รองนายกรัฐมนตรีระบุโครงการคูปองจนจนมุ่งเน้นช่วยเหลือกลุ่มคนที่ยากจนที่สุดในสังคมไทยเพื่อบรรเทาผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจในขณะนี้
วันนี้ (21 มิ.ย.) นายสุรพงษ์ สืบวงศ์ลี รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวในรายการ “คุยนอกทำเนียบกับทีมโฆษกรัฐบาล” ทางสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย ถึงแนวทางการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจของประเทศในขณะนี้ว่า รัฐบาลได้ออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในหลายเรื่อง ทั้งมาตรการด้านภาษีที่ให้เพิ่มค่าลดหย่อนสำหรับประชาชนที่มีรายได้น้อย มาตรการส่งเสริมเกี่ยวกับธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ มาตรการส่งเสริมการลงทุนโดยเฉพาะภาคเอกชนรายย่อยที่จะสามารถขยายเครื่องจักร โรงงานได้มากขึ้น รวมทั้งมาตรการที่จะให้ประชาชนในระดับรากหญ้าได้มีงบประมาณเพื่อไปดำเนินโครงการในการสร้างรายได้หรือที่เรียกว่าโครงการพัฒนาศักยภาพหมู่บ้านและชุมชน (SML) ตามแนวปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง
รองนายกรัฐมนตรียังกล่าวถึงโครงการ “คูปองคนจน” ว่า เป็นโครงการที่รัฐบาลต้องการช่วยเหลือประชาชนที่มีฐานะยากจนในภาวะที่เศรษฐกิจฝืดเคือง โดยจะเห็นได้จากตัวเลขเส้นความยากจนของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) ว่าผู้ที่อยู่ภายใต้เส้นแบ่งของความยากจนแต่ละเดือนมีรายได้ไม่ถึง 1,300-1,400 บาท ซึ่งมีอยู่ประมาณ 6 ล้านคน ดังนั้น โครงการนี้จึงมุ่งเน้นไปที่กลุ่มคนที่ยากจนที่สุดในสังคมไทย โดยจะต้องพิจารณาให้ชัดเจนว่านิยามของผู้ที่ยากจนคือใคร ระดับของรายได้ต้องไม่เกินเท่าไร การกำหนดปริมาณการช่วยเหลือต่อเดือน ซึ่งจะเน้นไปที่อาหารและการเดินทาง และจะช่วยเหลืออย่างไร เช่น คูปองกระดาษ หรือบัตรพลาสติกที่สามารถจะเบิกเงินได้ หรือบัตรสมาร์ทการ์ดที่เป็นบัตรประชาชน ซึ่งขณะนี้ได้มอบหมายให้ สศช. สำนักงบประมาณ และสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง กระทรวงการคลัง ไปทำการศึกษาเรื่องนี้ว่าจะใช้คูปองแบบใดที่มีความสะดวก และสามารถยืนยันตัวบุคคลที่จะได้รับเงินช่วยเหลือจากโครงการนี้ได้จริง เพื่อป้องกันการรั่วไหลของงบประมาณไปยังคนกลุ่มอื่นที่ไม่มีความจำเป็นที่จะต้องได้รับความช่วยเหลือในรูปแบบดังกล่าว ส่วนงบประมาณที่จะใช้ในโครงการคูปองจนนั้น จะต้องพิจารณาว่าจะจัดสรรจากงบประมาณส่วนใด โดยต้องจัดลำดับความสำคัญในการใช้งบประมาณด้วย
รองนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ในส่วนมาตรการเพิ่มรายได้ให้กับประชาชนนั้น ได้มอบหมายให้กรมธนารักษ์พิจารณาจัดหาพื้นที่ราชพัสดุในแหล่งชุมชน เพื่อจะให้ผู้ประกอบการรายเล็ก สามารถนำสินค้ามาขายในราคาประหยัดได้ รวมทั้งพื้นที่ใต้ทางด่วนที่อยู่ในบริเวณแหล่งชุมชน ซึ่งได้ประสานขอความร่วมมือไปยังกระทรวงคมนาคมแล้ว ทั้งนี้ จะมีร้านค้าต้นแบบ 30 บาทในงานมหกรรมสินค้าราคาประหยัด ที่กระทรวงการคลังจะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 17-20 กรกฎาคมที่จะถึงนี้ จึงขอเชิญชวนผู้ผลิตสินค้าโอท็อปหรือเอสเอ็มอีที่มีสินค้าคุณภาพดี และจะจำหน่ายในราคา 30 บาทได้ สามารถส่งข้อมูลมาได้ที่กระทรวงการคลัง เพื่อจะพิจารณาให้ผู้ผลิตเหล่านี้เป็นร้านค้าต้นแบบเข้ามาจำหน่ายสินค้าในงานมหกรรมสินค้าราคาประหยัด
--กลุ่มยุทธศาสตร์และแผนการประชาสัมพันธ์ สำนักโฆษก--
วันนี้ (21 มิ.ย.) นายสุรพงษ์ สืบวงศ์ลี รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวในรายการ “คุยนอกทำเนียบกับทีมโฆษกรัฐบาล” ทางสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย ถึงแนวทางการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจของประเทศในขณะนี้ว่า รัฐบาลได้ออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในหลายเรื่อง ทั้งมาตรการด้านภาษีที่ให้เพิ่มค่าลดหย่อนสำหรับประชาชนที่มีรายได้น้อย มาตรการส่งเสริมเกี่ยวกับธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ มาตรการส่งเสริมการลงทุนโดยเฉพาะภาคเอกชนรายย่อยที่จะสามารถขยายเครื่องจักร โรงงานได้มากขึ้น รวมทั้งมาตรการที่จะให้ประชาชนในระดับรากหญ้าได้มีงบประมาณเพื่อไปดำเนินโครงการในการสร้างรายได้หรือที่เรียกว่าโครงการพัฒนาศักยภาพหมู่บ้านและชุมชน (SML) ตามแนวปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง
รองนายกรัฐมนตรียังกล่าวถึงโครงการ “คูปองคนจน” ว่า เป็นโครงการที่รัฐบาลต้องการช่วยเหลือประชาชนที่มีฐานะยากจนในภาวะที่เศรษฐกิจฝืดเคือง โดยจะเห็นได้จากตัวเลขเส้นความยากจนของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) ว่าผู้ที่อยู่ภายใต้เส้นแบ่งของความยากจนแต่ละเดือนมีรายได้ไม่ถึง 1,300-1,400 บาท ซึ่งมีอยู่ประมาณ 6 ล้านคน ดังนั้น โครงการนี้จึงมุ่งเน้นไปที่กลุ่มคนที่ยากจนที่สุดในสังคมไทย โดยจะต้องพิจารณาให้ชัดเจนว่านิยามของผู้ที่ยากจนคือใคร ระดับของรายได้ต้องไม่เกินเท่าไร การกำหนดปริมาณการช่วยเหลือต่อเดือน ซึ่งจะเน้นไปที่อาหารและการเดินทาง และจะช่วยเหลืออย่างไร เช่น คูปองกระดาษ หรือบัตรพลาสติกที่สามารถจะเบิกเงินได้ หรือบัตรสมาร์ทการ์ดที่เป็นบัตรประชาชน ซึ่งขณะนี้ได้มอบหมายให้ สศช. สำนักงบประมาณ และสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง กระทรวงการคลัง ไปทำการศึกษาเรื่องนี้ว่าจะใช้คูปองแบบใดที่มีความสะดวก และสามารถยืนยันตัวบุคคลที่จะได้รับเงินช่วยเหลือจากโครงการนี้ได้จริง เพื่อป้องกันการรั่วไหลของงบประมาณไปยังคนกลุ่มอื่นที่ไม่มีความจำเป็นที่จะต้องได้รับความช่วยเหลือในรูปแบบดังกล่าว ส่วนงบประมาณที่จะใช้ในโครงการคูปองจนนั้น จะต้องพิจารณาว่าจะจัดสรรจากงบประมาณส่วนใด โดยต้องจัดลำดับความสำคัญในการใช้งบประมาณด้วย
รองนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ในส่วนมาตรการเพิ่มรายได้ให้กับประชาชนนั้น ได้มอบหมายให้กรมธนารักษ์พิจารณาจัดหาพื้นที่ราชพัสดุในแหล่งชุมชน เพื่อจะให้ผู้ประกอบการรายเล็ก สามารถนำสินค้ามาขายในราคาประหยัดได้ รวมทั้งพื้นที่ใต้ทางด่วนที่อยู่ในบริเวณแหล่งชุมชน ซึ่งได้ประสานขอความร่วมมือไปยังกระทรวงคมนาคมแล้ว ทั้งนี้ จะมีร้านค้าต้นแบบ 30 บาทในงานมหกรรมสินค้าราคาประหยัด ที่กระทรวงการคลังจะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 17-20 กรกฎาคมที่จะถึงนี้ จึงขอเชิญชวนผู้ผลิตสินค้าโอท็อปหรือเอสเอ็มอีที่มีสินค้าคุณภาพดี และจะจำหน่ายในราคา 30 บาทได้ สามารถส่งข้อมูลมาได้ที่กระทรวงการคลัง เพื่อจะพิจารณาให้ผู้ผลิตเหล่านี้เป็นร้านค้าต้นแบบเข้ามาจำหน่ายสินค้าในงานมหกรรมสินค้าราคาประหยัด
--กลุ่มยุทธศาสตร์และแผนการประชาสัมพันธ์ สำนักโฆษก--