบ้านเมืองนะครับ แสนแปดหมื่นกว่าล้าน ไม่สำคัญครับ อภิปรายไม่ไว้วางใจสำคัญกว่า 4 เดือนดูญัตติที่เขียนสิครับ จนไม่อยากจะบอกญัตติไม่เป็นโล้เป็นพาย แค่นเขียนมา ผมจะบอกเขาพรุ่งนี้ แต่ว่านี่มันการเมืองอะไร เล่นอะไรกันยังไง ผมขอพูดเสียก่อนเพราะว่าเดี๋ยวจะต้องพูดกันไปอีกเยอะ
กรณีที่อ้างอิงมาต่าง ๆ นี่ละครับ ผมจะบอกให้ฟังอย่าพยายามเอาอะไรมาใส่ร้ายป้ายสีกับคนอย่างผม ป้ายคนอย่างนายกฯ ทักษิณไม่อยู่ ผมออกชื่อได้ ป้ายไปสิครับ เล่นเขาไป อย่างนั้นเล่นได้เอาจนเสียผู้เสียคน เล่นกันมาแล้วครับ แต่อย่ามาเล่นกับคนอย่างนายสมัคร อย่ามาเทียบเคียง ผมจะวิพากษ์วิจารณ์องคมนตรี ผมก็ทำตรงไปตรงมา เพราะว่าผมมีเหตุต้องอธิบาย ไปเอาเทปมาดูสิครับ ผมพูดว่ายังไง ทำไมผมจะอภิปรายไม่ได้ครับ ผมต้องมีสิทธิ์ตักเตือนได้ เพราะองคมนตรีนั้นไม่มีอะไรห้ามที่ใครจะวิพากษ์วิจารณ์ไม่ได้ ผมวิพากษ์วิจารณ์ได้ ไปดูสิครับผมวิพากษ์วิจารณ์เรื่องอะไร ไปดูพฤติกรรมของท่าน 1-2-3 แล้วผมพูดตรงนั้นทำไม ผมพูดเพื่อไม่ให้ท่านทำอะไรที่ไม่ควรจะทำอย่างนั้น ผมเตือนท่านครับ ผมทำหน้าที่ของผมครับในฐานะประชาชนคนธรรมดานี่ละครับ ผมก็รักเจ้าฟ้าเจ้าแผ่นดินของผมเหมือนกัน ใครทำให้เจ้าฟ้าเจ้าแผ่นดินต้องกระทบกระเทือนเสียหาย ผมต้องป้องกันครับ การวิพากษ์วิจารณ์ของผมนั่นละคือการป้องกัน
เมื่อครั้งไปพูดวิทยุทหาร วิทยุทหารก็ทำท่าอย่างโน้นอย่างนี้ ผมก็ถอยออกมา เขาก็เลิกรายการอื่นหมด และเป็นยังไงไหมละครับ อย่ามาลากเอาผมไป ผมเจอกันข้างใน ผมก็ยังยกมือไหว้ นั่งอยู่ชิด ๆ กัน เจอเขาผมก็สวัสดี เป็นยังไงครับ ท่านต้องไปหาหมอ ท่านบอกผมมันแก่แล้ว พูดจาเสร็จลุกขึ้นจะลา ท่านบอกท่านนายกฯ ผมไปก่อนนะ เรื่องอย่างนี้ผมถ่ายทอดให้ใครฟังได้ไหม แต่วันนี้ต้องถ่ายทอด เพราะอย่าเอาผมไปพัวพันกับประธานองคมนตรี แล้วเรื่องอะไรต่าง ๆ ที่จะทำเป็นทำนองว่าเรื่องโน้นเรื่องนี่ทำ เขาทำไปสิครับ ผมบอกแล้วไงครับว่าสมาชิกสภาเขาอยู่สภา เขาไปคว้าเอาของใครมายื่น ใครจะเขียนไว้ยังไงเขาจะยื่น เขาก็คงคิดอ่านถี่ถ้วนไม่ถี่ถ้วน ท่านสมาชิก เขาเขียนกันยังไง เขาดูของเขาครับ เขาสมาชิกสภาเขาอยู่ฝ่ายนิติบัญญัติ ไม่ใช่มติพรรคออกไปครับ เขารวบหัวรวบหางกันเสร็จแล้วเขาไปยื่น พอเสร็จเรียบร้อย ผมก็พยายามตัดประเด็นว่ารัฐบาลอยู่ส่วนรัฐบาล เอาละเราไม่เกี่ยวข้อง เพราะมีคนจะหาเหตุเรื่องแก้รัฐธรรมนูญ แก้รัฐธรรมนูญเป็นความผิด ผมไม่เคยเห็นเลยครับ แก้รัฐธรรมนูญมีความผิด และรัฐธรรมนูญเขียนมาทำไมวิธีการแก้ เขียนทำไมครับวิธีการแก้ เขียนไว้ ในเมื่อถ้าแก้แล้วเป็นความผิด มันต้องแก้ได้ครับ คนที่คิดง่าย ๆ ว่าทำนองว่าอยากได้รัฐธรรมนูญปี 2540 ก็จัดการเก็บไว้สองหมวด เอาอันนั้นออกหมวด ความพลาดพลั้งที่เอามาใส่ไม่หมด ฟังแล้วผมก็เข้าใจว่าคงหยุดประเด็นองคมนตรีไป ไม่มีใครละครับไปคิดอย่างนั้น เอาองคมนตรีออก เพื่อจะแสดงให้เห็นว่ามีคนวางแผน ยังคิดกันอยู่นะครับว่าจะล้มล้างประเทศไทยเป็นสาธารณรัฐ ยังชอบพูดกันอยู่ นายกฯ ทักษิณจะเป็นประธานาธิบดี มันเป็นไปได้ยังไงครับบ้านเมืองนี้ คนไทยเขายอมเหรอครับ พูดกันจ๋อย ๆๆๆ พูดจากระทบแดกดัน เล่นกันไปได้ครับ เผากันจนตายทั้งเป็นอยู่กันครอบครัว แต่อย่ามาเล่นกับคนอย่างนายสมัคร
ผมขอบคุณครับที่พูดถึงว่า อดีต ปัจจุบัน และพูดถึงอนาคต ถูกต้องครับ ผมเป็นของผมอย่างนี้ แล้วผมก็แสดงของผมไม่เคยเปลี่ยนแปลง คนอย่างนายสมัครไม่เคยเปลี่ยนแปลง เพราะฉะนั้น ผมแน่ใจว่าผมทำงานการเมืองเป็น ผมบริหารบ้านเมืองได้ ผมรู้เส้นทางของผม อภิปรายไม่ไว้วางใจก็พูดไปตามสมควรแก่เหตุ แต่อย่าแสดงความเชยให้คนในบ้านเมืองเขาเห็น เขียนมาอ่านจ๋อย ๆๆๆ เป็นทำนองอย่างนั้น คิดมาได้เขียนได้ แต่เอาเถอะครับ เป็นไปไม่ได้ละครับ ผมขอพูดเสียก่อนเพื่อจะให้รู้ว่าระบบกฎเกณฑ์เขามีอยู่ครับ จะเปลี่ยนแปลงยังไงก็เอาเถอะ ยังไงผมก็ไม่เห็นด้วยที่บอกว่าต้องพฤติการณ์ทำแบบนี้ ประชาชนเขาไม่ยอม ไม่ยอมก็ไม่ยอมสิครับ ไม่ยอมก็ทักท้วงกันมาตรงไหน มันมีเส้นทาง แต่ไม่ใช่ไปตั้งกันข้างถนนครับ
ผมพูดจาต่าง ๆ ผมต้องรับผิดชอบในสิ่งที่ผมพูด กรณีเขาพระวิหาร พยายามจะตีความกันว่าเพราะว่าไปยอมเขาอย่างนั้นเลยแปลว่าสละสิทธิ์ มันเข้ากันตรงไหนละครับบอกว่าสละสิทธิ์ วันที่ 20 ที่ไปยื่นไว้ถามในประเทศไทย ไปสอบดูคนร้อยคนมีใครรู้ไหมยื่นไว้ ถ้าจะรู้ก็อธิบดีกรมสนธิสัญญาและกฎหมาย ต้องรู้สิครับ ต้องบอกรัฐบาลบอกอย่างนี้ทำไม่ได้ ทำไม่ถูกละครับ คุณนพดล (นายนพดล ปัทมะ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ) อย่าไปเซ็น อธิบดี ปลัดกระทรวง พวกนี้เขารู้ทั้งนั้นครับ เขาไปเซ็นเพราะอะไร เพราะว่ามีการตัดสินเมื่อ 2505 เราก็แพ้ความเขาเพราะเรื่องแผนที่แนบท้าย แพ้ตรงว่าไม่ดูให้ดีแผนที่แนบท้าย ก็แพ้ครับ แพ้เพราะว่าขีดเส้น เมื่อแพ้อย่างนี้แล้วไม่มีทางอื่น เขาขึ้นไม่ได้ เราขึ้นได้ ก็เป็นอันว่าเขาก็ได้ตรงที่ขีดเส้นไป นอกเส้นก็เป็นของเขา ในเส้นเป็นของเรา และอาศัยมาขึ้นทางเรา ก็ถ้อยทีถ้อยอาศัย นักท่องเที่ยวก็ขึ้นได้ ก็อยู่กันมาอย่างนี้ครับ
พื้นที่ทับซ้อน 4 ตารางกิโลเมตรกว่า ก็นี่ไงครับ พอเขาจะขึ้นเราก็ท้วง พอเขาจะขึ้นเราบอกไม่ได้ ต้องไปดูต้องเจรจากันก่อน และตกลงยังไง ก็ไปท้วงกันที่ปารีส ที่ยูเนสโก ไปตกลงเลยบอกว่าไม่ได้ ถ้าขึ้นตรงนี้ไทยไม่ยอม ไทยทักท้วง ขึ้นพื้นที่รอบ ๆ ไม่ได้ แต่ว่าถ้าในบริเวณคุณขีดมา เขาก็ขีด parameter มาให้ดู ตรงนี้ในตัวพระวิหาร ขึ้นได้หรือไม่ได้ยังไม่รู้ วันที่ 5 กรกฎาคม บอกถ้าขีดมาแบบนี้โอเค ไทยก็แถลงการณ์ร่วมโอเคคุณไปขึ้นได้ถ้าอย่างนั้น ที่ของคุณ มันของเขา ศาลโลกตัดสิน ใครจะสงวนสิทธิ์ไว้ก็สงวน แต่ผมคิดว่าถ้าอธิบดีกรมสนธิสัญญาและกฎหมาย ไม่ทักท้วง ปลัดกระทรวงการต่างประเทศไม่ทักท้วง นายทหารแผนที่ แม่ทัพบก ทุกคนออกมาแสดงหมดเรียบร้อยว่าถูกต้อง มันก็ต้องจบสิ้นกันตรงนี้ คนที่เข้ามาอยู่เข้ามาปี 2543 รัฐบาลไหนผมไม่ออกชื่อละครับ แต่อยู่มาตั้งแต่บัดนั้น จนนี่ก็ข้อตกลงเขาก็ต้องเอาออก เพราะตกลงแล้วว่าภายใน 2 ปี บริเวณทับซ้อน 4 ตารางกิโลเมตรครึ่ง จะต้องเป็นโนแมนแลนด์ จะต้องเคลียร์ออกให้หมด ก็เพื่อนบ้านกัน ตกลงอยู่กันอัธยาศัยอย่างนี้ การท่องเที่ยวก็ดำเนินไปเหมือนเดิม
ทำไมครับ คนไปไม่สังเกตเห็นหรือครับว่า บนเขาพระวิหารน่ะธงเขมร 45 ปีแล้วครับ ก็ศาลโลกตัดสินเราแพ้คดีเขา ไหนใครลองบอกสิว่าไทยชนะคดี ใครจะยืนยันในห้องประชุมนี้ ยืนยันได้ไหมครับว่าที่จริงไทยชนะคดี และธงข้างบนที่จริงธงไทย ไม่ใช่ธงเขมร ข้อเท็จจริงปรากฏอยู่ครับ เมื่อเขาจะเอาไปขึ้นทะเบียนเขาต้องการชื่อเสียงอะไรของเขาก็สุดแต่ เราบอกคุณเอาทั้ง 4 ตารางกิโลเมตรมาไม่ได้ เฉพาะตรงปลายก็ไม่ได้พื้นที่ทับซ้อน สุดท้ายถึงเจรจาขีดเฉพาะเอาเฉพาะตัวปราสาท เขาไปขึ้น เขาจะรับขึ้นไหมขึ้น ยังไม่รู้ ด่ากันไปด่ากันมา เขาบอกถ้าขีดเส้นตรงนี้หลังรั้ว มีอะไร ตีความ ตีความว่าสระน้ำต้องเป็นของเขา มันเป็นได้ยังไง อยู่ในเขตไทย เจดีย์เป็นของเขาได้ยังไง บันไดตรงนี้ของไทย เขาจะแก้ปัญหาเขาจะเอาไปขึ้นทะเบียนด้วย ไทยจะขึ้นตรงนี้เขาจะขึ้นส่วนนั้น จะได้จบเรื่องกันไป แต่จะเอาไม่ให้จบครับ
จะเอาเป็นเอาตายปลุกระดม ต้องเรียกว่าปลุกระดมครับผมเล่าให้ฟังทางโทรทัศน์ครับ ของจริง ผู้หญิงช่างตัดเสื้อบอกวันนี้ไม่รับตัดจะต้องไปร่วมชุมนุมกับเขา เรื่องอะไร เรื่องเขาพระวิหาร เรื่องนี้ยอมไม่ได้ถ้าจะต้องตายถึงชีวิตก็จะยอม ผมฟังแล้วบอกโอ้โฮตายละวา มันปลุกระดมกันอย่างไรมันเชื่อกันขนาด ผู้หญิงทำมาหากินตัดเสื้อชุดละหมื่นจะยอมตายเพื่อเขาพระวิหาร แสดงว่าการปลุกระดมต้องถึงขนาด คือผมก็ไม่กล้าถามอายุเขา 45 ปีหรือยังไม่รู้ ตอนเขาเกิดเหตุสักขวบหนึ่งกระมังหรืออย่างไร แล้วเอาอย่างไร หาเหตุมาปลุกระดมให้รัฐบาลถูกเคียดแค้นชิงชัง มันจะเป็นไปได้อย่างไรละครับ ถามสิว่ากองทัพบก แม่ทัพบกพอเชื่อถือได้ไหม เจ้ากรมแผนที่ทหารเชื่อถือได้ไหม อธิบดีกรมสนธิสัญญาและกฎหมาย เชื่อถือได้ไหม ปลัดกระทรวงการต่างประเทศเชื่อถือได้ไหม สุดท้ายเมื่อเช้านี้ฟังอาจารย์ศรีศักร วัลลิโภดม อาจารย์ศรีศักรฯ เป็นศิลปากรเก่า ท่านพูดจาชัดเจนแจ่มใสเหมือนกับคนธรรมดาพึงพูดเลย มันที่ดินของเขาการทักท้วงก็ถูกต้องแล้ว ทักท้วงแล้วทำอย่างนี้ก็ตามหน้าที่ของเขา ท่านอธิบายชัดเจนหมดทุกอย่าง ท่านก็บอกว่าผมพูดไปอย่างนี้เดี๋ยวใครจะว่าไปเข้าข้างไหนอย่างไร ท่านก็ออกตัวไว้หน่อย แต่ท่านพูดชัดเจนครับ อย่างคนไทยธรรมดาพึงพูด นักวิชาการทางฝ่ายศิลปวัฒนธรรม แล้วเราจะไปทำอย่างไรครับ จะเดินขบวนขึ้นไปอย่างนั้น จะทำอะไร คืออยู่กันดี ๆ ไม่ชอบกับเพื่อนบ้าน จะต้องเอาให้นั่นหรือครับ เอาเข้าไปประชิดกันอย่างนั้น มันมีเหตุผลไหมละครับ
ลองคิดลองตรองดูให้ดีเถอะครับใครที่เตรียมเอกสารไว้จะถล่มอะไรรัฐบาล เอาลงมาสิครับ เอามาเลย รัฐมนตรีฯ นพดล ปัทมะ จะเสียรังวัดเพราะเคยเป็นทนายให้นายกฯ ทักษิณฯ นายสมัครนี่ละครับพูดจาจ๋อย ๆ ๆ ๆ คุณสุภาพสตรีเมื่อสักครู่นี้บอกว่าเป็นนอมินี ผมไม่เคยบอกเลยว่าผมเป็นนอมินี คำถามที่ถามนี้ถามว่าผมเป็นนอมินีหรือเปล่า ผมย้อนถามคนถามว่าแล้วคำว่านอมินีเสียหายอย่างไร แล้วผมก็อธิบายคำแปลเรื่องนอมินีให้ฟัง เท่านี้เอง แล้วก็ใช้กันเลย รับรองว่าเป็น ๆ แล้วอย่างไร กกต.พิจารณายังบอกเลยว่าคำนี้ไม่มีในกฎหมายไทย แล้วอย่างไร ผมก็ไม่เคยยอมรับว่าผมเป็น แล้วจะให้อย่างไรครับ รายละเอียดทั้งหมด 10 ไม่ต่าง ๆ ผมจดไว้เรียบร้อย แต่ว่าตอนเย็นผมจะตอบอีกถ้ามีอะไรอย่างไร เป็นหน้าที่ของผม ผมจะขอเรียนให้ทราบว่าผมต้องใช้สิทธิ์ตรงนี้ เพราะไม่อยากให้คนที่ฟังอยู่ทั้งบ้านทั้งเมืองเข้าใจผิดหรือว่ากันไปแล้ว พอบ่ายไปทำอะไรเลยไม่รู้เลย ว่ากันไปแล้ว ผมไม่ยอมหรอกครับ ผมขอสิทธิท่านประธานฯ และจะไม่ใช้สิทธิยืนยาวมากมาย แต่อธิบายให้ฟังให้รู้ว่าเรามันคนเหมือนกันครับ ผมจะอายุมากกว่าหน่อยบังเอิญเกิดก่อนเท่านั้นเองครับ แต่ว่าเข้าใจเรื่องการบ้านการเมือง ค่อนชีวิตผมอยู่กับการเมืองครับ ผมรู้ว่าอะไรควรทำ อะไรควรเว้น และผมรู้ว่าผมต้องรับผิดชอบในสิ่งที่ผมพูด จะไม่ให้มายืน ไม่ใช่ อย่าเลยครับ ไม่ได้กิน ไปถามคนอื่นก่อน ไปถามกรมสนธิสัญญาฯ เขาบอก ไปถามทหาร ไปถามแม่ทัพนายกองก่อน เรื่องพรรค์อย่างนี้อย่ามาล่อกันแบบนี้ไม่ดี ขอบคุณท่านประธานฯ ครับ
--กลุ่มยุทธศาสตร์และแผนการประชาสัมพันธ์ สำนักโฆษก--