โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีกล่าวในรายการ "เวทีความคิด" ถึงการชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรฯ ซึ่งสร้างความเดือดร้อนให้กับประชาชน โดยรัฐบาลยังคงใช้การเจรจาเพื่อให้ย้ายสถานที่ชุมนุม
วันนี้ (4 มิ.ย.) เมื่อเวลา 15.00 น. พลตำรวจโท วิเชียรโชติ สุกโชติรัตน์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ในรายการ “เวทีความคิด” ทางสถานีโมเดิร์นไนท์ ถึงการประเมินสถานการณ์การชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยที่ปิดถนนราชดำเนินว่า ขณะนี้รัฐบาลได้มอบหมายให้พลตำรวจเอก พัชรวาท วงษ์สุวรรณ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ไปทำหน้าที่เจรจากับแกนนำกลุ่มพันธมิตรฯ ให้เคลื่อนย้ายสถานที่ไปชุมนุมในที่ที่เหมาะสม และรัฐบาลไม่ต้องการใช้กำลังกับกลุ่มผู้ชุมนุม ซึ่งสิทธิในการชุมนุมนั้นสามารถทำได้ตามรัฐธรรมนูญ แต่จะต้องไม่สร้างความเดือดร้อนหรือทำผิดกฎหมาย โดยรัฐบาลพร้อมจัดสถานที่ใหม่ให้ชุมนุม
"ขณะนี้มีกลุ่มคนกลุ่มหนึ่งซึ่งนำโดยพลตรี จำลอง ศรีเมือง นายสนธิ ลิ้มทองกุล นายสุริยะใส กตะศิลา กำลังทำผิดกฎหมายบ้านเมืองอยู่ ไม่ว่าจะเป็น พ.ร.บ.การจราจรทางบก กฎหมายอาญา เทศบัญญัติ พ.ร.บ. รักษาความสะอาดเรียบร้อย ซึ่งถนนนั้นเป็นถนนของประชาชนที่ใช้สัญจรไปมา และไปยึดถนนเพื่อสร้างกระแสสร้างความเดือดร้อนให้กับประชาชน ก็ถือว่าทำผิดอยู่แล้ว เพราะฉะนั้น ผู้ที่มีหน้าที่รักษากฎหมายต้องไปเจรจาให้กลุ่มผู้ชุมนุมย้ายออกไปจากตรงนี้ และการเจรจาก็ไม่เกี่ยวกับเรื่องการเมือง แต่เป็นเรื่องของการทำผิดกฎหมาย” โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีกล่าว
โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวต่อไปว่า เงื่อนไขต่าง ๆ ที่กลุ่มพันธมิตรฯ ตั้งไว้ ขณะนี้ไม่มีแล้ว ส่วนจะมาใช้เงื่อนไขใหม่ขับไล่รัฐบาลนั้น ขอเรียนว่ารัฐบาลนี้เป็นรัฐบาลที่เข้ามาถูกต้องตามกฎหมายและได้รับโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งคณะรัฐมนตรี ตามรัฐธรรมนูญปี 2550 หากรัฐบาลทำอะไรผิดก็มีมาตรการที่จะดำเนินการกับรัฐบาลได้ แต่ต้องเป็นไปตามรัฐธรรมนูญ ดังนั้น การมายึดถนนราชดำเนินถือว่าทำผิดกฎหมายหลายฉบับ และเจ้าหน้าที่ตำรวจก็พยายามใช้การเจรจา เพราะผู้ที่มาชุมนุมส่วนใหญ่เป็นผู้ที่หลงผิด ถูกโฆษณาชวนเชื่อ ถูกวาน ใช้มา จำนวนหนึ่ง รวมทั้งถนนราชดำเนินยังเป็นเส้นทางไปโรงพยาบาลหลายแห่ง ซึ่งทำให้ประชาชนได้รับความเดือดร้อน นอกจากนี้ พระ ชี ผู้ปฏิบัติธรรมในวัดที่อยู่บริเวณใกล้เคียงกับสถานที่ชุมนุม ก็ได้รับความเดือดร้อนด้วย รัฐบาลจึงพยายามให้ทุกอย่างจบลงด้วยดี ขณะเดียวกันก็รักษากฎหมายอย่างเคร่งครัด
ต่อข้อถามว่า มีข่าวว่านายกรัฐมนตรีได้ฝากรัฐมนตรีที่เข้าร่วมการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ขออภัยไปยังหัวหน้าพรรคร่วมรัฐบาลข้อเท็จจริงเป็นอย่างไร โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า นายกรัฐมนตรีแจ้งให้ที่ประชุม ครม. ทราบถึงสาเหตุที่จำเป็นต้องชี้แจงสถานการณ์การชุมนุมทางการเมืองเมื่อวันเสาร์-อาทิตย์ที่ผ่านมาว่าเป็นเพราะเหตุใด โดยได้ฝากให้นายสุวิทย์ คุณกิตติ หัวหน้าพรรคพลังแผ่นดิน และนางอนงค์วรรณ เทพสุทิน หัวหน้าพรรคมัชฌิมาธิปไตย ไปนำเรียนอีก 3 หัวหน้าพรรคร่วมรัฐบาลที่ไม่ได้เป็น ครม. ให้ทราบเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นด้วย และก่อนหน้านี้ก็ไม่มีหัวหน้าพรรคร่วมรัฐบาลคนใดแสดงความไม่พอใจ ซึ่งการชุมนุมดังกล่าวสร้างผลกระทบต่อทั้งนักธุรกิจ นักการเมือง พ่อค้าแม่ค้า ประชาชน ทั่วประเทศ
โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า เส้นทางถนนราชดำเนินเป็นเส้นทางเสด็จพระราชดำเนิน และขณะนี้มีพระราชพิธีบำเพ็ญกุศลถวายพระศพ สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ ทุกวันที่พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ในพระบรมมหาราชวัง ซึ่งพระบรมวงศ์ต้องเสด็จฯ เส้นทางนี้ แต่ขณะนี้ต้องเลี่ยงไปใช้เส้นทางอื่น อย่างไรก็ตาม รัฐบาลได้ใช้ความอดทนอย่างมาก และจะใช้วิธีการเจรจา แต่หลังจากนั้นถ้าเป็นประเด็นทางการเมืองจะชุมนุมกันที่ไหนก็ได้แล้วค่อยมาพูดคุยกับรัฐบาล
โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า รัฐบาลไม่ได้ทำอะไรผิดเลย การเข้ามาก็เข้ามาตามกระบวนการของรัฐธรรมนูญปี 2550 และผู้ที่มีส่วนร่วมในการร่างรัฐธรรมนูญปี 2550 ก็คือพลตรี จำลอง ศรีเมือง ซึ่งเป็นหนึ่งในสภานิติบัญญัติ (สนช.) ทุกคนเข้ามาตามกติกาและประชาชนเลือกเข้ามา 233 เสียงบวกกับอีก 6 พรรคการเมือง เป็น 300 กว่าเสียง เพราะฉะนั้น รัฐบาลไม่มีอะไรจะต้องถอย แต่บังเอิญเกิดเหตุขึ้นมา 2 เหตุคือเหตุที่นายจักรภพ เพ็ญแข อดีตรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ถูกรื้อฟื้นเรื่องการไปบรรยายให้ผู้สื่อข่าวต่างประเทศฟังเมื่อปี 2550 และประเด็นการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ซึ่งทั้ง 2 เหตุดังกล่าวได้หมดไปแล้ว ดังนั้น จึงไม่มีเงื่อนไขอะไรอื่นที่จะมาขับไล่รัฐบาล เพราะรัฐบาลต้องการจะทำงานเพื่อแก้ปัญหาเศรษฐกิจประเทศ
ส่วนกรณีที่กลุ่มพันธมิตรฯ ต้องการจะดำเนินการกับพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีอยู่นั้น โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า เรื่องของอดีตนายกรัฐมนตรีจบไปแล้ว ไม่มีประเด็นไม่มีเงื่อนไขใด ๆ ทั้งสิ้น เพราะขณะนี้คดีต่าง ๆ เข้าสู่ชั้นศาล และขอยืนยันว่าไม่มีใครสามารถเข้าไปแทรกแซงกระบวนการของศาลยุติธรรมได้ ดังนั้น พ.ต.ท.ทักษิณฯ จึงไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใด ๆ กับรัฐบาลชุดนี้ และไม่มีการมาชี้นำรัฐบาลแต่อย่างใด
นอกจากนี้ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรียังย้ำว่า ขณะนี้ยังไม่มีการใช้พระราชกำหนดบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน หรือพระราชบัญญัติรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร แต่รัฐบาลได้เตรียมการทุกอย่างตามกฎหมายไว้แล้ว เพื่อที่จะดำเนินการไม่ให้ประชาชนได้รับความเดือดร้อน ไม่ให้ผู้กระทำผิดกฎหมายกระทำผิดต่อไป ส่วนที่เกรงว่าการชุมนุมจะยืดเยื้อนั้น รัฐบาลได้มอบหมายให้ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) ไปเจรจา และใช้ดุลพินิจในการพิจารณาดำเนินการ แต่ทั้งนี้ดุลพินิจจะต้องอยู่ภายใต้เงื่อนไขของกฎหมาย และประชาชนต้องไม่เดือดร้อน อย่างไรก็ตาม เชื่อว่าน่าจะเจรจาทำความเข้าใจกันได้
--กลุ่มยุทธศาสตร์และแผนการประชาสัมพันธ์ สำนักโฆษก--
วันนี้ (4 มิ.ย.) เมื่อเวลา 15.00 น. พลตำรวจโท วิเชียรโชติ สุกโชติรัตน์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ในรายการ “เวทีความคิด” ทางสถานีโมเดิร์นไนท์ ถึงการประเมินสถานการณ์การชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยที่ปิดถนนราชดำเนินว่า ขณะนี้รัฐบาลได้มอบหมายให้พลตำรวจเอก พัชรวาท วงษ์สุวรรณ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ไปทำหน้าที่เจรจากับแกนนำกลุ่มพันธมิตรฯ ให้เคลื่อนย้ายสถานที่ไปชุมนุมในที่ที่เหมาะสม และรัฐบาลไม่ต้องการใช้กำลังกับกลุ่มผู้ชุมนุม ซึ่งสิทธิในการชุมนุมนั้นสามารถทำได้ตามรัฐธรรมนูญ แต่จะต้องไม่สร้างความเดือดร้อนหรือทำผิดกฎหมาย โดยรัฐบาลพร้อมจัดสถานที่ใหม่ให้ชุมนุม
"ขณะนี้มีกลุ่มคนกลุ่มหนึ่งซึ่งนำโดยพลตรี จำลอง ศรีเมือง นายสนธิ ลิ้มทองกุล นายสุริยะใส กตะศิลา กำลังทำผิดกฎหมายบ้านเมืองอยู่ ไม่ว่าจะเป็น พ.ร.บ.การจราจรทางบก กฎหมายอาญา เทศบัญญัติ พ.ร.บ. รักษาความสะอาดเรียบร้อย ซึ่งถนนนั้นเป็นถนนของประชาชนที่ใช้สัญจรไปมา และไปยึดถนนเพื่อสร้างกระแสสร้างความเดือดร้อนให้กับประชาชน ก็ถือว่าทำผิดอยู่แล้ว เพราะฉะนั้น ผู้ที่มีหน้าที่รักษากฎหมายต้องไปเจรจาให้กลุ่มผู้ชุมนุมย้ายออกไปจากตรงนี้ และการเจรจาก็ไม่เกี่ยวกับเรื่องการเมือง แต่เป็นเรื่องของการทำผิดกฎหมาย” โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีกล่าว
โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวต่อไปว่า เงื่อนไขต่าง ๆ ที่กลุ่มพันธมิตรฯ ตั้งไว้ ขณะนี้ไม่มีแล้ว ส่วนจะมาใช้เงื่อนไขใหม่ขับไล่รัฐบาลนั้น ขอเรียนว่ารัฐบาลนี้เป็นรัฐบาลที่เข้ามาถูกต้องตามกฎหมายและได้รับโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งคณะรัฐมนตรี ตามรัฐธรรมนูญปี 2550 หากรัฐบาลทำอะไรผิดก็มีมาตรการที่จะดำเนินการกับรัฐบาลได้ แต่ต้องเป็นไปตามรัฐธรรมนูญ ดังนั้น การมายึดถนนราชดำเนินถือว่าทำผิดกฎหมายหลายฉบับ และเจ้าหน้าที่ตำรวจก็พยายามใช้การเจรจา เพราะผู้ที่มาชุมนุมส่วนใหญ่เป็นผู้ที่หลงผิด ถูกโฆษณาชวนเชื่อ ถูกวาน ใช้มา จำนวนหนึ่ง รวมทั้งถนนราชดำเนินยังเป็นเส้นทางไปโรงพยาบาลหลายแห่ง ซึ่งทำให้ประชาชนได้รับความเดือดร้อน นอกจากนี้ พระ ชี ผู้ปฏิบัติธรรมในวัดที่อยู่บริเวณใกล้เคียงกับสถานที่ชุมนุม ก็ได้รับความเดือดร้อนด้วย รัฐบาลจึงพยายามให้ทุกอย่างจบลงด้วยดี ขณะเดียวกันก็รักษากฎหมายอย่างเคร่งครัด
ต่อข้อถามว่า มีข่าวว่านายกรัฐมนตรีได้ฝากรัฐมนตรีที่เข้าร่วมการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ขออภัยไปยังหัวหน้าพรรคร่วมรัฐบาลข้อเท็จจริงเป็นอย่างไร โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า นายกรัฐมนตรีแจ้งให้ที่ประชุม ครม. ทราบถึงสาเหตุที่จำเป็นต้องชี้แจงสถานการณ์การชุมนุมทางการเมืองเมื่อวันเสาร์-อาทิตย์ที่ผ่านมาว่าเป็นเพราะเหตุใด โดยได้ฝากให้นายสุวิทย์ คุณกิตติ หัวหน้าพรรคพลังแผ่นดิน และนางอนงค์วรรณ เทพสุทิน หัวหน้าพรรคมัชฌิมาธิปไตย ไปนำเรียนอีก 3 หัวหน้าพรรคร่วมรัฐบาลที่ไม่ได้เป็น ครม. ให้ทราบเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นด้วย และก่อนหน้านี้ก็ไม่มีหัวหน้าพรรคร่วมรัฐบาลคนใดแสดงความไม่พอใจ ซึ่งการชุมนุมดังกล่าวสร้างผลกระทบต่อทั้งนักธุรกิจ นักการเมือง พ่อค้าแม่ค้า ประชาชน ทั่วประเทศ
โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า เส้นทางถนนราชดำเนินเป็นเส้นทางเสด็จพระราชดำเนิน และขณะนี้มีพระราชพิธีบำเพ็ญกุศลถวายพระศพ สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ ทุกวันที่พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ในพระบรมมหาราชวัง ซึ่งพระบรมวงศ์ต้องเสด็จฯ เส้นทางนี้ แต่ขณะนี้ต้องเลี่ยงไปใช้เส้นทางอื่น อย่างไรก็ตาม รัฐบาลได้ใช้ความอดทนอย่างมาก และจะใช้วิธีการเจรจา แต่หลังจากนั้นถ้าเป็นประเด็นทางการเมืองจะชุมนุมกันที่ไหนก็ได้แล้วค่อยมาพูดคุยกับรัฐบาล
โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า รัฐบาลไม่ได้ทำอะไรผิดเลย การเข้ามาก็เข้ามาตามกระบวนการของรัฐธรรมนูญปี 2550 และผู้ที่มีส่วนร่วมในการร่างรัฐธรรมนูญปี 2550 ก็คือพลตรี จำลอง ศรีเมือง ซึ่งเป็นหนึ่งในสภานิติบัญญัติ (สนช.) ทุกคนเข้ามาตามกติกาและประชาชนเลือกเข้ามา 233 เสียงบวกกับอีก 6 พรรคการเมือง เป็น 300 กว่าเสียง เพราะฉะนั้น รัฐบาลไม่มีอะไรจะต้องถอย แต่บังเอิญเกิดเหตุขึ้นมา 2 เหตุคือเหตุที่นายจักรภพ เพ็ญแข อดีตรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ถูกรื้อฟื้นเรื่องการไปบรรยายให้ผู้สื่อข่าวต่างประเทศฟังเมื่อปี 2550 และประเด็นการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ซึ่งทั้ง 2 เหตุดังกล่าวได้หมดไปแล้ว ดังนั้น จึงไม่มีเงื่อนไขอะไรอื่นที่จะมาขับไล่รัฐบาล เพราะรัฐบาลต้องการจะทำงานเพื่อแก้ปัญหาเศรษฐกิจประเทศ
ส่วนกรณีที่กลุ่มพันธมิตรฯ ต้องการจะดำเนินการกับพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีอยู่นั้น โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า เรื่องของอดีตนายกรัฐมนตรีจบไปแล้ว ไม่มีประเด็นไม่มีเงื่อนไขใด ๆ ทั้งสิ้น เพราะขณะนี้คดีต่าง ๆ เข้าสู่ชั้นศาล และขอยืนยันว่าไม่มีใครสามารถเข้าไปแทรกแซงกระบวนการของศาลยุติธรรมได้ ดังนั้น พ.ต.ท.ทักษิณฯ จึงไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใด ๆ กับรัฐบาลชุดนี้ และไม่มีการมาชี้นำรัฐบาลแต่อย่างใด
นอกจากนี้ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรียังย้ำว่า ขณะนี้ยังไม่มีการใช้พระราชกำหนดบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน หรือพระราชบัญญัติรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร แต่รัฐบาลได้เตรียมการทุกอย่างตามกฎหมายไว้แล้ว เพื่อที่จะดำเนินการไม่ให้ประชาชนได้รับความเดือดร้อน ไม่ให้ผู้กระทำผิดกฎหมายกระทำผิดต่อไป ส่วนที่เกรงว่าการชุมนุมจะยืดเยื้อนั้น รัฐบาลได้มอบหมายให้ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) ไปเจรจา และใช้ดุลพินิจในการพิจารณาดำเนินการ แต่ทั้งนี้ดุลพินิจจะต้องอยู่ภายใต้เงื่อนไขของกฎหมาย และประชาชนต้องไม่เดือดร้อน อย่างไรก็ตาม เชื่อว่าน่าจะเจรจาทำความเข้าใจกันได้
--กลุ่มยุทธศาสตร์และแผนการประชาสัมพันธ์ สำนักโฆษก--