รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานระบุโรงกลั่น 4 แห่งช่วยเหลือโดยสมัครใจที่จะจัดสรรน้ำมันดีเซล 122 ล้านลิตรต่อเดือนขายให้ในราคาต่ำกว่าราคาขายปกติ 3 บาทต่อลิตร เป็นเวลา 6 เดือน
วันนี้ (31 พ.ค.) เวลา 11.10 น. พลโทหญิง พูนภิรมย์ ลิปตพัลลภ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน กล่าวในรายการ “คุยนอกทำเนียบกับทีมโฆษกรัฐบาล” ทางคลื่น FM 92.5 สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย ถึงมาตรการบรรเทาผลกระทบจากราคาน้ำมันแพงในขณะนี้ว่า ทางโรงกลั่นน้ำมัน 4 แห่งยินดีให้ความช่วยเหลือโดยสมัครใจที่จะจัดสรรน้ำมันดีเซลจำนวน 122 ล้านลิตรต่อเดือน โดยขายให้ในราคาต่ำกว่าราคาขายปกติ 3 บาทต่อลิตร เป็นระยะเวลา 6 เดือน จะเริ่มช่วยเหลือตั้งแต่เดือนมิถุนายน-พฤศจิกายน 2551 คิดเป็นปริมาณน้ำมันดีเซลที่นำมาช่วยเหลือทั้งสิ้น 732 ล้านลิตร นอกจากนี้จะพิจารณาช่วยเหลือกลุ่มประชาชนที่ประกอบอาชีพเป็นกลุ่ม ๆ ที่มีรายได้น้อยและเดือดร้อนมากจากผลกระทบจากราคาน้ำมันแพง เช่น กลุ่มประชาชนที่เดือดร้อนเนื่องจากการโดยสารรถ ขสมก. ในกรุงเทพฯ ทั้งนี้ การช่วยเหลือจะจัดสรรในดุลพินิจของคณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน (กบง.) และจะผ่านการจัดสรรไปยังกลุ่มประชาชนที่เป็นกลุ่มอาชีพหรือผ่านหน่วยราชการที่เกี่ยวข้อง โดยจะไม่มีการจัดสรรผ่านไปยังบุคคลใดบุคคลหนึ่ง ทั้งนี้ ขอยืนยันว่ากระทรวงพลังงานไม่ได้ขอลดเงินหน้าโรงกลั่นจากกลุ่มโรงกลั่นน้ำมันทั้ง 4 แห่ง หรือไปบีบบังคับโรงกลั่น หรือไปแทรกกลไกการตลาดเพื่อจะเอาเงินมาตั้งกองทุนพิเศษ ซึ่งไม่ใช่นโยบายของกระทรวงพลังงานแต่อย่างใด รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน กล่าวว่า ในส่วนการแก้ปัญหาความเดือดร้อนของรถโดยสารประจำทางในกรุงเทพฯ ประมาณ 14,600 คัน ที่ต้องการใช้น้ำมันประมาณ 30 ล้านลิตรต่อเดือน ทางกระทรวงพลังงานจะรีบนำเรื่องนี้เข้าหารือในที่ประชุม กบง. ซึ่งจะประชุมครั้งแรกในวันจันทร์ที่ 2 มิถุนายนนี้ ส่วนมาตรการส่งเสริมพลังงานทดแทนนั้น ได้มีการส่งเสริมให้มีการนำเข้ารถที่ใช้ E 20 ขณะนี้มียอดนำเข้ามาประมาณ 60,000 คัน ส่วนรถที่จะใช้ E 85 จะต้องมีคุณสมบัติเครื่องยนต์เฉพาะ เนื่องจาก E 85 จะมีความกัดกร่อนมากกว่าเอทานอลปกติ อย่างไรก็ตาม ทาง ปตท.และบางจากพร้อมจะให้ความร่วมมือในการติดตั้งสถานีบริการเพิ่มขึ้นประมาณ 30-50 แห่งภายใน 3-5 เดือน อีกทั้งค่ายรถยุโรปก็พร้อมที่จะนำเข้ารถที่ใช้ E 85 เช่นกัน นอกจากนี้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานยังยืนยันว่า ภายในเดือนกรกฎาคมนี้จะมีสถานีบริการแก๊สเอ็นจีวีเพิ่มขึ้น รวมทั้งจะมีรถที่ขนส่งแก๊สเอ็นจีวีจากสถานีแม่ไปยังสถานีลูกให้มากขึ้นด้วย ส่วนการติดตั้งถังเอ็นจีวีที่ยังมีราคาสูงอยู่นั้น ทางกระทรวงพลังงานพยายามหาแนวทางลดค่าใช้จ่ายในส่วนนี้ โดยการจัดหาโรงงานผลิตถังเอ็นจีวี
--กลุ่มยุทธศาสตร์และแผนการประชาสัมพันธ์ สำนักโฆษก--
วันนี้ (31 พ.ค.) เวลา 11.10 น. พลโทหญิง พูนภิรมย์ ลิปตพัลลภ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน กล่าวในรายการ “คุยนอกทำเนียบกับทีมโฆษกรัฐบาล” ทางคลื่น FM 92.5 สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย ถึงมาตรการบรรเทาผลกระทบจากราคาน้ำมันแพงในขณะนี้ว่า ทางโรงกลั่นน้ำมัน 4 แห่งยินดีให้ความช่วยเหลือโดยสมัครใจที่จะจัดสรรน้ำมันดีเซลจำนวน 122 ล้านลิตรต่อเดือน โดยขายให้ในราคาต่ำกว่าราคาขายปกติ 3 บาทต่อลิตร เป็นระยะเวลา 6 เดือน จะเริ่มช่วยเหลือตั้งแต่เดือนมิถุนายน-พฤศจิกายน 2551 คิดเป็นปริมาณน้ำมันดีเซลที่นำมาช่วยเหลือทั้งสิ้น 732 ล้านลิตร นอกจากนี้จะพิจารณาช่วยเหลือกลุ่มประชาชนที่ประกอบอาชีพเป็นกลุ่ม ๆ ที่มีรายได้น้อยและเดือดร้อนมากจากผลกระทบจากราคาน้ำมันแพง เช่น กลุ่มประชาชนที่เดือดร้อนเนื่องจากการโดยสารรถ ขสมก. ในกรุงเทพฯ ทั้งนี้ การช่วยเหลือจะจัดสรรในดุลพินิจของคณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน (กบง.) และจะผ่านการจัดสรรไปยังกลุ่มประชาชนที่เป็นกลุ่มอาชีพหรือผ่านหน่วยราชการที่เกี่ยวข้อง โดยจะไม่มีการจัดสรรผ่านไปยังบุคคลใดบุคคลหนึ่ง ทั้งนี้ ขอยืนยันว่ากระทรวงพลังงานไม่ได้ขอลดเงินหน้าโรงกลั่นจากกลุ่มโรงกลั่นน้ำมันทั้ง 4 แห่ง หรือไปบีบบังคับโรงกลั่น หรือไปแทรกกลไกการตลาดเพื่อจะเอาเงินมาตั้งกองทุนพิเศษ ซึ่งไม่ใช่นโยบายของกระทรวงพลังงานแต่อย่างใด รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน กล่าวว่า ในส่วนการแก้ปัญหาความเดือดร้อนของรถโดยสารประจำทางในกรุงเทพฯ ประมาณ 14,600 คัน ที่ต้องการใช้น้ำมันประมาณ 30 ล้านลิตรต่อเดือน ทางกระทรวงพลังงานจะรีบนำเรื่องนี้เข้าหารือในที่ประชุม กบง. ซึ่งจะประชุมครั้งแรกในวันจันทร์ที่ 2 มิถุนายนนี้ ส่วนมาตรการส่งเสริมพลังงานทดแทนนั้น ได้มีการส่งเสริมให้มีการนำเข้ารถที่ใช้ E 20 ขณะนี้มียอดนำเข้ามาประมาณ 60,000 คัน ส่วนรถที่จะใช้ E 85 จะต้องมีคุณสมบัติเครื่องยนต์เฉพาะ เนื่องจาก E 85 จะมีความกัดกร่อนมากกว่าเอทานอลปกติ อย่างไรก็ตาม ทาง ปตท.และบางจากพร้อมจะให้ความร่วมมือในการติดตั้งสถานีบริการเพิ่มขึ้นประมาณ 30-50 แห่งภายใน 3-5 เดือน อีกทั้งค่ายรถยุโรปก็พร้อมที่จะนำเข้ารถที่ใช้ E 85 เช่นกัน นอกจากนี้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานยังยืนยันว่า ภายในเดือนกรกฎาคมนี้จะมีสถานีบริการแก๊สเอ็นจีวีเพิ่มขึ้น รวมทั้งจะมีรถที่ขนส่งแก๊สเอ็นจีวีจากสถานีแม่ไปยังสถานีลูกให้มากขึ้นด้วย ส่วนการติดตั้งถังเอ็นจีวีที่ยังมีราคาสูงอยู่นั้น ทางกระทรวงพลังงานพยายามหาแนวทางลดค่าใช้จ่ายในส่วนนี้ โดยการจัดหาโรงงานผลิตถังเอ็นจีวี
--กลุ่มยุทธศาสตร์และแผนการประชาสัมพันธ์ สำนักโฆษก--