คณะนักศึกษาที่เข้าร่วมโครงการยุวโฆษก รุ่นที่ 4 จำนวน 80 คน เข้าเยี่ยมคารวะ นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ เพื่อรับโอวาทในโอกาสที่เดินทางมาทัศนศึกษาที่ทำเนียบรัฐบาล
วันนี้ เวลา 10.00 น. ณ ตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาล พลตำรวจโท วิเชียรโชติ สุกโชติรัตน์ โฆษก ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ได้นำคณะนักศึกษาที่เข้าร่วมโครงการยุวโฆษก รุ่นที่ 4 จำนวน 80 คน เข้าเยี่ยมคารวะ นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ เพื่อรับโอวาทใน โอกาสที่เดินทางมาทัศนศึกษาที่ทำเนียบรัฐบาล โดยมี รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี (นางสาวศุภรัตน์ นาคบุญนำ และนางสาววีรินทร์ทิรา นาทองบ่อจรัส) ร่วมในการต้อนรับคณะยุวโฆษกด้วย
โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีได้กล่าวรายงานว่า โครงการยุวโฆษก มีวัตถุประสงค์เพื่อสร้างเครือข่ายเยาวชนในการเผยแพร่ข้อมูลข่าวสารของรัฐบาลแก่ประชาชน ผ่านกระบวนการให้ความรู้เกี่ยวกับนโยบายและ ผลการดำเนินงานของรัฐบาล การศึกษาดูงาน และกิจกรรมกลุ่ม ตลอดจนพัฒนาศักยภาพของเยาวชนให้รู้จักการคิดและวิเคราะห์อย่างมีเหตุผล
เยาวชนที่เข้าร่วมโครงการในครั้งนี้ มีอายุระหว่าง 18-22 ปี ที่ผ่านการคัดเลือกมาจากสถาบันการศึกษา ทั่วประเทศ จำนวน 80 คน โดยพิจารณาจากมุมมองและแนวคิดเกี่ยวกับประโยชน์ประเทศชาติและประชาชน อันเกิดจากนโยบายและการดำเนินงานของรัฐบาล ตลอดจนความรู้ ความเข้าใจในบทบาทของแยาวชนต่อการสนับสนุนงานประชาสัมพันธ์ของรัฐบาล
สำหรับกิจกรรมโครงการฯ ประกอบด้วย การเข้าเยี่ยมคารวะ และรับฟังโอวาทจากรองนายกรัฐมนตรี การรับความรู้จากวิทยากรผู้ทรงคุณวุฒิด้านต่าง ๆ การศึกษาดูงานในพื้นที่ดำเนินงานตามนโยบายของรัฐบาล และการฝึกปฏิบัติกิจกรรมกลุ่มในหลากหลายรูปแบบ ระหว่างวันที่ 26 - 30 พฤษภาคม 2551 รวม 5 วัน
โอกาสนี้ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ได้กล่าวให้โอวาทแก่ยุวโฆษก รุ่นที่ 4ว่า โครงการยุวโฆษกถือว่าเป็นโครงการที่ประสบความสำเร็จ เพราะดำเนินการติดต่อมาเป็นเวลา 4 ปี ที่สามารถนำเยาวชนที่มีจิตใจรักการเป็นผู้ประชาสัมพันธ์ ซึ่งเปรียบเสมือนคนกลางในการทำความเข้าใจระหว่างรัฐบาลกับ ประชาชน หรือองค์กรต่าง ๆ
นับเป็นโอกาสอันดีที่เยาวชนทุกคนได้รับการคัดเลือกเข้ามาร่วมกิจกรรมโครงการยุวโฆษกในครั้งนี้ เพราะการจะทำหน้าที่โฆษกได้นั้น ต้องเป็นผู้ที่มีความสามารถในการสื่อสารเพื่อสร้างความเข้าใจกับหน่วยงาน องค์กร หรือกลุ่มบุคคลไปสู่ประชาชนเป็นจำนวนมาก การเป็นโฆษกต้องมีบุคลิกความเป็นผู้นำ และเป็นผู้ได้รับความเชื่อถือจากบุคคลที่ใกล้ชิด และต้องฝึกให้มีภาวะความเชื่อมั่นในตัวเองด้วย โดยเฉพาะการใช้คำพูดที่ เหมาะสม ซึ่งเป็นความรู้ที่ติดัวและสามารถนำไปใช้ได้ทุกโอกาส
รองนายกรัฐมนตรีกล่าวในฐานะรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการว่า รู้สึกชื่นชมและยินดีที่เห็นเด็กและเยาวชน ต่างมีความรู้ ความสามารถ มีความเป็นผู้นำ และมีความสามารถเป็นพิเศษจนได้รับการคัดเลือกให้มาเป็นยุวโฆษก รัฐบาลชุดนี้ เป็นรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งของประชาชน เพราะประเทศไทยเป็นประเทศที่ใช้ระบอบประชาธิปไตย ซึ่งนโยบายของรัฐบาลมุ่งที่จะฟื้นฟูระบอบประชาธิปไตยให้มั่นคงและแข็งแรง เป็นระบอบที่ทำเพื่อประชาชนโดยส่วนรวม และประชาชนส่วนใหญ่ได้รับประโยชน์อย่างแท้จริง
นโยบายของรัฐบาล มีจุดมุ่งหมายสำคัญคือประชาชนต้องเป็นหลักคือเป็นจุดศูนย์กลาง โดยทำให้ ประชาชนมีความสุข มีความเจริญก้าวหน้า มีภาวะการครองชีพด้านเศรษฐกิจที่ดีขึ้น มีรายจ่ายที่ลดลง มีรายได้เพิ่มขึ้น บุคคลกลุ่มใดที่คิดทำลายประชาชน ทำให้ประชาชนเสียโอกาส เกิดปัญหาในการดำเนินชีวิตอย่างสงบสุขตามระบอบประชาธิปไตยแล้ว คน ๆ นั้นย่อมถือว่าไม่ใช่คนที่รักระบอบประชาธิปไตย
รองนายกรัฐมนตรีกล่าวต่อไปว่า นโยบายเร่งด่วนของรัฐบาลมีหลายด้าน โดยเฉพาะ นโยบายด้านการฟื้นฟูระบอบประชาธิปไตยให้มั่นคงยั้งยืน และนโยบายฟื้นฟูระบบเศรษฐกิจให้เกิดการหมุนเวียน อาทิ โครงการพัฒนาศักยภาพหมู่บ้านและชุมชน (SML) ที่กระจายอำนาจไปสู่การตัดสินใจของประชาชน เพื่อการพัฒนาท้องถิ่นให้ยั่งยืน โดยรัฐบาลได้จัดสรรงบประมาณและให้ประชาชนได้คิดริเริ่มจัดทำโครงการต่าง ๆ กันเอง
นอกจากนี้ รัฐบาลได้จัดทำโครงการกองทุนหมู่บ้าน เพื่อให้ประชาชนในท้องถิ่นได้กู้ยืม นำไปลงทุนในการประกอบอาชีพ ส่วนนโยบายด้านการศึกษานั้น รัฐบาลได้ให้ความสำคัญเป็นอย่างมาก โดยจัดสรรงบประมาณให้กับกระทรวงศึกษาธิการ 330,000 กว่าล้านบาท เพื่อให้คนไทยได้รับการศึกษาที่ดีมีคุณภาพอย่างทั่วถึง พร้อมยกระดับการเรียนการสอนด้วยการพัฒนาบุคลากรด้านการศึกษา โดยเฉพาะครู เพื่อให้ทันต่อวิวัฒนาการของการศึกษายุคใหม่ ควบคู่กับการสร้างมาตรฐานให้กับโรงเรียนทุกแห่งให้มีคุณภาพใกล้เคียงกันมากที่สุด เช่น การจัดทำโรงเรียนในฝัน โดยเลียนแบบจากโรงเรียนที่เก่ง ๆ เพื่อให้เป็นโรงเรียนต้นแบบที่ดี และจะทำในทุกอำเภอ
รองนายกรัฐมนตรีได้กล่าวต่อไปว่า รัฐบาลชุดนี้ได้ดำเนินการจัดทำโครงการหนึ่งตำบลหนึ่งทุน ต่อจาก รัฐบาลของพันตำรวจโททักษิณ ชินวัตร ที่ได้ริ่เริ่มขึ้นมา ขณะนี้รัฐบาลกำลังคัดเลือกนักศึกษาเพื่อส่งไปศึกษาในต่างประเทศ บุคลากรของชาติจะได้มีคนเก่งและคนดีเพิ่มมากยิ่งขึ้น
ตอนท้ายรองนายกรัฐมนตรี ได้ขอให้ยุวโฆษกนำสิ่งที่ได้รับรู้จากการเข้าร่วมโครงการฯ นำไปถ่ายทอดและสื่อสารให้กับคนใกล้ชิดและบุคคลอื่น ๆ ได้รับทราบอย่างถูกต้อง พร้อมขอให้ทุกคนได้ใช้ช่วงเวลาที่อยู่ร่วมกัน 5 วัน ให้เกิดประโยชน์อย่างสูงสุด และขอให้ทุกคนเก็บเกี่ยววันเวลาในช่วงนาทีทองนี้ ซึ่งถือเป็นครั้งหนึ่งในชีวิตของทุกคนที่มีโอกาสดีกว่าคนอื่น ได้ทำความรู้จักกันให้มาก ๆ เพราะอนาคตในวันข้างหน้าทุกคนย่อมพบปะและรู้จัก กับผู้คนที่มีหลากหลายรูปแบบมากยิ่งขึ้น เมื่อจบโครงการนี้ การติดต่อถึงกันย่อมเป็นสิ่งที่ดีที่สามารถสร้างสรรค์ให้ทุกคนอยู่ในโลกที่สวยงามและมีอนาคตที่ดี และหวังว่าโครงการยุวโฆษกจะเป็นประโยชน์ต่อทุกคน และต่อ รัฐบาลที่หวังว่าทุกคนจะเป็นตัวแทนในการสื่อสารที่ดีไปสู่ประชาชนโดยทั่วถึงกัน
จากนั้น โฆษก/รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีได้ร่วมกันมอบของที่ระลึกจากนายกรัฐมนตรีให้กับยุวโฆษกทุกคน ก่อนนำยุวโฆษกเยี่ยมชมทำเนียบรัฐบาล
--กลุ่มยุทธศาสตร์และแผนการประชาสัมพันธ์ สำนักโฆษก--
วันนี้ เวลา 10.00 น. ณ ตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาล พลตำรวจโท วิเชียรโชติ สุกโชติรัตน์ โฆษก ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ได้นำคณะนักศึกษาที่เข้าร่วมโครงการยุวโฆษก รุ่นที่ 4 จำนวน 80 คน เข้าเยี่ยมคารวะ นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ เพื่อรับโอวาทใน โอกาสที่เดินทางมาทัศนศึกษาที่ทำเนียบรัฐบาล โดยมี รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี (นางสาวศุภรัตน์ นาคบุญนำ และนางสาววีรินทร์ทิรา นาทองบ่อจรัส) ร่วมในการต้อนรับคณะยุวโฆษกด้วย
โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีได้กล่าวรายงานว่า โครงการยุวโฆษก มีวัตถุประสงค์เพื่อสร้างเครือข่ายเยาวชนในการเผยแพร่ข้อมูลข่าวสารของรัฐบาลแก่ประชาชน ผ่านกระบวนการให้ความรู้เกี่ยวกับนโยบายและ ผลการดำเนินงานของรัฐบาล การศึกษาดูงาน และกิจกรรมกลุ่ม ตลอดจนพัฒนาศักยภาพของเยาวชนให้รู้จักการคิดและวิเคราะห์อย่างมีเหตุผล
เยาวชนที่เข้าร่วมโครงการในครั้งนี้ มีอายุระหว่าง 18-22 ปี ที่ผ่านการคัดเลือกมาจากสถาบันการศึกษา ทั่วประเทศ จำนวน 80 คน โดยพิจารณาจากมุมมองและแนวคิดเกี่ยวกับประโยชน์ประเทศชาติและประชาชน อันเกิดจากนโยบายและการดำเนินงานของรัฐบาล ตลอดจนความรู้ ความเข้าใจในบทบาทของแยาวชนต่อการสนับสนุนงานประชาสัมพันธ์ของรัฐบาล
สำหรับกิจกรรมโครงการฯ ประกอบด้วย การเข้าเยี่ยมคารวะ และรับฟังโอวาทจากรองนายกรัฐมนตรี การรับความรู้จากวิทยากรผู้ทรงคุณวุฒิด้านต่าง ๆ การศึกษาดูงานในพื้นที่ดำเนินงานตามนโยบายของรัฐบาล และการฝึกปฏิบัติกิจกรรมกลุ่มในหลากหลายรูปแบบ ระหว่างวันที่ 26 - 30 พฤษภาคม 2551 รวม 5 วัน
โอกาสนี้ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ได้กล่าวให้โอวาทแก่ยุวโฆษก รุ่นที่ 4ว่า โครงการยุวโฆษกถือว่าเป็นโครงการที่ประสบความสำเร็จ เพราะดำเนินการติดต่อมาเป็นเวลา 4 ปี ที่สามารถนำเยาวชนที่มีจิตใจรักการเป็นผู้ประชาสัมพันธ์ ซึ่งเปรียบเสมือนคนกลางในการทำความเข้าใจระหว่างรัฐบาลกับ ประชาชน หรือองค์กรต่าง ๆ
นับเป็นโอกาสอันดีที่เยาวชนทุกคนได้รับการคัดเลือกเข้ามาร่วมกิจกรรมโครงการยุวโฆษกในครั้งนี้ เพราะการจะทำหน้าที่โฆษกได้นั้น ต้องเป็นผู้ที่มีความสามารถในการสื่อสารเพื่อสร้างความเข้าใจกับหน่วยงาน องค์กร หรือกลุ่มบุคคลไปสู่ประชาชนเป็นจำนวนมาก การเป็นโฆษกต้องมีบุคลิกความเป็นผู้นำ และเป็นผู้ได้รับความเชื่อถือจากบุคคลที่ใกล้ชิด และต้องฝึกให้มีภาวะความเชื่อมั่นในตัวเองด้วย โดยเฉพาะการใช้คำพูดที่ เหมาะสม ซึ่งเป็นความรู้ที่ติดัวและสามารถนำไปใช้ได้ทุกโอกาส
รองนายกรัฐมนตรีกล่าวในฐานะรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการว่า รู้สึกชื่นชมและยินดีที่เห็นเด็กและเยาวชน ต่างมีความรู้ ความสามารถ มีความเป็นผู้นำ และมีความสามารถเป็นพิเศษจนได้รับการคัดเลือกให้มาเป็นยุวโฆษก รัฐบาลชุดนี้ เป็นรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งของประชาชน เพราะประเทศไทยเป็นประเทศที่ใช้ระบอบประชาธิปไตย ซึ่งนโยบายของรัฐบาลมุ่งที่จะฟื้นฟูระบอบประชาธิปไตยให้มั่นคงและแข็งแรง เป็นระบอบที่ทำเพื่อประชาชนโดยส่วนรวม และประชาชนส่วนใหญ่ได้รับประโยชน์อย่างแท้จริง
นโยบายของรัฐบาล มีจุดมุ่งหมายสำคัญคือประชาชนต้องเป็นหลักคือเป็นจุดศูนย์กลาง โดยทำให้ ประชาชนมีความสุข มีความเจริญก้าวหน้า มีภาวะการครองชีพด้านเศรษฐกิจที่ดีขึ้น มีรายจ่ายที่ลดลง มีรายได้เพิ่มขึ้น บุคคลกลุ่มใดที่คิดทำลายประชาชน ทำให้ประชาชนเสียโอกาส เกิดปัญหาในการดำเนินชีวิตอย่างสงบสุขตามระบอบประชาธิปไตยแล้ว คน ๆ นั้นย่อมถือว่าไม่ใช่คนที่รักระบอบประชาธิปไตย
รองนายกรัฐมนตรีกล่าวต่อไปว่า นโยบายเร่งด่วนของรัฐบาลมีหลายด้าน โดยเฉพาะ นโยบายด้านการฟื้นฟูระบอบประชาธิปไตยให้มั่นคงยั้งยืน และนโยบายฟื้นฟูระบบเศรษฐกิจให้เกิดการหมุนเวียน อาทิ โครงการพัฒนาศักยภาพหมู่บ้านและชุมชน (SML) ที่กระจายอำนาจไปสู่การตัดสินใจของประชาชน เพื่อการพัฒนาท้องถิ่นให้ยั่งยืน โดยรัฐบาลได้จัดสรรงบประมาณและให้ประชาชนได้คิดริเริ่มจัดทำโครงการต่าง ๆ กันเอง
นอกจากนี้ รัฐบาลได้จัดทำโครงการกองทุนหมู่บ้าน เพื่อให้ประชาชนในท้องถิ่นได้กู้ยืม นำไปลงทุนในการประกอบอาชีพ ส่วนนโยบายด้านการศึกษานั้น รัฐบาลได้ให้ความสำคัญเป็นอย่างมาก โดยจัดสรรงบประมาณให้กับกระทรวงศึกษาธิการ 330,000 กว่าล้านบาท เพื่อให้คนไทยได้รับการศึกษาที่ดีมีคุณภาพอย่างทั่วถึง พร้อมยกระดับการเรียนการสอนด้วยการพัฒนาบุคลากรด้านการศึกษา โดยเฉพาะครู เพื่อให้ทันต่อวิวัฒนาการของการศึกษายุคใหม่ ควบคู่กับการสร้างมาตรฐานให้กับโรงเรียนทุกแห่งให้มีคุณภาพใกล้เคียงกันมากที่สุด เช่น การจัดทำโรงเรียนในฝัน โดยเลียนแบบจากโรงเรียนที่เก่ง ๆ เพื่อให้เป็นโรงเรียนต้นแบบที่ดี และจะทำในทุกอำเภอ
รองนายกรัฐมนตรีได้กล่าวต่อไปว่า รัฐบาลชุดนี้ได้ดำเนินการจัดทำโครงการหนึ่งตำบลหนึ่งทุน ต่อจาก รัฐบาลของพันตำรวจโททักษิณ ชินวัตร ที่ได้ริ่เริ่มขึ้นมา ขณะนี้รัฐบาลกำลังคัดเลือกนักศึกษาเพื่อส่งไปศึกษาในต่างประเทศ บุคลากรของชาติจะได้มีคนเก่งและคนดีเพิ่มมากยิ่งขึ้น
ตอนท้ายรองนายกรัฐมนตรี ได้ขอให้ยุวโฆษกนำสิ่งที่ได้รับรู้จากการเข้าร่วมโครงการฯ นำไปถ่ายทอดและสื่อสารให้กับคนใกล้ชิดและบุคคลอื่น ๆ ได้รับทราบอย่างถูกต้อง พร้อมขอให้ทุกคนได้ใช้ช่วงเวลาที่อยู่ร่วมกัน 5 วัน ให้เกิดประโยชน์อย่างสูงสุด และขอให้ทุกคนเก็บเกี่ยววันเวลาในช่วงนาทีทองนี้ ซึ่งถือเป็นครั้งหนึ่งในชีวิตของทุกคนที่มีโอกาสดีกว่าคนอื่น ได้ทำความรู้จักกันให้มาก ๆ เพราะอนาคตในวันข้างหน้าทุกคนย่อมพบปะและรู้จัก กับผู้คนที่มีหลากหลายรูปแบบมากยิ่งขึ้น เมื่อจบโครงการนี้ การติดต่อถึงกันย่อมเป็นสิ่งที่ดีที่สามารถสร้างสรรค์ให้ทุกคนอยู่ในโลกที่สวยงามและมีอนาคตที่ดี และหวังว่าโครงการยุวโฆษกจะเป็นประโยชน์ต่อทุกคน และต่อ รัฐบาลที่หวังว่าทุกคนจะเป็นตัวแทนในการสื่อสารที่ดีไปสู่ประชาชนโดยทั่วถึงกัน
จากนั้น โฆษก/รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีได้ร่วมกันมอบของที่ระลึกจากนายกรัฐมนตรีให้กับยุวโฆษกทุกคน ก่อนนำยุวโฆษกเยี่ยมชมทำเนียบรัฐบาล
--กลุ่มยุทธศาสตร์และแผนการประชาสัมพันธ์ สำนักโฆษก--