นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี ชี้แจงสถานการณ์การชุมนุมทางการเมือง ผ่านสถานีวิทยุโทรทัศน์แห่งประเทศไทย NBT และสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย กรมประชาสัมพันธ์
สวัสดีครับท่านพี่น้องประชาชนที่เคารพรัก ผมสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรีของท่านนะครับ วันนี้วันเสาร์เก้าโมงเช้าผิดปกติหน่อย เป็นความจำเป็นครับ ที่ต้องเรียกว่าผิดปกติ ก็เพราะว่าไม่อยากจะรอถึงวันอาทิตย์ที่จะมาพูดเหมือนอย่างเคย วันนี้ผมมีหน้าที่จะต้องมาพูดกับพี่น้องประชาชนทั้งประเทศ โทรทัศน์คงถ่ายทอดไป 2-3 ช่อง แต่ว่าสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทยจะถ่ายทอดถึงท่านพี่น้องทั่วประเทศ
สถานการณ์ที่เกิดขึ้นอยู่ที่เชิงสะพานมัฆวานนั้น เป็นความเสียหายอย่างยิ่งของบ้านเมืองของเรา ผมจึงต้องมีหน้าที่มาพูดและมาทำความเข้าใจเสียวันนี้ก่อน เริ่มต้นอยากจะเรียนท่านพี่น้องที่เคารพว่า รัฐบาลที่ผมเป็นหัวหน้าอยู่นี้ เป็นรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง เลือกตั้งอย่างถูกต้องมีการแข่งขันกันถูกต้องตามกติกา และเมื่อเลือกตั้งเสร็จแล้วก็ได้พรรคการเมืองที่มีเสียงข้างมากคือ 233 เสียง แล้วเราสามารถรวมพรรคอื่น ๆ อีกรวมกันได้ทั้งหมด 6 พรรค 316 เสียงจาก 480 เสียง ถูกต้องตามกติกาที่รัฐธรรมนูญกำหนด เราก็ตั้งรัฐบาลแล้วเข้าไปถวายสัตย์ปฏิญาณ และดำเนินการบริหารบ้านเมืองมา ถ้าถึงวันที่ 6 มิถุนายน ก็จะบริหารมาได้ครบ 4 เดือน เป็นรัฐบาลที่เข้ามาในช่วงที่รัฐบาลเดิมนั้นต้องเรียกว่าสะดุดหยุดอยู่ คือรัฐบาลที่มาอยู่ประมาณ 17 เดือนนั้นก็เป็นรัฐบาลเฉพาะกิจชั่วคราวก็รู้กันอยู่ พอถึงคราวที่รัฐบาลใหม่มาจากการเลือกตั้ง ก็แปลว่ามาเริ่มต้นกันใหม่ตามระบอบที่ได้กำหนดขึ้นไว้
ท่านพี่น้องประชาชนทั้งประเทศคงทราบนะครับว่า ระหว่างที่เกิดเหตุนั้นประมาณ 16-17 เดือนนั้น ต้องมีการสะดุด ประเทศทางยุโรปก็หันหลังให้ อเมริกาก็หันหลัง จีนหันข้าง ญี่ปุ่นหันข้าง พอมีรัฐบาลมาจากเลือกตั้ง เขาก็หันหน้ากลับมาเหมือนเดิม รัฐบาลที่เพิ่งโผล่เข้ามาตอนนี้ในยามที่น้ำมันก็ขึ้นราคาแบบไม่ดูตาม้าตาเรือกันเลย ขึ้นพรวด ๆ ๆ ๆ น้ำมันขึ้นราคาสินค้าก็ขึ้น ขึ้นไปแม้กระทั่งราคาข้าวขึ้น แทนที่จะดี ก็กลับเป็นผลร้าย รัฐบาลก็ถูกตำหนิติเตียน วันนี้ไม่ได้มาอวดผลงานอะไรครับ ต้องการมาบอกพื้นฐานเสียก่อนว่า ทำงานมา 4 เดือนทุกคนทำงานนะครับ จะชั่วดีถี่ห่างอย่างไรก็ตามแต่ คุณสมบัติจะเป็นอย่างไรก็ตามแต่ แต่เป็นรัฐบาลครับ ผมใช้คำว่าขี้เหร่หน่อย ก็เป็นการว่าถ่อมตัว แล้วเลือกนายกฯ ไม่ได้ตามใจชอบเพราะมีระบบพรรคอยู่ ก็บอกกันตรง ๆ แต่ผมก็ทำหน้าที่ของผม เพราะผมเป็นหัวหน้ารัฐบาล เป็นรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งชื่อพรรคพลังประชาชน หัวหน้าชื่อนายสมัคร สุนทรเวช ผมทำหน้าที่นี้ และผมจะบอกให้ฟังว่า ใครลองไปตรวจสอบบรรดาข้าราชการทั้งหลายทั้งปวง ยกเว้นที่ผมไปทำให้เขาเดือดร้อนเสียหายเท่านั้นละครับที่เขาจะไม่ชอบ
แต่ผมแน่ใจว่าผมนั่งทำงานมา 4 เดือนนั้นได้สัมผัสข้าราชการทั้งหลายทั้งปวง ผมยืนยันว่าผมแน่ใจว่าผมทำงานให้บ้านเมืองนี้ได้ ผมทำงานกับข้าราชการทุกหน่วยงานนั้น ผมทำได้เรียบร้อย ไม่ว่าจะกระทรวงไหนอย่างไร ที่ผมเข้าไปเกี่ยวข้องไปสัมผัส ผมทำงานได้ครับ และผมทำงานเป็น แน่นอนครับการจะชี้หน้าว่าใครไม่เก่งเศรษฐกิจต่าง ๆ แต่ถ้าจะเอาเศรษฐกิจอย่างเดียว และทำไมรัฐบาลที่แล้วไม่มีใครไปชี้หน้าเลยครับ ท่านไม่ได้เก่งเศรษฐกิจอะไรเลย ท่านก็บริหารทำไป ก็เป็นรัฐบาลอยู่ได้ ไม่มีใครตำหนิติเตียน วันหนึ่งเราอาจจะได้คนเก่งทางเศรษฐกิจมาเป็นหัวหน้า วันหนึ่งจะได้คนที่รู้การบ้านการเมืองมาเป็นหัวหน้า ผมเป็นนายกรัฐมนตรีที่ผมรู้การบ้านการเมือง รู้ว่าบ้านเมืองเป็นอย่างไร จะต้องทำอะไรอย่างไร
และสำคัญที่สุดคือว่า เรามีระบบของบ้านเมืองของเรา บอกนินทาว่ากล่าวไปเที่ยวตระเวนต่างประเทศอยู่นั่น ก็เขากำหนดให้นะครับ เราตกลงกันว่าในยุโรปเขามีกลุ่มประเทศอียูของเขา อเมริกาเขาก็มีกลุ่มของเขา ทางเราก็มีกลุ่มของเรา และก็แข็งแรงด้วย 500 ล้านคน เรารวมกัน 10 ประเทศ ผูกพันกัน เมื่อก่อนนี้คุณถนัดท่านเริ่มไว้ 5 ต่อมาเป็น 6 ต่อมาเพิ่มอีก 4 เป็น 10 ยังแข็งแรงนะครับ และเขาก็ถือว่า 10 ของเราจะมีงานอะไรต่าง ๆ นายกรัฐมนตรีเข้ามา ทูตจะมาพบ ทูตอาเซียน 9 ประเทศต้องมาก่อนครับ อาเซียนมาก่อนยุโรป อเมริกา มาก่อนใครทั้งหลายทั้งปวง จะด้วยอะไรก็ตามต้องอาเซียนก่อน
เพราะฉะนั้น เมื่อคนที่เป็นนายกรัฐมนตรีขึ้นมา ก็ต้องไปแนะนำตัว ผมก็เพิ่งเคยเป็นนายกรัฐมนตรี ต้องไปแนะนำตัวให้เขารู้จักว่าเป็นใครอย่างไร นี่ละครับบทเรียนที่ผมจะต้องทำงานนั้น ก็คือว่า ผมไปทำตามที่เขาได้กำหนดไว้ ไม่ถึงกับเป็นบทหรอกครับ แต่ว่าเป็นหน้าที่ผมต้องไปทำ และผมก็ทำ ตั้งแต่ สปป.ลาว ตั้งแต่ไปกัมพูชา ไปพม่า ไปสิงคโปร์ ไปเวียดนาม ไปอินโดนีเซีย มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ ผมไปมาแล้ว 8 ประเทศครับ ยังเหลือบรูไนอีกประเทศเดียว ผมไปทำหน้าที่ของผม เจ้าหน้าที่ที่ไปกับผมจะเป็นคนบอกได้ว่า ผมทำหน้าที่นายกรัฐมนตรีประเทศไทยนั้นเสียเกียรติ เสียเหลี่ยมประเทศไทยหรือไม่ หรือว่าทำให้ผู้คนเขาเข้าใจบ้านเมืองนี้ดีขึ้น ผมพูดจาได้ครับ ผมสนทนาได้ ผมรู้ขอบเขต เพราะกระทรวงการต่างประเทศเป็นคนกำหนดกรอบว่าต้องอยู่อย่างไรต่อไป ก่อนจะเดินทางเขาต้องอบรมผม 2 ชั่วโมง อบรมล่วงหน้า 2-3 วันครับ แล้วผมถึงจะไป และผมก็ทำหน้าที่ แล้วผมถึงจะไป และผมก็ทำหน้าที่ ผมรู้ขอบเขตในการทำงาน ไม่ใช่แต่กระทรวงการต่างประเทศเท่านั้น กระทรวงอื่นนั้นผมรู้ว่าตรงไหน ผมจะต้องทำอะไรอย่างไร แต่ว่านั่งเขียนหนังสือด่าทอว่าเหตุผล และสักแต่ว่าพูดว่า รัฐบาลนี้ไม่เห็นทำอะไร 3 เดือนไม่ทำอะไรต่ออะไร และรู้ไหมครับท่านที่เคยว่าเคยด่าเคยไปนั่งอยู่ในคณะรัฐมนตรี (ครม.) ไหมครับ เคยไปดูว่าตามกระทรวงเขาทำอย่างไร ไม่ใช่ผมคนเดียวทำงานนะครับ คนอีก 35 คนเขาทำงาน ผมเป็นคนรวบรวมดูแลขั้นตอนทั้งหมด งานที่ทำนั้นมีทั้งจะต้องริเริ่มใหม่และจะต้องดำเนินการ แต่ว่าแก้ปัญหาที่มา มันต้องทำนะครับ ต้องพูดจาเขา เดินทางก็ตั้ง 8 ประเทศ ต้องพบบรรดาทูตขรตรีเศียรทั้งหลาย คณะที่เขามา เขามาเพื่อเรานะครับ วุฒิสมาชิกมา สภาคองเกรสมา คนโน้นมาคนนี้มา คณะการค้ามา คณะผู้แทนมา เขามาครับ เขามาเพื่อจะต้องมาดูมาฟังมาคุยว่าเป็นอย่างไร ได้สัมผัสแล้วเป็นอย่างไร พูดจากันได้ไหม พูดจากันเข้าใจไหม
ผมทำหน้าที่นี้นะครับ งานหนักนะครับ แต่ผมก็ไม่เคยบ่น ผมว่าผมทำหน้าที่นี้ให้บ้านเมืองผม และผมมีคติของผม ผมทำให้ ผมไม่ได้ทำเอา คือบ้านเมืองก็ต้องหาคนมาทำหน้าที่ และมาได้ถูกต้องตามกฎบัตรกฎหมาย ถ้าไม่ใช่ผมก็เป็นคนอื่น ถ้าเขาได้คะแนนมากกว่า ผมก็เป็นนักการเมืองฝ่ายค้าน และผมได้คะแนนเฉพาะ 233 บวกกันแล้วได้ 316 จาก 480 เขาก็ต้องให้ผมเป็นนายกรัฐมนตรี ผมมีพื้นฐานการเมืองมาตลอดชีวิตผม ผมทำงานมาทุกระดับ ผมอยู่ในครม.มาแล้ว 8 หน ๆ นี้เป็นหนที่ 9 ผมเป็นหัวหน้ารัฐบาล ผมทำงานได้ครับ และงานบ้านเมืองก็กำลังดำเนินการไปด้วยดี เพียงแต่ว่าลักษณะที่ได้มีสิทธิเสรีภาพ และดุด่าว่ากล่าวกัน ผมก็ไม่เคยว่ายังไง ผมไม่ว่าละครับเขียนบทความตอบโต้ ผมยังไม่ทำ ทั้ง ๆ ที่ผมก็ทำได้ ผมก็ไม่ทำ แต่ผมมีรายการของผมเช่นรายการพรุ่งนี้ ก็ยังอยู่ พรุ่งนี้ก็ยังคุย ผมเลือกช่องทางเท่านั้นละครับ นอกนั้นก็ทำกัน
แต่ว่าเมื่อทำงานอย่างนี้ทุกอย่างกำลังดำเนินการนั้น ผมทำให้เรียบร้อย ผมทำให้ทุกฝ่าย ผมดูแลหมดครับว่าอะไรเป็นอะไรอย่างไร ผมจะบอกให้ฟังด้วยนะครับว่าที่ผมอาสามาเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมนั้น เพราะรู้ว่าปัญหาของบ้านเมืองมันเกิดตรงไหน รู้ว่าเหตุที่หยก ๆ ที่แล้วมา วันที่ 19 กันยายน 2549 ที่ยึดอำนาจกันนั้น มีเหตุมาอย่างไร เพราะฉะนั้นผมเป็นชาวพุทธครับ ผมรู้ว่าพระพุทธเจ้าท่านตรัสรู้อะไร ท่านตรัสรู้อริยสัจ 4 ท่านว่าเกิด แก่ เจ็บ ตาย เป็นทุกข์ นี่ก็เป็นทุกข์ คนทำปฏิวัติยึดอำนาจบ้านเมืองก็เป็นทุกข์ครับ เพราะฉะนั้น เมื่อเวลาเป็นทุกข์แล้วท่านบอกว่าให้ไปดูสมุทัย คือเหตุที่ทำให้เกิดทุกข์ พอท่านไม่มีทุกข์แล้ว เราก็จะมีความสุขด้วยกัน และหนทางดับทุกข์คืออย่างไร หนทางที่เรียกว่ามรรค นั่นละครับ ผมนี่ละครับเลือกหนทางไปเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ผมทำหน้าที่ได้นะครับ จะย้อนตั้งแต่เย็นวานนี้ (30 พ.ค.) ก็ได้ครับ ผมต้องรับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมประเทศฝรั่งเศส ผมจะต้องนั่งสนทนากับเขาเรื่องราวต่าง ๆ เขาจะมีพื้นที่ background ต่าง ๆ มาให้ ผมจะสนทนาเสร็จ เสร็จตรงนั้นต้องไปสนทนาที่นั่งกินข้าว เสร็จเรียบร้อยแล้ว เขามีสาสน์จากท่านประธานาธิบดีฝรั่งเศสมา เขามีของมาถวาย ก็โปรดเกล้าฯ ให้เข้าเฝ้าฯ นายกรัฐมนตรีก็ต้องพา ผมเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ความจริงตามหลักพาเฝ้าฯ ส่วนมาก รัฐมนตรีสำคัญมาโปรดให้เฝ้า นายกรัฐมนตรีก็เป็นคนพาให้เข้าเฝ้า ผมก็พาเข้าเฝ้าฯ เมื่อวานนี้ นายกรัฐมนตรีพม่ามาขอเฝ้าฯ โปรดเกล้าฯ ให้เข้าเฝ้าฯ ผมก็พาเข้าเฝ้าฯ
ผมทำหน้าที่ของผม วันก่อนผู้บัญชาการทหารสูงสุดอินเดีย มา ผมก็ต้องไปสนทนา วันอาทิตย์นี้วันหยุด ตอนเย็นเขาจะผ่านมา เขาขอเยี่ยมคำนับ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมสหรัฐอเมริกา ผมก็ต้องไปรับ ก็ไปเปิดทำเนียบรัฐบาลกันตอนเย็น เขาผ่านวันอาทิตย์ ผมทำงานเสาร์-อาทิตย์ไม่มีวันหยุดหรอกครับ แต่ผมไม่นิยมว่าไปไหนต้องผู้สื่อข่าวเป็นพรวนเพื่อจะได้เป็นข่าว ไม่หรอกครับ ผมทำงานเพื่องาน ผมไม่ต้องการมาโฆษณาประชาสัมพันธ์ ความจริงวันนี้ผมจะต้องไปสุพรรณบุรี ผมไม่บอกใครเลย ผมต้องการจะไปสัมผัสที่เขากำลังเกี่ยวข้าว ผมจะไปคุยกับชาวนาว่าคุณเกี่ยวแล้วคุณเอาไปไหน คุณเป็นอย่างไร เรื่องความชื้น ผมจะไปดูด้วยตัวเอง ผมจะแวะไปคุยกับโรงสี ผมจะต้องแก้ไขปัญหาคือกำลังนี้ที่บอกจะซื้อข้าวเท่าไร ๆ กระทรวงพาณิชย์ก็บอกแล้วว่าซื้อไม่ได้ แล้วไม่บอกเหตุผลเขา ก็กรมการค้าภายในที่ดำเนินหน้าที่นี้มีคณะกรรมการลาออกกันหมด เหลืออยู่ 3 คน ทำอะไรไม่ได้ เพราะฉะนั้น จะต้องให้ธนาคารเขาทำกับโรงสีโดยตรง เงินจากธนาคารต้องไปโรงสีไม่ได้ผ่านตรงนี้ไป ไปพูดจาสาด ๆ ๆ ๆ ไว้ ก็เขาไม่พอใจ แสดงความไม่พอใจเพราะเราไปยุ่งเกี่ยวกับสิ่งที่เขาทำกันอยู่ ผมบอกผมต้องยุ่งเกี่ยว ผมต้องดูแล ผมจะไม่ออกปัญหาตรงนี้ละครับ ข้าราชการที่ไม่ชอบใจเพราะเราลงไปจี้ไช เราต้องไปดูแลว่าตรงนี้คือปัญหา ผมก็จะต้องลงไปแก้ปัญหา ไม่ชอบใจ และทำให้เกิดความปั่นป่วน ผมต้องตามแก้เรื่องพรรค์อย่างนี้ด้วย
เราอยู่กัน 5 พรรค 6 พรรคด้วยกัน ดูสิครับว่าเป็นนายกรัฐมนตรีอย่างไรถึงทำงานร่วมกับพรรคอื่นได้ เมื่อเวลาที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานนั้นเสนอความคิดเห็น ผมต้องให้ความสนับสนุน แต่ถ้าอะไรไม่ถูกไม่ควร ผมก็บอกอย่างนี้เป็นอย่างไร อย่างนั้นเป็นอย่างไร เมื่อวานนี้เขาจัดการแก้ปัญหาให้ ทางฝ่ายโรงกลั่นไปคาดคั้นกันแบบนั้น ทางฝ่ายค้านก็จะเอากันให้เป็นให้ตาย คือหมายความว่าจะทลายโรงกลั่นกันเลย จะมาหาว่าเขากำไรมาก แต่เราต้องไปดู เขาเป็นบริษัทในตลาดหลักทรัพย์ เขามีผู้คนที่ถือหุ้น ไปทำอย่างนั้น ๆ ไป แต่เราก็เลือกหนทางอื่น สุดท้ายเขาใช้วิธี เขาไม่ได้มาลดค่ากลั่น เขาจัดการขายราคาถูกให้เรา
ลงไปที่กระทรวงคมนาคม พวกรถขนส่งมวลชนทั้งหลาย ลงไปที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์... ก็ตกลง 6 เดือนครับ เขาขายลดราคาต่ำลงไปอีก 3 บาท ก็ดำเนินการ เมื่อรัฐมนตรีเขาจะประชุม ผมบอกผมจะไปร่วมด้วย ผมไปสนทนาด้วย ผมต้องการถามเรื่องโรงกลั่น ด่ากันไปด่ากันมา โรงกลั่น ทำไมต้องราคาโรงกลั่นสิงคโปร์ ผมบอกต้องเลิกใช้คำนี้ มันเป็นราคาที่เราอิง บางแห่งอิงที่คาร์โก้ บางอันอิงนิวยอร์ก บางอันอิงสิงคโปร์ บางอย่างเขาก็อิงที่สิงคโปร์ คือเรื่องน้ำมัน เขาค้าขายน้ำมันกันอยู่ 300 บริษัท เป็นราคาอ้างอิงตลาดค้าน้ำมันที่สิงคโปร์ แต่ชอบว่าราคาหน้าโรงกลั่น ไปรู้ข่าวมาหน่อยโรงกลั่นราคาสูงขึ้นไปทางนี้ โรงกลั่นนี้ได้กำไรมากหน่อย ก็จะเค้นคอให้เขาทำ มันต้องมีระบบสิครับ นั่งพูดอยู่ตรงนั้น สั่งสอนได้ครับ ไม่เป็นปัญหา ฟังดูก็เก๋ไก๋ รอบรู้แต่ไม่ได้บริหาร คนบริหารโง่ ผมก็ต้องมาอธิบายให้ฟังว่า ผมไม่ได้โง่เง่าขนาดนั้นหรอกครับ แต่เราเป็นคนให้ทำ จะต้องรู้ว่าจะต้องทำอย่างไร จะต้องรักษาองคาพยพเขาอย่างไร โรงกลั่น 4 โรงไปฟาดฟันเอาให้ตายคาตา ได้ไหมครับ ไม่ได้หรอกครับ แต่ต้องเจรจาความกับท่านรัฐมนตรี รัฐมนตรีท่านเจรจาจนกระทั่งสำเร็จ ผมก็ไปขอบคุณเขา และไปหาข้อเท็จจริงอย่างนั้นคืออะไร อย่างนี้คืออะไรต่าง ๆ เสร็จเรียบร้อยก็ขอบคุณ
กระทรวงอื่น กระทรวงไหน ไม่ถึงกับจะแส่ไปหรอกครับ แต่ว่าต้องไปช่วยดู ไปช่วยฟังความว่าอะไรเป็นอะไรอย่างไร ที่เล่าให้ฟังนี้เพื่อจะบอกว่าการเมืองเดินหน้ามาตามปกติธรรมดาครับ เดินหน้าไปอย่างขลุกขลักนิดหน่อย ก็เพราะว่ามันหัวเลี้ยวหัวต่อ เป็นรัฐบาลหลังจากการปฏิวัติ คณะปฏิวัติถอยไปเราก็มาดำเนินการ ก็ทำความสัมพันธ์ให้กลับสู่สภาพเดิม กำลังทำอย่างนี้ละครับ มีคนต้องไม่พอใจ อ้างเหตุไม่พอใจ ไม่พอใจบอกไม่อยากให้แก้รัฐธรรมนูญ แล้วเป็นอย่างไรครับ รัฐธรรมนูญ ๆ เห็นว่าไม่ดีฉีกทิ้งทั้งฉบับ และพวกนั้นไปมุดหัวอยู่ที่ไหน ฉีกทิ้งรัฐธรรมนูญทั้งฉบับ อาจจะเป็นคนยุยงให้จัดการฉีกเสียด้วยซ้ำไป เสร็จแล้วร่างรัฐธรรมนูญใหม่ ความจริงเขาแสดงหลักฐานให้ดู คนร่างบอกเลยครับ ไม่ดีก็แก้ไขใหม่ได้ และจัดการได้ รัฐธรรมนูญฉบับนี้แก้ง่ายมีระบบ ก็พูดกันไว้อย่างนั้น เพราะฉะนั้น นักการเมืองเขาเห็นว่ามีข้อบกพร่อง ที่ฉกรรจ์จริง ๆ คืออย่างวุฒิสมาชิก 200 เลือกตั้ง ไปขยับเป็นเลือกแค่ 76 จังหวัดละ 1 คน จังหวัดละแสนก็เลือก 1 คน จังหวัดละ 6 ล้านคน ก็เลือกคน 76 คน และแต่งตั้งมา 74 ขะเย้อแขย่งอย่างนี้ อย่างนี้ต้องแก้ไขครับ
เขตเลือกตั้งเคยเลือกพวงเบ้อเริ่ม 15 คนมากเกินไป เขาก็แก้เป็น 1 หรือ 2 หรือ 3 ใช้ไปพัก บอกทันสมัยของโลกเขาใช้เขตละคน คนละเขต เรียกภาษาไทย วันแมนวันโหวต เขตละคน คนละเขต ถูกต้อง ทำเสร็จเรียบร้อย ใช้มา 2 หน ผู้คนคุ้นเคยกับระบบนี้ดีที่สุด เห็นไหมครับพอเปลี่ยนแปลงปั๊บ แก้เข้ามาใหม่ ย้อนเอากลับไปใช้ ต้องการจะให้มันยุ่งยากเท่านั้นเอง ยุ่งยากทุกพรรค พรรคการเมืองฝ่ายค้านเขาก็รู้ว่ายุ่งยาก เขาก็ต้องอยากจะแก้ตรงนั้น มีหลายแห่งหลาย อันที่จะต้องแก้ไข แล้วมันพ่วงอยู่ 2 ข้อเท่านั้นละครับ ข้อหนึ่งให้มาตรการยุบพรรค แล้วคนอื่นไม่กลัวหรือครับวันข้างหน้า แต่ก่อนก็ยุบพรรคได้ครับ แต่มีท่อนเดียว เดี๋ยวมาท่อน 2 ไม่ว่าอะไรคณะกรรมการ คนไหนไปทำอะไรก็ยุบทั้งพรรคเลย ต้องฟังเหตุผลว่าส่วนตัวอะไร ต้องพิสูจน์กันอย่างไรได้ ก็จะขอแก้ไขตรงนี้ เพื่อรายการนี้ไม่ใช่ ไม่ทันหรอกครับ แก้เสร็จออกมาเขาบอกย้อนหลังไม่ได้ มาตรา 309 ยังไงก็จะต้องไปอยู่ เขาจะต้องโอนไปอย่างอื่น ต้องไปขึ้นศาลหนีไปที่อื่นไม่ได้ แก้กับ 2 มาตรานี้แล้ว ก็ยังขึ้นศาลอยู่ดี ยังไม่ได้ไปช่วยเรื่องการยุบพรรคไม่ได้ อยู่ดี แล้วอื่น ๆ จะแก้ไหม ต้องแก้ครับ แล้วตอนหาเสียงเลือกตั้ง ทุกคนแก้ทุกพรรคแก้ เข้ามาจะแก้แล้วเป็นอย่างไรครับ คณะผู้คนประกอบด้วยคน 5 คนเป็นใครจากไหนอย่างไร ถึงจะชี้ต้นตายปลายเป็นกับบ้านนี้ได้ บอกไม่ได้แก้ไม่ได้ แล้วรัฐธรรมนูญเขียนวิธีการแก้ไว้ทำไมครับ แล้วผู้คนที่เขาอยู่ในแวดวงการเมือง เขายื่นจะขอแก้ เอามาเป็นเหตุ ดูสิครับ
เสร็จแล้วยังไง ก็บอกว่าจะยื่นวันไหนจะเคลื่อนขบวนตั้งขบวนวันนั้น เสร็จแล้วก็ยึดถนนราชดำเนินไปครึ่งถนน ตั้งแต่โรงเรียนสตรีวิทยาจนถึงผ่านฟ้า ติดขัดกันไปหมด บอกว่าจะโดยสันติ จะพูดอะไรเรียบร้อย เสร็จแล้วก็เคลื่อนขบวนมา แล้วตำรวจเขาทำอย่างไร เขาบอกต้องเอาหมายปลายทางว่าจะไปล้อมทำเนียบ ไปยึดทำเนียบ ทำเนียบมีถนนอย่างไรบ้าง มายืนตามฟุตบาทได้ไหมครับ ก็ต้องไปปิดถนนตรงนั้น เขาก็กันไว้ตั้งแต่ต้น ทำเนียบเราถูกล้อมแล้วขายหน้าเขาไปทั่วโลก ตรงที่กั้นไว้ถนนราชดำเนิน ตรงสะพานมัฆวานเพื่อจะจัดการตกลงว่าจะเอาอย่างไรกัน แต่ก็เล่นรุนแรงกันขึ้นทุกวัน ไม่มีเหตุหาเหตุ จนกระทั่งสุดท้ายหาอะไรไม่ได้ เพราะรู้ว่าทุกอย่างชนวนมันดับหมด ก็จะหาเหตุไล่ผม ไล่รัฐบาลหาว่าไม่มีความสามารถ ไล่ผม ไป ๆ มา ๆ บอกเป็นรัฐบาลหุ่น ไปด่าย้อนรัฐบาลทักษิณอีก ไปฟังสิครับ พูดจาหยาบคาย ทุกคนต้องโดนคดีความในเรื่องหมิ่นประมาทเท่านั้นละครับ แต่อย่างอื่นไม่ต้องคิดหรอกครับ เพราะว่าในการจะบริหารบ้านเมืองต้องบอกให้รู้
วันนี้ที่ผมออกมาพูด ผมจะบอกให้รู้ว่า สิ่งที่ท่านทั้งหลายได้ทำไปนั้น มันผิดกฎหมายครับ ไปยึดถนนอยู่ตรงนั้น ต้องปิดถนนหัวท้าย ปิดถนนราชดำเนินหัวท้าย ปิดถนนกรุงเกษม และตั้งกองกันขึ้นเร่งรัดขึ้น ออกข่าว ทำไมผมจะไม่รู้ความเคลื่อนไหวครับ จะเอาใครต่อใครอย่างไรมา จะเตรียมการอย่างไรมา ที่รัฐมนตรีเฉลิม (ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย) ออกไปพูดนั้นเพราะเรามีข่าวกรองกันเข้ามาจะเล่นกันอย่างไร จะทำกันอย่างไร จะตูม ๆ ๆ ๆ 7-8-9 อย่างตอนปีใหม่ ก็จะทำกัน จะเอาระเบิดโยนกันกลางวงก็จะทำกัน เอาคนเป็นมือร้าย ๆ เข้ามา เรารู้หมดครับ แต่แล้วบ้านเมืองเป็นอย่างไร ถึงจะทำอย่างนี้ครับ แล้วคนพวกนี้คิดอะไรอย่างไรครับ คิดว่าวันนี้เป็นวันที่ 19 กันยายน 2549 หรือครับ ผมบอกแล้วอย่างนั้นมันเป็นปัญหา เมื่อเรารู้ปัญหาอยู่ตรงนั้น เราก็ดับปัญหา ผมนี่ละครับคนดับปัญหา และผมตั้งแน่ใจว่าผมดับปัญหานั้น ผมต้องมีวิธีการดำเนินการ และผมก็ทำด้วยความตั้งใจจริง ผมจะบอกให้คณะที่ยึดตรงนั้น คุณทำอย่างนี้ คุณหวังใครครับ หวังใครจะมาจัดการประกาศยึดอำนาจและปฏิวัติกันอีกอย่างนั้นหรือครับ ได้เหรอครับบ้านเมืองนี้ ไม่มีเหตุนะครับ แล้วผู้คนพวกนั้น เขาก็ไม่ได้มีเหตุเหมือนกับปี 2549 ปีนี้ 2551 นายกรัฐมนตรีชื่อนายสมัคร สุนทรเวช นอกจากเป็นนายกรัฐมนตรีแล้ว เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมด้วย และผมก็ทำหน้าที่ ผมเป็นประธานสภากลาโหม เมื่อวานซืนผมก็เป็น ผมเป็นมาแล้ว 4 หนครับ ผมทำงานกับแม่ทัพนาย กองทั้งหลาย แล้วผมก็ทำให้บ้านเมืองนี้ มีความเข้าใจกันดีระหว่างรัฐบาลกับทางฝ่ายที่เขาดูแลความมั่นคงของบ้านเมือง ผมไม่เคยเอามาอวดไม่เคยแสดง
แต่วันนี้ต้องบอกให้รู้นะครับว่า เขานั้นเขาเห็นว่าบ้านเมืองก็มีความสลักสำคัญ เรื่องที่แล้วก็แล้วกันไป ก็จบกันไป แม้ตัวบุคคลทั้งหลาย ผมก็ทำความเข้าใจ ทุกคนก็เข้าใจกันดี ทุกคนก็รู้ว่าต่อไปนี้มันเป็นโอกาส บ้านเมืองของเราจะต้องดำเนินการแก้ไข รัฐบาลนี้เป็นรัฐบาลที่นายกรัฐมนตรีชื่อสมัคร สุนทรเวช เป็นหัวหน้าพรรคพลังประชาชน มาอย่างถูกต้องตามกฎหมาย จะสู้กันยังไงก็ไปสู้กันในสภา อยากจะอย่างไรก็ผ่านไปทางฝ่ายค้าน เดี๋ยวนี้ใช้วิธีอย่างไรครับ ผมเห็นว่าผิดสังเกตตั้งแต่แรกแล้วครับ การเมืองภาคประชาชน เดี๋ยวนี้การเมืองภาคประชาชนยิ่งใหญ่เหลือเกินนะครับ ทำกันข้างถนน ปลุกระดมเอาผู้คนมา ผมดูหน้าท่านทั้งหลายที่ไปกันแล้ว ไปชื่นชมโสมนัสอะไรกันอย่างนั้นก็ไม่ได้ ผมดูแล้วผมบอกว่าท่านทั้งหลายไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรนะครับ ผู้คน 5 คนที่เขาเป็นหัวโจกจะทำ ถามสิว่าเป้าหมายตรงนั้น ต้องการอยู่ตรงไหน เอาล่ะ เอาจนกระทั่งสมมติผมทนไม่ได้ แล้วลาออกไป และจะทำอย่างไรต่อไปครับ ต้องการให้ใครเป็นนายกรัฐมนตรี ต้องเลือกตั้งกันใหม่ไหม แล้วเลือกตั้งกันใหม่ กระโดกกระเดกรัฐธรรมนูญแบบอย่างนี้ เป็นอย่างไรไหมครับ
เพราะอย่างนี้เขาถึงต้องขอจัดการแก้ไขรัฐธรรมนูญเสียก่อน ไม่ต้องคำนึงถึง 2 มาตราที่วิพากษ์วิจารณ์ละครับ แต่รัฐธรรมนูญจะไม่ต้องแก้ไขเพื่อวันข้างหน้าเลือกตั้งกันแล้ว จะได้เข้าที่เข้าทางกัน เท่านั้นละครับ คนร่างที่แล้วบอกว่าแก้ได้ แก้ง่าย คนจะแก้ไขรัฐธรรมนูญก็คือคนที่อยู่ 480 คนที่มาจากเลือกตั้ง คนอีก 150 คนที่มาทั้งเลือกตั้งแต่งตั้ง คนทั้งหมดนี่ละครับเขาเป็นคนวินิจฉัย มาตราไหนอะไรอย่างไร ผมเรียนให้ทราบว่าเมื่อมีการจะยื่นกันมา ผมก็ต้องการดับชนวน ดับชนวนของผมก็ขอว่า อย่างนี้ลงประชามติ ลงเสียก่อนจะเสียค่าใช้จ่ายก็ลงประชามติ แก้หรือไม่แก้ ถ้าประชามติเสียงส่วนใหญ่บอกไม่แก้ เสียงข้างมากของประเทศไม่แก้ ก็ไม่ต้องแก้ก็ต้องจบเรื่องกันไป เรื่องต้องเป็นเชื้อเป็นชนวนอะไรกันต่อไป ถ้าแก้ก็บอกว่าแก้ คนจะแก้ก็คือคน 480 คน กับคนอีก 150 คนพวกนี้เขาวินิจฉัยครับ เพราะฉะนั้น จะแก้อย่างไรอย่าห่วง ถ้าแก้ด้วยดีเขาร่วมมือแก้แน่ครับ แปลว่ายังไง พรรคพลังประชาชนพรรคเดียวแก้ไม่ได้ครับ ตกลงจะแก้แล้วเสนอข้อนี้ไปแก้ไม่ได้ เพราะเรามี 233 เสียง ถ้าเสียงส่วนใหญ่เขาไม่แก้ แก้ไม่ได้ครับ แต่ที่เราหวังคือทั้งเสียงส่วนใหญ่ทั้งหมดนั้น บางครั้งทำคะแนนอาจจะเห็นชอบด้วยกันทั้งหมด ไม่มีใครค้านหรอกครับ ต้องแก้ อันนี้ต้องแก้ ๆ เราหวังจะแก้สิ่งนั้นต่างหากครับ
ถ้าพวกเราไม่ต้องไปมีอำนาจจัดการแก้ เราไม่แก้เสียให้เรียบร้อย และทิ้งไว้ เดี๋ยวก็เลือกตั้ง ๆ และรัฐธรรมนูญอย่างนี้ละครับ คนที่มายกย่องสรรเสริญรัฐธรรมนูญปี 2550 หลับหูหลับตาไม่มีความคิด ไม่ได้อยู่แวดวงการเมือง ไม่รู้ว่าอะไรควรทำอะไรควรเว้น เพราะฉะนั้น เรื่องพรรค์อย่างนี้ไม่ได้ผิดตัวบทกฎหมายอะไรเลย รัฐธรรมนูญบอกให้แก้ได้ การจะแก้ หนึ่ง ให้พวกนี้มาแก้ได้ สอง ให้พวกนี้มาแก้ได้ สาม พวกนี้เป็นคนแก้ เขามีหมดครับ เขาก็ใช้ตามมาตรการของเขา พรรคการเมืองเขาทำความผิดเหรอครับ เขารณรงค์หาเสียงเลือกตั้ง เขาบอกเขาจะแก้รัฐธรรมนูญ ทุกพรรคประกาศแก้ พรรคที่ประกาศไว้ มีพรรคที่ยืนยันจะแก้แน่นอน ก็ได้ 233 อีกพรรคที่ได้ 164 ก็จะแก้ครับ ทุกคนบอกจะแก้ทั้งนั้น พอการเมืองเข้าไปอย่างนี้ เกิดไม่แก้ ไม่แก้ก็ไม่แก้ ไม่เป็นไร แต่ว่าเสียงต้องวัดสิครับ ต้องเอา 480 บวกกับอีก 150 แล้ววินิจฉัย คนอื่นไม่ได้วินิจฉัย คนในสภาเป็นคนวินิจฉัย ผมยืนยันเลยครับว่ามาตรา 237 ไม่แก้ แก้ก็แก้ไม่ได้ แต่ผมทายได้ว่าเขาต้องเอาวรรค 2 ออก เพราะเป็นประโยชน์กับทุกคนในวันข้างหน้า มาตรา 309 ไม่ต้องแก้ แก้หรือไม่แก้ ก็เอามาใช้ไม่ได้ เพราะว่ามีระบบเขาเขียนไว้เสร็จแล้ว
เพราะฉะนั้น เรื่องพรรค์อย่างนี้มาหาเหตุอะไรครับ พอเสร็จปั๊บยื่นปั๊บจัดการเคลื่อนขบวนแล้วมายึดไว้ เสียหายนะครับบ้านเมือง เสียหายอย่างชนิดที่ วันที่ยึดกันไว้แล้วนั่นละครับ วันที่ 26 พฤษภาคม ตอนเช้าวันจันทร์เก้าโมงเช้า ผมไปเป็นประธานทูตไทยกงสุลไทย 96 ประเทศ 96 ท่านมาร่วมประชุม ที่ได้นั่งฟังคือทูตก็ส่ายหัว บอกไม่ไหว อย่างนี้ไม่ไหว ทำไมบ้านเมืองเป็นอย่างนี้ จะให้ผมตอบเขาว่าอย่างไรครับ อ๋อ นายกรัฐมนตรีมันเลว นายกรัฐมนตรีเป็นคนไม่เกรงใจสื่อสารมวลชน เลยต้องเล่นกันอย่างนี้ มันใช่อย่างนั้นไหมครับ ไม่ใช่นะครับ เรามาถูกต้องแบบที่ผมอธิบายความมาตั้งแต่ต้น แต่ 96 คนที่เขาเป็นตัวแทนของรัฐบาลไทย จะไป ต้องเฝ้าฯ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ไปในนามถวายพระราชสาสน์ ไปประเทศที่มีพระมหากษัตริย์ถวายพระราชสาสน์ ไม่อย่างนั้นต้องยื่นสาสน์ตราตั้ง ระบบการทูตเป็นระบบที่ทั่วโลกโยงใยกันหมด และทูตไทยกลับมาประชุมประจำปี มาเจอเหตุการณ์อย่างนี้ละครับ ถามมาจาก 3 ประเทศที่นัดหมายจะเอานักธุรกิจมาลงทุน จะมาดูลาดเลาจะพาเขาเที่ยวจะพาชม ส่วนมากเขาต้องทำอย่างนี้พลาง แล้วเขาทำอย่างไรครับ ทูตเอาหน้าไว้ไหน มาเจอพรรค์อย่างนี้ มียึดกันอย่างนี้ ดูโทรทัศน์กันเมื่อคืนเห็นไหมครับ เหมือนจะตั้งเป็นกองทัพ จัดการมีโล่ มีเขน มีอะไรต่าง ๆ คาดหัวกันต่าง ๆ ไปฟังพูดกันสิครับ ไม่มีเหตุผล ด่าทอว่ากล่าวหยาบคาย แล้วอย่างนี้คนเป็นนายกรัฐมนตรีนั่งเฉย นั่งรอ ผมไม่ได้ดีขนาดนั้นหรอกครับ
ผมมีหน้าที่ต้องรับผิดชอบ ผมจะบอกให้ฟังว่าคนเดือดร้อนเท่าไรครับ ทูตขรตรีเศียรเขาขายหน้าต่าง ๆ นั้น เอาเถอะไม่เป็นไร เอาพวกหนึ่ง แต่ว่าผู้คนที่เขาต้องเดินทางละครับ ถนนหนทางทางสัญจร ถนนราชดำเนินเป็นอย่างไรครับ เจ้าฟ้าเจ้าแผ่นดินเสด็จพระราชดำเนินไม่ได้ ต้องเสด็จฯ อ้อมไปทางนางเลิ้ง ไหนละครับคนจงรักภักดี ขวางทางเสด็จพระราชดำเนิน ให้เจ้านายจะต้องเสด็จฯ ไปทางอื่น ผู้คนตั้งอาทิตย์หนึ่งมาแล้วที่ดูกันมา เด็กนักเรียนเป็นไงครับ โรงเรียนที่อยู่ข้าง ๆ เป็นอย่างไร ไปโรงเรียนสาย โรงเรียนหลังวัดต้องปิดโรงเรียน รอบ ๆ ละครับ นักเรียนเด็กพ่อแม่ เขาทำงานแถวนั้น เขาต้องส่งลูกเต้าเขา คนขับรถผ่านไม่ได้ รถเมล์ผ่านไม่ได้ มันชุลมุนวุ่นวายกันหมดทั้งเมือง แต่คนพวกนั้นคาดหัวโจก 5 คนนั้น คิดยังไงครับ เอาสิทธิเสรีภาพอะไรมา คุณมีสิทธิเสรีภาพไม่ชอบหน้ารัฐบาล ไม่ชอบหน้านายสมัคร ไม่ชอบหน้าใคร ทำได้ครับ แต่คุณต้องไปหาที่ที่ไม่ไปรบกวนผู้คนเขาอย่างนี้ อย่างนี้ได้อย่างไรครับ ไปเอากลางสะพานมัฆวานยึดไว้และตั้งกอง และจะด่า และสุดท้ายพาโลพาเลทำอะไรไม่ได้ ตกลงกันว่าขับไล่รัฐบาล หาเหตุ
ผมไม่ได้ท้าทายหรอกครับ แต่ลองเอาส่วนไหนของร่างกายของพวกคุณทั้ง 5 คนคิดดูสิครับว่า เป้าหมายบ้านเมืองเขามาอย่างนี้ แล้วคุณจะทำอย่างนี้ ผมไม่อยากจะย้อนถามว่าพวกคุณเป็นใคร ไปรับเลือกตั้งมาเมื่อไร คณะผมได้รับเลือกตั้ง 23 ธันวาคม 2550 มีคณะกรรมการเลือกตั้งตรวจสอบมาตามระบบระเบียบ เข้าตามตรอกออกตามประตู มีหน้าที่ และพวกคุณละครับ การเมืองภาคประชาชน เห็นส่งเสริมกันนัก ไม่ชอบก็จัดการไป ครูบาอาจารย์เก่าแก่ท่านก็นั่น อายุ 90 ท่านเขียนจดหมายมาเอากับเขาด้วยเมื่อคืน แล้วยังไงครับ เมื่อเช้านี้มีคุณหมอออกอากาศส่งเสริม ทางโน้นอย่างนี้ต้องอย่างนั้น อ๋อ คุณหมอเขาอบรมนักการเมือง ผมไม่เครียดละครับ ผมไม่ดุเดือดเลือดพล่านละครับ ผมเป็นคนธรรมดาและเป็นคนไทย แต่ผมมีเลือดเนื้อเชื้อไข คนอย่างผมนี่หรือครับที่พวกด่ากันเมื่อคืนนี้ว่า จะทำบ้านเมืองนี้ให้เป็นสาธารณรัฐ นายสมัคร สุนทรเวช นี่หรือครับ ต้นตระกูลผมแต่ก่อนมาราชวงศ์จักรีชุบเลี้ยง จนกระทั่งมาบัดนี้ก็มาทำงานสนองพระเดชพระคุณ ผมไม่อยากจะกล่าวอ้างถึงเลย แต่มันชี้หน้าด่ากันเมื่อคืนว่าผมจะโยงใยนายกฯ ทักษิณเป็นหุ่นเชิด และจะเอาบ้านเมืองนี้เป็นสาธารณรัฐ จะเป็นประธานาธิบดี นี่ผมเป็นคนหรือเปล่า ถ้าผมเป็นอย่างนั้น ท่านทั้งหลายทั้งประเทศไทยท่านฟังดูคน 5 คนพวกนี้ ปลุกระดมคนไหวไหมครับ พูดจาว่ากล่าวดูแคลนไม่มีเหตุผล ทำอะไรไม่ได้ ทุกอย่างเป็นชนวนดับหมดเรียบร้อย จะขับไล่รัฐบาล ไม่ใช่นะครับ ไม่ใช่ปี 2549 นี่ปี 2551
ผมจะบอกให้ฟังว่าผมมีหน้าที่รับผิดชอบบ้านเมืองนี้ คนที่เขาดูแลเรื่องความมั่นคง ทั้งตำรวจ ทั้งทหาร เขาดูแลรับผิดชอบ เขาต้องทำหน้าที่ร่วมกับผม เพราะเป็นบ้านเมืองของเขาเหมือนกัน เป็นบ้านเมืองของเราทุกคน และคน 5 คนจะมาก่อกวน มีเหตุผลไหมครับ มีหลักฐานแสดงการอะไร ผมได้แสดงอะไรไว้อย่างไรหรือครับ ว่าผมจะทำบ้านเมืองให้เป็นสาธารณรัฐ พวกคุณที่คิดกันที่พูดจากัน คิดอะไรกันขึ้นมา คุณจะเกลียดชังใครยังไง เขาถอยออกไปแล้วครับ เขาเป็นอดีตนายกรัฐมนตรี และที่ผมไม่ค่อยชอบคือว่า คนอย่างผมนี่คือครับรัฐบาลหุ่น ผมคิดเป็นนะครับ ผมทำเป็นด้วย และผมไม่ต้องให้ใครมาชี้แจง แต่ว่าพรรคการเมืองซึ่งเขาสร้างระบบมานั้น ผมปฏิเสธไม่ได้หรอกครับ หน้าที่ของผมคือต้องดูแลพรรคการเมืองพรรคนี้ แต่ในขณะที่ดูแลพรรคการเมืองนี้ ผมก็ให้ใช้ระบบพรรคว่าทั้งหมดพรรค ในจำนวนที่เป็นทั้งหมด 233 นั้น 232 เขาเอาอย่างไร เขาก็มีกรรมการบริหาร มีระบบการประชุมพรรค มีคณะกรรมการบริหาร ก็ดำเนินการกันตามนี้ ยังอยู่ในกติกาอย่างนี้ ถ้าใครเป็นคนชี้ว่าต้องอย่างนี้ ๆ ไม่ได้หรอกครับ ยังไงก็ไม่ได้
ผมเป็นนายกรัฐมนตรีนะครับ ถูกต้องตามกฎหมาย พรรคการเมืองก็จดทะเบียน คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ก็คุมอยู่ ใครจะมาชี้ต้นตายปลายเป็นครับ เอาเหตุอะไรมากล่าวหาว่าผมจะเป็นคนจัดการให้บ้านเมืองนี้เป็นสาธารณรัฐ พูดจากันเมื่อคืน โอ้โห มีโล่ มีเขน มีการเตรียมตัวถือไม้เบสบอล จะรบกับใครครับเนี่ย จะไปออกรบจับศึกกับใคร จะมาเข่นฆ่า แล้วจะยังไง นี่พ.ศ. 2551 นะครับ ไม่ใช่ 2549 มันไม่มีเหตุอะไรเลยที่ทหารจะลุกขึ้นมาปฏิวัติอีกหนหนึ่ง เพราะว่าทางนี้เขาชักชวนกันมาอย่างนั้น คิดหรือเปล่าครับ คิดหน่อยสิครับ
ผมมีหน้าที่จะต้องมาบอกให้รู้ว่าผมจะต้องจัดการ คุณมาอยู่ตรงนี้ไม่ได้ ผิดกฎหมาย คุณมีสิทธิเสรีภาพ จะไม่ชอบผม จะตำหนิติเตียนว่ากล่าวไปเถอะ ถ้าเผื่อรุนแรงไปผมจะไปฟ้องคดีเรื่องหมิ่นประมาท แต่ว่าจริง ๆ แล้วคุณใช้สิทธิตรงนี้ไม่ได้ เพราะฉะนั้น ผมจะต้องดำเนินการเอาออกจากตรงนั้น คุณจะมาตั้งป้อมมีไม้มีอะไรต่าง ๆ คุณจะไปหาใครต่อใครมา จะเอาคนร้ายมาสะสมไว้เพื่อจะก่อการร้ายกลางบ้านเมือง คุณจะต้องรับกรรมในสิ่งที่คุณทำ ผมไม่ยอมหรอกครับ ตำรวจและทหารก็ไม่ยอมด้วย อย่าหวังเลยครับไม่มีละครับ บ้านเมืองนี้เขาต้องการความสงบ มีโอกาสที่จะได้พัฒนาบ้านเมืองได้ พวกคุณ 5 คนนี่ละครับก่อกวนให้เกิดความยุ่งยากในบ้านเมือง เป็นความเสียหายอย่างยิ่ง การค้าการขายการจะลงทุนลงรอนต่าง ๆ เสียหายหมด พวกคุณรับผิดชอบอะไรครับ แต่ผมต้องรับผิดชอบ ผมต้องป้องกันสถานการณ์บ้านเมืองนี้ไว้ รอยแผลเป็นที่คุณสร้างมา 7 วันนี้ ผมต้องลบออกครับ ไม่ได้หรอกครับ จำไว้นะครับว่าคุณมีสิทธิจะตำหนิติเตียนว่ากล่าว คุณไปหาที่ คุณจะใช้ตรงไหน คุณอย่ามาให้ประชาชนเดือดร้อน สิทธิเสรีภาพอยากใช้ว่าไปเลยครับ รุกล้ำผม ผมจะเอาไปศาล แต่ว่าจะมาท้าทายจะให้จับกุม ผมไม่ทำอย่างนั้นหรอกครับ แต่ผมต้องเอาพวกคุณออกจากตรงนั้น ผมจะทำตามหน้าที่ของผม ไม่ใช่ท้าทายนะครับ แต่เป็นหน้าที่ พวกคุณต่างหากที่ท้าทายกฎหมายของบ้านเมือง คุณละเมิดตัวบทกฎหมายของบ้านเมือง คุณทั้งฆ่าคน ทั้งหัวโจก ทั้งใครต่อใครที่ไปรวมอยู่โน่น คิดหน่อยสิครับ มันสนุกอะไรอย่างไร มันน่าชื่นชมอย่างไร เป้าหมายคน 5 คนพวกนี้ จะชักจูงใครให้มาทำ ไม่ได้ครับ ไม่มีเหตุแล้วครับ ไม่มีเหตุที่จะเป็นอย่างนั้นได้ นายกรัฐมนตรีชื่อสมัคร สุนทรเวช และผมไม่ใช่คนอย่างที่ใครจะมาเที่ยวชี้หน้าด่ากันได้ และผมจะไม่ยอมให้ใครมาทำอย่างนี้กับบ้านเมือง บ้านเมืองนี้ก็เป็นของผม
ที่ผมต้องพูดวันนี้ ไม่รอพูดพรุ่งนี้ เพราะวันนี้ละครับจะเอากันให้แตกหักวันนี้ ผมต้องพูดเสียตอนนี้ ให้คนทั้งบ้านทั้งเมืองได้รู้อยู่ว่ารัฐบาลนั้นรับผิดชอบ ตำรวจก็รับผิดชอบ ทหารก็รับผิดชอบ ผมเตรียมพร้อมไว้หมดแล้วครับ จะเอาอย่างไรก็ไม่เป็นปัญหา แต่บอกให้รู้ไว้ว่าอย่าทำสิ่งที่มันโง่เง่า ไม่เข้าท่า ไม่มีใครหรอกครับ ใครจะอยู่ข้างหลังยังไงพวกนี้ก็ยังยุติได้ ใครจะส่งเสีย ใครจะบอกเราจุดติดแล้ว ม็อบจุดติดแล้ว อาหารเริ่มมาแล้ว ขบวนการส่งเสียเริ่มมาแล้ว อะไรต่ออะไรมาแล้ว ถ้าคนนี้เป็นหัวโจกละก็รับรองว่าติดแน่ คุณจุดหมายปลายทางอยู่ที่ไหนครับ มันเป็นไปได้อย่างไรครับ บ้านเมืองเดินมาดี ๆ กำลังนี้ แล้วจะชักชวนให้เขาปฏิวัติอีก ให้เขายึดอำนาจอีก เอาใครมาละครับ ใครมาชี้หน้าด่าคนอย่างผมจะทำให้บ้านเมืองเป็นสาธารณรัฐ คิดได้เหรอครับ คนทั้งบ้านทั้งเมืองเขารู้จักผม ตั้งแต่ผมเป็นนักการเมืองตั้งแต่เล็กจนกระทั่งป่านนี้ ผมไม่เคยเปลี่ยนแปลงความคิด ผมเป็นคนยังไง คนทั้งบ้านทั้งเมืองรู้ครับ และบัดนี้ผมเป็นคนดูแลบ้านเมืองนี้ ผมเป็นนายกรัฐมนตรี ที่บอกกันวันนี้ไม่รอพรุ่งนี้ เพราะพวกคุณจะแสดงกันวันนี้ ลองดูสิครับ
ผมบอกให้รู้แล้วกันก็ลองดู ผมเตรียมไว้พร้อมหมดเรียบร้อยแล้ว ทั้งตำรวจทั้งทหาร ไม่ได้ขู่นะครับ แต่สิ่งที่พวกคุณมาข่มขู่กลางถนนกลางเมืองนั้นไม่ได้ครับ ผมจะต้องดำเนินการ พวกคุณจะไปหาที่ใหม่ตรงไหนจะทำยังไงจะอยู่กันอีกสักปีหนึ่ง ผมไม่ว่า แต่คุณทำตรงนี้ไม่ได้ ถ้าคุณทำตรงไหนที่ไหน ถ้าคุณจะยืดเยื้อมารุกล้ำก้ำเกิน คุณต้องไปศาล มีคดีความผูกพันกันอยู่ คุณต้องดำเนินการ ผมไม่มีวันยอมหรอกครับ บ้านเมืองนี้ของผม ของทุกคน กว่าจะแก้ไขกลับมาได้ต้องเรียกว่ามันแทบแย่ละครับ กำลังทำกันอยู่ โอ้โห พวกนักเขียนบทความนั่งเขียนไป คนก็อ่านไป โทรทัศน์ก็ด่าไป โทรทัศน์ ASTV หยาบคาบว่ากล่าว สิทธิเสรีภาพมีครับ เพราะศาลทั้งบอกท่านคุ้มครอง คุ้มครองมา 2 ปีแล้วครับ ผมก็ไม่ออกปาก เพราะผมก็เคารพศาล ศาลท่านคุ้มครองก็คุ้มครอง แต่ว่าสถานีละครับที่ปลุกระดมบอกผู้คนทำอะไรกันต่าง ๆ สถานีนี้ครับทุกวัน 24 ชั่วโมงไม่เคยละเว้น ผมก็เสียใจเหมือนกันครับ ที่ทำงานก็ทำงาน ไม่รู้จะนั่น บางครั้งทำกันไม่มีวันพักผ่อน แต่สถานีนี้ได้รับความคุ้มครอง ด่าเอาว่าเอา พูดจากระทบกระแทกแดกดัน พูดจาในสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ พูดจาต่าง ๆ สถานีนี้ละครับที่ออกด่าใครต่อใครเขา และพิสูจน์แล้วก็ไม่เป็นความจริง แต่เจ้าของก็ไม่อับอาย
บ้านเมืองเราแปลกนะครับ บ้านเมืองเราแปลกจริง ๆ เพราะอะไรครับ เพราะสื่อสารมวลชนนั้น ถ้าลองไม่ชอบใครก็เล่นด้วย ไม่ชอบหน้าเอาด้วย ตกลงคนที่สื่อสารมวลชนไม่ชอบหน้าเป็นนายกรัฐมนตรีไม่ได้เหรอ อย่างนั้นหรือครับ แล้วผมไปทำอะไรกับใครยังไง ผมเคยสั่งปิดหนังสือพิมพ์สักฉบับหรือยัง ผมเคยทำอะไรให้กระทบกระเทือนใครยังไงหรือยัง แต่ว่าเมื่อเล่นงานว่ากล่าวกันมาก ผมก็เพียงแต่ใช้ช่องเล็ก ๆ อย่างพรุ่งนี้แปดโมงครึ่ง ผมก็คุยอย่างธรรมดา ผมไปทำงาน วันนี้ตั้งใจนะครับว่าจะไปสุพรรณบุรี ไปสองพี่น้อง เพราะเขากำลังเกี่ยว ตั้งใจจะทำวิธีของผมก็คือได้สัมผัสชาวนาที่เขาเอาขึ้นมา จะดูเขาตากที่ไหนอย่างไร เพราะกำลังจะทำเรื่องไซโล ไปคุยกับเขาที่ฟิลิปปินส์ IRRI (สถาบันวิจัยข้าว) อีร์รี่ เขาเป็นต้นฉบับเรื่องข้าว นั่นละครับตกลงกันมา เขากับไทยผูกพันกัน เราไปเยี่ยมก็ถือโอกาสไปเยี่ยมเท่านั้น และกลับมาทางนี้ ทางธนาคารโลกบอกไปปลูกพืชน้ำมันกัน เลยทำให้ข้าวแพง ไม่ใช่ ผมบอกไม่ใช่ ของเราข้าวก็ข้าว พืชก็พืช แต่เราแก้ไขด้วยการเพิ่มผลผลิต กำลังทำอยู่ เรื่องอ้อย นั่นละครับเอทานอลที่ชื่นชมกัน วาระที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานท่านแถลง ยกย่องสรรเสริญมีผลงาน ก็ถูกต้อง คณะรัฐมนตรีเขาก็บอกเขาก็ตื่นเต้นว่ามีผลงาน ผมไปประชุมด้านเศรษฐกิจก็เป็นคนแถลงเรื่องนี้ ก็ถูกต้อง
ผมเองยังไม่คิด คิดแบบคนธรรมดา ๆ ผมก็ไม่ใช่คนรอบรู้อะไรนักหนา E 5 ก็เอาน้ำมันเติมไปในนั้น 5 เปอร์เซ็นต์ E 20 ก็เติม 20 ออกมา E 85 ใครจะคิดครับ E 20 ต้องไป E 25 E 30 ผมก็คิดว่า E 85 หมายความได้เติม 15 หรืออย่างไร ผมบอกก็รับไป 20 แล้วมาเติม 15 จะขายได้อย่างไร เขาบอกว่าเติมน้ำมันเบนซิน 15 เปอร์เซ็นต์ ใช้เอทานอล 85 เปอร์เซ็นต์ ฟังความแล้วก็ยินดี ยินดีกันทั้งที่ประชุมครับ เพราะใครจะคิดจาก 20 กระโดดไป 85 เขาบอกที่อื่นเขาทำได้ ทำไมคิดได้ สุดท้ายไทยก็ทำได้ครับ และก็ทำ และพอไหม แต่ก่อนก็บอกว่าต้องอ้อยล้นอ้อยเกินอย่างบราซิลถึงจะทำ เดี๋ยวนี้ของเราเป็นยังไง เราปลูกไม่ใช่ 6 ตันต่อไร่ ไม่ใช่ 10 ไม่ใช่ 20 ปลูก 25 ตันต่อไร่ เพิ่มขึ้นมา 4 เท่า เพราะฉะนั้น ปีนี้น้ำตาล 23 ล้านตัน อีก 50 ล้านตันทำเอทานอล มีทั้งหมด 42 บริษัทจดทะเบียน เดี๋ยวนี้ 11-12 บริษัทลงมือแล้ว เวลานี้เราเข้ามา 10 เปอร์เซ็นต์ ประชุมกัน ตกลงเจรจาเรื่องบริษัทรถเขา เพิ่งเจรจาให้ priviledge E 20 ไปหยก ๆ แล้วE 85 เขาก็ขอ เราก็บอกว่าชั่วคราวยินดี เพราะว่าต่อไปที่ออกมาใหม่จะต้องรถโดยเฉพาะที่เขาทำมาครับ พวกนักวิพากษ์วิจารณ์เอาเลย จะใช้ยังไง จะใช้ได้ยังไงครับมันออกมาสำหรับรถเฉพาะก็ต้องออก ต้องให้เขาทำรถมารับอันนี้ แต่ว่าใครจะเปลี่ยนก็ต้องเปลี่ยนอันใหม่อย่างนั้น โอกาสมีครับ
ต่อไปน้ำมันเคยซื้อมา 100 ต้องการ 15 แล้วมาใส่ แต่การเพาะการปลูกนั้นเราก็มีขอบเขตของเรา แทนที่จะไปขยายที่ ไปล้ำที่ปลูกข้าว เปล่าครับ มันเพิ่มผลผลิต เพิ่มผลผลิตอ้อยจาก 6 มาเป็น 25 4 เท่ากำลังทำอยู่ครับ มันสำปะหลังระยอง 9 ธรรมดาดึงขึ้นมา แต่เดี๋ยวนี้ดึงขึ้นมา 3 เท่า 4 เท่า ดึงออกมา ตัวสตาร์ทข้างในก็ดีกว่าเก่าหลายเท่า นี่ต่างหากละครับที่จะมาเป็นแหล่งที่จะทำ และต่อไปนั้นอย่างบราซิล ใหญ่โตมโหฬาร เขาก็ใช้ของเขาได้ เราไม่ใหญ่ขนาดนั้น แต่เราเพิ่มผลผลิตกำลังทำอยู่ เราไม่ได้ไปถึงข้าวโพด เราไปสองอันนี้เท่านั้น น้ำมันปาล์มก็มาอีกส่วนหนึ่งถ้าจะทำไบโอดีเซล สบู่ดำ ก็คิดก็ทำกันอยู่ ประชุมกันที ประชุมห้าโมงเย็นเลิกสองทุ่มครึ่ง นี่ละทำงานครับ พวกนักวิพากษ์วิจารณ์ทั้งหลายไปนั่งอยู่กับเหรอครับ ไปคอยตามดู ไปเคยเดินดูว่าผมทำอะไรยังไงไหม ไม่ทำอะไร ไม่มีผลงาน เขียนได้ง่าย ๆ ไม่มีผลงาน รัฐบาลนี้ไม่มีผลงาน นั่งวิจารณ์ได้ แต่คนนั่งทำงานนั่งทำงานลิ้นห้อย
ถ้าไม่ใช้โอกาสอย่างนี้มาพูดแล้วจะใช้เมื่อไรครับ ผมต้องพูดวันนี้ครับ ไม่ให้สายเกินไปด้วย เพื่อมาเตือนคนที่กำลังจะก่อการคืนวันนี้ ผมจะบอกให้ท่านพี่น้องทั้งหลาย ที่ท่านไปมั่วสุมอยู่กับเขา ท่านต้องถอยออกมาครับ ไม่มีเหตุผล ผมไม่ได้ตามไล่จับกุมท่านหรอกครับ แต่ท่านต้องไปหาที่ที่อื่น ลองคิดดูสิครับ ลองเอาอะไรตรองดูสิครับว่า ไปชื่นชมโสมนัสกับ 5 คนที่จะทำ เขาทำเพื่อบ้านเมืองนี้หรือครับ ลองถามสิว่าเป้าหมายอยู่ตรงไหนครับ เป้าหมายจะเอาใครมาปฏิวัติ จะเอาใครยึดอำนาจ ในเมื่อเขาตกลง เขาเข้าใจกันหมดว่าบ้านเมืองจะดำเนินการไปแบบนี้ แล้วทำแล้วอยู่ตรงไหนครับ เพื่ออะไรครับ บรรดาคนที่ให้สตางค์ไปซื้อกับข้าวขนกับข้าวไปให้ เอาสตางค์ไปให้ เบิกเงินเบิกทองไปให้ และคุณต้องการอะไรครับ ไม่ชอบรัฐบาลนี้หรือ แล้วยังไงชอบรัฐบาล 5 คนนั่นหรือครับ ใน 5 คนนั่นใครจะเป็นนายกฯ จะบริหารยังไง มีกฎหมายอะไรรับรอง มีแต่จะส่งเสริมกันว่าการเมืองภาคประชาชน ผมไม่อยากวิพากษ์วิจารณ์เรื่องนี้ แต่ไหน ๆ วันนี้ก็ขอโอกาส ผมต้องบอกพี่น้องประชาชนทั้งประเทศว่า ท่านอย่าวิตกทุกข์ร้อน ความขายหน้าไปแล้วทั่วโลก วันที่ตีกันวันนั้น ตำรวจก็บอกว่าไม่รู้ว่าใครเป็นใคร ไม่รู้จะแบ่งกันอย่างไร คนที่ไม่พอใจนั่นละครับ โดดมาฟัด ไป ๆ มา ๆ เราต้องคอยกันคนไม่พอใจ เพราะว่าตัวนั้นจะเป็นชนวน จะจุด เมื่อคืนนี้ก็ได้รับรายงานว่ามีคนเป็น ส.ส. เราก็ตามดู ส.ส.คนไหนไปตะโกนด่าเขาที่นั่น อดรนทนไม่ได้หรืออย่างไร ข่าวมาเสร็จเรียบร้อยเลยครับ เขาไปตรวจสอบไปดูแลให้เลยว่าอะไรเป็นยังไง ทุกคนเขาเอาใจช่วยจะให้เรื่องนี้มันจบ
ผมจะบอกพี่น้องทั้งหลาย ผมก็ดูหน้าตาดี ๆ ทั้งนั้น นั่งกันนั่น ไปทำไมครับ เป้าหมายอยู่ตรงไหนครับ ไปนั่งตากฟ้าตากฝนคาดหัว เอาข้าวไปนั่งกิน มันสนุกตรงไหนครับ บ้านเมืองมันถึงเลวทรามต่ำช้ามันวิกฤตกันขนาดนั้นเหรอครับ ไม่นะครับ มันได้รับการเลือกตั้งมาแล้ว กำลังมีรัฐบาลบริหารบ้านเมืองอยู่ กำลังแก้ไขสถานการณ์กันอยู่ ค่อยเป็นค่อยไปค่อยทำ เขาก็ชื่นชมกันอยู่ สามารถจะแก้ปัญหาได้ แต่ไม่ไปชื่นชมไม่ประกาศ ผมก็ไม่ว่า ตัวเลขอะไรดี ทำอะไรดีก็ไม่พูด คอยจะเอาเรื่องมาว่ากล่าว บอกว่าโอ๊ยเป็นปฏิปักษ์กับสื่อสารมวลชน สื่อสารมวลชนเป็นปฏิปักษ์กับรัฐบาลมากกว่าครับ โดยไม่มีเหตุผล แต่เอาเถอะ สิทธิเสรีภาพสื่อสารมวลชน ฟังเมื่อวันที่ 3 เดือนที่แล้ว ผมก็กลัวแล้วครับ โอ้โห วันเสรีภาพสื่อ ฟังคำขวัญที่ติดไว้ข้างหลังดูแล้ว ผมก็กลัวแล้วครับ คุกคามสื่อคือคุกคามประชาชน ก็อย่างนั้นละครับ แล้วเราทำอย่างนั้นเหรอครับ ผมนี่หรือครับคุกคามสื่อ ตกลงเขาดุด่าว่ากล่าวอะไรตอบไม่ได้เหรอครับ เขียนว่ากล่าวอย่างนั้น เหมือนกาตงการ์ตูนหยาบคาย ไม่ได้อย่างนั้นเหรอครับ แล้วทำไมพวกนั้นมีสิทธิละครับ ทำไมสิทธิเสรีภาพในการดุด่าว่ากล่าว ใครก่นอะไรใคร มีแต่เฉพาะสื่อสารมวลชน แล้วคนเป็นรัฐบาลทำไม่ได้ หัวหน้ารัฐบาลต้องเป็นผ้าพับไว้เรียบ ๆ เหรอ นั่งที่ไหนต้องพับเพียบตลอด เจอใครต้องพนมมือก่อนอย่างนั้นเหรอ ปกติหรือเปล่าครับ
ผมไม่อย่างนั้นหรอกครับ ผมเป็นคนธรรมดา และผมก็บอกว่าผมก็รักบ้านเมืองนี้ ไม่น้อยไปกว่าใครในบ้านเมืองนี้เหมือนกัน คุณจะแสดงความรักด้วยการปลุกระดม เอา 5 คนมาและไปชักชวนกันมา ผมบอกเลยว่าไม่สำเร็จหรอกครับ ยังไง ๆ ผมก็ไม่ปล่อยให้บ้านเมืองเสียหายไปกว่านี้ บอกให้รู้ด้วยว่าผมเตรียมทุกอย่างไว้พร้อมแล้ว ทั้งตำรวจทั้งทหาร ที่มาพูดวันนี้เพื่อให้ประชาชนทั้งประเทศอย่าวิตกในการจะจัดการดำเนินงานแก้ไข ผมต้องทำหน้าที่นี้ครับ ผมทำมาแล้วหลายหนหลายอย่าง ไม่ไปปะทะ ไม่ไปล่ออะไรต่าง ๆ แต่ให้เห็นนะครับ ถือโล่ ถือเขน ถือไม้ ถือตะบอง ดูสิครับพูดจา ผมไม่อยากใช้ถ้อยคำ คือเดี๋ยวจะหาว่าพูดจาหยาบคาย เขาถ่ายออกมาให้ดู พูดจาให้ดู ไม่ไหวครับ บ้านเมืองไม่ได้เสียหายขนาดนั้น ไม่ได้มีใครเลวทรามต่ำช้ามาอยู่ขนาดนั้น บ้านเมืองเป็นบ้านเมืองปกติ พูดคนเขาชื่นชม ถามสิครับว่างานกำลังนี้ที่จะแก้ตัวได้เร็วที่สุด ทางเศรษฐกิจคืองานท่องเที่ยว กำลังพยายามทำทุกอย่าง และถามถ้าใครทำลายการท่องเที่ยวครับ มีอย่างนี้ใครเขาจะกล้ามาท่องเที่ยว ไม่ช้าไม่นานก็ยืดเยื้อต่อไป ทัวร์อะไรก็หดหมด พอถึงเดือนตุลาคมเขาเปิดฤดูท่องเที่ยว ใครจะกล้ามาครับ ดูสิครับว่ากำลังนี้ ผมสงสารพวกบรรดาทูตทั้งหลายมา หน้าละเหี่ยกันไปเลย มาเจออย่างนี้เข้า แล้วไปดูถ่ายมาดูกลางคืน เมื่อคืนใกล้สองยาม เต้นแร้งเต้นกากัน ดีใจด่าทอหยาบคาย ถือโล่ เขน กันพร้อม ทำไมครับ จะทำสงครามกับใครครับ จะล่อให้ใครไปทำอะไรกับใคร มันมีปัญหาอะไรในบ้านเมืองนี้เหรอครับ ถึงขนาดจะต้องเตรียมตัวฟาดฟันกันอย่างนั้น และมันยังไงครับ มันเลวอย่างไร ถึงต้องขึ้นเวทีด่ากันไม่ยั้งอย่างนั้น
เอาละครับ ผมต้องการพูดให้รู้ไว้เท่านั้นเอง เดี๋ยวจะว่าไม่บอกก่อน ผมจะบอกให้ฟังว่า ผมขอใช้เวลาวันนี้ เพราะผมต้องการให้ทุกอย่างเป็นไปโดยเรียบร้อย ถ้าทำอะไรที่ไม่ถูกต้องก็ควรจะยุติ ถ้ายังอยากจะเปิดรายการคุณไปหาที่อื่น คุณจะอยู่สักปีหนึ่ง จะทำอะไรให้อยู่ในขอบเขต ให้คนเขาเห็นว่าเอาละถ้าคุณจะคิดทำอย่างนั้น ฉันก็ยังเสียหายอยู่ แต่เอาเถอะ แต่กลางถนนอย่างนี้ไม่ได้ครับ หน้าตาของรัฐบาลบ้านเมืองอยู่ที่ไหนครับ ถนนเส้นทางเสด็จพระราชดำเนิน คุณขวางทาง คำอธิบายของคนที่เป็นหัวโจกสำคัญ ฟังแล้วระคายหู ท่านทั้งหลายคงฟังที่เขาแถลงกันแล้ว สื่อสารมวลชนก็ยุติธรรมดีนะครับ แถลงการณ์ทุกอย่างบอกหมดเลยว่า อะไรต่ออะไร ใครจะเป็นอย่างไร ใครจะขึ้นจะลง เรื่องพรรค์อย่างนี้มันต้องช่วยกันบ้างครับ ต้องเห็นแก่บ้านเมืองบ้าง แล้วต้องนึกว่าอะไรถูกอะไรควร ผมไม่ได้มาห้ามปรามอะไรหรอกครับ แต่ท่านทั้งหลายควรจะต้องนึกบ้าง เห็นแก่บ้านเมืองบ้าง สนุกกันประโคมกัน ออกข่าวเอิกเกริก ฝรั่งมังค่าเดี๋ยวนี้ก็ไม่ต้องดู ไม่หาข่าวหรอกครับ ดูข่าวหนังสือพิมพ์ยังไง ก็แปลกันตามนั้นเลย มันก็เลยเอิกเกริกตามไปด้วย ออกไปถึงนอกเมืองนอกโลก ตีกันวันนั้นสักพักเดียว ครึ่งชั่วโมง CNN ออกแล้ว ทั่วโลกเดี๋ยวนี้รายงานหมด
เพราะฉะนั้น ลองถามดูสิครับว่า บ้านเมืองที่ผู้คนเขาชื่นชม แต่มีสถานการณ์อย่างนี้ เราอยากจะเป็นอย่างอิรักเหรอครับ อยากจะเป็นอย่างประเทศที่ไล่ตีกันโครม ๆ ๆ เดี๋ยวก็ระเบิดตูมตาม สถานการณ์บ้านเมืองค่อยยังชั่วขึ้น สถานการณ์ที่แก้ไขกันไม่ตกนั้น บัดนี้ก็ค่อยดีขึ้น สถานการณ์ 3 จังหวัดภาคใต้ ต้องยืนยันได้ว่าใครไปดูแล้วก็ค่อยดีขึ้น ปีนี้ผู้คนมาท่องเที่ยวมากขึ้น กลางคืนมีชีวิตชีวาเริ่มกินข้าวกินปลากันอยู่ เขาอวดศักดาไม่พอใจ เขาก็ตูมตามสักที แต่ทว่าสถานการณ์เอาอยู่ครับ เพียงแต่เราไม่ต้องการประกาศชัยชนะว่าอะไรอย่างไร สถานการณ์น่ะ ไม่ใช่ว่าผมโผล่ไปดูทีเดียว แต่ผมประชุมที่นี่ครับ ผมรู้ว่าเขาทำยังไง ความเปลี่ยนแปลงนั้นเกิดตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม และเปลี่ยนแปลงมาเรื่อย 4 เดือนก่อนผมมา เขาเปลี่ยนแปลงแล้ว ผมมาร่วมด้วยอีก 3 เดือนหลัง 6-7 เดือนนี้ มีความเปลี่ยนแปลงครับ เราสนับสนุนทุกอย่าง จะแก้ไขจะทำทุกอย่าง ไปประเทศนั้นเจรจา ไปประเทศนี้เจรจาความ เราทำครับ แต่ไม่ต้องการโฆษณา เพราะไม่ต้องการท้าทาย ผมวันนั้นก็ออกปากชมว่าสถานการณ์เรียบร้อยดีขึ้น ไปยิงปั้ง ๆ ๆ ๆ ตอนกำลังเลือกตั้ง ก็อย่างนี้ละครับ ก็ทำเพราะอย่างนี้ แต่ว่าเราไปดู เราไปตรวจ เขาทำถี่ถ้วนนะครับ ผมไปผมมาเล่าให้ฟัง ก็ยังทะเลาะเบาะแว้ง ก็คนเขาอยากทำงานเขาก็ไป และเขาพิสูจน์ได้ เขาพิสูจน์แล้วนะครับเรื่องดีเอ็นเอ พิสูจน์ชัดเจนดำเนินการ ส่งให้ศาล ๆ ลงโทษ ลงโทษไปแล้วครับ ฝ่ายหนึ่งอยากจะทำ ก็มีสำนัก ตำรวจก็มีสำนักงาน ทางฝ่ายยุติธรรมก็มีสำนักงาน ทางนี้ไปทำ ตำรวจดูคดีด้วย ไม่ร่วมมือกัน ที่ดำเนินการไป ตำรวจทะเลาะกันอีกแล้วครับ เรื่องดีเอ็นเอนี่ละครับ ผมไปดูมาแล้ว เขารายงานทั้งหมด อยู่กับที่เขาดูทุกช่องทุกทาง เขาไปตามเขาไปค้นเขาพิสูจน์ได้ น่าชื่นใจนะครับ แต่ปรากฏว่าทางฝ่ายพิสูจน์หลักฐานบอกว่า ไม่ชอบเรื่องนี้ ไม่สนับสนุนเรื่องนี้ แล้วยังไง ใครจะแก้ไขปัญหา นี่ไงครับ พอเรารู้ปัญหา ผมจะต้องแก้ไข เรื่องโน้นเรื่องนี้ต่าง ๆ ผมไปดูของผมทั้งนั้นละครับ
เรื่องพรรค์อย่างนี้ ผมไปดูแม้กระทั่งทหารที่เขาเกณฑ์มา วันที่จะเข้าผลัด 1 จะเข้าผลัด 2 วันที่ 1 มิถุนายนเข้าผลัด 2 ผมไปดูให้มาบอกพี่น้องประชาชนว่าลูกหลานเขาเป็นอย่างไร ตอนนี้เขาเปลี่ยนแปลงอย่างไร 3 เดือนเขาทำให้คนเข้าไป ให้เป็นทหารรักบ้านรักเมืองนี้ 3 เดือนออกไปประจำเหล่าทำอะไรได้ ไปเจอเข้า เขาซื้อข้าวกระสอบละ 1,200 บาท วันนี้จ่าย 2,400 บาท จ่ายค่าข้าวเท่าตัว เลยเอาค่าข้าวไปบีบบังกับข้าว พรรค์นี้ผมก็ต้องจัดการแก้ไข ผมต้องมีวิธีการว่า ให้ซื้อที่ไหน ซื้ออย่างไร จำนวนก็ไม่มากเท่าไร แต่ต้องอนุเคราะห์ ที่จะทำอะไรได้ก็ทำ หาหนทางจะทำอะไรได้ก็ทำ ผมไปผมก็ไปเยี่ยมของผม เมื่อวานนี้ผมบอกว่าไปเดินทำไมโบ๊เบ๊ ก็มีเรื่องกันครับ มีผู้ค้าตั้งเกือบพันคน จัดการไป ๆ มา ๆ กทม. จัดการโดยการทำสวนปิดบนถนน ไม่ต้องการให้ขาย เสร็จแล้วก็มีสหกรณ์เกิดขึ้นมา คนที่ดูแลสหกรณ์ก็ต้องเรียกผมไป นายกรัฐมนตรีไปช่วยดูสิว่าตกลงกันอย่างนี้ แล้วทำไมยังไม่ได้ ถ้าผมไม่ไปโบ๊เบ๊ด้วยตัวเอง ผมไม่ไปสอบถามเอง ผมจะรู้ได้ยังไง ตอนนี้ผมรู้แล้วว่าอะไรเป็นอะไรยังไง เห็นไหมครับเรื่องอย่างนี้ บ้านเมืองมีปัญหา แต่เราก็ตามแก้ไข แต่ว่าตั้งคณะ 5 คนขึ้นมาแล้วบอกว่าพอใจ อยู่เฉย ๆ ไม่ทำอะไรอย่างไร พอรัฐบาลจะออก หาสาเหตุว่ายื่นแก้รัฐธรรมนูญเท่านั้นละครับ
ท่านพี่น้องทั้งประเทศ ท่านโปรดฟังนะครับ สาเหตุของคนพวกนี้ คือ ส.ส.ยื่นแก้รัฐธรรมนูญ และเขาเป็นอะไรกับรัฐธรรมนูญฉบับนี้ ทำไม ส.ส.ใช้สิทธิยื่นไม่ได้ ก็รัฐธรรมนูญเขียนไว้ว่าจะแก้ให้คนพวกนี้ แก้ 1-2-3-4 เขาอยู่ 1 ใน 4 นั่นละ เขายื่นขอแก้ และทำไมครับ หาเหตุออกมาประท้วง ฟังขึ้นไหมครับ ฟังไม่ขึ้น แต่เอาละครับ แม้จะชุมนุม เดี๋ยวจะว่าติดขัด ยึดเอาที่ไหน ถนนราชดำเนินครึ่งหนึ่ง จากโรงเรียนสตรีวิทยาถึงผ่านฟ้า บล็อกไว้เลยครับ รถจะติดบรรลัยวายวอดยังไงฉันจะชุมนุม จัดการคนทนไม่ได้ ไล่ตีห้างร้านกันแตก ยกขบวนมาจะมาล้อมทำเนียบ ตำรวจเขาก็ป้องกัน บอกความผิดของตำรวจ ไม่ใช่ความผิดของม็อบที่มาเลยครับ ม็อบทำถูกต้องเลย เพราะม็อบจะไปทำเนียบ แต่ตำรวจมากันไว้ ม็อบเลยต้องอยู่ตรงนี้ เป็นความผิดของตำรวจที่มากัน ฟังแล้วเป็นยังไงครับ มันข้าง ๆ คู ๆ ไหมครับ เตรียมการกันที่ถ่ายออกมาให้ดูนั้น น่ากลัวไหมครับ ดูแล้วมันน่ากลัว ภาพออกไปทั่วโลก แต่อยู่หยิบมือหนึ่งทางโน้นละครับ
เพราะฉะนั้น ขอย้ำนะครับ ผมใช้เวลาเกือบจะครบชั่วโมงแล้ว มาพูดวันนี้เพื่อจะบอก หนึ่ง ให้พี่น้องประชาชนทั้งประเทศที่เป็นเจ้าของประเทศ 60 กว่าล้านคน 63 ล้านคน ถ้าได้ฟังผมได้ยินวันนี้ท่านต้องอยู่ในความสงบสบายใจว่าไม่มีปัญหาอะไรอื่น แต่ว่าสำหรับคนที่ไปคิดร่วมอยู่กับเขา ท่านจะกลับไปอยู่บ้านตอนนี้ หรือจะฟังที่ไหน ใครเป็นญาติพี่น้องก็บอกด้วย ไม่มีเหตุผลจะไปร่วมกับคนพวกนี้ ถ้ายังอยากจะด่าทอไปหาที่ ไปจัดการหาที่ อยู่ตรงนี้ไม่ได้ ผมย้ำต้องฟังตรงนี้เป็นครั้งที่ 3 ว่า ผมได้ดำเนินการเตรียมการไว้พร้อมแล้ว ทั้งตำรวจทั้งทหาร ถ้ายังดื้อรั้นจะทำยังไง ถามเถอะโล่ เขน ที่จะทำ สู้กับใครครับ จะรบกับใครครับ และเป้าหมายอยู่ที่ใคร อยากจะให้ใครมาเป็นหัวหน้าคณะปฏิวัติยึดอำนาจบ้านเมืองนี้อีก ทำได้ไหมครับเวลานี้ สถานการณ์ไม่มี ทุกอย่างก็เป็นเข้าใจกันดีหมด รัฐบาลกับทางฝ่ายความมั่นคงก็เข้าใจกันดี ตำรวจก็จะทำหน้าที่ แล้วงานของบ้านเมืองเราก็กำลังดำเนินไป สิทธิเสรีภาพในการดุด่าว่ากล่าว ทำกันสิครับ เขียนไปครับ ผมก็อดทน ฝ่ายค้านจะอบรมผมยังไง ผมก็รับฟังดี เรื่องดีผมก็เอามาช่วยแก้ไข เรื่องไม่ดีผมก็หัวเราะนิดหน่อย ก็ธรรมดา
ขอได้โปรดได้เข้าใจนะครับว่า รายการนี้ไม่ได้มาท้าตีท้าต่อย แต่มีหน้าที่ต้องมาบอกให้รู้ก่อน ให้พี่น้องประชาชนทั้งประเทศได้รู้ว่าสถานการณ์บ้านเมืองนี้ เอาอยู่ครับ และเรื่องพรรค์อย่างนี้จะต้องไม่เกิดขึ้นอีก ผมมีหน้าที่จะต้องรับผิดชอบ และเพื่อความเป็นธรรม บอกให้รู้เสียก่อน ไม่มีการดุด่าอะไรหรอกครับ แต่ว่าตำรวจเขาจะต้องทำตามหน้าที่ คุณต้องรื้อของคุณออกด้วยตัวคุณเองก่อน ถ้าคุณไม่รื้อ ตำรวจจะรื้อ ขอให้รู้นะครับว่า พูดอย่างนี้เพื่อให้คนทั้งประเทศรู้ว่าเราเป็นรัฐบาล ผมมีหน้าที่ต้องรับผิดชอบ ผมรับผิดชอบเรื่องนี้ และผมจะรับผิดชอบทุกอย่างที่ตำรวจและทหารทำ ผมเป็นนายกรัฐมนตรีนะครับ ไม่ใช่ใครที่ไหนอื่น และโปรดอย่ามาชี้หน้าด่าผมว่าเป็นรัฐบาลหุ่น ไม่หรอกครับ ผมเป็นรัฐบาลถ้าจะพูดกันสำนวน ผมไม่อยากใช้ถ้อยคำนี้ แต่ว่าตามสำนวนของราชการเขาใช้ว่า รัฐบาลในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ผมเฝ้าฯ ถวายสัตย์ปฏิญาณ ผมจะทำหน้าที่ของผม ไม่คิดว่าจะต้องอ้างเจ้าฟ้าเจ้าแผ่นดิน แต่สุดท้ายนี้ถ้าไม่บอกให้รู้ไว้ จะได้รู้ว่ารัฐบาลนี้มาโดยความถูกต้อง ผมจะทำหน้าที่ของผม ท่านโปรดพิจารณาให้ดีนะครับ คงเท่านี้นะครับ ครบเวลา 1 ชั่วโมงพอดี ขอบพระคุณท่านพี่น้องทั้งประเทศที่นั่งฟังอยู่นะครับ ขอยืนยันว่าทุกอย่างเรียบร้อย และจะไม่มีปัญหา และอย่าได้วิตก ผมจะทำหน้าที่ของผม สวัสดีนะครับ ลาก่อนครับ พรุ่งนี้เจอกันครับ
--กลุ่มยุทธศาสตร์และแผนการประชาสัมพันธ์ สำนักโฆษก--
สวัสดีครับท่านพี่น้องประชาชนที่เคารพรัก ผมสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรีของท่านนะครับ วันนี้วันเสาร์เก้าโมงเช้าผิดปกติหน่อย เป็นความจำเป็นครับ ที่ต้องเรียกว่าผิดปกติ ก็เพราะว่าไม่อยากจะรอถึงวันอาทิตย์ที่จะมาพูดเหมือนอย่างเคย วันนี้ผมมีหน้าที่จะต้องมาพูดกับพี่น้องประชาชนทั้งประเทศ โทรทัศน์คงถ่ายทอดไป 2-3 ช่อง แต่ว่าสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทยจะถ่ายทอดถึงท่านพี่น้องทั่วประเทศ
สถานการณ์ที่เกิดขึ้นอยู่ที่เชิงสะพานมัฆวานนั้น เป็นความเสียหายอย่างยิ่งของบ้านเมืองของเรา ผมจึงต้องมีหน้าที่มาพูดและมาทำความเข้าใจเสียวันนี้ก่อน เริ่มต้นอยากจะเรียนท่านพี่น้องที่เคารพว่า รัฐบาลที่ผมเป็นหัวหน้าอยู่นี้ เป็นรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง เลือกตั้งอย่างถูกต้องมีการแข่งขันกันถูกต้องตามกติกา และเมื่อเลือกตั้งเสร็จแล้วก็ได้พรรคการเมืองที่มีเสียงข้างมากคือ 233 เสียง แล้วเราสามารถรวมพรรคอื่น ๆ อีกรวมกันได้ทั้งหมด 6 พรรค 316 เสียงจาก 480 เสียง ถูกต้องตามกติกาที่รัฐธรรมนูญกำหนด เราก็ตั้งรัฐบาลแล้วเข้าไปถวายสัตย์ปฏิญาณ และดำเนินการบริหารบ้านเมืองมา ถ้าถึงวันที่ 6 มิถุนายน ก็จะบริหารมาได้ครบ 4 เดือน เป็นรัฐบาลที่เข้ามาในช่วงที่รัฐบาลเดิมนั้นต้องเรียกว่าสะดุดหยุดอยู่ คือรัฐบาลที่มาอยู่ประมาณ 17 เดือนนั้นก็เป็นรัฐบาลเฉพาะกิจชั่วคราวก็รู้กันอยู่ พอถึงคราวที่รัฐบาลใหม่มาจากการเลือกตั้ง ก็แปลว่ามาเริ่มต้นกันใหม่ตามระบอบที่ได้กำหนดขึ้นไว้
ท่านพี่น้องประชาชนทั้งประเทศคงทราบนะครับว่า ระหว่างที่เกิดเหตุนั้นประมาณ 16-17 เดือนนั้น ต้องมีการสะดุด ประเทศทางยุโรปก็หันหลังให้ อเมริกาก็หันหลัง จีนหันข้าง ญี่ปุ่นหันข้าง พอมีรัฐบาลมาจากเลือกตั้ง เขาก็หันหน้ากลับมาเหมือนเดิม รัฐบาลที่เพิ่งโผล่เข้ามาตอนนี้ในยามที่น้ำมันก็ขึ้นราคาแบบไม่ดูตาม้าตาเรือกันเลย ขึ้นพรวด ๆ ๆ ๆ น้ำมันขึ้นราคาสินค้าก็ขึ้น ขึ้นไปแม้กระทั่งราคาข้าวขึ้น แทนที่จะดี ก็กลับเป็นผลร้าย รัฐบาลก็ถูกตำหนิติเตียน วันนี้ไม่ได้มาอวดผลงานอะไรครับ ต้องการมาบอกพื้นฐานเสียก่อนว่า ทำงานมา 4 เดือนทุกคนทำงานนะครับ จะชั่วดีถี่ห่างอย่างไรก็ตามแต่ คุณสมบัติจะเป็นอย่างไรก็ตามแต่ แต่เป็นรัฐบาลครับ ผมใช้คำว่าขี้เหร่หน่อย ก็เป็นการว่าถ่อมตัว แล้วเลือกนายกฯ ไม่ได้ตามใจชอบเพราะมีระบบพรรคอยู่ ก็บอกกันตรง ๆ แต่ผมก็ทำหน้าที่ของผม เพราะผมเป็นหัวหน้ารัฐบาล เป็นรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งชื่อพรรคพลังประชาชน หัวหน้าชื่อนายสมัคร สุนทรเวช ผมทำหน้าที่นี้ และผมจะบอกให้ฟังว่า ใครลองไปตรวจสอบบรรดาข้าราชการทั้งหลายทั้งปวง ยกเว้นที่ผมไปทำให้เขาเดือดร้อนเสียหายเท่านั้นละครับที่เขาจะไม่ชอบ
แต่ผมแน่ใจว่าผมนั่งทำงานมา 4 เดือนนั้นได้สัมผัสข้าราชการทั้งหลายทั้งปวง ผมยืนยันว่าผมแน่ใจว่าผมทำงานให้บ้านเมืองนี้ได้ ผมทำงานกับข้าราชการทุกหน่วยงานนั้น ผมทำได้เรียบร้อย ไม่ว่าจะกระทรวงไหนอย่างไร ที่ผมเข้าไปเกี่ยวข้องไปสัมผัส ผมทำงานได้ครับ และผมทำงานเป็น แน่นอนครับการจะชี้หน้าว่าใครไม่เก่งเศรษฐกิจต่าง ๆ แต่ถ้าจะเอาเศรษฐกิจอย่างเดียว และทำไมรัฐบาลที่แล้วไม่มีใครไปชี้หน้าเลยครับ ท่านไม่ได้เก่งเศรษฐกิจอะไรเลย ท่านก็บริหารทำไป ก็เป็นรัฐบาลอยู่ได้ ไม่มีใครตำหนิติเตียน วันหนึ่งเราอาจจะได้คนเก่งทางเศรษฐกิจมาเป็นหัวหน้า วันหนึ่งจะได้คนที่รู้การบ้านการเมืองมาเป็นหัวหน้า ผมเป็นนายกรัฐมนตรีที่ผมรู้การบ้านการเมือง รู้ว่าบ้านเมืองเป็นอย่างไร จะต้องทำอะไรอย่างไร
และสำคัญที่สุดคือว่า เรามีระบบของบ้านเมืองของเรา บอกนินทาว่ากล่าวไปเที่ยวตระเวนต่างประเทศอยู่นั่น ก็เขากำหนดให้นะครับ เราตกลงกันว่าในยุโรปเขามีกลุ่มประเทศอียูของเขา อเมริกาเขาก็มีกลุ่มของเขา ทางเราก็มีกลุ่มของเรา และก็แข็งแรงด้วย 500 ล้านคน เรารวมกัน 10 ประเทศ ผูกพันกัน เมื่อก่อนนี้คุณถนัดท่านเริ่มไว้ 5 ต่อมาเป็น 6 ต่อมาเพิ่มอีก 4 เป็น 10 ยังแข็งแรงนะครับ และเขาก็ถือว่า 10 ของเราจะมีงานอะไรต่าง ๆ นายกรัฐมนตรีเข้ามา ทูตจะมาพบ ทูตอาเซียน 9 ประเทศต้องมาก่อนครับ อาเซียนมาก่อนยุโรป อเมริกา มาก่อนใครทั้งหลายทั้งปวง จะด้วยอะไรก็ตามต้องอาเซียนก่อน
เพราะฉะนั้น เมื่อคนที่เป็นนายกรัฐมนตรีขึ้นมา ก็ต้องไปแนะนำตัว ผมก็เพิ่งเคยเป็นนายกรัฐมนตรี ต้องไปแนะนำตัวให้เขารู้จักว่าเป็นใครอย่างไร นี่ละครับบทเรียนที่ผมจะต้องทำงานนั้น ก็คือว่า ผมไปทำตามที่เขาได้กำหนดไว้ ไม่ถึงกับเป็นบทหรอกครับ แต่ว่าเป็นหน้าที่ผมต้องไปทำ และผมก็ทำ ตั้งแต่ สปป.ลาว ตั้งแต่ไปกัมพูชา ไปพม่า ไปสิงคโปร์ ไปเวียดนาม ไปอินโดนีเซีย มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ ผมไปมาแล้ว 8 ประเทศครับ ยังเหลือบรูไนอีกประเทศเดียว ผมไปทำหน้าที่ของผม เจ้าหน้าที่ที่ไปกับผมจะเป็นคนบอกได้ว่า ผมทำหน้าที่นายกรัฐมนตรีประเทศไทยนั้นเสียเกียรติ เสียเหลี่ยมประเทศไทยหรือไม่ หรือว่าทำให้ผู้คนเขาเข้าใจบ้านเมืองนี้ดีขึ้น ผมพูดจาได้ครับ ผมสนทนาได้ ผมรู้ขอบเขต เพราะกระทรวงการต่างประเทศเป็นคนกำหนดกรอบว่าต้องอยู่อย่างไรต่อไป ก่อนจะเดินทางเขาต้องอบรมผม 2 ชั่วโมง อบรมล่วงหน้า 2-3 วันครับ แล้วผมถึงจะไป และผมก็ทำหน้าที่ แล้วผมถึงจะไป และผมก็ทำหน้าที่ ผมรู้ขอบเขตในการทำงาน ไม่ใช่แต่กระทรวงการต่างประเทศเท่านั้น กระทรวงอื่นนั้นผมรู้ว่าตรงไหน ผมจะต้องทำอะไรอย่างไร แต่ว่านั่งเขียนหนังสือด่าทอว่าเหตุผล และสักแต่ว่าพูดว่า รัฐบาลนี้ไม่เห็นทำอะไร 3 เดือนไม่ทำอะไรต่ออะไร และรู้ไหมครับท่านที่เคยว่าเคยด่าเคยไปนั่งอยู่ในคณะรัฐมนตรี (ครม.) ไหมครับ เคยไปดูว่าตามกระทรวงเขาทำอย่างไร ไม่ใช่ผมคนเดียวทำงานนะครับ คนอีก 35 คนเขาทำงาน ผมเป็นคนรวบรวมดูแลขั้นตอนทั้งหมด งานที่ทำนั้นมีทั้งจะต้องริเริ่มใหม่และจะต้องดำเนินการ แต่ว่าแก้ปัญหาที่มา มันต้องทำนะครับ ต้องพูดจาเขา เดินทางก็ตั้ง 8 ประเทศ ต้องพบบรรดาทูตขรตรีเศียรทั้งหลาย คณะที่เขามา เขามาเพื่อเรานะครับ วุฒิสมาชิกมา สภาคองเกรสมา คนโน้นมาคนนี้มา คณะการค้ามา คณะผู้แทนมา เขามาครับ เขามาเพื่อจะต้องมาดูมาฟังมาคุยว่าเป็นอย่างไร ได้สัมผัสแล้วเป็นอย่างไร พูดจากันได้ไหม พูดจากันเข้าใจไหม
ผมทำหน้าที่นี้นะครับ งานหนักนะครับ แต่ผมก็ไม่เคยบ่น ผมว่าผมทำหน้าที่นี้ให้บ้านเมืองผม และผมมีคติของผม ผมทำให้ ผมไม่ได้ทำเอา คือบ้านเมืองก็ต้องหาคนมาทำหน้าที่ และมาได้ถูกต้องตามกฎบัตรกฎหมาย ถ้าไม่ใช่ผมก็เป็นคนอื่น ถ้าเขาได้คะแนนมากกว่า ผมก็เป็นนักการเมืองฝ่ายค้าน และผมได้คะแนนเฉพาะ 233 บวกกันแล้วได้ 316 จาก 480 เขาก็ต้องให้ผมเป็นนายกรัฐมนตรี ผมมีพื้นฐานการเมืองมาตลอดชีวิตผม ผมทำงานมาทุกระดับ ผมอยู่ในครม.มาแล้ว 8 หน ๆ นี้เป็นหนที่ 9 ผมเป็นหัวหน้ารัฐบาล ผมทำงานได้ครับ และงานบ้านเมืองก็กำลังดำเนินการไปด้วยดี เพียงแต่ว่าลักษณะที่ได้มีสิทธิเสรีภาพ และดุด่าว่ากล่าวกัน ผมก็ไม่เคยว่ายังไง ผมไม่ว่าละครับเขียนบทความตอบโต้ ผมยังไม่ทำ ทั้ง ๆ ที่ผมก็ทำได้ ผมก็ไม่ทำ แต่ผมมีรายการของผมเช่นรายการพรุ่งนี้ ก็ยังอยู่ พรุ่งนี้ก็ยังคุย ผมเลือกช่องทางเท่านั้นละครับ นอกนั้นก็ทำกัน
แต่ว่าเมื่อทำงานอย่างนี้ทุกอย่างกำลังดำเนินการนั้น ผมทำให้เรียบร้อย ผมทำให้ทุกฝ่าย ผมดูแลหมดครับว่าอะไรเป็นอะไรอย่างไร ผมจะบอกให้ฟังด้วยนะครับว่าที่ผมอาสามาเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมนั้น เพราะรู้ว่าปัญหาของบ้านเมืองมันเกิดตรงไหน รู้ว่าเหตุที่หยก ๆ ที่แล้วมา วันที่ 19 กันยายน 2549 ที่ยึดอำนาจกันนั้น มีเหตุมาอย่างไร เพราะฉะนั้นผมเป็นชาวพุทธครับ ผมรู้ว่าพระพุทธเจ้าท่านตรัสรู้อะไร ท่านตรัสรู้อริยสัจ 4 ท่านว่าเกิด แก่ เจ็บ ตาย เป็นทุกข์ นี่ก็เป็นทุกข์ คนทำปฏิวัติยึดอำนาจบ้านเมืองก็เป็นทุกข์ครับ เพราะฉะนั้น เมื่อเวลาเป็นทุกข์แล้วท่านบอกว่าให้ไปดูสมุทัย คือเหตุที่ทำให้เกิดทุกข์ พอท่านไม่มีทุกข์แล้ว เราก็จะมีความสุขด้วยกัน และหนทางดับทุกข์คืออย่างไร หนทางที่เรียกว่ามรรค นั่นละครับ ผมนี่ละครับเลือกหนทางไปเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ผมทำหน้าที่ได้นะครับ จะย้อนตั้งแต่เย็นวานนี้ (30 พ.ค.) ก็ได้ครับ ผมต้องรับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมประเทศฝรั่งเศส ผมจะต้องนั่งสนทนากับเขาเรื่องราวต่าง ๆ เขาจะมีพื้นที่ background ต่าง ๆ มาให้ ผมจะสนทนาเสร็จ เสร็จตรงนั้นต้องไปสนทนาที่นั่งกินข้าว เสร็จเรียบร้อยแล้ว เขามีสาสน์จากท่านประธานาธิบดีฝรั่งเศสมา เขามีของมาถวาย ก็โปรดเกล้าฯ ให้เข้าเฝ้าฯ นายกรัฐมนตรีก็ต้องพา ผมเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ความจริงตามหลักพาเฝ้าฯ ส่วนมาก รัฐมนตรีสำคัญมาโปรดให้เฝ้า นายกรัฐมนตรีก็เป็นคนพาให้เข้าเฝ้า ผมก็พาเข้าเฝ้าฯ เมื่อวานนี้ นายกรัฐมนตรีพม่ามาขอเฝ้าฯ โปรดเกล้าฯ ให้เข้าเฝ้าฯ ผมก็พาเข้าเฝ้าฯ
ผมทำหน้าที่ของผม วันก่อนผู้บัญชาการทหารสูงสุดอินเดีย มา ผมก็ต้องไปสนทนา วันอาทิตย์นี้วันหยุด ตอนเย็นเขาจะผ่านมา เขาขอเยี่ยมคำนับ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมสหรัฐอเมริกา ผมก็ต้องไปรับ ก็ไปเปิดทำเนียบรัฐบาลกันตอนเย็น เขาผ่านวันอาทิตย์ ผมทำงานเสาร์-อาทิตย์ไม่มีวันหยุดหรอกครับ แต่ผมไม่นิยมว่าไปไหนต้องผู้สื่อข่าวเป็นพรวนเพื่อจะได้เป็นข่าว ไม่หรอกครับ ผมทำงานเพื่องาน ผมไม่ต้องการมาโฆษณาประชาสัมพันธ์ ความจริงวันนี้ผมจะต้องไปสุพรรณบุรี ผมไม่บอกใครเลย ผมต้องการจะไปสัมผัสที่เขากำลังเกี่ยวข้าว ผมจะไปคุยกับชาวนาว่าคุณเกี่ยวแล้วคุณเอาไปไหน คุณเป็นอย่างไร เรื่องความชื้น ผมจะไปดูด้วยตัวเอง ผมจะแวะไปคุยกับโรงสี ผมจะต้องแก้ไขปัญหาคือกำลังนี้ที่บอกจะซื้อข้าวเท่าไร ๆ กระทรวงพาณิชย์ก็บอกแล้วว่าซื้อไม่ได้ แล้วไม่บอกเหตุผลเขา ก็กรมการค้าภายในที่ดำเนินหน้าที่นี้มีคณะกรรมการลาออกกันหมด เหลืออยู่ 3 คน ทำอะไรไม่ได้ เพราะฉะนั้น จะต้องให้ธนาคารเขาทำกับโรงสีโดยตรง เงินจากธนาคารต้องไปโรงสีไม่ได้ผ่านตรงนี้ไป ไปพูดจาสาด ๆ ๆ ๆ ไว้ ก็เขาไม่พอใจ แสดงความไม่พอใจเพราะเราไปยุ่งเกี่ยวกับสิ่งที่เขาทำกันอยู่ ผมบอกผมต้องยุ่งเกี่ยว ผมต้องดูแล ผมจะไม่ออกปัญหาตรงนี้ละครับ ข้าราชการที่ไม่ชอบใจเพราะเราลงไปจี้ไช เราต้องไปดูแลว่าตรงนี้คือปัญหา ผมก็จะต้องลงไปแก้ปัญหา ไม่ชอบใจ และทำให้เกิดความปั่นป่วน ผมต้องตามแก้เรื่องพรรค์อย่างนี้ด้วย
เราอยู่กัน 5 พรรค 6 พรรคด้วยกัน ดูสิครับว่าเป็นนายกรัฐมนตรีอย่างไรถึงทำงานร่วมกับพรรคอื่นได้ เมื่อเวลาที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานนั้นเสนอความคิดเห็น ผมต้องให้ความสนับสนุน แต่ถ้าอะไรไม่ถูกไม่ควร ผมก็บอกอย่างนี้เป็นอย่างไร อย่างนั้นเป็นอย่างไร เมื่อวานนี้เขาจัดการแก้ปัญหาให้ ทางฝ่ายโรงกลั่นไปคาดคั้นกันแบบนั้น ทางฝ่ายค้านก็จะเอากันให้เป็นให้ตาย คือหมายความว่าจะทลายโรงกลั่นกันเลย จะมาหาว่าเขากำไรมาก แต่เราต้องไปดู เขาเป็นบริษัทในตลาดหลักทรัพย์ เขามีผู้คนที่ถือหุ้น ไปทำอย่างนั้น ๆ ไป แต่เราก็เลือกหนทางอื่น สุดท้ายเขาใช้วิธี เขาไม่ได้มาลดค่ากลั่น เขาจัดการขายราคาถูกให้เรา
ลงไปที่กระทรวงคมนาคม พวกรถขนส่งมวลชนทั้งหลาย ลงไปที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์... ก็ตกลง 6 เดือนครับ เขาขายลดราคาต่ำลงไปอีก 3 บาท ก็ดำเนินการ เมื่อรัฐมนตรีเขาจะประชุม ผมบอกผมจะไปร่วมด้วย ผมไปสนทนาด้วย ผมต้องการถามเรื่องโรงกลั่น ด่ากันไปด่ากันมา โรงกลั่น ทำไมต้องราคาโรงกลั่นสิงคโปร์ ผมบอกต้องเลิกใช้คำนี้ มันเป็นราคาที่เราอิง บางแห่งอิงที่คาร์โก้ บางอันอิงนิวยอร์ก บางอันอิงสิงคโปร์ บางอย่างเขาก็อิงที่สิงคโปร์ คือเรื่องน้ำมัน เขาค้าขายน้ำมันกันอยู่ 300 บริษัท เป็นราคาอ้างอิงตลาดค้าน้ำมันที่สิงคโปร์ แต่ชอบว่าราคาหน้าโรงกลั่น ไปรู้ข่าวมาหน่อยโรงกลั่นราคาสูงขึ้นไปทางนี้ โรงกลั่นนี้ได้กำไรมากหน่อย ก็จะเค้นคอให้เขาทำ มันต้องมีระบบสิครับ นั่งพูดอยู่ตรงนั้น สั่งสอนได้ครับ ไม่เป็นปัญหา ฟังดูก็เก๋ไก๋ รอบรู้แต่ไม่ได้บริหาร คนบริหารโง่ ผมก็ต้องมาอธิบายให้ฟังว่า ผมไม่ได้โง่เง่าขนาดนั้นหรอกครับ แต่เราเป็นคนให้ทำ จะต้องรู้ว่าจะต้องทำอย่างไร จะต้องรักษาองคาพยพเขาอย่างไร โรงกลั่น 4 โรงไปฟาดฟันเอาให้ตายคาตา ได้ไหมครับ ไม่ได้หรอกครับ แต่ต้องเจรจาความกับท่านรัฐมนตรี รัฐมนตรีท่านเจรจาจนกระทั่งสำเร็จ ผมก็ไปขอบคุณเขา และไปหาข้อเท็จจริงอย่างนั้นคืออะไร อย่างนี้คืออะไรต่าง ๆ เสร็จเรียบร้อยก็ขอบคุณ
กระทรวงอื่น กระทรวงไหน ไม่ถึงกับจะแส่ไปหรอกครับ แต่ว่าต้องไปช่วยดู ไปช่วยฟังความว่าอะไรเป็นอะไรอย่างไร ที่เล่าให้ฟังนี้เพื่อจะบอกว่าการเมืองเดินหน้ามาตามปกติธรรมดาครับ เดินหน้าไปอย่างขลุกขลักนิดหน่อย ก็เพราะว่ามันหัวเลี้ยวหัวต่อ เป็นรัฐบาลหลังจากการปฏิวัติ คณะปฏิวัติถอยไปเราก็มาดำเนินการ ก็ทำความสัมพันธ์ให้กลับสู่สภาพเดิม กำลังทำอย่างนี้ละครับ มีคนต้องไม่พอใจ อ้างเหตุไม่พอใจ ไม่พอใจบอกไม่อยากให้แก้รัฐธรรมนูญ แล้วเป็นอย่างไรครับ รัฐธรรมนูญ ๆ เห็นว่าไม่ดีฉีกทิ้งทั้งฉบับ และพวกนั้นไปมุดหัวอยู่ที่ไหน ฉีกทิ้งรัฐธรรมนูญทั้งฉบับ อาจจะเป็นคนยุยงให้จัดการฉีกเสียด้วยซ้ำไป เสร็จแล้วร่างรัฐธรรมนูญใหม่ ความจริงเขาแสดงหลักฐานให้ดู คนร่างบอกเลยครับ ไม่ดีก็แก้ไขใหม่ได้ และจัดการได้ รัฐธรรมนูญฉบับนี้แก้ง่ายมีระบบ ก็พูดกันไว้อย่างนั้น เพราะฉะนั้น นักการเมืองเขาเห็นว่ามีข้อบกพร่อง ที่ฉกรรจ์จริง ๆ คืออย่างวุฒิสมาชิก 200 เลือกตั้ง ไปขยับเป็นเลือกแค่ 76 จังหวัดละ 1 คน จังหวัดละแสนก็เลือก 1 คน จังหวัดละ 6 ล้านคน ก็เลือกคน 76 คน และแต่งตั้งมา 74 ขะเย้อแขย่งอย่างนี้ อย่างนี้ต้องแก้ไขครับ
เขตเลือกตั้งเคยเลือกพวงเบ้อเริ่ม 15 คนมากเกินไป เขาก็แก้เป็น 1 หรือ 2 หรือ 3 ใช้ไปพัก บอกทันสมัยของโลกเขาใช้เขตละคน คนละเขต เรียกภาษาไทย วันแมนวันโหวต เขตละคน คนละเขต ถูกต้อง ทำเสร็จเรียบร้อย ใช้มา 2 หน ผู้คนคุ้นเคยกับระบบนี้ดีที่สุด เห็นไหมครับพอเปลี่ยนแปลงปั๊บ แก้เข้ามาใหม่ ย้อนเอากลับไปใช้ ต้องการจะให้มันยุ่งยากเท่านั้นเอง ยุ่งยากทุกพรรค พรรคการเมืองฝ่ายค้านเขาก็รู้ว่ายุ่งยาก เขาก็ต้องอยากจะแก้ตรงนั้น มีหลายแห่งหลาย อันที่จะต้องแก้ไข แล้วมันพ่วงอยู่ 2 ข้อเท่านั้นละครับ ข้อหนึ่งให้มาตรการยุบพรรค แล้วคนอื่นไม่กลัวหรือครับวันข้างหน้า แต่ก่อนก็ยุบพรรคได้ครับ แต่มีท่อนเดียว เดี๋ยวมาท่อน 2 ไม่ว่าอะไรคณะกรรมการ คนไหนไปทำอะไรก็ยุบทั้งพรรคเลย ต้องฟังเหตุผลว่าส่วนตัวอะไร ต้องพิสูจน์กันอย่างไรได้ ก็จะขอแก้ไขตรงนี้ เพื่อรายการนี้ไม่ใช่ ไม่ทันหรอกครับ แก้เสร็จออกมาเขาบอกย้อนหลังไม่ได้ มาตรา 309 ยังไงก็จะต้องไปอยู่ เขาจะต้องโอนไปอย่างอื่น ต้องไปขึ้นศาลหนีไปที่อื่นไม่ได้ แก้กับ 2 มาตรานี้แล้ว ก็ยังขึ้นศาลอยู่ดี ยังไม่ได้ไปช่วยเรื่องการยุบพรรคไม่ได้ อยู่ดี แล้วอื่น ๆ จะแก้ไหม ต้องแก้ครับ แล้วตอนหาเสียงเลือกตั้ง ทุกคนแก้ทุกพรรคแก้ เข้ามาจะแก้แล้วเป็นอย่างไรครับ คณะผู้คนประกอบด้วยคน 5 คนเป็นใครจากไหนอย่างไร ถึงจะชี้ต้นตายปลายเป็นกับบ้านนี้ได้ บอกไม่ได้แก้ไม่ได้ แล้วรัฐธรรมนูญเขียนวิธีการแก้ไว้ทำไมครับ แล้วผู้คนที่เขาอยู่ในแวดวงการเมือง เขายื่นจะขอแก้ เอามาเป็นเหตุ ดูสิครับ
เสร็จแล้วยังไง ก็บอกว่าจะยื่นวันไหนจะเคลื่อนขบวนตั้งขบวนวันนั้น เสร็จแล้วก็ยึดถนนราชดำเนินไปครึ่งถนน ตั้งแต่โรงเรียนสตรีวิทยาจนถึงผ่านฟ้า ติดขัดกันไปหมด บอกว่าจะโดยสันติ จะพูดอะไรเรียบร้อย เสร็จแล้วก็เคลื่อนขบวนมา แล้วตำรวจเขาทำอย่างไร เขาบอกต้องเอาหมายปลายทางว่าจะไปล้อมทำเนียบ ไปยึดทำเนียบ ทำเนียบมีถนนอย่างไรบ้าง มายืนตามฟุตบาทได้ไหมครับ ก็ต้องไปปิดถนนตรงนั้น เขาก็กันไว้ตั้งแต่ต้น ทำเนียบเราถูกล้อมแล้วขายหน้าเขาไปทั่วโลก ตรงที่กั้นไว้ถนนราชดำเนิน ตรงสะพานมัฆวานเพื่อจะจัดการตกลงว่าจะเอาอย่างไรกัน แต่ก็เล่นรุนแรงกันขึ้นทุกวัน ไม่มีเหตุหาเหตุ จนกระทั่งสุดท้ายหาอะไรไม่ได้ เพราะรู้ว่าทุกอย่างชนวนมันดับหมด ก็จะหาเหตุไล่ผม ไล่รัฐบาลหาว่าไม่มีความสามารถ ไล่ผม ไป ๆ มา ๆ บอกเป็นรัฐบาลหุ่น ไปด่าย้อนรัฐบาลทักษิณอีก ไปฟังสิครับ พูดจาหยาบคาย ทุกคนต้องโดนคดีความในเรื่องหมิ่นประมาทเท่านั้นละครับ แต่อย่างอื่นไม่ต้องคิดหรอกครับ เพราะว่าในการจะบริหารบ้านเมืองต้องบอกให้รู้
วันนี้ที่ผมออกมาพูด ผมจะบอกให้รู้ว่า สิ่งที่ท่านทั้งหลายได้ทำไปนั้น มันผิดกฎหมายครับ ไปยึดถนนอยู่ตรงนั้น ต้องปิดถนนหัวท้าย ปิดถนนราชดำเนินหัวท้าย ปิดถนนกรุงเกษม และตั้งกองกันขึ้นเร่งรัดขึ้น ออกข่าว ทำไมผมจะไม่รู้ความเคลื่อนไหวครับ จะเอาใครต่อใครอย่างไรมา จะเตรียมการอย่างไรมา ที่รัฐมนตรีเฉลิม (ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย) ออกไปพูดนั้นเพราะเรามีข่าวกรองกันเข้ามาจะเล่นกันอย่างไร จะทำกันอย่างไร จะตูม ๆ ๆ ๆ 7-8-9 อย่างตอนปีใหม่ ก็จะทำกัน จะเอาระเบิดโยนกันกลางวงก็จะทำกัน เอาคนเป็นมือร้าย ๆ เข้ามา เรารู้หมดครับ แต่แล้วบ้านเมืองเป็นอย่างไร ถึงจะทำอย่างนี้ครับ แล้วคนพวกนี้คิดอะไรอย่างไรครับ คิดว่าวันนี้เป็นวันที่ 19 กันยายน 2549 หรือครับ ผมบอกแล้วอย่างนั้นมันเป็นปัญหา เมื่อเรารู้ปัญหาอยู่ตรงนั้น เราก็ดับปัญหา ผมนี่ละครับคนดับปัญหา และผมตั้งแน่ใจว่าผมดับปัญหานั้น ผมต้องมีวิธีการดำเนินการ และผมก็ทำด้วยความตั้งใจจริง ผมจะบอกให้คณะที่ยึดตรงนั้น คุณทำอย่างนี้ คุณหวังใครครับ หวังใครจะมาจัดการประกาศยึดอำนาจและปฏิวัติกันอีกอย่างนั้นหรือครับ ได้เหรอครับบ้านเมืองนี้ ไม่มีเหตุนะครับ แล้วผู้คนพวกนั้น เขาก็ไม่ได้มีเหตุเหมือนกับปี 2549 ปีนี้ 2551 นายกรัฐมนตรีชื่อนายสมัคร สุนทรเวช นอกจากเป็นนายกรัฐมนตรีแล้ว เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมด้วย และผมก็ทำหน้าที่ ผมเป็นประธานสภากลาโหม เมื่อวานซืนผมก็เป็น ผมเป็นมาแล้ว 4 หนครับ ผมทำงานกับแม่ทัพนาย กองทั้งหลาย แล้วผมก็ทำให้บ้านเมืองนี้ มีความเข้าใจกันดีระหว่างรัฐบาลกับทางฝ่ายที่เขาดูแลความมั่นคงของบ้านเมือง ผมไม่เคยเอามาอวดไม่เคยแสดง
แต่วันนี้ต้องบอกให้รู้นะครับว่า เขานั้นเขาเห็นว่าบ้านเมืองก็มีความสลักสำคัญ เรื่องที่แล้วก็แล้วกันไป ก็จบกันไป แม้ตัวบุคคลทั้งหลาย ผมก็ทำความเข้าใจ ทุกคนก็เข้าใจกันดี ทุกคนก็รู้ว่าต่อไปนี้มันเป็นโอกาส บ้านเมืองของเราจะต้องดำเนินการแก้ไข รัฐบาลนี้เป็นรัฐบาลที่นายกรัฐมนตรีชื่อสมัคร สุนทรเวช เป็นหัวหน้าพรรคพลังประชาชน มาอย่างถูกต้องตามกฎหมาย จะสู้กันยังไงก็ไปสู้กันในสภา อยากจะอย่างไรก็ผ่านไปทางฝ่ายค้าน เดี๋ยวนี้ใช้วิธีอย่างไรครับ ผมเห็นว่าผิดสังเกตตั้งแต่แรกแล้วครับ การเมืองภาคประชาชน เดี๋ยวนี้การเมืองภาคประชาชนยิ่งใหญ่เหลือเกินนะครับ ทำกันข้างถนน ปลุกระดมเอาผู้คนมา ผมดูหน้าท่านทั้งหลายที่ไปกันแล้ว ไปชื่นชมโสมนัสอะไรกันอย่างนั้นก็ไม่ได้ ผมดูแล้วผมบอกว่าท่านทั้งหลายไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรนะครับ ผู้คน 5 คนที่เขาเป็นหัวโจกจะทำ ถามสิว่าเป้าหมายตรงนั้น ต้องการอยู่ตรงไหน เอาล่ะ เอาจนกระทั่งสมมติผมทนไม่ได้ แล้วลาออกไป และจะทำอย่างไรต่อไปครับ ต้องการให้ใครเป็นนายกรัฐมนตรี ต้องเลือกตั้งกันใหม่ไหม แล้วเลือกตั้งกันใหม่ กระโดกกระเดกรัฐธรรมนูญแบบอย่างนี้ เป็นอย่างไรไหมครับ
เพราะอย่างนี้เขาถึงต้องขอจัดการแก้ไขรัฐธรรมนูญเสียก่อน ไม่ต้องคำนึงถึง 2 มาตราที่วิพากษ์วิจารณ์ละครับ แต่รัฐธรรมนูญจะไม่ต้องแก้ไขเพื่อวันข้างหน้าเลือกตั้งกันแล้ว จะได้เข้าที่เข้าทางกัน เท่านั้นละครับ คนร่างที่แล้วบอกว่าแก้ได้ แก้ง่าย คนจะแก้ไขรัฐธรรมนูญก็คือคนที่อยู่ 480 คนที่มาจากเลือกตั้ง คนอีก 150 คนที่มาทั้งเลือกตั้งแต่งตั้ง คนทั้งหมดนี่ละครับเขาเป็นคนวินิจฉัย มาตราไหนอะไรอย่างไร ผมเรียนให้ทราบว่าเมื่อมีการจะยื่นกันมา ผมก็ต้องการดับชนวน ดับชนวนของผมก็ขอว่า อย่างนี้ลงประชามติ ลงเสียก่อนจะเสียค่าใช้จ่ายก็ลงประชามติ แก้หรือไม่แก้ ถ้าประชามติเสียงส่วนใหญ่บอกไม่แก้ เสียงข้างมากของประเทศไม่แก้ ก็ไม่ต้องแก้ก็ต้องจบเรื่องกันไป เรื่องต้องเป็นเชื้อเป็นชนวนอะไรกันต่อไป ถ้าแก้ก็บอกว่าแก้ คนจะแก้ก็คือคน 480 คน กับคนอีก 150 คนพวกนี้เขาวินิจฉัยครับ เพราะฉะนั้น จะแก้อย่างไรอย่าห่วง ถ้าแก้ด้วยดีเขาร่วมมือแก้แน่ครับ แปลว่ายังไง พรรคพลังประชาชนพรรคเดียวแก้ไม่ได้ครับ ตกลงจะแก้แล้วเสนอข้อนี้ไปแก้ไม่ได้ เพราะเรามี 233 เสียง ถ้าเสียงส่วนใหญ่เขาไม่แก้ แก้ไม่ได้ครับ แต่ที่เราหวังคือทั้งเสียงส่วนใหญ่ทั้งหมดนั้น บางครั้งทำคะแนนอาจจะเห็นชอบด้วยกันทั้งหมด ไม่มีใครค้านหรอกครับ ต้องแก้ อันนี้ต้องแก้ ๆ เราหวังจะแก้สิ่งนั้นต่างหากครับ
ถ้าพวกเราไม่ต้องไปมีอำนาจจัดการแก้ เราไม่แก้เสียให้เรียบร้อย และทิ้งไว้ เดี๋ยวก็เลือกตั้ง ๆ และรัฐธรรมนูญอย่างนี้ละครับ คนที่มายกย่องสรรเสริญรัฐธรรมนูญปี 2550 หลับหูหลับตาไม่มีความคิด ไม่ได้อยู่แวดวงการเมือง ไม่รู้ว่าอะไรควรทำอะไรควรเว้น เพราะฉะนั้น เรื่องพรรค์อย่างนี้ไม่ได้ผิดตัวบทกฎหมายอะไรเลย รัฐธรรมนูญบอกให้แก้ได้ การจะแก้ หนึ่ง ให้พวกนี้มาแก้ได้ สอง ให้พวกนี้มาแก้ได้ สาม พวกนี้เป็นคนแก้ เขามีหมดครับ เขาก็ใช้ตามมาตรการของเขา พรรคการเมืองเขาทำความผิดเหรอครับ เขารณรงค์หาเสียงเลือกตั้ง เขาบอกเขาจะแก้รัฐธรรมนูญ ทุกพรรคประกาศแก้ พรรคที่ประกาศไว้ มีพรรคที่ยืนยันจะแก้แน่นอน ก็ได้ 233 อีกพรรคที่ได้ 164 ก็จะแก้ครับ ทุกคนบอกจะแก้ทั้งนั้น พอการเมืองเข้าไปอย่างนี้ เกิดไม่แก้ ไม่แก้ก็ไม่แก้ ไม่เป็นไร แต่ว่าเสียงต้องวัดสิครับ ต้องเอา 480 บวกกับอีก 150 แล้ววินิจฉัย คนอื่นไม่ได้วินิจฉัย คนในสภาเป็นคนวินิจฉัย ผมยืนยันเลยครับว่ามาตรา 237 ไม่แก้ แก้ก็แก้ไม่ได้ แต่ผมทายได้ว่าเขาต้องเอาวรรค 2 ออก เพราะเป็นประโยชน์กับทุกคนในวันข้างหน้า มาตรา 309 ไม่ต้องแก้ แก้หรือไม่แก้ ก็เอามาใช้ไม่ได้ เพราะว่ามีระบบเขาเขียนไว้เสร็จแล้ว
เพราะฉะนั้น เรื่องพรรค์อย่างนี้มาหาเหตุอะไรครับ พอเสร็จปั๊บยื่นปั๊บจัดการเคลื่อนขบวนแล้วมายึดไว้ เสียหายนะครับบ้านเมือง เสียหายอย่างชนิดที่ วันที่ยึดกันไว้แล้วนั่นละครับ วันที่ 26 พฤษภาคม ตอนเช้าวันจันทร์เก้าโมงเช้า ผมไปเป็นประธานทูตไทยกงสุลไทย 96 ประเทศ 96 ท่านมาร่วมประชุม ที่ได้นั่งฟังคือทูตก็ส่ายหัว บอกไม่ไหว อย่างนี้ไม่ไหว ทำไมบ้านเมืองเป็นอย่างนี้ จะให้ผมตอบเขาว่าอย่างไรครับ อ๋อ นายกรัฐมนตรีมันเลว นายกรัฐมนตรีเป็นคนไม่เกรงใจสื่อสารมวลชน เลยต้องเล่นกันอย่างนี้ มันใช่อย่างนั้นไหมครับ ไม่ใช่นะครับ เรามาถูกต้องแบบที่ผมอธิบายความมาตั้งแต่ต้น แต่ 96 คนที่เขาเป็นตัวแทนของรัฐบาลไทย จะไป ต้องเฝ้าฯ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ไปในนามถวายพระราชสาสน์ ไปประเทศที่มีพระมหากษัตริย์ถวายพระราชสาสน์ ไม่อย่างนั้นต้องยื่นสาสน์ตราตั้ง ระบบการทูตเป็นระบบที่ทั่วโลกโยงใยกันหมด และทูตไทยกลับมาประชุมประจำปี มาเจอเหตุการณ์อย่างนี้ละครับ ถามมาจาก 3 ประเทศที่นัดหมายจะเอานักธุรกิจมาลงทุน จะมาดูลาดเลาจะพาเขาเที่ยวจะพาชม ส่วนมากเขาต้องทำอย่างนี้พลาง แล้วเขาทำอย่างไรครับ ทูตเอาหน้าไว้ไหน มาเจอพรรค์อย่างนี้ มียึดกันอย่างนี้ ดูโทรทัศน์กันเมื่อคืนเห็นไหมครับ เหมือนจะตั้งเป็นกองทัพ จัดการมีโล่ มีเขน มีอะไรต่าง ๆ คาดหัวกันต่าง ๆ ไปฟังพูดกันสิครับ ไม่มีเหตุผล ด่าทอว่ากล่าวหยาบคาย แล้วอย่างนี้คนเป็นนายกรัฐมนตรีนั่งเฉย นั่งรอ ผมไม่ได้ดีขนาดนั้นหรอกครับ
ผมมีหน้าที่ต้องรับผิดชอบ ผมจะบอกให้ฟังว่าคนเดือดร้อนเท่าไรครับ ทูตขรตรีเศียรเขาขายหน้าต่าง ๆ นั้น เอาเถอะไม่เป็นไร เอาพวกหนึ่ง แต่ว่าผู้คนที่เขาต้องเดินทางละครับ ถนนหนทางทางสัญจร ถนนราชดำเนินเป็นอย่างไรครับ เจ้าฟ้าเจ้าแผ่นดินเสด็จพระราชดำเนินไม่ได้ ต้องเสด็จฯ อ้อมไปทางนางเลิ้ง ไหนละครับคนจงรักภักดี ขวางทางเสด็จพระราชดำเนิน ให้เจ้านายจะต้องเสด็จฯ ไปทางอื่น ผู้คนตั้งอาทิตย์หนึ่งมาแล้วที่ดูกันมา เด็กนักเรียนเป็นไงครับ โรงเรียนที่อยู่ข้าง ๆ เป็นอย่างไร ไปโรงเรียนสาย โรงเรียนหลังวัดต้องปิดโรงเรียน รอบ ๆ ละครับ นักเรียนเด็กพ่อแม่ เขาทำงานแถวนั้น เขาต้องส่งลูกเต้าเขา คนขับรถผ่านไม่ได้ รถเมล์ผ่านไม่ได้ มันชุลมุนวุ่นวายกันหมดทั้งเมือง แต่คนพวกนั้นคาดหัวโจก 5 คนนั้น คิดยังไงครับ เอาสิทธิเสรีภาพอะไรมา คุณมีสิทธิเสรีภาพไม่ชอบหน้ารัฐบาล ไม่ชอบหน้านายสมัคร ไม่ชอบหน้าใคร ทำได้ครับ แต่คุณต้องไปหาที่ที่ไม่ไปรบกวนผู้คนเขาอย่างนี้ อย่างนี้ได้อย่างไรครับ ไปเอากลางสะพานมัฆวานยึดไว้และตั้งกอง และจะด่า และสุดท้ายพาโลพาเลทำอะไรไม่ได้ ตกลงกันว่าขับไล่รัฐบาล หาเหตุ
ผมไม่ได้ท้าทายหรอกครับ แต่ลองเอาส่วนไหนของร่างกายของพวกคุณทั้ง 5 คนคิดดูสิครับว่า เป้าหมายบ้านเมืองเขามาอย่างนี้ แล้วคุณจะทำอย่างนี้ ผมไม่อยากจะย้อนถามว่าพวกคุณเป็นใคร ไปรับเลือกตั้งมาเมื่อไร คณะผมได้รับเลือกตั้ง 23 ธันวาคม 2550 มีคณะกรรมการเลือกตั้งตรวจสอบมาตามระบบระเบียบ เข้าตามตรอกออกตามประตู มีหน้าที่ และพวกคุณละครับ การเมืองภาคประชาชน เห็นส่งเสริมกันนัก ไม่ชอบก็จัดการไป ครูบาอาจารย์เก่าแก่ท่านก็นั่น อายุ 90 ท่านเขียนจดหมายมาเอากับเขาด้วยเมื่อคืน แล้วยังไงครับ เมื่อเช้านี้มีคุณหมอออกอากาศส่งเสริม ทางโน้นอย่างนี้ต้องอย่างนั้น อ๋อ คุณหมอเขาอบรมนักการเมือง ผมไม่เครียดละครับ ผมไม่ดุเดือดเลือดพล่านละครับ ผมเป็นคนธรรมดาและเป็นคนไทย แต่ผมมีเลือดเนื้อเชื้อไข คนอย่างผมนี่หรือครับที่พวกด่ากันเมื่อคืนนี้ว่า จะทำบ้านเมืองนี้ให้เป็นสาธารณรัฐ นายสมัคร สุนทรเวช นี่หรือครับ ต้นตระกูลผมแต่ก่อนมาราชวงศ์จักรีชุบเลี้ยง จนกระทั่งมาบัดนี้ก็มาทำงานสนองพระเดชพระคุณ ผมไม่อยากจะกล่าวอ้างถึงเลย แต่มันชี้หน้าด่ากันเมื่อคืนว่าผมจะโยงใยนายกฯ ทักษิณเป็นหุ่นเชิด และจะเอาบ้านเมืองนี้เป็นสาธารณรัฐ จะเป็นประธานาธิบดี นี่ผมเป็นคนหรือเปล่า ถ้าผมเป็นอย่างนั้น ท่านทั้งหลายทั้งประเทศไทยท่านฟังดูคน 5 คนพวกนี้ ปลุกระดมคนไหวไหมครับ พูดจาว่ากล่าวดูแคลนไม่มีเหตุผล ทำอะไรไม่ได้ ทุกอย่างเป็นชนวนดับหมดเรียบร้อย จะขับไล่รัฐบาล ไม่ใช่นะครับ ไม่ใช่ปี 2549 นี่ปี 2551
ผมจะบอกให้ฟังว่าผมมีหน้าที่รับผิดชอบบ้านเมืองนี้ คนที่เขาดูแลเรื่องความมั่นคง ทั้งตำรวจ ทั้งทหาร เขาดูแลรับผิดชอบ เขาต้องทำหน้าที่ร่วมกับผม เพราะเป็นบ้านเมืองของเขาเหมือนกัน เป็นบ้านเมืองของเราทุกคน และคน 5 คนจะมาก่อกวน มีเหตุผลไหมครับ มีหลักฐานแสดงการอะไร ผมได้แสดงอะไรไว้อย่างไรหรือครับ ว่าผมจะทำบ้านเมืองให้เป็นสาธารณรัฐ พวกคุณที่คิดกันที่พูดจากัน คิดอะไรกันขึ้นมา คุณจะเกลียดชังใครยังไง เขาถอยออกไปแล้วครับ เขาเป็นอดีตนายกรัฐมนตรี และที่ผมไม่ค่อยชอบคือว่า คนอย่างผมนี่คือครับรัฐบาลหุ่น ผมคิดเป็นนะครับ ผมทำเป็นด้วย และผมไม่ต้องให้ใครมาชี้แจง แต่ว่าพรรคการเมืองซึ่งเขาสร้างระบบมานั้น ผมปฏิเสธไม่ได้หรอกครับ หน้าที่ของผมคือต้องดูแลพรรคการเมืองพรรคนี้ แต่ในขณะที่ดูแลพรรคการเมืองนี้ ผมก็ให้ใช้ระบบพรรคว่าทั้งหมดพรรค ในจำนวนที่เป็นทั้งหมด 233 นั้น 232 เขาเอาอย่างไร เขาก็มีกรรมการบริหาร มีระบบการประชุมพรรค มีคณะกรรมการบริหาร ก็ดำเนินการกันตามนี้ ยังอยู่ในกติกาอย่างนี้ ถ้าใครเป็นคนชี้ว่าต้องอย่างนี้ ๆ ไม่ได้หรอกครับ ยังไงก็ไม่ได้
ผมเป็นนายกรัฐมนตรีนะครับ ถูกต้องตามกฎหมาย พรรคการเมืองก็จดทะเบียน คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ก็คุมอยู่ ใครจะมาชี้ต้นตายปลายเป็นครับ เอาเหตุอะไรมากล่าวหาว่าผมจะเป็นคนจัดการให้บ้านเมืองนี้เป็นสาธารณรัฐ พูดจากันเมื่อคืน โอ้โห มีโล่ มีเขน มีการเตรียมตัวถือไม้เบสบอล จะรบกับใครครับเนี่ย จะไปออกรบจับศึกกับใคร จะมาเข่นฆ่า แล้วจะยังไง นี่พ.ศ. 2551 นะครับ ไม่ใช่ 2549 มันไม่มีเหตุอะไรเลยที่ทหารจะลุกขึ้นมาปฏิวัติอีกหนหนึ่ง เพราะว่าทางนี้เขาชักชวนกันมาอย่างนั้น คิดหรือเปล่าครับ คิดหน่อยสิครับ
ผมมีหน้าที่จะต้องมาบอกให้รู้ว่าผมจะต้องจัดการ คุณมาอยู่ตรงนี้ไม่ได้ ผิดกฎหมาย คุณมีสิทธิเสรีภาพ จะไม่ชอบผม จะตำหนิติเตียนว่ากล่าวไปเถอะ ถ้าเผื่อรุนแรงไปผมจะไปฟ้องคดีเรื่องหมิ่นประมาท แต่ว่าจริง ๆ แล้วคุณใช้สิทธิตรงนี้ไม่ได้ เพราะฉะนั้น ผมจะต้องดำเนินการเอาออกจากตรงนั้น คุณจะมาตั้งป้อมมีไม้มีอะไรต่าง ๆ คุณจะไปหาใครต่อใครมา จะเอาคนร้ายมาสะสมไว้เพื่อจะก่อการร้ายกลางบ้านเมือง คุณจะต้องรับกรรมในสิ่งที่คุณทำ ผมไม่ยอมหรอกครับ ตำรวจและทหารก็ไม่ยอมด้วย อย่าหวังเลยครับไม่มีละครับ บ้านเมืองนี้เขาต้องการความสงบ มีโอกาสที่จะได้พัฒนาบ้านเมืองได้ พวกคุณ 5 คนนี่ละครับก่อกวนให้เกิดความยุ่งยากในบ้านเมือง เป็นความเสียหายอย่างยิ่ง การค้าการขายการจะลงทุนลงรอนต่าง ๆ เสียหายหมด พวกคุณรับผิดชอบอะไรครับ แต่ผมต้องรับผิดชอบ ผมต้องป้องกันสถานการณ์บ้านเมืองนี้ไว้ รอยแผลเป็นที่คุณสร้างมา 7 วันนี้ ผมต้องลบออกครับ ไม่ได้หรอกครับ จำไว้นะครับว่าคุณมีสิทธิจะตำหนิติเตียนว่ากล่าว คุณไปหาที่ คุณจะใช้ตรงไหน คุณอย่ามาให้ประชาชนเดือดร้อน สิทธิเสรีภาพอยากใช้ว่าไปเลยครับ รุกล้ำผม ผมจะเอาไปศาล แต่ว่าจะมาท้าทายจะให้จับกุม ผมไม่ทำอย่างนั้นหรอกครับ แต่ผมต้องเอาพวกคุณออกจากตรงนั้น ผมจะทำตามหน้าที่ของผม ไม่ใช่ท้าทายนะครับ แต่เป็นหน้าที่ พวกคุณต่างหากที่ท้าทายกฎหมายของบ้านเมือง คุณละเมิดตัวบทกฎหมายของบ้านเมือง คุณทั้งฆ่าคน ทั้งหัวโจก ทั้งใครต่อใครที่ไปรวมอยู่โน่น คิดหน่อยสิครับ มันสนุกอะไรอย่างไร มันน่าชื่นชมอย่างไร เป้าหมายคน 5 คนพวกนี้ จะชักจูงใครให้มาทำ ไม่ได้ครับ ไม่มีเหตุแล้วครับ ไม่มีเหตุที่จะเป็นอย่างนั้นได้ นายกรัฐมนตรีชื่อสมัคร สุนทรเวช และผมไม่ใช่คนอย่างที่ใครจะมาเที่ยวชี้หน้าด่ากันได้ และผมจะไม่ยอมให้ใครมาทำอย่างนี้กับบ้านเมือง บ้านเมืองนี้ก็เป็นของผม
ที่ผมต้องพูดวันนี้ ไม่รอพูดพรุ่งนี้ เพราะวันนี้ละครับจะเอากันให้แตกหักวันนี้ ผมต้องพูดเสียตอนนี้ ให้คนทั้งบ้านทั้งเมืองได้รู้อยู่ว่ารัฐบาลนั้นรับผิดชอบ ตำรวจก็รับผิดชอบ ทหารก็รับผิดชอบ ผมเตรียมพร้อมไว้หมดแล้วครับ จะเอาอย่างไรก็ไม่เป็นปัญหา แต่บอกให้รู้ไว้ว่าอย่าทำสิ่งที่มันโง่เง่า ไม่เข้าท่า ไม่มีใครหรอกครับ ใครจะอยู่ข้างหลังยังไงพวกนี้ก็ยังยุติได้ ใครจะส่งเสีย ใครจะบอกเราจุดติดแล้ว ม็อบจุดติดแล้ว อาหารเริ่มมาแล้ว ขบวนการส่งเสียเริ่มมาแล้ว อะไรต่ออะไรมาแล้ว ถ้าคนนี้เป็นหัวโจกละก็รับรองว่าติดแน่ คุณจุดหมายปลายทางอยู่ที่ไหนครับ มันเป็นไปได้อย่างไรครับ บ้านเมืองเดินมาดี ๆ กำลังนี้ แล้วจะชักชวนให้เขาปฏิวัติอีก ให้เขายึดอำนาจอีก เอาใครมาละครับ ใครมาชี้หน้าด่าคนอย่างผมจะทำให้บ้านเมืองเป็นสาธารณรัฐ คิดได้เหรอครับ คนทั้งบ้านทั้งเมืองเขารู้จักผม ตั้งแต่ผมเป็นนักการเมืองตั้งแต่เล็กจนกระทั่งป่านนี้ ผมไม่เคยเปลี่ยนแปลงความคิด ผมเป็นคนยังไง คนทั้งบ้านทั้งเมืองรู้ครับ และบัดนี้ผมเป็นคนดูแลบ้านเมืองนี้ ผมเป็นนายกรัฐมนตรี ที่บอกกันวันนี้ไม่รอพรุ่งนี้ เพราะพวกคุณจะแสดงกันวันนี้ ลองดูสิครับ
ผมบอกให้รู้แล้วกันก็ลองดู ผมเตรียมไว้พร้อมหมดเรียบร้อยแล้ว ทั้งตำรวจทั้งทหาร ไม่ได้ขู่นะครับ แต่สิ่งที่พวกคุณมาข่มขู่กลางถนนกลางเมืองนั้นไม่ได้ครับ ผมจะต้องดำเนินการ พวกคุณจะไปหาที่ใหม่ตรงไหนจะทำยังไงจะอยู่กันอีกสักปีหนึ่ง ผมไม่ว่า แต่คุณทำตรงนี้ไม่ได้ ถ้าคุณทำตรงไหนที่ไหน ถ้าคุณจะยืดเยื้อมารุกล้ำก้ำเกิน คุณต้องไปศาล มีคดีความผูกพันกันอยู่ คุณต้องดำเนินการ ผมไม่มีวันยอมหรอกครับ บ้านเมืองนี้ของผม ของทุกคน กว่าจะแก้ไขกลับมาได้ต้องเรียกว่ามันแทบแย่ละครับ กำลังทำกันอยู่ โอ้โห พวกนักเขียนบทความนั่งเขียนไป คนก็อ่านไป โทรทัศน์ก็ด่าไป โทรทัศน์ ASTV หยาบคาบว่ากล่าว สิทธิเสรีภาพมีครับ เพราะศาลทั้งบอกท่านคุ้มครอง คุ้มครองมา 2 ปีแล้วครับ ผมก็ไม่ออกปาก เพราะผมก็เคารพศาล ศาลท่านคุ้มครองก็คุ้มครอง แต่ว่าสถานีละครับที่ปลุกระดมบอกผู้คนทำอะไรกันต่าง ๆ สถานีนี้ครับทุกวัน 24 ชั่วโมงไม่เคยละเว้น ผมก็เสียใจเหมือนกันครับ ที่ทำงานก็ทำงาน ไม่รู้จะนั่น บางครั้งทำกันไม่มีวันพักผ่อน แต่สถานีนี้ได้รับความคุ้มครอง ด่าเอาว่าเอา พูดจากระทบกระแทกแดกดัน พูดจาในสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ พูดจาต่าง ๆ สถานีนี้ละครับที่ออกด่าใครต่อใครเขา และพิสูจน์แล้วก็ไม่เป็นความจริง แต่เจ้าของก็ไม่อับอาย
บ้านเมืองเราแปลกนะครับ บ้านเมืองเราแปลกจริง ๆ เพราะอะไรครับ เพราะสื่อสารมวลชนนั้น ถ้าลองไม่ชอบใครก็เล่นด้วย ไม่ชอบหน้าเอาด้วย ตกลงคนที่สื่อสารมวลชนไม่ชอบหน้าเป็นนายกรัฐมนตรีไม่ได้เหรอ อย่างนั้นหรือครับ แล้วผมไปทำอะไรกับใครยังไง ผมเคยสั่งปิดหนังสือพิมพ์สักฉบับหรือยัง ผมเคยทำอะไรให้กระทบกระเทือนใครยังไงหรือยัง แต่ว่าเมื่อเล่นงานว่ากล่าวกันมาก ผมก็เพียงแต่ใช้ช่องเล็ก ๆ อย่างพรุ่งนี้แปดโมงครึ่ง ผมก็คุยอย่างธรรมดา ผมไปทำงาน วันนี้ตั้งใจนะครับว่าจะไปสุพรรณบุรี ไปสองพี่น้อง เพราะเขากำลังเกี่ยว ตั้งใจจะทำวิธีของผมก็คือได้สัมผัสชาวนาที่เขาเอาขึ้นมา จะดูเขาตากที่ไหนอย่างไร เพราะกำลังจะทำเรื่องไซโล ไปคุยกับเขาที่ฟิลิปปินส์ IRRI (สถาบันวิจัยข้าว) อีร์รี่ เขาเป็นต้นฉบับเรื่องข้าว นั่นละครับตกลงกันมา เขากับไทยผูกพันกัน เราไปเยี่ยมก็ถือโอกาสไปเยี่ยมเท่านั้น และกลับมาทางนี้ ทางธนาคารโลกบอกไปปลูกพืชน้ำมันกัน เลยทำให้ข้าวแพง ไม่ใช่ ผมบอกไม่ใช่ ของเราข้าวก็ข้าว พืชก็พืช แต่เราแก้ไขด้วยการเพิ่มผลผลิต กำลังทำอยู่ เรื่องอ้อย นั่นละครับเอทานอลที่ชื่นชมกัน วาระที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานท่านแถลง ยกย่องสรรเสริญมีผลงาน ก็ถูกต้อง คณะรัฐมนตรีเขาก็บอกเขาก็ตื่นเต้นว่ามีผลงาน ผมไปประชุมด้านเศรษฐกิจก็เป็นคนแถลงเรื่องนี้ ก็ถูกต้อง
ผมเองยังไม่คิด คิดแบบคนธรรมดา ๆ ผมก็ไม่ใช่คนรอบรู้อะไรนักหนา E 5 ก็เอาน้ำมันเติมไปในนั้น 5 เปอร์เซ็นต์ E 20 ก็เติม 20 ออกมา E 85 ใครจะคิดครับ E 20 ต้องไป E 25 E 30 ผมก็คิดว่า E 85 หมายความได้เติม 15 หรืออย่างไร ผมบอกก็รับไป 20 แล้วมาเติม 15 จะขายได้อย่างไร เขาบอกว่าเติมน้ำมันเบนซิน 15 เปอร์เซ็นต์ ใช้เอทานอล 85 เปอร์เซ็นต์ ฟังความแล้วก็ยินดี ยินดีกันทั้งที่ประชุมครับ เพราะใครจะคิดจาก 20 กระโดดไป 85 เขาบอกที่อื่นเขาทำได้ ทำไมคิดได้ สุดท้ายไทยก็ทำได้ครับ และก็ทำ และพอไหม แต่ก่อนก็บอกว่าต้องอ้อยล้นอ้อยเกินอย่างบราซิลถึงจะทำ เดี๋ยวนี้ของเราเป็นยังไง เราปลูกไม่ใช่ 6 ตันต่อไร่ ไม่ใช่ 10 ไม่ใช่ 20 ปลูก 25 ตันต่อไร่ เพิ่มขึ้นมา 4 เท่า เพราะฉะนั้น ปีนี้น้ำตาล 23 ล้านตัน อีก 50 ล้านตันทำเอทานอล มีทั้งหมด 42 บริษัทจดทะเบียน เดี๋ยวนี้ 11-12 บริษัทลงมือแล้ว เวลานี้เราเข้ามา 10 เปอร์เซ็นต์ ประชุมกัน ตกลงเจรจาเรื่องบริษัทรถเขา เพิ่งเจรจาให้ priviledge E 20 ไปหยก ๆ แล้วE 85 เขาก็ขอ เราก็บอกว่าชั่วคราวยินดี เพราะว่าต่อไปที่ออกมาใหม่จะต้องรถโดยเฉพาะที่เขาทำมาครับ พวกนักวิพากษ์วิจารณ์เอาเลย จะใช้ยังไง จะใช้ได้ยังไงครับมันออกมาสำหรับรถเฉพาะก็ต้องออก ต้องให้เขาทำรถมารับอันนี้ แต่ว่าใครจะเปลี่ยนก็ต้องเปลี่ยนอันใหม่อย่างนั้น โอกาสมีครับ
ต่อไปน้ำมันเคยซื้อมา 100 ต้องการ 15 แล้วมาใส่ แต่การเพาะการปลูกนั้นเราก็มีขอบเขตของเรา แทนที่จะไปขยายที่ ไปล้ำที่ปลูกข้าว เปล่าครับ มันเพิ่มผลผลิต เพิ่มผลผลิตอ้อยจาก 6 มาเป็น 25 4 เท่ากำลังทำอยู่ครับ มันสำปะหลังระยอง 9 ธรรมดาดึงขึ้นมา แต่เดี๋ยวนี้ดึงขึ้นมา 3 เท่า 4 เท่า ดึงออกมา ตัวสตาร์ทข้างในก็ดีกว่าเก่าหลายเท่า นี่ต่างหากละครับที่จะมาเป็นแหล่งที่จะทำ และต่อไปนั้นอย่างบราซิล ใหญ่โตมโหฬาร เขาก็ใช้ของเขาได้ เราไม่ใหญ่ขนาดนั้น แต่เราเพิ่มผลผลิตกำลังทำอยู่ เราไม่ได้ไปถึงข้าวโพด เราไปสองอันนี้เท่านั้น น้ำมันปาล์มก็มาอีกส่วนหนึ่งถ้าจะทำไบโอดีเซล สบู่ดำ ก็คิดก็ทำกันอยู่ ประชุมกันที ประชุมห้าโมงเย็นเลิกสองทุ่มครึ่ง นี่ละทำงานครับ พวกนักวิพากษ์วิจารณ์ทั้งหลายไปนั่งอยู่กับเหรอครับ ไปคอยตามดู ไปเคยเดินดูว่าผมทำอะไรยังไงไหม ไม่ทำอะไร ไม่มีผลงาน เขียนได้ง่าย ๆ ไม่มีผลงาน รัฐบาลนี้ไม่มีผลงาน นั่งวิจารณ์ได้ แต่คนนั่งทำงานนั่งทำงานลิ้นห้อย
ถ้าไม่ใช้โอกาสอย่างนี้มาพูดแล้วจะใช้เมื่อไรครับ ผมต้องพูดวันนี้ครับ ไม่ให้สายเกินไปด้วย เพื่อมาเตือนคนที่กำลังจะก่อการคืนวันนี้ ผมจะบอกให้ท่านพี่น้องทั้งหลาย ที่ท่านไปมั่วสุมอยู่กับเขา ท่านต้องถอยออกมาครับ ไม่มีเหตุผล ผมไม่ได้ตามไล่จับกุมท่านหรอกครับ แต่ท่านต้องไปหาที่ที่อื่น ลองคิดดูสิครับ ลองเอาอะไรตรองดูสิครับว่า ไปชื่นชมโสมนัสกับ 5 คนที่จะทำ เขาทำเพื่อบ้านเมืองนี้หรือครับ ลองถามสิว่าเป้าหมายอยู่ตรงไหนครับ เป้าหมายจะเอาใครมาปฏิวัติ จะเอาใครยึดอำนาจ ในเมื่อเขาตกลง เขาเข้าใจกันหมดว่าบ้านเมืองจะดำเนินการไปแบบนี้ แล้วทำแล้วอยู่ตรงไหนครับ เพื่ออะไรครับ บรรดาคนที่ให้สตางค์ไปซื้อกับข้าวขนกับข้าวไปให้ เอาสตางค์ไปให้ เบิกเงินเบิกทองไปให้ และคุณต้องการอะไรครับ ไม่ชอบรัฐบาลนี้หรือ แล้วยังไงชอบรัฐบาล 5 คนนั่นหรือครับ ใน 5 คนนั่นใครจะเป็นนายกฯ จะบริหารยังไง มีกฎหมายอะไรรับรอง มีแต่จะส่งเสริมกันว่าการเมืองภาคประชาชน ผมไม่อยากวิพากษ์วิจารณ์เรื่องนี้ แต่ไหน ๆ วันนี้ก็ขอโอกาส ผมต้องบอกพี่น้องประชาชนทั้งประเทศว่า ท่านอย่าวิตกทุกข์ร้อน ความขายหน้าไปแล้วทั่วโลก วันที่ตีกันวันนั้น ตำรวจก็บอกว่าไม่รู้ว่าใครเป็นใคร ไม่รู้จะแบ่งกันอย่างไร คนที่ไม่พอใจนั่นละครับ โดดมาฟัด ไป ๆ มา ๆ เราต้องคอยกันคนไม่พอใจ เพราะว่าตัวนั้นจะเป็นชนวน จะจุด เมื่อคืนนี้ก็ได้รับรายงานว่ามีคนเป็น ส.ส. เราก็ตามดู ส.ส.คนไหนไปตะโกนด่าเขาที่นั่น อดรนทนไม่ได้หรืออย่างไร ข่าวมาเสร็จเรียบร้อยเลยครับ เขาไปตรวจสอบไปดูแลให้เลยว่าอะไรเป็นยังไง ทุกคนเขาเอาใจช่วยจะให้เรื่องนี้มันจบ
ผมจะบอกพี่น้องทั้งหลาย ผมก็ดูหน้าตาดี ๆ ทั้งนั้น นั่งกันนั่น ไปทำไมครับ เป้าหมายอยู่ตรงไหนครับ ไปนั่งตากฟ้าตากฝนคาดหัว เอาข้าวไปนั่งกิน มันสนุกตรงไหนครับ บ้านเมืองมันถึงเลวทรามต่ำช้ามันวิกฤตกันขนาดนั้นเหรอครับ ไม่นะครับ มันได้รับการเลือกตั้งมาแล้ว กำลังมีรัฐบาลบริหารบ้านเมืองอยู่ กำลังแก้ไขสถานการณ์กันอยู่ ค่อยเป็นค่อยไปค่อยทำ เขาก็ชื่นชมกันอยู่ สามารถจะแก้ปัญหาได้ แต่ไม่ไปชื่นชมไม่ประกาศ ผมก็ไม่ว่า ตัวเลขอะไรดี ทำอะไรดีก็ไม่พูด คอยจะเอาเรื่องมาว่ากล่าว บอกว่าโอ๊ยเป็นปฏิปักษ์กับสื่อสารมวลชน สื่อสารมวลชนเป็นปฏิปักษ์กับรัฐบาลมากกว่าครับ โดยไม่มีเหตุผล แต่เอาเถอะ สิทธิเสรีภาพสื่อสารมวลชน ฟังเมื่อวันที่ 3 เดือนที่แล้ว ผมก็กลัวแล้วครับ โอ้โห วันเสรีภาพสื่อ ฟังคำขวัญที่ติดไว้ข้างหลังดูแล้ว ผมก็กลัวแล้วครับ คุกคามสื่อคือคุกคามประชาชน ก็อย่างนั้นละครับ แล้วเราทำอย่างนั้นเหรอครับ ผมนี่หรือครับคุกคามสื่อ ตกลงเขาดุด่าว่ากล่าวอะไรตอบไม่ได้เหรอครับ เขียนว่ากล่าวอย่างนั้น เหมือนกาตงการ์ตูนหยาบคาย ไม่ได้อย่างนั้นเหรอครับ แล้วทำไมพวกนั้นมีสิทธิละครับ ทำไมสิทธิเสรีภาพในการดุด่าว่ากล่าว ใครก่นอะไรใคร มีแต่เฉพาะสื่อสารมวลชน แล้วคนเป็นรัฐบาลทำไม่ได้ หัวหน้ารัฐบาลต้องเป็นผ้าพับไว้เรียบ ๆ เหรอ นั่งที่ไหนต้องพับเพียบตลอด เจอใครต้องพนมมือก่อนอย่างนั้นเหรอ ปกติหรือเปล่าครับ
ผมไม่อย่างนั้นหรอกครับ ผมเป็นคนธรรมดา และผมก็บอกว่าผมก็รักบ้านเมืองนี้ ไม่น้อยไปกว่าใครในบ้านเมืองนี้เหมือนกัน คุณจะแสดงความรักด้วยการปลุกระดม เอา 5 คนมาและไปชักชวนกันมา ผมบอกเลยว่าไม่สำเร็จหรอกครับ ยังไง ๆ ผมก็ไม่ปล่อยให้บ้านเมืองเสียหายไปกว่านี้ บอกให้รู้ด้วยว่าผมเตรียมทุกอย่างไว้พร้อมแล้ว ทั้งตำรวจทั้งทหาร ที่มาพูดวันนี้เพื่อให้ประชาชนทั้งประเทศอย่าวิตกในการจะจัดการดำเนินงานแก้ไข ผมต้องทำหน้าที่นี้ครับ ผมทำมาแล้วหลายหนหลายอย่าง ไม่ไปปะทะ ไม่ไปล่ออะไรต่าง ๆ แต่ให้เห็นนะครับ ถือโล่ ถือเขน ถือไม้ ถือตะบอง ดูสิครับพูดจา ผมไม่อยากใช้ถ้อยคำ คือเดี๋ยวจะหาว่าพูดจาหยาบคาย เขาถ่ายออกมาให้ดู พูดจาให้ดู ไม่ไหวครับ บ้านเมืองไม่ได้เสียหายขนาดนั้น ไม่ได้มีใครเลวทรามต่ำช้ามาอยู่ขนาดนั้น บ้านเมืองเป็นบ้านเมืองปกติ พูดคนเขาชื่นชม ถามสิครับว่างานกำลังนี้ที่จะแก้ตัวได้เร็วที่สุด ทางเศรษฐกิจคืองานท่องเที่ยว กำลังพยายามทำทุกอย่าง และถามถ้าใครทำลายการท่องเที่ยวครับ มีอย่างนี้ใครเขาจะกล้ามาท่องเที่ยว ไม่ช้าไม่นานก็ยืดเยื้อต่อไป ทัวร์อะไรก็หดหมด พอถึงเดือนตุลาคมเขาเปิดฤดูท่องเที่ยว ใครจะกล้ามาครับ ดูสิครับว่ากำลังนี้ ผมสงสารพวกบรรดาทูตทั้งหลายมา หน้าละเหี่ยกันไปเลย มาเจออย่างนี้เข้า แล้วไปดูถ่ายมาดูกลางคืน เมื่อคืนใกล้สองยาม เต้นแร้งเต้นกากัน ดีใจด่าทอหยาบคาย ถือโล่ เขน กันพร้อม ทำไมครับ จะทำสงครามกับใครครับ จะล่อให้ใครไปทำอะไรกับใคร มันมีปัญหาอะไรในบ้านเมืองนี้เหรอครับ ถึงขนาดจะต้องเตรียมตัวฟาดฟันกันอย่างนั้น และมันยังไงครับ มันเลวอย่างไร ถึงต้องขึ้นเวทีด่ากันไม่ยั้งอย่างนั้น
เอาละครับ ผมต้องการพูดให้รู้ไว้เท่านั้นเอง เดี๋ยวจะว่าไม่บอกก่อน ผมจะบอกให้ฟังว่า ผมขอใช้เวลาวันนี้ เพราะผมต้องการให้ทุกอย่างเป็นไปโดยเรียบร้อย ถ้าทำอะไรที่ไม่ถูกต้องก็ควรจะยุติ ถ้ายังอยากจะเปิดรายการคุณไปหาที่อื่น คุณจะอยู่สักปีหนึ่ง จะทำอะไรให้อยู่ในขอบเขต ให้คนเขาเห็นว่าเอาละถ้าคุณจะคิดทำอย่างนั้น ฉันก็ยังเสียหายอยู่ แต่เอาเถอะ แต่กลางถนนอย่างนี้ไม่ได้ครับ หน้าตาของรัฐบาลบ้านเมืองอยู่ที่ไหนครับ ถนนเส้นทางเสด็จพระราชดำเนิน คุณขวางทาง คำอธิบายของคนที่เป็นหัวโจกสำคัญ ฟังแล้วระคายหู ท่านทั้งหลายคงฟังที่เขาแถลงกันแล้ว สื่อสารมวลชนก็ยุติธรรมดีนะครับ แถลงการณ์ทุกอย่างบอกหมดเลยว่า อะไรต่ออะไร ใครจะเป็นอย่างไร ใครจะขึ้นจะลง เรื่องพรรค์อย่างนี้มันต้องช่วยกันบ้างครับ ต้องเห็นแก่บ้านเมืองบ้าง แล้วต้องนึกว่าอะไรถูกอะไรควร ผมไม่ได้มาห้ามปรามอะไรหรอกครับ แต่ท่านทั้งหลายควรจะต้องนึกบ้าง เห็นแก่บ้านเมืองบ้าง สนุกกันประโคมกัน ออกข่าวเอิกเกริก ฝรั่งมังค่าเดี๋ยวนี้ก็ไม่ต้องดู ไม่หาข่าวหรอกครับ ดูข่าวหนังสือพิมพ์ยังไง ก็แปลกันตามนั้นเลย มันก็เลยเอิกเกริกตามไปด้วย ออกไปถึงนอกเมืองนอกโลก ตีกันวันนั้นสักพักเดียว ครึ่งชั่วโมง CNN ออกแล้ว ทั่วโลกเดี๋ยวนี้รายงานหมด
เพราะฉะนั้น ลองถามดูสิครับว่า บ้านเมืองที่ผู้คนเขาชื่นชม แต่มีสถานการณ์อย่างนี้ เราอยากจะเป็นอย่างอิรักเหรอครับ อยากจะเป็นอย่างประเทศที่ไล่ตีกันโครม ๆ ๆ เดี๋ยวก็ระเบิดตูมตาม สถานการณ์บ้านเมืองค่อยยังชั่วขึ้น สถานการณ์ที่แก้ไขกันไม่ตกนั้น บัดนี้ก็ค่อยดีขึ้น สถานการณ์ 3 จังหวัดภาคใต้ ต้องยืนยันได้ว่าใครไปดูแล้วก็ค่อยดีขึ้น ปีนี้ผู้คนมาท่องเที่ยวมากขึ้น กลางคืนมีชีวิตชีวาเริ่มกินข้าวกินปลากันอยู่ เขาอวดศักดาไม่พอใจ เขาก็ตูมตามสักที แต่ทว่าสถานการณ์เอาอยู่ครับ เพียงแต่เราไม่ต้องการประกาศชัยชนะว่าอะไรอย่างไร สถานการณ์น่ะ ไม่ใช่ว่าผมโผล่ไปดูทีเดียว แต่ผมประชุมที่นี่ครับ ผมรู้ว่าเขาทำยังไง ความเปลี่ยนแปลงนั้นเกิดตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม และเปลี่ยนแปลงมาเรื่อย 4 เดือนก่อนผมมา เขาเปลี่ยนแปลงแล้ว ผมมาร่วมด้วยอีก 3 เดือนหลัง 6-7 เดือนนี้ มีความเปลี่ยนแปลงครับ เราสนับสนุนทุกอย่าง จะแก้ไขจะทำทุกอย่าง ไปประเทศนั้นเจรจา ไปประเทศนี้เจรจาความ เราทำครับ แต่ไม่ต้องการโฆษณา เพราะไม่ต้องการท้าทาย ผมวันนั้นก็ออกปากชมว่าสถานการณ์เรียบร้อยดีขึ้น ไปยิงปั้ง ๆ ๆ ๆ ตอนกำลังเลือกตั้ง ก็อย่างนี้ละครับ ก็ทำเพราะอย่างนี้ แต่ว่าเราไปดู เราไปตรวจ เขาทำถี่ถ้วนนะครับ ผมไปผมมาเล่าให้ฟัง ก็ยังทะเลาะเบาะแว้ง ก็คนเขาอยากทำงานเขาก็ไป และเขาพิสูจน์ได้ เขาพิสูจน์แล้วนะครับเรื่องดีเอ็นเอ พิสูจน์ชัดเจนดำเนินการ ส่งให้ศาล ๆ ลงโทษ ลงโทษไปแล้วครับ ฝ่ายหนึ่งอยากจะทำ ก็มีสำนัก ตำรวจก็มีสำนักงาน ทางฝ่ายยุติธรรมก็มีสำนักงาน ทางนี้ไปทำ ตำรวจดูคดีด้วย ไม่ร่วมมือกัน ที่ดำเนินการไป ตำรวจทะเลาะกันอีกแล้วครับ เรื่องดีเอ็นเอนี่ละครับ ผมไปดูมาแล้ว เขารายงานทั้งหมด อยู่กับที่เขาดูทุกช่องทุกทาง เขาไปตามเขาไปค้นเขาพิสูจน์ได้ น่าชื่นใจนะครับ แต่ปรากฏว่าทางฝ่ายพิสูจน์หลักฐานบอกว่า ไม่ชอบเรื่องนี้ ไม่สนับสนุนเรื่องนี้ แล้วยังไง ใครจะแก้ไขปัญหา นี่ไงครับ พอเรารู้ปัญหา ผมจะต้องแก้ไข เรื่องโน้นเรื่องนี้ต่าง ๆ ผมไปดูของผมทั้งนั้นละครับ
เรื่องพรรค์อย่างนี้ ผมไปดูแม้กระทั่งทหารที่เขาเกณฑ์มา วันที่จะเข้าผลัด 1 จะเข้าผลัด 2 วันที่ 1 มิถุนายนเข้าผลัด 2 ผมไปดูให้มาบอกพี่น้องประชาชนว่าลูกหลานเขาเป็นอย่างไร ตอนนี้เขาเปลี่ยนแปลงอย่างไร 3 เดือนเขาทำให้คนเข้าไป ให้เป็นทหารรักบ้านรักเมืองนี้ 3 เดือนออกไปประจำเหล่าทำอะไรได้ ไปเจอเข้า เขาซื้อข้าวกระสอบละ 1,200 บาท วันนี้จ่าย 2,400 บาท จ่ายค่าข้าวเท่าตัว เลยเอาค่าข้าวไปบีบบังกับข้าว พรรค์นี้ผมก็ต้องจัดการแก้ไข ผมต้องมีวิธีการว่า ให้ซื้อที่ไหน ซื้ออย่างไร จำนวนก็ไม่มากเท่าไร แต่ต้องอนุเคราะห์ ที่จะทำอะไรได้ก็ทำ หาหนทางจะทำอะไรได้ก็ทำ ผมไปผมก็ไปเยี่ยมของผม เมื่อวานนี้ผมบอกว่าไปเดินทำไมโบ๊เบ๊ ก็มีเรื่องกันครับ มีผู้ค้าตั้งเกือบพันคน จัดการไป ๆ มา ๆ กทม. จัดการโดยการทำสวนปิดบนถนน ไม่ต้องการให้ขาย เสร็จแล้วก็มีสหกรณ์เกิดขึ้นมา คนที่ดูแลสหกรณ์ก็ต้องเรียกผมไป นายกรัฐมนตรีไปช่วยดูสิว่าตกลงกันอย่างนี้ แล้วทำไมยังไม่ได้ ถ้าผมไม่ไปโบ๊เบ๊ด้วยตัวเอง ผมไม่ไปสอบถามเอง ผมจะรู้ได้ยังไง ตอนนี้ผมรู้แล้วว่าอะไรเป็นอะไรยังไง เห็นไหมครับเรื่องอย่างนี้ บ้านเมืองมีปัญหา แต่เราก็ตามแก้ไข แต่ว่าตั้งคณะ 5 คนขึ้นมาแล้วบอกว่าพอใจ อยู่เฉย ๆ ไม่ทำอะไรอย่างไร พอรัฐบาลจะออก หาสาเหตุว่ายื่นแก้รัฐธรรมนูญเท่านั้นละครับ
ท่านพี่น้องทั้งประเทศ ท่านโปรดฟังนะครับ สาเหตุของคนพวกนี้ คือ ส.ส.ยื่นแก้รัฐธรรมนูญ และเขาเป็นอะไรกับรัฐธรรมนูญฉบับนี้ ทำไม ส.ส.ใช้สิทธิยื่นไม่ได้ ก็รัฐธรรมนูญเขียนไว้ว่าจะแก้ให้คนพวกนี้ แก้ 1-2-3-4 เขาอยู่ 1 ใน 4 นั่นละ เขายื่นขอแก้ และทำไมครับ หาเหตุออกมาประท้วง ฟังขึ้นไหมครับ ฟังไม่ขึ้น แต่เอาละครับ แม้จะชุมนุม เดี๋ยวจะว่าติดขัด ยึดเอาที่ไหน ถนนราชดำเนินครึ่งหนึ่ง จากโรงเรียนสตรีวิทยาถึงผ่านฟ้า บล็อกไว้เลยครับ รถจะติดบรรลัยวายวอดยังไงฉันจะชุมนุม จัดการคนทนไม่ได้ ไล่ตีห้างร้านกันแตก ยกขบวนมาจะมาล้อมทำเนียบ ตำรวจเขาก็ป้องกัน บอกความผิดของตำรวจ ไม่ใช่ความผิดของม็อบที่มาเลยครับ ม็อบทำถูกต้องเลย เพราะม็อบจะไปทำเนียบ แต่ตำรวจมากันไว้ ม็อบเลยต้องอยู่ตรงนี้ เป็นความผิดของตำรวจที่มากัน ฟังแล้วเป็นยังไงครับ มันข้าง ๆ คู ๆ ไหมครับ เตรียมการกันที่ถ่ายออกมาให้ดูนั้น น่ากลัวไหมครับ ดูแล้วมันน่ากลัว ภาพออกไปทั่วโลก แต่อยู่หยิบมือหนึ่งทางโน้นละครับ
เพราะฉะนั้น ขอย้ำนะครับ ผมใช้เวลาเกือบจะครบชั่วโมงแล้ว มาพูดวันนี้เพื่อจะบอก หนึ่ง ให้พี่น้องประชาชนทั้งประเทศที่เป็นเจ้าของประเทศ 60 กว่าล้านคน 63 ล้านคน ถ้าได้ฟังผมได้ยินวันนี้ท่านต้องอยู่ในความสงบสบายใจว่าไม่มีปัญหาอะไรอื่น แต่ว่าสำหรับคนที่ไปคิดร่วมอยู่กับเขา ท่านจะกลับไปอยู่บ้านตอนนี้ หรือจะฟังที่ไหน ใครเป็นญาติพี่น้องก็บอกด้วย ไม่มีเหตุผลจะไปร่วมกับคนพวกนี้ ถ้ายังอยากจะด่าทอไปหาที่ ไปจัดการหาที่ อยู่ตรงนี้ไม่ได้ ผมย้ำต้องฟังตรงนี้เป็นครั้งที่ 3 ว่า ผมได้ดำเนินการเตรียมการไว้พร้อมแล้ว ทั้งตำรวจทั้งทหาร ถ้ายังดื้อรั้นจะทำยังไง ถามเถอะโล่ เขน ที่จะทำ สู้กับใครครับ จะรบกับใครครับ และเป้าหมายอยู่ที่ใคร อยากจะให้ใครมาเป็นหัวหน้าคณะปฏิวัติยึดอำนาจบ้านเมืองนี้อีก ทำได้ไหมครับเวลานี้ สถานการณ์ไม่มี ทุกอย่างก็เป็นเข้าใจกันดีหมด รัฐบาลกับทางฝ่ายความมั่นคงก็เข้าใจกันดี ตำรวจก็จะทำหน้าที่ แล้วงานของบ้านเมืองเราก็กำลังดำเนินไป สิทธิเสรีภาพในการดุด่าว่ากล่าว ทำกันสิครับ เขียนไปครับ ผมก็อดทน ฝ่ายค้านจะอบรมผมยังไง ผมก็รับฟังดี เรื่องดีผมก็เอามาช่วยแก้ไข เรื่องไม่ดีผมก็หัวเราะนิดหน่อย ก็ธรรมดา
ขอได้โปรดได้เข้าใจนะครับว่า รายการนี้ไม่ได้มาท้าตีท้าต่อย แต่มีหน้าที่ต้องมาบอกให้รู้ก่อน ให้พี่น้องประชาชนทั้งประเทศได้รู้ว่าสถานการณ์บ้านเมืองนี้ เอาอยู่ครับ และเรื่องพรรค์อย่างนี้จะต้องไม่เกิดขึ้นอีก ผมมีหน้าที่จะต้องรับผิดชอบ และเพื่อความเป็นธรรม บอกให้รู้เสียก่อน ไม่มีการดุด่าอะไรหรอกครับ แต่ว่าตำรวจเขาจะต้องทำตามหน้าที่ คุณต้องรื้อของคุณออกด้วยตัวคุณเองก่อน ถ้าคุณไม่รื้อ ตำรวจจะรื้อ ขอให้รู้นะครับว่า พูดอย่างนี้เพื่อให้คนทั้งประเทศรู้ว่าเราเป็นรัฐบาล ผมมีหน้าที่ต้องรับผิดชอบ ผมรับผิดชอบเรื่องนี้ และผมจะรับผิดชอบทุกอย่างที่ตำรวจและทหารทำ ผมเป็นนายกรัฐมนตรีนะครับ ไม่ใช่ใครที่ไหนอื่น และโปรดอย่ามาชี้หน้าด่าผมว่าเป็นรัฐบาลหุ่น ไม่หรอกครับ ผมเป็นรัฐบาลถ้าจะพูดกันสำนวน ผมไม่อยากใช้ถ้อยคำนี้ แต่ว่าตามสำนวนของราชการเขาใช้ว่า รัฐบาลในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ผมเฝ้าฯ ถวายสัตย์ปฏิญาณ ผมจะทำหน้าที่ของผม ไม่คิดว่าจะต้องอ้างเจ้าฟ้าเจ้าแผ่นดิน แต่สุดท้ายนี้ถ้าไม่บอกให้รู้ไว้ จะได้รู้ว่ารัฐบาลนี้มาโดยความถูกต้อง ผมจะทำหน้าที่ของผม ท่านโปรดพิจารณาให้ดีนะครับ คงเท่านี้นะครับ ครบเวลา 1 ชั่วโมงพอดี ขอบพระคุณท่านพี่น้องทั้งประเทศที่นั่งฟังอยู่นะครับ ขอยืนยันว่าทุกอย่างเรียบร้อย และจะไม่มีปัญหา และอย่าได้วิตก ผมจะทำหน้าที่ของผม สวัสดีนะครับ ลาก่อนครับ พรุ่งนี้เจอกันครับ
--กลุ่มยุทธศาสตร์และแผนการประชาสัมพันธ์ สำนักโฆษก--