นายกรัฐมนตรีเป็นประธานในการประชุมชี้แจงการปฏิบัติงานและมอบนโยบายแก่หัวหน้าส่วนราชการ ผู้แทนส่วนราชการด้านความมั่นคง
วันนี้ เวลา 10.00 น. ณ ห้องมัฆวานรังสรรค์ สโมสรทหารบก ถนนวิภาวดีรังสิต นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ในฐานะผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร เป็นประธานในการประชุมชี้แจงการปฏิบัติงานและมอบนโยบายแก่หัวหน้าส่วนราชการ ผู้แทนส่วนราชการด้านความมั่นคง ผู้แทนกระทรวง ทบวง กรม ผู้บัญชาการทหารสูงสุด ผู้บัญชาการทหารบก ผู้บัญชาการทหารเรือ ผู้บัญชาการทหารอากาศ ผู้ว่าราชการจังหวัด ผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค ผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในจังหวัด จำนวน 468 นาย
พลเอก มนตรี ชมภูจันทร์ เลขาธิการกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร กล่าวรายงานสรุปผลการจัดทำโครงสร้างการจัดและอัตรากำลัง ของกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (กอ.รมน.) และแนวทางการปฏิบัติตามโครงสร้างใหม่ ว่า ตามที่พระราชบัญญัติการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร พ.ศ. 2551 ซึ่งมีผลบังคับใช้เมื่อวันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2551 ที่ผ่านมา ได้กำหนดให้จัดตั้งกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร ขึ้นในสำนัก นายกรัฐมนตรี มีอำนาจหน้าที่และรับผิดชอบเกี่ยวกับการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร และเป็นส่วนราชการรูปแบบเฉพาะอยู่ภายใต้การบังคับบัญชาขึ้นตรงต่อนายกรัฐมนตรี ในฐานะผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร ซึ่งโครงสร้างดังกล่าวประกอบด้วย 4 ส่วน คือ 1)ส่วนบริหาร ประกอบไปด้วยคณะผู้บังคับบัญชา โดยมีนายกรัฐมนตรี เป็นผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร 2) ส่วนอำนวยการ เป็นส่วนหลักในการปฏิบัติงานตั้งแต่ในภาวะปกติ และต่อเนื่องจนถึงภาวะไม่ปกติ 3) ส่วนประสานงาน ทำหน้าที่การจัดทำแผนงานและประสานการปฏิบัติกับส่วนราชการที่รับผิดชอบการแก้ไขงานความมั่นคงเฉพาะเรื่อง และ 4)หน่วยปฏิบัติงานในระดับพื้นที่ เป็นหน่วยงานบูรณาการ การปฏิบัติงานในพื้นที่ได้แก่ กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาคและจังหวัด
โอกาสนี้ นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ในฐานะผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร ได้กล่าวชื่นชมวิดีทัศน์ที่เกี่ยวกับแนวทางการดำเนินงานของ กอ.รมน. ว่ามีความชัดเจนและครอบคลุมการดำเนินงาน ซึ่งจะทำให้เข้าใจทันทีว่าเป็นการแปลงนโยบายของสภาความมั่นคงแห่งชาติไปสู่การปฏิบัติ พร้อมกล่าวว่าการก่อการร้ายข้ามชาติ ทำให้เกิดความเสียหายทางเศรษฐกิจ อาทิ เรื่องยาเสพติด ผู้ที่ลักลอบหลบหนีเข้าเมือง ทั้งนี้การจัดทำโครงสร้างการจัดและอัตรากำลังพลของ กอ.รมน. มีวัตถุประสงค์เพื่อรองรับการปฏิบัติงาน ซึ่งปัจจุบันอยู่ระหว่างการดำเนินการซึ่งคาดว่าจะแล้วเสร็จและเริ่มใช้ได้ตั้งแต่เดือนสิงหาคมเป็นต้นไป พร้อมกันนี้นายกรัฐมนตรี กล่าวยืนยันว่างาน กอ.รมน. จะเป็นงานของบ้านเมืองและจะเป็นการป้องกันบ้านเมืองของเราเท่านั้น
ในตอนท้าย นายกรัฐมนตรี ได้กล่าวมอบนโยบายและแนวทางปฏิบัติงาน ดังนี้ 1)กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร จะต้องเป็นหน่วยงานที่มีความทันสมัย สมบูรณ์ในตัวเอง และมีความพร้อมในการปฏิบัติงานได้ตลอด 24 ชั่วโมง 2)ให้ทุกหน่วยสนับสนุนการดำเนินงานของ กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร โดยเฉพาะอย่างยิ่งการสนับสนุนกำลังพลที่มีขีดความสามารถเหมาะสม สำหรับการจัดตั้งหน่วยรองรับการปฏิบัติงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทั้งนี้ขอให้หน่วยงานต้นสังกัดพิจารณา แรงจูงใจให้กับกำลังพลที่มาปฏิบัติงานด้วย 3) ขอให้ยึดถือนโยบายของรัฐบาลและนโยบายความมั่นคงแห่งชาติในการปฏิบัติงาน ให้เกิดผลอย่างเป็นรูปธรรมและมีประสิทธิภาพสูงสุด และ4)ให้ความสำคัญกับงานบริหารจัดการแบบบูรณาการ การประสานงานและการมีส่วนร่วมของประชาชน โดยถือเป็นหัวใจในการปฏิบัติงาน และให้งานการแก้ไขปัญหาความมั่นคงในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้เป็นความเร่งด่วนอันดับแรก
--กลุ่มยุทธศาสตร์และแผนการประชาสัมพันธ์ สำนักโฆษก--
วันนี้ เวลา 10.00 น. ณ ห้องมัฆวานรังสรรค์ สโมสรทหารบก ถนนวิภาวดีรังสิต นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ในฐานะผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร เป็นประธานในการประชุมชี้แจงการปฏิบัติงานและมอบนโยบายแก่หัวหน้าส่วนราชการ ผู้แทนส่วนราชการด้านความมั่นคง ผู้แทนกระทรวง ทบวง กรม ผู้บัญชาการทหารสูงสุด ผู้บัญชาการทหารบก ผู้บัญชาการทหารเรือ ผู้บัญชาการทหารอากาศ ผู้ว่าราชการจังหวัด ผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค ผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในจังหวัด จำนวน 468 นาย
พลเอก มนตรี ชมภูจันทร์ เลขาธิการกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร กล่าวรายงานสรุปผลการจัดทำโครงสร้างการจัดและอัตรากำลัง ของกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (กอ.รมน.) และแนวทางการปฏิบัติตามโครงสร้างใหม่ ว่า ตามที่พระราชบัญญัติการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร พ.ศ. 2551 ซึ่งมีผลบังคับใช้เมื่อวันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2551 ที่ผ่านมา ได้กำหนดให้จัดตั้งกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร ขึ้นในสำนัก นายกรัฐมนตรี มีอำนาจหน้าที่และรับผิดชอบเกี่ยวกับการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร และเป็นส่วนราชการรูปแบบเฉพาะอยู่ภายใต้การบังคับบัญชาขึ้นตรงต่อนายกรัฐมนตรี ในฐานะผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร ซึ่งโครงสร้างดังกล่าวประกอบด้วย 4 ส่วน คือ 1)ส่วนบริหาร ประกอบไปด้วยคณะผู้บังคับบัญชา โดยมีนายกรัฐมนตรี เป็นผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร 2) ส่วนอำนวยการ เป็นส่วนหลักในการปฏิบัติงานตั้งแต่ในภาวะปกติ และต่อเนื่องจนถึงภาวะไม่ปกติ 3) ส่วนประสานงาน ทำหน้าที่การจัดทำแผนงานและประสานการปฏิบัติกับส่วนราชการที่รับผิดชอบการแก้ไขงานความมั่นคงเฉพาะเรื่อง และ 4)หน่วยปฏิบัติงานในระดับพื้นที่ เป็นหน่วยงานบูรณาการ การปฏิบัติงานในพื้นที่ได้แก่ กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาคและจังหวัด
โอกาสนี้ นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ในฐานะผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร ได้กล่าวชื่นชมวิดีทัศน์ที่เกี่ยวกับแนวทางการดำเนินงานของ กอ.รมน. ว่ามีความชัดเจนและครอบคลุมการดำเนินงาน ซึ่งจะทำให้เข้าใจทันทีว่าเป็นการแปลงนโยบายของสภาความมั่นคงแห่งชาติไปสู่การปฏิบัติ พร้อมกล่าวว่าการก่อการร้ายข้ามชาติ ทำให้เกิดความเสียหายทางเศรษฐกิจ อาทิ เรื่องยาเสพติด ผู้ที่ลักลอบหลบหนีเข้าเมือง ทั้งนี้การจัดทำโครงสร้างการจัดและอัตรากำลังพลของ กอ.รมน. มีวัตถุประสงค์เพื่อรองรับการปฏิบัติงาน ซึ่งปัจจุบันอยู่ระหว่างการดำเนินการซึ่งคาดว่าจะแล้วเสร็จและเริ่มใช้ได้ตั้งแต่เดือนสิงหาคมเป็นต้นไป พร้อมกันนี้นายกรัฐมนตรี กล่าวยืนยันว่างาน กอ.รมน. จะเป็นงานของบ้านเมืองและจะเป็นการป้องกันบ้านเมืองของเราเท่านั้น
ในตอนท้าย นายกรัฐมนตรี ได้กล่าวมอบนโยบายและแนวทางปฏิบัติงาน ดังนี้ 1)กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร จะต้องเป็นหน่วยงานที่มีความทันสมัย สมบูรณ์ในตัวเอง และมีความพร้อมในการปฏิบัติงานได้ตลอด 24 ชั่วโมง 2)ให้ทุกหน่วยสนับสนุนการดำเนินงานของ กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร โดยเฉพาะอย่างยิ่งการสนับสนุนกำลังพลที่มีขีดความสามารถเหมาะสม สำหรับการจัดตั้งหน่วยรองรับการปฏิบัติงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทั้งนี้ขอให้หน่วยงานต้นสังกัดพิจารณา แรงจูงใจให้กับกำลังพลที่มาปฏิบัติงานด้วย 3) ขอให้ยึดถือนโยบายของรัฐบาลและนโยบายความมั่นคงแห่งชาติในการปฏิบัติงาน ให้เกิดผลอย่างเป็นรูปธรรมและมีประสิทธิภาพสูงสุด และ4)ให้ความสำคัญกับงานบริหารจัดการแบบบูรณาการ การประสานงานและการมีส่วนร่วมของประชาชน โดยถือเป็นหัวใจในการปฏิบัติงาน และให้งานการแก้ไขปัญหาความมั่นคงในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้เป็นความเร่งด่วนอันดับแรก
--กลุ่มยุทธศาสตร์และแผนการประชาสัมพันธ์ สำนักโฆษก--