นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีชี้แจงกรณีสื่อบางฉบับบิดเบือนข้อความในหนังสือเวียนภายในส่วนราชการของทำเนียบรัฐบาล ที่ระบุว่าให้ข้าราชการและเจ้าหน้าที่ยุติการปฏิบัติงานในวันพรุ่งนี้
วันนี้ (19 มิ.ย.) เวลา 16.30 น. ณ ศูนย์แถลงข่าวรัฐบาล ตึกนารีสโมสร ทำเนียบรัฐบาล นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงชี้แจงกรณีมีการออกหนังสือเวียนภายในส่วนราชการของทำเนียบรัฐบาลเกี่ยวกับการเตรียมพร้อมรับสถานการณ์กลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยที่จะเคลื่อนการชุมนุมมาปิดล้อมทำเนียบรัฐบาลในวันที่ 20 มิถุนายน ซึ่งหนังสือพิมพ์ผู้จัดการได้นำข้อความในหนังสือเวียนดังกล่าวไปลงเผยแพร่และลงข้อความที่บิดเบือนไปจากความเป็นจริง ทำให้ประชาชนเกิดความเข้าใจผิดว่ารัฐบาลสั่งการให้ข้าราชการและเจ้าหน้าที่ยุติการปฏิบัติราชการในวันพรุ่งนี้ ว่า หนังสือเวียนดังกล่าวออกโดยสำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี และสำนักสถานที่และรักษาความปลอดภัย ส่วนอำนวยการรักษาความปลอดภัย อย่างละ 1 ฉบับ ฉบับแรกที่ออกจากสำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีเป็นหนังสือที่นายลอยเลื่อน บุนนาค รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายบริหาร ทำถึงหัวหน้าส่วนราชการระดับกรมในทำเนียบรัฐบาล มีเนื้อหาสรุปว่า กลุ่มพันธมิตรฯ จะเคลื่อนขบวนจากสะพานมัฆวานรังสรรค์มาปิดล้อมทำเนียบรัฐบาล ในวันศุกร์ที่ 20 มิถุนายน 2551 เวลา 13.00 น. เพราะฉะนั้น เจ้าหน้าที่ตำรวจจำเป็นจะต้องมีการเตรียมความพร้อมโดยใช้พื้นที่บริเวณต่าง ๆ ในทำเนียบรัฐบาล จึงแจ้งให้หัวหน้าส่วนราชการทราบว่าอาจจะไม่ได้รับความสะดวกบ้างในการปฏิบัติงานเหมือนวันปกติทั่วไป โดยเฉพาะอย่างยิ่งยานพาหนะของเจ้าหน้าที่ต่าง ๆ ที่จะนำมาจอดในบริเวณทำเนียบรัฐบาล เพราะเจ้าหน้าที่ตำรวจอาจต้องการใช้พื้นที่สำหรับการจัดเตรียมกำลังหรือจัดเตรียมอุปกรณ์ต่าง ๆ เพื่อดูแลควบคุมสถานการณ์ ส่วนหนังสืออีกฉบับลงนามโดยนายพิไชย โอบายะวาทย์ เจ้าหน้าที่บริหารงานทั่วไป 8 ซึ่งปฏิบัติราชการแทนผู้อำนวยการสำนักสถานที่และรักษาความปลอดภัย ได้เวียนหนังสือถึงหัวหน้าส่วนราชการระดับผู้อำนวยการสำนัก ในสังกัดสำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี โดยมีเนื้อหาเดียวกัน เพราะฉะนั้น ขอยืนยันว่า ไม่มีการสั่งการ หรือมอบหมายให้นโยบายให้ยุติการปฏิบัติราชการแต่อย่างใด ดังนั้น ส่วนราชการทุกหน่วยงานในทำเนียบรัฐบาลยังคงปฏิบัติงานตามปกติ เพียงแต่จะมีเจ้าหน้าที่ตำรวจจำนวนหนึ่งมาปฏิบัติหน้าที่ในการดูแลควบคุมสถานการณ์ไม่ให้เกิดความลุกลามบานปลายเท่านั้นเอง
รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ขณะนี้มีความเป็นไปได้ว่าจะมีกลุ่มบุคคลหรือกลุ่มคนที่กล่าวอ้างเป็นสื่อมวลชนบางกลุ่มพยายามที่จะบิดเบือนแล้วแปลงข้อมูลข่าวสารของรัฐบาลให้เป็นไปในลักษณะที่เกิดประโยชน์ทางการเมืองของกลุ่มพันธมิตรฯ โดยไม่สอดคล้องกับข้อเท็จจริง แล้วอาจสร้างความสับสนให้กับประชาชน ซึ่งคณะโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีจะให้ข้อมูลข่าวสารกับสื่อมวลชนที่เป็นข้อเท็จจริงและเป็นข้อสรุปจากทางรัฐบาล เพราะประเด็นข้อมูลข่าวสารมีความอ่อนไหวและละเอียดอ่อนอย่างยิ่ง จึงขอร้องสื่อมวลชนว่าหากมีข้อสงสัยที่เกี่ยวกับฝ่ายรัฐบาลขอให้สอบถามและตรวจสอบกับคณะโฆษกฯ ก่อนเผยแพร่โดยวิธีการต่าง ๆ ออกไปสู่ประชาชน
รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า นายกรัฐมนตรีได้ฝากยืนยันกับประชาชนทั้งประเทศว่าถึงแม้ว่ารัฐบาลจะแสดงความไม่เห็นด้วยกับการชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรฯ และไม่เห็นด้วยกับการพยายามเคลื่อนขบวนมาปิดล้อมทำเนียบรัฐบาลก็ตาม แต่รัฐบาลไม่มีนโยบายหรือแนวคิดที่จะใช้กำลังความรุนแรงที่จะให้เจ้าหน้าที่ตำรวจติดอาวุธเพื่อใช้กำลังเข้าสลายการชุมนุม ส่วนกำลังเจ้าหน้าที่ที่จะปฏิบัติวันพรุ่งนี้จะเป็นกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจจากส่วนงานต่าง ๆ ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติจัดมาเท่านั้น ทางฝ่ายทหารไม่ได้มีส่วนร่วมในการปฏิบัติการแต่อย่างใด สำหรับมาตรการหรือการเตรียมการด้านกำลังพล อุปกรณ์ ยุทธวิธีต่าง ๆ นั้นเป็นหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ตำรวจที่จะดำเนินการและใช้วิจารณญาณในการวางแผนให้สถานการณ์บ้านเมืองเกิดความสงบเรียบร้อยในที่สุด
ทั้งนี้ รัฐบาลจะไม่ยอมให้กลุ่มผู้ชุมนุมเคลื่อนขบวนเข้ามาปิดล้อมหรือเข้ามาในทำเนียบรัฐบาลอย่างเด็ดขาด และนายกรัฐมนตรีได้กำชับให้เจ้าหน้าที่ตำรวจและส่วนต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องดำเนินการเรื่องนี้อย่างเคร่งครัด อีกทั้งหากมีบุคคลใดหรือกลุ่มบุคคลใดกระทำการล่วงละเมิดกฎหมายพยายามเล็ดลอดเข้าสู่ทำเนียบรัฐบาล หรือพยายามกระทำการใด ๆ ก็ตามที่จะสร้างความเสื่อมเสียให้กับสถานที่สำคัญของประเทศโดยวิธีการที่มิชอบด้วยกฎหมาย จะให้เจ้าหน้าที่ตำรวจดำเนินการตามกฎหมายอย่างเด็ดขาด ไม่มีข้อยกเว้น ซึ่งเจ้าหน้าที่ส่วนต่าง ๆ ได้เตรียมกล้องบันทึกภาพทุกแง่มุมของความเคลื่อนไหวในวันพรุ่งนี้โดยละเอียดไว้แล้ว
--กลุ่มยุทธศาสตร์และแผนการประชาสัมพันธ์ สำนักโฆษก--
วันนี้ (19 มิ.ย.) เวลา 16.30 น. ณ ศูนย์แถลงข่าวรัฐบาล ตึกนารีสโมสร ทำเนียบรัฐบาล นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงชี้แจงกรณีมีการออกหนังสือเวียนภายในส่วนราชการของทำเนียบรัฐบาลเกี่ยวกับการเตรียมพร้อมรับสถานการณ์กลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยที่จะเคลื่อนการชุมนุมมาปิดล้อมทำเนียบรัฐบาลในวันที่ 20 มิถุนายน ซึ่งหนังสือพิมพ์ผู้จัดการได้นำข้อความในหนังสือเวียนดังกล่าวไปลงเผยแพร่และลงข้อความที่บิดเบือนไปจากความเป็นจริง ทำให้ประชาชนเกิดความเข้าใจผิดว่ารัฐบาลสั่งการให้ข้าราชการและเจ้าหน้าที่ยุติการปฏิบัติราชการในวันพรุ่งนี้ ว่า หนังสือเวียนดังกล่าวออกโดยสำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี และสำนักสถานที่และรักษาความปลอดภัย ส่วนอำนวยการรักษาความปลอดภัย อย่างละ 1 ฉบับ ฉบับแรกที่ออกจากสำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีเป็นหนังสือที่นายลอยเลื่อน บุนนาค รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายบริหาร ทำถึงหัวหน้าส่วนราชการระดับกรมในทำเนียบรัฐบาล มีเนื้อหาสรุปว่า กลุ่มพันธมิตรฯ จะเคลื่อนขบวนจากสะพานมัฆวานรังสรรค์มาปิดล้อมทำเนียบรัฐบาล ในวันศุกร์ที่ 20 มิถุนายน 2551 เวลา 13.00 น. เพราะฉะนั้น เจ้าหน้าที่ตำรวจจำเป็นจะต้องมีการเตรียมความพร้อมโดยใช้พื้นที่บริเวณต่าง ๆ ในทำเนียบรัฐบาล จึงแจ้งให้หัวหน้าส่วนราชการทราบว่าอาจจะไม่ได้รับความสะดวกบ้างในการปฏิบัติงานเหมือนวันปกติทั่วไป โดยเฉพาะอย่างยิ่งยานพาหนะของเจ้าหน้าที่ต่าง ๆ ที่จะนำมาจอดในบริเวณทำเนียบรัฐบาล เพราะเจ้าหน้าที่ตำรวจอาจต้องการใช้พื้นที่สำหรับการจัดเตรียมกำลังหรือจัดเตรียมอุปกรณ์ต่าง ๆ เพื่อดูแลควบคุมสถานการณ์ ส่วนหนังสืออีกฉบับลงนามโดยนายพิไชย โอบายะวาทย์ เจ้าหน้าที่บริหารงานทั่วไป 8 ซึ่งปฏิบัติราชการแทนผู้อำนวยการสำนักสถานที่และรักษาความปลอดภัย ได้เวียนหนังสือถึงหัวหน้าส่วนราชการระดับผู้อำนวยการสำนัก ในสังกัดสำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี โดยมีเนื้อหาเดียวกัน เพราะฉะนั้น ขอยืนยันว่า ไม่มีการสั่งการ หรือมอบหมายให้นโยบายให้ยุติการปฏิบัติราชการแต่อย่างใด ดังนั้น ส่วนราชการทุกหน่วยงานในทำเนียบรัฐบาลยังคงปฏิบัติงานตามปกติ เพียงแต่จะมีเจ้าหน้าที่ตำรวจจำนวนหนึ่งมาปฏิบัติหน้าที่ในการดูแลควบคุมสถานการณ์ไม่ให้เกิดความลุกลามบานปลายเท่านั้นเอง
รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ขณะนี้มีความเป็นไปได้ว่าจะมีกลุ่มบุคคลหรือกลุ่มคนที่กล่าวอ้างเป็นสื่อมวลชนบางกลุ่มพยายามที่จะบิดเบือนแล้วแปลงข้อมูลข่าวสารของรัฐบาลให้เป็นไปในลักษณะที่เกิดประโยชน์ทางการเมืองของกลุ่มพันธมิตรฯ โดยไม่สอดคล้องกับข้อเท็จจริง แล้วอาจสร้างความสับสนให้กับประชาชน ซึ่งคณะโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีจะให้ข้อมูลข่าวสารกับสื่อมวลชนที่เป็นข้อเท็จจริงและเป็นข้อสรุปจากทางรัฐบาล เพราะประเด็นข้อมูลข่าวสารมีความอ่อนไหวและละเอียดอ่อนอย่างยิ่ง จึงขอร้องสื่อมวลชนว่าหากมีข้อสงสัยที่เกี่ยวกับฝ่ายรัฐบาลขอให้สอบถามและตรวจสอบกับคณะโฆษกฯ ก่อนเผยแพร่โดยวิธีการต่าง ๆ ออกไปสู่ประชาชน
รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า นายกรัฐมนตรีได้ฝากยืนยันกับประชาชนทั้งประเทศว่าถึงแม้ว่ารัฐบาลจะแสดงความไม่เห็นด้วยกับการชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรฯ และไม่เห็นด้วยกับการพยายามเคลื่อนขบวนมาปิดล้อมทำเนียบรัฐบาลก็ตาม แต่รัฐบาลไม่มีนโยบายหรือแนวคิดที่จะใช้กำลังความรุนแรงที่จะให้เจ้าหน้าที่ตำรวจติดอาวุธเพื่อใช้กำลังเข้าสลายการชุมนุม ส่วนกำลังเจ้าหน้าที่ที่จะปฏิบัติวันพรุ่งนี้จะเป็นกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจจากส่วนงานต่าง ๆ ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติจัดมาเท่านั้น ทางฝ่ายทหารไม่ได้มีส่วนร่วมในการปฏิบัติการแต่อย่างใด สำหรับมาตรการหรือการเตรียมการด้านกำลังพล อุปกรณ์ ยุทธวิธีต่าง ๆ นั้นเป็นหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ตำรวจที่จะดำเนินการและใช้วิจารณญาณในการวางแผนให้สถานการณ์บ้านเมืองเกิดความสงบเรียบร้อยในที่สุด
ทั้งนี้ รัฐบาลจะไม่ยอมให้กลุ่มผู้ชุมนุมเคลื่อนขบวนเข้ามาปิดล้อมหรือเข้ามาในทำเนียบรัฐบาลอย่างเด็ดขาด และนายกรัฐมนตรีได้กำชับให้เจ้าหน้าที่ตำรวจและส่วนต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องดำเนินการเรื่องนี้อย่างเคร่งครัด อีกทั้งหากมีบุคคลใดหรือกลุ่มบุคคลใดกระทำการล่วงละเมิดกฎหมายพยายามเล็ดลอดเข้าสู่ทำเนียบรัฐบาล หรือพยายามกระทำการใด ๆ ก็ตามที่จะสร้างความเสื่อมเสียให้กับสถานที่สำคัญของประเทศโดยวิธีการที่มิชอบด้วยกฎหมาย จะให้เจ้าหน้าที่ตำรวจดำเนินการตามกฎหมายอย่างเด็ดขาด ไม่มีข้อยกเว้น ซึ่งเจ้าหน้าที่ส่วนต่าง ๆ ได้เตรียมกล้องบันทึกภาพทุกแง่มุมของความเคลื่อนไหวในวันพรุ่งนี้โดยละเอียดไว้แล้ว
--กลุ่มยุทธศาสตร์และแผนการประชาสัมพันธ์ สำนักโฆษก--