รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีกล่าวถึงการทำงานของรัฐบาลในหลายเรื่อง เช่น โครงการเกษียณอายุก่อนราชการ นโยบายการขอคืนที่ดินราชพัสดุ การจัดสรรเงินจากกองทุนสงเคราะห์เกษตรกร โครงการก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีม่วง โครงการรับจำนำข้าวเปลือกนาปรัง ปี 51
วันนี้ (14 มิ.ย.) เวลา 11.10 น. นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวในรายการ “คุยนอกทำเนียบกับทีมโฆษกรัฐบาล” ทางสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย กรมประชาสัมพันธ์ ว่า วันนี้เป็นวันบริจาคโลหิตโลก ซึ่งการบริจาคเลือดถือเป็นการให้ที่ยิ่งใหญ่อย่างหนึ่ง โดยมีการจัดกิจกรรมและเปิดรับบริจาคโลหิตที่ศูนย์บริการโลหิตแห่งชาติ สภากาชาดไทย จึงขอเชิญชวนประชาชนร่วมบริจาคเลือดเพื่อสร้างชีวิตให้กับเพื่อนร่วมโลก นอกจากนี้ ยังกล่าวถึงโครงการเกษียณอายุก่อนกำหนดหรือเออร์ลี่รีไทร์ ซึ่งเดิมสูตรการคำนวณเงินก้อนตามมติคณะรัฐมนตรีสำหรับข้าราชการที่เข้าร่วมโครงการเกษียณอายุก่อนกำหนดนั้น จะคำนวณจาก 8 เท่าคูณด้วยเงินเดือนบวกเงินประจำตำแหน่ง ยอดรวมทั้งหมดต้องไม่เกิน 15 เท่าของเงินเดือนบวกเงินประจำตำแหน่ง ซึ่งในส่วนของข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาได้ให้นำเงินวิทยฐานะไปคำนวณแทนเงินประจำตำแหน่ง ส่วนข้าราชการพลเรือนในสถาบันอุดมศึกษาให้คำนวณเงินประจำตำแหน่งในอัตราสูงสุดเพียงอัตราเดียว เพื่อไม่ให้เกิดความเหลื่อมล้ำกับข้าราชการอื่น
ขณะที่นางสาววีรินทร์ทิรา นาทองบ่อจรัส รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า คณะรัฐมนตรีได้เห็นชอบนโยบายการขอคืนที่ดินราชพัสดุ เพื่อนำไปให้เกษตรกรเช่าทำการเกษตร ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ซึ่งได้ให้กระทรวงต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง และหน่วยราชการได้สำรวจและส่งคืนที่ราชพัสดุที่ครองครองไว้เกินความจำเป็น และ/หรือไม่ได้ใช้ประโยชน์สามารถทำการเกษตรได้ ไม่ต่ำกว่า 1 ล้านไร่ ภายใน 3 เดือนนี้ นับตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีได้มีมติให้ส่งคืนที่ราชพัสดุ ในส่วนของกระทรวงการคลัง กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงพลังงาน และกระทรวงอุตสาหกรรม ได้ไปตกลงร่วมกันในการกำหนดแนวทางการดำเนินการ เพื่อให้มีการนำที่ดินไปใช้ในพื้นที่เกษตรกรรมอย่างเหมาะสม และเป็นรูปธรรมโดยเร็ว ทั้งนี้ ตามกฎหมายกรมธนารักษ์คิดค่าเช่า 20 บาทต่อไร่ โดยนายกรัฐมนตรีได้สั่งการให้ทบทวนอัตราค่าเช่าให้เหมาะสมกับสภาพสถานการณ์ในปัจจุบัน และขอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องไปหารือร่วมกันเพื่อกำหนดหลักเกณฑ์และความเหมาะสมในการปลูกพืชในแต่ละพื้นที่ด้วย รวมถึงกำหนดคุณสมบัติของเกษตรกรที่มีสิทธิ์ที่จะเข้าไปเช่าที่ดิน และเตรียมที่จะบริหารจัดการเรื่องชลประทานเพื่อรองรับกับนโยบายดังกล่าวด้วย
นอกจากนี้ คณะรัฐมนตรีได้อนุมัติจัดสรรเงินจากกองทุนสงเคราะห์เกษตรกร ตามมติคณะกรรมการสงเคราะห์เกษตรกร ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ โดยให้มีการจัดสรรให้กรมส่งเสริมสหกรณ์ยืมเงินจำนวน 1,000 ล้านบาทโดยไม่เสียดอกเบี้ย มีกำหนดชำระคืนภายใน 5 ปี และเงินจ่ายขาดจำนวนอีก 12 ล้านบาท เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการบริหารโครงการตามโครงการสนับสนุนสินเชื่อเพื่อจัดหาปัจจัยการผลิตทางการเกษตรให้แก่สถาบันการเกษตร รวมถึงมีการจัดสรรให้กรมการข้าวยืมเงินอีก จำนวน 400 ล้านบาท เพื่อดำเนินการตามโครงการเพิ่มปริมาณการผลิตเมล็ดพันธุ์ข้าว และให้กรมการข้าวตั้งงบประมาณชดใช้คืนกองทุนสงเคราะห์เกษตรกร หากไม่ได้รับการจัดสรรงบประมาณให้กรมการข้าวนำเงินจากการจำหน่ายเมล็ดพันธุ์ส่งคืนกองทุนสงเคราะห์เกษตรกร ภายในระยะเวลา 5 ปี
รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ยังกล่าวถึงโครงการก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีม่วงว่า คณะรัฐมนตรีได้รับทราบรายงานการขอปรับวงเงินงบประมาณงานด้านโยธาสำหรับโครงการก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีม่วง ช่วงบางใหญ่-บางซื่อ ช่วงบางซื่อ-ราษฎร์บูรณะ วงเงิน 3.6 หมื่นล้านบาทจากเดิม 3.1 หมื่นล้านบาท เนื่องจากต้นทุนราคาวัสดุก่อสร้างปรับตัวสูงขึ้นจากสถานการณ์ราคาน้ำมันแพงในขณะนี้ โดยกระทรวงคมนาคมจะได้ไปจัดทำรายละเอียดเพื่อนำกลับมาเสนอคณะรัฐมนตรีเห็นชอบภายในสัปดาห์หน้าต่อไป ในส่วนของโครงการรับจำนำข้าวเปลือกนาปรัง ปี 2551 ซึ่งคณะรัฐมนตรีได้อนุมัติวงเงิน 1,132.17 ล้านบาทเพื่อใช้สำหรับค่าใช้จ่ายในการดำเนินโครงการรับจำนำข้าวเปลือกนาปรังในปีนี้ โดยตั้งเป้ารับจำนำข้าวเปลือก จำนวน 3.5 ล้านตัน มีการกำหนดราคารับจำนำข้าวเปลือกนาปรัง ดังนี้ ข้าวเปลือกนาปรัง ความชื้นไม่เกิน 15% แบ่งเป็น ข้าวเปลือกเจ้านาปรัง 100% ราคาตันละ 14,000 บาท ข้าวเปลือกเจ้านาปรัง 5% ราคาตันละ 13,800 บาท ข้าวเปลือกเจ้านาปรัง 10% ราคาตันละ 13,600 บาท ข้าวเปลือกเจ้านาปรัง 15% ราคาตันละ 13,200 บาท ข้าวเปลือกเจ้านาปรัง 25% ราคาตันละ 12,800 บาท ข้าวเปลือกปทุมธานีชนิดสีต้นข้าว 42 กรัม ราคาตันละ 14,000 บาท ชนิดสีต้นข้าวต่ำกว่า 42 กรัม ปรับลดกรัมละ 100 บาท นอกจากนี้ ยังเห็นชอบให้ตั้งคณะทำงาน 3 ชุดขึ้นมาเพื่อทำหน้าที่ในการบริหารจัดการและติดตามการดำเนินงานโครงการต่าง ๆ คือ คณะทำงานพิจารณาและจัดการรับจำนำข้าว คณะทำงานพิจารณาสีแปรสภาพข้าวเปลือก และคณะทำงานพิจารณาจำหน่ายข้าวสาร
--กลุ่มยุทธศาสตร์และแผนการประชาสัมพันธ์ สำนักโฆษก--
วันนี้ (14 มิ.ย.) เวลา 11.10 น. นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวในรายการ “คุยนอกทำเนียบกับทีมโฆษกรัฐบาล” ทางสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย กรมประชาสัมพันธ์ ว่า วันนี้เป็นวันบริจาคโลหิตโลก ซึ่งการบริจาคเลือดถือเป็นการให้ที่ยิ่งใหญ่อย่างหนึ่ง โดยมีการจัดกิจกรรมและเปิดรับบริจาคโลหิตที่ศูนย์บริการโลหิตแห่งชาติ สภากาชาดไทย จึงขอเชิญชวนประชาชนร่วมบริจาคเลือดเพื่อสร้างชีวิตให้กับเพื่อนร่วมโลก นอกจากนี้ ยังกล่าวถึงโครงการเกษียณอายุก่อนกำหนดหรือเออร์ลี่รีไทร์ ซึ่งเดิมสูตรการคำนวณเงินก้อนตามมติคณะรัฐมนตรีสำหรับข้าราชการที่เข้าร่วมโครงการเกษียณอายุก่อนกำหนดนั้น จะคำนวณจาก 8 เท่าคูณด้วยเงินเดือนบวกเงินประจำตำแหน่ง ยอดรวมทั้งหมดต้องไม่เกิน 15 เท่าของเงินเดือนบวกเงินประจำตำแหน่ง ซึ่งในส่วนของข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาได้ให้นำเงินวิทยฐานะไปคำนวณแทนเงินประจำตำแหน่ง ส่วนข้าราชการพลเรือนในสถาบันอุดมศึกษาให้คำนวณเงินประจำตำแหน่งในอัตราสูงสุดเพียงอัตราเดียว เพื่อไม่ให้เกิดความเหลื่อมล้ำกับข้าราชการอื่น
ขณะที่นางสาววีรินทร์ทิรา นาทองบ่อจรัส รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า คณะรัฐมนตรีได้เห็นชอบนโยบายการขอคืนที่ดินราชพัสดุ เพื่อนำไปให้เกษตรกรเช่าทำการเกษตร ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ซึ่งได้ให้กระทรวงต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง และหน่วยราชการได้สำรวจและส่งคืนที่ราชพัสดุที่ครองครองไว้เกินความจำเป็น และ/หรือไม่ได้ใช้ประโยชน์สามารถทำการเกษตรได้ ไม่ต่ำกว่า 1 ล้านไร่ ภายใน 3 เดือนนี้ นับตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีได้มีมติให้ส่งคืนที่ราชพัสดุ ในส่วนของกระทรวงการคลัง กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงพลังงาน และกระทรวงอุตสาหกรรม ได้ไปตกลงร่วมกันในการกำหนดแนวทางการดำเนินการ เพื่อให้มีการนำที่ดินไปใช้ในพื้นที่เกษตรกรรมอย่างเหมาะสม และเป็นรูปธรรมโดยเร็ว ทั้งนี้ ตามกฎหมายกรมธนารักษ์คิดค่าเช่า 20 บาทต่อไร่ โดยนายกรัฐมนตรีได้สั่งการให้ทบทวนอัตราค่าเช่าให้เหมาะสมกับสภาพสถานการณ์ในปัจจุบัน และขอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องไปหารือร่วมกันเพื่อกำหนดหลักเกณฑ์และความเหมาะสมในการปลูกพืชในแต่ละพื้นที่ด้วย รวมถึงกำหนดคุณสมบัติของเกษตรกรที่มีสิทธิ์ที่จะเข้าไปเช่าที่ดิน และเตรียมที่จะบริหารจัดการเรื่องชลประทานเพื่อรองรับกับนโยบายดังกล่าวด้วย
นอกจากนี้ คณะรัฐมนตรีได้อนุมัติจัดสรรเงินจากกองทุนสงเคราะห์เกษตรกร ตามมติคณะกรรมการสงเคราะห์เกษตรกร ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ โดยให้มีการจัดสรรให้กรมส่งเสริมสหกรณ์ยืมเงินจำนวน 1,000 ล้านบาทโดยไม่เสียดอกเบี้ย มีกำหนดชำระคืนภายใน 5 ปี และเงินจ่ายขาดจำนวนอีก 12 ล้านบาท เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการบริหารโครงการตามโครงการสนับสนุนสินเชื่อเพื่อจัดหาปัจจัยการผลิตทางการเกษตรให้แก่สถาบันการเกษตร รวมถึงมีการจัดสรรให้กรมการข้าวยืมเงินอีก จำนวน 400 ล้านบาท เพื่อดำเนินการตามโครงการเพิ่มปริมาณการผลิตเมล็ดพันธุ์ข้าว และให้กรมการข้าวตั้งงบประมาณชดใช้คืนกองทุนสงเคราะห์เกษตรกร หากไม่ได้รับการจัดสรรงบประมาณให้กรมการข้าวนำเงินจากการจำหน่ายเมล็ดพันธุ์ส่งคืนกองทุนสงเคราะห์เกษตรกร ภายในระยะเวลา 5 ปี
รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ยังกล่าวถึงโครงการก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีม่วงว่า คณะรัฐมนตรีได้รับทราบรายงานการขอปรับวงเงินงบประมาณงานด้านโยธาสำหรับโครงการก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีม่วง ช่วงบางใหญ่-บางซื่อ ช่วงบางซื่อ-ราษฎร์บูรณะ วงเงิน 3.6 หมื่นล้านบาทจากเดิม 3.1 หมื่นล้านบาท เนื่องจากต้นทุนราคาวัสดุก่อสร้างปรับตัวสูงขึ้นจากสถานการณ์ราคาน้ำมันแพงในขณะนี้ โดยกระทรวงคมนาคมจะได้ไปจัดทำรายละเอียดเพื่อนำกลับมาเสนอคณะรัฐมนตรีเห็นชอบภายในสัปดาห์หน้าต่อไป ในส่วนของโครงการรับจำนำข้าวเปลือกนาปรัง ปี 2551 ซึ่งคณะรัฐมนตรีได้อนุมัติวงเงิน 1,132.17 ล้านบาทเพื่อใช้สำหรับค่าใช้จ่ายในการดำเนินโครงการรับจำนำข้าวเปลือกนาปรังในปีนี้ โดยตั้งเป้ารับจำนำข้าวเปลือก จำนวน 3.5 ล้านตัน มีการกำหนดราคารับจำนำข้าวเปลือกนาปรัง ดังนี้ ข้าวเปลือกนาปรัง ความชื้นไม่เกิน 15% แบ่งเป็น ข้าวเปลือกเจ้านาปรัง 100% ราคาตันละ 14,000 บาท ข้าวเปลือกเจ้านาปรัง 5% ราคาตันละ 13,800 บาท ข้าวเปลือกเจ้านาปรัง 10% ราคาตันละ 13,600 บาท ข้าวเปลือกเจ้านาปรัง 15% ราคาตันละ 13,200 บาท ข้าวเปลือกเจ้านาปรัง 25% ราคาตันละ 12,800 บาท ข้าวเปลือกปทุมธานีชนิดสีต้นข้าว 42 กรัม ราคาตันละ 14,000 บาท ชนิดสีต้นข้าวต่ำกว่า 42 กรัม ปรับลดกรัมละ 100 บาท นอกจากนี้ ยังเห็นชอบให้ตั้งคณะทำงาน 3 ชุดขึ้นมาเพื่อทำหน้าที่ในการบริหารจัดการและติดตามการดำเนินงานโครงการต่าง ๆ คือ คณะทำงานพิจารณาและจัดการรับจำนำข้าว คณะทำงานพิจารณาสีแปรสภาพข้าวเปลือก และคณะทำงานพิจารณาจำหน่ายข้าวสาร
--กลุ่มยุทธศาสตร์และแผนการประชาสัมพันธ์ สำนักโฆษก--