นายสหัส บัณฑิตกุล รองนายกรัฐมนตรี มอบหมายให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ปฏิบัติหน้าที่ (แทน)เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ (กก.วล.) ครั้งที่ 2/2551 ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
วันนี้ เวลา 13.30 น. ณ ห้องประชุม 301 ตึกบัญชาการ ทำเนียบรัฐบาล นายสหัส บัณฑิตกุล รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ มอบหมายให้ นางอนงค์วรรณ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ปฏิบัติหน้าที่ (แทน) เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ (กก.วล.) ครั้งที่ 2/2551 ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ซึ่งผลการประชุมสรุปสาระสำคัญ ดังนี้
ที่ประชุมเห็นชอบแนวทางการดำเนินโครงการหรือกิจกรรมที่ตั้งอยู่ในพื้นที่อนุรักษ์ที่เข้าข่ายต้องจัดทำรายงานวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม (ElA) ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ โดยทำคู่ขนานกับแนวทางเดิม ที่ถือปฏิบัติอยู่ ทั้งนี้ให้รับความเห็นของกรรมการไปปรับแก้ไขเพิ่มเติม พร้อมเห็นชอบแผนปฏิบัติการเพื่อการจัดการคุณภาพสิ่งแวดล้อมในระดับจังหวัดประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2552 ที่เสนอขอรับการสนับสนุนงบประมาณ หมวดเงินอุดหนุนเฉพาะกิจ ภายใต้แผนปฏิบัติการเพื่อการจัดการควบคุมคุณภาพสิ่งแวดล้อมในระดับจังหวัด ประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2552 รวมทั้งสิ้น 35 โครงการ วงเงินรวมทั้งสิ้น 3,907.90 ล้านบาท แบ่งเป็นงบประมาณ 3,516.30 ล้านบาท องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น สมทบ 391.60 ล้านบาท ผูกพันงบประมาณ 5 ปี (พ.ศ.2552 - 2556) โดยแบ่งเป็นงบประมาณประจำปี พ.ศ.2552 วงเงิน 719.50 ล้านบาท และปี พ.ศ. 2553 - 2556 วงเงิน 2,796.80 ล้านบาท ตามความเห็นของอนุกรรมการกำกับการจัดทำแผนปฏิบัติการเพื่อการจัดการคุณภาพสิ่งแวดล้อมในระดับจังหวัด ในการประชุม ครั้งที่ 3/2551 เมื่อวันที่ 4 เมษายน 2551 โดยให้สำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (สผ.) นำโครงภายใต้แผนดังกล่าว ที่ผ่านความเห็นชอบจาก กก.วล. เสนอคณะกรรมการการกระจายอำนาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เพื่อขอตั้งงบประมาณหมวดอุดหนุนเฉพาะกิจ ภายใต้แผนปฏิบัติการเพื่อการจัดการคุณภาพสิ่งแวดล้อมในระดับจังหวัด ประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2552 และให้สำนักงบประมาณ สนับสนุนงบประมาณตามแผนปฏิบัติการ ฯ ดังกล่าว ต่อไป ทั้งนี้ให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นเจ้าของโครงการที่ผ่านการเห็นชอบให้สนับสนุนงบประมาณหมวดเงินอุดหนุนเฉพาะกิจ ภายใต้แผนปฏิบัติการเพื่อการจัดการคุณภาพสิ่งแวดล้อมในระดับจังหวัด ประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2552 จัดให้มีการรับฟังความคิดเห็นจากประชาชน ตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการรับฟังความคิดเห็นจากประชาชน พ.ศ.2548 โดยต้องมีผู้เข้าร่วมรับฟังความคิดเห็น ครบถ้วนตามมาตรา 67 แห่งรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ.2550 บัญญัติไว้
รวมทั้งเห็นชอบโครงการก่อสร้างระบบกำจัดขยะมูลฝอยขององค์การบริหารส่วนจังหวัดนนทบุรีในพื้นที่ส่วนขยายที่ 2 ตามความเห็นของคณะอนุกรรมการกำกับการจัดทำแผนปฏิบัติการเพื่อการจัดการคุณภาพสิ่งแวดล้อมในระดับจังหวัด โดยให้องค์การบริหารส่วนจังหวัดนนทบุรี นำงบประมาณที่ได้รับจัดสรรภายใต้โครงการถ่ายโอนการสนับสนุนแผนปฏิบัติการเพื่อการจัดการคุณภาพสิ่งแวดล้อมในระดับจังหวัด ประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2549 และ2550 ซึ่งได้ตั้งไว้ที่กรมส่งเสริมการปกครองส่วนท้องถิ่น วงเงินรวม 292.03 ล้านบาท แบ่งเป็นงบประมาณ 230 ล้านบาทและองค์การบริหารส่วนจังหวัดนนทบุรี จำนวน 62.03 ล้านบาท ไปใช้ในการดำเนินโครงการก่อสร้างระบบฝังกลบอย่างถูกหลักสุขาภิบาล ในพื้นที่ส่วนขยายที่ 2 และเห็นชอบรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม (EIA) โครงการศึกษาและสำรวจออกแบบสำหรับก่อสร้างท่าเทียบเรือเชียงแสนแห่งที่ 2 รวมถึงมาตรการการป้องกันและลดผลกระทบสิ่งแวดล้อม และมาตรการติดตามตรวจสอบคุณภาพสิ่งแวดล้อมที่เสนอใน EIA ซึ่งกรมการขนส่งทางน้ำและพาณิชยนาวี (ขน.) ต้องยึดถือปฏิบัติ ตามความเห็นของคณะกรรมการผู้ชำนาญการพิจารณารายงานวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อมโครงการของส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจและโครงการร่วมกับเอกชนด้านคมนาคม (คชก.) และให้กระทรวงคมนาคมนำความเห็นของคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป
นอกจากนี้ที่ประชุมยังเห็นชอบร่างประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เรื่อง กำหนดมาตรฐานควบคุมการปล่อยทิ้งอากาศเสียจากโรงไฟฟ้าใหม่ ตามความเห็นของคณะกรรมการควบคุมมลพิษ และเห็นชอบร่างประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เรื่องกำหนดให้โรงไฟฟ้าใหม่เป็นแหล่งกำเนิดมลพิษที่จะต้องถูกควบคุมการปล่อยทิ้งอากาศเสียออกสู่บรรยากาศ เพื่อควบคุมปัญหามลพิษทางอากาศจากแหล่งกำเนิดประเภทโรงไฟฟ้าใหม่ รวมทั้งรับทราบความเห็นและมติ คชก. ในการประชุมครั้งที่ 1/2551 เมื่อวันที่ 1 พฤษภาคม 2551 ที่ให้ความเห็นชอบรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม โครงการปรับแบบรายละเอียดระบบรถไฟฟ้าสายสีแดง ช่วงบางซื่อ-รังสิต รวมสถานีรถไฟบางซื่อ และมาตรการที่กำหนด ให้สำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจรดำเนินการ
--กลุ่มยุทธศาสตร์และแผนการประชาสัมพันธ์ สำนักโฆษก--
วันนี้ เวลา 13.30 น. ณ ห้องประชุม 301 ตึกบัญชาการ ทำเนียบรัฐบาล นายสหัส บัณฑิตกุล รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ มอบหมายให้ นางอนงค์วรรณ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ปฏิบัติหน้าที่ (แทน) เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ (กก.วล.) ครั้งที่ 2/2551 ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ซึ่งผลการประชุมสรุปสาระสำคัญ ดังนี้
ที่ประชุมเห็นชอบแนวทางการดำเนินโครงการหรือกิจกรรมที่ตั้งอยู่ในพื้นที่อนุรักษ์ที่เข้าข่ายต้องจัดทำรายงานวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม (ElA) ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ โดยทำคู่ขนานกับแนวทางเดิม ที่ถือปฏิบัติอยู่ ทั้งนี้ให้รับความเห็นของกรรมการไปปรับแก้ไขเพิ่มเติม พร้อมเห็นชอบแผนปฏิบัติการเพื่อการจัดการคุณภาพสิ่งแวดล้อมในระดับจังหวัดประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2552 ที่เสนอขอรับการสนับสนุนงบประมาณ หมวดเงินอุดหนุนเฉพาะกิจ ภายใต้แผนปฏิบัติการเพื่อการจัดการควบคุมคุณภาพสิ่งแวดล้อมในระดับจังหวัด ประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2552 รวมทั้งสิ้น 35 โครงการ วงเงินรวมทั้งสิ้น 3,907.90 ล้านบาท แบ่งเป็นงบประมาณ 3,516.30 ล้านบาท องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น สมทบ 391.60 ล้านบาท ผูกพันงบประมาณ 5 ปี (พ.ศ.2552 - 2556) โดยแบ่งเป็นงบประมาณประจำปี พ.ศ.2552 วงเงิน 719.50 ล้านบาท และปี พ.ศ. 2553 - 2556 วงเงิน 2,796.80 ล้านบาท ตามความเห็นของอนุกรรมการกำกับการจัดทำแผนปฏิบัติการเพื่อการจัดการคุณภาพสิ่งแวดล้อมในระดับจังหวัด ในการประชุม ครั้งที่ 3/2551 เมื่อวันที่ 4 เมษายน 2551 โดยให้สำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (สผ.) นำโครงภายใต้แผนดังกล่าว ที่ผ่านความเห็นชอบจาก กก.วล. เสนอคณะกรรมการการกระจายอำนาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เพื่อขอตั้งงบประมาณหมวดอุดหนุนเฉพาะกิจ ภายใต้แผนปฏิบัติการเพื่อการจัดการคุณภาพสิ่งแวดล้อมในระดับจังหวัด ประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2552 และให้สำนักงบประมาณ สนับสนุนงบประมาณตามแผนปฏิบัติการ ฯ ดังกล่าว ต่อไป ทั้งนี้ให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นเจ้าของโครงการที่ผ่านการเห็นชอบให้สนับสนุนงบประมาณหมวดเงินอุดหนุนเฉพาะกิจ ภายใต้แผนปฏิบัติการเพื่อการจัดการคุณภาพสิ่งแวดล้อมในระดับจังหวัด ประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2552 จัดให้มีการรับฟังความคิดเห็นจากประชาชน ตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการรับฟังความคิดเห็นจากประชาชน พ.ศ.2548 โดยต้องมีผู้เข้าร่วมรับฟังความคิดเห็น ครบถ้วนตามมาตรา 67 แห่งรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ.2550 บัญญัติไว้
รวมทั้งเห็นชอบโครงการก่อสร้างระบบกำจัดขยะมูลฝอยขององค์การบริหารส่วนจังหวัดนนทบุรีในพื้นที่ส่วนขยายที่ 2 ตามความเห็นของคณะอนุกรรมการกำกับการจัดทำแผนปฏิบัติการเพื่อการจัดการคุณภาพสิ่งแวดล้อมในระดับจังหวัด โดยให้องค์การบริหารส่วนจังหวัดนนทบุรี นำงบประมาณที่ได้รับจัดสรรภายใต้โครงการถ่ายโอนการสนับสนุนแผนปฏิบัติการเพื่อการจัดการคุณภาพสิ่งแวดล้อมในระดับจังหวัด ประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2549 และ2550 ซึ่งได้ตั้งไว้ที่กรมส่งเสริมการปกครองส่วนท้องถิ่น วงเงินรวม 292.03 ล้านบาท แบ่งเป็นงบประมาณ 230 ล้านบาทและองค์การบริหารส่วนจังหวัดนนทบุรี จำนวน 62.03 ล้านบาท ไปใช้ในการดำเนินโครงการก่อสร้างระบบฝังกลบอย่างถูกหลักสุขาภิบาล ในพื้นที่ส่วนขยายที่ 2 และเห็นชอบรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม (EIA) โครงการศึกษาและสำรวจออกแบบสำหรับก่อสร้างท่าเทียบเรือเชียงแสนแห่งที่ 2 รวมถึงมาตรการการป้องกันและลดผลกระทบสิ่งแวดล้อม และมาตรการติดตามตรวจสอบคุณภาพสิ่งแวดล้อมที่เสนอใน EIA ซึ่งกรมการขนส่งทางน้ำและพาณิชยนาวี (ขน.) ต้องยึดถือปฏิบัติ ตามความเห็นของคณะกรรมการผู้ชำนาญการพิจารณารายงานวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อมโครงการของส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจและโครงการร่วมกับเอกชนด้านคมนาคม (คชก.) และให้กระทรวงคมนาคมนำความเห็นของคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป
นอกจากนี้ที่ประชุมยังเห็นชอบร่างประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เรื่อง กำหนดมาตรฐานควบคุมการปล่อยทิ้งอากาศเสียจากโรงไฟฟ้าใหม่ ตามความเห็นของคณะกรรมการควบคุมมลพิษ และเห็นชอบร่างประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เรื่องกำหนดให้โรงไฟฟ้าใหม่เป็นแหล่งกำเนิดมลพิษที่จะต้องถูกควบคุมการปล่อยทิ้งอากาศเสียออกสู่บรรยากาศ เพื่อควบคุมปัญหามลพิษทางอากาศจากแหล่งกำเนิดประเภทโรงไฟฟ้าใหม่ รวมทั้งรับทราบความเห็นและมติ คชก. ในการประชุมครั้งที่ 1/2551 เมื่อวันที่ 1 พฤษภาคม 2551 ที่ให้ความเห็นชอบรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม โครงการปรับแบบรายละเอียดระบบรถไฟฟ้าสายสีแดง ช่วงบางซื่อ-รังสิต รวมสถานีรถไฟบางซื่อ และมาตรการที่กำหนด ให้สำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจรดำเนินการ
--กลุ่มยุทธศาสตร์และแผนการประชาสัมพันธ์ สำนักโฆษก--