นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี เป็นประธานพิธีเปิดการประชุมและมอบนโยบายแก่เอกอัครราชทูตและกงสุลใหญ่ทั่วโลก ประจำปี 2551 พร้อมร่วมรับประทานอาหารกลางวัน ณ วิเทศสโมสร กระทรวงการต่างประเทศ
นายกรัฐมนตรี เป็นประธานพิธีเปิดการประชุมมอบนโยบายและให้ข้อคิดเห็นเกี่ยวกับทิศทางการดำเนินงานด้านการต่างประเทศ และบทบาทของกระทรวงการต่างประเทศ ในการสนับสนุนนโยบายด้านการต่างประเทศและเศรษฐกิจระหว่างประเทศ ของรัฐบาล โดยมีนายมิ่งขวัญ แสงสุวรรณ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์และนายนภดล ปัทมะ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ โดยมีเอกอัครราชทูตและกงสุล ณ ต่างประเทศทั่วโลก เข้าร่วมรับฟังนโยบายด้วย
นายกรัฐมนตรีได้กล่าวในโอกาสนี้ว่า นโยบายการต่างประเทศและบทบาทของกระทรวงการต่างประเทศมีเป้าหมายและลำดับสำคัญ คือ การส่งเสริมความสัมพันธ์กับประเทศเพื่อนบ้าน การส่งเสริมความร่วมมือภายในอาเซียน บทบาทสร้างสรรค์ของไทยในเวทีระหว่างประเทศ ส่งเสริมหุ้นส่วนความร่วมมือภายใต้กรอบสหประชาชาติ การดำเนินการทางการทูตเชิงรุกเพื่อประชาชน รวมทั้ง การคุ้มครองผลประโยชน์ของประชาชนในต่างประเทศด้วย นายกรัฐมนตรียังได้กล่าวต่อไปว่า ตลอดระยะเวลาที่เข้ามาบริหารประเทศ ในฐานะนายกรัฐมนตรีได้เดินทางเยือนประเทศสมาชิกอาเซียน เพื่อแนะนำตัวแล้ว 8 ประเทศ ประกอบด้วย สปป. ลาว กัมพูชา สหภาพพม่า สิงคโปร์ อินโดนีเซีย มาเลเซีย เวียดนามและฟิลิปปินส์ โดยได้พบกับประมุขและผู้นำประเทศต่างๆ และได้มีการแลกเปลี่ยนข้อคิดเห็นและหารือความร่วมมือทั้งในระดับทวิภาคีและพหุภาคี อาทิ ความร่วมมือด้านการท่องเที่ยว หรือ อาเซียนลูป (ASEAN Loop) การเชื่อมโยงเส้นทางคมนาคม ความร่วมมือเพื่อความมั่นคงด้านพลังงานและอาหาร ความร่วมมือด้านเศรษฐกิจ การขยายการค้าและการลงทุน เป็นต้น
ในตอนท้าย นายกรัฐมนตรีได้สรุปว่า เอกอัครราชทูต คือ ผู้แทนประเทศ ถือเป็นหน่วยงานที่สำคัญ ต้องรักษาเกียรติยศ เกียรติภูมิประเทศชาติ และต้องมีการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง ยิ่งไปกว่านั้น เอกอัครราชทูตและกงสุล จะต้องมีความรู้ความเข้าใจเรื่องบ้านเมืองเป็นอย่างดี เพื่อไม่ต้องวิตกกังวลหรือหวาดกลัวก่อน แล้วจึงสามารถสร้างความเข้าใจแก่นักลงทุน นักธุรกิจและชาวต่างประเทศได้ สำหรับสถานการณ์ภายในประเทศขณะนี้ นายกรัฐมนตรีกล่าวยืนยันว่า ไม่น่าห่วงใย
--กลุ่มยุทธศาสตร์และแผนการประชาสัมพันธ์ สำนักโฆษก--
นายกรัฐมนตรี เป็นประธานพิธีเปิดการประชุมมอบนโยบายและให้ข้อคิดเห็นเกี่ยวกับทิศทางการดำเนินงานด้านการต่างประเทศ และบทบาทของกระทรวงการต่างประเทศ ในการสนับสนุนนโยบายด้านการต่างประเทศและเศรษฐกิจระหว่างประเทศ ของรัฐบาล โดยมีนายมิ่งขวัญ แสงสุวรรณ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์และนายนภดล ปัทมะ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ โดยมีเอกอัครราชทูตและกงสุล ณ ต่างประเทศทั่วโลก เข้าร่วมรับฟังนโยบายด้วย
นายกรัฐมนตรีได้กล่าวในโอกาสนี้ว่า นโยบายการต่างประเทศและบทบาทของกระทรวงการต่างประเทศมีเป้าหมายและลำดับสำคัญ คือ การส่งเสริมความสัมพันธ์กับประเทศเพื่อนบ้าน การส่งเสริมความร่วมมือภายในอาเซียน บทบาทสร้างสรรค์ของไทยในเวทีระหว่างประเทศ ส่งเสริมหุ้นส่วนความร่วมมือภายใต้กรอบสหประชาชาติ การดำเนินการทางการทูตเชิงรุกเพื่อประชาชน รวมทั้ง การคุ้มครองผลประโยชน์ของประชาชนในต่างประเทศด้วย นายกรัฐมนตรียังได้กล่าวต่อไปว่า ตลอดระยะเวลาที่เข้ามาบริหารประเทศ ในฐานะนายกรัฐมนตรีได้เดินทางเยือนประเทศสมาชิกอาเซียน เพื่อแนะนำตัวแล้ว 8 ประเทศ ประกอบด้วย สปป. ลาว กัมพูชา สหภาพพม่า สิงคโปร์ อินโดนีเซีย มาเลเซีย เวียดนามและฟิลิปปินส์ โดยได้พบกับประมุขและผู้นำประเทศต่างๆ และได้มีการแลกเปลี่ยนข้อคิดเห็นและหารือความร่วมมือทั้งในระดับทวิภาคีและพหุภาคี อาทิ ความร่วมมือด้านการท่องเที่ยว หรือ อาเซียนลูป (ASEAN Loop) การเชื่อมโยงเส้นทางคมนาคม ความร่วมมือเพื่อความมั่นคงด้านพลังงานและอาหาร ความร่วมมือด้านเศรษฐกิจ การขยายการค้าและการลงทุน เป็นต้น
ในตอนท้าย นายกรัฐมนตรีได้สรุปว่า เอกอัครราชทูต คือ ผู้แทนประเทศ ถือเป็นหน่วยงานที่สำคัญ ต้องรักษาเกียรติยศ เกียรติภูมิประเทศชาติ และต้องมีการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง ยิ่งไปกว่านั้น เอกอัครราชทูตและกงสุล จะต้องมีความรู้ความเข้าใจเรื่องบ้านเมืองเป็นอย่างดี เพื่อไม่ต้องวิตกกังวลหรือหวาดกลัวก่อน แล้วจึงสามารถสร้างความเข้าใจแก่นักลงทุน นักธุรกิจและชาวต่างประเทศได้ สำหรับสถานการณ์ภายในประเทศขณะนี้ นายกรัฐมนตรีกล่าวยืนยันว่า ไม่น่าห่วงใย
--กลุ่มยุทธศาสตร์และแผนการประชาสัมพันธ์ สำนักโฆษก--