คณะโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ระบุรัฐบาลไม่มีนโยบายในการใช้กำลังและความรุนแรงเข้าไปสลายการชุมนุมกลุ่มพันธมิตร
วันนี้ เวลา 16.00 น. ณ ศูนย์แถลงข่าวรัฐบาล ตึกนารีสโมสร ทำเนียบรัฐบาล พลตำรวจโท วิเชียรโชติ สุกโชติรัตน์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี นางสาวศุภรัตน์ นาคบุญนำ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี และนางสาววีรินทร์ทิรา นาทองบ่อจรัส รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ได้ร่วมกันแถลงข่าวเกี่ยวกับการชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ที่ไม่ยอมคืนพื้นที่ถนนราชดำเนินให้ประชาชน สรุปสาระสำคัญ ดังนี้
จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นโดยกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยได้มาชุมนุมนั้น ทำให้ประชาชนเกิดความสับสน โดยเฉพาะประชาชนที่อยู่ในต่างจังหวัดและที่รับชมสถานีโทรทัศน์บางช่องตลอดเวลา จึงขอทำความเข้าใจตรงนี้ว่ารัฐบาลเองทราบดีว่าการชุมนุมนั้นเป็นเรื่องของสิทธิเสรีภาพตามระบอบประชาธิปไตย ก็สามารถที่จะจัดการชุมนุมได้ เพียงแต่รัฐบาลขอให้การชุมนุนอยู่ในพื้นที่ไม่ไปกีดขวางหรือกระทบกับความเดือดร้อนของประชาชน ทั้งในส่วนการเดินทางไปโรงเรียนของนักเรียน การเดินทางของข้าราชการ หรือบริษัทเอกชนต่าง ๆ ทั้งนี้สิ่งที่ห่วงใยและสำคัญคือในส่วนของเส้นทางที่จะเสด็จพระราชดำเนินของพระบรมวงศานุวงศ์ทุกพระองค์ที่ต้องเสด็จพระราชดำเนินผ่าน ซึ่งก็เป็นหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ตำรวจที่จะต้องมีการเจรจา รัฐบาลเองก็ต้องการให้เกิดความละมุนละม่อมและเรียบร้อยมากที่สุด ทั้งนี้ถ้าจะมีการสลายการชุมนุมก็ต้องเป็นการประกาศสลายการชุมนุมของกลุ่มพันธมิตร ฯ เอง ซึ่งขณะนี้กลุ่มพันธมิตร ฯ ก็ได้รับชัยชนะแล้ว ในการแสดงออกให้ประชาชนเห็นกรณีไม่เห็นด้วยกับการแก้ไขรัฐธรรมนูญ และกรณีของนายจักรภพ เพ็ญแข อดีตรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในส่วนที่จะชุมนุมต่อไปโดยการขับไล่รัฐบาลก็ต้องพิจารณาถึงความเหมาะสมด้วย เพราะรัฐบาลเพิ่งบริหารงานมาได้เพียง 3 เดือนเท่านั้น ซึ่งกระบวนการต่าง ๆ นั้น ขอให้เป็นการใช้กระบวนการในสภา อย่างไรก็ตามรัฐบาลยังสามารถดูแลสถานการณ์ได้ และจะไม่ใช้กำลังและความรุนแรงในการดำเนินการสลายการชุมนุม เพียงแต่จะขอความเห็นใจกลุ่มผู้ชุมนุมอย่าสร้างความเดือดร้อนให้กับประชาชน
ส่วนประเด็นซึ่งถือเป็นสาระหลักสำคัญคือกรณีที่นายกรัฐมนตรีที่ได้กล่าวไว้ในการออกรายการพิเศษเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมาแล้วกลุ่มพันธมิตรได้ไปบิดเบือนประเด็นแล้วชี้ว่านายกรัฐมนตรีต้องการให้ยุติการชุมนุม นายกรัฐมนตรีปฏิเสธการชุมนุมโดยสงบสันติปราศจากอาวุธภายใต้กรอบรัฐธรรมนูญของกลุ่มพันธมิตร ฯ เรียนยืนยันว่าไม่ได้หมายความอย่างนั้น นายกรัฐมนตรีเพียงต้องการให้การชุมนุมไปอยู่ในสถานที่ที่มีความเหมาะสมกว่าบนถนนราชดำเนินเท่านั้น ทั้งนี้ การชุมนุมโดยสงบสันติและปราศจากอาวุธนั้น เป็นสิทธิที่สามารถทำได้แต่ต้องไม่มีคนไทยคนใดใช้สิทธิเสรีภาพของตัวเองไปล่วงละเมิดสิทธิเสรีภาพของบุคคลอื่น จึงขอเรียกร้องแกนนำกลุ่มพันธมิตร ฯ ว่า ถึงวันนี้บ้านเมืองต้องการการถอยอย่างน้อยคนละก้าวจากทุกฝ่ายในสังคม รัฐบาลพร้อมที่จะถอยให้กับกลุ่มพันธมิตร เพื่อที่จะรักษาความสงบเรียบร้อยของบ้านเมืองเอาไว้ ซึ่งที่ผ่านจากกรณีต่าง ๆ รัฐบาลก็ได้แสดงให้เห็นแล้วว่าได้ถอยมาโดยตลอด แต่สิ่งที่ห่วงใยคือท่าทีของกลุ่มพันธมิตร ฯ ปฏิเสธข้อเสนอของรัฐบาลที่ต้องการให้ย้ายสถานที่ชุมนุม และปฏิเสธความต้องการเสียงเรียกร้องของประชาชนส่วนใหญ่ในสังคมอย่างสิ้นเชิง เห็นได้จากกลุ่มพันธมิตรได้มีการติดตั้งเวทีขนาดใหญ่และมีลักษณะถาวรที่จะชุมนุมยืดเยื้อยาวนนานบนถนนราชดำเนินต่อไป จึงขอให้กลุ่มพันธมิตรได้มีการทบทวนอีกครั้งในการกระทำดังกล่าวด้วย พร้อมกันนี้ก็ขอฝากถึงหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ด้วยว่าถึงเวลาแล้วที่จะต้องแสดงความเป็นผู้นำของพรรคประชาธิปัตย์ และต้องแสดงภาวะผู้นำของนักการเมืองที่ประกาศตัวพร้อมจะเป็นนายกรัฐมนตรีของประเทศในการยุติบทบาทของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรของพรรคประชาธิปัตย์ที่เข้าไปมีส่วนในการเคลื่อนไหวอยู่บนเวทีกลุ่มพันธมิตรด้วย
พร้อมกันนี้ขอให้ประชาชนทุกคนที่อาศัยอยู่ในกรุงเทพมหานคร ดูแลระมัดระวังเรื่องของความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินกันให้มากขึ้น เนื่องจากเจ้าหน้าที่ตำรวจนครบาลต้องระดมกำลังเกือบหมื่นนายมาทำหน้าที่ในการดูแลรักษาความสงบเรียบร้อยในการชุมนุม
--กลุ่มยุทธศาสตร์และแผนการประชาสัมพันธ์ สำนักโฆษก--
วันนี้ เวลา 16.00 น. ณ ศูนย์แถลงข่าวรัฐบาล ตึกนารีสโมสร ทำเนียบรัฐบาล พลตำรวจโท วิเชียรโชติ สุกโชติรัตน์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี นางสาวศุภรัตน์ นาคบุญนำ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี และนางสาววีรินทร์ทิรา นาทองบ่อจรัส รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ได้ร่วมกันแถลงข่าวเกี่ยวกับการชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ที่ไม่ยอมคืนพื้นที่ถนนราชดำเนินให้ประชาชน สรุปสาระสำคัญ ดังนี้
จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นโดยกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยได้มาชุมนุมนั้น ทำให้ประชาชนเกิดความสับสน โดยเฉพาะประชาชนที่อยู่ในต่างจังหวัดและที่รับชมสถานีโทรทัศน์บางช่องตลอดเวลา จึงขอทำความเข้าใจตรงนี้ว่ารัฐบาลเองทราบดีว่าการชุมนุมนั้นเป็นเรื่องของสิทธิเสรีภาพตามระบอบประชาธิปไตย ก็สามารถที่จะจัดการชุมนุมได้ เพียงแต่รัฐบาลขอให้การชุมนุนอยู่ในพื้นที่ไม่ไปกีดขวางหรือกระทบกับความเดือดร้อนของประชาชน ทั้งในส่วนการเดินทางไปโรงเรียนของนักเรียน การเดินทางของข้าราชการ หรือบริษัทเอกชนต่าง ๆ ทั้งนี้สิ่งที่ห่วงใยและสำคัญคือในส่วนของเส้นทางที่จะเสด็จพระราชดำเนินของพระบรมวงศานุวงศ์ทุกพระองค์ที่ต้องเสด็จพระราชดำเนินผ่าน ซึ่งก็เป็นหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ตำรวจที่จะต้องมีการเจรจา รัฐบาลเองก็ต้องการให้เกิดความละมุนละม่อมและเรียบร้อยมากที่สุด ทั้งนี้ถ้าจะมีการสลายการชุมนุมก็ต้องเป็นการประกาศสลายการชุมนุมของกลุ่มพันธมิตร ฯ เอง ซึ่งขณะนี้กลุ่มพันธมิตร ฯ ก็ได้รับชัยชนะแล้ว ในการแสดงออกให้ประชาชนเห็นกรณีไม่เห็นด้วยกับการแก้ไขรัฐธรรมนูญ และกรณีของนายจักรภพ เพ็ญแข อดีตรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในส่วนที่จะชุมนุมต่อไปโดยการขับไล่รัฐบาลก็ต้องพิจารณาถึงความเหมาะสมด้วย เพราะรัฐบาลเพิ่งบริหารงานมาได้เพียง 3 เดือนเท่านั้น ซึ่งกระบวนการต่าง ๆ นั้น ขอให้เป็นการใช้กระบวนการในสภา อย่างไรก็ตามรัฐบาลยังสามารถดูแลสถานการณ์ได้ และจะไม่ใช้กำลังและความรุนแรงในการดำเนินการสลายการชุมนุม เพียงแต่จะขอความเห็นใจกลุ่มผู้ชุมนุมอย่าสร้างความเดือดร้อนให้กับประชาชน
ส่วนประเด็นซึ่งถือเป็นสาระหลักสำคัญคือกรณีที่นายกรัฐมนตรีที่ได้กล่าวไว้ในการออกรายการพิเศษเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมาแล้วกลุ่มพันธมิตรได้ไปบิดเบือนประเด็นแล้วชี้ว่านายกรัฐมนตรีต้องการให้ยุติการชุมนุม นายกรัฐมนตรีปฏิเสธการชุมนุมโดยสงบสันติปราศจากอาวุธภายใต้กรอบรัฐธรรมนูญของกลุ่มพันธมิตร ฯ เรียนยืนยันว่าไม่ได้หมายความอย่างนั้น นายกรัฐมนตรีเพียงต้องการให้การชุมนุมไปอยู่ในสถานที่ที่มีความเหมาะสมกว่าบนถนนราชดำเนินเท่านั้น ทั้งนี้ การชุมนุมโดยสงบสันติและปราศจากอาวุธนั้น เป็นสิทธิที่สามารถทำได้แต่ต้องไม่มีคนไทยคนใดใช้สิทธิเสรีภาพของตัวเองไปล่วงละเมิดสิทธิเสรีภาพของบุคคลอื่น จึงขอเรียกร้องแกนนำกลุ่มพันธมิตร ฯ ว่า ถึงวันนี้บ้านเมืองต้องการการถอยอย่างน้อยคนละก้าวจากทุกฝ่ายในสังคม รัฐบาลพร้อมที่จะถอยให้กับกลุ่มพันธมิตร เพื่อที่จะรักษาความสงบเรียบร้อยของบ้านเมืองเอาไว้ ซึ่งที่ผ่านจากกรณีต่าง ๆ รัฐบาลก็ได้แสดงให้เห็นแล้วว่าได้ถอยมาโดยตลอด แต่สิ่งที่ห่วงใยคือท่าทีของกลุ่มพันธมิตร ฯ ปฏิเสธข้อเสนอของรัฐบาลที่ต้องการให้ย้ายสถานที่ชุมนุม และปฏิเสธความต้องการเสียงเรียกร้องของประชาชนส่วนใหญ่ในสังคมอย่างสิ้นเชิง เห็นได้จากกลุ่มพันธมิตรได้มีการติดตั้งเวทีขนาดใหญ่และมีลักษณะถาวรที่จะชุมนุมยืดเยื้อยาวนนานบนถนนราชดำเนินต่อไป จึงขอให้กลุ่มพันธมิตรได้มีการทบทวนอีกครั้งในการกระทำดังกล่าวด้วย พร้อมกันนี้ก็ขอฝากถึงหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ด้วยว่าถึงเวลาแล้วที่จะต้องแสดงความเป็นผู้นำของพรรคประชาธิปัตย์ และต้องแสดงภาวะผู้นำของนักการเมืองที่ประกาศตัวพร้อมจะเป็นนายกรัฐมนตรีของประเทศในการยุติบทบาทของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรของพรรคประชาธิปัตย์ที่เข้าไปมีส่วนในการเคลื่อนไหวอยู่บนเวทีกลุ่มพันธมิตรด้วย
พร้อมกันนี้ขอให้ประชาชนทุกคนที่อาศัยอยู่ในกรุงเทพมหานคร ดูแลระมัดระวังเรื่องของความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินกันให้มากขึ้น เนื่องจากเจ้าหน้าที่ตำรวจนครบาลต้องระดมกำลังเกือบหมื่นนายมาทำหน้าที่ในการดูแลรักษาความสงบเรียบร้อยในการชุมนุม
--กลุ่มยุทธศาสตร์และแผนการประชาสัมพันธ์ สำนักโฆษก--