รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีย้ำรัฐบาลเร่งแก้ปัญหาเศรษฐกิจให้กับประชาชน พร้อมออกมาตรการที่จะให้เกิดประโยชน์อย่างแท้จริงกับประชาชนในทุกระดับ
วันนี้ (31 พ.ค.) เมื่อเวลา 11.10 น. นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีและนางสาววีรินทร์ทิรา นาทองบ่อจรัส รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ร่วมกันดำเนินรายการ “คุยนอกทำเนียบกับทีมโฆษกรัฐบาล” ทางคลื่น FM 92.5 สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย โดยได้กล่าวถึงวันที่ 31 พฤษภาคม ซึ่งเป็นวันงดสูบบุหรี่โลก พร้อมทั้งเชิญชวนให้ผู้ที่สูบบุหรี่งดสูบบุหรี่ เพื่อเป็นการเริ่มต้นดูแลสุขภาพของตัวเองและคนที่รักให้มากขึ้น
นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงการทำงานของรัฐบาลในช่วง 3 เดือนกว่าที่ผ่านมาว่า มีทั้งที่พอใจและไม่พอใจในการทำงานของรัฐบาล ซึ่งรัฐบาลพร้อมรับฟังข้อเสนอแนะและคำวิพากษ์วิจารณ์ของทุกฝ่าย ทั้งนี้ รัฐบาลมุ่งหวังตั้งใจอย่างเต็มที่ที่จะทำงานแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจ ปัญหาปากท้องของประชาชน และนำพาบ้านเมืองกลับมาสู่ความสงบสุขร่มเย็น มีศักยภาพในการแข่งขันบนเวทีโลกอีกครั้งหนึ่ง
สำหรับกรณีที่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ระบุว่ารัฐบาลชุดนี้ไม่มีผลงานเป็นรูปธรรม และไม่รับฟังคำแนะนำของพรรคประชาธิปัตย์ในการแก้ปัญหาของประเทศนั้น รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ต้องขอขอบคุณและแสดงความชื่นชมพรรคฝ่ายค้านที่ได้ทำหน้าที่และช่วยกันเป็นหูเป็นตาดูแลบ้านเมืองมาจนถึงขณะนี้ แต่เนื่องจากรัฐบาลชุดนี้เป็นรัฐบาลจริง ไม่ใช่รัฐบาลเงา เพราะฉะนั้น การจะทำงานแก้ปัญหาให้กับประชาชนและบ้านเมืองต้องทำกันจริง ๆ ต้องอยู่บนสถานการณ์จริง ต้องมีข้อจำกัด มีปัญหาข้อเท็จจริงที่จะต้องฝ่าฟันกันไป ซึ่งรัฐบาลเข้ามาทำงานหลังจากปีงบประมาณ 2551 ขับเคลื่อนไปแล้ว 5 เดือน ดังนั้น กว่าที่รัฐบาลจะได้เริ่มลงมือทำงานตามนโยบายที่รัฐบาลประกาศไว้กับประชาชน และแถลงไว้ต่อรัฐสภา จะต้องมีการจัดการปรับกลไกงบประมาณ ปรับแผนงานต่าง ๆ เพื่อมาใช้งบประมาณแผ่นดินในครึ่งหลังที่เหลือของปีงบประมาณนี้ ให้สอดรับกับแนวนโยบายของการทำงานของรัฐบาล สิ่งเหล่านี้ถือว่าเป็นข้อจำกัดที่สำคัญ อย่างไรก็ตาม รัฐบาลได้ดำเนินงานในหลายเรื่อง เช่น โครงการพัฒนาศักยภาพหมู่บ้านและชุมชน (SML) โครงการหวยบนดินซึ่งกำลังจะเริ่มดำเนินการอีกครั้ง โครงการหนึ่งอำเภอหนึ่งทุน มาตรการด้านการคลังโดยปรับเพิ่มเงินได้สุทธิที่ได้รับยกเว้นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา จากเดิม 1 แสนบาทเป็น 1.5 แสนบาท วงเงินการยกเว้นและหักค่าลดหย่อนเบี้ยประกันสำหรับการประกันชีวิต จากเดิม 5 หมื่นบาทเป็น 1 แสนบาท การก่อสร้างโครงการรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน ส่วนต่อขยาย เป็นต้น
ด้านนางสาววีรินทร์ทิรา นาทองบ่อจรัส รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวเพิ่มเติมว่าทางกระทรวงการคลังได้เร่งรัดการใช้จ่ายงบประมาณของหน่วยงานของรัฐให้เป็นไปตามเป้าหมายเบิกจ่ายที่ร้อยละ 94 รัฐวิสาหกิจร้อยละ 96 และมีการทบทวนปรับราคากลางให้มีความเหมาะสมกับอัตราเงินเฟ้อ เพื่อไม่ให้เป็นอุปสรรคต่อการจัดซื้อจัดจ้างและการประมูลงานของภาครัฐ ในส่วนของกระทรวงคมนาคมได้มีการปรับเปลี่ยนการขนส่งจากระบบถนนให้เป็นระบบรางให้ได้ร้อยละ 20 โดยเริ่มต้นใน 3 เส้นทาง คือ เส้นทางลาดกระบัง-แหลมฉบัง เส้นทางนครสวรรค์-กรุงเทพฯ เส้นทางนครราชสีมา-บัวใหญ่-แหลมฉบัง รวมทั้งการจัดหาพื้นที่สำหรับการขนถ่ายสินค้า กำหนดตารางการเดินรถและควบคุมให้ตรงตามเวลา นอกจากนี้ ทางกระทรวงอุตสาหกรรม โดยคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุนได้พิจารณาเร่งรัดมาตรการเพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้แก่นักลงทุนต่างประเทศ รวมทั้งกิจกรรมเพื่อสนับสนุนนโยบายปีแห่งการลงทุน และให้กระทรวงการคลังพิจารณาเกี่ยวกับข้อกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการเช่าที่ดินระยะยาวของนักลงทุนต่างชาติที่จะเข้ามาลงทุนในไทย ในส่วนของภาคการท่องเที่ยวนั้น ทางกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาได้เร่งรัดมาตรการทางด้านการยกระดับมาตรฐานการท่องเที่ยว ทั้งด้านการดูแลสิ่งแวดล้อม สุขอนามัย ความปลอดภัยของนักท่องเที่ยว เพื่อจะสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักท่องเที่ยวเดินทางมาเที่ยวในไทยเพิ่มมากขึ้น
รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ในส่วนของมาตรการดูแลรายได้และลดรายจ่ายของเกษตรกร ผู้ประกอบการวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม ผู้มีรายได้น้อย ผู้สูงอายุ ผู้พิการ และผู้ด้อยโอกาสนั้น ทางกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์และสำนักงบประมาณได้พิจารณาเพิ่มจำนวนเงินและขอบข่ายผู้ได้รับเบี้ยยังชีพแก่ผู้สูงอายุ และคนพิการ เพื่อที่จะช่วยเหลือในภาวะค่าครองชีพที่สูงขึ้นในขณะนี้ รวมถึงการเร่งรัดการใช้ประโยชน์จากงบประมาณ SML ไปเพิ่มศักยภาพการผลิตและรายได้ของชุมนุม ขณะเดียวกันทางกระทรวงพาณิชย์ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ได้มีการติดตามดูแลราคาและคุณภาพสินค้าเกษตรหน้าฟาร์มให้เกิดความเป็นธรรมและอำนวยความสะดวกในด้านข่าวสารข้อมูลให้บริการแก่เกษตรกรในการขายผลิตผลที่จุดรับซื้ออีกด้วย
พร้อมกันนี้ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีย้ำว่ารัฐบาลได้มีมาตรการในการดำเนินการเพื่อที่จะให้เกิดประโยชน์อย่างแท้จริงกับประชาชนในทุกระดับ ไม่ว่าจะระดับผู้ประกอบการ ระดับครัวเรือนหรือคนยากจนในภาคชนบท ก็จะได้รับโอกาสและประโยชน์จากแนวนโยบายของรัฐบาลทั้งสิ้น
--กลุ่มยุทธศาสตร์และแผนการประชาสัมพันธ์ สำนักโฆษก--
วันนี้ (31 พ.ค.) เมื่อเวลา 11.10 น. นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีและนางสาววีรินทร์ทิรา นาทองบ่อจรัส รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ร่วมกันดำเนินรายการ “คุยนอกทำเนียบกับทีมโฆษกรัฐบาล” ทางคลื่น FM 92.5 สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย โดยได้กล่าวถึงวันที่ 31 พฤษภาคม ซึ่งเป็นวันงดสูบบุหรี่โลก พร้อมทั้งเชิญชวนให้ผู้ที่สูบบุหรี่งดสูบบุหรี่ เพื่อเป็นการเริ่มต้นดูแลสุขภาพของตัวเองและคนที่รักให้มากขึ้น
นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงการทำงานของรัฐบาลในช่วง 3 เดือนกว่าที่ผ่านมาว่า มีทั้งที่พอใจและไม่พอใจในการทำงานของรัฐบาล ซึ่งรัฐบาลพร้อมรับฟังข้อเสนอแนะและคำวิพากษ์วิจารณ์ของทุกฝ่าย ทั้งนี้ รัฐบาลมุ่งหวังตั้งใจอย่างเต็มที่ที่จะทำงานแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจ ปัญหาปากท้องของประชาชน และนำพาบ้านเมืองกลับมาสู่ความสงบสุขร่มเย็น มีศักยภาพในการแข่งขันบนเวทีโลกอีกครั้งหนึ่ง
สำหรับกรณีที่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ระบุว่ารัฐบาลชุดนี้ไม่มีผลงานเป็นรูปธรรม และไม่รับฟังคำแนะนำของพรรคประชาธิปัตย์ในการแก้ปัญหาของประเทศนั้น รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ต้องขอขอบคุณและแสดงความชื่นชมพรรคฝ่ายค้านที่ได้ทำหน้าที่และช่วยกันเป็นหูเป็นตาดูแลบ้านเมืองมาจนถึงขณะนี้ แต่เนื่องจากรัฐบาลชุดนี้เป็นรัฐบาลจริง ไม่ใช่รัฐบาลเงา เพราะฉะนั้น การจะทำงานแก้ปัญหาให้กับประชาชนและบ้านเมืองต้องทำกันจริง ๆ ต้องอยู่บนสถานการณ์จริง ต้องมีข้อจำกัด มีปัญหาข้อเท็จจริงที่จะต้องฝ่าฟันกันไป ซึ่งรัฐบาลเข้ามาทำงานหลังจากปีงบประมาณ 2551 ขับเคลื่อนไปแล้ว 5 เดือน ดังนั้น กว่าที่รัฐบาลจะได้เริ่มลงมือทำงานตามนโยบายที่รัฐบาลประกาศไว้กับประชาชน และแถลงไว้ต่อรัฐสภา จะต้องมีการจัดการปรับกลไกงบประมาณ ปรับแผนงานต่าง ๆ เพื่อมาใช้งบประมาณแผ่นดินในครึ่งหลังที่เหลือของปีงบประมาณนี้ ให้สอดรับกับแนวนโยบายของการทำงานของรัฐบาล สิ่งเหล่านี้ถือว่าเป็นข้อจำกัดที่สำคัญ อย่างไรก็ตาม รัฐบาลได้ดำเนินงานในหลายเรื่อง เช่น โครงการพัฒนาศักยภาพหมู่บ้านและชุมชน (SML) โครงการหวยบนดินซึ่งกำลังจะเริ่มดำเนินการอีกครั้ง โครงการหนึ่งอำเภอหนึ่งทุน มาตรการด้านการคลังโดยปรับเพิ่มเงินได้สุทธิที่ได้รับยกเว้นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา จากเดิม 1 แสนบาทเป็น 1.5 แสนบาท วงเงินการยกเว้นและหักค่าลดหย่อนเบี้ยประกันสำหรับการประกันชีวิต จากเดิม 5 หมื่นบาทเป็น 1 แสนบาท การก่อสร้างโครงการรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน ส่วนต่อขยาย เป็นต้น
ด้านนางสาววีรินทร์ทิรา นาทองบ่อจรัส รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวเพิ่มเติมว่าทางกระทรวงการคลังได้เร่งรัดการใช้จ่ายงบประมาณของหน่วยงานของรัฐให้เป็นไปตามเป้าหมายเบิกจ่ายที่ร้อยละ 94 รัฐวิสาหกิจร้อยละ 96 และมีการทบทวนปรับราคากลางให้มีความเหมาะสมกับอัตราเงินเฟ้อ เพื่อไม่ให้เป็นอุปสรรคต่อการจัดซื้อจัดจ้างและการประมูลงานของภาครัฐ ในส่วนของกระทรวงคมนาคมได้มีการปรับเปลี่ยนการขนส่งจากระบบถนนให้เป็นระบบรางให้ได้ร้อยละ 20 โดยเริ่มต้นใน 3 เส้นทาง คือ เส้นทางลาดกระบัง-แหลมฉบัง เส้นทางนครสวรรค์-กรุงเทพฯ เส้นทางนครราชสีมา-บัวใหญ่-แหลมฉบัง รวมทั้งการจัดหาพื้นที่สำหรับการขนถ่ายสินค้า กำหนดตารางการเดินรถและควบคุมให้ตรงตามเวลา นอกจากนี้ ทางกระทรวงอุตสาหกรรม โดยคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุนได้พิจารณาเร่งรัดมาตรการเพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้แก่นักลงทุนต่างประเทศ รวมทั้งกิจกรรมเพื่อสนับสนุนนโยบายปีแห่งการลงทุน และให้กระทรวงการคลังพิจารณาเกี่ยวกับข้อกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการเช่าที่ดินระยะยาวของนักลงทุนต่างชาติที่จะเข้ามาลงทุนในไทย ในส่วนของภาคการท่องเที่ยวนั้น ทางกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาได้เร่งรัดมาตรการทางด้านการยกระดับมาตรฐานการท่องเที่ยว ทั้งด้านการดูแลสิ่งแวดล้อม สุขอนามัย ความปลอดภัยของนักท่องเที่ยว เพื่อจะสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักท่องเที่ยวเดินทางมาเที่ยวในไทยเพิ่มมากขึ้น
รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ในส่วนของมาตรการดูแลรายได้และลดรายจ่ายของเกษตรกร ผู้ประกอบการวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม ผู้มีรายได้น้อย ผู้สูงอายุ ผู้พิการ และผู้ด้อยโอกาสนั้น ทางกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์และสำนักงบประมาณได้พิจารณาเพิ่มจำนวนเงินและขอบข่ายผู้ได้รับเบี้ยยังชีพแก่ผู้สูงอายุ และคนพิการ เพื่อที่จะช่วยเหลือในภาวะค่าครองชีพที่สูงขึ้นในขณะนี้ รวมถึงการเร่งรัดการใช้ประโยชน์จากงบประมาณ SML ไปเพิ่มศักยภาพการผลิตและรายได้ของชุมนุม ขณะเดียวกันทางกระทรวงพาณิชย์ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ได้มีการติดตามดูแลราคาและคุณภาพสินค้าเกษตรหน้าฟาร์มให้เกิดความเป็นธรรมและอำนวยความสะดวกในด้านข่าวสารข้อมูลให้บริการแก่เกษตรกรในการขายผลิตผลที่จุดรับซื้ออีกด้วย
พร้อมกันนี้ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีย้ำว่ารัฐบาลได้มีมาตรการในการดำเนินการเพื่อที่จะให้เกิดประโยชน์อย่างแท้จริงกับประชาชนในทุกระดับ ไม่ว่าจะระดับผู้ประกอบการ ระดับครัวเรือนหรือคนยากจนในภาคชนบท ก็จะได้รับโอกาสและประโยชน์จากแนวนโยบายของรัฐบาลทั้งสิ้น
--กลุ่มยุทธศาสตร์และแผนการประชาสัมพันธ์ สำนักโฆษก--