รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานระบุขณะนี้กระทรวงพลังงานเร่งรณรงค์การใช้พลังงานทดแทนแทนน้ำมันที่มีราคาสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง เตรียมเสนอเรื่องเข้าครม.เศรษฐกิจวันจันทร์นี้
วันนี้ เมื่อเวลา 11.30 น. พลโทหญิง พูนภิรมย์ ลิปตพัลลภ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน กล่าวในรายการ “คุยนอกทำเนียบกับทีมโฆษกรัฐบาล” ทางคลื่น FM 92.5 สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย ถึงสถานการณ์ราคาน้ำมันที่มีแนวโน้มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องโดยเฉพาะน้ำมันเบนซินอาจสูงถึงลิตรละ 50 บาท และดีเซลลิตรละ 40 บาทภายในปลายปีนี้ว่า มีความเป็นไปได้ที่ราคาน้ำมันจะยังคงปรับตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง เพราะมีปัจจัยภายนอกหลายอย่าง โดยเฉพาะการเก็งกำไรน้ำมัน อย่างไรก็ตาม ทางกระทรวงพลังงานได้ออกมาตรการประหยัดพลังงาน ส่งเสริมการใช้พลังงานทดแทน เช่น แก๊สโซฮอล์ อี 20 เอทานอล รวมถึงก๊าซธรรมชาติเอ็นจีวี ซึ่งขณะนี้มีสถานีบริการอยู่ 234 สถานี และจะเพิ่มเป็น 300 สถานีในเดือนตุลาคม และ 355 สถานีในเดือนธันวาคมนี้ อีกทั้งยังเร่งการสร้างสถานีบริการขนาดใหญ่ Super Station เพิ่มขึ้นอีก 5 แห่งในเดือนตุลาคม และอีก 3 แห่งในเดือนธันวาคม
ส่วนที่เป็นห่วงกันว่าพืชพลังงานที่ส่งเสริมจะมาแย่งพืชอาหารนั้น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานยืนยันว่า ประเทศไทยไม่ได้อยู่ในสภาวการณ์ที่ขาดแคลน เพราะเราเป็นประเทศเกษตรกรรม และพืชพลังงานที่นำมาใช้เป็นคนละชนิดกับพืชอาหาร ซึ่งขณะนี้โรงงานที่ผลิตเอทานอลส่วนใหญ่ใช้กากน้ำตาลผลิต ซึ่งสามารถผลิตเอทานอลได้วันละ 1.5 ล้านลิตร รวมทั้ง กำลังจะมีการสร้างโรงงานที่ผลิตเอทานอลจากกากน้ำตาลอีก 11 แห่งภายในปี 2552 เพราะฉะนั้น กำลังการผลิตเอทานอลยังเพียงพอต่อความต้องการใช้ในประเทศ ขณะเดียวกันก็ส่งเสริมให้ส่งออกเอทานอลด้วย
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน กล่าวว่า กระทรวงพลังงานเตรียมเสนอเรื่องการส่งเสริมการใช้แก๊สโซฮอล์ อี 85 และการขยายเส้นทางเอ็นจีวีให้พร้อมภายในเดือนกรกฎาคมนี้ เข้าที่ประชุมคณะรัฐมนตรีด้านเศรษฐกิจพิจารณาในวันจันทร์ที่ 26 พฤษภาคมนี้ ซึ่งในส่วนของแก๊สโซฮอล์ อี 85 นั้นขณะนี้วัตถุดิบมีเพียงพอ แต่ปัญหาอยู่ที่รถยนต์ที่ใช้อี 85 จะต้องเป็นรถยนต์ที่มีความเป็นพิเศษกว่ารถทั่วไป เพราะอี 85 จะมีความกัดกร่อนมากกว่าเอทานอลปกติ ทั้งนี้ ได้หารือรอบนอกกับค่ายรถญี่ปุ่นและยุโรปแล้ว ซึ่งพร้อมที่จะผลิต และบางค่ายพร้อมที่จะนำเข้ารถที่ใช้อี 85 มาได้ภายในเวลา 3-4 เดือนเท่านั้น หรือถ้าประกอบในไทยก็ใช้เวลาประมาณ 1-1 ปีครึ่ง อย่างไรก็ตาม ทาง ปตท. ได้สั่งรถที่ใช้อี 85 เข้ามาทดสอบ 3 คัน ส่วนราคารถที่ใช้อี 85 นั้นจะแพงกว่ารถปกติประมาณไม่เกิน 25 เปอร์เซ็นต์
นอกจากนี้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานได้ขอให้ผู้ใช้รถหันมาใช้แก๊สเอ็นจีวีแทนแก๊สแอลพีจี เนื่องจากขณะนี้เราต้องนำเข้าแก๊สแอลพีจี ประมาณเกือบ 2 หมื่นตัน เพื่อให้พอเพียงต่อความต้องการของผู้ใช้ทั้งภาคขนส่ง ภาคอุตสาหกรรม และภาคครัวเรือน และในเร็ว ๆ นี้ราคาแอลพีจีจะประกาศลอยตัวตามตลาดโลกแน่นอน รวมทั้งขณะนี้ทางกระทรวงพลังงานได้นำเงินกองทุนอนุรักษ์พลังงานให้ ปตท. กู้ยืมในอัตราดอกเบี้ยต่ำ เพื่อติดตั้งแก๊สเอ็นจีวีให้แก่รถแท็กซี่โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย และยังติดตั้งแก๊สเอ็นจีวีให้กลุ่มรถร่วมบริการของ ขสมก วงเงิน 2,000 ล้านบาทด้วย
--กลุ่มยุทธศาสตร์และแผนการประชาสัมพันธ์ สำนักโฆษก--
วันนี้ เมื่อเวลา 11.30 น. พลโทหญิง พูนภิรมย์ ลิปตพัลลภ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน กล่าวในรายการ “คุยนอกทำเนียบกับทีมโฆษกรัฐบาล” ทางคลื่น FM 92.5 สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย ถึงสถานการณ์ราคาน้ำมันที่มีแนวโน้มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องโดยเฉพาะน้ำมันเบนซินอาจสูงถึงลิตรละ 50 บาท และดีเซลลิตรละ 40 บาทภายในปลายปีนี้ว่า มีความเป็นไปได้ที่ราคาน้ำมันจะยังคงปรับตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง เพราะมีปัจจัยภายนอกหลายอย่าง โดยเฉพาะการเก็งกำไรน้ำมัน อย่างไรก็ตาม ทางกระทรวงพลังงานได้ออกมาตรการประหยัดพลังงาน ส่งเสริมการใช้พลังงานทดแทน เช่น แก๊สโซฮอล์ อี 20 เอทานอล รวมถึงก๊าซธรรมชาติเอ็นจีวี ซึ่งขณะนี้มีสถานีบริการอยู่ 234 สถานี และจะเพิ่มเป็น 300 สถานีในเดือนตุลาคม และ 355 สถานีในเดือนธันวาคมนี้ อีกทั้งยังเร่งการสร้างสถานีบริการขนาดใหญ่ Super Station เพิ่มขึ้นอีก 5 แห่งในเดือนตุลาคม และอีก 3 แห่งในเดือนธันวาคม
ส่วนที่เป็นห่วงกันว่าพืชพลังงานที่ส่งเสริมจะมาแย่งพืชอาหารนั้น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานยืนยันว่า ประเทศไทยไม่ได้อยู่ในสภาวการณ์ที่ขาดแคลน เพราะเราเป็นประเทศเกษตรกรรม และพืชพลังงานที่นำมาใช้เป็นคนละชนิดกับพืชอาหาร ซึ่งขณะนี้โรงงานที่ผลิตเอทานอลส่วนใหญ่ใช้กากน้ำตาลผลิต ซึ่งสามารถผลิตเอทานอลได้วันละ 1.5 ล้านลิตร รวมทั้ง กำลังจะมีการสร้างโรงงานที่ผลิตเอทานอลจากกากน้ำตาลอีก 11 แห่งภายในปี 2552 เพราะฉะนั้น กำลังการผลิตเอทานอลยังเพียงพอต่อความต้องการใช้ในประเทศ ขณะเดียวกันก็ส่งเสริมให้ส่งออกเอทานอลด้วย
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน กล่าวว่า กระทรวงพลังงานเตรียมเสนอเรื่องการส่งเสริมการใช้แก๊สโซฮอล์ อี 85 และการขยายเส้นทางเอ็นจีวีให้พร้อมภายในเดือนกรกฎาคมนี้ เข้าที่ประชุมคณะรัฐมนตรีด้านเศรษฐกิจพิจารณาในวันจันทร์ที่ 26 พฤษภาคมนี้ ซึ่งในส่วนของแก๊สโซฮอล์ อี 85 นั้นขณะนี้วัตถุดิบมีเพียงพอ แต่ปัญหาอยู่ที่รถยนต์ที่ใช้อี 85 จะต้องเป็นรถยนต์ที่มีความเป็นพิเศษกว่ารถทั่วไป เพราะอี 85 จะมีความกัดกร่อนมากกว่าเอทานอลปกติ ทั้งนี้ ได้หารือรอบนอกกับค่ายรถญี่ปุ่นและยุโรปแล้ว ซึ่งพร้อมที่จะผลิต และบางค่ายพร้อมที่จะนำเข้ารถที่ใช้อี 85 มาได้ภายในเวลา 3-4 เดือนเท่านั้น หรือถ้าประกอบในไทยก็ใช้เวลาประมาณ 1-1 ปีครึ่ง อย่างไรก็ตาม ทาง ปตท. ได้สั่งรถที่ใช้อี 85 เข้ามาทดสอบ 3 คัน ส่วนราคารถที่ใช้อี 85 นั้นจะแพงกว่ารถปกติประมาณไม่เกิน 25 เปอร์เซ็นต์
นอกจากนี้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานได้ขอให้ผู้ใช้รถหันมาใช้แก๊สเอ็นจีวีแทนแก๊สแอลพีจี เนื่องจากขณะนี้เราต้องนำเข้าแก๊สแอลพีจี ประมาณเกือบ 2 หมื่นตัน เพื่อให้พอเพียงต่อความต้องการของผู้ใช้ทั้งภาคขนส่ง ภาคอุตสาหกรรม และภาคครัวเรือน และในเร็ว ๆ นี้ราคาแอลพีจีจะประกาศลอยตัวตามตลาดโลกแน่นอน รวมทั้งขณะนี้ทางกระทรวงพลังงานได้นำเงินกองทุนอนุรักษ์พลังงานให้ ปตท. กู้ยืมในอัตราดอกเบี้ยต่ำ เพื่อติดตั้งแก๊สเอ็นจีวีให้แก่รถแท็กซี่โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย และยังติดตั้งแก๊สเอ็นจีวีให้กลุ่มรถร่วมบริการของ ขสมก วงเงิน 2,000 ล้านบาทด้วย
--กลุ่มยุทธศาสตร์และแผนการประชาสัมพันธ์ สำนักโฆษก--