นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ระบุเหตุคนร้ายขว้างระเบิดปิงปองหน้าสนง.นสพ.ผู้จัดการ ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับรัฐบาล ยืนยันรัฐบาลจะเดินหน้าทำงานและปกป้องระบอบประชาธิปไตย
เมื่อวันที่ 16 มิ.ย. เวลา 16.00 น. ณ ศูนย์แถลงข่าวรัฐบาล ตึกนารีสโมสร ทำเนียบรัฐบาล นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงถึงกรณีคนร้ายก่อเหตุขว้างระเบิดปิงปองเข้าใส่หน้าสำนักงานหนังสือพิมพ์ผู้จัดการเมื่อคืนนี้ ซึ่งแกนนำกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยออกมาระบุน่าจะเป็นการกระทำจากฝ่ายรัฐบาล ว่า รัฐบาลไม่เคยมีแนวคิดที่จะใช้ความรุนแรงกับกลุ่มผู้ชุมนุมใด ๆ ทั้งสิ้น โดยจะใช้หลักนิติธรรมดำเนินการกับการกระทำอันละเมิดหรือฝ่าฝืนกฎหมายบ้านเมืองเท่านั้น ดังนั้น เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นรัฐบาลจึงไม่มีส่วนรู้เห็นเกี่ยวข้องหรือคิดที่จะให้เกิดขึ้น แต่เมื่อมีเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นจะทำให้เกิดความวิตกกังวลต่อประชาชน นักลงทุน นักท่องเที่ยว รวมทั้งเกิดความเสียหายด้านความน่าเชื่อถือในความสงบเรียบร้อยของบ้านเมือง ขณะเดียวกันอาจเป็นผลให้กลุ่มพันธมิตรฯ ใช้สถานการณ์นี้ไปปลุกระดมประชาชน และสร้างเงื่อนไขในการเพิ่มระดับความเข้มข้นของการชุมนุม
นอกจากนี้ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรียังกล่าวถึงกรณีที่พรรคประชาธิปัตย์จะยื่นญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล และจะให้มีการยื่นญัตติดังกล่าวร่วมกับสมาชิกวุฒิสภา ว่า การกระทำดังกล่าวของพรรคประชาธิปัตย์ทำให้ถูกมองเป็นเหมือนชูชกทางการเมือง อีกทั้งไม่เคยมีแนวปฏิบัติที่จะให้มีการอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลในช่วงที่มีการประชุมสภาสมัยวิสามัญ ซึ่งรัฐบาลชุดนี้เป็นรัฐบาลประชาธิปไตยและยึดมั่นศรัทธาในกระบวนการของรัฐสภา ดังนั้น จะไม่ไปแหวกม่านประเพณีปฏิบัติที่เคยทำกันมา จึงขอให้ประชาชนจับตาความเคลื่อนไหวของกลุ่มพันธมิตรฯ และพรรคประชาธิปัตย์ เพราะอาจมีการส่งสัญญาณความเคลื่อนไหวกันอยู่เป็นระยะ ๆ โดยรัฐบาลจะเดินหน้าทำงานและปกป้องการปกครองในระบอบประชาธิปไตย
“ สิ่งที่รัฐบาลทำไม่ใช่ปกป้องความอยู่รอดของรัฐบาล หรือไม่ใช่ทำเพื่อให้อยู่ในอำนาจบริหารนานที่สุดเท่าที่จะนานได้เท่านั้น แต่สิ่งที่รัฐบาลกำลังทำคือความพยายามปกป้องความศักดิ์สิทธิ์ของเสียงข้างมากของประชาชนในระบอบประชาธิปไตย รัฐบาลกำลังพยายามปกป้องวิจารณญาณของประชาชนที่ได้ใช้อำนาจอธิปไตยและมอบหมายให้รัฐบาลชุดนี้เข้ามาบริหารบ้านเมือง หากรัฐบาลยอมพ่ายแพ้ให้กับเสียงข้างน้อยแล้ว เท่ากับว่าความศักดิ์สิทธิ์ของเสียงข้างมาก ความเข้มขลังของอำนาจอธิปไตยที่ประชาชนได้แสดงออกก็ย่อมถูกทำลายลงด้วย โดยรัฐบาลจะยืนหยัดปกป้องพลังของเสียงข้างมากด้วยสันติวิธีและกระบวนการของกฎหมายต่อไป” รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีกล่าว
--กลุ่มยุทธศาสตร์และแผนการประชาสัมพันธ์ สำนักโฆษก--
เมื่อวันที่ 16 มิ.ย. เวลา 16.00 น. ณ ศูนย์แถลงข่าวรัฐบาล ตึกนารีสโมสร ทำเนียบรัฐบาล นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงถึงกรณีคนร้ายก่อเหตุขว้างระเบิดปิงปองเข้าใส่หน้าสำนักงานหนังสือพิมพ์ผู้จัดการเมื่อคืนนี้ ซึ่งแกนนำกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยออกมาระบุน่าจะเป็นการกระทำจากฝ่ายรัฐบาล ว่า รัฐบาลไม่เคยมีแนวคิดที่จะใช้ความรุนแรงกับกลุ่มผู้ชุมนุมใด ๆ ทั้งสิ้น โดยจะใช้หลักนิติธรรมดำเนินการกับการกระทำอันละเมิดหรือฝ่าฝืนกฎหมายบ้านเมืองเท่านั้น ดังนั้น เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นรัฐบาลจึงไม่มีส่วนรู้เห็นเกี่ยวข้องหรือคิดที่จะให้เกิดขึ้น แต่เมื่อมีเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นจะทำให้เกิดความวิตกกังวลต่อประชาชน นักลงทุน นักท่องเที่ยว รวมทั้งเกิดความเสียหายด้านความน่าเชื่อถือในความสงบเรียบร้อยของบ้านเมือง ขณะเดียวกันอาจเป็นผลให้กลุ่มพันธมิตรฯ ใช้สถานการณ์นี้ไปปลุกระดมประชาชน และสร้างเงื่อนไขในการเพิ่มระดับความเข้มข้นของการชุมนุม
นอกจากนี้ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรียังกล่าวถึงกรณีที่พรรคประชาธิปัตย์จะยื่นญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล และจะให้มีการยื่นญัตติดังกล่าวร่วมกับสมาชิกวุฒิสภา ว่า การกระทำดังกล่าวของพรรคประชาธิปัตย์ทำให้ถูกมองเป็นเหมือนชูชกทางการเมือง อีกทั้งไม่เคยมีแนวปฏิบัติที่จะให้มีการอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลในช่วงที่มีการประชุมสภาสมัยวิสามัญ ซึ่งรัฐบาลชุดนี้เป็นรัฐบาลประชาธิปไตยและยึดมั่นศรัทธาในกระบวนการของรัฐสภา ดังนั้น จะไม่ไปแหวกม่านประเพณีปฏิบัติที่เคยทำกันมา จึงขอให้ประชาชนจับตาความเคลื่อนไหวของกลุ่มพันธมิตรฯ และพรรคประชาธิปัตย์ เพราะอาจมีการส่งสัญญาณความเคลื่อนไหวกันอยู่เป็นระยะ ๆ โดยรัฐบาลจะเดินหน้าทำงานและปกป้องการปกครองในระบอบประชาธิปไตย
“ สิ่งที่รัฐบาลทำไม่ใช่ปกป้องความอยู่รอดของรัฐบาล หรือไม่ใช่ทำเพื่อให้อยู่ในอำนาจบริหารนานที่สุดเท่าที่จะนานได้เท่านั้น แต่สิ่งที่รัฐบาลกำลังทำคือความพยายามปกป้องความศักดิ์สิทธิ์ของเสียงข้างมากของประชาชนในระบอบประชาธิปไตย รัฐบาลกำลังพยายามปกป้องวิจารณญาณของประชาชนที่ได้ใช้อำนาจอธิปไตยและมอบหมายให้รัฐบาลชุดนี้เข้ามาบริหารบ้านเมือง หากรัฐบาลยอมพ่ายแพ้ให้กับเสียงข้างน้อยแล้ว เท่ากับว่าความศักดิ์สิทธิ์ของเสียงข้างมาก ความเข้มขลังของอำนาจอธิปไตยที่ประชาชนได้แสดงออกก็ย่อมถูกทำลายลงด้วย โดยรัฐบาลจะยืนหยัดปกป้องพลังของเสียงข้างมากด้วยสันติวิธีและกระบวนการของกฎหมายต่อไป” รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีกล่าว
--กลุ่มยุทธศาสตร์และแผนการประชาสัมพันธ์ สำนักโฆษก--