วันนี้ เวลา 10.30 น. นายโรหิทา โบโกลลากามา (Hon. Rohitha Bogollagama) รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศศรีลังกา เข้าเยี่ยมคารวะ นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี ในโอกาสเดินทางเยือนไทยอย่างเป็นทางการ ในฐานะแขกของกระทรวงการต่างประเทศ
ความสัมพันธ์ฉันท์กัลยาณมิตรที่แน่นแฟ้นบนพื้นฐานของพุทธศาสนา
ภายหลังการกล่าวต้อนรับ นายกรัฐมนตรีแสดงความชื่นชมต่อความสัมพันธ์ไทย- ศรีลังกา บนพื้นฐานของพุทธศาสนา ที่มีมานานกว่า 800 ปี ซึ่งไทยได้รับต้นแบบพุทธศาสนาเถรวาทแบบลังกาวงศ์ตั้งแต่สมัยสุโขทัย ในขณะที่ ศรีลังกาก็มีพุทธศาสนาแบบสยามวงศ์ เช่นกัน โดยในโอกาสนี้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศศรีลังกา ถือโอกาสแจ้งนายกรัฐมนตรีว่า ขณะนี้ ประธานาธิบดีศรีลังกา มีความประสงค์ที่ให้ประเทศต่างๆที่นับถือพุทธศาสนาร่วมกันสร้างวัดในประเทศศรีลังกา ในบริเวณเดียวกัน เพื่อให้เป็นชุมชนพุทธนานาชาติในศรีลังกา จึงขอเชิญคนไทยไปสร้างวัดไทยด้วย ซึ่งนายกรัฐมนตรีมีความยินดีและพร้อมให้ความร่วมมือ
เพิ่มมูลค่าการค้าการลงทุน
ในโอกาสนี้ ทั้งสองฝ่ายได้หารือ เพื่อขยายความร่วมมือด้านต่างๆ โดยเฉพาะด้านการค้าและการลงทุน เนื่องจากปัจจุบันมูลค่าการค้าและการลงทุนระหว่างกันยังมีน้อย โดยในปีพ.ศ. 2550 มีมูลค่าเพียง 310 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งนายกรัฐมนตรีได้ย้ำว่า รัฐบาลไทยพร้อมให้การสนับสนุนเพื่อส่งเสริมการค้าการลงทุนระหว่างไทย-ศรีลังกามากขึ้น และยินดีต้อนรับนักธุรกิจจากศรีลังกา ที่ได้ร่วมเดินทางมาแสวงหาโอกาสและความร่วมมือกับนักธุรกิจไทยในครั้งนี้ ซึ่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศศรีลังกา กล่าวว่า สินค้าที่มีศักยภาพของศรีลังกา คือ วัตถุดิบทางการเกษตร ได้แก่ ใบชา กาแฟ และยางพารา และนายกรัฐมนตรีได้แสดงความสนใจเกี่ยวกับขั้นตอนการปลูกต้นชาของศรีลังกา เนื่องจากชาซีลอน ถือเป็นชาที่มีชื่อเสียงในระดับโลก
ความร่วมมือด้านการเกษตรและความมั่นคงทางอาหาร
นอกจากนี้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศศรีลังกาได้แสดงความประสงค์ที่จะแสวงหาความร่วมมือด้านการเกษตร รวมถึงความร่วมมือด้านความมั่นคงทางอาหาร (Food Security) กับไทยเพิ่มเติมและได้แสดงความสนใจที่จะซื้อข้าวจากไทย ซึ่งนายกรัฐมนตรีมีความยินดี เนื่องจากไทยมีข้าวในสต๊อกเป็นจำนวนมาก และขอให้เอกอัครราชทูตศรีลังกาในประเทศไทยประสานกับกระทรวงการต่างประเทศในเรื่องนี้ต่อไป
การท่องเที่ยว
ด้านการท่องเที่ยว ศรีลังกาต้องการเพิ่มเที่ยวบินระหว่างกันและต้องการการสนับสนุนด้านการท่องเที่ยวและเรียนรู้ประสบการณ์จากไทย ซึ่งนายกรัฐมนตรีพร้อมให้ความร่วมมือ และมีการหารือเกี่ยวกับเส้นทางการขนส่งสินค้าระหว่างกัน ซึ่งนายกรัฐมนตรีได้กล่าวถึงการใช้เส้นทางขนส่งระหว่างท่าเรือโคลัมโบ มายังท่าเรือทวายในพม่า ซึ่งจะเชื่อมต่อไทยได้ง่ายขึ้นและย่นระยะเวลาการขนส่งมากขึ้น
บทบาทของไทยในการให้ความช่วยเหลือพม่า
ระหว่างการสนทนา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศศรีลังกาได้แสดงความชื่นชมไทยในการให้ความช่วยเหลือแก่พม่า โดยเฉพาะการดำเนินงานเป็นตัวกลางในการประสานงานและเปิดท่าอากาศยานดอนเมืองเพื่อเป็นศูนย์กลางการรับบริจาคสิ่งของจากนานาชาติ นอกจากนี้ มีการหารือด้านความมั่นคง โดยเฉพาะเรื่องการแลกเปลี่ยนข่าวกรองและแลกเปลี่ยนข้อมูลเกี่ยวกับกลุ่มกบฏ LTTE (Liberation Tigers of Tamil Eelam) ในศรีลังกาด้วย
ในตอนท้าย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศศรีลังกาได้กล่าวเชิญนายกรัฐมนตรีไปเยือนศรีลังกาในโอกาสต่อไปด้วย ทั้งนี้ ภายหลังการเข้าเยี่ยมคารวะนายกรัฐมนตรี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศศรีลังกา มีกำหนดการหารือแบบ Round table กับ สภาหอการค้าไทย และหารือทวิภาคีกับ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ
--กลุ่มยุทธศาสตร์และแผนการประชาสัมพันธ์ สำนักโฆษก--
ความสัมพันธ์ฉันท์กัลยาณมิตรที่แน่นแฟ้นบนพื้นฐานของพุทธศาสนา
ภายหลังการกล่าวต้อนรับ นายกรัฐมนตรีแสดงความชื่นชมต่อความสัมพันธ์ไทย- ศรีลังกา บนพื้นฐานของพุทธศาสนา ที่มีมานานกว่า 800 ปี ซึ่งไทยได้รับต้นแบบพุทธศาสนาเถรวาทแบบลังกาวงศ์ตั้งแต่สมัยสุโขทัย ในขณะที่ ศรีลังกาก็มีพุทธศาสนาแบบสยามวงศ์ เช่นกัน โดยในโอกาสนี้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศศรีลังกา ถือโอกาสแจ้งนายกรัฐมนตรีว่า ขณะนี้ ประธานาธิบดีศรีลังกา มีความประสงค์ที่ให้ประเทศต่างๆที่นับถือพุทธศาสนาร่วมกันสร้างวัดในประเทศศรีลังกา ในบริเวณเดียวกัน เพื่อให้เป็นชุมชนพุทธนานาชาติในศรีลังกา จึงขอเชิญคนไทยไปสร้างวัดไทยด้วย ซึ่งนายกรัฐมนตรีมีความยินดีและพร้อมให้ความร่วมมือ
เพิ่มมูลค่าการค้าการลงทุน
ในโอกาสนี้ ทั้งสองฝ่ายได้หารือ เพื่อขยายความร่วมมือด้านต่างๆ โดยเฉพาะด้านการค้าและการลงทุน เนื่องจากปัจจุบันมูลค่าการค้าและการลงทุนระหว่างกันยังมีน้อย โดยในปีพ.ศ. 2550 มีมูลค่าเพียง 310 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งนายกรัฐมนตรีได้ย้ำว่า รัฐบาลไทยพร้อมให้การสนับสนุนเพื่อส่งเสริมการค้าการลงทุนระหว่างไทย-ศรีลังกามากขึ้น และยินดีต้อนรับนักธุรกิจจากศรีลังกา ที่ได้ร่วมเดินทางมาแสวงหาโอกาสและความร่วมมือกับนักธุรกิจไทยในครั้งนี้ ซึ่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศศรีลังกา กล่าวว่า สินค้าที่มีศักยภาพของศรีลังกา คือ วัตถุดิบทางการเกษตร ได้แก่ ใบชา กาแฟ และยางพารา และนายกรัฐมนตรีได้แสดงความสนใจเกี่ยวกับขั้นตอนการปลูกต้นชาของศรีลังกา เนื่องจากชาซีลอน ถือเป็นชาที่มีชื่อเสียงในระดับโลก
ความร่วมมือด้านการเกษตรและความมั่นคงทางอาหาร
นอกจากนี้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศศรีลังกาได้แสดงความประสงค์ที่จะแสวงหาความร่วมมือด้านการเกษตร รวมถึงความร่วมมือด้านความมั่นคงทางอาหาร (Food Security) กับไทยเพิ่มเติมและได้แสดงความสนใจที่จะซื้อข้าวจากไทย ซึ่งนายกรัฐมนตรีมีความยินดี เนื่องจากไทยมีข้าวในสต๊อกเป็นจำนวนมาก และขอให้เอกอัครราชทูตศรีลังกาในประเทศไทยประสานกับกระทรวงการต่างประเทศในเรื่องนี้ต่อไป
การท่องเที่ยว
ด้านการท่องเที่ยว ศรีลังกาต้องการเพิ่มเที่ยวบินระหว่างกันและต้องการการสนับสนุนด้านการท่องเที่ยวและเรียนรู้ประสบการณ์จากไทย ซึ่งนายกรัฐมนตรีพร้อมให้ความร่วมมือ และมีการหารือเกี่ยวกับเส้นทางการขนส่งสินค้าระหว่างกัน ซึ่งนายกรัฐมนตรีได้กล่าวถึงการใช้เส้นทางขนส่งระหว่างท่าเรือโคลัมโบ มายังท่าเรือทวายในพม่า ซึ่งจะเชื่อมต่อไทยได้ง่ายขึ้นและย่นระยะเวลาการขนส่งมากขึ้น
บทบาทของไทยในการให้ความช่วยเหลือพม่า
ระหว่างการสนทนา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศศรีลังกาได้แสดงความชื่นชมไทยในการให้ความช่วยเหลือแก่พม่า โดยเฉพาะการดำเนินงานเป็นตัวกลางในการประสานงานและเปิดท่าอากาศยานดอนเมืองเพื่อเป็นศูนย์กลางการรับบริจาคสิ่งของจากนานาชาติ นอกจากนี้ มีการหารือด้านความมั่นคง โดยเฉพาะเรื่องการแลกเปลี่ยนข่าวกรองและแลกเปลี่ยนข้อมูลเกี่ยวกับกลุ่มกบฏ LTTE (Liberation Tigers of Tamil Eelam) ในศรีลังกาด้วย
ในตอนท้าย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศศรีลังกาได้กล่าวเชิญนายกรัฐมนตรีไปเยือนศรีลังกาในโอกาสต่อไปด้วย ทั้งนี้ ภายหลังการเข้าเยี่ยมคารวะนายกรัฐมนตรี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศศรีลังกา มีกำหนดการหารือแบบ Round table กับ สภาหอการค้าไทย และหารือทวิภาคีกับ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ
--กลุ่มยุทธศาสตร์และแผนการประชาสัมพันธ์ สำนักโฆษก--