นายกรัฐมนตรีชี้แจงรัฐบาลขอเปิดประชุมสภาสมัยวิสามัญเพื่อพิจารณากฎหมายที่รัฐธรรมนูญกำหนดต้องทำให้เสร็จภายใน 180 วันและพิจารณางบประมาณ ปี 52 ส่วนฝ่ายค้านและวุฒิสมาชิกจะขอเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลก็สามารถยื่นญัตติผ่านสภาได้
รายการ “สนทนาประสาสมัคร”
โดยนายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี
ออกอากาศทางสถานีวิทยุโทรทัศน์แห่งประเทศไทย NBT
และสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย กรมประชาสัมพันธ์
วันอาทิตย์ที่ 15 มิถุนายน 2551 เวลา 08.30-09.30 น.
-------------------------
สวัสดีครับท่านผู้ชมที่เคารพ ผมสมัคร สุนทรเวช มาพูดจาประสาสมัครเหมือนอย่างเคย เช้าวันนี้ปกติถ้าผมทำตามรายการของผมละก็ ผมจะต้องเริ่มด้วยการเล่าเรื่องที่ผมไปทำอะไร อย่างไรมา เช่น ชาวไร่กระเทียมมาปิดถนน ผมก็เจรจาความกับเขา ก็ควรจะต้องเล่าก่อนเลย เสร็จแล้วไปเชียงใหม่เมื่อวานนี้ (14 มิ.ย.) ไปประชุมเรื่องท่องเที่ยว ก็ควรจะเก็บมาเล่าให้ฟัง และมีอะไรเล็กน้อย และถึงเวลาที่จะอธิบายความเรื่องอะไรก็จะมาเข้าแถว
ชี้แจงการเปิดประชุมสภาสมัยวิสามัญ
วันนี้ถ้าหากว่าไปทำอย่างนั้นเข้าจะเป็นการเหมือนกับว่าไม่ให้ความสำคัญในเรื่องที่สัญญาไว้ว่าจะมาอธิบายความให้ฟัง ทำไมผมถึงจะต้องขออนุญาตไม่แถลงข่าวเมื่อ 2-3 วันที่แล้ว และจะขอมาพูดเรื่องนี้เอง เรื่องนี้ก็คือว่าถ้าไปให้ข่าวแถลงข่าวเรื่องนี้เข้าละก็ ที่ออกมาจะเป็นคนละทิศคนละทางคนละแควเลยครับ วันนี้ผมจำเป็นจะต้องเรียนให้ท่านผู้ชมทั้งหลายที่เป็นเจ้าของประเทศนั่งฟัง และรวมทั้งท่านที่อยู่นักการเมืองฝ่ายค้าน ฝ่ายวุฒิสมาชิก ให้ฟังพร้อม ๆ กัน คือได้มีพยานทั้งหมดเลยว่า ผมพูดยังไง อธิบายยังไง และใครจะเข้าใจยังไง ไม่เข้าใจยังไง ก็สุดแท้แต่ แต่ความหวังของผมหวังว่า ประชาชนคนที่เป็นเจ้าของประเทศจะเข้าใจในสิ่งที่ผมพูดที่ผมอธิบายให้ฟัง
เรื่องทั้งหมดไม่มีอะไรยุ่งยากสับสนเลย เป็นเรื่องปกติธรรมดาแท้ ๆ ผมยืนยันว่าเมื่อสภาเปิดจังหวะนี้ละก็ เขาจะดูจังหวะที่จะต้องทำงบประมาณ เขามีเส้นทาง พอเข้าไปวันแรก เขาก็มีตารางงบประมาณให้เลยครับ วันนี้ต้องทำนี่ วันนี้ต้องทำนี่ มีหมดเลยครับ เขาเรียกว่าปฏิทินงบประมาณ เข้ามาเมื่อวันที่ 6 กุมภาพันธ์ เขาก็บอกมาเรื่อยเรื่องบประมาณ ก็ทำงบประมาณตั้งงบประมาณ จนกระทั่งงบประมาณเข้าที่เข้าทาง เซ็นตรงนั้นเซ็นตรงนี้ ส่งไปทุกกระทรวง กระทรวงส่งกลับมา เตรียมการกันเสร็จหมด ก็ถึงวาระที่จะต้องขอเปิดวิสามัญเพื่อจะทำงบประมาณ ทำไมต้องทำอย่างไร ก็เพราะว่าสภาอยู่ระหว่างปิดสมัยประชุม เมื่อเวลาที่ต้องงบประมาณ จังหวัดต้องปลายเดือนมิถุนายน เกินกว่านั้นไม่ได้สับสนหมด ปลายมิถุนายนที่กำหนดไว้คือวันที่ 25-26 มิถุนายน เผื่อไว้ว่าจะยืดอีกวันก็ 27 มิถุนายน แปลว่า 3 วัน ธรรมดาก็จะมีเท่านั้นละครับ เปิด 25 ปิด 27 ขอพระราชทานเบื้องต้นขอไว้อย่างนั้น ก็ตกลงเป็นอย่างที่ว่า แต่ทว่าเรามีวิป เขาแจ้งมาบอกว่างวดนี้เปิดวิสามัญขอได้เอื้อเฟื้อมีกฎหมายอยู่ 3-4 ฉบับ ซึ่งถูกบังคับโดยรัฐธรรมนูญต้องทำให้เสร็จภายใน 180 วัน มีฉบับนี้ ๆ ๆ ๆ ซึ่งเข้าคิวอยู่ จำเป็นต้องพิจารณา ผมก็พิจารณา ผมเป็นรัฐบาล เขาขอมาก็พิจารณา ก็ถอยหลังลงมาว่าวันที่ 25-26 จะงบประมาณ ถอยลงมาหน่อย ถอยให้เขาหน่อย ก็ 18-19 พอไหม ถ้าไม่เอา 4 วัน เอา 11-12 แปลว่าจะได้พูดกัน 4 วันคือ 11-12 , 18-19 พุธ-พฤหัสบดี 2 หน และต่อไปก็งบประมาณ ก็เท่านี้ละครับ ก็ทำเผื่ออย่างนี้เท่านั้นเอง ตกลงก็ส่งขึ้นไปขอพระราชทาน
พรรคประชาธิปัตย์ส่งตัวแทนมายื่นหนังสือที่ทำเนียบ
ก็ขอเปิดวันที่ 9 มิถุนายน และขอปิดวันงบประมาณเสร็จ เราขอเปิดเพื่อการนี้เท่านั้นเองครับ และเป็นยังไงครับเปิดเพื่อการนี้ ก็ทุกคนก็เตรียมการ ผมก็ต้องเตรียมงบประมาณ ทุกกระทรวงก็เตรียมการกันหมด ก็เกิดว่ามีท่านที่เคารพที่อยู่สภาสูง สภาล่าง สภาผู้แทนฯ ท่านเกิดต้องการที่จะยื่นญัตติ ทีแรกก็มีไมตรีดีหรอกครับ แจ้งมาบอกว่าคุณอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร และหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ จะมาหาผมที่ทำเนียบรัฐบาล จะมายื่นหนังสือ ผมบอกอย่าเลยคุณอภิสิทธิ์อยู่ที่สภาเถอะ เพราะผมต้องไปลงนามที่สภาเหมือนกัน 11.30 น. คือนัดวันนั้นนะครับ ผมจะไปรับ ไปเจอกัน และจะยื่นหนังสือ ก็ได้เจอกัน ก็ตกลงกันไว้ ไม่มีปัญหาอะไรละครับ ถึงเวลาปรากฏว่าก่อนจะถึงวันนั้น 16.00 น. คณะของท่าน ลูกน้องท่านก็ 20 คน เข้ามาเลย เดินเข้ามากัน มาถ่ายกันหรูหราเชียวละครับ ถือหนังสือมายื่น รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี (นายประพล มิลินทจินดา) ก็ลงไปรับหนังสือ ก็หนังสือที่คุณอภิสิทธิ์จะมายื่นให้ผม ซึ่งผมนัดจะไปรับเอง ปรากฏว่าพรรคพวกท่านเอามายื่นให้ทางนี้แล้ว รับแล้ว ผมก็แจ้งไปบอกว่านี่แล้วแจ้งให้คุณอภิสิทธิ์ฯ ทราบนะว่าตกลงไม่ไปแล้วนะ เพราะว่าได้รับแล้ว ก็เท่านั้นละครับ รุ่งขึ้นมีข่าวเป็นทำนองจะนั่นอีก ผมก็ต้องบอกโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี (พลตำรวจโท วิเชียรโชติ สุกโชติรัตน์) บอกช่วยแถลงทีเถอะว่าตกลงได้รับแล้วหนังสือที่จะยื่นไม่ไปแล้ว ข่าวออกมาสมัครเบี้ยวนัด ใครเอ่ยเบี้ยวนัด นัดแล้วไม่มา แล้วนี่แปลว่ายังไงครับ แปลว่าที่เขาแถลงข่าวบอกว่าได้รับเอกสารแล้ว เพราะฉะนั้น จะต้องไม่มาตามที่นัดไว้ ออกข่าวกันเหมือนทำนองว่าสัญญาว่าจะมาเขาแล้ว ไม่มา
วุฒิสมาชิกขอเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล 23 มิ.ย.
เห็นไหมครับ เรื่องเท่านี้เล็ก ๆ น้อย ๆ ยังจะต้องระมัดระวัง ไม่มา กลายเป็นคนว่าอะไรนัดเขาแล้วไม่มาตามนัด ใครเอ่ยนัดแล้วไม่มา เป็นอย่างนี้กัน นั่นคือการเสนอข่าว พอเสร็จเอาละโอเคเรียบร้อย หนังสือที่ยื่นมาบอกว่า มาตรา 179 แปลว่ามีเรื่องสงสัยอะไรต่าง ๆ ให้รัฐบาลเปิดสิและก็อภิปราย เหมือนกับเปิดอภิปรายตัวเอง ไม่มีการลงมติ ผมก็ได้รับและผมก็ดูแล้ว ผมบอกแล้วผมก็กำลังเตรียมการจะออกงบประมาณอยู่นี่ 3 วันยังไม่รู้จะชอกช้ำขนาดไหนเลย ล่อกันทุกมาตรา อภิปรายกันหมดเรียบร้อย คืออภิปรายงบประมาณจะต้องมีการถามกันเสมอเลย มีอภิปรายไม่ไว้วางใจหรือเปล่า ถามเสมอเวลางบประมาณ ก็เตรียมการกันไว้เพื่อการนี้ กฎหมายก็เดินหน้าไป วันที่ 11-12 ก็ว่ากันไป วันที่ 18-19 ก็จะประชุมกันต่ออีก วุฒิสมาชิกก็ยื่น ๆ มาเลยขออภิปรายไม่ลงมติ ยื่นมาก็ได้ ยื่นมาผมก็ ท่านประธานท่านก็รับ แต่การยื่นไปยื่นผ่านสภา สภาก็จะแจ้งให้ผมทราบ ผมแจ้งปั๊บเดี๋ยวนี้ทันสมัย ไม่ต้องให้ประธานแจ้ง เขาก็แจ้งทางข่าวบอกว่าวันที่ 23 ขอพูดเลย และคาดคั้นว่า 23 ต้องตอบ ถ้าไม่มาตอบแปลว่าหลบเลี่ยง ถ้าไม่มาตอบเห็นไหมว่าคนนี้มันแย่จริง ๆ รัฐบาลนี้ จะไม่ให้ไปต่อสู้ข้างถนน อุตส่าห์เข้ามาในสภาแล้วยังไม่ใช้สิทธิ กลายเป็นอย่างนี้ไปแล้ว
รัฐบาลเตรียมการเพื่อให้สภาพิจารณางบประมาณ 25 มิ.ย.
ผมนี่จะต้องตอบ ผมต้องตอบเป็นทางการแน่นอน ผมทราบแล้ว เพราะวันนี้ทันสมัย ตอบไปข้างนอกก่อน แต่ประธานรับแล้ว ก็อ้างเลยว่าประธานรับแล้วต้องบรรจุภายใน 7 วัน ก็บรรจุสิครับไม่มีปัญหา บรรจุ 7 วัน แปลว่าถ้าเขาอยู่ปั๊บต้องอภิปราย คือจะตีความกันแบบนั้น พรรคพวกผมบางคนก็อ่านหนังสือ เขาก็บอกว่าจะต้องให้บรรจุ จะว่ายังไง ผมบอกไม่ว่ายังไง ก็ให้ท่านบรรจุ ไม่ได้แสดงอาการเดือดร้อนต่าง ๆ คือถามมาผมก็ตอบได้ แต่ทว่าวันที่ 25 จะอภิปรายงบประมาณ ทุกกระทรวงเตรียมการกันหมดจะต้องเข้าไปอยู่กัน 2 วัน 3 คืน ก็สุดแท้แต่ กำลังดำเนินการ 25 อภิปรายงบประมาณ 23 จะขออภิปรายไม่ไว้วางใจ ท่านทั้งหลายที่เป็นเจ้าของประเทศ ท่านช่วยลองคิดสิครับว่า อะไรสมควรไม่สมควร พรรคประชาธิปัตย์ยื่นมาบอกขอให้พิจารณาตัวเองให้จัดการอภิปรายตัวเองตามมาตรา 179 ผมรับไว้ เมื่อผมไม่อภิปรายก็แปลว่าผมไม่ใช้สิทธินี้ จะใช้อย่างนั้น บอกเลยถ้าไม่นั่นจะไม่ไว้วางใจ ก็ใช้สิทธิสิครับ อภิปรายไม่ไว้วางใจ ไม่เป็นปัญหาก็ยื่นมาสิครับ ยื่นมาแล้วจะทำยังไง วุฒิสมาชิกยื่นมาก่อน ผมก็ยังรับไม่ได้ เพราะเหตุว่าผมจะต้องทำงบประมาณ จะขอ 23 พรรคประชาธิปัตย์จะขออะไรก็สุดแท้แต่ แต่มีช่องทางไหมละครับ เปิดมาเนี่ย พระราชกฤษฎีกาไม่ได้กำหนดไว้เปิดมาเพื่ออะไร เปิดมาเพราะจะอภิปรายงบประมาณนี่ละครับ เขาไม่เขียนใส่ไว้ตรงนั้นละครับ เผื่อว่าจะมีอะไรจะได้เติมได้ แต่ว่าไม่ใช่เผื่อเอาไว้ว่าไม่ไว้วางใจจะได้สอดแทรกเข้ามาได้ กำลังนี้ผมอยากให้ท่านสาธุชนทั้งหลาย ให้สังคมของประเทศชาติ ใครสนใจการเมือง ลองตรองดูสิครับว่า พรรคการเมืองนายสมัครเป็นนายกฯ หนีการอภิปรายเพราะกลัวเกรงหรือว่าเขารุกไล่กันจนกระทั่งไม่ดูตาม้าตาเรือเลย จะเอากันให้ได้ตรงนี้ ท่านจะอภิปรายไม่ไว้วางใจอ้างเลยว่าต้องไม่ใช้เวที จะเปรียบเทียบว่าข้างถนน ก็ว่ากันอย่างนั้น ทางนี้จะเอาเข้าสภา สภาก็ยังไม่รับ ถ้ามันอยู่กลางสมัยธรรมดาไม่มีปัญหายังไงก็ต้องรับครับ แต่นี่คาราคาซังกันอยู่อย่างนี้ และทำการแสดงเหมือนกัน
ยืนยันไม่ได้กลัวการอภิปรายไม่ไว้วางใจ
ผมต้องย้ำตรงนี้นะครับ ผมไม่ได้กลัว ไม่ได้เกรงท่าน บริหารมา 4 เดือนครับ 4 เดือนเท่านั้น จะโทษจะทำอะไรผิด ยังไม่ผิดหรอก ผมได้ยกตัวอย่าง ๆ เช่น จะใช้คำนี้เดี๋ยวจะว่าผมอีก แต่ผมต้องใช้คำว่า กระเหี้ยนกระหือรือ พจนานุกรมบอกไว้แล้วว่า คำนี้ไม่หยาบคาย ใช้ได้ จะเอากันละ แล้วยังไงครับ พอคิดเท่านั้นละ ความคิดดำเนินการ แน่นอนทุกอย่างจะต้องคิด ต้องแสดงอาการ ยังไม่ทันประกาศเชิญชวน ยังไม่ได้ปฏิบัติการทั้งสิ้นเลยครับ โอ้โหข้อกล่าวหามาหมด ผมถึงบอกว่าผมยิ้มได้ละครับพรรค์อย่างนี้ละก็ คือทำไมรีบร้อนรีบนั่นเหลือเกิน เขาคิดจะแก้ไขปัญหา เขาเสนอความคิดมา มันต้องเห็นชอบตามความคิดเขาก็จะเอาไปดำเนินการ โอ้โหล่อกันซะก่อนจนป่านนี้แล้ว อย่างนี้ก็เสร็จสิครับ ผมแน่ใจว่าผมทำถูกต้อง ผมต้องดำเนินการต่อไป แต่ถ้าผมทุจริต ผมก็ต้องหยุดไม่ดำเนินการ แล้วความผิดจะอยู่ตรงไหนละครับ ในเมื่อการเสนอความคิดคิดเอาละพูดแล้วต้องอธิบายให้ฟังซะตรงนี้ เดี๋ยวจะว่าไม่อธิบายก็ต้องโดดเลี่ยงในสภา
ปรับเปลี่ยนรถเมล์ร้อน ขสมก. เป็นรถเมล์แอร์ NGV ทั้งหมด
รถ ขสมก. นี่ละครับ เดิมเขามีอยู่ 6,000 คัน วิ่งไปวิ่งมาทรุดบ้างโทรมบ้าง เหลืออยู่ 3,000 กว่าคัน แต่ก่อนนี้มีพนักงาน 20,000 กว่าลดลงมาเหลือ 18,000 ก็ยืนอยู่ 18,000 รถ ขสมก.จริง ๆ วิ่งอยู่ครึ่งหนึ่ง อีกครึ่งหนึ่งให้รถร่วมมาวิ่ง ตรงนี้ก็แบ่งกันทำมาหากิน ก็ทำกันไปสิครับ รถร่วมถูกกว่าหน่อย ขสมก.แพงหน่อย สุดแท้แต่ สนนราคาเท่ากัน มีรถสีเขียวมาช่วยวิ่ง ก็เป็นระบบช่วยกันอย่างนี้ แต่ว่าตรงนี้ละครับ มีรถวิ่งอยู่ 3,000 กว่า มีคนแบกอยู่ 18,000 มันขาดทุนปีละหลายพันล้านครับ เดือนหนึ่งขาดทุนประมาณ 600 ล้าน 12 คูณ 6 72 ขาดทุน 6,000-7,000 ล้าน ตัวเลขสะสมถึงวันนี้ ขาดทุนเท่าไรครับ คือเป็นหนี้เขาอยู่ 60,000 ล้าน แล้ววิ่งไป ถ้าเผลอไปเผลอมาไม่สนใจ ก็ต้องถึงแสนล้าน ผมจำได้คลับคล้ายคลับคาสมัยที่นั่น จำได้ว่า 10,000 ล้าน 12,000 ล้าน 15,000 ล้าน บัดนี้มาดูตัวเลขตอนผมโผล่เข้ามา 60,000 ล้านครับ คนที่เขาคิดเขาจะต้องดูแลรับผิดชอบ เขาก็ลองดูสิเกิดอะไรขึ้น ก็ถึงว่าเอาวิกฤตเป็นโอกาสที่เขาชอบใช้กันเนี่ย คือเวลานี้รถเติมน้ำมันดีเซล น้ำมันดีเซลลิตรหนึ่งเกือบจะ 40 บาทอยู่แล้ว แต่ถ้าหากว่าใช้แก๊ส NGV ราคา 8.50 บาท 10 กว่าบาท สุดแท้แต่ มันน้อยกว่าประมาณ 3 เท่า เขาก็คิดอ่านกันว่าถ้าจะเปลี่ยนองคาพยพ พูดง่าย ๆ ว่ารถทั้งหมดหมดสภาพการใช้งานหรือทรุดโทรมอะไรสุดแท้แต่ เขาจะโละออกไปทั้งหมด แปลว่าต่อไปนี้ ขสมก.จะไม่มีรถร้อน ไม่มีรถอะไรแล้วครับ จะวิ่งกันรถแอร์ทั้งนั้น เป็นรถแอร์ทันสมัย และที่ทำได้เพราะใช้แก๊ส เมื่อรถแอร์ใช้แก๊สแล้วราคาก็ถูก เมื่อถูกแล้วจะมีกำไรที่จะสามารถเอาไปเลี้ยงตัวได้ และทำอะไร ก็เอามาคืนให้ประชาชนตรงที่ว่าทำเป็นบัตรเขาเรียกเป็นการ์ด แบกพนักงานไว้ 18,000 เขาจะออกซะครึ่งหนึ่งให้เออร์ลี่รีไทม์ จะหาเงินมาจ่ายให้เป็นที่พอใจ
ขสมก. ใช้ระบบตั๋วอิเล็กทรอนิกส์เพื่อประหยัดราคาค่าโดยสาร
ต่อไปนี้ใครขึ้นก็มีบัตรมีการ์ดเสียบ คนธรรมดามีตั๋วเดือนขึ้นได้ทั้งวัน เมื่อไรก็ได้ เขาประมาณไว้ 900 บาทก็เสียบเข้าไปได้ นักเรียน นักศึกษา โตหน่อยก็เอา 600 บาท นักเรียนเล็กจะเอา 300 บาท ถ้าคนที่เป็น senior citizen เรียกให้โก้เป็นภาษาฝรั่งก็ประชาชนที่อายุมากแล้ว ผู้สูงอายุจะเอา 450 บาท แปลว่าทุกอย่างคิดทอนลงมาแล้วถูกทั้งนั้น ขึ้นได้ทุกวัน 30 วัน คิดทอนมาแล้วก็ถูก เขาทำอย่างนี้ได้เพราะว่าเขาจะลดพนักงานลงไป เขาใช้ตั๋วอิเล็กทรอนิกส์ ทำไมต้องทำอย่างนี้ครับ ดัดจริตไหม ทันสมัยไหม ไม่ทำไม่ได้หรอกครับ เพราะการสอบสวนของเขาบอกว่า น้ำมันลักลอบเอาไปขายได้ แต่ว่าแก๊สลักลอบไม่ได้ครับ ใส่แก๊สเติมเข้าไปแล้วลักลอบไปขายไม่ได้ แต่น้ำมันถ่ายไปขายได้ ใครจะว่ายังไง ตั๋วทำไมใช้อิเล็กทรอนิกส์ เพราะเวลาตั๋วเขาเรียกภาษาขี่ช้าง เพราะฉะนั้น ยังไง ตั๋ว 10 ใบ ขายได้ 12 ใบ ทำแล้วให้มันเหลื่อม ๆ ได้ 12 ก็ขี่ช้าง แล้วได้สตางค์ อย่างน้อยได้กำไร 2 คน สมมติถ้าคนละ 8 บาท ก็ได้ 16 บาท เขาทำอย่างนี้ เขาก็ทำกันแบบนี้ เพราะฉะนั้น ที่เขาป้องกันกันทั้งหมด เขาคิดให้ฟัง เขาบอกว่าถ้ารถเป็นอย่างนี้ รถติดแก๊สทั้งหมดสามารถบริการได้อย่างนี้ และต้องมีการขู่เข็ญกันเลยว่า พวกรถร่วมก็หากินของคุณต่อไป แต่คุณควรจะพัฒนา คุณจะต้องคิดแก๊ส ไม่อย่างนั้นคุณสู้ทางเราไม่ได้ คุณจะต้องดูราคา คุณจะต้องปรับปรุง คุณไม่ปรับปรุงคุณก็แบบนั้น คุณวิ่งได้ ก็พูดกันไว้ชัดเจนเท่านี้ละครับเป็นความคิด เสนอความคิด สำนวนเขาเรียกว่าโยนหินถามทาง ทำนองนั้นละครับ โอ้โห ขอประทานโทษเถอะ ถ้าเวลาอย่างที่เขาเรียกว่าเอาไก่ลงไปโยนที่ฟาร์มจระเข้ ที่ยังไม่ทันถึงน้ำ โดดงับเลย ทันทีเลย อะไรก็ตามแต่ ใครเลี้ยงสุนัขอยู่รู้จักเลย มันคล่องแคล่วอะไรต่างๆ โยนปั๊บไม่ถึงดินกระโดดงับเลยทันที ผมก็ไม่กล้ามาใช้กับสำนวนคน นี่เลียบให้ฟังว่าเวลาโยนเขาเป็นอย่างนั้น
มีการกล่าวหาได้รับเงินจากการเช่ารถมาวิ่ง 6,000 คัน
การโยนหินถามทางมีคนจัดการทันทีเลยครับ โอ้โหบอกแสดงหลักฐานครบถ้วนหมดเรียบร้อยเลย แล้วข้อกล่าวหาเป็นยังไงครับ ข้อเท็จจริงคือเขากล่าวหาว่ารถเนี่ยได้คันละ 1 ล้านบาท ผมได้ 2,000 ล้าน 6,000 คัน ผมได้ 2,000 ล้าน คุณหญิงพจมาน ชินวัตร ได้ 2,000 ล้าน คุณเนวิน ชิดชอบได้ 2,000 ล้าน คนวิ่งเต้นคิดอ่าน ทั้งหมดนี่ละครับรถ 6,000 คันได้คันละล้าน แล้วจะได้มาจากไหน ในเมื่อข้อหลักการเพราะว่าเวลาเขาเช่ารถมาวิ่ง เขาเช่าคันละ 5,000 ในหลักการเขาก็จะเช่าเหมือนกัน คือเช่าราคาเหมือนเดิมแต่เอามาแล้ว มาปรับปรุงองคาพยพได้ ก็เช่ารถนะครับ ไม่ได้ซื้อรถ และยังไงครับ ไปเช่ารถเขา ๆ ตกลงให้คันละล้านบาทเหรอ จ่ายค่าเช่าให้คันละล้านเหรอ มันเกินไหมครับ พูดกันเสียให้ชัดเจนเลย ก็ขอบคุณละครับอุตส่าห์รีบร้อนจะจัดการ จะนั่นไป นี่ละครับอธิบายความอย่างนี้ ผมไปเปิดสภาที่จะอภิปราย ไม่ใช่เรื่องนี้เรื่องเดียวนี่ครับ ร้อยแปดพันเก้าต้องเอาศัพท์มาโขกกัน ผมย้ำเลยนะครับว่างบประมาณ 2 วัน 3 วันข้างหน้านี้ ไม่รู้จะชอกช้ำขนาดไหน แต่ต้องทำเพราะเป็นหน้าที่ ผมย้ำให้ฟังเวลาที่พูดไปพูดมาโดนมาก ๆ เข้า นักการเมืองฝ่ายรัฐบาลจะต้องร้องถามบอก นี่อภิปรายงบประมาณหรืออภิปรายไม่ไว้วางใจครับ แล้วก็หัวเราะกันครื้น ๆ เป็นทำนองอย่างนั้น
ไม่ขยายเวลาเปิดประชุมสภาสมัยวิสามัญออกไป
นั่นละครับกำลังจะทำวันที่ 25-26 อาจจะคาบไป 27 ถ้าเขาต้องการมากกว่า เสร็จแล้ววันที่ 23 วุฒิสมาชิกขออภิปรายไม่ไว้วางใจ มันไหวไหมครับ พรรคประชาธิปัตย์บอกว่าให้คิด 179 ให้ทำเอง ผมก็บอกว่ายังไม่ทำ จะยื่นเลย ก็ต้องให้ยื่นสิครับ ก็ยื่นมา และทำยังไง กฎหมายบอกว่ายื่นแล้วต้องบรรจุ อภิปรายไม่ไว้วางใจเป็นเรื่องด่วน แล้วถามว่างบประมาณไม่ด่วนเหรอครับ งบประมาณก็ด่วน ไม่ไว้วางใจก็ด่วน และทำอะไรก่อนครับ ไม่ไว้วางใจก่อนเหรอครับ แล้วขยายเวลางบประมาณออกไป ผมไม่ทำหรอกครับ เปิดมาเขาปิดไปเรียบร้อยแล้ว เปิดปิดทำไว้เสร็จเรียบร้อยหมดแล้ว ถึงเวลาต้องปิดครับ เขาทำเขาก็ทำกันอย่างนี้ ผมก็ทำตามแบบฉบับ เพียงแต่คราวนี้เปิดโอกาส กฎหมายฉบับนี้ ๆ ถ้าไม่ทำภายใน 180 วันเดี๋ยวจะต้องผิด ก็เลยต้องเปิดให้ทำเสียก่อน แล้วงบประมาณก็สุดท้าย ไม่มีอะไรผิดปกติในทางการเมืองเลย ที่ผิดปกติคือว่าขออนุญาตใช้เป็นหนที่ 2 นะครับ กระเหี้ยนกระหือรือจะเอากันให้ได้ กระเหี้ยนกระหือรือจะเปิดอภิปรายให้ได้ และถ้าไม่ยอมเปิดแปลว่าไม่ทำตามกติกา บอกว่าเขาด่าว่า เขาเล่นกันข้างถนน อุตส่าห์จะเอามาในสภา ถึงในสภาก็ไม่ยอม ถ้าถามว่าเป็นพรรคประชาธิปัตย์ ผมเป็นฝ่ายค้านยอมไหม สภาพเดียวกันนี้บอกประชาธิปัตย์เป็นรัฐบาลอยู่เวลานี้ สภาพอย่างนี้ยอมเปิดไหมครับ ผมไม่ได้ดื้อร้น และผมไม่ได้คิดว่ากลัวเกรงเลย 4 เดือนยังไม่ทำอะไรผิดพลาดหรอกครับ อย่างเมื่อกี้นี้พอเริ่มต้นโยนหินถามทางว่ารถเมล์จะปรับปรุงอย่างนี้ ก็เท่านั้นละครับกระโดดเข้ามา ข้อกล่าวหายังดีอยู่ในเว็บไซต์นะครับ ที่เมื่อกี่นี้ 6,000, 3,000, 2,000 อยู่ในเว็บไซต์ ลงฉบับไหน ผมซัดทันที ถ้าเอามาพิมพ์กล่าวหาในหนังสือพิมพ์โดนซัดทันที กำลังให้ตรวจสอบอยู่ มันอะไรกันนักหนาละครับ นี่ละครับเลยจำเป็นต้องอธิบายความให้ฟังเสียก่อน
6 พรรคร่วมรัฐบาลนัดทานข้าวเป็นเรื่องธรรมดาปกติ
ครบถ้วนนะครับ ผมคิดว่าหัวหน้าฝ่ายค้าน นักการเมืองฝ่ายค้านทั้งหลาย ท่านสาธุชน ท่านเจ้าของประเทศ ผมต้องอธิบายอย่างนี้เอง เพื่อเข้าหูท่าน ท่านใช้วิจารณญาณของท่าน และต่อไปนี้ใครจะไปบิดเบือนยังไงก็สุดแท้แต่ ต้องขอลากเอามาวันนี้ละครับ ต้องพูดกันวันนี้เพื่อว่าฟังพร้อมกันเข้าใจพร้อมกัน รู้เหตุผลพร้อมกัน และทางฝ่ายค้านจะทำยังไงก็สุดแท้แต่ ผมไม่ว่าละครับ ให้ไปกล่าวหายังไงว่าผมทำผิด ผมทำขัดอะไรว่ามาเลยไม่มีปัญหา แต่ว่าต้องบอกตรงนี้ว่าไม่ได้คิดจะกลัวเกรงอะไรเลยครับ ตอบคำถาม คนปากจัดพรรคโน้นมี ทางผมก็มีคนปากจัด จะซัดยังไงก็ซัดได้ครับ ไม่ได้ท้าทายหรอกครับ พรรคการเมืองนี้ถ้ากรอกแกรกๆ ยังไงจะรวมกัน นักการเมือง 6 พรรคก็ขอรวมกัน วันนั้นเขาไปคุยกัน ก็เรื่องไปเปิดเผย ก็ไม่เปิดเผย ไปกินข้าวคุยกัน ผมแสดงความไม่พอใจ ตอบข้อข้องใจเสียหน่อย ผมโทรศัพท์นัดกันว่า 5 พรรคไม่ได้บอกใครเลย และผมเลือกเวลา เลือกวันอังคาร มีประชุม ครม. เสร็จแล้วผมก็จะปลีกตัวไป ผมก็นึกว่านั่งคุยกัน 6 คนสบาย ๆ เลือกชั้น 32 เพื่อนึกว่าทางโรงแรมเขาก็คงไม่ให้ใครขึ้นไปยังไง เช้ามามีคนบอกแล้วครับ ประชุมผมก็ไม่ตอบคำถาม โผล่ขึ้นไปถึงเวลานัด คนเต็มหมด คนจะไปคุยกัน 6 คน 8 คนเท่านั้นเอง คน 8 คน ก็มีท่านบรรหาร (นายบรรหาร ศิลปอาชา หัวหน้าพรรคชาติไทย) เอาคุณสนั่น (พลตรี สนั่น ขจรประศาสน์) ไปด้วย รัฐมนตรีผู้หญิง (นางอนงค์วรรณ เทพสุทิน) เอาคุณบรรยิน (พันตำรวจโท บรรยิน ตั้งภากรณ์) ไปด้วย ทั้งหมดมีคน 8 คนเท่านั้น ตรงที่หนาแน่นกันหมด ผมแสดงความประหลาดใจไหมครับ ผมมองในสายตาของผมว่าคุณขึ้นกันมาทำไม ทำได้ยังไง ทำไมใครปล่อยให้คุณมาอย่างนี้ และทำไมคุณไม่ได้คิดอะไรต่ออะไรนั่นเลย จะเอาให้ได้ เหมือนฟ้าจะถล่มดินจะทลาย ถ้าหัวหน้าพรรคการเมือง 6 พรรคกินข้าวกันเมื่อไร แปลว่าโลกจะปริหรือยังไง รอยเลื่อนตรงไหนมันจะเลื่อนยังไงใช่ไหม เกินไปครับ ผมก็เลยมองซะหน่อยว่าเป็นยังไง โอ๊ยโดนด่าอีกครับ ไปเขียนด่าผม อ้างชาร์ลี แชปลิน อ้างโน่นอ้างนี่ คนที่เขียนขาประจำที่ด่าน่ะละครับ หน้า 3 หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ เกลียดกันมาตั้งแต่ยุคไหนก็ไม่ทราบ ผมก็ไม่ทราบได้ เอาไปด่า ๆ เสร็จแล้วก็มาด่า ลงข้างท้ายด่าผม
วันก่อนเหมือนกันเรื่องผู้ดี ก็ยกย่องอาจารย์คึกฤทธิ์ ปราโมช ยกย่องคุณอานันท์ ปันยารชุน แล้วก็เหยียบย่ำผม ลงข่าวว่าคุณอานันท์ฯ ลูกพระยา ผมก็ลูกพระยาครับ แตกต่างกันตรงไหน คุณอานันท์ฯ มีลูกสาว 2 คน ผมเคยกระเซ้าท่าน ท่านมีลูกสาว 2 คน ผมก็มีลูกสาว 2 คน แต่ผมเก่งกว่า ผมออกทีเดียวมาด้วยกันฝาแฝด ทำยังไง พ่อผมพระยาเหมือนกันครับ แต่คุณตาก็พระยา เอ้าว่ายังไง คุยอย่างนี้เอาแล้วเป็นเหยื่อแล้ว จะต้องเขียนวิพากษ์วิจารณ์ เคยไปพูดเรื่องราชอิสริยาภรณ์เข้าหน่อย โอ้โหด่ากันยังไม่จบจนวันนี้ เพราะฉะนั้น ผมต้องแบบนี้ละครับ ก็เขียนว่าผม เหมือนกับผมเป็นยังไง เป็นหัวหลักหัวตอให้สับโขกเล่นได้ เกลียดชังกันมาขนาดไหนครับ ด่าเอาว่าเอา เขียนอะไรก็ตามแต่ แม้กระทั่งมองหน้าก็หาเรื่องเอาไปด่า เป็นทำนองเหมือนกับคนบ้ามามอง อย่างชาร์ลี แชปลิน ดี คนหน้าขาว คนอะไรพูดไม่ออกเสียง ตัวละครใบ้ ผมก็โดนด่า ผมก็ต้องตอบโต้บ้างตามสมควร ผมไม่ใช่พระอิฐพระปูน ก็สุดแล้วแต่จะเอาอย่างนั้นก็ ไม่รู้เกลียดชังกันมายังไง ด่าทุกวัน ด่าเอาด่าเอา เขียนไปอย่างโน้นอย่างนี้ ก็เอาซะบ้างตามสมควร ผมก็ไม่อยากพูดหรอกครับ อย่าไปด่าสื่อ สื่อเขาดีกับเรา ดีก็ดีสิครับ ดีผมก็ขอบคุณ แต่ไม่ดีผมต้องอธิบายให้ฟังบ้างตามสมควร เอาละครับ ท่านเข้าใจเรื่องนะครับ ต้องขอเวลาเกินมาแล้ว 40 นาที
เชิญชวนคนไทยหันมาบริโภคกระเทียมไทย
ขอใช้เวลาตรงนี้ จะเลื่อนมาตรงนี้ให้ดูครับ สิ่งที่ผมควรจะต้องพูดกับท่านทั้งหลาย มาตรงนี้ เมื่อเช้านี้ผมออกแต่เช้ากว่าธรรมดา ออกเร็วกว่าครึ่งชั่วโมง วันนี้ทำอะไร จะมาเปิดรายการ “ชิมไป บ่นไป” เหรอครับ ไม่ละครับ ผมไม่ได้มายั่วกิเลสใครยังไง แต่ทว่าเมื่ออาทิตย์ที่แล้ว คนนี้เขามาหา กระเทียมเชียงราย กระเทียมศรีสะเกษ นี่กระเทียมไทยนะครับ กระเทียมมาร้องทุกข์ ทำยังไงปิดถนน กระเทียมปิดถนนและบอกเลยบอกว่าเขาจะรับซื้อแค่ 15 บาท 18 บาท มาขอ 23 บาท ทำยังไงไม่อย่างนั้นปิดถนน เชียงใหม่ แม่ฮ่องสอน ติดต่อกันไม่ได้ ดูในข่าวแล้ว ผมก็ต้องมาพิจารณาดู อยากให้ท่านผู้ชมทราบนะครับ อันนี้แห้งแล้วนะครับ อย่างกระเทียมนี้เป็นจุก เรียบร้อยดีมาก นี่กระเทียมไทยนะครับ ถ้าคนอื่นชาติอื่นเขาโตกว่านี้ โตเบ้อเร่อเท่อ แกะออกมาแล้วเป็นอย่างนี้ครับ ถ้าเชียงใหม่เล็กกว่านี้นิดหนึ่ง นี่เชียงราย แม่ฮ่องสอน ตัวเหตุนะครับ เขาบอกว่ารับซื้อแค่ 15 อย่างดีได้ 18 เขาอยากได้ 23 คิดเลขในใจนะครับ ต้องคิดทันทีนะครับ และต้องแสดงให้เห็นว่าเราไม่ได้หลับหูหลับตา ไม่ใช่ให้ใครเขาด่าเอาอีก 23 บาทเวลากระเทียม 1 กิโลกรัมสดที่ไปซื้อ 23 บาท เป็นกระเทียมแห้งออกมาอย่างนี้ใช้เท่าไรทราบไหมครับ 3 ต่อ 1 100 กิโลฯ ได้ 35 กิโลฯ 3 ต่อ 1 ครับ เพราะฉะนั้น ซื้อเขา 23 เท่ากับซื้อ 69 นี่เคราะห์ดีนะครับว่ากระเทียมดีแพงขึ้นมา แต่ก่อนนี้กระเทียมชาติอื่นเขาขายโลละ 45 บาท แกะแล้ว ของเราขายโลละ 70 บาท กำลังนี้ของเราขึ้นมากิโลฯ ละ 90 บาท กระเทียมศรีสะเกษกิโลฯ ละ 100 บาท ขายอยู่ตลาด ก็ดีนะครับ หอมมีกลิ่นแรง ฝรั่งจะชอบใช้กระเทียมไม่มีกลิ่น ก็เรื่องของฝรั่ง จีนจะใช้แบบจีนก็นั่น ที่เป็นผักฟ่าม ๆ แต่ของเรากินเป็นกลิ่น กึ่งเครื่องเทศ
เพราะฉะนั้น ผมเอากระเทียมมาให้ดูเพื่อจะบอกว่า ซื้อเขาไว้ 69 และเวลาจะขายจริง ๆ แล้วลงไปก็ต้องเหลือ 23 เท่านั้น จริง ๆ ซื้อไว้ 23 3 หนถึงจะเหลือก 1 กิโลฯ แปลว่า 1 กิโลฯ ที่แห้งเท่ากับ 69 เวลานี้ราคาของศรีสะเกษดีที่สุดคือ 100 บาท ราคาเชียงใหม่ เชียงราย กำลังนี้ 80-90 บาท เรายังพอมีกำไรครับ แต่ต้องอธิบายให้รู้ไว้ว่า วันนี้จะมาชวนให้ท่านทั้งหลายไปกินกระเทียม แล้วต้องกระเทียมไทยด้วยนะครับ ดีกว่ากระเทียมเทศไม่รู้เท่าไร ๆ ละครับ ผมยืนยันนะครับ ท่านซื้อกระเทียมอย่างนี้ครับ มีจุกมัดอย่างนี้ ไม่ใหญ่โต ซื้อแกะแล้วดีกว่าครับ นี่กระเทียม 1 กิโลฯ มาขนาดไหน นั่นก็ 1 กิโลฯ แกะได้ทำได้ ขอเรียนให้ทราบว่าวันนี้มาชักชวนเพราะอะไรครับ เพราะว่าชอบไปซื้อกระเทียมต่างชาติ ผมก็กลัว WTO (องค์การการค้าโลก) จะมาว่าผมไม่ออกชื่อละครับ หัวโตใหญ่ ๆ ซอยง่าย พวกกุ๊กพวกคนทำเขาชอบ แต่คนไทยเราถ้าทำกับข้าวเอง ซื้อเอง แม่ครัวทั้งหลายฟังไว้ต้องใช้กระเทียมอย่างนี้ครับ รสชาติดีแต่ว่าฉุนมีกลิ่น
อธิบายวิธีการทำน้ำพริกต้องใส่กระเทียมไทย
เพราะฉะนั้น วันนี้เอามาทำไม ผมไปเมื่อเช้านี้ ผมใช้เวลาครึ่งชั่วโมง มาก่อนเวลาครึ่งชั่วโมงแต่มาสถานีครับ ผมไปซื้อเมื่อกี้นี้ แม่ค้าถามทำไมมาเร็ว วันนี้ไม่ได้มาชิมไป บ่นไป แต่จะบอกให้ฟังว่ากระเทียมเป็นของที่เรียกว่า ดูถ้าตำน้ำพริกก่อน น้ำพริกถ้วยนี้ น้ำพริกกะปินะครับ กระเทียมส่วนหนึ่ง นี่กะปิดี น้ำตาล น้ำปลา มะนาว พริกขี้หนู เห็นไหมครับ แล้วก็มะเขือพวง โบราณใส่มะอึก วันนี้ไปเจอมะอึกเลยซื้อมาให้ดู เด็กไม่รู้จักมะอึก นี่สำหรับใส่น้ำพริกนะครับ ต้องขูดขนออกก่อนนะแล้วหั่นซอย ๆ ๆ ๆ เดี๋ยวนี้มะอึกหาไม่ได้ ก็ใส่มะเขือพวง เด็ดเสียก่อนแล้วบุบให้มันแตกหน่อย แล้วก็มะนาว เห็นไหมครับ นี่คือน้ำพริก ซื้อแล้วยังไง วันนี้เอามาอวดหน่อยไม่ได้ทำกับข้าว เลิกทำ
ดูนี่น้ำพริกปลาทู ผักทอด ชะอมชุบไข่ทอด มะเขือชุบไข่ทอด สำเร็จรูปซื้อมาให้ดูเลยนะครับ นี่ผักดิบ ผักสด ครับ ทีนี้ดูนี่ เป็นผักต้ม กะหล่ำปลีต้ม มะระขี้นกต้ม ดอกสลิดหรือเรียกดอกขจร ดอกแค กระเจี๊ยบ ถั่วฝักยาว นี่ผักต้มนะครับ นี่ผักดอง ผักเสี้ยน ผักหนาม หัวหอมดอง ต้องมาด้วยกัน 10 บาทเท่านั้นนะครับ นี่ผักดิบ กระถิน ถั่วฝักยาว หน่อไม้ลวก ขมิ้นขาว มะเขือ ผักดิบ ผักสด กินผัก นี่เอามาให้ดูเพื่อจะบอกว่านี่หัวใจอยู่ตรงนี้ครับ กระเทียมต้องกระเทียมไทย กระเทียมดี กะปิดี น้ำตาลต้องอย่างนั้นครับไม่เปรี้ยว นี่มะนาวอย่างนี้เปรี้ยวแท้ ๆ มะเขือพวงให้ดูหน้าตาดีอย่างนี้หน่อย พริกขี้หนูอย่างนี้ครับ เม็ดโตนิดหนึ่ง ต้องการให้เผ็ดมากโขลกแรง ๆ เผ็ดน้อยโขลกเบา ๆ เห็นไหมครับ กระเทียมหัวใจมันอยู่ในนี้ครับ ที่มาโฆษณาคงไม่มีใครว่าทำอะไรนะครับ
ทีนี้กระเทียมทำอะไรอีกครับ กระเทียมกินสด ๆ ปอกแล้วใส่ปากเหรอครับ อย่าทำอย่างนั้นครับ เอาอย่างนี้เชียงราย ปอกแล้วหั่นกระเทียม เอาขนมจีนมาวาง ขิงซอย มะนาว วางให้ดูใหม่ พริกขี้หนู เอาให้เผ็ดหน่อยเอาอันนี้ พริกป่น กุ้งแห้งป่น น้ำตาล ยกมาให้ดูเลยวางอย่างนี้ แล้วกะทิก็เอาไปเคี่ยวให้แตกมันเสียหน่อยเท่านั้น เห็นไหมครับ นี่เขาเรียกว่าอะไรครับ ขนมจีนซาวน้ำ ขนมจีนใสปั๊บเอานี่โรยไป กระเทียมหั่น ขิงโรย กระเทียมโรย กุ้งแห้งป่นแล้วโรย พริกป่นใส่ตามชอบ พริกขี้หนูอันนี้เผ็ดหน่อยเม็ดเล็ก มะนาวแก้มหนึ่งบีบ น้ำปลา วันอาทิตย์ใครไปซื้อมีขนมจีนซาวน้ำครับ อร่อยแน่นอนครับ มีโปรตีนอยู่ที่นี่ สายตาอยู่ที่นี่เผ็ด ไขมันอยู่ที่นี่ คาร์โบไฮเดรต นี่เป็นพวกประเภทเครื่องเทศ คือกระเทียม ดีขนาดไหน แต่ว่าใครทำกับข้าว ผมจะบอกให้ฟังครับ หัวใจอยู่ตรงนี้ครับ กับข้าวไทยไม่ต้องใส่ผงชูรส นี่ไงครับ รากผักชี เอามาให้ดูเด็กไม่เคยเห็นกระเทียมพริกไทย ต้มอะไรหม้อหนึ่ง เอากระดูกหมูต้มน้ำเปล่า ๆ ใส่น้ำปลาก็กินได้ครับ ขาหมูหั่นใส่น้ำปลากินได้ อะไรที่ต้มเป็นน้ำซุป แต่น้ำปลากินได้ทั้งนั้น แต่ทว่าเขาก็ไปใส่ผงชูรสกัน กำลังนี้ นี่คือผงชูรสไทย รากผักชีเอามาหั่นขวาง จะได้เป็นเสี้ยน หั่นละเอียด รากผักชี พริกไทย 3 อย่างโขลกละเอียดเลยครับ แกงหนึ่ง หม้อผักหนึ่ง ช้อนโขลกลงไป กระเทียมสัก 10 กลีบ พริกไทยสักช้อนโต๊ะ รากผักชี 4-5 ราก อย่าไปทั้งเป็นเสี้ยน หั่นขวางและโขลกให้ละเอียด ใส่ไปในหม้อน้ำซุป นี่คือผงชูรสไทยครับ อร่อยกว่าหลายขุม เติมน้ำปลาเข้าไปหน่อยเดียวเท่านั้นเอง
เอามาคุยให้ฟังเพื่อจะบอกว่า เอากระเทียม ทำไมเดี๋ยวนี้ เขาก็เกิดมากระเทียม 10 กลีบนั้น มีนะครับ เดี๋ยวนี้ต้องกระเทียมโทน ไปปลูกกระเทียมโทนกัน ไปดูเถอะครับ ให้แพงขึ้นไปอีก ไปคัดแต่กระเทียมโทน คือกระเทียมหัวเดียวกลม ๆ อันเดียวอย่างนั้น กระเทียมกลม ๆ เป็นตุ้มเรียกกระเทียมโทน เขาก็เอาไปทำกระเทียมดอง เห็นไหมครับ คนเอาไปทำยา เขาก็เอากระเทียม 1 กิโลฯ มะนาว 25 ลูกบีบใส่กัน ไปทิ้งให้เฟอร์เม้นท์ และเอาน้ำมากิน เขาบอกว่ารักษาโรคได้ ไปหาดูรายละเอียดแล้วกันครับ
วิธีการซื้อขายกระเทียมของชาวไร่กระเทียมในบางภาค
เพราะฉะนั้น ที่พูดกันนี่อุดหนุนหน่อยเถอะครับ 23 บาท เพื่อไม่ให้เขาปิดถนน ขู่เข็ญนะครับ จะขู่ไม่ขู่ดูแล้วนึกถึงทางภาคอื่นเขาทำกัน ภาคอื่นเขาทำยังไง ภาคอื่นเขาทำอย่างนี้ครับ เขาจะซื้อของนี่ พอออกมาเยอะปั๊บซื้อเลยครับ โลละ 13 โลละ 14 ซื้อหมดเลยครับ ชาวบ้านต้องเซ็นชื่อใครเป็นเจ้าของ ซื้อหมดละครับ 13,14 แล้วเก็บไว้นะครับ เสร็จแล้วก็ปิดถนน วันเสาร์-วันอาทิตย์ปิดถนนเลย วันจันทร์เข้ามากรุงเทพฯ วันอังคารเข้าครม. ครม.อนุมัติ 500 ล้านไปซื้อ 500 ล้านไม่สูญเปล่านะครับ เสร็จแล้วไปซื้อ 17,18,19 บาท ซื้อมา 13-14 บาท นี่ละครับ ซื้อ 17,18,19 กำไรทันทีครับ มีเรียบร้อยไหม ซื้อกันมีบัญชีเสร็จเลย ชื่อคนนั้น ๆ เจ้าของเสร็จ ต้องซื้อกับราษฎร เสร็จเรียบร้อยแล้วยังไง ใส่โกดังเก็บไว้ครับ พอถึงหน้าขาย ๆ เท่าไร ขาย 27 ขายหมดครับ 27 แต่ว่าของไม่ไปครับ 27 ของไม่ไป นั่นขายปลอมนะครับ มีคนจ่ายไหมครับ จ่ายเงินครับเรียบร้อยเลยครับ เสร็จแล้วพอถึงขายจริง ๆ เขาเรียกว่า user จริง ๆ พวกพรรค์อย่างว่ายี่ห้อนี้ ๆ นี่ละครับ 32 เห็นไหมครับซื้อไว้ 13-14 ปิดถนนปั๊บ 2-3 วันเสร็จ ตรงเข้ามา ครม.อนุมัติไปเลย 500 ล้าน เสร็จแล้วไปก็ไปซื้อ ๆๆๆๆ กำไร 4-5 บาทเท่านั้น ต่อกิโลฯ ซื้อ ๆๆ เสร็จเรียบร้อยเก็บเข้าโกดัง ถึงหน้าขายราคาขึ้นแล้ว เคยขาย 27 ได้เงินคืนรัฐบาลเรียบร้อย ไม่เสียหาย 27 แต่ขายจริงขาย 32 นี่เขาเรียกกินหัวกินกลางตลอดตัว
ขอให้ช่วยกันอุดหนุนซื้อกระเทียมไทย
อย่างนี้ละครับ ผมมาคิดบอกว่าคุณสมัครยี่ห้อเดียว ผมบอกอย่า ๆๆๆๆ ผมไม่คิดว่าทางราษฎรภาคเหนือจะประพฤติอย่างภาคอื่นที่เขาทำกัน ใครจะคิดทำอย่างนั้น ผมบอกเราใช้มาตรการเดียวกับเรื่องข้าว แปลว่าต้องเป็นเกษตรกร ไปซื้อมาเก็บไว้แล้วทำอย่างที่ว่านี่ ซื้อ 14-15 มาขาย 18-19 ปิดถนนรัฐบาลให้เงินไป คราวนี้รัฐบาลไม่ให้เงินละครับ บอกให้ไปซื้อตามราคาที่ขอมา ใครซื้อตามนี้ ยอมเลยครับ ซื้อไม่ได้โง่ เดี๋ยวจะว่าโง่ บอกว่าตรวจสอบก่อนครับ 1 ต่อ 3 ซื้อไว้ 100 กิโลฯ จะได้กระเทียมแห้งอย่างนี้ได้ 35 กิโลฯ เพราะฉะนั้น เท่ากับซื้อ 69 ครับ แต่ว่าเคราะห์ดีกำลังนี้ราคากระเทียมในตลาดขึ้นมา 80-90 ศรีสะเกษมาเป็นวุ่นยังไม่แกะนะครับ 100 บาท ไป ดู อ.ต.ก.สิครับ ผมนับดูเมื่อกี้ยาวประมาณสัก 5 เมตรสูงประมาณสัก 2 เมตร กว้าง 2 เมตร กระเทียมทั้งนั้นเลยครับ แม้แต่ราษฎรเขาทำ ผมชอบตรงนี้ เขาทำอย่างนี้ให้ดูรู้เลยครับ นี่ ๆ ไทยแลนด์แดนศิวิลัย มาอย่างนี้เลยครับ ก็ขอร้องนะครับ วันนี้ขอร้องให้ท่านทั้งหลายช่วยกันกินกระเทียมหน่อย กระเทียมเขาเอาไปทำใส่แคปซูลก็มี มีทั้งนั้นละครับ แต่ข้อสำคัญสุดขอให้กินกระเทียมไทย ให้ซื้อกระเทียมไทย แล้วอุดหนุนกระเทียมไทย นี่สำคัญนะครับ พ่อบ้านแม่เรือนทั้งหลายทำกับข้าวกินเองนี่ครับ รากผักชี กระเทียม พริกไทย นี่คือผงชูรสไทยไม่ต้องใส่ผงชูรสเลยครับ กระเทียมดีตำน้ำพริกออกมาดี ตลาดเขาใช้พริกเม็ดใหญ่ไปอีกแบบหนึ่ง เขาต้องการให้สีสันสวย จริง ๆ ใช้อันนี้ครับ อย่างนี้ครับ พรรค์อย่างนี้นะครับ หน่อไม้ต้ม ไม่ต้องปลาปูหรอก ไอ้นี่จิ้มไอ้นี่ก็อร่อยแล้วครับ ข้าวร้อนๆ มา ชมว่าร้านนี้เขาเก่ง ใส่แล้วก็คลุกข้าว ไข่เค็มลูกหนึ่งผ่าออกมาก็ใช้ได้ ไข่เจียวโปะลงไปก็อร่อยแล้วครับ ดีหน่อยมีหมูทอดกระเทียมพริกไทยยิ่งดี กุ้งยิ่งดียิ่งแพง อร่อยทั้งนั้นละครับ
แต่ว่าที่ดีคือว่าดูเศษเนื้อ เศษหมู ที่เขาทิ้งไว้ เมื่อวานไปถามที่เชียงใหม่ ประหลาดนะครับ สมัยผมเด็ก ๆ เนื้อวัวกิโลฯ ละ 15 เรากินไม่ได้นะ 15 แพง เขาก็แล่ ๆ เนื้อวัวเขาต้องเอาเนื้อล้วน ๆ เศษหนังพังพืดต่าง ๆ เขามากองไว้ 3 บาทเท่านั้นละครับ เศษ ๆ 3 บาท และความจนนี่ละครับ เอาเศษไปต้มกับหอมใหญ่ มันฝรั่ง มะเขือเทศ ต้ม ใส่รากผักชี กระเทียม พริกไทย แบบไทย ต้มอย่างนี้ครับ เขาเรียกว่าเป็นซุป แต่ใช้เศษเนื้อโลละ 3 บาท เศษเนื้ออันนี้ความจนเอาไปบด เข้าเครื่องบด ตลาดมีเครื่องบด ซึ่งตอนนั้นย่านตลาดบางลำพูเครื่องบด พอบดเสร็จเขาเอาผักชี ยี่หร่าคั่ว เสร็จแล้วก็โขลกเป็นผงมาคลุก แล้วเอาเกลือใส่หน่อย เขาเรียกว่าเนื้อนางเล็ด เขาเอาหวายมาทำเป็นกลม ๆ เอากระด้งมาวาง หวายเป็นอัน ก็หยิบมาปั้นเท่าลูกปิงปอง แล้วก็แผ่ พอมันชนขอบหวาย ก็ดึงขอบหวายออก และเขาก็วาง นั่นละครับแดดเดียวสมัยโบราณ เนื้อนางเล็ดแดดเดียว ไปฟังตอนแดดมันก็เด้งปึ๋งหลุดมาหมด แล้วเขาก็เอาตอกมาร้อยเป็นพวง 10 บาท สมัยแพงแล้วนะครับ อันละ 1 บาทสุดท้าย แต่ก่อน 10 อันบาทครับ และก็อันละบาท นี่ละครับแดดเดียวนี่ละครับ หรือสองแดดก็สุดแท้แต่แห้งหน่อย ร้อน ๆ น้ำมันแล้วทอดแฉ่ มันจะพองดูเหมือนที่อยู่ในแฮมเบอร์เกอร์ พองเลยครับ เสร็จแล้วไปใส่ขนมป้ง
น้ำพริกถ้วยอย่างนี้ละครับ คลุกข้าวร้อน ๆ แล้วเนื้อนางเล็ดที่ว่า สมัยก่อนกินเนื้อกันนะครับ แล้วทอดออกมามันฟูนอกฟูข้างฟูใน ใส่ปากชาม ข้าวชามโตหน่อยก็ 2 แผ่น ชามเล็กก็แผ่นเดียว อะไรจะยอดหาญอย่างนั้นไม่มี เดี๋ยวนี้เขาเปลี่ยนใหม่แล้วเอาหมูมาหั่นแทน และใช้หมูบด เหมือนกันครับ อร่อยเหมือนกัน ถ้ายิ่งใส่รากผักชี กระเทียม พริกไทย ปนโขลกไปหน่อย แล้วผักชียี่หร่าปนนิดหนึ่ง คั่วก่อนแล้วป่น และใส่เกลือป่นหน่อย น้ำปลาก็ได้ เอาตอกแข็ง ๆ มาวางเป็นวงกลม แล้ววางแบ ๆ ปั้นเท่าลูกปิงปองวางแบ ๆ แล้วตากแดด วางบนกระเด้ง
นี่มาเล่าให้ฟังเพื่ออะไรครับ เพื่อจะได้บอกว่าในน้ำพริก หัวใจคือกระเทียม และกระเทียมต้องเป็นกระเทียมไทย วันนี้กระเทียมไทยราคาตกต่ำ ก็อธิบายความให้ฟังไว้ อยากจะบอกอย่างนี้ว่า ถ้าหากว่าไทยไม่ช่วยไทยก็แล้วใครจะมาช่วยเรา เพลงเขาบอกอย่างนั้นครับ ผมก็ทำตามหน้าที่ของผมได้ แล้วนี่ก็คงไม่ผิดกฎบัตรกฎหมายอะไรและเอามาทำไม่ได้ ให้ทราบว่าเมื่อมีอะไรที่เราพอรู้ก็ไปดู เรื่องกระเทียมนั้นจะบอกให้คนที่กำลังชี้หน้าด่าบอกว่าไอ้โง่ไปซื้อได้ยังไง ไม่โง่หรอกครับถามก่อน ก่อนจะตัดสินใจเซ็นลงไปให้เขาซื้อ ความจริงเขาตกลงกัน 22 บาทไม่ใช่ 23 บาท เขาขอมา 23 ผมก็บอกให้ไป 23 เจ้าหน้าที่เขาบอกไม่ต้อง 22 พอ เขาก็ตกลงกันได้ แต่ที่เล่าเรื่องประวัติให้ฟังเมื่อกี้นี้คงจะไม่เหมือนกันครับ คงจะไม่ประพฤติเหมือนภาคอื่นที่เขาทำกัน แบบที่ว่าซื้อ ๆๆๆ จดชื่อไว้เสร็จหมด พอถึงวันเสาร์-อาทิตย์ก็ปิดถนน เสร็จแล้วก็มาขอ ครม. ให้เงินไปซื้อ แต่ว่าซื้อก็ไม่ซื้อของใครก็เก็บกำไร 5 บาท ถึงเวลา 27 ไม่ขาย แต่ขายนะครับเอกสารมาครบถ้วนหมดเลยครับ ถ้ามีเงินก็มาครับ แต่ของจริงไปขาย 32 บาท ขออนุญาตนะครับเล่าให้ฟัง
ประชุมส่งเสริมการท่องเที่ยวในจังหวัดเชียงใหม่
สุดท้ายเปลี่ยนที่หน่อยดีกว่าครับ เพราะว่าตรงนี้กับข้าวไปอยู่ตรงนั้น เขาว่าคุยกับข้าวหมด เอาตรงนี้ ตอนนี้จะคุยให้ฟังว่าเมื่อวานนี้ผมไปทำอะไรมา ผมไปประชุมที่เชียงใหม่ เพราะเขาบอกว่าเชียงใหม่เมื่อตอนสงกรานต์ นักท่องเที่ยวหลวม ก็เลยไปช่วยเขาหน่อย ก็ไปประชุม โอ้โหผู้คนมามากมาย ทีแรกจะเอา 17 จังหวัด เริ่มที่เชียงใหม่จะเอา 17 ภาคเหนือ ผมบอกขอภาคเหนือตอนบน 8 จังหวัด ก็คุยกันเรียบร้อยดีครับ ไปคุยกันเลยถามเรื่องโน่นเรื่องนี้อะไรต่าง ๆ ตกลงคุยกันเรื่องจะสนับสนุน ต้องมีศูนย์ประชุมจะได้มีงาน หน้า Low Season มิถุนายน กรกฎาคม สิงหาคม กันยายน ต้องช่วยหน่อย คนต้องหมั่นไปประชุมกันทางภาคเหนือหน่อยให้เคลื่อนไหว โรงแรมเขามีสาเหตุนะครับ ไปหาสาเหตุ เขาบอกสาเหตุตั้งแต่ปี 2004 (พ.ศ. 2547) พอสึนามิปัง ใครจะมาใต้ไม่มา ก็มาเหนือ เหนือตัวเลขก็ขึ้น ตัวเลขขึ้นโรงแรมก็สร้างอะไรต่ออะไรขึ้นหมด พอบัดนี้ข้างใต้เขากลับสู่สภาพเดิม นักท่องเที่ยวก็เฉลี่ยไปทางใต้ ทางเหนือก็หลวม ก็มีเหตุ พอรู้สาเหตุ เขาก็ช่วยกันคิดดีครับ คุยกันเรื่องโรงแรม เรื่องบริการโรงแรม เรื่องอาหารการกิน เรื่องห้องน้ำห้องท่าต่าง ๆ เรื่องผังเมืองที่มีปัญหา คุยกันเรื่องของเส้นทาง การเดินทางรถยนต์เป็นยังไง เรื่องบริการรถในเมือง เรื่องของเครื่องบินสายการบินมาไม่มา น้ำมันแพงเลยไม่มา หรือว่าไม่มาเพราะอะไร ก็ช่วยหมดครับ ประชุมกันหมด ผมก็รับหน้าเสื่อมาเลย ตามหน้าที่ต้องเป็นอย่างนั้นครับ ไปคุยให้ฟัง เหมือนสมัยนี้เขาเรียกภาษาฝรั่งต้องเรียกไป workshop แต่งตัวกันธรรมดา ใส่เสื้อตามสบาย เสร็จเรียบร้อยผมก็กลับ
เขาให้ไปดูลงเรือลงแม่น้ำปิง ถ่ายกันอยู่ข้าง ๆ นั่นละครับ ลงเรือไปดูตรงหัวโค้งที่เขาจะขุด เขาขุดไม่ได้ เขาให้ไปดูหน่อย สองฟากเหมือนตัวประหลาดอยู่ในเรือ ถ่ายกัน เข้าโรงแรมก็ถ่าย เดินออกก็ถ่าย พอถึงเวลาแถลงข่าวไม่ค่อยสนใจเท่าไรครับ นั่งกันแกน ๆ เท่านั้นเอง และก็จบ ผมก็เดินทางกลับ กลับมาก็เรียบร้อยครับไม่มีปัญหา คืออยากจะเรียนให้ทราบว่า เอาอย่างนี้ดีกว่า ไม่ใช่หมดประเด็นนะ ไม่อยากเปิดประเด็นอื่น เอาอันนี้เขาเขียนมาวันนี้
ตอบคำถามประชาชน
คำถาม อยากให้ดำเนินการกับ ASTV ใช้ถ้อยคำหยาบคาบ โจมตีนายกฯ ทุกวัน ขอให้ดำเนินการโดยเร็ว ไม่สบายใจ
นายกรัฐมนตรี จะเรียนให้ทราบนะครับ ท่านรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย (ร้อยตำรวจเอก เฉลิม อยู่บำรุง) ท่านดำเนินการตามกฎหมายที่มีอยู่ และท่านแถลงแล้ว ไม่ได้สั่งปิดแต่ว่าจะดำเนินคดีเพราะความหยาบคาบหมิ่นประมาทคนอื่นเขา เคเบิลทีวีทั้งหลายถ้าใครดูอยู่ ฟังไว้แล้วกันครับว่า คุณถ่ายทอดอันนั้นไป คุณก็ทำผิดด้วย เขาก็จะฟ้องคุณเท่านั้น เขาไม่ได้สั่งปิดคุณ คุณไม่ถอดคุณเอาไว้อย่างนั้นก่อนแล้วกัน ให้ทำลายลักษณ์อักษรเขาคงทำไปให้นะครับ เขาคงจะเตือนมาให้ เพราะไปอยู่บนสายไฟฟ้าเขาด้วย ไปทำความผิด เพราะฉะนั้น คุณถ่ายทอดคุณจะผิดด้วย เขาเตือนเท่านั้นละครับ และเขาจะดำเนินคดี ตัวต้นฉบับเขาก็ดำเนินคดี ถ้าใครทำผิดแล้วดำเนินคดี จะก่อให้เกิดอะไรขึ้นก็ไม่มีปัญหาละครับ คนที่ดำเนินการเขาต้องรับผิดชอบ ก็ ดำเนินการแล้วนะครับ
คำถาม อยากให้รัฐบาลออกกฎหมายตรวจสอบบัญชีทรัพย์สินพวกแกนนำที่ประชุม
นายกรัฐมนตรี ครับ แบบนี้ก็สอบรัฐมนตรีละครับ เขาไม่ได้ขึ้นทะเบียนไว้นี่ครับ เขาก็ไม่ได้มาจากเลือกตั้งตรงไหน พวกผมนี่ละครับมาจากเลือกตั้ง ถูกขึ้นทะเบียนเรียบร้อยหมดเลย ตรวจสอบหมดเลยครับ ไอ้โน่นผิดไอ้นี่ ซุกไอ้นี่ ซ่อน โดนหมดละครับ นี่ยังโดนมี 2 รัฐมนตรี ขอเรียนให้ทราบไว้เท่านั้นเอง มีคนถามคำถามบอกว่าแล้วยังไงยังไม่โปรดเกล้าฯ รัฐมนตรีที่แต่งตั้งแล้ว ทางข้างในเขาบอกผมมาว่า คิดว่าผมจะปรับตรงนี้ เขาจะสู้ถึงศาล ผมก็เลยยังละครับ ต้องทำหนังสือกราบเรียนไปข้างใน ต้องขอเวลาโปรดเฝ้าฯ ให้รัฐมนตรีได้ทำงาน ทีแรกนึกจะทำเสียให้เสร็จหมด เรื่องคดีความจะต้องดำเนินการต่อไปนะครับ ก็เรียนตอบคำถามว่า ไปตรวจสอบเขาไม่ได้ เพราะเขาไม่ขึ้นทะเบียน ชื่อเสียงใครอยู่ยังไงก็ไม่ทราบ 5 ท่านเลือกตั้งกันเมื่อไร ก็ไม่ทราบ ผมเลือกตั้ง 23 ธันวาคม 2550 ต้องไปขึ้นทะเบียน ต้องไปลงทะเบียน คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ต้องไปให้ใบมา ถือใบไปสภา สภารับเสร็จแล้วกรอกอะไรอีกมากมาย เสร็จเรียบร้อยแล้วต้องไปเฝ้าฯ ถวายสัตย์ปฏิญาณ แล้วก็เข้าสภา ยังทำอะไรไม่ได้อีก ต้องยื่นแถลงนโยบายเสร็จ นั่นละครับถึงจะเซ็นหนังสือทำอะไรต่ออะไรได้ พิธีกรรมเยอะครับพวกผม แต่ว่าพวกที่เขามากันตามใจชอบอย่างนั้น ตรวจสอบไม่ได้ละครับ แต่ก็คงพอเห็นนะครับ ถ้าตรวจทางโทรทัศน์ได้ครับถ้าไปทำความผิดอะไร
คำถาม ทำไมสื่อนิยมข่าวม็อบ จะนำเสนอข่าวเป็นประโยชน์
นายกรัฐมนตรี ไม่ได้ละครับ ไม่ได้เลย เขาบอกข่าวต้องเป็นข่าวครับ คงไม่กล้าว่าสื่อหรอกครับ เดี๋ยวจะเล่นงานผมอีก เขาชอบเสนอข่าวก็เรื่องของเขานะครับ
คำถาม จะต้องรวมประชาชนอีกคนที่จะยื่นฟ้องศาลต่อพวกชุมนุม เพราะเดินทางติดขัดลำบากมากทั้งเด็ก ผู้ปกครอง
นายกรัฐมนตรี ก็ลองฟ้องดูสิครับ จริง ๆ แจ้งความตำรวจ ๆ ฟ้องให้ครับ แจ้งความดีกว่าอย่าไปทำเองครับ แจ้งความแล้วตำรวจดำเนินการให้ ก็ยินดีครับถ้าหากมันติดขัดกีดขวางนะครับ
คำถาม เมื่อไรจะเลิกประท้วงกันสักที
นายกรัฐมนตรี ต้องไปถามที่สะพานมัฆวานฯ ถามผมไม่ได้หรอกครับตรงนี้ ผมเพียงแต่บอกว่าคุณทำผิดกฎหมาย คุณอยู่ตรงนี้ไม่ได้เท่านั้นละครับ โอ้โหทำไมผมต้องไปพูดเมื่อวันเสาร์ก่อน ก็ข่าวมาบอกจะล้อมทำเนียบ จะยึดทำเนียบ ผมก็ต้องไปพูดว่าอย่าทำอย่างนั้น เอาเข้าเลยครับเป็นทำนองว่านายสมัครประกาศสงคราม จะเอาให้ตายจะหักล้าง ตำรวจบอกไม่เคยพูดสักคำเดียวว่าจะต้องเป็นห้าโมงเย็น พูดเองเออเอง ประกาศว่าห้าโมงเย็นตำรวจขีดเส้นตาย กระโดดกันออกมาเป็นฝอย ๆๆๆ นักวิชาการ ล่อกันหมดเลยครับแพ้แล้ว รัฐบาลจะสลายม็อบ รัฐบาลแพ้แล้ว แล้วทำยังไงครับ ผมก็ต้องถอยออกมามอบให้ตำรวจดำเนินการ พอดีเขาได้รับโปรดเกล้าฯ ทำหน้าที่เต็มที่บอกคุณรับไปดูแลแล้วกัน คุณช่วยดูไป หนักหนายังไงก็บอกมาอย่างนั้น ต้องอย่างนี้ละครับ ภาษาตำรวจไทยวันละคำเขาเรียกว่าก็คาราคาซังกันอยู่อย่างนี้ครับ บ้านเมืองจะไปยังไง ที่เสียหายแน่นอนคือเรื่องท่องเที่ยว ใครเขาจะอยากมามีเรื่องพรรค์นี้อยู่กลางเมืองอย่างนี้อะไรต่าง ๆ ธุรกิจการค้าเสียหายครับ ความไว้วางใจอะไรต่าง ๆ ก็พูดแล้วไงจะปฏิวัติกันอีกแล้ว เรียกร้องกันอย่างโน้นอย่างนี้ จะเอากันอีกแล้ว และจริงไหมครับ ผมเป็นหัวหน้ารัฐบาล ผมต้อง บอกเป็นไปไม่ได้ครับ เป็นไปไม่ได้เลยบ้านเมืองควรจะสงบเรียบร้อย แต่ก็ก่อกันอย่างนี้ บรรดาสื่อสารทั้งหลายเขาคงรายงานทั้งสองซีกละครับ แต่ทางม็อบตื่นเต้นเขาคงรายงานที่ตื่นเต้นมากกว่า ทางผมก็จืดชืดไม่ค่อยมีอะไรนะครับ
คำถาม คูปองช่วยเหลือคนจน ติดต่อไปทางไหน
นายกรัฐมนตรี ยังครับเขาเริ่มหาหนทางว่าจะทำยังไง จะโอนเงินเข้า จะเอาเงินสด รอนิดเถอะครับ
คำถาม นโยบายออกตั๋วรถเมล์นั่งได้ทั้งวันเป็นนโยบายที่ดี เคยมีการใช้มาแล้ว พนักงาน ขสมก.ไม่พอใจ จึงยกเลิก
นายกรัฐมนตรี นี่ละครับ นาน ๆ จะเจอคนที่ตามทัน เพราะน้ำมันมันถ่ายได้ ถึงต้องใช้แก๊ส ถ่ายไม่ได้ครับ เพราะตั๋วขี่ช้างได้ เอาแต่การ์ดวันนี้ละครับ เดินทางได้ทั้งวัน เขาทำอันนี้ได้เพราะเขาต้องเปลี่ยนระบบเป็นแก๊สทั้งหมด จะได้หนี เสีย 10 กว่าบาทดีกว่าเสีย 40 บาท มีเหตุผลนะครับ แต่พวกที่มีเหตุผลดีกว่าเขาบอกหลักฐานพร้อม จะแฉเลยใครได้เท่าไรยังไง
คำถาม ราคาแก๊สหุงต้มทำยังไงให้ถูกลง ควรเปิดเผยต้นทุนให้ทราบ
นายกรัฐมนตรี เรื่องการจะเปิดเผยต้นทุนต้นรอนไม่เป็นปัญหาครับ มีกฎหมายบังคับให้ดูได้ และสำคัญสุดกำลังนี้ เขาขายของเขาไม่ได้ขายราคาจริง เขาเอาอะไรมาชดเชยกันอยู่ รายละเอียดนะครับ ผมจะให้รัฐมนตรีพลังงาน (พลโทหญิงพูนภิรมย์ ลิปตพัลลภ) มาคุยเอง
คำถาม อยากให้ทำสะพานคนข้ามแม่น้ำเจ้าพระยาแทนเรือข้ามฟาก
นายกรัฐมนตรี มีคนเคยคิดเคยบอกแล้วครับ ประเทศอื่นเขาก็ไม่ค่อยมีกันนะครับ นอกจากว่าทำสะพานใหญ่ แต่ไม่ให้รถเดิน แต่ให้คนเดิน ที่ฮังการีแม่น้ำดานูบ เขาก็ทำสะพานให้คนเดินข้าม ทำหลายสะพาน ความจริงเขาไม่ให้รถ เขาทำบันไดขึ้นเลย สะพานใหญ่นะครับ แต่บันไดขึ้นหัวท้าย แปลว่าให้คนเดิน จะเอาอย่างนั้นก็ได้ครับ แต่มันมโหฬารนะครับ ใครอยากจะทำ ก็เอาว่าลงเรือเฉพาะหน้า นอกนั้นก็ไปรถ ทำสะพานเดินข้าม ผมกลัวเดี๋ยวก็หัวเราะเยาะอีก
คำถาม นโยบายช่วยเหลือคนจน 400 บาท วิธีการยังไง จะได้รู้ว่าคนจนจริง เป็นนโยบายที่ดี แต่ควรจะทำบัตรสมาร์ทการ์ด
นายกรัฐมนตรี คุณหมอสุรพงษ์ (นายสุรพงษ์ สืบวงศ์ลี รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง) เป็นคนจะอธิบายความเรื่องนี้
คำถาม ที่ประกาศขึ้นราคาน้ำตาล ชาวไร่อ้อยยังไม่ได้รับครบ
นายกรัฐมนตรี เขาจะต้องเอาไปใช้หนี้ครับที่ได้มา 6,700 กว่าล้าน ท่านทั้งหลายที่เป็นคนถามมานี่ ท่านเป็นหนี้เขาอยู่ 17,000 ล้าน การปรับราคาตรงนั้นหนี้ของท่านลดลงไป 6,700 กว่าล้าน ยังไม่ได้ไปตรงนั้นละครับ แต่ต้องได้ 807 บาทอยู่ก่อน เขายังไม่นั่น 638 บาทเดี๋ยวเขาต้องจัดการ เรื่องนี้ท่านจะต้องได้ประมาณ 804 บาท
คำถาม อยากให้นายกฯ ดูแลเรื่อง กบข.ครูเทศบาล ซึ่งไม่มี กบข.เหมือนกระทรวงศึกษาธิการ
นายกรัฐมนตรี กำลังดูคือ กบข.เขาได้รับความสำเร็จอย่างยิ่งเลย และระบบนี้กำลังจะแพร่หลายไปในส่วนที่ว่าเขาก็ไม่อยากได้บำเหน็จ คือจะทำบำนาญกัน หลายหน่วยงานที่จะขอมา ซึ่งเขาบอกว่ารับได้ เขามีวิธีการนะครับ กำลังดูแลให้ คือแต่ก่อนนี้รัฐบาลเป็นคนให้บำนาญ เอางบประมาณไปจ่ายบำนาญ หารายได้ก็สะสมบำนาญ เดี๋ยวนี้เขาหักเลยครับ คุณให้เท่านี้ รัฐบาลให้เท่านี้ และเขาก็ตั้ง กบข. เขาเก่งครับ เขาบริหารเงินและเขาเป็นคนจ่ายบำนาญจากอันนี้
คำถาม อยากให้ท่านแก้ปัญหาสังคมควบคู่เศรษฐกิจ เฉพาะเรื่องยาเสพติดและการพนัน
นายกรัฐมนตรี ก็แบ่งงานกันทำนะครับ กำลังนี้ ปปส.ได้คนมือเก่ามาทำ ตำรวจต่าง ๆ ก็จะช่วยงานกัน ไม่เป็นปัญหาหรอกครับ ยาเสพติด การพนัน การพนันก็ปราบ ผิดกฎหมายนะครับ แต่กำลังนี้พอบอกว่าอยากจะทำให้มีการพนันถูกกฎหมาย ผมก็พูดอีกไม่ได้หรอกครับ อย่างนี้พูดอีกเดี๋ยวก็โดนอีกจะล่อกันยาวอีก แต่จะบอกเอาไว้นะครับ ฝรั่งมังค่าเปลี่ยนแปลงนะครับ ไม่เรียกว่าคาสิโนแล้วครับเดี๋ยวนี้ เขาทำใหญ่โตเขาเรียกว่า Entertainment Complex แล้วไม่ใช่คาสิโนบ้าเลือดแบบลาสเวกัส เขาทำทุกอย่างหมด เขามีกีฬา มีบันเทิง ครอบครัวไป ใครอยากไปเล่นก็เล่น ตรงที่เล่นเขาจะมีไม่เกิน 15 เปอร์เซ็นต์ เขาเรียกว่า Game Area นี่ความทันสมัยนะครับ คือว่าสร้างขึ้นมาเป็นตึกนี้ทุกอย่าง ไปทั้งครอบครัวไปได้ แต่ใครจะไปเล่นไปตรง Game Area มี 15 เปอร์เซ็นต์ นอกนั้น 85 เปอร์เซ็นต์เป็น Entertainment เขาว่าอย่างนั้นนะครับ กำลังนี้ใครมีบ้าง เวียดนามกำลังมีแล้วครับ เวียดนามอยู่ชายทะเลตกลงกันแล้วครับ กัมพูชาก็มีครับ แต่ไทยคงยังไม่มีไม่ได้หรอกครับ แต่ว่าถ้าหากจะมีก็ต้องอธิบายความให้ดู และต้องมีกฎหมายมารองรับว่า Game Area 15 เปอร์เซ็นต์ ยอมได้ไหม ถ้ายอมได้เราก็จะมี Entertainment Complex ก็เล่าเปิดไว้ให้ฟังนะครับ หวังใจว่าคงไม่วิพากษ์วิจารณ์ว่าสมัครเอาอีกแล้ว
คำถาม อยากให้ช่วยเหลือการประนอมหนี้ธนาคาร ช่วยประชาชนกำลังลำบาก กรุณาขึ้นค่าแรง
นายกรัฐมนตรี ถ้าเป็นหนี้ไปขึ้นตรงค่าแรงตรงนั้นมันแก้หนี้ไม่ได้ แต่ว่าช่วยประทังประนอมหนี้ทำได้ครับ ถ้ามีเงินเดือนเป็นหลักฐาน และเอามาเข้าระบบ ประเภทร้อยละ 10 เอามาเข้าระบบ 8 ต่อปี ร้อยละ 10 ต่อเดือน แปลว่าปีละ 120 ต่อปี แต่ว่าร้อยละ 8 ผ่อนชำระทั้งต้นทั้งดอก เรื่องนี้มีหนทางช่วยได้ครับ ส่งรายละเอียดมาแต่ละคนจะดูว่ายังไง
คำถาม อยากทราบเรื่องการสร้างถนนเพชรเกษมแยกมาลัยแมน มีแต่ตอม่อไม่ดำเนินการ รถติดเป็นแถว
นายกรัฐมนตรี ผมต้องไปดูให้กำลังใจ ผ่านครั้งหลังสุดก็ไม่ทันสังเกตครับว่ามีแต่ตอม่อ-อยู่ทางนั้น
คำถาม อย่าพูดเรื่องสินค้าโอท็อป ไม่ใช่อย่าพูด ต้องอยากให้พูดเรื่องสินค้าโอท็อปบ้าง เพราะตอนนี้เดือดร้อนมาก เฉพาะผ้าไทยขายไม่ออก ทำยังไงดี
นายกรัฐมนตรี เขาบอกเคยขายผืนหนึ่ง 6,000 บาท ผ้าทออย่างดีเลย คนหิ้วมาให้ดูบอกว่าถ้าขาย 3,500 บาทแทบจะกราบเลย เพราะจะได้มีเงินไปใช้อะไรต่าง ๆ ผมเลยต้องซื้อ 2 ผืน เคย 6,000 บาทเขาขาย 3,500 บาทอธิบายความยากจน ความเดือดร้อนให้ดู คงไม่หลอกละครับ เพราะคนที่เอามาขายให้เป็นคุณครู เป็นผู้อำนวยการโรงเรียน
คำถาม บางคนแพ้แอร์
นายกรัฐมนตรี มีครับรถเมล์ร้อนมีแน่นอน ไม่มีปัญหา แต่ตอนนี้ปัญหาคือเวลาหมด ต้องขอขอบพระคุณที่ได้กรุณาส่งคำถามเข้ามา ผมอยากจะคุยเรื่องอื่นกลัวมีเรื่อง ก็เลยว่าเอาเรื่องมาตอบคำถามซะ ได้ตอบคำถามเยอะนิดหนึ่งนะครับ รายการคงจะมีเหมือนเดิมนะครับ ก็ลองดูแล้วกันครับว่า สิ่งที่ผมพูด พูดเองเพื่อไม่ให้ผ่านออกข่าวให้เข้าหูท่านเลย โปรดใช้วิจารณญาณในการรับฟังที่ผมได้อธิบาย ทั้งฝ่ายค้าน ผู้ดำเนินการทางการเมือง และท่านประชาชนผู้เป็นเจ้าของสิทธิกรุณาด้วย ผมทำหน้าที่ของผมแล้วนะครับ ลองดูสิว่าจะว่ายังไง แต่ว่าวันที่ 25 มิถุนายนนี้อภิปรายงบประมาณ วันนี้เวลาหมดครับ อาทิตย์หน้าพบกันใหม่ครับ สวัสดีครับ
--กลุ่มยุทธศาสตร์และแผนการประชาสัมพันธ์ สำนักโฆษก--
รายการ “สนทนาประสาสมัคร”
โดยนายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี
ออกอากาศทางสถานีวิทยุโทรทัศน์แห่งประเทศไทย NBT
และสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย กรมประชาสัมพันธ์
วันอาทิตย์ที่ 15 มิถุนายน 2551 เวลา 08.30-09.30 น.
-------------------------
สวัสดีครับท่านผู้ชมที่เคารพ ผมสมัคร สุนทรเวช มาพูดจาประสาสมัครเหมือนอย่างเคย เช้าวันนี้ปกติถ้าผมทำตามรายการของผมละก็ ผมจะต้องเริ่มด้วยการเล่าเรื่องที่ผมไปทำอะไร อย่างไรมา เช่น ชาวไร่กระเทียมมาปิดถนน ผมก็เจรจาความกับเขา ก็ควรจะต้องเล่าก่อนเลย เสร็จแล้วไปเชียงใหม่เมื่อวานนี้ (14 มิ.ย.) ไปประชุมเรื่องท่องเที่ยว ก็ควรจะเก็บมาเล่าให้ฟัง และมีอะไรเล็กน้อย และถึงเวลาที่จะอธิบายความเรื่องอะไรก็จะมาเข้าแถว
ชี้แจงการเปิดประชุมสภาสมัยวิสามัญ
วันนี้ถ้าหากว่าไปทำอย่างนั้นเข้าจะเป็นการเหมือนกับว่าไม่ให้ความสำคัญในเรื่องที่สัญญาไว้ว่าจะมาอธิบายความให้ฟัง ทำไมผมถึงจะต้องขออนุญาตไม่แถลงข่าวเมื่อ 2-3 วันที่แล้ว และจะขอมาพูดเรื่องนี้เอง เรื่องนี้ก็คือว่าถ้าไปให้ข่าวแถลงข่าวเรื่องนี้เข้าละก็ ที่ออกมาจะเป็นคนละทิศคนละทางคนละแควเลยครับ วันนี้ผมจำเป็นจะต้องเรียนให้ท่านผู้ชมทั้งหลายที่เป็นเจ้าของประเทศนั่งฟัง และรวมทั้งท่านที่อยู่นักการเมืองฝ่ายค้าน ฝ่ายวุฒิสมาชิก ให้ฟังพร้อม ๆ กัน คือได้มีพยานทั้งหมดเลยว่า ผมพูดยังไง อธิบายยังไง และใครจะเข้าใจยังไง ไม่เข้าใจยังไง ก็สุดแท้แต่ แต่ความหวังของผมหวังว่า ประชาชนคนที่เป็นเจ้าของประเทศจะเข้าใจในสิ่งที่ผมพูดที่ผมอธิบายให้ฟัง
เรื่องทั้งหมดไม่มีอะไรยุ่งยากสับสนเลย เป็นเรื่องปกติธรรมดาแท้ ๆ ผมยืนยันว่าเมื่อสภาเปิดจังหวะนี้ละก็ เขาจะดูจังหวะที่จะต้องทำงบประมาณ เขามีเส้นทาง พอเข้าไปวันแรก เขาก็มีตารางงบประมาณให้เลยครับ วันนี้ต้องทำนี่ วันนี้ต้องทำนี่ มีหมดเลยครับ เขาเรียกว่าปฏิทินงบประมาณ เข้ามาเมื่อวันที่ 6 กุมภาพันธ์ เขาก็บอกมาเรื่อยเรื่องบประมาณ ก็ทำงบประมาณตั้งงบประมาณ จนกระทั่งงบประมาณเข้าที่เข้าทาง เซ็นตรงนั้นเซ็นตรงนี้ ส่งไปทุกกระทรวง กระทรวงส่งกลับมา เตรียมการกันเสร็จหมด ก็ถึงวาระที่จะต้องขอเปิดวิสามัญเพื่อจะทำงบประมาณ ทำไมต้องทำอย่างไร ก็เพราะว่าสภาอยู่ระหว่างปิดสมัยประชุม เมื่อเวลาที่ต้องงบประมาณ จังหวัดต้องปลายเดือนมิถุนายน เกินกว่านั้นไม่ได้สับสนหมด ปลายมิถุนายนที่กำหนดไว้คือวันที่ 25-26 มิถุนายน เผื่อไว้ว่าจะยืดอีกวันก็ 27 มิถุนายน แปลว่า 3 วัน ธรรมดาก็จะมีเท่านั้นละครับ เปิด 25 ปิด 27 ขอพระราชทานเบื้องต้นขอไว้อย่างนั้น ก็ตกลงเป็นอย่างที่ว่า แต่ทว่าเรามีวิป เขาแจ้งมาบอกว่างวดนี้เปิดวิสามัญขอได้เอื้อเฟื้อมีกฎหมายอยู่ 3-4 ฉบับ ซึ่งถูกบังคับโดยรัฐธรรมนูญต้องทำให้เสร็จภายใน 180 วัน มีฉบับนี้ ๆ ๆ ๆ ซึ่งเข้าคิวอยู่ จำเป็นต้องพิจารณา ผมก็พิจารณา ผมเป็นรัฐบาล เขาขอมาก็พิจารณา ก็ถอยหลังลงมาว่าวันที่ 25-26 จะงบประมาณ ถอยลงมาหน่อย ถอยให้เขาหน่อย ก็ 18-19 พอไหม ถ้าไม่เอา 4 วัน เอา 11-12 แปลว่าจะได้พูดกัน 4 วันคือ 11-12 , 18-19 พุธ-พฤหัสบดี 2 หน และต่อไปก็งบประมาณ ก็เท่านี้ละครับ ก็ทำเผื่ออย่างนี้เท่านั้นเอง ตกลงก็ส่งขึ้นไปขอพระราชทาน
พรรคประชาธิปัตย์ส่งตัวแทนมายื่นหนังสือที่ทำเนียบ
ก็ขอเปิดวันที่ 9 มิถุนายน และขอปิดวันงบประมาณเสร็จ เราขอเปิดเพื่อการนี้เท่านั้นเองครับ และเป็นยังไงครับเปิดเพื่อการนี้ ก็ทุกคนก็เตรียมการ ผมก็ต้องเตรียมงบประมาณ ทุกกระทรวงก็เตรียมการกันหมด ก็เกิดว่ามีท่านที่เคารพที่อยู่สภาสูง สภาล่าง สภาผู้แทนฯ ท่านเกิดต้องการที่จะยื่นญัตติ ทีแรกก็มีไมตรีดีหรอกครับ แจ้งมาบอกว่าคุณอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร และหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ จะมาหาผมที่ทำเนียบรัฐบาล จะมายื่นหนังสือ ผมบอกอย่าเลยคุณอภิสิทธิ์อยู่ที่สภาเถอะ เพราะผมต้องไปลงนามที่สภาเหมือนกัน 11.30 น. คือนัดวันนั้นนะครับ ผมจะไปรับ ไปเจอกัน และจะยื่นหนังสือ ก็ได้เจอกัน ก็ตกลงกันไว้ ไม่มีปัญหาอะไรละครับ ถึงเวลาปรากฏว่าก่อนจะถึงวันนั้น 16.00 น. คณะของท่าน ลูกน้องท่านก็ 20 คน เข้ามาเลย เดินเข้ามากัน มาถ่ายกันหรูหราเชียวละครับ ถือหนังสือมายื่น รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี (นายประพล มิลินทจินดา) ก็ลงไปรับหนังสือ ก็หนังสือที่คุณอภิสิทธิ์จะมายื่นให้ผม ซึ่งผมนัดจะไปรับเอง ปรากฏว่าพรรคพวกท่านเอามายื่นให้ทางนี้แล้ว รับแล้ว ผมก็แจ้งไปบอกว่านี่แล้วแจ้งให้คุณอภิสิทธิ์ฯ ทราบนะว่าตกลงไม่ไปแล้วนะ เพราะว่าได้รับแล้ว ก็เท่านั้นละครับ รุ่งขึ้นมีข่าวเป็นทำนองจะนั่นอีก ผมก็ต้องบอกโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี (พลตำรวจโท วิเชียรโชติ สุกโชติรัตน์) บอกช่วยแถลงทีเถอะว่าตกลงได้รับแล้วหนังสือที่จะยื่นไม่ไปแล้ว ข่าวออกมาสมัครเบี้ยวนัด ใครเอ่ยเบี้ยวนัด นัดแล้วไม่มา แล้วนี่แปลว่ายังไงครับ แปลว่าที่เขาแถลงข่าวบอกว่าได้รับเอกสารแล้ว เพราะฉะนั้น จะต้องไม่มาตามที่นัดไว้ ออกข่าวกันเหมือนทำนองว่าสัญญาว่าจะมาเขาแล้ว ไม่มา
วุฒิสมาชิกขอเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล 23 มิ.ย.
เห็นไหมครับ เรื่องเท่านี้เล็ก ๆ น้อย ๆ ยังจะต้องระมัดระวัง ไม่มา กลายเป็นคนว่าอะไรนัดเขาแล้วไม่มาตามนัด ใครเอ่ยนัดแล้วไม่มา เป็นอย่างนี้กัน นั่นคือการเสนอข่าว พอเสร็จเอาละโอเคเรียบร้อย หนังสือที่ยื่นมาบอกว่า มาตรา 179 แปลว่ามีเรื่องสงสัยอะไรต่าง ๆ ให้รัฐบาลเปิดสิและก็อภิปราย เหมือนกับเปิดอภิปรายตัวเอง ไม่มีการลงมติ ผมก็ได้รับและผมก็ดูแล้ว ผมบอกแล้วผมก็กำลังเตรียมการจะออกงบประมาณอยู่นี่ 3 วันยังไม่รู้จะชอกช้ำขนาดไหนเลย ล่อกันทุกมาตรา อภิปรายกันหมดเรียบร้อย คืออภิปรายงบประมาณจะต้องมีการถามกันเสมอเลย มีอภิปรายไม่ไว้วางใจหรือเปล่า ถามเสมอเวลางบประมาณ ก็เตรียมการกันไว้เพื่อการนี้ กฎหมายก็เดินหน้าไป วันที่ 11-12 ก็ว่ากันไป วันที่ 18-19 ก็จะประชุมกันต่ออีก วุฒิสมาชิกก็ยื่น ๆ มาเลยขออภิปรายไม่ลงมติ ยื่นมาก็ได้ ยื่นมาผมก็ ท่านประธานท่านก็รับ แต่การยื่นไปยื่นผ่านสภา สภาก็จะแจ้งให้ผมทราบ ผมแจ้งปั๊บเดี๋ยวนี้ทันสมัย ไม่ต้องให้ประธานแจ้ง เขาก็แจ้งทางข่าวบอกว่าวันที่ 23 ขอพูดเลย และคาดคั้นว่า 23 ต้องตอบ ถ้าไม่มาตอบแปลว่าหลบเลี่ยง ถ้าไม่มาตอบเห็นไหมว่าคนนี้มันแย่จริง ๆ รัฐบาลนี้ จะไม่ให้ไปต่อสู้ข้างถนน อุตส่าห์เข้ามาในสภาแล้วยังไม่ใช้สิทธิ กลายเป็นอย่างนี้ไปแล้ว
รัฐบาลเตรียมการเพื่อให้สภาพิจารณางบประมาณ 25 มิ.ย.
ผมนี่จะต้องตอบ ผมต้องตอบเป็นทางการแน่นอน ผมทราบแล้ว เพราะวันนี้ทันสมัย ตอบไปข้างนอกก่อน แต่ประธานรับแล้ว ก็อ้างเลยว่าประธานรับแล้วต้องบรรจุภายใน 7 วัน ก็บรรจุสิครับไม่มีปัญหา บรรจุ 7 วัน แปลว่าถ้าเขาอยู่ปั๊บต้องอภิปราย คือจะตีความกันแบบนั้น พรรคพวกผมบางคนก็อ่านหนังสือ เขาก็บอกว่าจะต้องให้บรรจุ จะว่ายังไง ผมบอกไม่ว่ายังไง ก็ให้ท่านบรรจุ ไม่ได้แสดงอาการเดือดร้อนต่าง ๆ คือถามมาผมก็ตอบได้ แต่ทว่าวันที่ 25 จะอภิปรายงบประมาณ ทุกกระทรวงเตรียมการกันหมดจะต้องเข้าไปอยู่กัน 2 วัน 3 คืน ก็สุดแท้แต่ กำลังดำเนินการ 25 อภิปรายงบประมาณ 23 จะขออภิปรายไม่ไว้วางใจ ท่านทั้งหลายที่เป็นเจ้าของประเทศ ท่านช่วยลองคิดสิครับว่า อะไรสมควรไม่สมควร พรรคประชาธิปัตย์ยื่นมาบอกขอให้พิจารณาตัวเองให้จัดการอภิปรายตัวเองตามมาตรา 179 ผมรับไว้ เมื่อผมไม่อภิปรายก็แปลว่าผมไม่ใช้สิทธินี้ จะใช้อย่างนั้น บอกเลยถ้าไม่นั่นจะไม่ไว้วางใจ ก็ใช้สิทธิสิครับ อภิปรายไม่ไว้วางใจ ไม่เป็นปัญหาก็ยื่นมาสิครับ ยื่นมาแล้วจะทำยังไง วุฒิสมาชิกยื่นมาก่อน ผมก็ยังรับไม่ได้ เพราะเหตุว่าผมจะต้องทำงบประมาณ จะขอ 23 พรรคประชาธิปัตย์จะขออะไรก็สุดแท้แต่ แต่มีช่องทางไหมละครับ เปิดมาเนี่ย พระราชกฤษฎีกาไม่ได้กำหนดไว้เปิดมาเพื่ออะไร เปิดมาเพราะจะอภิปรายงบประมาณนี่ละครับ เขาไม่เขียนใส่ไว้ตรงนั้นละครับ เผื่อว่าจะมีอะไรจะได้เติมได้ แต่ว่าไม่ใช่เผื่อเอาไว้ว่าไม่ไว้วางใจจะได้สอดแทรกเข้ามาได้ กำลังนี้ผมอยากให้ท่านสาธุชนทั้งหลาย ให้สังคมของประเทศชาติ ใครสนใจการเมือง ลองตรองดูสิครับว่า พรรคการเมืองนายสมัครเป็นนายกฯ หนีการอภิปรายเพราะกลัวเกรงหรือว่าเขารุกไล่กันจนกระทั่งไม่ดูตาม้าตาเรือเลย จะเอากันให้ได้ตรงนี้ ท่านจะอภิปรายไม่ไว้วางใจอ้างเลยว่าต้องไม่ใช้เวที จะเปรียบเทียบว่าข้างถนน ก็ว่ากันอย่างนั้น ทางนี้จะเอาเข้าสภา สภาก็ยังไม่รับ ถ้ามันอยู่กลางสมัยธรรมดาไม่มีปัญหายังไงก็ต้องรับครับ แต่นี่คาราคาซังกันอยู่อย่างนี้ และทำการแสดงเหมือนกัน
ยืนยันไม่ได้กลัวการอภิปรายไม่ไว้วางใจ
ผมต้องย้ำตรงนี้นะครับ ผมไม่ได้กลัว ไม่ได้เกรงท่าน บริหารมา 4 เดือนครับ 4 เดือนเท่านั้น จะโทษจะทำอะไรผิด ยังไม่ผิดหรอก ผมได้ยกตัวอย่าง ๆ เช่น จะใช้คำนี้เดี๋ยวจะว่าผมอีก แต่ผมต้องใช้คำว่า กระเหี้ยนกระหือรือ พจนานุกรมบอกไว้แล้วว่า คำนี้ไม่หยาบคาย ใช้ได้ จะเอากันละ แล้วยังไงครับ พอคิดเท่านั้นละ ความคิดดำเนินการ แน่นอนทุกอย่างจะต้องคิด ต้องแสดงอาการ ยังไม่ทันประกาศเชิญชวน ยังไม่ได้ปฏิบัติการทั้งสิ้นเลยครับ โอ้โหข้อกล่าวหามาหมด ผมถึงบอกว่าผมยิ้มได้ละครับพรรค์อย่างนี้ละก็ คือทำไมรีบร้อนรีบนั่นเหลือเกิน เขาคิดจะแก้ไขปัญหา เขาเสนอความคิดมา มันต้องเห็นชอบตามความคิดเขาก็จะเอาไปดำเนินการ โอ้โหล่อกันซะก่อนจนป่านนี้แล้ว อย่างนี้ก็เสร็จสิครับ ผมแน่ใจว่าผมทำถูกต้อง ผมต้องดำเนินการต่อไป แต่ถ้าผมทุจริต ผมก็ต้องหยุดไม่ดำเนินการ แล้วความผิดจะอยู่ตรงไหนละครับ ในเมื่อการเสนอความคิดคิดเอาละพูดแล้วต้องอธิบายให้ฟังซะตรงนี้ เดี๋ยวจะว่าไม่อธิบายก็ต้องโดดเลี่ยงในสภา
ปรับเปลี่ยนรถเมล์ร้อน ขสมก. เป็นรถเมล์แอร์ NGV ทั้งหมด
รถ ขสมก. นี่ละครับ เดิมเขามีอยู่ 6,000 คัน วิ่งไปวิ่งมาทรุดบ้างโทรมบ้าง เหลืออยู่ 3,000 กว่าคัน แต่ก่อนนี้มีพนักงาน 20,000 กว่าลดลงมาเหลือ 18,000 ก็ยืนอยู่ 18,000 รถ ขสมก.จริง ๆ วิ่งอยู่ครึ่งหนึ่ง อีกครึ่งหนึ่งให้รถร่วมมาวิ่ง ตรงนี้ก็แบ่งกันทำมาหากิน ก็ทำกันไปสิครับ รถร่วมถูกกว่าหน่อย ขสมก.แพงหน่อย สุดแท้แต่ สนนราคาเท่ากัน มีรถสีเขียวมาช่วยวิ่ง ก็เป็นระบบช่วยกันอย่างนี้ แต่ว่าตรงนี้ละครับ มีรถวิ่งอยู่ 3,000 กว่า มีคนแบกอยู่ 18,000 มันขาดทุนปีละหลายพันล้านครับ เดือนหนึ่งขาดทุนประมาณ 600 ล้าน 12 คูณ 6 72 ขาดทุน 6,000-7,000 ล้าน ตัวเลขสะสมถึงวันนี้ ขาดทุนเท่าไรครับ คือเป็นหนี้เขาอยู่ 60,000 ล้าน แล้ววิ่งไป ถ้าเผลอไปเผลอมาไม่สนใจ ก็ต้องถึงแสนล้าน ผมจำได้คลับคล้ายคลับคาสมัยที่นั่น จำได้ว่า 10,000 ล้าน 12,000 ล้าน 15,000 ล้าน บัดนี้มาดูตัวเลขตอนผมโผล่เข้ามา 60,000 ล้านครับ คนที่เขาคิดเขาจะต้องดูแลรับผิดชอบ เขาก็ลองดูสิเกิดอะไรขึ้น ก็ถึงว่าเอาวิกฤตเป็นโอกาสที่เขาชอบใช้กันเนี่ย คือเวลานี้รถเติมน้ำมันดีเซล น้ำมันดีเซลลิตรหนึ่งเกือบจะ 40 บาทอยู่แล้ว แต่ถ้าหากว่าใช้แก๊ส NGV ราคา 8.50 บาท 10 กว่าบาท สุดแท้แต่ มันน้อยกว่าประมาณ 3 เท่า เขาก็คิดอ่านกันว่าถ้าจะเปลี่ยนองคาพยพ พูดง่าย ๆ ว่ารถทั้งหมดหมดสภาพการใช้งานหรือทรุดโทรมอะไรสุดแท้แต่ เขาจะโละออกไปทั้งหมด แปลว่าต่อไปนี้ ขสมก.จะไม่มีรถร้อน ไม่มีรถอะไรแล้วครับ จะวิ่งกันรถแอร์ทั้งนั้น เป็นรถแอร์ทันสมัย และที่ทำได้เพราะใช้แก๊ส เมื่อรถแอร์ใช้แก๊สแล้วราคาก็ถูก เมื่อถูกแล้วจะมีกำไรที่จะสามารถเอาไปเลี้ยงตัวได้ และทำอะไร ก็เอามาคืนให้ประชาชนตรงที่ว่าทำเป็นบัตรเขาเรียกเป็นการ์ด แบกพนักงานไว้ 18,000 เขาจะออกซะครึ่งหนึ่งให้เออร์ลี่รีไทม์ จะหาเงินมาจ่ายให้เป็นที่พอใจ
ขสมก. ใช้ระบบตั๋วอิเล็กทรอนิกส์เพื่อประหยัดราคาค่าโดยสาร
ต่อไปนี้ใครขึ้นก็มีบัตรมีการ์ดเสียบ คนธรรมดามีตั๋วเดือนขึ้นได้ทั้งวัน เมื่อไรก็ได้ เขาประมาณไว้ 900 บาทก็เสียบเข้าไปได้ นักเรียน นักศึกษา โตหน่อยก็เอา 600 บาท นักเรียนเล็กจะเอา 300 บาท ถ้าคนที่เป็น senior citizen เรียกให้โก้เป็นภาษาฝรั่งก็ประชาชนที่อายุมากแล้ว ผู้สูงอายุจะเอา 450 บาท แปลว่าทุกอย่างคิดทอนลงมาแล้วถูกทั้งนั้น ขึ้นได้ทุกวัน 30 วัน คิดทอนมาแล้วก็ถูก เขาทำอย่างนี้ได้เพราะว่าเขาจะลดพนักงานลงไป เขาใช้ตั๋วอิเล็กทรอนิกส์ ทำไมต้องทำอย่างนี้ครับ ดัดจริตไหม ทันสมัยไหม ไม่ทำไม่ได้หรอกครับ เพราะการสอบสวนของเขาบอกว่า น้ำมันลักลอบเอาไปขายได้ แต่ว่าแก๊สลักลอบไม่ได้ครับ ใส่แก๊สเติมเข้าไปแล้วลักลอบไปขายไม่ได้ แต่น้ำมันถ่ายไปขายได้ ใครจะว่ายังไง ตั๋วทำไมใช้อิเล็กทรอนิกส์ เพราะเวลาตั๋วเขาเรียกภาษาขี่ช้าง เพราะฉะนั้น ยังไง ตั๋ว 10 ใบ ขายได้ 12 ใบ ทำแล้วให้มันเหลื่อม ๆ ได้ 12 ก็ขี่ช้าง แล้วได้สตางค์ อย่างน้อยได้กำไร 2 คน สมมติถ้าคนละ 8 บาท ก็ได้ 16 บาท เขาทำอย่างนี้ เขาก็ทำกันแบบนี้ เพราะฉะนั้น ที่เขาป้องกันกันทั้งหมด เขาคิดให้ฟัง เขาบอกว่าถ้ารถเป็นอย่างนี้ รถติดแก๊สทั้งหมดสามารถบริการได้อย่างนี้ และต้องมีการขู่เข็ญกันเลยว่า พวกรถร่วมก็หากินของคุณต่อไป แต่คุณควรจะพัฒนา คุณจะต้องคิดแก๊ส ไม่อย่างนั้นคุณสู้ทางเราไม่ได้ คุณจะต้องดูราคา คุณจะต้องปรับปรุง คุณไม่ปรับปรุงคุณก็แบบนั้น คุณวิ่งได้ ก็พูดกันไว้ชัดเจนเท่านี้ละครับเป็นความคิด เสนอความคิด สำนวนเขาเรียกว่าโยนหินถามทาง ทำนองนั้นละครับ โอ้โห ขอประทานโทษเถอะ ถ้าเวลาอย่างที่เขาเรียกว่าเอาไก่ลงไปโยนที่ฟาร์มจระเข้ ที่ยังไม่ทันถึงน้ำ โดดงับเลย ทันทีเลย อะไรก็ตามแต่ ใครเลี้ยงสุนัขอยู่รู้จักเลย มันคล่องแคล่วอะไรต่างๆ โยนปั๊บไม่ถึงดินกระโดดงับเลยทันที ผมก็ไม่กล้ามาใช้กับสำนวนคน นี่เลียบให้ฟังว่าเวลาโยนเขาเป็นอย่างนั้น
มีการกล่าวหาได้รับเงินจากการเช่ารถมาวิ่ง 6,000 คัน
การโยนหินถามทางมีคนจัดการทันทีเลยครับ โอ้โหบอกแสดงหลักฐานครบถ้วนหมดเรียบร้อยเลย แล้วข้อกล่าวหาเป็นยังไงครับ ข้อเท็จจริงคือเขากล่าวหาว่ารถเนี่ยได้คันละ 1 ล้านบาท ผมได้ 2,000 ล้าน 6,000 คัน ผมได้ 2,000 ล้าน คุณหญิงพจมาน ชินวัตร ได้ 2,000 ล้าน คุณเนวิน ชิดชอบได้ 2,000 ล้าน คนวิ่งเต้นคิดอ่าน ทั้งหมดนี่ละครับรถ 6,000 คันได้คันละล้าน แล้วจะได้มาจากไหน ในเมื่อข้อหลักการเพราะว่าเวลาเขาเช่ารถมาวิ่ง เขาเช่าคันละ 5,000 ในหลักการเขาก็จะเช่าเหมือนกัน คือเช่าราคาเหมือนเดิมแต่เอามาแล้ว มาปรับปรุงองคาพยพได้ ก็เช่ารถนะครับ ไม่ได้ซื้อรถ และยังไงครับ ไปเช่ารถเขา ๆ ตกลงให้คันละล้านบาทเหรอ จ่ายค่าเช่าให้คันละล้านเหรอ มันเกินไหมครับ พูดกันเสียให้ชัดเจนเลย ก็ขอบคุณละครับอุตส่าห์รีบร้อนจะจัดการ จะนั่นไป นี่ละครับอธิบายความอย่างนี้ ผมไปเปิดสภาที่จะอภิปราย ไม่ใช่เรื่องนี้เรื่องเดียวนี่ครับ ร้อยแปดพันเก้าต้องเอาศัพท์มาโขกกัน ผมย้ำเลยนะครับว่างบประมาณ 2 วัน 3 วันข้างหน้านี้ ไม่รู้จะชอกช้ำขนาดไหน แต่ต้องทำเพราะเป็นหน้าที่ ผมย้ำให้ฟังเวลาที่พูดไปพูดมาโดนมาก ๆ เข้า นักการเมืองฝ่ายรัฐบาลจะต้องร้องถามบอก นี่อภิปรายงบประมาณหรืออภิปรายไม่ไว้วางใจครับ แล้วก็หัวเราะกันครื้น ๆ เป็นทำนองอย่างนั้น
ไม่ขยายเวลาเปิดประชุมสภาสมัยวิสามัญออกไป
นั่นละครับกำลังจะทำวันที่ 25-26 อาจจะคาบไป 27 ถ้าเขาต้องการมากกว่า เสร็จแล้ววันที่ 23 วุฒิสมาชิกขออภิปรายไม่ไว้วางใจ มันไหวไหมครับ พรรคประชาธิปัตย์บอกว่าให้คิด 179 ให้ทำเอง ผมก็บอกว่ายังไม่ทำ จะยื่นเลย ก็ต้องให้ยื่นสิครับ ก็ยื่นมา และทำยังไง กฎหมายบอกว่ายื่นแล้วต้องบรรจุ อภิปรายไม่ไว้วางใจเป็นเรื่องด่วน แล้วถามว่างบประมาณไม่ด่วนเหรอครับ งบประมาณก็ด่วน ไม่ไว้วางใจก็ด่วน และทำอะไรก่อนครับ ไม่ไว้วางใจก่อนเหรอครับ แล้วขยายเวลางบประมาณออกไป ผมไม่ทำหรอกครับ เปิดมาเขาปิดไปเรียบร้อยแล้ว เปิดปิดทำไว้เสร็จเรียบร้อยหมดแล้ว ถึงเวลาต้องปิดครับ เขาทำเขาก็ทำกันอย่างนี้ ผมก็ทำตามแบบฉบับ เพียงแต่คราวนี้เปิดโอกาส กฎหมายฉบับนี้ ๆ ถ้าไม่ทำภายใน 180 วันเดี๋ยวจะต้องผิด ก็เลยต้องเปิดให้ทำเสียก่อน แล้วงบประมาณก็สุดท้าย ไม่มีอะไรผิดปกติในทางการเมืองเลย ที่ผิดปกติคือว่าขออนุญาตใช้เป็นหนที่ 2 นะครับ กระเหี้ยนกระหือรือจะเอากันให้ได้ กระเหี้ยนกระหือรือจะเปิดอภิปรายให้ได้ และถ้าไม่ยอมเปิดแปลว่าไม่ทำตามกติกา บอกว่าเขาด่าว่า เขาเล่นกันข้างถนน อุตส่าห์จะเอามาในสภา ถึงในสภาก็ไม่ยอม ถ้าถามว่าเป็นพรรคประชาธิปัตย์ ผมเป็นฝ่ายค้านยอมไหม สภาพเดียวกันนี้บอกประชาธิปัตย์เป็นรัฐบาลอยู่เวลานี้ สภาพอย่างนี้ยอมเปิดไหมครับ ผมไม่ได้ดื้อร้น และผมไม่ได้คิดว่ากลัวเกรงเลย 4 เดือนยังไม่ทำอะไรผิดพลาดหรอกครับ อย่างเมื่อกี้นี้พอเริ่มต้นโยนหินถามทางว่ารถเมล์จะปรับปรุงอย่างนี้ ก็เท่านั้นละครับกระโดดเข้ามา ข้อกล่าวหายังดีอยู่ในเว็บไซต์นะครับ ที่เมื่อกี่นี้ 6,000, 3,000, 2,000 อยู่ในเว็บไซต์ ลงฉบับไหน ผมซัดทันที ถ้าเอามาพิมพ์กล่าวหาในหนังสือพิมพ์โดนซัดทันที กำลังให้ตรวจสอบอยู่ มันอะไรกันนักหนาละครับ นี่ละครับเลยจำเป็นต้องอธิบายความให้ฟังเสียก่อน
6 พรรคร่วมรัฐบาลนัดทานข้าวเป็นเรื่องธรรมดาปกติ
ครบถ้วนนะครับ ผมคิดว่าหัวหน้าฝ่ายค้าน นักการเมืองฝ่ายค้านทั้งหลาย ท่านสาธุชน ท่านเจ้าของประเทศ ผมต้องอธิบายอย่างนี้เอง เพื่อเข้าหูท่าน ท่านใช้วิจารณญาณของท่าน และต่อไปนี้ใครจะไปบิดเบือนยังไงก็สุดแท้แต่ ต้องขอลากเอามาวันนี้ละครับ ต้องพูดกันวันนี้เพื่อว่าฟังพร้อมกันเข้าใจพร้อมกัน รู้เหตุผลพร้อมกัน และทางฝ่ายค้านจะทำยังไงก็สุดแท้แต่ ผมไม่ว่าละครับ ให้ไปกล่าวหายังไงว่าผมทำผิด ผมทำขัดอะไรว่ามาเลยไม่มีปัญหา แต่ว่าต้องบอกตรงนี้ว่าไม่ได้คิดจะกลัวเกรงอะไรเลยครับ ตอบคำถาม คนปากจัดพรรคโน้นมี ทางผมก็มีคนปากจัด จะซัดยังไงก็ซัดได้ครับ ไม่ได้ท้าทายหรอกครับ พรรคการเมืองนี้ถ้ากรอกแกรกๆ ยังไงจะรวมกัน นักการเมือง 6 พรรคก็ขอรวมกัน วันนั้นเขาไปคุยกัน ก็เรื่องไปเปิดเผย ก็ไม่เปิดเผย ไปกินข้าวคุยกัน ผมแสดงความไม่พอใจ ตอบข้อข้องใจเสียหน่อย ผมโทรศัพท์นัดกันว่า 5 พรรคไม่ได้บอกใครเลย และผมเลือกเวลา เลือกวันอังคาร มีประชุม ครม. เสร็จแล้วผมก็จะปลีกตัวไป ผมก็นึกว่านั่งคุยกัน 6 คนสบาย ๆ เลือกชั้น 32 เพื่อนึกว่าทางโรงแรมเขาก็คงไม่ให้ใครขึ้นไปยังไง เช้ามามีคนบอกแล้วครับ ประชุมผมก็ไม่ตอบคำถาม โผล่ขึ้นไปถึงเวลานัด คนเต็มหมด คนจะไปคุยกัน 6 คน 8 คนเท่านั้นเอง คน 8 คน ก็มีท่านบรรหาร (นายบรรหาร ศิลปอาชา หัวหน้าพรรคชาติไทย) เอาคุณสนั่น (พลตรี สนั่น ขจรประศาสน์) ไปด้วย รัฐมนตรีผู้หญิง (นางอนงค์วรรณ เทพสุทิน) เอาคุณบรรยิน (พันตำรวจโท บรรยิน ตั้งภากรณ์) ไปด้วย ทั้งหมดมีคน 8 คนเท่านั้น ตรงที่หนาแน่นกันหมด ผมแสดงความประหลาดใจไหมครับ ผมมองในสายตาของผมว่าคุณขึ้นกันมาทำไม ทำได้ยังไง ทำไมใครปล่อยให้คุณมาอย่างนี้ และทำไมคุณไม่ได้คิดอะไรต่ออะไรนั่นเลย จะเอาให้ได้ เหมือนฟ้าจะถล่มดินจะทลาย ถ้าหัวหน้าพรรคการเมือง 6 พรรคกินข้าวกันเมื่อไร แปลว่าโลกจะปริหรือยังไง รอยเลื่อนตรงไหนมันจะเลื่อนยังไงใช่ไหม เกินไปครับ ผมก็เลยมองซะหน่อยว่าเป็นยังไง โอ๊ยโดนด่าอีกครับ ไปเขียนด่าผม อ้างชาร์ลี แชปลิน อ้างโน่นอ้างนี่ คนที่เขียนขาประจำที่ด่าน่ะละครับ หน้า 3 หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ เกลียดกันมาตั้งแต่ยุคไหนก็ไม่ทราบ ผมก็ไม่ทราบได้ เอาไปด่า ๆ เสร็จแล้วก็มาด่า ลงข้างท้ายด่าผม
วันก่อนเหมือนกันเรื่องผู้ดี ก็ยกย่องอาจารย์คึกฤทธิ์ ปราโมช ยกย่องคุณอานันท์ ปันยารชุน แล้วก็เหยียบย่ำผม ลงข่าวว่าคุณอานันท์ฯ ลูกพระยา ผมก็ลูกพระยาครับ แตกต่างกันตรงไหน คุณอานันท์ฯ มีลูกสาว 2 คน ผมเคยกระเซ้าท่าน ท่านมีลูกสาว 2 คน ผมก็มีลูกสาว 2 คน แต่ผมเก่งกว่า ผมออกทีเดียวมาด้วยกันฝาแฝด ทำยังไง พ่อผมพระยาเหมือนกันครับ แต่คุณตาก็พระยา เอ้าว่ายังไง คุยอย่างนี้เอาแล้วเป็นเหยื่อแล้ว จะต้องเขียนวิพากษ์วิจารณ์ เคยไปพูดเรื่องราชอิสริยาภรณ์เข้าหน่อย โอ้โหด่ากันยังไม่จบจนวันนี้ เพราะฉะนั้น ผมต้องแบบนี้ละครับ ก็เขียนว่าผม เหมือนกับผมเป็นยังไง เป็นหัวหลักหัวตอให้สับโขกเล่นได้ เกลียดชังกันมาขนาดไหนครับ ด่าเอาว่าเอา เขียนอะไรก็ตามแต่ แม้กระทั่งมองหน้าก็หาเรื่องเอาไปด่า เป็นทำนองเหมือนกับคนบ้ามามอง อย่างชาร์ลี แชปลิน ดี คนหน้าขาว คนอะไรพูดไม่ออกเสียง ตัวละครใบ้ ผมก็โดนด่า ผมก็ต้องตอบโต้บ้างตามสมควร ผมไม่ใช่พระอิฐพระปูน ก็สุดแล้วแต่จะเอาอย่างนั้นก็ ไม่รู้เกลียดชังกันมายังไง ด่าทุกวัน ด่าเอาด่าเอา เขียนไปอย่างโน้นอย่างนี้ ก็เอาซะบ้างตามสมควร ผมก็ไม่อยากพูดหรอกครับ อย่าไปด่าสื่อ สื่อเขาดีกับเรา ดีก็ดีสิครับ ดีผมก็ขอบคุณ แต่ไม่ดีผมต้องอธิบายให้ฟังบ้างตามสมควร เอาละครับ ท่านเข้าใจเรื่องนะครับ ต้องขอเวลาเกินมาแล้ว 40 นาที
เชิญชวนคนไทยหันมาบริโภคกระเทียมไทย
ขอใช้เวลาตรงนี้ จะเลื่อนมาตรงนี้ให้ดูครับ สิ่งที่ผมควรจะต้องพูดกับท่านทั้งหลาย มาตรงนี้ เมื่อเช้านี้ผมออกแต่เช้ากว่าธรรมดา ออกเร็วกว่าครึ่งชั่วโมง วันนี้ทำอะไร จะมาเปิดรายการ “ชิมไป บ่นไป” เหรอครับ ไม่ละครับ ผมไม่ได้มายั่วกิเลสใครยังไง แต่ทว่าเมื่ออาทิตย์ที่แล้ว คนนี้เขามาหา กระเทียมเชียงราย กระเทียมศรีสะเกษ นี่กระเทียมไทยนะครับ กระเทียมมาร้องทุกข์ ทำยังไงปิดถนน กระเทียมปิดถนนและบอกเลยบอกว่าเขาจะรับซื้อแค่ 15 บาท 18 บาท มาขอ 23 บาท ทำยังไงไม่อย่างนั้นปิดถนน เชียงใหม่ แม่ฮ่องสอน ติดต่อกันไม่ได้ ดูในข่าวแล้ว ผมก็ต้องมาพิจารณาดู อยากให้ท่านผู้ชมทราบนะครับ อันนี้แห้งแล้วนะครับ อย่างกระเทียมนี้เป็นจุก เรียบร้อยดีมาก นี่กระเทียมไทยนะครับ ถ้าคนอื่นชาติอื่นเขาโตกว่านี้ โตเบ้อเร่อเท่อ แกะออกมาแล้วเป็นอย่างนี้ครับ ถ้าเชียงใหม่เล็กกว่านี้นิดหนึ่ง นี่เชียงราย แม่ฮ่องสอน ตัวเหตุนะครับ เขาบอกว่ารับซื้อแค่ 15 อย่างดีได้ 18 เขาอยากได้ 23 คิดเลขในใจนะครับ ต้องคิดทันทีนะครับ และต้องแสดงให้เห็นว่าเราไม่ได้หลับหูหลับตา ไม่ใช่ให้ใครเขาด่าเอาอีก 23 บาทเวลากระเทียม 1 กิโลกรัมสดที่ไปซื้อ 23 บาท เป็นกระเทียมแห้งออกมาอย่างนี้ใช้เท่าไรทราบไหมครับ 3 ต่อ 1 100 กิโลฯ ได้ 35 กิโลฯ 3 ต่อ 1 ครับ เพราะฉะนั้น ซื้อเขา 23 เท่ากับซื้อ 69 นี่เคราะห์ดีนะครับว่ากระเทียมดีแพงขึ้นมา แต่ก่อนนี้กระเทียมชาติอื่นเขาขายโลละ 45 บาท แกะแล้ว ของเราขายโลละ 70 บาท กำลังนี้ของเราขึ้นมากิโลฯ ละ 90 บาท กระเทียมศรีสะเกษกิโลฯ ละ 100 บาท ขายอยู่ตลาด ก็ดีนะครับ หอมมีกลิ่นแรง ฝรั่งจะชอบใช้กระเทียมไม่มีกลิ่น ก็เรื่องของฝรั่ง จีนจะใช้แบบจีนก็นั่น ที่เป็นผักฟ่าม ๆ แต่ของเรากินเป็นกลิ่น กึ่งเครื่องเทศ
เพราะฉะนั้น ผมเอากระเทียมมาให้ดูเพื่อจะบอกว่า ซื้อเขาไว้ 69 และเวลาจะขายจริง ๆ แล้วลงไปก็ต้องเหลือ 23 เท่านั้น จริง ๆ ซื้อไว้ 23 3 หนถึงจะเหลือก 1 กิโลฯ แปลว่า 1 กิโลฯ ที่แห้งเท่ากับ 69 เวลานี้ราคาของศรีสะเกษดีที่สุดคือ 100 บาท ราคาเชียงใหม่ เชียงราย กำลังนี้ 80-90 บาท เรายังพอมีกำไรครับ แต่ต้องอธิบายให้รู้ไว้ว่า วันนี้จะมาชวนให้ท่านทั้งหลายไปกินกระเทียม แล้วต้องกระเทียมไทยด้วยนะครับ ดีกว่ากระเทียมเทศไม่รู้เท่าไร ๆ ละครับ ผมยืนยันนะครับ ท่านซื้อกระเทียมอย่างนี้ครับ มีจุกมัดอย่างนี้ ไม่ใหญ่โต ซื้อแกะแล้วดีกว่าครับ นี่กระเทียม 1 กิโลฯ มาขนาดไหน นั่นก็ 1 กิโลฯ แกะได้ทำได้ ขอเรียนให้ทราบว่าวันนี้มาชักชวนเพราะอะไรครับ เพราะว่าชอบไปซื้อกระเทียมต่างชาติ ผมก็กลัว WTO (องค์การการค้าโลก) จะมาว่าผมไม่ออกชื่อละครับ หัวโตใหญ่ ๆ ซอยง่าย พวกกุ๊กพวกคนทำเขาชอบ แต่คนไทยเราถ้าทำกับข้าวเอง ซื้อเอง แม่ครัวทั้งหลายฟังไว้ต้องใช้กระเทียมอย่างนี้ครับ รสชาติดีแต่ว่าฉุนมีกลิ่น
อธิบายวิธีการทำน้ำพริกต้องใส่กระเทียมไทย
เพราะฉะนั้น วันนี้เอามาทำไม ผมไปเมื่อเช้านี้ ผมใช้เวลาครึ่งชั่วโมง มาก่อนเวลาครึ่งชั่วโมงแต่มาสถานีครับ ผมไปซื้อเมื่อกี้นี้ แม่ค้าถามทำไมมาเร็ว วันนี้ไม่ได้มาชิมไป บ่นไป แต่จะบอกให้ฟังว่ากระเทียมเป็นของที่เรียกว่า ดูถ้าตำน้ำพริกก่อน น้ำพริกถ้วยนี้ น้ำพริกกะปินะครับ กระเทียมส่วนหนึ่ง นี่กะปิดี น้ำตาล น้ำปลา มะนาว พริกขี้หนู เห็นไหมครับ แล้วก็มะเขือพวง โบราณใส่มะอึก วันนี้ไปเจอมะอึกเลยซื้อมาให้ดู เด็กไม่รู้จักมะอึก นี่สำหรับใส่น้ำพริกนะครับ ต้องขูดขนออกก่อนนะแล้วหั่นซอย ๆ ๆ ๆ เดี๋ยวนี้มะอึกหาไม่ได้ ก็ใส่มะเขือพวง เด็ดเสียก่อนแล้วบุบให้มันแตกหน่อย แล้วก็มะนาว เห็นไหมครับ นี่คือน้ำพริก ซื้อแล้วยังไง วันนี้เอามาอวดหน่อยไม่ได้ทำกับข้าว เลิกทำ
ดูนี่น้ำพริกปลาทู ผักทอด ชะอมชุบไข่ทอด มะเขือชุบไข่ทอด สำเร็จรูปซื้อมาให้ดูเลยนะครับ นี่ผักดิบ ผักสด ครับ ทีนี้ดูนี่ เป็นผักต้ม กะหล่ำปลีต้ม มะระขี้นกต้ม ดอกสลิดหรือเรียกดอกขจร ดอกแค กระเจี๊ยบ ถั่วฝักยาว นี่ผักต้มนะครับ นี่ผักดอง ผักเสี้ยน ผักหนาม หัวหอมดอง ต้องมาด้วยกัน 10 บาทเท่านั้นนะครับ นี่ผักดิบ กระถิน ถั่วฝักยาว หน่อไม้ลวก ขมิ้นขาว มะเขือ ผักดิบ ผักสด กินผัก นี่เอามาให้ดูเพื่อจะบอกว่านี่หัวใจอยู่ตรงนี้ครับ กระเทียมต้องกระเทียมไทย กระเทียมดี กะปิดี น้ำตาลต้องอย่างนั้นครับไม่เปรี้ยว นี่มะนาวอย่างนี้เปรี้ยวแท้ ๆ มะเขือพวงให้ดูหน้าตาดีอย่างนี้หน่อย พริกขี้หนูอย่างนี้ครับ เม็ดโตนิดหนึ่ง ต้องการให้เผ็ดมากโขลกแรง ๆ เผ็ดน้อยโขลกเบา ๆ เห็นไหมครับ กระเทียมหัวใจมันอยู่ในนี้ครับ ที่มาโฆษณาคงไม่มีใครว่าทำอะไรนะครับ
ทีนี้กระเทียมทำอะไรอีกครับ กระเทียมกินสด ๆ ปอกแล้วใส่ปากเหรอครับ อย่าทำอย่างนั้นครับ เอาอย่างนี้เชียงราย ปอกแล้วหั่นกระเทียม เอาขนมจีนมาวาง ขิงซอย มะนาว วางให้ดูใหม่ พริกขี้หนู เอาให้เผ็ดหน่อยเอาอันนี้ พริกป่น กุ้งแห้งป่น น้ำตาล ยกมาให้ดูเลยวางอย่างนี้ แล้วกะทิก็เอาไปเคี่ยวให้แตกมันเสียหน่อยเท่านั้น เห็นไหมครับ นี่เขาเรียกว่าอะไรครับ ขนมจีนซาวน้ำ ขนมจีนใสปั๊บเอานี่โรยไป กระเทียมหั่น ขิงโรย กระเทียมโรย กุ้งแห้งป่นแล้วโรย พริกป่นใส่ตามชอบ พริกขี้หนูอันนี้เผ็ดหน่อยเม็ดเล็ก มะนาวแก้มหนึ่งบีบ น้ำปลา วันอาทิตย์ใครไปซื้อมีขนมจีนซาวน้ำครับ อร่อยแน่นอนครับ มีโปรตีนอยู่ที่นี่ สายตาอยู่ที่นี่เผ็ด ไขมันอยู่ที่นี่ คาร์โบไฮเดรต นี่เป็นพวกประเภทเครื่องเทศ คือกระเทียม ดีขนาดไหน แต่ว่าใครทำกับข้าว ผมจะบอกให้ฟังครับ หัวใจอยู่ตรงนี้ครับ กับข้าวไทยไม่ต้องใส่ผงชูรส นี่ไงครับ รากผักชี เอามาให้ดูเด็กไม่เคยเห็นกระเทียมพริกไทย ต้มอะไรหม้อหนึ่ง เอากระดูกหมูต้มน้ำเปล่า ๆ ใส่น้ำปลาก็กินได้ครับ ขาหมูหั่นใส่น้ำปลากินได้ อะไรที่ต้มเป็นน้ำซุป แต่น้ำปลากินได้ทั้งนั้น แต่ทว่าเขาก็ไปใส่ผงชูรสกัน กำลังนี้ นี่คือผงชูรสไทย รากผักชีเอามาหั่นขวาง จะได้เป็นเสี้ยน หั่นละเอียด รากผักชี พริกไทย 3 อย่างโขลกละเอียดเลยครับ แกงหนึ่ง หม้อผักหนึ่ง ช้อนโขลกลงไป กระเทียมสัก 10 กลีบ พริกไทยสักช้อนโต๊ะ รากผักชี 4-5 ราก อย่าไปทั้งเป็นเสี้ยน หั่นขวางและโขลกให้ละเอียด ใส่ไปในหม้อน้ำซุป นี่คือผงชูรสไทยครับ อร่อยกว่าหลายขุม เติมน้ำปลาเข้าไปหน่อยเดียวเท่านั้นเอง
เอามาคุยให้ฟังเพื่อจะบอกว่า เอากระเทียม ทำไมเดี๋ยวนี้ เขาก็เกิดมากระเทียม 10 กลีบนั้น มีนะครับ เดี๋ยวนี้ต้องกระเทียมโทน ไปปลูกกระเทียมโทนกัน ไปดูเถอะครับ ให้แพงขึ้นไปอีก ไปคัดแต่กระเทียมโทน คือกระเทียมหัวเดียวกลม ๆ อันเดียวอย่างนั้น กระเทียมกลม ๆ เป็นตุ้มเรียกกระเทียมโทน เขาก็เอาไปทำกระเทียมดอง เห็นไหมครับ คนเอาไปทำยา เขาก็เอากระเทียม 1 กิโลฯ มะนาว 25 ลูกบีบใส่กัน ไปทิ้งให้เฟอร์เม้นท์ และเอาน้ำมากิน เขาบอกว่ารักษาโรคได้ ไปหาดูรายละเอียดแล้วกันครับ
วิธีการซื้อขายกระเทียมของชาวไร่กระเทียมในบางภาค
เพราะฉะนั้น ที่พูดกันนี่อุดหนุนหน่อยเถอะครับ 23 บาท เพื่อไม่ให้เขาปิดถนน ขู่เข็ญนะครับ จะขู่ไม่ขู่ดูแล้วนึกถึงทางภาคอื่นเขาทำกัน ภาคอื่นเขาทำยังไง ภาคอื่นเขาทำอย่างนี้ครับ เขาจะซื้อของนี่ พอออกมาเยอะปั๊บซื้อเลยครับ โลละ 13 โลละ 14 ซื้อหมดเลยครับ ชาวบ้านต้องเซ็นชื่อใครเป็นเจ้าของ ซื้อหมดละครับ 13,14 แล้วเก็บไว้นะครับ เสร็จแล้วก็ปิดถนน วันเสาร์-วันอาทิตย์ปิดถนนเลย วันจันทร์เข้ามากรุงเทพฯ วันอังคารเข้าครม. ครม.อนุมัติ 500 ล้านไปซื้อ 500 ล้านไม่สูญเปล่านะครับ เสร็จแล้วไปซื้อ 17,18,19 บาท ซื้อมา 13-14 บาท นี่ละครับ ซื้อ 17,18,19 กำไรทันทีครับ มีเรียบร้อยไหม ซื้อกันมีบัญชีเสร็จเลย ชื่อคนนั้น ๆ เจ้าของเสร็จ ต้องซื้อกับราษฎร เสร็จเรียบร้อยแล้วยังไง ใส่โกดังเก็บไว้ครับ พอถึงหน้าขาย ๆ เท่าไร ขาย 27 ขายหมดครับ 27 แต่ว่าของไม่ไปครับ 27 ของไม่ไป นั่นขายปลอมนะครับ มีคนจ่ายไหมครับ จ่ายเงินครับเรียบร้อยเลยครับ เสร็จแล้วพอถึงขายจริง ๆ เขาเรียกว่า user จริง ๆ พวกพรรค์อย่างว่ายี่ห้อนี้ ๆ นี่ละครับ 32 เห็นไหมครับซื้อไว้ 13-14 ปิดถนนปั๊บ 2-3 วันเสร็จ ตรงเข้ามา ครม.อนุมัติไปเลย 500 ล้าน เสร็จแล้วไปก็ไปซื้อ ๆๆๆๆ กำไร 4-5 บาทเท่านั้น ต่อกิโลฯ ซื้อ ๆๆ เสร็จเรียบร้อยเก็บเข้าโกดัง ถึงหน้าขายราคาขึ้นแล้ว เคยขาย 27 ได้เงินคืนรัฐบาลเรียบร้อย ไม่เสียหาย 27 แต่ขายจริงขาย 32 นี่เขาเรียกกินหัวกินกลางตลอดตัว
ขอให้ช่วยกันอุดหนุนซื้อกระเทียมไทย
อย่างนี้ละครับ ผมมาคิดบอกว่าคุณสมัครยี่ห้อเดียว ผมบอกอย่า ๆๆๆๆ ผมไม่คิดว่าทางราษฎรภาคเหนือจะประพฤติอย่างภาคอื่นที่เขาทำกัน ใครจะคิดทำอย่างนั้น ผมบอกเราใช้มาตรการเดียวกับเรื่องข้าว แปลว่าต้องเป็นเกษตรกร ไปซื้อมาเก็บไว้แล้วทำอย่างที่ว่านี่ ซื้อ 14-15 มาขาย 18-19 ปิดถนนรัฐบาลให้เงินไป คราวนี้รัฐบาลไม่ให้เงินละครับ บอกให้ไปซื้อตามราคาที่ขอมา ใครซื้อตามนี้ ยอมเลยครับ ซื้อไม่ได้โง่ เดี๋ยวจะว่าโง่ บอกว่าตรวจสอบก่อนครับ 1 ต่อ 3 ซื้อไว้ 100 กิโลฯ จะได้กระเทียมแห้งอย่างนี้ได้ 35 กิโลฯ เพราะฉะนั้น เท่ากับซื้อ 69 ครับ แต่ว่าเคราะห์ดีกำลังนี้ราคากระเทียมในตลาดขึ้นมา 80-90 ศรีสะเกษมาเป็นวุ่นยังไม่แกะนะครับ 100 บาท ไป ดู อ.ต.ก.สิครับ ผมนับดูเมื่อกี้ยาวประมาณสัก 5 เมตรสูงประมาณสัก 2 เมตร กว้าง 2 เมตร กระเทียมทั้งนั้นเลยครับ แม้แต่ราษฎรเขาทำ ผมชอบตรงนี้ เขาทำอย่างนี้ให้ดูรู้เลยครับ นี่ ๆ ไทยแลนด์แดนศิวิลัย มาอย่างนี้เลยครับ ก็ขอร้องนะครับ วันนี้ขอร้องให้ท่านทั้งหลายช่วยกันกินกระเทียมหน่อย กระเทียมเขาเอาไปทำใส่แคปซูลก็มี มีทั้งนั้นละครับ แต่ข้อสำคัญสุดขอให้กินกระเทียมไทย ให้ซื้อกระเทียมไทย แล้วอุดหนุนกระเทียมไทย นี่สำคัญนะครับ พ่อบ้านแม่เรือนทั้งหลายทำกับข้าวกินเองนี่ครับ รากผักชี กระเทียม พริกไทย นี่คือผงชูรสไทยไม่ต้องใส่ผงชูรสเลยครับ กระเทียมดีตำน้ำพริกออกมาดี ตลาดเขาใช้พริกเม็ดใหญ่ไปอีกแบบหนึ่ง เขาต้องการให้สีสันสวย จริง ๆ ใช้อันนี้ครับ อย่างนี้ครับ พรรค์อย่างนี้นะครับ หน่อไม้ต้ม ไม่ต้องปลาปูหรอก ไอ้นี่จิ้มไอ้นี่ก็อร่อยแล้วครับ ข้าวร้อนๆ มา ชมว่าร้านนี้เขาเก่ง ใส่แล้วก็คลุกข้าว ไข่เค็มลูกหนึ่งผ่าออกมาก็ใช้ได้ ไข่เจียวโปะลงไปก็อร่อยแล้วครับ ดีหน่อยมีหมูทอดกระเทียมพริกไทยยิ่งดี กุ้งยิ่งดียิ่งแพง อร่อยทั้งนั้นละครับ
แต่ว่าที่ดีคือว่าดูเศษเนื้อ เศษหมู ที่เขาทิ้งไว้ เมื่อวานไปถามที่เชียงใหม่ ประหลาดนะครับ สมัยผมเด็ก ๆ เนื้อวัวกิโลฯ ละ 15 เรากินไม่ได้นะ 15 แพง เขาก็แล่ ๆ เนื้อวัวเขาต้องเอาเนื้อล้วน ๆ เศษหนังพังพืดต่าง ๆ เขามากองไว้ 3 บาทเท่านั้นละครับ เศษ ๆ 3 บาท และความจนนี่ละครับ เอาเศษไปต้มกับหอมใหญ่ มันฝรั่ง มะเขือเทศ ต้ม ใส่รากผักชี กระเทียม พริกไทย แบบไทย ต้มอย่างนี้ครับ เขาเรียกว่าเป็นซุป แต่ใช้เศษเนื้อโลละ 3 บาท เศษเนื้ออันนี้ความจนเอาไปบด เข้าเครื่องบด ตลาดมีเครื่องบด ซึ่งตอนนั้นย่านตลาดบางลำพูเครื่องบด พอบดเสร็จเขาเอาผักชี ยี่หร่าคั่ว เสร็จแล้วก็โขลกเป็นผงมาคลุก แล้วเอาเกลือใส่หน่อย เขาเรียกว่าเนื้อนางเล็ด เขาเอาหวายมาทำเป็นกลม ๆ เอากระด้งมาวาง หวายเป็นอัน ก็หยิบมาปั้นเท่าลูกปิงปอง แล้วก็แผ่ พอมันชนขอบหวาย ก็ดึงขอบหวายออก และเขาก็วาง นั่นละครับแดดเดียวสมัยโบราณ เนื้อนางเล็ดแดดเดียว ไปฟังตอนแดดมันก็เด้งปึ๋งหลุดมาหมด แล้วเขาก็เอาตอกมาร้อยเป็นพวง 10 บาท สมัยแพงแล้วนะครับ อันละ 1 บาทสุดท้าย แต่ก่อน 10 อันบาทครับ และก็อันละบาท นี่ละครับแดดเดียวนี่ละครับ หรือสองแดดก็สุดแท้แต่แห้งหน่อย ร้อน ๆ น้ำมันแล้วทอดแฉ่ มันจะพองดูเหมือนที่อยู่ในแฮมเบอร์เกอร์ พองเลยครับ เสร็จแล้วไปใส่ขนมป้ง
น้ำพริกถ้วยอย่างนี้ละครับ คลุกข้าวร้อน ๆ แล้วเนื้อนางเล็ดที่ว่า สมัยก่อนกินเนื้อกันนะครับ แล้วทอดออกมามันฟูนอกฟูข้างฟูใน ใส่ปากชาม ข้าวชามโตหน่อยก็ 2 แผ่น ชามเล็กก็แผ่นเดียว อะไรจะยอดหาญอย่างนั้นไม่มี เดี๋ยวนี้เขาเปลี่ยนใหม่แล้วเอาหมูมาหั่นแทน และใช้หมูบด เหมือนกันครับ อร่อยเหมือนกัน ถ้ายิ่งใส่รากผักชี กระเทียม พริกไทย ปนโขลกไปหน่อย แล้วผักชียี่หร่าปนนิดหนึ่ง คั่วก่อนแล้วป่น และใส่เกลือป่นหน่อย น้ำปลาก็ได้ เอาตอกแข็ง ๆ มาวางเป็นวงกลม แล้ววางแบ ๆ ปั้นเท่าลูกปิงปองวางแบ ๆ แล้วตากแดด วางบนกระเด้ง
นี่มาเล่าให้ฟังเพื่ออะไรครับ เพื่อจะได้บอกว่าในน้ำพริก หัวใจคือกระเทียม และกระเทียมต้องเป็นกระเทียมไทย วันนี้กระเทียมไทยราคาตกต่ำ ก็อธิบายความให้ฟังไว้ อยากจะบอกอย่างนี้ว่า ถ้าหากว่าไทยไม่ช่วยไทยก็แล้วใครจะมาช่วยเรา เพลงเขาบอกอย่างนั้นครับ ผมก็ทำตามหน้าที่ของผมได้ แล้วนี่ก็คงไม่ผิดกฎบัตรกฎหมายอะไรและเอามาทำไม่ได้ ให้ทราบว่าเมื่อมีอะไรที่เราพอรู้ก็ไปดู เรื่องกระเทียมนั้นจะบอกให้คนที่กำลังชี้หน้าด่าบอกว่าไอ้โง่ไปซื้อได้ยังไง ไม่โง่หรอกครับถามก่อน ก่อนจะตัดสินใจเซ็นลงไปให้เขาซื้อ ความจริงเขาตกลงกัน 22 บาทไม่ใช่ 23 บาท เขาขอมา 23 ผมก็บอกให้ไป 23 เจ้าหน้าที่เขาบอกไม่ต้อง 22 พอ เขาก็ตกลงกันได้ แต่ที่เล่าเรื่องประวัติให้ฟังเมื่อกี้นี้คงจะไม่เหมือนกันครับ คงจะไม่ประพฤติเหมือนภาคอื่นที่เขาทำกัน แบบที่ว่าซื้อ ๆๆๆ จดชื่อไว้เสร็จหมด พอถึงวันเสาร์-อาทิตย์ก็ปิดถนน เสร็จแล้วก็มาขอ ครม. ให้เงินไปซื้อ แต่ว่าซื้อก็ไม่ซื้อของใครก็เก็บกำไร 5 บาท ถึงเวลา 27 ไม่ขาย แต่ขายนะครับเอกสารมาครบถ้วนหมดเลยครับ ถ้ามีเงินก็มาครับ แต่ของจริงไปขาย 32 บาท ขออนุญาตนะครับเล่าให้ฟัง
ประชุมส่งเสริมการท่องเที่ยวในจังหวัดเชียงใหม่
สุดท้ายเปลี่ยนที่หน่อยดีกว่าครับ เพราะว่าตรงนี้กับข้าวไปอยู่ตรงนั้น เขาว่าคุยกับข้าวหมด เอาตรงนี้ ตอนนี้จะคุยให้ฟังว่าเมื่อวานนี้ผมไปทำอะไรมา ผมไปประชุมที่เชียงใหม่ เพราะเขาบอกว่าเชียงใหม่เมื่อตอนสงกรานต์ นักท่องเที่ยวหลวม ก็เลยไปช่วยเขาหน่อย ก็ไปประชุม โอ้โหผู้คนมามากมาย ทีแรกจะเอา 17 จังหวัด เริ่มที่เชียงใหม่จะเอา 17 ภาคเหนือ ผมบอกขอภาคเหนือตอนบน 8 จังหวัด ก็คุยกันเรียบร้อยดีครับ ไปคุยกันเลยถามเรื่องโน่นเรื่องนี้อะไรต่าง ๆ ตกลงคุยกันเรื่องจะสนับสนุน ต้องมีศูนย์ประชุมจะได้มีงาน หน้า Low Season มิถุนายน กรกฎาคม สิงหาคม กันยายน ต้องช่วยหน่อย คนต้องหมั่นไปประชุมกันทางภาคเหนือหน่อยให้เคลื่อนไหว โรงแรมเขามีสาเหตุนะครับ ไปหาสาเหตุ เขาบอกสาเหตุตั้งแต่ปี 2004 (พ.ศ. 2547) พอสึนามิปัง ใครจะมาใต้ไม่มา ก็มาเหนือ เหนือตัวเลขก็ขึ้น ตัวเลขขึ้นโรงแรมก็สร้างอะไรต่ออะไรขึ้นหมด พอบัดนี้ข้างใต้เขากลับสู่สภาพเดิม นักท่องเที่ยวก็เฉลี่ยไปทางใต้ ทางเหนือก็หลวม ก็มีเหตุ พอรู้สาเหตุ เขาก็ช่วยกันคิดดีครับ คุยกันเรื่องโรงแรม เรื่องบริการโรงแรม เรื่องอาหารการกิน เรื่องห้องน้ำห้องท่าต่าง ๆ เรื่องผังเมืองที่มีปัญหา คุยกันเรื่องของเส้นทาง การเดินทางรถยนต์เป็นยังไง เรื่องบริการรถในเมือง เรื่องของเครื่องบินสายการบินมาไม่มา น้ำมันแพงเลยไม่มา หรือว่าไม่มาเพราะอะไร ก็ช่วยหมดครับ ประชุมกันหมด ผมก็รับหน้าเสื่อมาเลย ตามหน้าที่ต้องเป็นอย่างนั้นครับ ไปคุยให้ฟัง เหมือนสมัยนี้เขาเรียกภาษาฝรั่งต้องเรียกไป workshop แต่งตัวกันธรรมดา ใส่เสื้อตามสบาย เสร็จเรียบร้อยผมก็กลับ
เขาให้ไปดูลงเรือลงแม่น้ำปิง ถ่ายกันอยู่ข้าง ๆ นั่นละครับ ลงเรือไปดูตรงหัวโค้งที่เขาจะขุด เขาขุดไม่ได้ เขาให้ไปดูหน่อย สองฟากเหมือนตัวประหลาดอยู่ในเรือ ถ่ายกัน เข้าโรงแรมก็ถ่าย เดินออกก็ถ่าย พอถึงเวลาแถลงข่าวไม่ค่อยสนใจเท่าไรครับ นั่งกันแกน ๆ เท่านั้นเอง และก็จบ ผมก็เดินทางกลับ กลับมาก็เรียบร้อยครับไม่มีปัญหา คืออยากจะเรียนให้ทราบว่า เอาอย่างนี้ดีกว่า ไม่ใช่หมดประเด็นนะ ไม่อยากเปิดประเด็นอื่น เอาอันนี้เขาเขียนมาวันนี้
ตอบคำถามประชาชน
คำถาม อยากให้ดำเนินการกับ ASTV ใช้ถ้อยคำหยาบคาบ โจมตีนายกฯ ทุกวัน ขอให้ดำเนินการโดยเร็ว ไม่สบายใจ
นายกรัฐมนตรี จะเรียนให้ทราบนะครับ ท่านรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย (ร้อยตำรวจเอก เฉลิม อยู่บำรุง) ท่านดำเนินการตามกฎหมายที่มีอยู่ และท่านแถลงแล้ว ไม่ได้สั่งปิดแต่ว่าจะดำเนินคดีเพราะความหยาบคาบหมิ่นประมาทคนอื่นเขา เคเบิลทีวีทั้งหลายถ้าใครดูอยู่ ฟังไว้แล้วกันครับว่า คุณถ่ายทอดอันนั้นไป คุณก็ทำผิดด้วย เขาก็จะฟ้องคุณเท่านั้น เขาไม่ได้สั่งปิดคุณ คุณไม่ถอดคุณเอาไว้อย่างนั้นก่อนแล้วกัน ให้ทำลายลักษณ์อักษรเขาคงทำไปให้นะครับ เขาคงจะเตือนมาให้ เพราะไปอยู่บนสายไฟฟ้าเขาด้วย ไปทำความผิด เพราะฉะนั้น คุณถ่ายทอดคุณจะผิดด้วย เขาเตือนเท่านั้นละครับ และเขาจะดำเนินคดี ตัวต้นฉบับเขาก็ดำเนินคดี ถ้าใครทำผิดแล้วดำเนินคดี จะก่อให้เกิดอะไรขึ้นก็ไม่มีปัญหาละครับ คนที่ดำเนินการเขาต้องรับผิดชอบ ก็ ดำเนินการแล้วนะครับ
คำถาม อยากให้รัฐบาลออกกฎหมายตรวจสอบบัญชีทรัพย์สินพวกแกนนำที่ประชุม
นายกรัฐมนตรี ครับ แบบนี้ก็สอบรัฐมนตรีละครับ เขาไม่ได้ขึ้นทะเบียนไว้นี่ครับ เขาก็ไม่ได้มาจากเลือกตั้งตรงไหน พวกผมนี่ละครับมาจากเลือกตั้ง ถูกขึ้นทะเบียนเรียบร้อยหมดเลย ตรวจสอบหมดเลยครับ ไอ้โน่นผิดไอ้นี่ ซุกไอ้นี่ ซ่อน โดนหมดละครับ นี่ยังโดนมี 2 รัฐมนตรี ขอเรียนให้ทราบไว้เท่านั้นเอง มีคนถามคำถามบอกว่าแล้วยังไงยังไม่โปรดเกล้าฯ รัฐมนตรีที่แต่งตั้งแล้ว ทางข้างในเขาบอกผมมาว่า คิดว่าผมจะปรับตรงนี้ เขาจะสู้ถึงศาล ผมก็เลยยังละครับ ต้องทำหนังสือกราบเรียนไปข้างใน ต้องขอเวลาโปรดเฝ้าฯ ให้รัฐมนตรีได้ทำงาน ทีแรกนึกจะทำเสียให้เสร็จหมด เรื่องคดีความจะต้องดำเนินการต่อไปนะครับ ก็เรียนตอบคำถามว่า ไปตรวจสอบเขาไม่ได้ เพราะเขาไม่ขึ้นทะเบียน ชื่อเสียงใครอยู่ยังไงก็ไม่ทราบ 5 ท่านเลือกตั้งกันเมื่อไร ก็ไม่ทราบ ผมเลือกตั้ง 23 ธันวาคม 2550 ต้องไปขึ้นทะเบียน ต้องไปลงทะเบียน คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ต้องไปให้ใบมา ถือใบไปสภา สภารับเสร็จแล้วกรอกอะไรอีกมากมาย เสร็จเรียบร้อยแล้วต้องไปเฝ้าฯ ถวายสัตย์ปฏิญาณ แล้วก็เข้าสภา ยังทำอะไรไม่ได้อีก ต้องยื่นแถลงนโยบายเสร็จ นั่นละครับถึงจะเซ็นหนังสือทำอะไรต่ออะไรได้ พิธีกรรมเยอะครับพวกผม แต่ว่าพวกที่เขามากันตามใจชอบอย่างนั้น ตรวจสอบไม่ได้ละครับ แต่ก็คงพอเห็นนะครับ ถ้าตรวจทางโทรทัศน์ได้ครับถ้าไปทำความผิดอะไร
คำถาม ทำไมสื่อนิยมข่าวม็อบ จะนำเสนอข่าวเป็นประโยชน์
นายกรัฐมนตรี ไม่ได้ละครับ ไม่ได้เลย เขาบอกข่าวต้องเป็นข่าวครับ คงไม่กล้าว่าสื่อหรอกครับ เดี๋ยวจะเล่นงานผมอีก เขาชอบเสนอข่าวก็เรื่องของเขานะครับ
คำถาม จะต้องรวมประชาชนอีกคนที่จะยื่นฟ้องศาลต่อพวกชุมนุม เพราะเดินทางติดขัดลำบากมากทั้งเด็ก ผู้ปกครอง
นายกรัฐมนตรี ก็ลองฟ้องดูสิครับ จริง ๆ แจ้งความตำรวจ ๆ ฟ้องให้ครับ แจ้งความดีกว่าอย่าไปทำเองครับ แจ้งความแล้วตำรวจดำเนินการให้ ก็ยินดีครับถ้าหากมันติดขัดกีดขวางนะครับ
คำถาม เมื่อไรจะเลิกประท้วงกันสักที
นายกรัฐมนตรี ต้องไปถามที่สะพานมัฆวานฯ ถามผมไม่ได้หรอกครับตรงนี้ ผมเพียงแต่บอกว่าคุณทำผิดกฎหมาย คุณอยู่ตรงนี้ไม่ได้เท่านั้นละครับ โอ้โหทำไมผมต้องไปพูดเมื่อวันเสาร์ก่อน ก็ข่าวมาบอกจะล้อมทำเนียบ จะยึดทำเนียบ ผมก็ต้องไปพูดว่าอย่าทำอย่างนั้น เอาเข้าเลยครับเป็นทำนองว่านายสมัครประกาศสงคราม จะเอาให้ตายจะหักล้าง ตำรวจบอกไม่เคยพูดสักคำเดียวว่าจะต้องเป็นห้าโมงเย็น พูดเองเออเอง ประกาศว่าห้าโมงเย็นตำรวจขีดเส้นตาย กระโดดกันออกมาเป็นฝอย ๆๆๆ นักวิชาการ ล่อกันหมดเลยครับแพ้แล้ว รัฐบาลจะสลายม็อบ รัฐบาลแพ้แล้ว แล้วทำยังไงครับ ผมก็ต้องถอยออกมามอบให้ตำรวจดำเนินการ พอดีเขาได้รับโปรดเกล้าฯ ทำหน้าที่เต็มที่บอกคุณรับไปดูแลแล้วกัน คุณช่วยดูไป หนักหนายังไงก็บอกมาอย่างนั้น ต้องอย่างนี้ละครับ ภาษาตำรวจไทยวันละคำเขาเรียกว่าก็คาราคาซังกันอยู่อย่างนี้ครับ บ้านเมืองจะไปยังไง ที่เสียหายแน่นอนคือเรื่องท่องเที่ยว ใครเขาจะอยากมามีเรื่องพรรค์นี้อยู่กลางเมืองอย่างนี้อะไรต่าง ๆ ธุรกิจการค้าเสียหายครับ ความไว้วางใจอะไรต่าง ๆ ก็พูดแล้วไงจะปฏิวัติกันอีกแล้ว เรียกร้องกันอย่างโน้นอย่างนี้ จะเอากันอีกแล้ว และจริงไหมครับ ผมเป็นหัวหน้ารัฐบาล ผมต้อง บอกเป็นไปไม่ได้ครับ เป็นไปไม่ได้เลยบ้านเมืองควรจะสงบเรียบร้อย แต่ก็ก่อกันอย่างนี้ บรรดาสื่อสารทั้งหลายเขาคงรายงานทั้งสองซีกละครับ แต่ทางม็อบตื่นเต้นเขาคงรายงานที่ตื่นเต้นมากกว่า ทางผมก็จืดชืดไม่ค่อยมีอะไรนะครับ
คำถาม คูปองช่วยเหลือคนจน ติดต่อไปทางไหน
นายกรัฐมนตรี ยังครับเขาเริ่มหาหนทางว่าจะทำยังไง จะโอนเงินเข้า จะเอาเงินสด รอนิดเถอะครับ
คำถาม นโยบายออกตั๋วรถเมล์นั่งได้ทั้งวันเป็นนโยบายที่ดี เคยมีการใช้มาแล้ว พนักงาน ขสมก.ไม่พอใจ จึงยกเลิก
นายกรัฐมนตรี นี่ละครับ นาน ๆ จะเจอคนที่ตามทัน เพราะน้ำมันมันถ่ายได้ ถึงต้องใช้แก๊ส ถ่ายไม่ได้ครับ เพราะตั๋วขี่ช้างได้ เอาแต่การ์ดวันนี้ละครับ เดินทางได้ทั้งวัน เขาทำอันนี้ได้เพราะเขาต้องเปลี่ยนระบบเป็นแก๊สทั้งหมด จะได้หนี เสีย 10 กว่าบาทดีกว่าเสีย 40 บาท มีเหตุผลนะครับ แต่พวกที่มีเหตุผลดีกว่าเขาบอกหลักฐานพร้อม จะแฉเลยใครได้เท่าไรยังไง
คำถาม ราคาแก๊สหุงต้มทำยังไงให้ถูกลง ควรเปิดเผยต้นทุนให้ทราบ
นายกรัฐมนตรี เรื่องการจะเปิดเผยต้นทุนต้นรอนไม่เป็นปัญหาครับ มีกฎหมายบังคับให้ดูได้ และสำคัญสุดกำลังนี้ เขาขายของเขาไม่ได้ขายราคาจริง เขาเอาอะไรมาชดเชยกันอยู่ รายละเอียดนะครับ ผมจะให้รัฐมนตรีพลังงาน (พลโทหญิงพูนภิรมย์ ลิปตพัลลภ) มาคุยเอง
คำถาม อยากให้ทำสะพานคนข้ามแม่น้ำเจ้าพระยาแทนเรือข้ามฟาก
นายกรัฐมนตรี มีคนเคยคิดเคยบอกแล้วครับ ประเทศอื่นเขาก็ไม่ค่อยมีกันนะครับ นอกจากว่าทำสะพานใหญ่ แต่ไม่ให้รถเดิน แต่ให้คนเดิน ที่ฮังการีแม่น้ำดานูบ เขาก็ทำสะพานให้คนเดินข้าม ทำหลายสะพาน ความจริงเขาไม่ให้รถ เขาทำบันไดขึ้นเลย สะพานใหญ่นะครับ แต่บันไดขึ้นหัวท้าย แปลว่าให้คนเดิน จะเอาอย่างนั้นก็ได้ครับ แต่มันมโหฬารนะครับ ใครอยากจะทำ ก็เอาว่าลงเรือเฉพาะหน้า นอกนั้นก็ไปรถ ทำสะพานเดินข้าม ผมกลัวเดี๋ยวก็หัวเราะเยาะอีก
คำถาม นโยบายช่วยเหลือคนจน 400 บาท วิธีการยังไง จะได้รู้ว่าคนจนจริง เป็นนโยบายที่ดี แต่ควรจะทำบัตรสมาร์ทการ์ด
นายกรัฐมนตรี คุณหมอสุรพงษ์ (นายสุรพงษ์ สืบวงศ์ลี รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง) เป็นคนจะอธิบายความเรื่องนี้
คำถาม ที่ประกาศขึ้นราคาน้ำตาล ชาวไร่อ้อยยังไม่ได้รับครบ
นายกรัฐมนตรี เขาจะต้องเอาไปใช้หนี้ครับที่ได้มา 6,700 กว่าล้าน ท่านทั้งหลายที่เป็นคนถามมานี่ ท่านเป็นหนี้เขาอยู่ 17,000 ล้าน การปรับราคาตรงนั้นหนี้ของท่านลดลงไป 6,700 กว่าล้าน ยังไม่ได้ไปตรงนั้นละครับ แต่ต้องได้ 807 บาทอยู่ก่อน เขายังไม่นั่น 638 บาทเดี๋ยวเขาต้องจัดการ เรื่องนี้ท่านจะต้องได้ประมาณ 804 บาท
คำถาม อยากให้นายกฯ ดูแลเรื่อง กบข.ครูเทศบาล ซึ่งไม่มี กบข.เหมือนกระทรวงศึกษาธิการ
นายกรัฐมนตรี กำลังดูคือ กบข.เขาได้รับความสำเร็จอย่างยิ่งเลย และระบบนี้กำลังจะแพร่หลายไปในส่วนที่ว่าเขาก็ไม่อยากได้บำเหน็จ คือจะทำบำนาญกัน หลายหน่วยงานที่จะขอมา ซึ่งเขาบอกว่ารับได้ เขามีวิธีการนะครับ กำลังดูแลให้ คือแต่ก่อนนี้รัฐบาลเป็นคนให้บำนาญ เอางบประมาณไปจ่ายบำนาญ หารายได้ก็สะสมบำนาญ เดี๋ยวนี้เขาหักเลยครับ คุณให้เท่านี้ รัฐบาลให้เท่านี้ และเขาก็ตั้ง กบข. เขาเก่งครับ เขาบริหารเงินและเขาเป็นคนจ่ายบำนาญจากอันนี้
คำถาม อยากให้ท่านแก้ปัญหาสังคมควบคู่เศรษฐกิจ เฉพาะเรื่องยาเสพติดและการพนัน
นายกรัฐมนตรี ก็แบ่งงานกันทำนะครับ กำลังนี้ ปปส.ได้คนมือเก่ามาทำ ตำรวจต่าง ๆ ก็จะช่วยงานกัน ไม่เป็นปัญหาหรอกครับ ยาเสพติด การพนัน การพนันก็ปราบ ผิดกฎหมายนะครับ แต่กำลังนี้พอบอกว่าอยากจะทำให้มีการพนันถูกกฎหมาย ผมก็พูดอีกไม่ได้หรอกครับ อย่างนี้พูดอีกเดี๋ยวก็โดนอีกจะล่อกันยาวอีก แต่จะบอกเอาไว้นะครับ ฝรั่งมังค่าเปลี่ยนแปลงนะครับ ไม่เรียกว่าคาสิโนแล้วครับเดี๋ยวนี้ เขาทำใหญ่โตเขาเรียกว่า Entertainment Complex แล้วไม่ใช่คาสิโนบ้าเลือดแบบลาสเวกัส เขาทำทุกอย่างหมด เขามีกีฬา มีบันเทิง ครอบครัวไป ใครอยากไปเล่นก็เล่น ตรงที่เล่นเขาจะมีไม่เกิน 15 เปอร์เซ็นต์ เขาเรียกว่า Game Area นี่ความทันสมัยนะครับ คือว่าสร้างขึ้นมาเป็นตึกนี้ทุกอย่าง ไปทั้งครอบครัวไปได้ แต่ใครจะไปเล่นไปตรง Game Area มี 15 เปอร์เซ็นต์ นอกนั้น 85 เปอร์เซ็นต์เป็น Entertainment เขาว่าอย่างนั้นนะครับ กำลังนี้ใครมีบ้าง เวียดนามกำลังมีแล้วครับ เวียดนามอยู่ชายทะเลตกลงกันแล้วครับ กัมพูชาก็มีครับ แต่ไทยคงยังไม่มีไม่ได้หรอกครับ แต่ว่าถ้าหากจะมีก็ต้องอธิบายความให้ดู และต้องมีกฎหมายมารองรับว่า Game Area 15 เปอร์เซ็นต์ ยอมได้ไหม ถ้ายอมได้เราก็จะมี Entertainment Complex ก็เล่าเปิดไว้ให้ฟังนะครับ หวังใจว่าคงไม่วิพากษ์วิจารณ์ว่าสมัครเอาอีกแล้ว
คำถาม อยากให้ช่วยเหลือการประนอมหนี้ธนาคาร ช่วยประชาชนกำลังลำบาก กรุณาขึ้นค่าแรง
นายกรัฐมนตรี ถ้าเป็นหนี้ไปขึ้นตรงค่าแรงตรงนั้นมันแก้หนี้ไม่ได้ แต่ว่าช่วยประทังประนอมหนี้ทำได้ครับ ถ้ามีเงินเดือนเป็นหลักฐาน และเอามาเข้าระบบ ประเภทร้อยละ 10 เอามาเข้าระบบ 8 ต่อปี ร้อยละ 10 ต่อเดือน แปลว่าปีละ 120 ต่อปี แต่ว่าร้อยละ 8 ผ่อนชำระทั้งต้นทั้งดอก เรื่องนี้มีหนทางช่วยได้ครับ ส่งรายละเอียดมาแต่ละคนจะดูว่ายังไง
คำถาม อยากทราบเรื่องการสร้างถนนเพชรเกษมแยกมาลัยแมน มีแต่ตอม่อไม่ดำเนินการ รถติดเป็นแถว
นายกรัฐมนตรี ผมต้องไปดูให้กำลังใจ ผ่านครั้งหลังสุดก็ไม่ทันสังเกตครับว่ามีแต่ตอม่อ-อยู่ทางนั้น
คำถาม อย่าพูดเรื่องสินค้าโอท็อป ไม่ใช่อย่าพูด ต้องอยากให้พูดเรื่องสินค้าโอท็อปบ้าง เพราะตอนนี้เดือดร้อนมาก เฉพาะผ้าไทยขายไม่ออก ทำยังไงดี
นายกรัฐมนตรี เขาบอกเคยขายผืนหนึ่ง 6,000 บาท ผ้าทออย่างดีเลย คนหิ้วมาให้ดูบอกว่าถ้าขาย 3,500 บาทแทบจะกราบเลย เพราะจะได้มีเงินไปใช้อะไรต่าง ๆ ผมเลยต้องซื้อ 2 ผืน เคย 6,000 บาทเขาขาย 3,500 บาทอธิบายความยากจน ความเดือดร้อนให้ดู คงไม่หลอกละครับ เพราะคนที่เอามาขายให้เป็นคุณครู เป็นผู้อำนวยการโรงเรียน
คำถาม บางคนแพ้แอร์
นายกรัฐมนตรี มีครับรถเมล์ร้อนมีแน่นอน ไม่มีปัญหา แต่ตอนนี้ปัญหาคือเวลาหมด ต้องขอขอบพระคุณที่ได้กรุณาส่งคำถามเข้ามา ผมอยากจะคุยเรื่องอื่นกลัวมีเรื่อง ก็เลยว่าเอาเรื่องมาตอบคำถามซะ ได้ตอบคำถามเยอะนิดหนึ่งนะครับ รายการคงจะมีเหมือนเดิมนะครับ ก็ลองดูแล้วกันครับว่า สิ่งที่ผมพูด พูดเองเพื่อไม่ให้ผ่านออกข่าวให้เข้าหูท่านเลย โปรดใช้วิจารณญาณในการรับฟังที่ผมได้อธิบาย ทั้งฝ่ายค้าน ผู้ดำเนินการทางการเมือง และท่านประชาชนผู้เป็นเจ้าของสิทธิกรุณาด้วย ผมทำหน้าที่ของผมแล้วนะครับ ลองดูสิว่าจะว่ายังไง แต่ว่าวันที่ 25 มิถุนายนนี้อภิปรายงบประมาณ วันนี้เวลาหมดครับ อาทิตย์หน้าพบกันใหม่ครับ สวัสดีครับ
--กลุ่มยุทธศาสตร์และแผนการประชาสัมพันธ์ สำนักโฆษก--