นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เป็นประธานในพิธีเปิดโครงการยุวโฆษณา รุ่นที่ 4 โดยมี นางสาวศุภรัตน์ นาคบุญนำ และ นางสาววีรินทร์ทิรา นาทองบ่อจรัส ร่วมเสวนา เรื่อง "แนวนโยบายการบริหารงานของรัฐบาล"
วันนี้ เวลา 09.30 น. ณ ห้องตาลฟ้า แสนปาล์ม เทรนนิ่ง โฮม จังหวัดนครปฐม นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เป็นประธานในพิธีเปิดโครงการยุวโฆษณา รุ่นที่ 4 โดยมี รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี (นางสาวศุภรัตน์ นาคบุญนำ และ นางสาววีรินทร์ทิรา นาทองบ่อจรัส) ร่วมเสวนา เรื่อง "แนวนโยบายการบริหารงานของรัฐบาล" แก่นักศึกษาจากสถาบันการศึกษาต่าง ๆ ที่เข้าร่วมโครงการฯ ระหว่างวันที่ 25-30 พฤษภาคม 2551 จำนวน 80 คน จัดโดย สำนักโฆษก สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี
นายสมบัติ วัฒน์พานิช ผู้อำนวยการสำนักโฆษก ได้กล่าวรายงานว่า โครงการ "ยุวโฆษก" มีวัตถุประสงค์เพื่อสร้างเครือข่ายเยาวชน และเป็นสื่อบุคคลช่วยเผยแพร่ข้อมูลข่าวสารของรัฐบาลแก่ประชาชนและชุมชนของตน ผ่านกระบวนการให้ความรู้เกี่ยวกับนโยบาย และผลการดำเนินงานของรัฐบาล การศึกษาดูงาน และกิจกรรมกลุ่ม
เยาวชนที่เข้าร่วมโครงการฯ มีอายุระหว่าง 18-22 ปี ที่ได้ผ่านการคัดเลือกมาจากสถาบันการศึกษา ทั่วประเทศ จำนวน 80 คน โดยพิจารณาจากมุมมอง และแนวคิด เกี่ยวกับประโยชน์ต่อประเทศชาติและประชาชน อันเกิดจากนโยบายและการดำเนินงานของรัฐบาล ตลอดจนความรู้ความเข้าใจในบทบาทของเยาวชนต่อการสนับสนุนงานประชาสัมพันธ์ของรัฐบาล
โอกาสนี้ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ได้กล่าวเปิดโครงการยุวโฆษก รุ่น 4 ว่า โครงการนี้เป็นโครงการที่เปิดโอกาสให้เยาวชนได้มีส่วนร่วมในกิจกรรมของภาครัฐ โดยมุ่งเน้นให้เยาวชนได้เรียนรู้และเข้าใจนโยบายการบริหารราชการแผ่นดิน ที่จะสร้างเสถียรภาพและความมั่นคงก้าวหน้าในการพัฒนาเศรษฐกิจ สังคม การเมืองการปกครอง และสร้างความสมานฉันท์ให้เกิดขึ้น เพื่อประโยชน์สุขของประเทศชาติและประชาชน ชาวไทยทุกคน โดยยึดหลักการมีส่วนร่วมของประชาชนทุกระดับ
บุคลากรที่มาร่วมในโครงการยุวโฆษกทุกคน ถือเป็นบุคลากรอันทรงคุณค่าทางด้านการเมือง เศรษฐกิจ สังคมของประเทศไทยในอนาคต ซึ่งจะมีบทบาทและภาระหน้าที่ที่จะต้องรับผิดชอบบ้านเมืองในสถานะต่าง ๆ และการที่นักศึกษาตัดสินใจเข้ามาร่วมโครงการนี้ ถือเป็นเครื่องบ่งชี้ว่า ทุกคนที่มามีความสนใจใส่เรียนรู้ และหาประสบการณ์ที่จะพัฒนาตนเองอยู่ตลอดเวลา การที่ทุกคนสนใจเรื่องของการบริหารบ้านเมือง และสถานการณ์ของประเทศ โดยมีความมุ่งมั่นที่จะเข้ามาสัมผัสกับการทำงานของระบบการเมืองในระยะใกล้ ก็เพื่อที่จะได้มุมมอง ได้รายละเอียด หลักการคิด แนวทางในการที่จะพัฒนาตนเอง และพร้อมที่จะเรียนรู้ให้มากยิ่งขึ้น
รองโฆษกฯ กล่าวชื่นชมนักศึกษาทุกคนที่เข้าร่วมโครงการฯ ว่า ต่างเล็งเห็นประโยชน์อันจะเกิดขึ้นจากการเข้าร่วมโครงการฯ และได้ใช้เวลาอันมีค่าของตนเองเข้าร่วมกิจกรรมในครั้งนี้ พร้อมกล่าวอวยพรให้การจัดโครงการยุวโฆษก รุ่นที่ 4 ประสบความสำเร็จ และบรรลุวัตถุประสงค์ตามที่ตั้งไว้ทุกประการ
จากนั้น คณะรองโฆษกฯ ได้ร่วมเสวนา เรื่อง "แนวนโยบายการบริหารงานของรัฐบาล" ซึ่งสรุปสาระสำคัญว่า รัฐบาลชุดนี้มีความแน่วแน่ที่จะสานต่อนโยบายของรัฐบาลที่ พันตำรวจโท ทักษิณ ชินวัตร เคย ดำเนินการไปแล้ว เพราะเห็นว่าเป็นนโยบายที่ดีและประชาชนได้รับผลประโยชน์อย่างแท้จริง อาทิ โครงการ 30 บาทรักษาทุกโรค โครงการพัฒนาศักยภาพหมู่บ้าน/ชุมชน (SML) โครงการกองทุนหมู่บ้าน โครงการกองทุนกู้ยืมเพื่อการศึกษา และการประกาศสงครามกับยาเสพติด เป็นต้น ซึ่งรัฐบาลได้มีการพัฒนาบางโครงการ และปรับปรุงบางโครงการที่มีจุดอ่อนให้เป็นจุดแข็ง
นอกจากนี้ รัฐบาลได้เพิ่มรายได้ให้กับประชาชนที่ด้อยโอกาสทุกภาคส่วน เพื่อให้มีรายได้และความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น โดยเฉพาะกลุ่มเกษตรกร ชาวไร่ ชาวนา ซึ่งขณะนี้รัฐบาลได้พยายามแก้ไขปัญหาราคาข้าว และปัญหาราคาพืชผลทางการเกษตร รวมทั้งราคาปาล์ม ซึ่งถือเป็นพืชพลังงานทดแทน ที่ รัฐบาลให้ความสำคัญ ขณะเดียวกันรัฐบาลได้ประกาศเพิ่มค่าครองชีพให้กับข้าราชการและลูกจ้างตั้งแต่ระดับ 1-5 โดยบวกเพิ่มอีก 6% ของเงินเดือน พร้อมส่งเสริมด้านการลงทุน ควบคู่กับการพัฒนาระบบคมนาคมทางบก อาทิ โครงการก่อสร้างสะพานเศรษฐกิจที่ภาคใต้ โดยคณะรัฐมนตรีอนุมัติโครงการ เชื่อมโยงการคมนาคม เพื่อเพิ่มศักยภาพในการพัฒนาระบบการขนส่งอย่างเป็นระบบ จะได้เกิดสะดวกคล่องตัว และสามารถลดต้นทุนในการขนส่งสินค้า
ด้านสังคม รัฐบาลมีนโยบายส่งเสริมคุณภาพชีวิตของคนไทยทุกคนให้ดีขึ้น พร้อมทั้งดูแลเรื่องการรักษาสิ่งแวดล้อม โดยเพิ่มพื้นที่สีเขียวด้วยการปลูกป่าให้มีจำนวนมากขึ้น เพราะถือเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งต่อระบบนิเวศน์ที่สามารถลดความรุนแรงจากภัยธรรมชาติได้
ด้านการท่องเที่ยว รัฐบาลมีนโยบายที่จะยกระดับการท่องเที่ยวของไทยให้เป็นที่รู้จักของ ชาวต่างชาติมากยิ่งขึ้น พร้อมเพิ่มมาตรการด้านการรักษาความปลอดภัยให้กับนักท่องเที่ยว เพิ่มพื้นที่ให้การสถานที่ท่องเที่ยวต่าง ๆ โดยจะเร่งพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวของไทยให้มีศักยภาพ เช่น เกาะช้าง ควบคู่กับการรักษาขนบธรรมเนียบ วัฒนธรรมที่ดีของไทย เพราะถือเป็นมรดกอันล้ำค่าของชาติ และเพิ่ม มาตรการในการดูแลรักษาโบราณสถานอย่างเข้มงวดอีกด้วย
จากนั้น คณะรองโฆษกฯ ได้ร่วมกันถ่ายทอดความรู้ และประสบการณ์ที่กว่าจะได้มาเป็นนักการเมืองต้องผ่านเรื่องราว และอุปสรรคต่าง ๆ ให้นักศึกษาที่เข้าร่วมโครงการได้รับทราบ เพื่อที่จะได้นำไปเป็นข้อคิด หรือแนวทางในการปรับเปลี่ยนวิถีชีวิตของตนเองให้ก้าวไปสู่จุดมุ่งหมายตามที่ทุกคนต้องการ โดยเฉพาะการเป็นนักการเมืองที่ดี ซึ่งจะนำพาประเทศชาติไปสู่ความเจริญก้าวหน้าในอนาคตข้างหน้า ต่อไป
--กลุ่มยุทธศาสตร์และแผนการประชาสัมพันธ์ สำนักโฆษก--
วันนี้ เวลา 09.30 น. ณ ห้องตาลฟ้า แสนปาล์ม เทรนนิ่ง โฮม จังหวัดนครปฐม นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เป็นประธานในพิธีเปิดโครงการยุวโฆษณา รุ่นที่ 4 โดยมี รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี (นางสาวศุภรัตน์ นาคบุญนำ และ นางสาววีรินทร์ทิรา นาทองบ่อจรัส) ร่วมเสวนา เรื่อง "แนวนโยบายการบริหารงานของรัฐบาล" แก่นักศึกษาจากสถาบันการศึกษาต่าง ๆ ที่เข้าร่วมโครงการฯ ระหว่างวันที่ 25-30 พฤษภาคม 2551 จำนวน 80 คน จัดโดย สำนักโฆษก สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี
นายสมบัติ วัฒน์พานิช ผู้อำนวยการสำนักโฆษก ได้กล่าวรายงานว่า โครงการ "ยุวโฆษก" มีวัตถุประสงค์เพื่อสร้างเครือข่ายเยาวชน และเป็นสื่อบุคคลช่วยเผยแพร่ข้อมูลข่าวสารของรัฐบาลแก่ประชาชนและชุมชนของตน ผ่านกระบวนการให้ความรู้เกี่ยวกับนโยบาย และผลการดำเนินงานของรัฐบาล การศึกษาดูงาน และกิจกรรมกลุ่ม
เยาวชนที่เข้าร่วมโครงการฯ มีอายุระหว่าง 18-22 ปี ที่ได้ผ่านการคัดเลือกมาจากสถาบันการศึกษา ทั่วประเทศ จำนวน 80 คน โดยพิจารณาจากมุมมอง และแนวคิด เกี่ยวกับประโยชน์ต่อประเทศชาติและประชาชน อันเกิดจากนโยบายและการดำเนินงานของรัฐบาล ตลอดจนความรู้ความเข้าใจในบทบาทของเยาวชนต่อการสนับสนุนงานประชาสัมพันธ์ของรัฐบาล
โอกาสนี้ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ได้กล่าวเปิดโครงการยุวโฆษก รุ่น 4 ว่า โครงการนี้เป็นโครงการที่เปิดโอกาสให้เยาวชนได้มีส่วนร่วมในกิจกรรมของภาครัฐ โดยมุ่งเน้นให้เยาวชนได้เรียนรู้และเข้าใจนโยบายการบริหารราชการแผ่นดิน ที่จะสร้างเสถียรภาพและความมั่นคงก้าวหน้าในการพัฒนาเศรษฐกิจ สังคม การเมืองการปกครอง และสร้างความสมานฉันท์ให้เกิดขึ้น เพื่อประโยชน์สุขของประเทศชาติและประชาชน ชาวไทยทุกคน โดยยึดหลักการมีส่วนร่วมของประชาชนทุกระดับ
บุคลากรที่มาร่วมในโครงการยุวโฆษกทุกคน ถือเป็นบุคลากรอันทรงคุณค่าทางด้านการเมือง เศรษฐกิจ สังคมของประเทศไทยในอนาคต ซึ่งจะมีบทบาทและภาระหน้าที่ที่จะต้องรับผิดชอบบ้านเมืองในสถานะต่าง ๆ และการที่นักศึกษาตัดสินใจเข้ามาร่วมโครงการนี้ ถือเป็นเครื่องบ่งชี้ว่า ทุกคนที่มามีความสนใจใส่เรียนรู้ และหาประสบการณ์ที่จะพัฒนาตนเองอยู่ตลอดเวลา การที่ทุกคนสนใจเรื่องของการบริหารบ้านเมือง และสถานการณ์ของประเทศ โดยมีความมุ่งมั่นที่จะเข้ามาสัมผัสกับการทำงานของระบบการเมืองในระยะใกล้ ก็เพื่อที่จะได้มุมมอง ได้รายละเอียด หลักการคิด แนวทางในการที่จะพัฒนาตนเอง และพร้อมที่จะเรียนรู้ให้มากยิ่งขึ้น
รองโฆษกฯ กล่าวชื่นชมนักศึกษาทุกคนที่เข้าร่วมโครงการฯ ว่า ต่างเล็งเห็นประโยชน์อันจะเกิดขึ้นจากการเข้าร่วมโครงการฯ และได้ใช้เวลาอันมีค่าของตนเองเข้าร่วมกิจกรรมในครั้งนี้ พร้อมกล่าวอวยพรให้การจัดโครงการยุวโฆษก รุ่นที่ 4 ประสบความสำเร็จ และบรรลุวัตถุประสงค์ตามที่ตั้งไว้ทุกประการ
จากนั้น คณะรองโฆษกฯ ได้ร่วมเสวนา เรื่อง "แนวนโยบายการบริหารงานของรัฐบาล" ซึ่งสรุปสาระสำคัญว่า รัฐบาลชุดนี้มีความแน่วแน่ที่จะสานต่อนโยบายของรัฐบาลที่ พันตำรวจโท ทักษิณ ชินวัตร เคย ดำเนินการไปแล้ว เพราะเห็นว่าเป็นนโยบายที่ดีและประชาชนได้รับผลประโยชน์อย่างแท้จริง อาทิ โครงการ 30 บาทรักษาทุกโรค โครงการพัฒนาศักยภาพหมู่บ้าน/ชุมชน (SML) โครงการกองทุนหมู่บ้าน โครงการกองทุนกู้ยืมเพื่อการศึกษา และการประกาศสงครามกับยาเสพติด เป็นต้น ซึ่งรัฐบาลได้มีการพัฒนาบางโครงการ และปรับปรุงบางโครงการที่มีจุดอ่อนให้เป็นจุดแข็ง
นอกจากนี้ รัฐบาลได้เพิ่มรายได้ให้กับประชาชนที่ด้อยโอกาสทุกภาคส่วน เพื่อให้มีรายได้และความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น โดยเฉพาะกลุ่มเกษตรกร ชาวไร่ ชาวนา ซึ่งขณะนี้รัฐบาลได้พยายามแก้ไขปัญหาราคาข้าว และปัญหาราคาพืชผลทางการเกษตร รวมทั้งราคาปาล์ม ซึ่งถือเป็นพืชพลังงานทดแทน ที่ รัฐบาลให้ความสำคัญ ขณะเดียวกันรัฐบาลได้ประกาศเพิ่มค่าครองชีพให้กับข้าราชการและลูกจ้างตั้งแต่ระดับ 1-5 โดยบวกเพิ่มอีก 6% ของเงินเดือน พร้อมส่งเสริมด้านการลงทุน ควบคู่กับการพัฒนาระบบคมนาคมทางบก อาทิ โครงการก่อสร้างสะพานเศรษฐกิจที่ภาคใต้ โดยคณะรัฐมนตรีอนุมัติโครงการ เชื่อมโยงการคมนาคม เพื่อเพิ่มศักยภาพในการพัฒนาระบบการขนส่งอย่างเป็นระบบ จะได้เกิดสะดวกคล่องตัว และสามารถลดต้นทุนในการขนส่งสินค้า
ด้านสังคม รัฐบาลมีนโยบายส่งเสริมคุณภาพชีวิตของคนไทยทุกคนให้ดีขึ้น พร้อมทั้งดูแลเรื่องการรักษาสิ่งแวดล้อม โดยเพิ่มพื้นที่สีเขียวด้วยการปลูกป่าให้มีจำนวนมากขึ้น เพราะถือเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งต่อระบบนิเวศน์ที่สามารถลดความรุนแรงจากภัยธรรมชาติได้
ด้านการท่องเที่ยว รัฐบาลมีนโยบายที่จะยกระดับการท่องเที่ยวของไทยให้เป็นที่รู้จักของ ชาวต่างชาติมากยิ่งขึ้น พร้อมเพิ่มมาตรการด้านการรักษาความปลอดภัยให้กับนักท่องเที่ยว เพิ่มพื้นที่ให้การสถานที่ท่องเที่ยวต่าง ๆ โดยจะเร่งพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวของไทยให้มีศักยภาพ เช่น เกาะช้าง ควบคู่กับการรักษาขนบธรรมเนียบ วัฒนธรรมที่ดีของไทย เพราะถือเป็นมรดกอันล้ำค่าของชาติ และเพิ่ม มาตรการในการดูแลรักษาโบราณสถานอย่างเข้มงวดอีกด้วย
จากนั้น คณะรองโฆษกฯ ได้ร่วมกันถ่ายทอดความรู้ และประสบการณ์ที่กว่าจะได้มาเป็นนักการเมืองต้องผ่านเรื่องราว และอุปสรรคต่าง ๆ ให้นักศึกษาที่เข้าร่วมโครงการได้รับทราบ เพื่อที่จะได้นำไปเป็นข้อคิด หรือแนวทางในการปรับเปลี่ยนวิถีชีวิตของตนเองให้ก้าวไปสู่จุดมุ่งหมายตามที่ทุกคนต้องการ โดยเฉพาะการเป็นนักการเมืองที่ดี ซึ่งจะนำพาประเทศชาติไปสู่ความเจริญก้าวหน้าในอนาคตข้างหน้า ต่อไป
--กลุ่มยุทธศาสตร์และแผนการประชาสัมพันธ์ สำนักโฆษก--