รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีเผยนายจักรภพ เพ็ญแข รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เตรียมชี้แจงและแจกเอกสารคำแปลบทบรรยายที่ FCCT 26 พ.ค.นี้ ย้ำขณะนี้รัฐมนตรียังไม่มีการตัดสินใจทางการเมืองใด ๆ
เมื่อเวลา 14.00 น. ณ ศูนย์แถลงข่าวรัฐบาล ตึกนารีสโมสร ทำเนียบรัฐบาล นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงว่า นายจักรภพ เพ็ญแข รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เตรียมแถลงข่าวแสดงความบริสุทธิ์ใจและนำเสนอเอกสารคำแปลบทบรรยายที่สมาคมผู้สื่อข่าวต่างประเทศแห่งประเทศไทย (FCCT) ซึ่งมีการถูกกล่าวหาว่ากระทบต่อสถาบันเบื้องสูง ในวันจันทร์ที่ 26 พฤษภาคมนี้ เวลา 14.00 น ณ ศูนย์แถลงข่าวรัฐบาล ตึกนารีสโมสร ทำเนียบรัฐบาล โดยระหว่างนี้รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีขอใช้เวลาในการรวบรวมความชัดเจนถูกต้องของคำแปลในเอกสารดังกล่าว เพราะกรณีดังกล่าวเป็นประเด็นที่ละเอียดอ่อนจำเป็นจะต้องมีการตรวจสอบความหมายของถ้อยคำในแต่ละถ้อยคำให้ตรงกับเจตนารมณ์ของผู้บรรยายอย่างครบถ้วนทุกตัวอักษร
ส่วนที่มีข่าวลือว่า นายจักรภพ เพ็ญแข รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี จะตัดสินใจอย่างใดอย่างหนึ่งทางการเมือง โดยเฉพาะการจะลาออกจากตำแหน่งนั้น รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ยืนยันว่ารัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรียังไม่ได้มีการตัดสินใจใดๆ รวมถึงไม่มีผู้ใหญ่ในพรรคพลังประชาชน หรือรัฐบาลมาเคลื่อนไหวกดดันให้ตัดสินใจทางการเมือง ซึ่งจะขอแสดงความบริสุทธิ์ใจและแถลงพร้อมกับนำเสนอเอกสารคำแปลบทบรรยายต่าง ๆ รวมทั้งจะตอบข้อซักถามของสื่อในทุกประเด็นทุกกรณี
“ประเด็นที่รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีถูกกล่าวหาอยู่ในขณะนี้นั้นเป็นประเด็นที่มีความสำคัญและมีความละเอียดอ่อนอย่างยิ่ง ไม่เฉพาะคนที่จะเป็นรัฐมนตรีในรัฐบาลเท่านั้น แม้แต่จะเป็นปุถุชนคนธรรมดาที่เป็นคนไทย ก็ไม่มีใครสามารถแบกรับข้อกล่าวหานี้ไว้ได้ เพียงแต่ว่าเมื่อข้อกล่าวหาดังกล่าวได้มีการเปิดเผยและแสดงออกมาต่างกรรมต่างวาระจากกลุ่มบุคคลที่เห็นว่าเป็นการกระทำอันมิชอบด้วยกฎหมาย เพราะฉะนั้น รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีจึงขอโอกาสจากประชาชนและสังคมในการจะได้แสดงความบริสุทธิ์ใจและเปิดเผยคำแปลของบทบรรยายดังกล่าว” รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีกล่าว
รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า เรื่องนี้หากพบว่ามีการกระทำความผิดจริง ก็ไม่มีคนไทยคนใดยอมรับได้ แต่การกระทำความผิดในเรื่องนี้ผู้ที่จะตัดสินต้องเป็นไปตามกระบวนการยุติธรรม เราไม่อาจตัดสินความจงรักภักดีของคนหนึ่งคนใดได้ด้วยข้อกล่าวหาของกลุ่มบุคคลที่ประกาศตัวเป็นฝ่ายตรงข้ามกันในทางการเมือง ทั้งนี้ หากรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีผ่านกระบวนการยุติธรรมและมีการชี้ว่ากระทำความผิดจริงจะต้องได้รับโทษสูงสุดตามกฎหมาย โดยไม่มีข้อยกเว้น เพราะฉะนั้น การตัดสินใจอย่างหนึ่งอย่างใดของรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีน่าจะเป็นการตัดสินใจภายใต้กระบวนการศาลสถิตยุติธรรมเท่านั้น หาใช่การตัดสินใจภายใต้ความเคลื่อนไหวของพรรคประชาธิปัตย์หรือกลุ่มบุคคลใด ๆ นอกเหนือจากกระบวนการยุติธรรม
ส่วนกรณีที่สมาชิกพรรคพลังประชาชนบางส่วนต้องการให้รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีพิจารณาตัวเองนั้น รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีก็พิจารณาตัวเองมาตลอด โดยเห็นว่ามีความจำเป็นที่จะต้องแถลงความบริสุทธิ์ใจด้วยตัวเอง เพราะข้อกล่าวหานี้ไม่ใช่ส่งผลให้พ้นจากตำแหน่งเท่านั้น แต่ยังส่งผลถึงทั้งชีวิต ครอบครัว วงศ์ตระกูลของผู้ถูกกล่าวหา จึงต้องให้โอกาส เวลา สำหรับเรื่องนี้
นอกจากนี้ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรียังกล่าวถึงกรณีกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย จะนัดชุมนุมใหญ่วันที่ 25 พฤษภาคมนี้ ที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย เพื่อคัดค้านกรณีที่สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) พรรคพลังประชาชนยื่นญัตติขอแก้ไขรัฐธรรมนูญ ปี 2550 ว่า รัฐบาลไม่วิตกกังวลเรื่องการชุมนุมใหญ่ในวันดังกล่าว เพราะได้ประเมินวิจารณญาณของประชาชนไว้สูงเป็นอย่างยิ่งว่า ไม่ต้องการให้เกิดความแตกแยก สร้างเงื่อนไขให้ประเทศอยู่ใต้อำนาจเผด็จการอีกแล้ว จึงอยากให้ประชาชนพิจารณาในการออกมาร่วมเคลื่อนไหวในวันดังกล่าวด้วย เพราะก่อนหน้านี้กลุ่มพันธมิตรฯ เรียกร้องให้ทำประชามติ ซึ่งล่าสุดนายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี จะขอให้คณะรัฐมนตรีอนุมัติทำประชามติเพื่อรับฟังความเห็นของประชาชนในเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ดังนั้น การแก้ไขรัฐธรรมนูญในครั้งนี้ จึงเป็นไปตามกระบวนการตามมาตรา 291 ของรัฐธรรมนูญ และข้อเรียกร้องของทุกฝ่าย จึงไม่มีเหตุที่จะนำไปสู่ความเคลื่อนไหวเพื่อสร้างความแตกแยก
--กลุ่มยุทธศาสตร์และแผนการประชาสัมพันธ์ สำนักโฆษก--
เมื่อเวลา 14.00 น. ณ ศูนย์แถลงข่าวรัฐบาล ตึกนารีสโมสร ทำเนียบรัฐบาล นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงว่า นายจักรภพ เพ็ญแข รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เตรียมแถลงข่าวแสดงความบริสุทธิ์ใจและนำเสนอเอกสารคำแปลบทบรรยายที่สมาคมผู้สื่อข่าวต่างประเทศแห่งประเทศไทย (FCCT) ซึ่งมีการถูกกล่าวหาว่ากระทบต่อสถาบันเบื้องสูง ในวันจันทร์ที่ 26 พฤษภาคมนี้ เวลา 14.00 น ณ ศูนย์แถลงข่าวรัฐบาล ตึกนารีสโมสร ทำเนียบรัฐบาล โดยระหว่างนี้รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีขอใช้เวลาในการรวบรวมความชัดเจนถูกต้องของคำแปลในเอกสารดังกล่าว เพราะกรณีดังกล่าวเป็นประเด็นที่ละเอียดอ่อนจำเป็นจะต้องมีการตรวจสอบความหมายของถ้อยคำในแต่ละถ้อยคำให้ตรงกับเจตนารมณ์ของผู้บรรยายอย่างครบถ้วนทุกตัวอักษร
ส่วนที่มีข่าวลือว่า นายจักรภพ เพ็ญแข รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี จะตัดสินใจอย่างใดอย่างหนึ่งทางการเมือง โดยเฉพาะการจะลาออกจากตำแหน่งนั้น รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ยืนยันว่ารัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรียังไม่ได้มีการตัดสินใจใดๆ รวมถึงไม่มีผู้ใหญ่ในพรรคพลังประชาชน หรือรัฐบาลมาเคลื่อนไหวกดดันให้ตัดสินใจทางการเมือง ซึ่งจะขอแสดงความบริสุทธิ์ใจและแถลงพร้อมกับนำเสนอเอกสารคำแปลบทบรรยายต่าง ๆ รวมทั้งจะตอบข้อซักถามของสื่อในทุกประเด็นทุกกรณี
“ประเด็นที่รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีถูกกล่าวหาอยู่ในขณะนี้นั้นเป็นประเด็นที่มีความสำคัญและมีความละเอียดอ่อนอย่างยิ่ง ไม่เฉพาะคนที่จะเป็นรัฐมนตรีในรัฐบาลเท่านั้น แม้แต่จะเป็นปุถุชนคนธรรมดาที่เป็นคนไทย ก็ไม่มีใครสามารถแบกรับข้อกล่าวหานี้ไว้ได้ เพียงแต่ว่าเมื่อข้อกล่าวหาดังกล่าวได้มีการเปิดเผยและแสดงออกมาต่างกรรมต่างวาระจากกลุ่มบุคคลที่เห็นว่าเป็นการกระทำอันมิชอบด้วยกฎหมาย เพราะฉะนั้น รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีจึงขอโอกาสจากประชาชนและสังคมในการจะได้แสดงความบริสุทธิ์ใจและเปิดเผยคำแปลของบทบรรยายดังกล่าว” รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีกล่าว
รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า เรื่องนี้หากพบว่ามีการกระทำความผิดจริง ก็ไม่มีคนไทยคนใดยอมรับได้ แต่การกระทำความผิดในเรื่องนี้ผู้ที่จะตัดสินต้องเป็นไปตามกระบวนการยุติธรรม เราไม่อาจตัดสินความจงรักภักดีของคนหนึ่งคนใดได้ด้วยข้อกล่าวหาของกลุ่มบุคคลที่ประกาศตัวเป็นฝ่ายตรงข้ามกันในทางการเมือง ทั้งนี้ หากรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีผ่านกระบวนการยุติธรรมและมีการชี้ว่ากระทำความผิดจริงจะต้องได้รับโทษสูงสุดตามกฎหมาย โดยไม่มีข้อยกเว้น เพราะฉะนั้น การตัดสินใจอย่างหนึ่งอย่างใดของรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีน่าจะเป็นการตัดสินใจภายใต้กระบวนการศาลสถิตยุติธรรมเท่านั้น หาใช่การตัดสินใจภายใต้ความเคลื่อนไหวของพรรคประชาธิปัตย์หรือกลุ่มบุคคลใด ๆ นอกเหนือจากกระบวนการยุติธรรม
ส่วนกรณีที่สมาชิกพรรคพลังประชาชนบางส่วนต้องการให้รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีพิจารณาตัวเองนั้น รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีก็พิจารณาตัวเองมาตลอด โดยเห็นว่ามีความจำเป็นที่จะต้องแถลงความบริสุทธิ์ใจด้วยตัวเอง เพราะข้อกล่าวหานี้ไม่ใช่ส่งผลให้พ้นจากตำแหน่งเท่านั้น แต่ยังส่งผลถึงทั้งชีวิต ครอบครัว วงศ์ตระกูลของผู้ถูกกล่าวหา จึงต้องให้โอกาส เวลา สำหรับเรื่องนี้
นอกจากนี้ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรียังกล่าวถึงกรณีกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย จะนัดชุมนุมใหญ่วันที่ 25 พฤษภาคมนี้ ที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย เพื่อคัดค้านกรณีที่สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) พรรคพลังประชาชนยื่นญัตติขอแก้ไขรัฐธรรมนูญ ปี 2550 ว่า รัฐบาลไม่วิตกกังวลเรื่องการชุมนุมใหญ่ในวันดังกล่าว เพราะได้ประเมินวิจารณญาณของประชาชนไว้สูงเป็นอย่างยิ่งว่า ไม่ต้องการให้เกิดความแตกแยก สร้างเงื่อนไขให้ประเทศอยู่ใต้อำนาจเผด็จการอีกแล้ว จึงอยากให้ประชาชนพิจารณาในการออกมาร่วมเคลื่อนไหวในวันดังกล่าวด้วย เพราะก่อนหน้านี้กลุ่มพันธมิตรฯ เรียกร้องให้ทำประชามติ ซึ่งล่าสุดนายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี จะขอให้คณะรัฐมนตรีอนุมัติทำประชามติเพื่อรับฟังความเห็นของประชาชนในเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ดังนั้น การแก้ไขรัฐธรรมนูญในครั้งนี้ จึงเป็นไปตามกระบวนการตามมาตรา 291 ของรัฐธรรมนูญ และข้อเรียกร้องของทุกฝ่าย จึงไม่มีเหตุที่จะนำไปสู่ความเคลื่อนไหวเพื่อสร้างความแตกแยก
--กลุ่มยุทธศาสตร์และแผนการประชาสัมพันธ์ สำนักโฆษก--