สำนักโฆษก สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี จัดโครงการยุวโฆษก รุ่นที่ ๔ เสร็จสิ้นลงแล้ว เมื่อวันที่ ๓๐ พฤษภาคม ที่ผ่านมา ผลปรากฏว่า เยาวชนมีความรู้เกี่ยวกับนโยบายและผลการดำเนินงานของรัฐบาลเพิ่มมากขึ้น เตรียมผลักดันเครือข่ายเดินหน้าประชาสัมพันธ์ข้อมูลข่าวสารแก่ชุมชน
เมื่อวันที่ ๒๕ — ๓๐ พฤษภาคม ๒๕๕๑ ณ แสนปาล์ม เทรนนิ่ง โฮม อำเภอกำแพงแสน จังหวัดนครปฐม เยาวชนจำนวน ๖๙ คน จากทั่วประเทศ ที่ผ่านการคัดเลือกให้เข้าร่วมโครงการยุวโฆษก รุ่นที่ ๔ ได้ร่วมกิจกรรมตลอดระยะเวลา ๕ วัน ๕ คืน เพื่อเรียนรู้นโยบายและผลการดำเนินงานของรัฐบาลโดยการนำของนายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี ที่เน้นการสร้างความสมานฉันท์ให้แก่คนไทยทุกภาคส่วน และสร้างความสมดุลและภูมิคุ้มกันให้แก่เศรษฐกิจของประเทศ รวมทั้งผนึกกำลังกับเครือข่ายเพื่อนต่างสถาบัน เรียนรู้การทำงานร่วมกัน ภายใต้สโลแกน “ร่วมใจ พัฒนาประชาธิปไตย” และชื่อรุ่น “ฉันรักประเทศไทย หรือ I love Thailand”
กิจกรรมในวันแรก เริ่มขึ้นในช่วงบ่ายของวันอาทิตย์ที่ ๒๕ พฤษภาคม ๒๕๕๑ เมื่อยุวโฆษกได้ทยอยเดินทางมาลงทะเบียนและรายงานตัว ณ แสนปาล์ม เทรนนิ่ง โฮม ก่อนเข้าสู่กิจกรรมกลุ่มสัมพันธ์และพบปะกับท่านโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี (พล.ต.ท. วิเชียรโชติ สุกโชติรัตน์) ในช่วงค่ำของวันเดียวกัน
เช้าวันที่สองของการอบรม มีพิธีเปิดโครงการอย่างเป็นทางการ โดยมีรองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ทั้ง ๓ ท่าน ได้แก่ นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ น.ส.ศุภรัตน์ นาคบุญนำ และน.ส.วีรินทร์ทิรา นาทองบ่อจรัส ให้เกียรติร่วมเสวนา ในหัวข้อ “แนวนโยบายการบริหารงานของรัฐบาล”
ใจความสำคัญว่า รัฐบาลชุดนี้จะสานต่อโครงการ ๓๐ บาทรักษาทุกโรค โครงการพัฒนาศักยภาพหมู่บ้าน/ชุมชน (SML) โครงการกองทุนหมู่บ้าน โครงการกองทุนกู้ยืมเพื่อการศึกษา และการประกาศสงครามกับยาเสพติด เป็นต้น รวมทั้งจะเพิ่มรายได้ให้กับประชาชน โดยเฉพาะกลุ่มเกษตรกร ชาวนา ชาวไร่ และข้าราชการ ส่งเสริมการลงทุนและพัฒนาระบบคมนาคม รักษาสิ่งแวดล้อม และยกระดับการท่องเที่ยวของประเทศไทยให้เป็นที่รู้จักของชาวต่างชาติ
จากนั้นในช่วงบ่าย ยุวโฆษกได้ร่วมกิจกรรมฝึกปฏิบัติการ (Workshop) ในหัวข้อ “การนำเสนอเรื่องราวให้น่าสนใจ” โดยนางสาวภัทราพร สังข์พวงทอง ครีเอทีฟและพิธีกรรายการ “กบนอกกะลา” เป็นวิทยากร ให้คำแนะนำแก่เยาวชนดังนี้ การเป็นผู้นำเสนอที่ดีจะต้องมีการวางแผนกำหนดประเด็นที่เกิดประโยชน์ต่อผู้รับสาร รู้จักถ่ายทอดเรื่องราวอย่างมีเหตุผลเป็นไปตามกรอบที่กำหนด โดยอาศัยการค้นคว้าข้อมูลมาอ้างอิงอย่างชัดเจน และต้องหมั่นฝึกฝนตนเองในการเลือกวิธีนำเสนอเรื่องราวให้เหมาะสมกับกลุ่มเป้าหมายต่าง ๆ อยู่เป็นประจำ
ในช่วงค่ำ ยุวโฆษกได้รับฟังการเสวนาที่น่าสนใจเกี่ยวกับประชาธิปไตย โดยคุณวิภูแถลง พัฒนภูมิไทย ที่ปรึกษารองประธานสภาผู้แทนราษฎร และคุณวิสา คัญทัพ นักเขียนและศิลปินเพื่อชีวิต ซึ่งเป็นผู้มีบทบาทสำคัญในช่วงที่ประเทศไทยมีการเปลี่ยนแปลงการปกครอง สรุปสาระสำคัญว่า ระบอบประชาธิปไตยถือได้ว่าเป็นระบอบการปกครองที่เป็นธรรมที่สุดในโลก แต่จะต้องมีการแก้ไขปรับปรุงให้สอดคล้องกับคนและสังคมที่เปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา รัฐประหารควรจะหมดไป การยึดอำนาจโดยเผด็จการไม่ควรจะเกิดขึ้น นอกจากนี้ในสังคมประชาธิปไตยจะต้องมีความขัดแย้งบ้างเพื่อขับเคลื่อนให้สังคมพัฒนาต่อไปได้ ขอให้ยุวโฆษกทุกคนช่วยกันพิทักษ์รักษาประชาธิปไตยให้ยั่งยืน
วันที่สามของการอบรม (๒๗ พ.ค.๕๑) ยุวโฆษกได้รับความสนุกพร้อมสาระเกี่ยวกับเทคนิคการสร้างเครือข่าย โดย ดร.ธีระยุทธ์ วระพินิจ นักพฤติกรรมศาสตร์ จากโรงพยาบาลกรุงเทพเทพคริสเตียน โดยเน้นหลักภาวะผู้นำ การประสานงานและการทำงานเป็นทีม ตลอดจนการสร้างทัศนคติที่ดีแก่เพื่อนร่วมงาน ซึ่งจะช่วยให้การดำเนินงานเผยแพร่ข้อมูลข่าวสารในลักษณะเครือข่ายประสบความสำเร็จต่อด้วยการแบ่งกลุ่มย่อยออกไปเรียนรู้นโยบายเร่งด่วนของรัฐบาลในรูปแบบของฐานความรู้ ประกอบด้วย มาตรการเงินช่วยเหลือประชาชนและเศรษฐกิจฐานราก ศูนย์ซ่อมสร้างเพื่อชุมชน (Fix-it Center) และนโยบายการศึกษา การป้องกันยาเสพติด การสร้างผู้ประกอบการใหม่ และมาตรการลดวิกฤติโลกร้อน
วันที่สี่ (๒๘ พ.ค.๕๑) การเดินทางเริ่มต้นในเวลา ๐๗.๐๐ น. หลังจากยุวโฆษกรับประทานอาหารเช้าแล้ว โดยรถบัสโดยสารของกรมการขนส่งทหารบก ๒ คัน ได้นำทุกคนไปยังทำเนียบรัฐบาล เพื่อเข้าเยี่ยมคารวะและรับฟังโอวาทจากรองนายกรัฐมนตรี (นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์) และเยี่ยมชมทำเนียบ สร้างความตื่นตาตื่นใจแก่ทุกคนเป็นอันมาก จากทำเนียบรัฐบาล ยุวโฆษกได้เดินทางต่อไปยังสถานีวิทยุโทรทัศน์แห่งประเทศไทย หรือ NBT เพื่อเรียนรู้วิธีการทำงานข่าวและรายการโทรทัศน์ ซึ่งทุกคนสามารถนำไปประยุกต์ใช้ในการเผยแพร่ข้อมูลข่าวสารของตนเองในช่วงค่ำของวันเดียวกัน ยุวโฆษกได้พบกับเพื่อน ๆ ที่ผ่านการเข้าร่วมโครงการยุวโฆษก รุ่นที่ ๑ ๒ และ ๓ เพื่อแลกเปลี่ยนประสบการณ์และเชื่อมความสัมพันธ์ระหว่างกัน
วันที่ห้า (๒๙ พ.ค.๕๑) เพื่อเรียนรู้จากประสบการณ์จริง ยุวโฆษกได้ออกเดินทางไปศึกษาดูงานในพื้นที่ดำเนินการตามนโยบายรัฐบาลจังหวัดนครปฐม ประเดิมกันที่การนมัสการองค์พระปฐมเจดีย์ ทัศนศึกษาการผลิตเครื่องปั้นดินเผาศิลาดลตามโครงการหนึ่งตำบล หนึ่งผลิตภัณฑ์ (OTOP) ของรัฐบาล ต่อด้วยโครงการเกษตรอินทรีย์ที่รัฐบาลสนับสนุน และปิดท้ายด้วยการเยี่ยมโรงงานตุ๊กตาผ้าส่งออก แบรนด์ดิสนีย์ โดยฝีมือชาวบ้าน ซึ่งรัฐบาลให้งบประมาณดำเนินงานตามโครงการ OTOP และผู้ว่า ฯ ซีอีโอ
คืนวันที่ห้านี้ ยุวโฆษกได้ร่วมกิจกรรมสันทนาการ ก่อนจะจากลากันในวันรุ่งขึ้น
วันสุดท้ายของโครงการ (๓๐ พ.ค.๕๑) หลังจากที่ยุวโฆษกได้เก็บเกี่ยวความรู้มาตลอดระยะเวลา ๕ วัน แต่ละกลุ่มได้นำเสนอผลงานโดยการแสดงบทบาทสมมติเกี่ยวกับการเผยแพร่นโยบายเร่งด่วนของรัฐบาลตามโจทย์ที่ได้รับ นับว่าโครงการนี้ประสบความสำเร็จตามที่ตั้งเป้าหมายไว้ โดยยุวโฆษกทุกคนหรือคิดเป็นร้อยละ ๑๐๐ มีผลการทดสอบจากแบบทดสอบวัดความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับนโยบายและผลการดำเนินงานของรัฐบาลเพิ่มมากขึ้น ทุกคนรู้สึกพึงพอใจต่อการจัดโครงการในครั้งนี้เป็นอย่างยิ่ง พร้อมให้ความร่วมมือกับสำนักโฆษกจัดกิจกรรมเพื่อชุมชน และสนับสนุนให้มีการจัดโครงการในลักษณะเช่นนี้อีกอย่างต่อเนื่อง
จากนั้น ผู้อำนวยการสำนักโฆษก (นายสมบัติ วัฒน์พานิช) ได้มอบเกียรติบัตรแก่เยาวชนและทำพิธีปิดโครงการอย่างเป็นทางการ ก่อนจะอำลากันไปด้วยความซาบซึ้ง...
สำหรับโครงการยุวโฆษก ได้เริ่มดำเนินการโดยสำนักโฆษกมาตั้งแต่ปี พ.ศ.๒๕๔๘ เปิดรับสมัครเยาวชนในระดับอุดมศึกษา อายุระหว่าง ๑๘ — ๒๒ ปี เข้าร่วมเรียนรู้การบริหารงานของรัฐบาลและเป็นเครือข่ายการสื่อสารของสำนักโฆษก ที่ผ่านมายุวโฆษกในฐานะเยาวชนที่มีบทบาทในการสนับสนุนงานประชาสัมพันธ์ของรัฐบาลได้ทำหน้าที่ของตนเองอย่างเข้มแข็ง และมีผลงานมากมาย จนได้รับการพิจารณาให้เข้ารับประทานรางวัลกลุ่มเยาวชนดีเด่นแห่งชาติ สาขาสื่อมวลชนเพื่อเด็กและเยาวชนที่ป้องกันปัญหาสังคม ประจำปี ๒๕๕๐ จากพระเจ้าหลานเธอพระองค์เจ้า สิริวัณณวรีนารีรัตน์ เมื่อวันที่ ๒๐ กันยายน ๒๕๕๐ นับเป็นความภาคภูมิใจของยุวโฆษกทุกคนและสำนักโฆษกเป็นอย่างยิ่ง
--กลุ่มยุทธศาสตร์และแผนการประชาสัมพันธ์ สำนักโฆษก--
เมื่อวันที่ ๒๕ — ๓๐ พฤษภาคม ๒๕๕๑ ณ แสนปาล์ม เทรนนิ่ง โฮม อำเภอกำแพงแสน จังหวัดนครปฐม เยาวชนจำนวน ๖๙ คน จากทั่วประเทศ ที่ผ่านการคัดเลือกให้เข้าร่วมโครงการยุวโฆษก รุ่นที่ ๔ ได้ร่วมกิจกรรมตลอดระยะเวลา ๕ วัน ๕ คืน เพื่อเรียนรู้นโยบายและผลการดำเนินงานของรัฐบาลโดยการนำของนายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี ที่เน้นการสร้างความสมานฉันท์ให้แก่คนไทยทุกภาคส่วน และสร้างความสมดุลและภูมิคุ้มกันให้แก่เศรษฐกิจของประเทศ รวมทั้งผนึกกำลังกับเครือข่ายเพื่อนต่างสถาบัน เรียนรู้การทำงานร่วมกัน ภายใต้สโลแกน “ร่วมใจ พัฒนาประชาธิปไตย” และชื่อรุ่น “ฉันรักประเทศไทย หรือ I love Thailand”
กิจกรรมในวันแรก เริ่มขึ้นในช่วงบ่ายของวันอาทิตย์ที่ ๒๕ พฤษภาคม ๒๕๕๑ เมื่อยุวโฆษกได้ทยอยเดินทางมาลงทะเบียนและรายงานตัว ณ แสนปาล์ม เทรนนิ่ง โฮม ก่อนเข้าสู่กิจกรรมกลุ่มสัมพันธ์และพบปะกับท่านโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี (พล.ต.ท. วิเชียรโชติ สุกโชติรัตน์) ในช่วงค่ำของวันเดียวกัน
เช้าวันที่สองของการอบรม มีพิธีเปิดโครงการอย่างเป็นทางการ โดยมีรองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ทั้ง ๓ ท่าน ได้แก่ นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ น.ส.ศุภรัตน์ นาคบุญนำ และน.ส.วีรินทร์ทิรา นาทองบ่อจรัส ให้เกียรติร่วมเสวนา ในหัวข้อ “แนวนโยบายการบริหารงานของรัฐบาล”
ใจความสำคัญว่า รัฐบาลชุดนี้จะสานต่อโครงการ ๓๐ บาทรักษาทุกโรค โครงการพัฒนาศักยภาพหมู่บ้าน/ชุมชน (SML) โครงการกองทุนหมู่บ้าน โครงการกองทุนกู้ยืมเพื่อการศึกษา และการประกาศสงครามกับยาเสพติด เป็นต้น รวมทั้งจะเพิ่มรายได้ให้กับประชาชน โดยเฉพาะกลุ่มเกษตรกร ชาวนา ชาวไร่ และข้าราชการ ส่งเสริมการลงทุนและพัฒนาระบบคมนาคม รักษาสิ่งแวดล้อม และยกระดับการท่องเที่ยวของประเทศไทยให้เป็นที่รู้จักของชาวต่างชาติ
จากนั้นในช่วงบ่าย ยุวโฆษกได้ร่วมกิจกรรมฝึกปฏิบัติการ (Workshop) ในหัวข้อ “การนำเสนอเรื่องราวให้น่าสนใจ” โดยนางสาวภัทราพร สังข์พวงทอง ครีเอทีฟและพิธีกรรายการ “กบนอกกะลา” เป็นวิทยากร ให้คำแนะนำแก่เยาวชนดังนี้ การเป็นผู้นำเสนอที่ดีจะต้องมีการวางแผนกำหนดประเด็นที่เกิดประโยชน์ต่อผู้รับสาร รู้จักถ่ายทอดเรื่องราวอย่างมีเหตุผลเป็นไปตามกรอบที่กำหนด โดยอาศัยการค้นคว้าข้อมูลมาอ้างอิงอย่างชัดเจน และต้องหมั่นฝึกฝนตนเองในการเลือกวิธีนำเสนอเรื่องราวให้เหมาะสมกับกลุ่มเป้าหมายต่าง ๆ อยู่เป็นประจำ
ในช่วงค่ำ ยุวโฆษกได้รับฟังการเสวนาที่น่าสนใจเกี่ยวกับประชาธิปไตย โดยคุณวิภูแถลง พัฒนภูมิไทย ที่ปรึกษารองประธานสภาผู้แทนราษฎร และคุณวิสา คัญทัพ นักเขียนและศิลปินเพื่อชีวิต ซึ่งเป็นผู้มีบทบาทสำคัญในช่วงที่ประเทศไทยมีการเปลี่ยนแปลงการปกครอง สรุปสาระสำคัญว่า ระบอบประชาธิปไตยถือได้ว่าเป็นระบอบการปกครองที่เป็นธรรมที่สุดในโลก แต่จะต้องมีการแก้ไขปรับปรุงให้สอดคล้องกับคนและสังคมที่เปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา รัฐประหารควรจะหมดไป การยึดอำนาจโดยเผด็จการไม่ควรจะเกิดขึ้น นอกจากนี้ในสังคมประชาธิปไตยจะต้องมีความขัดแย้งบ้างเพื่อขับเคลื่อนให้สังคมพัฒนาต่อไปได้ ขอให้ยุวโฆษกทุกคนช่วยกันพิทักษ์รักษาประชาธิปไตยให้ยั่งยืน
วันที่สามของการอบรม (๒๗ พ.ค.๕๑) ยุวโฆษกได้รับความสนุกพร้อมสาระเกี่ยวกับเทคนิคการสร้างเครือข่าย โดย ดร.ธีระยุทธ์ วระพินิจ นักพฤติกรรมศาสตร์ จากโรงพยาบาลกรุงเทพเทพคริสเตียน โดยเน้นหลักภาวะผู้นำ การประสานงานและการทำงานเป็นทีม ตลอดจนการสร้างทัศนคติที่ดีแก่เพื่อนร่วมงาน ซึ่งจะช่วยให้การดำเนินงานเผยแพร่ข้อมูลข่าวสารในลักษณะเครือข่ายประสบความสำเร็จต่อด้วยการแบ่งกลุ่มย่อยออกไปเรียนรู้นโยบายเร่งด่วนของรัฐบาลในรูปแบบของฐานความรู้ ประกอบด้วย มาตรการเงินช่วยเหลือประชาชนและเศรษฐกิจฐานราก ศูนย์ซ่อมสร้างเพื่อชุมชน (Fix-it Center) และนโยบายการศึกษา การป้องกันยาเสพติด การสร้างผู้ประกอบการใหม่ และมาตรการลดวิกฤติโลกร้อน
วันที่สี่ (๒๘ พ.ค.๕๑) การเดินทางเริ่มต้นในเวลา ๐๗.๐๐ น. หลังจากยุวโฆษกรับประทานอาหารเช้าแล้ว โดยรถบัสโดยสารของกรมการขนส่งทหารบก ๒ คัน ได้นำทุกคนไปยังทำเนียบรัฐบาล เพื่อเข้าเยี่ยมคารวะและรับฟังโอวาทจากรองนายกรัฐมนตรี (นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์) และเยี่ยมชมทำเนียบ สร้างความตื่นตาตื่นใจแก่ทุกคนเป็นอันมาก จากทำเนียบรัฐบาล ยุวโฆษกได้เดินทางต่อไปยังสถานีวิทยุโทรทัศน์แห่งประเทศไทย หรือ NBT เพื่อเรียนรู้วิธีการทำงานข่าวและรายการโทรทัศน์ ซึ่งทุกคนสามารถนำไปประยุกต์ใช้ในการเผยแพร่ข้อมูลข่าวสารของตนเองในช่วงค่ำของวันเดียวกัน ยุวโฆษกได้พบกับเพื่อน ๆ ที่ผ่านการเข้าร่วมโครงการยุวโฆษก รุ่นที่ ๑ ๒ และ ๓ เพื่อแลกเปลี่ยนประสบการณ์และเชื่อมความสัมพันธ์ระหว่างกัน
วันที่ห้า (๒๙ พ.ค.๕๑) เพื่อเรียนรู้จากประสบการณ์จริง ยุวโฆษกได้ออกเดินทางไปศึกษาดูงานในพื้นที่ดำเนินการตามนโยบายรัฐบาลจังหวัดนครปฐม ประเดิมกันที่การนมัสการองค์พระปฐมเจดีย์ ทัศนศึกษาการผลิตเครื่องปั้นดินเผาศิลาดลตามโครงการหนึ่งตำบล หนึ่งผลิตภัณฑ์ (OTOP) ของรัฐบาล ต่อด้วยโครงการเกษตรอินทรีย์ที่รัฐบาลสนับสนุน และปิดท้ายด้วยการเยี่ยมโรงงานตุ๊กตาผ้าส่งออก แบรนด์ดิสนีย์ โดยฝีมือชาวบ้าน ซึ่งรัฐบาลให้งบประมาณดำเนินงานตามโครงการ OTOP และผู้ว่า ฯ ซีอีโอ
คืนวันที่ห้านี้ ยุวโฆษกได้ร่วมกิจกรรมสันทนาการ ก่อนจะจากลากันในวันรุ่งขึ้น
วันสุดท้ายของโครงการ (๓๐ พ.ค.๕๑) หลังจากที่ยุวโฆษกได้เก็บเกี่ยวความรู้มาตลอดระยะเวลา ๕ วัน แต่ละกลุ่มได้นำเสนอผลงานโดยการแสดงบทบาทสมมติเกี่ยวกับการเผยแพร่นโยบายเร่งด่วนของรัฐบาลตามโจทย์ที่ได้รับ นับว่าโครงการนี้ประสบความสำเร็จตามที่ตั้งเป้าหมายไว้ โดยยุวโฆษกทุกคนหรือคิดเป็นร้อยละ ๑๐๐ มีผลการทดสอบจากแบบทดสอบวัดความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับนโยบายและผลการดำเนินงานของรัฐบาลเพิ่มมากขึ้น ทุกคนรู้สึกพึงพอใจต่อการจัดโครงการในครั้งนี้เป็นอย่างยิ่ง พร้อมให้ความร่วมมือกับสำนักโฆษกจัดกิจกรรมเพื่อชุมชน และสนับสนุนให้มีการจัดโครงการในลักษณะเช่นนี้อีกอย่างต่อเนื่อง
จากนั้น ผู้อำนวยการสำนักโฆษก (นายสมบัติ วัฒน์พานิช) ได้มอบเกียรติบัตรแก่เยาวชนและทำพิธีปิดโครงการอย่างเป็นทางการ ก่อนจะอำลากันไปด้วยความซาบซึ้ง...
สำหรับโครงการยุวโฆษก ได้เริ่มดำเนินการโดยสำนักโฆษกมาตั้งแต่ปี พ.ศ.๒๕๔๘ เปิดรับสมัครเยาวชนในระดับอุดมศึกษา อายุระหว่าง ๑๘ — ๒๒ ปี เข้าร่วมเรียนรู้การบริหารงานของรัฐบาลและเป็นเครือข่ายการสื่อสารของสำนักโฆษก ที่ผ่านมายุวโฆษกในฐานะเยาวชนที่มีบทบาทในการสนับสนุนงานประชาสัมพันธ์ของรัฐบาลได้ทำหน้าที่ของตนเองอย่างเข้มแข็ง และมีผลงานมากมาย จนได้รับการพิจารณาให้เข้ารับประทานรางวัลกลุ่มเยาวชนดีเด่นแห่งชาติ สาขาสื่อมวลชนเพื่อเด็กและเยาวชนที่ป้องกันปัญหาสังคม ประจำปี ๒๕๕๐ จากพระเจ้าหลานเธอพระองค์เจ้า สิริวัณณวรีนารีรัตน์ เมื่อวันที่ ๒๐ กันยายน ๒๕๕๐ นับเป็นความภาคภูมิใจของยุวโฆษกทุกคนและสำนักโฆษกเป็นอย่างยิ่ง
--กลุ่มยุทธศาสตร์และแผนการประชาสัมพันธ์ สำนักโฆษก--