แท็ก
พระราชพิธีพระราชทานเพลิง
พิธีพระราชทานเพลิงพระศพ
สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ
นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์
เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา
ทำเนียบรัฐบาล
รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการฝ่ายจัดการพระราชพิธีพระราชทานเพลิงพระศพ สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ ครั้งที่ 2/2551 ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
วันนี้ เวลา 14.30 น. ณ ห้องประชุม 501 ตึกบัญชาการ ทำเนียบรัฐบาล นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ในฐานะประธานคณะกรรมการฝ่ายจัดการพระราชพิธีพระราชทานเพลิงพระศพ สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการฝ่ายจัดการพระราชพิธีพระราชทานเพลิงพระศพ สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ ครั้งที่ 2/2551 ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
ภายหลังเสร็จสิ้นการประชุมนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ รองนายกรัฐมนตรี แถลงว่า ที่ประชุมรับทราบร่างหมายกำหนดการพระราชพิธีพระราชทานเพลิงพระศพฯ ระหว่างวันที่ 14-19 พฤศจิกายน 2551 ตามที่ราชเลขาธิการได้แจ้งว่า ได้นำความกราบบังคมทูลพระกรุณาทราบฝ่าละอองธุลีพระบาท ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ตามร่างหมายกำหนดการ พระราชพิธีพระราชทานเพลิงพระศพฯ ดังกล่าวด้วยแล้ว สรุปดังนี้ วันศุกร์ที่ 14 พฤศจิกายน 2551 เวลา 17.30 น. บำเพ็ญพระราชกุศลออกพระเมรุ ณ พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท วันเสาร์ที่ 15 พฤศจิกายน 2551 เวลา 07.00 น. เชิญพระโกศออกพระเมรุ (จากพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาทไปยังพระเมรุ ท้องสนามหลวง) เวลา 16.30 น. พระราชทานเพลิงพระศพ ฯ และเวลา 22.00 น. พระราชทานเพลิงพระศพ ฯ (จริง) วันอาทิตย์ที่ 16 พฤศจิกายน 2551 เวลา08.00 น. เก็บพระอัฐิ (เชิญพระโกศพระอัฐิไปยังพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาทและเชิญพระผอบพระสรีรางคารไปยังพระศรีรัตนเจดีย์ วัดพระศรีรัตนศาสดาราม) วันจันทร์ที่ 17 พฤศจิกายน 2551 เวลา 16.30 น. บำเพ็ญพระราชกุศลพระอัฐิ ณ พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท วันอังคารที่ 18 พฤศจิกายน 2551 เวลา 10.30 น. เลี้ยงพระ ณ พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท และเชิญพระโกศพระอัฐิขึ้นประดิษฐาน ณ พระที่นั่งจักรีมหาปราสาท และวันพุธที่ 19 พฤศจิกายน 2551 บรรจุพระสรีรางคาร ณ อนุสรณ์สถานรังษีวัฒนา วัดราชบพิธสถิตมหาสีมาราม
นอกจากนี้ที่ประชุมได้รับทราบดำริของนายกรัฐมนตรีที่ให้จัดทำรายงานสรุปความก้าวหน้าของการดำเนินงานในด้านต่างๆ ทุก 2-3 สัปดาห์ รวมทั้งข้อเท็จจริงเกี่ยวกับปัญหา อุปสรรค และแนวทางการแก้ไข เพื่อนำกราบบังคมทูลรายงานผ่านราชเลขานุการในพระองค์สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร และสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี พร้อมรับทราบคำสั่งแต่งตั้งคณะอนุกรรมการฝ่ายจัดขบวนพระอิสริยยศในงานพระราชพิธี พระราชทานเพลิงพระศพ ฯ โดยมีผู้บัญชาการทหารบกเป็นประธานอนุกรรมการ ซึ่งภารกิจและเป้าหมายสูงสุด คือ การดำเนินการจัดขบวนพระอิสริยยศอัญเชิญพระศพ พระอัฐิ และพระสรีรางคาร ให้เป็นไปด้วยความเรียบร้อย ถูกต้องตามราชประเพณี และสมพระเกียรติ และคำสั่งแต่งตั้งคณะอนุกรรมการฝ่ายพิจารณางบประมาณและกลั่นกรองรายการขอใช้งบประมาณ โดยมีผู้อำนวยการสำนักงบประมาณหรือที่ปรึกษาสำนักงบประมาณ (ที่ได้รับมอบหมาย) เป็นประธานอนุกรรมการ ซึ่งมีหน้าที่พิจารณาตรวจสอบและกลั่นกรองรายการใช้งบประมาณสำหรับการจัดงานพระราชพิธี รัฐพิธี และศาสนพิธี ตามที่หน่วยงาน หรือคณะอนุกรรมการฝ่ายต่าง ๆ ในคณะกรรมการฝ่ายจัดการพระราชพิธีพระราชทานเพลิงพระศพสมเด็จพระพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ ที่คณะกรรมการฝ่ายต่าง ๆ เสนอขอใช้งบประมาณให้เป็นไปด้วยความเรียบร้อยและเหมาะสมต่อไป
รวมทั้งยังให้จัดทำแผนการตรวจเยี่ยมการเตรียมงานในส่วนที่สำคัญๆ ควบคู่ไปกับแผนประชาสัมพันธ์การตรวจเยี่ยมของนายกรัฐมนตรีเป็นระยะอย่างต่อเนื่องจนถึงวันงานพระราชพิธีฯ โดยมอบหมายให้รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีและโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีรับผิดชอบการแพร่ภาพข่าวการตรวจเยี่ยม ซึ่งเรื่องนี้คณะกรรมการฝ่ายจัดการพระราชพิธีพระราชทานเพลิงพระศพฯ ได้แจ้งให้กองทัพบกดำเนินการตามบัญชาของนายกรัฐมนตรีในส่วนที่เกี่ยวข้องกับการจัดขบวนพระอิสริยยศในงานพระราชพิธีฯ ด้วยแล้ว ซึ่งผู้บัญชาการทหารบก ได้รายงานให้ที่ประชุมทราบว่า เพื่อให้เกิดความสวยงามจะคัดกำลังพลที่มีความสูง 170 เซ็นติเมตร มาเป็นผู้อัญเชิญริ้วขบวนต่าง ๆ โดยจะจัดให้มีพิธีซ้อมใหญ่แต่งกายเหมือนจริงในช่วงปลายเดือนตุลาคมนี้
รองนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า สำหรับการจัดพิธีถวายดอกไม้จันทน์ของภาคประชาชน จะมี 3 ลักษณะ ได้แก่ 1.พิธีถวายดอกไม้จันทน์ตามซุ้มรับดอกไม้จันทน์บริเวณท้องสนามหลวง จำนวน 8 ซุ้ม หรือจำนวนตามความเหมาะสม และคาดว่าจะมีประชาชนมาร่วมในพระราชพิธีที่มลฑลท้องสนามหลวงนับแสนคน 2. พิธีถวายดอกไม้จันทน์ตามวัดต่างๆ ในเขตกรุงเทพมหานคร และ3.พิธีถวายดอกไม้จันทน์ตามวัดต่างๆ ในส่วน ภูมิภาค ส่วนการจัดสถานที่รับรองผู้ไปเฝ้า ฯ ทูลละอองธุลีพระบาทที่พระเมรุ ท้องสนามหลวงนั้น คาดว่าจะรองรับผู้ไปเฝ้าฯ ได้จำนวนประมาณ 3,000 คน ประกอบด้วย ราชสกุล คณะองคมนตรี อดีตนายกรัฐมนตรี คณะรัฐมนตรี ประธานองค์กรอิสระที่บัญญัติในรัฐธรรมนูญ คณะทูตานุทูต สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร สมาชิกวุฒิสภา ปลัดกระทรวงทุกกระทรวง ผู้บัญชาการทหารและตำรวจ ข้าราชการตุลาการ ข้าราชการหน่วยงานอิสระ ข้าราชการทหารและตำรวจ ข้าราชการในพระองค์ ข้าราชการพลเรือน หัวหน้าหน่วยงานรัฐวิสาหกิจ และภาคเอกชน พร้อมคู่สมรส อีกทั้งยังมีการตั้งกองบรรเทาทุกข์บริเวณใกล้เคียงท้องสนามหลวงและในบริเวณถนนราชดำเนินกลาง เพื่อให้บริการน้ำดื่ม อาหาร ห้องสุขาและห้องปฐมพยาบาลให้กับประชาชน ที่ไปร่วมพิธีถวายดอกไม้จันทน์ตามซุ้มรับดอกไม้จันทน์ รวมทั้งให้มีการติดตั้งเครื่องรับโทรทัศน์ ขนาดใหญ่เพื่อให้ประชาชนได้ชมการถ่ายทอดพระราชพิธีฯ และมอบให้กรุงเทพมหานครและกองบัญชาการตำรวจนครบาลพิจารณาจุดตั้งที่เหมาะสมต่อไป
พร้อมกันนี้ที่ประชุมยังเห็นชอบแต่งตั้งคณะอนุกรรมการฝ่ายจัดกิจกรรมการถวายดอกไม้จันทน์ในพระราชพิธีพระราชทานเพลิงพระศพฯ โดยมีนายจาดุร อภิชาตบุตร รองปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี เป็นประธานคณะอนุกรรมการ และเห็นชอบให้มีการจัดแสดงมหรสพสมโภชงานออกพระเมรุ เหมือนเมื่อคราวการจัดงานพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี โดยจัดให้มีการแสดงมหรสพสมโภชงานออกพระเมรุ ในวันพระราชพิธีพระราชทานเพลิงพระศพฯ ในวันที่ 15 พฤศจิกายน 2551 และวันที่ 16 พฤศจิกายน 2551 โดยมอบให้กรมศิลปากรรับไปพิจารณาดำเนินการ ซึ่งคณะอนุกรรมการฝ่ายจัดกิจกรรมการถวายดอกไม้จันทน์จะประสานการปฏิบัติกับกรมศิลปากร และจะได้นำกราบเรียนนายกรัฐมนตรีเพื่อมีหนังสือขอพระราชทานพระบรมราชานุญาตต่อไป
--กลุ่มยุทธศาสตร์และแผนการประชาสัมพันธ์ สำนักโฆษก--
วันนี้ เวลา 14.30 น. ณ ห้องประชุม 501 ตึกบัญชาการ ทำเนียบรัฐบาล นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ในฐานะประธานคณะกรรมการฝ่ายจัดการพระราชพิธีพระราชทานเพลิงพระศพ สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการฝ่ายจัดการพระราชพิธีพระราชทานเพลิงพระศพ สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ ครั้งที่ 2/2551 ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
ภายหลังเสร็จสิ้นการประชุมนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ รองนายกรัฐมนตรี แถลงว่า ที่ประชุมรับทราบร่างหมายกำหนดการพระราชพิธีพระราชทานเพลิงพระศพฯ ระหว่างวันที่ 14-19 พฤศจิกายน 2551 ตามที่ราชเลขาธิการได้แจ้งว่า ได้นำความกราบบังคมทูลพระกรุณาทราบฝ่าละอองธุลีพระบาท ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ตามร่างหมายกำหนดการ พระราชพิธีพระราชทานเพลิงพระศพฯ ดังกล่าวด้วยแล้ว สรุปดังนี้ วันศุกร์ที่ 14 พฤศจิกายน 2551 เวลา 17.30 น. บำเพ็ญพระราชกุศลออกพระเมรุ ณ พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท วันเสาร์ที่ 15 พฤศจิกายน 2551 เวลา 07.00 น. เชิญพระโกศออกพระเมรุ (จากพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาทไปยังพระเมรุ ท้องสนามหลวง) เวลา 16.30 น. พระราชทานเพลิงพระศพ ฯ และเวลา 22.00 น. พระราชทานเพลิงพระศพ ฯ (จริง) วันอาทิตย์ที่ 16 พฤศจิกายน 2551 เวลา08.00 น. เก็บพระอัฐิ (เชิญพระโกศพระอัฐิไปยังพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาทและเชิญพระผอบพระสรีรางคารไปยังพระศรีรัตนเจดีย์ วัดพระศรีรัตนศาสดาราม) วันจันทร์ที่ 17 พฤศจิกายน 2551 เวลา 16.30 น. บำเพ็ญพระราชกุศลพระอัฐิ ณ พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท วันอังคารที่ 18 พฤศจิกายน 2551 เวลา 10.30 น. เลี้ยงพระ ณ พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท และเชิญพระโกศพระอัฐิขึ้นประดิษฐาน ณ พระที่นั่งจักรีมหาปราสาท และวันพุธที่ 19 พฤศจิกายน 2551 บรรจุพระสรีรางคาร ณ อนุสรณ์สถานรังษีวัฒนา วัดราชบพิธสถิตมหาสีมาราม
นอกจากนี้ที่ประชุมได้รับทราบดำริของนายกรัฐมนตรีที่ให้จัดทำรายงานสรุปความก้าวหน้าของการดำเนินงานในด้านต่างๆ ทุก 2-3 สัปดาห์ รวมทั้งข้อเท็จจริงเกี่ยวกับปัญหา อุปสรรค และแนวทางการแก้ไข เพื่อนำกราบบังคมทูลรายงานผ่านราชเลขานุการในพระองค์สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร และสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี พร้อมรับทราบคำสั่งแต่งตั้งคณะอนุกรรมการฝ่ายจัดขบวนพระอิสริยยศในงานพระราชพิธี พระราชทานเพลิงพระศพ ฯ โดยมีผู้บัญชาการทหารบกเป็นประธานอนุกรรมการ ซึ่งภารกิจและเป้าหมายสูงสุด คือ การดำเนินการจัดขบวนพระอิสริยยศอัญเชิญพระศพ พระอัฐิ และพระสรีรางคาร ให้เป็นไปด้วยความเรียบร้อย ถูกต้องตามราชประเพณี และสมพระเกียรติ และคำสั่งแต่งตั้งคณะอนุกรรมการฝ่ายพิจารณางบประมาณและกลั่นกรองรายการขอใช้งบประมาณ โดยมีผู้อำนวยการสำนักงบประมาณหรือที่ปรึกษาสำนักงบประมาณ (ที่ได้รับมอบหมาย) เป็นประธานอนุกรรมการ ซึ่งมีหน้าที่พิจารณาตรวจสอบและกลั่นกรองรายการใช้งบประมาณสำหรับการจัดงานพระราชพิธี รัฐพิธี และศาสนพิธี ตามที่หน่วยงาน หรือคณะอนุกรรมการฝ่ายต่าง ๆ ในคณะกรรมการฝ่ายจัดการพระราชพิธีพระราชทานเพลิงพระศพสมเด็จพระพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ ที่คณะกรรมการฝ่ายต่าง ๆ เสนอขอใช้งบประมาณให้เป็นไปด้วยความเรียบร้อยและเหมาะสมต่อไป
รวมทั้งยังให้จัดทำแผนการตรวจเยี่ยมการเตรียมงานในส่วนที่สำคัญๆ ควบคู่ไปกับแผนประชาสัมพันธ์การตรวจเยี่ยมของนายกรัฐมนตรีเป็นระยะอย่างต่อเนื่องจนถึงวันงานพระราชพิธีฯ โดยมอบหมายให้รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีและโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีรับผิดชอบการแพร่ภาพข่าวการตรวจเยี่ยม ซึ่งเรื่องนี้คณะกรรมการฝ่ายจัดการพระราชพิธีพระราชทานเพลิงพระศพฯ ได้แจ้งให้กองทัพบกดำเนินการตามบัญชาของนายกรัฐมนตรีในส่วนที่เกี่ยวข้องกับการจัดขบวนพระอิสริยยศในงานพระราชพิธีฯ ด้วยแล้ว ซึ่งผู้บัญชาการทหารบก ได้รายงานให้ที่ประชุมทราบว่า เพื่อให้เกิดความสวยงามจะคัดกำลังพลที่มีความสูง 170 เซ็นติเมตร มาเป็นผู้อัญเชิญริ้วขบวนต่าง ๆ โดยจะจัดให้มีพิธีซ้อมใหญ่แต่งกายเหมือนจริงในช่วงปลายเดือนตุลาคมนี้
รองนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า สำหรับการจัดพิธีถวายดอกไม้จันทน์ของภาคประชาชน จะมี 3 ลักษณะ ได้แก่ 1.พิธีถวายดอกไม้จันทน์ตามซุ้มรับดอกไม้จันทน์บริเวณท้องสนามหลวง จำนวน 8 ซุ้ม หรือจำนวนตามความเหมาะสม และคาดว่าจะมีประชาชนมาร่วมในพระราชพิธีที่มลฑลท้องสนามหลวงนับแสนคน 2. พิธีถวายดอกไม้จันทน์ตามวัดต่างๆ ในเขตกรุงเทพมหานคร และ3.พิธีถวายดอกไม้จันทน์ตามวัดต่างๆ ในส่วน ภูมิภาค ส่วนการจัดสถานที่รับรองผู้ไปเฝ้า ฯ ทูลละอองธุลีพระบาทที่พระเมรุ ท้องสนามหลวงนั้น คาดว่าจะรองรับผู้ไปเฝ้าฯ ได้จำนวนประมาณ 3,000 คน ประกอบด้วย ราชสกุล คณะองคมนตรี อดีตนายกรัฐมนตรี คณะรัฐมนตรี ประธานองค์กรอิสระที่บัญญัติในรัฐธรรมนูญ คณะทูตานุทูต สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร สมาชิกวุฒิสภา ปลัดกระทรวงทุกกระทรวง ผู้บัญชาการทหารและตำรวจ ข้าราชการตุลาการ ข้าราชการหน่วยงานอิสระ ข้าราชการทหารและตำรวจ ข้าราชการในพระองค์ ข้าราชการพลเรือน หัวหน้าหน่วยงานรัฐวิสาหกิจ และภาคเอกชน พร้อมคู่สมรส อีกทั้งยังมีการตั้งกองบรรเทาทุกข์บริเวณใกล้เคียงท้องสนามหลวงและในบริเวณถนนราชดำเนินกลาง เพื่อให้บริการน้ำดื่ม อาหาร ห้องสุขาและห้องปฐมพยาบาลให้กับประชาชน ที่ไปร่วมพิธีถวายดอกไม้จันทน์ตามซุ้มรับดอกไม้จันทน์ รวมทั้งให้มีการติดตั้งเครื่องรับโทรทัศน์ ขนาดใหญ่เพื่อให้ประชาชนได้ชมการถ่ายทอดพระราชพิธีฯ และมอบให้กรุงเทพมหานครและกองบัญชาการตำรวจนครบาลพิจารณาจุดตั้งที่เหมาะสมต่อไป
พร้อมกันนี้ที่ประชุมยังเห็นชอบแต่งตั้งคณะอนุกรรมการฝ่ายจัดกิจกรรมการถวายดอกไม้จันทน์ในพระราชพิธีพระราชทานเพลิงพระศพฯ โดยมีนายจาดุร อภิชาตบุตร รองปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี เป็นประธานคณะอนุกรรมการ และเห็นชอบให้มีการจัดแสดงมหรสพสมโภชงานออกพระเมรุ เหมือนเมื่อคราวการจัดงานพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี โดยจัดให้มีการแสดงมหรสพสมโภชงานออกพระเมรุ ในวันพระราชพิธีพระราชทานเพลิงพระศพฯ ในวันที่ 15 พฤศจิกายน 2551 และวันที่ 16 พฤศจิกายน 2551 โดยมอบให้กรมศิลปากรรับไปพิจารณาดำเนินการ ซึ่งคณะอนุกรรมการฝ่ายจัดกิจกรรมการถวายดอกไม้จันทน์จะประสานการปฏิบัติกับกรมศิลปากร และจะได้นำกราบเรียนนายกรัฐมนตรีเพื่อมีหนังสือขอพระราชทานพระบรมราชานุญาตต่อไป
--กลุ่มยุทธศาสตร์และแผนการประชาสัมพันธ์ สำนักโฆษก--