นายกรัฐมนตรีเป็นประธานการประชุมส่งเสริมปีการท่องเที่ยวไทยที่จังหวัดเชียงใหม่ พร้อมผลักดันการก่อสร้างศูนย์ประชุมและจัดแสดงสินค้านานาชาติ เพื่อรองรับตลาดไมซ์และเชื่อมโยงการท่องเที่ยวในภูมิภาค
วันนี้ (14 มิ.ย.) เวลา 09.00 น. ณ โรงแรมแชงกรีล่า จังหวัดเชียงใหม่ นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เป็นประธานการประชุมการส่งเสริมการท่องเที่ยวจังหวัดเชียงใหม่ และ 7 จังหวัดภาคเหนือตอนบน ตามนโยบายรัฐบาล เพื่อส่งเสริม “ปีแห่งการท่องเที่ยวไทย พ.ศ. 2551-2552” โดยมีนายวีระศักดิ์ โควสุรัตน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ และผู้ว่าราชการ 7 จังหวัดภาคเหนือตอนบน ผู้บริหารภาคธุรกิจด้านการท่องเที่ยวจังหวัดเชียงใหม่ และ 7 จังหวัดภาคเหนือตอนบน รวมทั้งหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เข้าร่วมประชุม
ภายหลังเสร็จสิ้นการประชุม นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี แถลงว่า จากการพบปะกับผู้ที่เกี่ยวข้องทำให้ได้ข้อสรุปหลายข้อ ซึ่งสาเหตุที่มีนักท่องเที่ยวมาภาคเหนือน้อยลงมีที่มาจากภัยสึนามิทางภาคใต้ที่ทำให้นักท่องเที่ยวแห่ขึ้นมาภาคเหนือ แต่พอภาคใต้กลับเป็นปกตินักท่องเที่ยวก็เดินทางกลับไปเที่ยวภาคใต้ ทำให้ภาคเหนือซาลงไป รวมทั้งสถานการณ์บ้านเมืองไม่ปกติ ในช่วงเวลา 1 ปีกว่าที่ผ่านมา ทำให้นักท่องเที่ยวไม่เข้ามาในประเทศ จำนวนนักท่องเที่ยวหดหายไปมาก จึงต้องเร่งทำการแก้ไข โดยอันดับแรกจะมีการผลักดันโครงการก่อสร้างศูนย์ประชุมและแสดงสินค้านานาชาติ จะใช้งบประมาณ 2,300 ล้านบาท ซึ่งจะมีการประกวดราคาก่อนสิ้นปีนี้เพื่อดึงนักท่องเที่ยวช่วง Low Season ให้มาประชุมกันที่ภาคเหนือมากขึ้น อีกทั้งศูนย์ประชุมดังกล่าวจะรองรับกลุ่ม MICE ซึ่งจะเป็นการสร้างรายได้สู่ท้องถิ่นอีกทางหนึ่ง ทั้งนี้ ในระยะต่อไปจะมีการประสานกับกระทรวงคมนาคมให้จัดหาเที่ยวบินตรงจากต่างประเทศ เพื่ออำนวยความสะดวกให้แก่ผู้เดินทางรองรับกลุ่ม MICE ดังกล่าว
ทางด้านการพัฒนาเส้นทางคมนาคมเพื่อร่นระยะการเดินทางจากเชียงใหม่ไปแม่ฮ่องสอน และเป็นการประหยัดน้ำมัน นายกรัฐมนตรีจะรับไปพิจารณาร่วมกับกรมทางหลวง ส่วนการพัฒนาเส้นทางคมนาคม แพร่-น่าน พะเยา-น่าน การเดินทางใช้เวลานาน รองผู้ว่าราชการจังหวัดน่านเสนอว่า ควรจะมีการเจาะอุโมงค์เพื่อลดระยะทางในการเดินทางระหว่างน่านกับพะเยา รวมทั้งการพัฒนาเส้นทางลี้-เถิน ระยะทาง 106 กิโลเมตร ถนนแคบ ควรมีการเสริมไหล่ทางเชื่อมอำเภอสอด อำเภออมก๋อยไปจังหวัดแม่ฮ่องสอน และเส้นทางแม่ฮ่องสอน แม่ระมาศ ท่าสองยาง สบเมย แม่สะเรียง ควรมีการปรับลดความลาดชัน ซึ่งนายกรัฐมนตรีได้มอบให้ผู้ว่าราชการจังหวัดแม่ฮ่องสอนไปทำรายละเอียด
สำหรับเส้นทางที่อยู่ในความรับผิดชอบของอุทยานแห่งชาติดอยสุเทพ-ปุย และอำเภออมก๋อยถึงอำเภอท่าสองยาง จังหวัดตาก 54 กิโลเมตร เป็นเส้นทางค้าขาย แม่ระมาศ-แม่สอด ติดชายแดนไทย-พม่า ซึ่งได้มีการสำรวจเส้นทางไว้แล้ว โดยนายกรัฐมนตรีขอให้ไปประชุมหารือภายในจังหวัดก่อน และนายกรัฐมนตรีรับที่จะไปดูรายละเอียดในเรื่องนี้
ขณะเดียวกันได้มีการส่งเสริมให้มีการสร้างรถไฟรางคู่ และรถไฟความเร็วสูงในภาคเหนือด้วย เพื่อลดต้นทุนการผลิตและการจัดส่งสินค้าเกษตรที่รวดเร็ว โดยจะมีการส่งเสริมการท่องเที่ยวเป็นเครือข่ายเชื่อมโยงภาคเหนือและประเทศใกล้เคียง อย่างไรก็ตาม ในการประชุมดังกล่าวได้มีการเสนอเรื่องการจัดหาเครื่องบินเอทีอาร์ที่มีสภาพดี ราคาไม่แพง บินให้บริการในลักษณะสายการบินต้นทุนต่ำ (Low Cost) เชื่อมจังหวัดในภาคเหนือ
ส่วนข้อเสนอของภาคเอกชนกรณีที่เครื่องบินหลายประเทศยกเลิกเที่ยวบินหรือเปลี่ยนเส้นทางบินไปประเทศอื่นแทน รวมทั้งตารางการบินของสายการบินภายในประเทศยังไม่เหมาะสมกับการจัดโปรแกรมการท่องเที่ยว และในการเชื่อมโยงกับเที่ยวบินต่างประเทศไม่สอดคล้องกันนั้น นายกรัฐมนตรีจะนำเรื่องนี้หารือกับการบินไทย เพื่อจัดเที่ยวบินให้เพียงพอ และดำเนินการบินให้เป็นประจำ โดยราคาไม่สูงเกินไป ในส่วนการลดค่า Landing Fee 95% ต่อไปอีก 6 เดือนจะหารือกับการท่าอากาศยานต่อไป
นอกจากนี้ เรื่องสำคัญคือ จะต้องหาอะไรใหม่ ๆ ไปขายให้แก่นักท่องเที่ยว เช่น การทำแพ็กเกจ Longweek 3 วัน 7 วันให้นักท่องเที่ยวได้เที่ยวในหลาย ๆ จังหวัด เน้นเสนอสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญ ๆ และใหม่ ๆ เป็นต้น รวมไปถึงการดูแลความปลอดภัยแก่นักท่องเที่ยวทุกด้าน และการส่งเสริมโครงการห้องน้ำสะอาดทุกพื้นที่ให้นักท่องเที่ยวประทับใจ
หลังจากนั้น นายกรัฐมนตรีและคณะได้ลงเรือศรีเวียงพิงค์ 49 ที่ท่าเรือโรงแรมโซฟิเทล จังหวัดเชียงใหม่ เพื่อล่องเรือชมทิวทัศน์แม่น้ำปิงและรับประทานอาหารเย็น ก่อนที่จะเดินทางกลับกรุงเทพฯ ในวันเดียวกัน
--กลุ่มยุทธศาสตร์และแผนการประชาสัมพันธ์ สำนักโฆษก--
วันนี้ (14 มิ.ย.) เวลา 09.00 น. ณ โรงแรมแชงกรีล่า จังหวัดเชียงใหม่ นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เป็นประธานการประชุมการส่งเสริมการท่องเที่ยวจังหวัดเชียงใหม่ และ 7 จังหวัดภาคเหนือตอนบน ตามนโยบายรัฐบาล เพื่อส่งเสริม “ปีแห่งการท่องเที่ยวไทย พ.ศ. 2551-2552” โดยมีนายวีระศักดิ์ โควสุรัตน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ และผู้ว่าราชการ 7 จังหวัดภาคเหนือตอนบน ผู้บริหารภาคธุรกิจด้านการท่องเที่ยวจังหวัดเชียงใหม่ และ 7 จังหวัดภาคเหนือตอนบน รวมทั้งหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เข้าร่วมประชุม
ภายหลังเสร็จสิ้นการประชุม นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี แถลงว่า จากการพบปะกับผู้ที่เกี่ยวข้องทำให้ได้ข้อสรุปหลายข้อ ซึ่งสาเหตุที่มีนักท่องเที่ยวมาภาคเหนือน้อยลงมีที่มาจากภัยสึนามิทางภาคใต้ที่ทำให้นักท่องเที่ยวแห่ขึ้นมาภาคเหนือ แต่พอภาคใต้กลับเป็นปกตินักท่องเที่ยวก็เดินทางกลับไปเที่ยวภาคใต้ ทำให้ภาคเหนือซาลงไป รวมทั้งสถานการณ์บ้านเมืองไม่ปกติ ในช่วงเวลา 1 ปีกว่าที่ผ่านมา ทำให้นักท่องเที่ยวไม่เข้ามาในประเทศ จำนวนนักท่องเที่ยวหดหายไปมาก จึงต้องเร่งทำการแก้ไข โดยอันดับแรกจะมีการผลักดันโครงการก่อสร้างศูนย์ประชุมและแสดงสินค้านานาชาติ จะใช้งบประมาณ 2,300 ล้านบาท ซึ่งจะมีการประกวดราคาก่อนสิ้นปีนี้เพื่อดึงนักท่องเที่ยวช่วง Low Season ให้มาประชุมกันที่ภาคเหนือมากขึ้น อีกทั้งศูนย์ประชุมดังกล่าวจะรองรับกลุ่ม MICE ซึ่งจะเป็นการสร้างรายได้สู่ท้องถิ่นอีกทางหนึ่ง ทั้งนี้ ในระยะต่อไปจะมีการประสานกับกระทรวงคมนาคมให้จัดหาเที่ยวบินตรงจากต่างประเทศ เพื่ออำนวยความสะดวกให้แก่ผู้เดินทางรองรับกลุ่ม MICE ดังกล่าว
ทางด้านการพัฒนาเส้นทางคมนาคมเพื่อร่นระยะการเดินทางจากเชียงใหม่ไปแม่ฮ่องสอน และเป็นการประหยัดน้ำมัน นายกรัฐมนตรีจะรับไปพิจารณาร่วมกับกรมทางหลวง ส่วนการพัฒนาเส้นทางคมนาคม แพร่-น่าน พะเยา-น่าน การเดินทางใช้เวลานาน รองผู้ว่าราชการจังหวัดน่านเสนอว่า ควรจะมีการเจาะอุโมงค์เพื่อลดระยะทางในการเดินทางระหว่างน่านกับพะเยา รวมทั้งการพัฒนาเส้นทางลี้-เถิน ระยะทาง 106 กิโลเมตร ถนนแคบ ควรมีการเสริมไหล่ทางเชื่อมอำเภอสอด อำเภออมก๋อยไปจังหวัดแม่ฮ่องสอน และเส้นทางแม่ฮ่องสอน แม่ระมาศ ท่าสองยาง สบเมย แม่สะเรียง ควรมีการปรับลดความลาดชัน ซึ่งนายกรัฐมนตรีได้มอบให้ผู้ว่าราชการจังหวัดแม่ฮ่องสอนไปทำรายละเอียด
สำหรับเส้นทางที่อยู่ในความรับผิดชอบของอุทยานแห่งชาติดอยสุเทพ-ปุย และอำเภออมก๋อยถึงอำเภอท่าสองยาง จังหวัดตาก 54 กิโลเมตร เป็นเส้นทางค้าขาย แม่ระมาศ-แม่สอด ติดชายแดนไทย-พม่า ซึ่งได้มีการสำรวจเส้นทางไว้แล้ว โดยนายกรัฐมนตรีขอให้ไปประชุมหารือภายในจังหวัดก่อน และนายกรัฐมนตรีรับที่จะไปดูรายละเอียดในเรื่องนี้
ขณะเดียวกันได้มีการส่งเสริมให้มีการสร้างรถไฟรางคู่ และรถไฟความเร็วสูงในภาคเหนือด้วย เพื่อลดต้นทุนการผลิตและการจัดส่งสินค้าเกษตรที่รวดเร็ว โดยจะมีการส่งเสริมการท่องเที่ยวเป็นเครือข่ายเชื่อมโยงภาคเหนือและประเทศใกล้เคียง อย่างไรก็ตาม ในการประชุมดังกล่าวได้มีการเสนอเรื่องการจัดหาเครื่องบินเอทีอาร์ที่มีสภาพดี ราคาไม่แพง บินให้บริการในลักษณะสายการบินต้นทุนต่ำ (Low Cost) เชื่อมจังหวัดในภาคเหนือ
ส่วนข้อเสนอของภาคเอกชนกรณีที่เครื่องบินหลายประเทศยกเลิกเที่ยวบินหรือเปลี่ยนเส้นทางบินไปประเทศอื่นแทน รวมทั้งตารางการบินของสายการบินภายในประเทศยังไม่เหมาะสมกับการจัดโปรแกรมการท่องเที่ยว และในการเชื่อมโยงกับเที่ยวบินต่างประเทศไม่สอดคล้องกันนั้น นายกรัฐมนตรีจะนำเรื่องนี้หารือกับการบินไทย เพื่อจัดเที่ยวบินให้เพียงพอ และดำเนินการบินให้เป็นประจำ โดยราคาไม่สูงเกินไป ในส่วนการลดค่า Landing Fee 95% ต่อไปอีก 6 เดือนจะหารือกับการท่าอากาศยานต่อไป
นอกจากนี้ เรื่องสำคัญคือ จะต้องหาอะไรใหม่ ๆ ไปขายให้แก่นักท่องเที่ยว เช่น การทำแพ็กเกจ Longweek 3 วัน 7 วันให้นักท่องเที่ยวได้เที่ยวในหลาย ๆ จังหวัด เน้นเสนอสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญ ๆ และใหม่ ๆ เป็นต้น รวมไปถึงการดูแลความปลอดภัยแก่นักท่องเที่ยวทุกด้าน และการส่งเสริมโครงการห้องน้ำสะอาดทุกพื้นที่ให้นักท่องเที่ยวประทับใจ
หลังจากนั้น นายกรัฐมนตรีและคณะได้ลงเรือศรีเวียงพิงค์ 49 ที่ท่าเรือโรงแรมโซฟิเทล จังหวัดเชียงใหม่ เพื่อล่องเรือชมทิวทัศน์แม่น้ำปิงและรับประทานอาหารเย็น ก่อนที่จะเดินทางกลับกรุงเทพฯ ในวันเดียวกัน
--กลุ่มยุทธศาสตร์และแผนการประชาสัมพันธ์ สำนักโฆษก--